เมื่อได้ยินคำพูดของเสิ่นลี่หมินแล้วนั้น หลินหยางก็หัวเราะออกมายกใหญ่ ก่อนจะยกนิ้วให้เสิ่นลี่หมิน“ลุงเสิ่น ที่ลุงพูดมาก็มีเหตุผลนะ มันช่างลึกซึ้งจริงๆ ผมต้องเรียนรู้บ้างแล้ว”เสิ่นลี่หมินโบกมือปัดไปมาก่อนจะเอ่ยว่า " ผมเรียนหนังสือไม่เยอะ เป็นคนไม่มีความรู้ คำพูดก็จะมีติดหยาบนิดหน่อย อย่าหัวเราะเยาะผมเลยนายน้อย "“จะหัวเราะเยาะได้ยังไง อย่างที่สุภาษิตกล่าวไว้ว่า คำพูดที่แสนธรรมดา แต่คนฟังจะได้รับประโยชน์มากกว่าอ่านมาแล้วสิบปี! ก็เป็นเช่นนี้แหละ”หลินหยางยืนขึ้นเต็มความสูงแล้วไปหยิบไวน์มาหนึ่งขวดจากตู้เก็บไวน์ ล้วนแล้วแต่เป็นคอลเลคชั่นไวน์ชั้นดีที่มู่หรงยิ่นมอบให้ “ลุงเสิ่น ให้ผมดื่มอวยพรให้คุณสักแก้วนะครับ”สองมือของเสิ่นลี่หมินถือแก้วไวน์ไว้แล้วพูดว่า " นายน้อยโตขึ้นแล้ว ในสถานะของนายน้อยตอนนี้ ก็ยังคงรับครอบครัวของเราไว้อยู่ ยังช่วยเหลือครอบครัวของเรา ยังคงนั่งคุยเล่นแถมยังดื่มไวน์กับคนพิการอย่างผมอีก คนอย่างผมน่ะ ถือว่าเป็นเกียรติอย่างมากที่ได้ใกล้ชิดนายน้อย ช่างต่างกันนัก”“ลุงเสิ่น ไม่ต้องขี้โม้ผมได้แล้ว เดี๋ยวผมจะเหลิงเอานะ”หลังจากที่เสิ่นลี่หมินดื่มไวน์ไปสองสามแก้ว ทั่
“ลูกดูสิว่าพวกเรามาอยู่ที่นี่แค่สองวัน เกิดเรื่องอะไรขึ้นบ้าง? นายน้อยวันนี้ ฆ่าคนได้โดยไม่กะพริบตาด้วยซ้ำ โลกของเขากับโลกของเรามันห่างกันเหลือเกินลูก พวกเราเข้าไม่ถึงหรอก ถ้าพยายามเข้าหามัน เราจะมีแต่เจ็บตัวเปล่า ๆ” เสิ่นลี่หมินลูบหัวเสิ่นโย่วเวยเบา ๆ แล้วกล่าวขึ้นว่า “วันนี้ศัตรูก็มาถึงประตู อีกคนตายอีกคนบาดเจ็บ นายน้อยให้เราซื้อบ้านแล้วย้ายออกไป ถือเป็นเจตนาที่ดีนะ ที่เขาไม่อยากให้พวกเราเข้ามาพัวพัน ส่วนที่ลูกชอบนายน้อย ก็ให้เก็บไว้ในใจตลอดไปเถอะ” "บนโลกนี้มีรักที่ไร้วาสนาอยู่ถมเถไป และความเสียใจจะยังคงดำเนินไปตลอด!"“พ่อคะ แม่คะ สิ่งที่พ่อกับแม่พูดหนูเข้าใจ แต่เพียงแค่ตอนนี้ใจหนูยังเจ็บปวดอยู่ หนูอยากร้องไห้” เสิ่นโย่วเวยไม่เคยจะเข้าใจเหตุผลพวกนี้เลย “ร้องเถอะ ร้องไห้ออกมาแล้วจะดีขึ้น การชอบใครสักคนไม่ใช่เรื่องน่าอาย” หลิวจี๋หลันพูดปลอบใจเสิ่นโย่วเวยกอดแม่ของเธอแล้วร้องไห้อย่างขมขื่นหลินหยางที่กำลังขับรถอยู่นั้น จู่ๆ ก็จามออกมาเขาตรงมุ่งไปที่อาคารธุรการแห่งเมืองลั่ว จุดประสงค์ของการเดินทางคือตามหาเฉาเค่อหมิง หวังว่าจะขอให้เขาช่วยตรวจสอบไฟล์เกี่ยวกับอุบัติเหตุทางรถยน
“ชื่อเต็ม ๆ ของคุณหลิน ผมเองก็ไม่กล้าเรียก ถ้ารู้เร็วกว่านี้ว่าพวกคุณมีคุณหลินเป็นแบ็ค ให้ความกล้าหาญผมเต็มร้อย ผมก็ไม่กล้าไปรบกวนพวกคุณ”หลังจากที่ซุนเป้าพูดจบ ก็รีบพาลูกสมุนเขาออกไป “ถ้าหากว่าเป็นเขา.... เพื่อฉันแล้ว เขาฆ่าเว่ยต้ากังตายจริง ๆ เหรอ?”หลังจากที่ได้ยินคำตอบเหล่านี้แล้ว หลินหยี่โม่ก็ยังคงตกใจเหมือนเดิม เพิ่มเติมขึ้นมาคือความรู้สึกตื่นเต้น ในใจของเธอ หลินหยางทำร้ายเว่ยต้ากัง ก็เพื่อต้องการช่วยเธอ และในตอนนี้ที่ฆ่าเว่ยต้ากังไปแล้ว เพียงเพื่อจะช่วยบ้านของพวกเธอชำระหนี้ แล้วแบบนี้จะไม่เธอตื่นเต้นได้อย่างไร “เสี่ยวโม่ หลินหยางคือใคร?”หลินหย่วนจื้อรีบถาม“เพื่อนร่วมชั้นของหนูเอง คุณปู่ก็เคยเจอเขาแล้ว” หลินหยี่โม่กล่าว“นั่นคือคนที่ครั้งที่แล้วสามารถเอาชนะฉีเทียนหย่งได้เหรอ? แล้วเขายังกล้าฆ่าเว่ยต้ากังอีก? ”หลินเต๋อไห่ก็ตกใจไม่ต่างกัน หลินหยี่โม่พยักหน้า และหลินหย่วนจื้อจึงถามขึ้นด้วยความสับสน "เขาเอาชนะฉีเทียนหย่งได้ ไม่ได้ถูกตอบโต้เหรอ? งั้นฉีเทียนหย่งไม่ใช่ว่าจะรุกรานได้ง่าย ๆ เหรอ คุณลุงของเขาฉีอีซินก็เป็นถึงปรมาจารย์แห่งเมืองลั่วที่ให้สามนาทีต่อหน้าเขา"
หลินหยี่โม่ไม่ใช่คนโง่ เธอรู้ว่าคำพูดของคุณปู่มีเหตุผลอย่างแน่นอน แต่เธอเองก็ไม่ใช่คนเห็นแก่ตัว ในใจของหลินหยี่โม่ มีบุคลิกของหญิงสาววัยเยาว์ ที่ใฝ่หาความโรแมนติกขั้นอย่างสูงเธอไม่ได้โต้เถียงกับคนในครอบครัวของเธอ เธอรู้ว่าการโต้เถียงเช่นนั้นไม่มีประโยชน์อะไร“พวกเธอค่อยๆ คิดคำนวณดูเถอะ ฉันจะกลับห้องก่อน”หลังจากกลับมาถึงที่ห้อง สิ่งแรกที่หลินหยี่โม่ทำคือโทรหาหลินหยางหลินหยางรับสายโทรศัพท์ทั้งที่ยังขับรถอยู่ ไม่เกินกว่าที่คาดคิดไว้“หลินหยาง ขอบคุณนะ”คำแรกที่หลินหยี่โม่พูดหลังจากรับสายคือการขอบคุณ ในคำพูดแสดงให้เห็นถึงความตื่นเต้นอย่างลึกซึ้ง“แค่เรื่องเล็กน้อยน่า” หลินหยางกล่าว“จะเป็นแค่เรื่องเล็กน้อยได้ไงกัน สำหรับฉัน สำหรับครอบครัวฉันแล้ว การที่ฆ่าเว่ยต้ากังจนตาย ถือเป็นความเมตตาอันยิ่งใหญ่ ฉันเองก็ไม่รู้เลยว่าจะตอบแทนคุณได้อย่างไร”แท้จริงแล้วหลินหยี่โม่ตื่นเต้นจนยุ่งเหยิงไปหมด นี่คือเจ้าชายขี่ม้าขาวทรงเสน่ห์ที่เธอโหยหา!"เอ่อ……"หลินหยางพูดไม่ออก ว่าความจริงแล้วการที่เขาฆ่าเว่ยต้ากังส่วนหนึ่งก็เพื่อช่วยหลินหยี่โม่ แต่ไม่ใช่เหตุผลหลัก “คืนนี้คุณว่างไหม? เจอกันสั
หลินหยี่โม่มาถึงร้านอาหาร เห็นว่าหลินหยางนั่งรออยู่ด้านในแล้ว จึงเคลียร์ความรู้สึกตัวเองอยู่ชั่วครู่ แล้วมองไปที่กระจก ก่อนจะลงรถแล้วเข้าไปในร้าน "นายมาถึงนานแล้วเหรอ?"หลินหยี่โม่นั่งลงแล้วเอ่ยถาม"เพิ่งถึงน่ะ"หลินหยางมองตาของหลินหยี่โม่ที่อยู่ตรงหน้า ดวงตาตรงหน้ามีแสงสว่างขึ้นมา ราวกับว่าเห็นเงาตอนช่วงสมัยเรียนบนตัวของเธอ รูปร่างหน้าตาของหลินหยี่โม่นั้นไม่ดีเท่าความงามระดับแนวหน้าอย่างมู่หรงยิ่นและฉินโม่หนง แต่ก็ปฏิเสธไม่ได้ว่าเธอคือคนสวย เธอสูงและมีรูปร่างที่สมส่วน อารมณ์ที่หรูหราและสง่างามของเธอเข้ากับชุดของเธอได้อย่างลงตัว ไม่หรูหรา ไม่หวือหวาแต่มีเอกลักษณ์เฉพาะตัวเขากับหลินหยี่โม่เคยพบกันแล้วหลายครั้ง แต่ดวงตาก็ยังคงเปล่งแสงอยู่เช่นเดิม “ชุดที่เธอใส่มาวันนี้ ดูดีมากเลยนะ”เมื่อได้ยินคำชมของหลินหยาง ใบหน้าของหลินหยี่โม่เบ่งบานด้วยความดีใจผู้หญิงน่ะมักจะมีความสุขได้ง่าย ๆ หลินหยี่โม่รู้สึกขึ้นมาชั่วขณะว่าที่ทุ่มเทไปทั้งหมดไม่ได้สูญเปล่า "ขอบใจนะ"หลินหยี่โม่นั่งลง จากนั้นหลินหยางก็สั่งอาหารให้เธอ เธอยังสั่งแชมเปญพิเศษหนึ่งขวดหลินหยี่โม่ยกแก้วขึ้นแล้วพูดว่า "หลิน
คนงามร้องขอ แล้วจะทำให้ผิดหวังได้ยังไง?หลินหยางก็ไม่เกรงใจแม้แต่น้อยเช่นกัน ตอบรับคำร้องขอของหลินหยี่โม่ ตรงเข้าสู่ประเด็นทันทีหากเป็นช่วงเวลาก่อนวันนี้ เมื่อเผชิญกับการเป็นฝ่ายเริ่มเชิญชวนก่อนของหลินหยี่โม่ หลินหยางยังอาจใคร่ครวญอย่างรอบคอบก่อนลงมือแต่หลังจากผ่านการพูดคุยแบบเปิดใจกับเสิ่นลี่หมินมานับแต่โบราณวีรบุรุษก็มักเจ้าชู้ หากไม่ปล่อยตัวปล่อยใจสักหน่อยก็คงเสียทีที่เป็นวัยรุ่น หอกพุ่งผงาดออกไปอย่างภาคภูมิ เกี่ยวเก็บดอกไม้นับร้อยอย่างไม่เสียชื่อหลังจากนั้นเป็นเวลานาน เมฆฝนก็จางลง ทั่วทั้งร่างของหลินหยี่โม่อ่อนระทวยราวดินโคลน จากศีรษะจรดปลายเท้า แม้แต่เส้นผมและนิ้วเท้าก็เต็มไปด้วยกลิ่นอายที่ยากพรรณนาชนิดหนึ่ง ในใจมีความรู้สึกอิ่มเอมใจและเป็นสุขอย่างบอกไม่ถูกหลินหยี่โม่นอนอยู่ในอ้อมกอดของหลินหยางอย่างเกียจคร้านราวลูกแมวตัวน้อย ใช้นิ้ววาดวงกลมอยู่บนหน้าอกของเขา“นายร้ายกาจเกินไปไหม? สารภาพมาตามตรงนะ นางทำร้ายผู้หญิงมากี่คนแล้ว?” แม้หลินหยี่โม่จะไม่มีประสบการณ์ แต่ก็รับรู้ได้ว่าหลินหยางชำนาญเรื่องพรรค์นี้อย่างมาก จากเทคนิคและท่วงท่าๆ ต่างๆ เห็นได้ชัดว่าเป็นผู้ที่มีประสบก
“หลินหยาง ฉันหิวแล้ว” หลินหยี่โม่ที่อยู่ในผ้าห่มโผล่ออกมาแต่หัวแล้วออดอ้อน“ได้ ฉันจะป้อนเธอจนอิ่มเดี๋ยวนี้” หลินหยางพุ่งขึ้นเตียงไปทันที หลินหยี่โม่กระชับผ้าห่มแน่น“คนนิสัยไม่ดี นี่พึ่งเช้า นายอย่าทำเรื่องบ้าๆ นะ” “เช้ามาออกกำลังกายเสียหน่อย ทั้งเป็นการฝึกฝนร่างกายและช่วยเสริมกระดูกด้วย” หลินหยางเลิกผ้าห่มขึ้นแล้วมุดเข้าไปทันที จากนั้นกอดเอวอ้อนแอ้นดุจกิ่งหลิว ที่ราวจะรวบได้ในฝ่ามือเดียวไว้เอวเอสที่เรียวบางนี้ไม่เพียงแค่เป็นจุดที่มีเสน่ห์ที่สุดของหลินหยี่โม่ แต่ยังเป็นจุดที่อ่อนไหวที่สุดของเธอด้วย สุดท้ายเลยได้แต่ยอมให้หลินหยางทำตามอำเภอใจแสงตะวันสายหนึ่งส่องผ่านผ้าม่านห้องเข้ามา มือสองข้างของหลินหยางจับเอวอ้อนแอ้นที่พลิ้วไหวดั่งกิ่งหลิวต้องลมของหลินหยี่โม่ จากนั้นใช้ทักษะมังกรยักษ์บดขยี้ออกมาหลินหยี่โม่ที่เพิ่งเรียนรู้ก็ได้ลิ้มลองรสชาติอันแสนเพลิดเพลินเช่นกัน จึงดื่มด่ำอยู่ในความหฤหรรษ์ของการร่วมอภิรมย์ ราวกำลังลอยละล่องอยู่ในปุยเมฆโชคดีที่ที่นี่เป็นโรงแรมระดับห้าดาวที่มีคุณภาพสูงล้ำ จึงมีการเก็บเสียงที่ดีมาก ไม่เช่นนั้นเกรงว่าแม้แต่บริเวณทางเดิน ก็คงได้ยินเสียงควา
ชื่อเสียงของมู่หรงยิ่นในเมืองลั่วโด่งดังเกินไป สามารถกล่าวได้ว่าไม่มีใครไม่รู้จัก ไม่มีใครไม่เคยได้ยิน แต่เธอปรากฏตัวในที่สาธารณะน้อยเกินไป คนที่เคยเห็นเธอจึงมีไม่มากนักหลินหยี่โม่สงสัยอย่างมาก แอบมองไปทางห้องน้ำทีหนึ่ง เห็นหลินหยางยังคงอาบน้ำอยู่ หลังต่อสู้ทางความคิดอยู่ครู่หนึ่งจึงตัดสินใจรับโทรศัพท์ หยิบมาวางแนบหู “คุณหลิน ตื่นหรือยังคะ?” แม้คำสรรพนามที่มู่หรงยิ่นใช้เรียกหลินหยางจะธรรมดาอย่างมาก ทว่าหลินหยี่โม่ก็เป็นผู้หญิงคนหนึ่ง เธอจึงฟังออกถึงความไม่ธรรมดาในน้ำเสียง“เขากำลังอาบน้ำอยู่ค่ะ ถ้าคุณมีธุระกับเขา อีกครู่ค่อยโทรมาอีกครั้งนะคะ” แม้หลินหยี่โม่จะตัดสินจากเสียงไม่ได้ว่า นี่ใช่หญิงสาวที่มีชื่อเสียงที่สุดในเมืองลั่วหรือไม่ แต่เธอกลับได้กลิ่นของศัตรูหัวใจแล้ว จึงพูดขึ้นมาอย่างอดไม่ได้ที่คฤหาสน์ตระกูลมู่หรง มู่หรงยิ่นกำลังยืนอยู่ที่ระเบียงห้องนอน เดิมอารมณ์ดีอย่างมากจึงคิดจะโทรคุยเล่นหลินหยางเสียหน่อย ทว่าในโทรศัพท์กลับมีเสียงผู้หญิงดังออกมาแทนสีหน้าของมู่หรงยิ่นจึงเปลี่ยนไปในฉับพลัน ดึงมือถือจากข้างหูมาดูครั้งหนึ่ง จนมั่นใจว่าตนเองไม่ได้โทรผิด และตอนนี้ก็เพิ่งแปดโ
หลินหยางกล่าวอย่างสบาย ๆ รางวัล?คงไม่ใช่เป็นเพราะเขาเป็นลูกผู้ชายร่างกายกำยำใช่ไหม?เหยียนฮ่าวสีหน้าซีดขาวทันที คุกเข่าลงบนพื้นเสียงดังตึง “คุณหลิน ผมมีตาหามีแววไม่ คุณหลินได้โปรดยกโทษให้ผมด้วย!”หลินหยางจ้องมองเขาอย่างหมดคำพูดแวบหนึ่ง “จ้าวเจี้ยนชิงอยู่กับตระกูลเฉิง สมคบคิดกับชาวตงอิ๋งค้ายาเสพติด แกไปตรวจสอบให้ละเอียด นี่เป็นผลงานความดีความชอบครั้งใหญ่ใช่ไหม?”“ค้ายาเสพติด? เขากล้าขนาดนั้นเลยเหรอ?”เหยียนฮ่าวเหลือเชื่อ“นายลองไปตรวจสอบคลังสินค้าเทียนหนาน ที่นั่นเป็นจุดที่พวกมันขนส่งสินค้า” หลินหยางกล่าวอย่างสบาย ๆซ่งหว่านอวี๋เป็นคนบอกข่าวกรองนี้ด้วยตัวเอง โชคดีที่มหาปรมาจารย์หลินทำงานอย่างยากลำบากบนเตียงเหยียนฮ่าวดีใจเป็นล้นพ้นขึ้นมาทันที นี่ไม่เพียงแต่เป็นความสำเร็จที่ยิ่งใหญ่เท่านั้น แต่เป็นความดีความชอบที่โคตรยิ่งใหญ่ประเทศหลงอ่อนไหวต่อยาเสพติดมากที่สุด และจ้าวเจี้ยนชิงเข้าร่วมด้วย ปริมาณของยาเสพติดนั่นจะต้องไม่ใช่จำนวนน้อย ๆ แน่นอน!“ขอบพระคุณคุณหลิน! ผมจะไปจัดการเดี๋ยวนี้!”แม้แต่ความกังวลของเหยียนฮ่าวที่ถูกวางพิษกู่ ก็จางหายลงไปไม่น้อยรีบเรียกรวมคนแล้วออกไป กา
จ้าวเจี้ยนชิงตกตะลึงไปแล้ว “ราง รางวัลพลเมืองดีเด่น?”เฉิงคั่วร้อนใจ “คุณชายเหยียน หลินหยางฆ่าคนตายคาที่ ทุกคนเห็นกันหมด! คุณทำ...”เสียงเพี้ยะดังขึ้นทีหนึ่ง!เหยียนฮ่าวสะบัดฝ่ามือเข้าไปที่บนใบหน้าของเขา เขากล่าวเสียงขรึม “เมื่อครู่นี้แกเห็นอะไร?”“ผม...”เฉิงคั่วสีหน้าซีดขาว ภายใต้สีหน้าที่เย็นยะเยือกของเหยียนฮ่าว กลับไม่กล้าพูดอะไรอีกเขาเป็นปรมาจารย์บ้านนอกคนหนึ่ง จะล่วงเกินเหยียนฮ่าวไม่ได้อย่างเด็ดขาด!“พวกแกเห็นอะไร?”เหยียนฮ่าวกวาดสายตามองคนอื่นด้วยสีหน้าเย็นชาพร้อมกล่าวขึ้นอีกครั้งทั้งหมดนิ่งเงียบ“คดีของวันนี้ง่ายมาก!” เหยียนฮ่าวกล่าวด้วยน้ำเสียงเย็นยะเยือก “หวังเทียนเหิงรัฐมนตรีกรมอัยการสูงสุด กลั่นแกล้งประชาชน บังคับใช้กฎหมายที่รุนแรง!”“คุณหลินป้องกันตัวตามกฎหมาย ถือว่าเป็นการอพยพฉุกเฉิน!”“ผมพูดจบแล้ว มีใครเห็นด้วย มีใครคัดค้านไหม?”การอพยพฉุกเฉินสามารถฆ่าคนได้ตามใจชอบอย่างนั้นเหรอ? ไม่มีเหตุผล!ทุกคนตะลึงงันแต่ว่าภายใต้สายตาของเหยียนฮ่าว สีหน้าของทุกคนดูไม่ดีแต่ก็ไม่กล้าพูดอะไรมาก เพียงเพราะบิดาของเหยียนฮ่าวยังเป็นอธิบดีกรมอัยการสูงสุด คำพูดของเขาก็คือกฎหม
เหยียนฮ่าวรู้สึกหมดความอดทนอยู่บ้าง “อยากจะเจรจาก็รีบพูดมา ไม่พูดฉันจะไปแล้ว!”หลินหยางกลับจิบไวน์อึกหนึ่ง ถึงได้หันหน้าไปมองเขาแล้วกล่าวด้วยรอยยิ้ม “คุณชายเหยียน เหมือนว่าคุณจะเข้าใจผิดไปนะ”“คุณ มีสิทธิ์อะไรมาเจรจากับผม?”“ว่าอะไรนะ?”เหยียนฮ่าวงุนงงไปทันที หลินหยางเพียงแค่ดีดนิ้วทีหนึ่ง!ทันใดนั้น เหยียนฮ่าวก็ล้มลงไปบนพื้นอย่างรุนแรง กรีดร้องออกมาอย่างเจ็บปวดราวกับไม่ใช่เสียงของมนุษย์! ร่างกายคดงอราวกับกุ้งต้มสุก!ยังดีที่ครั้งก่อนต่อสู้ครั้งใหญ่กับหวังเหลียนเฉิง หลังจากทำลายคฤหาสน์จนพัง หลินหยางก็ได้ให้คนมาซ่อมแซมแล้ว ยังใช้วัสดุเก็บเสียงชั้นดีอีกด้วย ถึงไม่ทำให้เสียงร้องที่ราวกับจะขาดใจตายของเขาไม่ดังเล็ดลอดออกไปข้างนอกหลินหยางนั่งอยู่บนโซฟา ดื่มไวน์อย่างไม่รีบไม่ร้อน เอาหูไปนาเอาตาไปไร่กับเสียงร้องอันน่าเวทนานั่นหลังจากผ่านไปห้านาที ถึงได้ค่อย ๆ วางแก้วไวน์ลงเสียงร้องอันน่าเวทนาของเหยียนฮ่าวก็ค่อย ๆ หยุดลงเขาในเวลานี้นอนอยู่บนพื้น เหงื่อท่วมตัว สีหน้าซีดขาวจนน่าตกใจ แม้แต่พรมยังถูกเขาฉีกจนเละเทะ!“รู้สึกดีแล้วใช่ไหม?”หลินหยางกล่าวพร้อมรอยยิ้ม“แก แกทำอะไรกับฉัน?
“แกคิดว่าแกมีลั่วหงอวี๋คอยปกป้อง ก็จะทำอะไรตามอำเภอใจได้อย่างนั้นหรือ? เพ้อเจ้อ! บ้านเมืองมีขื่อมีแป แม้ว่าจะเป็นลั่วหงอวี๋ก็ไม่สามารถต่อต้านได้!”จ้าวเจี้ยนชิงรู้สึกมีความสุขเป็นอย่างยิ่ง ถ้าหากไม่ใช่เพราะมีลั่วหงอวี๋ หลินหยางจะสามารถหนีมานานขนาดนี้ได้ยังไง!เขาทำได้แค่มองดูหลินหยางทำตัวอวดดีมานานขนาดนั้น แต่กลับไม่สามารถทำอะไรได้ ถูกบีบจนแทบจะเสียสติ!แต่ต่อหน้ากำลังของทางการ!ลั่วหงอวี๋ทำอะไรไม่ได้ทั้งนั้น!ในระหว่างที่พูด เขาหันไปพูดกับเหยียนฮ่าว “คุณชายเหยียน หลินหยางฆ่าข้าราชการของกรมอัยการสูงสุดต่อหน้าทุกคน ยังทำร้ายชาวตงอิ๋งจนบาดเจ็บ ทำลายความสัมพันธ์ของทั้งสองประเทศ คุณชายเหยียนได้โปรดให้ความเป็นธรรม!”แม้แต่ฮิเดนากะ ยามาโมโตะก็รีบกล่าวเช่นกัน “คุณชายเหยียนได้โปรดให้ความเป็นธรรม แก่ชาวตงอิ๋งด้วย!”เหยียนฮ่าวเข้าใจในทันที หันหน้าไปมองหลินหยางแสยะยิ้มกล่าว “ไม่คิดเลยว่าแกจะก่อเรื่องวุ่นวายใหญ่โตขนาดนี้ ยังกล้าทำลายความสัมพันธ์ของทั้งสองประเทศอีกด้วย!”“ใครก็ได้!”ปรมาจารย์หลายคนที่อยู่ด้านหลังเขาก้าวออกมาพร้อมกัน บนตัวแฝงไปด้วยสีหน้าอันดุร้าย ทุกคนเป็นปรมาจารย์ระดับแปด!
“ท่านรัฐมนตรี ท่านช่วยตบหน้ามัน แก้แค้นให้ผมหน่อยได้ไหม?”จ้าวเจิ้งฮ่าวรีบกล่าว“อนาคตอันน้อยนิดของแก...” หวังเทียนเหิงกล่าวอย่างเยาะหยัน“คงจะไม่ทำร้ายใครอีกใช่ไหม? แกควรคิดให้ดีล่ะ...”หลินหยางกล่าวด้วยความประหลาดใจหวังเทียนเหิงกลับตะคอก “ฉันจะทำร้ายแกจะทำไม!”ในระหว่างที่พูด เขาก็ตบหน้าเข้าไปฉาดหนึ่งท่าทางของเขาเหยียดหยามมาก หลินหยางปรมาจารย์ระดับเจ็ดแล้วยังไง ต่อหน้าฐานะอย่างตนเอง เขามีสิทธิ์อะไรมาขัดขืน?ต้องโดนตบหน้าแต่โดยดีเหมือนกัน!ครู่ต่อมา ความเหยียดหยามบนใบหน้าของเขาก็ชะงักไปทันทีฝ่ามือของเขาถูกหลินหยางจับเอาไว้ในมือ“ยังกล้าตอบโต้อีกเหรอ? ฉันเป็นถึงตัวแทนของทางการแห่งหนานหลิงเชียวนะ?!”หวังเทียนเหิงกล่าวด้วยความโมโห“รู้แล้ว ๆ”หลินหยางใบหน้าแฝงไปด้วยรอยยิ้ม“รู้แล้วก็...”หวังเทียนเหิงยังพูดไม่ทันจบประโยค หลินหยางกลับตบหน้าเขาฉาดหนึ่งอย่างรวดเร็ว สำหรับหลินหยางแล้วถือเป็นการใช้กำลังเพียงน้อยนิดเท่านั้นแต่หวังเทียนเหิงกลับถูกตบลอยกระเด็นออกไปทันที ฟันผสมเลือดปลิวอยู่กลางอากาศ!นี่ยังไม่หมด ยังไม่รอให้เขาตกถึงพื้น หลินหยางเตะเขาลอยกระเด็นออกไปอีก หวังเ
เจียงรั่วหานหัวใจตึงเครียดขึ้นมาทันที เป็นห่วงชายชู้ของตนเอง ครั้งนี้หลินหยางตกอยู่ในอันตรายจริง ๆ!อย่างไรเสียใช้ยศตำแหน่งข่มเหงคนอื่น!ซ่งหว่านอวี๋ขมวดคิ้วเล็กน้อย ก็ถอนหายใจในใจเช่นกัน ต่อให้ตำแหน่งของหลินหยางที่เมืองลั่วสูงกว่านี้แล้วจะยังไงต่อหน้าผู้มีอิทธิพลอย่างหวังเทียนเหิง ก็ทำได้แค่เพียงอดกลั้นเท่านั้น!“จะตรวจสอบงั้นก็ได้ แต่ก็ต้องทำตามขั้นตอนทางกฎหมาย”หลี่หรูเยว่สีหน้าไม่สุขุม แต่กลับไม่กล้าให้หลินหยางมีข้อหาขัดขวางทางการติดตัว“กฎหมาย?” หวังเทียนเหิงยิ้มเยาะ กล่าวด้วยท่าทีหยิ่งยโส “คำพูดของฉัน ก็คือกฎหมาย! มีปัญหา? เข้าไปในห้องกับฉันค่อย ๆ คุยกัน ถ้าทำให้ฉันพอใจได้ ไม่แน่ว่าฉันอาจจะปล่อยแกไปสักครั้ง!”เขาทำตัวอวดดีกำเริบเสิบสาน! ถึงอย่างไรเหยียนฮ่าวก็ได้แทรกแซงคดีนี้ด้วยตนเองแล้ว ถ้าอยากจะจับหลินหยางให้อยู่หมัด! ต้องมีหลักฐานแน่ชัด ทำให้หลินหยางดิ้นไม่หลุดตลอดไป!ส่วนการหลับนอนกับปรมาจารย์ระดับแปดคนหนึ่ง นั่นก็เป็นเพียงเรื่องของผลพลอยได้เท่านั้น!เขาจ้องมองสำรวจรูปร่างที่สวยงามประณีตของหลี่หรูเยว่ด้วยสายตาที่ร้อนผ่าว มีความร้อนกลุ่มหนึ่งพลุ่งพล่านขึ้นในท้องน้อยข
แต่กลัวว่าเขาจะฉวยโอกาสช่วงจังหวะชุลมุน ลงมือกับจ้าวเจิ้งฮ่าว!“นายพลจ้าววางใจ”สีหน้าเฉิงคั่วหนักใจ ก้าวไปข้างหน้าก้าวหนึ่งในฐานะที่เขาเป็นปรมาจารย์ระดับห้า ประกอบกับมีนักรบทหารองครักษ์ชาวตงอิ๋งที่มีระดับมานะสร้างกลุ่มหนึ่งคอยช่วยเหลือ ก็มากพอที่จะจับตัวปรมาจารย์หนึ่งในนั้นได้“แม่งเอ๊ย ในเมื่อพวกแกทั้งหมดยอมเป็นสุนัขรับใช้ของหลินหยาง ถ้าอย่างนั้นก็ไปตายให้หมด! คิดว่าปรมาจารย์ระดับเก้าของฉันมีไว้ประดับเหรอไงวะ!?”จ้าวเจี้ยนชิงดวงตาแดงก่ำด้วยความริษยา ตนเป็นผู้บังคับบัญชาของเมืองลั่วมานานหลายปี ยังไม่มีลูกน้องที่แข็งแกร่งขนาดนี้ หลินหยางเพิ่งมาได้ไม่นาน ก็มีปรมาจารย์ระดับหกถึงสี่คนเป็นสุนัขรับใช้?!หลินหยางยิ่งใช้ชีวิตดีเท่าไหร่ เขาก็ยิ่งอยากจะสับหลินหยางให้แหลกเป็นหมื่น ๆ ชิ้น!แต่ทว่ายังไม่ทันได้ลงมือเขาก็รู้สึกเย็นวาบไปทั่วทั้งตัว แรงอาฆาตที่เย็นยะเยือกขั้นสุดกลุ่มหนึ่งลอยมา!“จ้าวเจี้ยนชิง แกอยากตายใช่ไหม?”ในเวลานี้ หลี่หรูเยว่ยืนอยู่ที่ประตูคฤหาสน์ ในมือของเธอใช้โซ่เหล็ก จูงม๋อจื่อที่เหมือนกับเป็นสัตว์ร้าย จ้องมองเขาด้วยความเย็นชาจ้าวเจี้ยนชิงรูม่านตาหดทันที กล่าวอย
ก็แค่ปรมาจารย์ระดับหกคนหนึ่งเท่านั้น เขาไม่สนใจอยู่แล้วแต่ปรมาจารย์ระดับหกคนหนึ่งไม่คิดเลยว่าจะมาเป็นยามให้หลินหยาง เขาไม่สามารถเข้าใจได้!แม้ว่าเขาจะเป็นปรมาจารย์ระดับเก้าก็ยังไม่เคยได้รับการปฏิบัติแบบนี้!จ้าวเจิ้งฮ่าวและคนอื่น ๆ ต่างก็อ้าปากค้างอย่างตกตะลึงสถานการณ์ตรงราวกับเป็นภาพลวงตาเลยทีเดียว!ไอ้หมอนี่หัวสมองมีปัญหาเหรอไง? ไม่ง่ายเลยกว่าจะได้เป็นปรมาจารย์ระดับหก แต่กลับมาเป็นยามให้คนที่มีระดับเจ็ดอย่างหลินหยาง?!“นับว่าแกพอมีความสามารถอยู่บ้าง แต่การรับใช้คนที่กำลังจะตาย เป็นการทำให้ตัวเองเสื่อมถอยแท้ ๆ เลย!”จ้าวเจี้ยนชิงกล่าวด้วยสีหน้าเย็นชา “หลินหยางทำลายการค้าระหว่างกองทัพกับชาวตงอิ๋ง ฉันมาเพื่อค้นหาหลักฐาน”“ตอนนี้ฉันให้โอกาสแกกลับตัวกลับใจหนึ่งครั้ง สวามิภักดิ์ต่อฉัน! ไม่อย่างนั้น จะถือว่าแกขัดขวางการสอบสวน! ฝ่าฝืนกฎหมายระดับประเทศ! ฉันจะประหารชีวิตแกทันที”เขามีความคิดที่จะชักจูงคนคนนี้ถึงอย่างไรปรมาจารย์ระดับหกในเมืองลั่วก็นับว่าเป็นยอดฝีมือ ฆ่าไปก็น่าเสียดายแต่ทว่าอาต้ากลับกล่าวเสียงเย็นชา “รับเลี้ยงฉัน? แกคู่ควรเหรอ! ไสหัวไป!”“แกคิดให้ดี ๆ กล้าขัดขวาง
เจียงรั่วหานกล่าวโต้เถียงด้วยสีหน้าแดงก่ำแต่นี่ก็คือเรื่องจริงถึงอย่างไรตนก็ไม่ได้ขึ้นเตียงกับหลินหยาง แต่ทว่าทำในรถ...“ไม่ต้องรีบ นั่งลงคุยกัน...” ซ่งหว่านอวี๋ท่าทางสบาย ๆ พูดจาปลอบโยนอย่างมีเลศนัย “เป็นเพราะพี่กลัวเธอถูกหลินหยางหลอกเอา หลินหยางนั่นบังคับให้พี่ทำเรื่องแบบนั้น เขาไม่ใช่คนดีอะไร!”“พี่หว่านอวี๋พี่ไม่เข้าใจเขา!”เจียงรั่วหานกลับวางแก้วกาแฟลง รีบพูดขึ้นว่า “อันที่จริงหลินหยางเป็นคนดีคนหนึ่ง ก่อนหน้านี้ที่เขาทำแบบนั้นกับพี่ อัน อันที่จริงเป็นเพราะจ้าวเจิ้งฮ่าวเป็นต้นเหตุ!”“ฉันบอกเขาแล้ว ว่าต่อไปห้ามแตะต้องพี่อีก!”ไม่แตะต้องฉัน?ฉันต้องการให้เธอช่วยเหลือเรื่องนี้เหรอ?เธอกินอิ่มแล้วไม่กะจะไม่เหลือไว้ให้ฉันกินสักคำเลยเหรอไง!ซ่งหว่านอวี๋สีหน้าดูแย่เล็กน้อย เธอกินอาหารทะเลมื้อหรูจนเคยชินแล้ว จะกินอาหารจืดชืดลงได้ยังไงอีก?“พี่หว่านอวี๋ ต่อไปฉันคงต้องอาศัยพี่คอยเป็นที่กำบังให้ฉันแล้ว ครอบครัวนี้ ฉันทนอยู่ต่อไปไม่ได้อีกแม้แต่วันเดียวแล้ว!”เจียงรั่วหานยังหันหน้าไปมองซ่งหว่านอวี๋ด้วยท่าทางขอร้อง“เรื่องเล็กน้อย...”ซ่งหว่านอวี๋กล่าวพร้อมรอยยิ้มบาง ๆ ไม่ว่าจะพู