“ส่วนปรมาจารย์ซวี เขากับคุณหลินเป็นปรมาจารย์ฝึกยุทธเช่นเดียวกัน เขาจะฆ่าคุณหลิน คุณหลินย่อมมีเหตุผลที่จะฆ่าเขาเช่นกัน สถานการณ์แบบนี้ กฎของยุทธภพ จะอยู่หรือตายก็ดูกันที่ความสามารถ”มู่หรงยิ่นรู้ว่า การเจรจาสำเร็จแล้ว เรื่องนี้นับว่าคลี่คลายลงแล้วเช่นกันหลังจากฉินอี๋หลิงครุ่นคิดอยู่หลายรอบ ก็เอ่ยปากพูด “ค่ะ ตกลง ขอเพียงแค่คุณหลินรักษาพวกเราให้หายดีได้ เรื่องในวันนี้ ฉันรับรองว่าตระกูลฉินจะไม่เอาเรื่องอีกแน่นอน”มู่หรงยิ่นกล่าวพร้อมรอยยิ้ม “คุณหนูอี๋หลิงเป็นคนที่มีเหตุผลอย่างที่คิดไว้จริง ๆ มู่หรงยิ่นนับถือ”“คุณหนูมู่หรงเฉลียวฉลาดเกินใคร จิตใจละเอียดอ่อน อี๋หลิงก็นับถือมากเช่นกัน ตระกูลมู่หรงมีคุณอยู่ อนาคตมีความหวัง สถานที่อย่างเมืองลั่ว เล็กเกินไปสำหรับคุณ”ผู้หญิงสองคนที่เพิ่งต่อสู้กันเมื่อครู่นี้ ในเวลานี้กลับประจบสอพลอกันและกัน“ถ้าอย่างนั้นก็รบกวนคุณหลินช่วยทำการรักษาด้วย”ฉินอี๋หลิงกล่าวเธอถูกผื่นพิษโลหิตนี้ทรมานมามากพอแล้ว อยากจะรีบรักษาให้หายเป็นปกติเท่านั้น“ผมฆ่าคนไปสองคน ตอนนี้ก็ต้องช่วยชีวิตสองคนเท่านั้น ในบรรดาพวกเขาทั้งสามคน คุณเลือกมาสักคนเถอะ”การรักษาผื่นพิ
เฉินเหว่ยที่เป็นบอดี้การ์ดได้ยินคำพูดประโยคนี้ของฉินอี๋หลิง ก็ไม่พยายามปิดบังอีกต่อไป“คุณหนูอี๋หลิง ผมทำเรื่องที่ละอายใจต่อคุณจริง ๆ แต่ทั้งหมดนี้ ไม่เกี่ยวข้องอะไรกับครอบครัวของผม หวังว่าคุณจะไว้ชีวิตคนในครอบครัวของผมด้วย”“ดูท่า ผื่นพิษโลหิตนี้จะเกี่ยวข้องกับลูกผู้พี่ของฉันจริง ๆด้วยซินะ เฉินเหว่ย ขอเพียงแค่นายยอมพูดความจริง ฉันขอรับรองว่าคนในครอบครัวของนายจะไม่เป็นอะไรแน่นอน”ฉินอี๋หลิงกล่าวแต่เฉินเหว่ยกลับไม่ได้เลือกที่จะพูดเรื่องทั้งหมดกับฉินอี๋หลิง“คุณหนู ถ้าหากผมพูด คนในครอบครัวของผมจะต้องตายแน่ ตอนนี้มีเพียงใช้ความตายชดเชยความผิด!”เฉินเหว่ยพูดจบ ยกมือขึ้นแล้วตบที่หน้าผากของตัวเองทีหนึ่ง ฆ่าตัวตายตรงนั้นทันทีเมื่อฉินอี๋หลิงเห็นดังนั้น ก็หมดหนทางเช่นกัน แต่การที่เฉินเหว่ยฆ่าตัวตายรวมทั้งคำพูดพวกนั้นที่เขาพูดก่อนตาย ก็สามารถยืนัยนได้แล้วว่าเซวียเผิงจวี่มีเจตนาชั่วร้ายซ่อนอยู่ นี่ก็เพียงพอแล้วติดตามเบาะแสเส้นนี้ของเซวียเผิงจวี่ ก็สามารถใช้เบาะแสนี้ เพื่อตามหาผู้ที่อยู่เบื้องหลังได้อย่างรวดเร็วเลขาหลี่เหยียนรู้อุปนิสัยของฉินอี๋หลิง เป็นคนพูดคำไหนคำนั้นมาตลอด ถ้าเธอขอ
ถังเต้าหมินเองก็เหมือนกับยกภูเขาออกจากอก แต่ว่าเขายังคงไม่เชื่อ หลินหยางที่อายุน้อยจะมีหนทางรักษาผื่นพิษโลหิตได้“คุณหนูมู่หรง ผมยังมีหนึ่งคำขอร้องที่อาจจะไม่เหมาะสม หวังว่าจะได้สมปรารถนา”ถังเต้าหมินประสานมือกล่าว“ว่ามา”“ผื่นพิษโลหิตนี้ไม่ค่อยปรากฏให้เห็น ไม่เคยปรากฏมาก่อนมาเป็นเวลาหนึ่งร้อยปี ผมอยากจะอยู่ต่อเพื่อขอดูฝีมือการรักษาโรคของคุณหลินยอดเยี่ยม เปิดโลกหน่อยครับ”ถังเต้าหมินกล่าวมู่หรงยิ่นกล่าวพร้อมรอยยิ้มเยาะหยัน “คุณไม่เชื่อว่าคุณหลินจะสามารถรักษาให้หายได้ เลยอยากจะอยู่ต่อเพื่อให้ผลลัพธ์ตอนสุดท้ายเห็นกับตาละมั้ง”ถังเต้าหมินกล่าวพร้อมรอยยิ้มเคอะเขิน “คุณหนูมู่หรงสายตากว้างไกล ปิดบังความคิดของกระผมไม่อยู่จริง ๆ พูดตามตรง คุณหลินเก่งมากจริง ๆ แต่ถ้าพูดถึงฝีมือการรักษา กระผมยังยากที่จะเชื่อถือ”“ฮึ่! คุณอย่างจะอยู่ต่อ ก็อยู่เถอะ คุณควรจะเปิดหูเปิดตาบ้างจริง ๆ เปิดโลกทัศน์บ้าง” มู่หรงยิ่นแค่นเสียงหัวเราะแล้วเดินออกไป“อาจารย์ ท่านว่าคุณหลินท่านนั้น จะสามารถรักษาให้หายดีได้จริงไหม? ลูกศิษย์ของถังเต้าหมินถาม“ไม่ว่าเธอจะเชื่อหรือไม่เชื่อ อย่างไรก็ตามฉันไม่เชื่อ ดังนั้น
หลินหยางฝังเข็มอีกครั้ง เพื่อนำโลหิตพิษขับออกมาจากรูขุมขนของฉินอี๋หลิงขั้นตอนการขับโลหิตพิษค่อนข้างทรมาน ฉินอี๋หลิงร้องออกมาอย่างเวทนาอย่างอดกลั้นไม่ได้ใช้เวลาประมาณหนึ่งชั่วโมงตลอดขั้นตอนการรักษา ฉินอี๋หลิงได้สลบไปแล้วหลินหยางดึงเข็มเงินทั้งหมดออกมา เข็มเงินหมดเปลี่ยนเป็นสีดำ และหลินหยางเองก็รู้สึกเหนื่อยล้าเช่นกัน เหงื่อเต็มหน้าผาก ใช้ปราณแท้ที่จุดตันเถียนไปประมาณสองส่วนสามหลินหยางเดินออกมาจากห้องผู้ป่วย กล่าวกับหานลี่ฉิน “หลังจากนี้หนึ่งชั่วโมง ให้นำยาเข้าไปส่ง กินหนึ่งส่วนสาม อีกสองส่วนสามเอาไปเจือจางกับน้ำหลังจากนั้นให้เธอแช่ ผื่นพิษโลหิตก็จะหายเป็นปลิดทิ้ง”“คุณหลิน คุณดูเหนื่อยล้า อยากจะพักผ่อนสักหน่อยไหม”หานลี่ฉินถามหลินหยางพยักหน้า เดินไปที่ห้องพักผ่อน เมื่อปราณแท้คืนกลับมาสองส่วนสามแล้ว เขาถึงเดินเข้าไปในห้องของจี้หมิ่นหลินหยางยังคงพูดกระบวนการรักษาให้จี้หมิ่นฟังเช่นเดิม หลังจากได้รับความยินยอมของจี้หมิ่น เขาถึงเริ่มทำการรักษาเมื่อทำการรักษาให้จี้หมิ่นเรียบร้อยแล้ว หลินหยางก็รู้สึกอ่อนแอเดินออกมาจากห้องผู้ป่วย เมื่อมู่หรงยิ่นเห็นท่าทางของเขา ก็รีบเข้าไปประค
มู่หรงยิ่นกล่าวเมื่อได้ยินประโยคนี้ หลินหยางก็เข้าใจในทันทีในระหว่างที่ทั้งสองกำลังพูดคุย มู่หรงยิ่นก็ได้ขับรถมาถึงหน้าประตูโรงแรมแล้ว“ถึงแล้วมู่หรงยิ่นหันหน้ามาพร้อมกล่าวหลินหยางจ้องมองประตูโรงแรมที่ด้านนอกหน้าต่างรถแวบหนึ่ง เขารู้ว่า ขอเพียงแค่เขาลงจากรถ เดินเข้าไปในโรงแรมกับมู่หรงยิ่น สาวสวยที่ผู้ชายในเมืองลั่วต่างเฝ้าปรารถนาคนนี้ ก็จะกลายเป็นผู้หญิงของเขา“ส่งผมกลับไปที่หมู่บ้านตี้เหาเถอะ”หลินหยางกล่าวมู่หรงยิ่นคิดไม่ถึงว่า เธอพูดถึงขั้นนี้แล้ว รถก็มาจอดที่หน้าประตูโรงแรมแล้ว หลินหยางกลับปฏิเสธมู่หรงยิ่นอดสงสัยไม่ได้ หรือว่าเสน่ห์ของตนเองไม่มากพอ?“คุณหลินเป็นสุภาพบุรุษอย่างที่คิดไว้จริง ๆ ดูท่าเสน่ห์ของฉันจะไม่มากพอที่จะทำให้คุณหวั่นไหวสินะ”มู่หรงยิ่นแววตาเศร้าหมองไปทันที สตาร์ทแล้วขับมุ่งหน้าออกจากโรงแรม“อย่าเข้าใจผิด ผมไม่เคยเป็นสุภาพบุรุษ วันนี้ผมแค่ไม่มีเรี่ยวแรง เรื่องสำคัญขนาดนี้ ผมย่อมต้องทุ่มเทความพยายามเพื่อทำให้ดีที่สุด”“วันหลังหาเวลาเหมาะสม ถ้าหากคุณยังยินดี ผมจะรับใช้อย่างเต็มที่”รักษาผื่นพิษโลหิตให้ฉินอี๋หลิงกับจี้หมิ่น ใช้ปราณแท้ของเขาจนหมดเ
เติ้งจิงขุยกลับหลังหันมาอย่างหวาดกลัว“คุณหลิน ผมแค่ถามไปอย่างงั้นเท่านั้นจริง ๆ ไม่ได้มีความคิดอื่นอย่างเด็ดขาดเลยครับ”“นายตื่นเต้นอะไร ฉันแค่อยากจะขอให้นายช่วยอะไรหน่อย”หลินหยางกล่าวอย่างไม่ใส่ใจเมื่อเติ้งจิงขุยได้ยินดังนั้น ก็ราวกับได้ยกภูเขาออกจากอก ถอนหายใจอย่างโล่งอก“คุณสั่งการมาได้เลย ขอเพียงแค่เป็นเรื่องที่ผมสามารถทำได้ ผมยินดีถวายตัวรับใช้แน่นอน”“ฉันต้องการรักษาอาการบาดเจ็บ จะถูกใครรบกวนไม่ได้ นายอยู่ที่นี่ช่วยอารักขาฉัน หากมีคนบุกเข้ามาโดยพลการ ฆ่าไม่เว้น ผลที่ตามมาทั้งหมดฉันรับผิดชอบเอง”หลินหยางรู้ว่าตอนนี้ตนเองมีศัตรูไม่น้อย โดยเฉพาะเว่ยต้ากัง เขาเป็นลูกสมุนของปรมาจารย์เฉิงคั่ว ที่ช่วยบริหารกิจการของตระกูลเฉิงแต่ตอนนี้ถูกเขากระทืบจนพิการ อีกฝ่ายจะต้องไม่มีวันเลิกราแน่ จะต้องมาแก้แค้นถึงที่แน่นอนถ้าหากสถานการณ์ปกติ หลินหยางย่อมไม่มีทางหวาดกลัว แม้ว่าปรมาจารย์ระดับห้าอย่างเฉิงคั่วมาด้วยตนเองก็ตาม หลินหยางอาศัยตัวเบาของวิชามังกรคชสารสะเทือนฟ้ากับวิชาอสนีบาตสามสหัสสะ ก็มีความสามารถในการต่อสู้เช่นกันแต่ตอนนี้เขาอยู่ในช่วงที่สภาพลย่ำแย่ที่สุด ถ้าหากเว่ยต้ากังพา
เนื่องจากเพิ่มสมุนไพรที่เติ้งจิงขุยมอบให้ เดิมทีอาจจะต้องใช้เวลาครึ่งวันถึงจะสามารถฟื้นฟูปราณแท้ ตอนนี้อย่างมากสุดก็ประมาณสองชั่วโมงกว่า ก็สามารถฟื้นฟูไปถึงระดับสูงสุดได้เพียงแต่ว่าตอนนี้อาศัยเพียงแค่หญ้าน้ำลายมังกรเพียงต้นเดียว ไม่เพียงพอที่จะทำให้เขาเลื่อนระดับต่อไปได้อีกแล้วเติ้งจิงขุยเฝ้าอยู่ที่หน้าประตูคฤหาสน์ ราวกับเทพผู้พิทักษ์ประตูเวลาที่ผ่านไปแต่ละนาที เติ้งจิงขุยย่อมไม่อยากให้มีใครก็ตามมาก่อความวุ่นวายแต่บ่อยครั้ง ที่เรื่องราวมักไม่เป็นไปตามที่คาดหวังประตูใหญ่ของคฤหาสน์ถูกรถพุ่งชนเข้ามา รถเก๋งสีดำคันหนึ่งพุ่งเข้ามาที่สวนดอกไม้ ด้านหลังยังมีรถตามมาอีกสามคันเติ้งจิงขุยลุกขึ้นยืน ในเมื่ออีกฝ่ายได้มาหาเรื่องถึงที่แล้ว ถ้าอย่างนั้นเขาก็ทำได้แค่เพียงรักษาสัญญาเท่านั้น ห้ามให้ใครเข้าไปในบ้านเว่ยต้ากังลงมาจากในรถคันที่สอง คนที่ลงมาจากรถพร้อมเขายังมีซุนเป้าที่ถูกหลินหยางทำร้ายจนแขนหักข้างหนึ่งคืนนั้นซุนเป้าเองก็ได้รับความอัปยศอดสูเช่นกัน แขนหักไม่พอ ยังถูกบังคับให้เลียรองเท้าของเด็กนั่งดริ๊งประจำสถานบันเทิงเฟิ่งหวงอีกด้วยหลังเกิดเรื่องซุนเป้าจึงไปที่โรงพยาบาล เพื่อรา
“สุนัขของตระกูลไหนมาก่อความวุ่นวายที่นี่?”เติ้งจิงขุยรู้จักเว่ยต้ากัง เขาเคยไปสถานบันเทิงเฟิ่งหวง เพียงแต่ว่าในฐานะที่เขาเป็นยอดฝีมือระดับแปด จึงไม่ได้เห็นหัวเว่ยต้ากังที่เติ้งจิงขุยหวาดกลัวคือตระกูลเฉิง คือมหาปรมาจารย์เฉิงคั่ว คือแม่ม่ายดำเฉิงหว่านฉิง ไม่ใช่เว่ยต้ากัง“เติ้งจิงขุย? ทำไมนายมาอยู่ที่นี่?”เว่ยต้ากังเห็นเติ้งจิงขุย ก็ตกตะลึงไปทันที“นี่คือบ้านของนาย? หรือว่าที่ไอ้สารเลวแซ่หลินนั่นกล้าไปทำตัวกำเริบเสิบสารที่สถานบันเทิงเฟิ่งหวงของฉัน ซ้ำยังกล้าทำร้ายลูกน้องของฉัน ที่แท้ก็เป็นเพราะมีแกคอยสนับสนุนเขาอยู่เบื้องหลัง เกรงว่าเขาประเมินแกสูงไป แกต้านเอาไว้ไม่อยู่หรอก!”ปกติเว่ยต้ากังย่อมไม่มีทางล่วงเกินยอดฝีมือระดับแปดอย่างเติ้งจิงขุยแน่แต่วันนี้กล่องดวงใจของตนเองถูกทำลายแล้ว ความแค้นใหญ่หลวงครั้งนี้ อย่าว่าแต่ระดับแปดอย่างเติ้งจิงขุยเลย แม้ว่าจะเป็นปรมาจารย์ฝึกยุทธ ก็ต้องสู้กันสักตั้ง“แกพูดบ้าอะไรวะ? ฉันมีอะไรดี ถึงได้กล้าไปหนุนหลังคุณหลิน ฉันเพียงแค่ช่วยคุณหลินเฝ้าบ้านแค่นั้นเอง”เติ้งจิงขุยเบะปากกล่าว“แกเฝ้าบ้านให้ไอ้สารเลวแซ่หลิน? เติ้งจิงขุยเอ๊ยเติ้งจิงขุย อย่
เหยียนฮ่าวรู้สึกหมดความอดทนอยู่บ้าง “อยากจะเจรจาก็รีบพูดมา ไม่พูดฉันจะไปแล้ว!”หลินหยางกลับจิบไวน์อึกหนึ่ง ถึงได้หันหน้าไปมองเขาแล้วกล่าวด้วยรอยยิ้ม “คุณชายเหยียน เหมือนว่าคุณจะเข้าใจผิดไปนะ”“คุณ มีสิทธิ์อะไรมาเจรจากับผม?”“ว่าอะไรนะ?”เหยียนฮ่าวงุนงงไปทันที หลินหยางเพียงแค่ดีดนิ้วทีหนึ่ง!ทันใดนั้น เหยียนฮ่าวก็ล้มลงไปบนพื้นอย่างรุนแรง กรีดร้องออกมาอย่างเจ็บปวดราวกับไม่ใช่เสียงของมนุษย์! ร่างกายคดงอราวกับกุ้งต้มสุก!ยังดีที่ครั้งก่อนต่อสู้ครั้งใหญ่กับหวังเหลียนเฉิง หลังจากทำลายคฤหาสน์จนพัง หลินหยางก็ได้ให้คนมาซ่อมแซมแล้ว ยังใช้วัสดุเก็บเสียงชั้นดีอีกด้วย ถึงไม่ทำให้เสียงร้องที่ราวกับจะขาดใจตายของเขาไม่ดังเล็ดลอดออกไปข้างนอกหลินหยางนั่งอยู่บนโซฟา ดื่มไวน์อย่างไม่รีบไม่ร้อน เอาหูไปนาเอาตาไปไร่กับเสียงร้องอันน่าเวทนานั่นหลังจากผ่านไปห้านาที ถึงได้ค่อย ๆ วางแก้วไวน์ลงเสียงร้องอันน่าเวทนาของเหยียนฮ่าวก็ค่อย ๆ หยุดลงเขาในเวลานี้นอนอยู่บนพื้น เหงื่อท่วมตัว สีหน้าซีดขาวจนน่าตกใจ แม้แต่พรมยังถูกเขาฉีกจนเละเทะ!“รู้สึกดีแล้วใช่ไหม?”หลินหยางกล่าวพร้อมรอยยิ้ม“แก แกทำอะไรกับฉัน?
“แกคิดว่าแกมีลั่วหงอวี๋คอยปกป้อง ก็จะทำอะไรตามอำเภอใจได้อย่างนั้นหรือ? เพ้อเจ้อ! บ้านเมืองมีขื่อมีแป แม้ว่าจะเป็นลั่วหงอวี๋ก็ไม่สามารถต่อต้านได้!”จ้าวเจี้ยนชิงรู้สึกมีความสุขเป็นอย่างยิ่ง ถ้าหากไม่ใช่เพราะมีลั่วหงอวี๋ หลินหยางจะสามารถหนีมานานขนาดนี้ได้ยังไง!เขาทำได้แค่มองดูหลินหยางทำตัวอวดดีมานานขนาดนั้น แต่กลับไม่สามารถทำอะไรได้ ถูกบีบจนแทบจะเสียสติ!แต่ต่อหน้ากำลังของทางการ!ลั่วหงอวี๋ทำอะไรไม่ได้ทั้งนั้น!ในระหว่างที่พูด เขาหันไปพูดกับเหยียนฮ่าว “คุณชายเหยียน หลินหยางฆ่าข้าราชการของกรมอัยการสูงสุดต่อหน้าทุกคน ยังทำร้ายชาวตงอิ๋งจนบาดเจ็บ ทำลายความสัมพันธ์ของทั้งสองประเทศ คุณชายเหยียนได้โปรดให้ความเป็นธรรม!”แม้แต่ฮิเดนากะ ยามาโมโตะก็รีบกล่าวเช่นกัน “คุณชายเหยียนได้โปรดให้ความเป็นธรรม แก่ชาวตงอิ๋งด้วย!”เหยียนฮ่าวเข้าใจในทันที หันหน้าไปมองหลินหยางแสยะยิ้มกล่าว “ไม่คิดเลยว่าแกจะก่อเรื่องวุ่นวายใหญ่โตขนาดนี้ ยังกล้าทำลายความสัมพันธ์ของทั้งสองประเทศอีกด้วย!”“ใครก็ได้!”ปรมาจารย์หลายคนที่อยู่ด้านหลังเขาก้าวออกมาพร้อมกัน บนตัวแฝงไปด้วยสีหน้าอันดุร้าย ทุกคนเป็นปรมาจารย์ระดับแปด!
“ท่านรัฐมนตรี ท่านช่วยตบหน้ามัน แก้แค้นให้ผมหน่อยได้ไหม?”จ้าวเจิ้งฮ่าวรีบกล่าว“อนาคตอันน้อยนิดของแก...” หวังเทียนเหิงกล่าวอย่างเยาะหยัน“คงจะไม่ทำร้ายใครอีกใช่ไหม? แกควรคิดให้ดีล่ะ...”หลินหยางกล่าวด้วยความประหลาดใจหวังเทียนเหิงกลับตะคอก “ฉันจะทำร้ายแกจะทำไม!”ในระหว่างที่พูด เขาก็ตบหน้าเข้าไปฉาดหนึ่งท่าทางของเขาเหยียดหยามมาก หลินหยางปรมาจารย์ระดับเจ็ดแล้วยังไง ต่อหน้าฐานะอย่างตนเอง เขามีสิทธิ์อะไรมาขัดขืน?ต้องโดนตบหน้าแต่โดยดีเหมือนกัน!ครู่ต่อมา ความเหยียดหยามบนใบหน้าของเขาก็ชะงักไปทันทีฝ่ามือของเขาถูกหลินหยางจับเอาไว้ในมือ“ยังกล้าตอบโต้อีกเหรอ? ฉันเป็นถึงตัวแทนของทางการแห่งหนานหลิงเชียวนะ?!”หวังเทียนเหิงกล่าวด้วยความโมโห“รู้แล้ว ๆ”หลินหยางใบหน้าแฝงไปด้วยรอยยิ้ม“รู้แล้วก็...”หวังเทียนเหิงยังพูดไม่ทันจบประโยค หลินหยางกลับตบหน้าเขาฉาดหนึ่งอย่างรวดเร็ว สำหรับหลินหยางแล้วถือเป็นการใช้กำลังเพียงน้อยนิดเท่านั้นแต่หวังเทียนเหิงกลับถูกตบลอยกระเด็นออกไปทันที ฟันผสมเลือดปลิวอยู่กลางอากาศ!นี่ยังไม่หมด ยังไม่รอให้เขาตกถึงพื้น หลินหยางเตะเขาลอยกระเด็นออกไปอีก หวังเ
เจียงรั่วหานหัวใจตึงเครียดขึ้นมาทันที เป็นห่วงชายชู้ของตนเอง ครั้งนี้หลินหยางตกอยู่ในอันตรายจริง ๆ!อย่างไรเสียใช้ยศตำแหน่งข่มเหงคนอื่น!ซ่งหว่านอวี๋ขมวดคิ้วเล็กน้อย ก็ถอนหายใจในใจเช่นกัน ต่อให้ตำแหน่งของหลินหยางที่เมืองลั่วสูงกว่านี้แล้วจะยังไงต่อหน้าผู้มีอิทธิพลอย่างหวังเทียนเหิง ก็ทำได้แค่เพียงอดกลั้นเท่านั้น!“จะตรวจสอบงั้นก็ได้ แต่ก็ต้องทำตามขั้นตอนทางกฎหมาย”หลี่หรูเยว่สีหน้าไม่สุขุม แต่กลับไม่กล้าให้หลินหยางมีข้อหาขัดขวางทางการติดตัว“กฎหมาย?” หวังเทียนเหิงยิ้มเยาะ กล่าวด้วยท่าทีหยิ่งยโส “คำพูดของฉัน ก็คือกฎหมาย! มีปัญหา? เข้าไปในห้องกับฉันค่อย ๆ คุยกัน ถ้าทำให้ฉันพอใจได้ ไม่แน่ว่าฉันอาจจะปล่อยแกไปสักครั้ง!”เขาทำตัวอวดดีกำเริบเสิบสาน! ถึงอย่างไรเหยียนฮ่าวก็ได้แทรกแซงคดีนี้ด้วยตนเองแล้ว ถ้าอยากจะจับหลินหยางให้อยู่หมัด! ต้องมีหลักฐานแน่ชัด ทำให้หลินหยางดิ้นไม่หลุดตลอดไป!ส่วนการหลับนอนกับปรมาจารย์ระดับแปดคนหนึ่ง นั่นก็เป็นเพียงเรื่องของผลพลอยได้เท่านั้น!เขาจ้องมองสำรวจรูปร่างที่สวยงามประณีตของหลี่หรูเยว่ด้วยสายตาที่ร้อนผ่าว มีความร้อนกลุ่มหนึ่งพลุ่งพล่านขึ้นในท้องน้อยข
แต่กลัวว่าเขาจะฉวยโอกาสช่วงจังหวะชุลมุน ลงมือกับจ้าวเจิ้งฮ่าว!“นายพลจ้าววางใจ”สีหน้าเฉิงคั่วหนักใจ ก้าวไปข้างหน้าก้าวหนึ่งในฐานะที่เขาเป็นปรมาจารย์ระดับห้า ประกอบกับมีนักรบทหารองครักษ์ชาวตงอิ๋งที่มีระดับมานะสร้างกลุ่มหนึ่งคอยช่วยเหลือ ก็มากพอที่จะจับตัวปรมาจารย์หนึ่งในนั้นได้“แม่งเอ๊ย ในเมื่อพวกแกทั้งหมดยอมเป็นสุนัขรับใช้ของหลินหยาง ถ้าอย่างนั้นก็ไปตายให้หมด! คิดว่าปรมาจารย์ระดับเก้าของฉันมีไว้ประดับเหรอไงวะ!?”จ้าวเจี้ยนชิงดวงตาแดงก่ำด้วยความริษยา ตนเป็นผู้บังคับบัญชาของเมืองลั่วมานานหลายปี ยังไม่มีลูกน้องที่แข็งแกร่งขนาดนี้ หลินหยางเพิ่งมาได้ไม่นาน ก็มีปรมาจารย์ระดับหกถึงสี่คนเป็นสุนัขรับใช้?!หลินหยางยิ่งใช้ชีวิตดีเท่าไหร่ เขาก็ยิ่งอยากจะสับหลินหยางให้แหลกเป็นหมื่น ๆ ชิ้น!แต่ทว่ายังไม่ทันได้ลงมือเขาก็รู้สึกเย็นวาบไปทั่วทั้งตัว แรงอาฆาตที่เย็นยะเยือกขั้นสุดกลุ่มหนึ่งลอยมา!“จ้าวเจี้ยนชิง แกอยากตายใช่ไหม?”ในเวลานี้ หลี่หรูเยว่ยืนอยู่ที่ประตูคฤหาสน์ ในมือของเธอใช้โซ่เหล็ก จูงม๋อจื่อที่เหมือนกับเป็นสัตว์ร้าย จ้องมองเขาด้วยความเย็นชาจ้าวเจี้ยนชิงรูม่านตาหดทันที กล่าวอย
ก็แค่ปรมาจารย์ระดับหกคนหนึ่งเท่านั้น เขาไม่สนใจอยู่แล้วแต่ปรมาจารย์ระดับหกคนหนึ่งไม่คิดเลยว่าจะมาเป็นยามให้หลินหยาง เขาไม่สามารถเข้าใจได้!แม้ว่าเขาจะเป็นปรมาจารย์ระดับเก้าก็ยังไม่เคยได้รับการปฏิบัติแบบนี้!จ้าวเจิ้งฮ่าวและคนอื่น ๆ ต่างก็อ้าปากค้างอย่างตกตะลึงสถานการณ์ตรงราวกับเป็นภาพลวงตาเลยทีเดียว!ไอ้หมอนี่หัวสมองมีปัญหาเหรอไง? ไม่ง่ายเลยกว่าจะได้เป็นปรมาจารย์ระดับหก แต่กลับมาเป็นยามให้คนที่มีระดับเจ็ดอย่างหลินหยาง?!“นับว่าแกพอมีความสามารถอยู่บ้าง แต่การรับใช้คนที่กำลังจะตาย เป็นการทำให้ตัวเองเสื่อมถอยแท้ ๆ เลย!”จ้าวเจี้ยนชิงกล่าวด้วยสีหน้าเย็นชา “หลินหยางทำลายการค้าระหว่างกองทัพกับชาวตงอิ๋ง ฉันมาเพื่อค้นหาหลักฐาน”“ตอนนี้ฉันให้โอกาสแกกลับตัวกลับใจหนึ่งครั้ง สวามิภักดิ์ต่อฉัน! ไม่อย่างนั้น จะถือว่าแกขัดขวางการสอบสวน! ฝ่าฝืนกฎหมายระดับประเทศ! ฉันจะประหารชีวิตแกทันที”เขามีความคิดที่จะชักจูงคนคนนี้ถึงอย่างไรปรมาจารย์ระดับหกในเมืองลั่วก็นับว่าเป็นยอดฝีมือ ฆ่าไปก็น่าเสียดายแต่ทว่าอาต้ากลับกล่าวเสียงเย็นชา “รับเลี้ยงฉัน? แกคู่ควรเหรอ! ไสหัวไป!”“แกคิดให้ดี ๆ กล้าขัดขวาง
เจียงรั่วหานกล่าวโต้เถียงด้วยสีหน้าแดงก่ำแต่นี่ก็คือเรื่องจริงถึงอย่างไรตนก็ไม่ได้ขึ้นเตียงกับหลินหยาง แต่ทว่าทำในรถ...“ไม่ต้องรีบ นั่งลงคุยกัน...” ซ่งหว่านอวี๋ท่าทางสบาย ๆ พูดจาปลอบโยนอย่างมีเลศนัย “เป็นเพราะพี่กลัวเธอถูกหลินหยางหลอกเอา หลินหยางนั่นบังคับให้พี่ทำเรื่องแบบนั้น เขาไม่ใช่คนดีอะไร!”“พี่หว่านอวี๋พี่ไม่เข้าใจเขา!”เจียงรั่วหานกลับวางแก้วกาแฟลง รีบพูดขึ้นว่า “อันที่จริงหลินหยางเป็นคนดีคนหนึ่ง ก่อนหน้านี้ที่เขาทำแบบนั้นกับพี่ อัน อันที่จริงเป็นเพราะจ้าวเจิ้งฮ่าวเป็นต้นเหตุ!”“ฉันบอกเขาแล้ว ว่าต่อไปห้ามแตะต้องพี่อีก!”ไม่แตะต้องฉัน?ฉันต้องการให้เธอช่วยเหลือเรื่องนี้เหรอ?เธอกินอิ่มแล้วไม่กะจะไม่เหลือไว้ให้ฉันกินสักคำเลยเหรอไง!ซ่งหว่านอวี๋สีหน้าดูแย่เล็กน้อย เธอกินอาหารทะเลมื้อหรูจนเคยชินแล้ว จะกินอาหารจืดชืดลงได้ยังไงอีก?“พี่หว่านอวี๋ ต่อไปฉันคงต้องอาศัยพี่คอยเป็นที่กำบังให้ฉันแล้ว ครอบครัวนี้ ฉันทนอยู่ต่อไปไม่ได้อีกแม้แต่วันเดียวแล้ว!”เจียงรั่วหานยังหันหน้าไปมองซ่งหว่านอวี๋ด้วยท่าทางขอร้อง“เรื่องเล็กน้อย...”ซ่งหว่านอวี๋กล่าวพร้อมรอยยิ้มบาง ๆ ไม่ว่าจะพู
ฉินเจิ้งคุนกลับส่งสัญญาณมือให้เงียบเอาไว้“เรื่องพวกนี้ห้ามเอาไปพูดข้างนอกส่งเดช! การต่อสู้ของบุคคลใหญ่โตไม่ใช่สิ่งที่พวกเราวิจารณ์ได้!”เขากล่าวเตือนด้วยท่าทีขึงขังถึงแม้ว่าตระกูลฉินจะมีชื่อเสียงโด่งดังในหนานโจว แต่ในสายตาของตระกูลใหญ่ที่ล้ำลึกจนไม่อาจคาดเดาของซานโจวบนพวกนั้น วงศ์ตระกูลบ้านนอกอย่างตระกูลฉิน ไม่ควรค่าให้เอ่ยถึงการต่อสู้ระดับนั้น เพียงแค่ควันหลง ก็มากพอที่จะทำให้ทั้งตระกูลฉินตายไร้ที่ฝังศพแล้ว!ฉินอี๋หลิงรีบหุบปากทันทีเช่นกันไม่กล้าส่งเสียงดัง เพราะหวาดกลัวว่าคนบนฟ้า!“หลินไร้ศัตรูแอบรายงานแต่ละวงศ์ตระกูลใหญ่แห่งหนานโจวอย่างลับ ๆ ให้ช่วยเขาตามหาหลานชายของเขา ถ้าหากใครหาเจอ เขาก็จะยอมรับคำขอร้องของคนนั้นหนึ่งข้อ” ฉินเจิ้งคุนค่อย ๆ พูด“จริงเหรอคะ?”ฉินอี๋หลิงสีหน้าตื่นเต้นดีใจ หัวใจไฟลุกโชนถึงแม้ว่าวงศ์ตระกูลของหลินไร้ศัตรูจะล่มสลายไปแล้ว แต่ก็ยังไม่สิ้นอำนาจโดยสมบูรณ์!คำมั่นสัญญาของเขาหนึ่งข้อ สามารถตัดสินว่าใครจะได้ครอบครองตำแหน่งหัวหน้าตระกูลฉิน!“มีเบาะแสของหลานชายคนนั้นของเขาแล้วเหรอยัง!”เธอรีบกล่าวถาม“ง่ายแบบนั้นซะที่ไหน...”ฉินเจิ้งคุนส่ายหน้
ตนในตอนนี้ ต่อสู้ข้ามสามระดับชั้นก็ไม่เป็นปัญหา มีลูกน้องไม่กี่คน ตนก็ไม่ต้องโดนรุมโจมตีอีกบ่อย ๆมีสิทธิ์แสร้งทำเป็นเก่ง ถ้าอย่างนั้นก็ต้องทำแต่ทว่าหลี่หรูเยว่กับปรมาจารย์ทั้งสี่คนมีความปรับตัวให้เข้ากับสไตล์แบบนี้ไม่ค่อยได้เท่าไหร่หลูอ้าวตงว่าอวดดีมากพอแล้ว แต่เมื่อเทียบกับหลินหยาง นั่นก็เป็นแค่เรื่องจิ๊บจ๊อยเท่านั้น...“ไปกันเถอะ กลับไปที่บ้านให้ฉันรักษาอาการบาดเจ็บให้พวกแกก่อน อีกเดี๋ยวไปกับฉันฆ่าคนของจ้าวเจี้ยนชิงให้เรียบ”หลินหยางเดินลงจากภูเขาแต่หลี่หรูเยว่และคนอื่น ๆ อีกห้าคนกลับสบตากันแวบหนึ่ง เห็นสีหน้าตกใจจากนัยน์ตาของอีกฝ่ายหลินหยางพูดจาสบาย ๆ มาก ราวกับว่าในสายตาของเขา การฆ่าหัวหน้ากองทหารรักษาการณ์ ง่ายเหมือนกับซื้อผักพวกเขากลับไม่ทันได้คิดมาก รีบตามหลินหยางลงจากเขา คอยตามปรนนิบัติ...อีกด้านหนึ่งภายในห้องหนังสือสไตล์โบราณแห่งหนึ่งฉินเจิ้งคุนกระแทกโทรศัพท์มือถือลงบนโต๊ะ พูดด้วยความโมโห “ไอ้สารเลวนี่อวดดีมาก! แม้แต่สายโทรศัพท์ของฉันกล้าตัดทิ้ง!”ฉินอี๋หลิงที่อยู่ด้านข้างสีหน้าดูแย่เช่นกัน บทสนทนาเมื่อครู่นี้เธอได้ยินหมดแล้วหลินหยางไม่ให้เกียรติเลยแม้แต