จากการแสดงอย่างสุดความสามารถของตัวเองของพ่อลูกตระกูลโต้ว การขอโทษที่จริงใจ ถือว่าเป็นการใช้สติปัญญาเพื่อเอาตัวรอดจากหายนะ รอดชีวิตมาได้ครั้งหนึ่งตอนนี้ก็เหลือแค่เพียงพ่อลูกตระกูลหวังหวังเซิ่งหลานยังไม่หยุดดึงเสื้อของหวังเจียเฉียน ส่งสัญญาณให้เขา ว่าจะแสดงสักหน่อยหรือไม่?ถึงอย่างไรเสียเมื่อคืนวานนี้เขาก็ตบหน้าตัวเอง เลียพื้นรองเท้า แค่การคุกเข่าโขกหัว เหมือนว่าไม่ใช่เรื่องยากอะไรนี่นาหวังเจียเฉียนดึงมือของหวังเซิ่งหลานออก ถึงแม้ว่าในใจจะหวาดกลัวมากก็ตาม แต่เขาหวังเจียเฉียนเป็นใคร?เป็นรองหัวหน้าสมาคมแห่งสมาคมการค้าวั่นเหา ทรัพย์สินหลายพันล้านบาท เป็นคนมีหน้ามีตาของเมืองลั่ว จะเหยียบย่ำศักดิ์ศรีของตัวเองได้ยังไง“วันนี้ถือว่าพวกเราพ่อลูกแพ้แล้ว แต่ว่าแกอยากจะให้พวกเราพ่อลูกโขกหัวขอโทษเหมือนกับไอ้ลูกหมานั่น ไม่มีทางอย่างเด็ดขาดหวังเจียเฉียนกล่าวเสียงแข็ง“เฮอะ...แกนี่มันหยิ่งทระนงจริง ๆ”หลินหยางแสยะยิ้มหวังเจียเฉียนกล่าวต่อ “แกปล่อยพวกเราไป ต่อไปต่างคนต่างอยู่ เรื่องที่แกเหยียดหยามลูกชายฉัน ฉันจะไม่ความอีก เป็นยังไง?”“ไม่เอายังไง! ฉันจะฆ่าพวกแกสองคน ไม่ง่ายกว่าหรือไง”
“นอกจากเขาแล้ว เมืองลั่วก็ไม่มีคุณหลินคนที่สอง!”มู่หรงยิ่นกล่าวอย่างเย็นชาหวังเจียเฉียนควบคุมตัวเองไม่ได้อีกต่อไป ราวกับว่าถูกดูดพลังออกไปหมดแล้วทั้งร่างกาย หย่อนก้นทรุดลงไปนั่งบนพื้น ราวกับคนทุกข์โศก หวังเซิ่งหลานหมอบคืบคลานอยู่บนพื้น ตัวสั่นเทาไปหมดเขาไม่เคยคิดเคยฝันเลยว่า ตัวเองจะเป็นผู้รุกราน คิดมาถึงเลยว่าทุกคนที่อยากประจบประแจงตุฯหลินต่างก็ทำไม่สำเร็จหวังเจียเฉียนรีบพลิกตัวกลับมา ก้มหัวเพื่อขอร้องให้ยกโทษให้“คุณหลิน ฉันผิดไปแล้ว ฉันมีตาแต่กลับมองข้ามไท่ซานไป ไม่รู้ว่าคุณคือคุณหลินแห่งติ่งติ่งผู้โด่งดัง ไม่อย่างนั้น จะขอให้ฉันมีความกล้าสักร้อยครั้ง ฉันก็ไม่กล้ามา”หลังจากที่หวังเจียเฉียนพูดจบ เขาก็กลอกตาขึ้น แล้วลุกขึ้นทั้งต่อยทั้งเตะหวังเซิ่งหลานที่อยู่ข้าง ๆ ทันที“ไอ้สารเลว มีตาหามีแววไม่ กล้าดีอย่างไรมาทำให้คุณหลินขุ่นเคือง! ฉันจะตีแกให้ตาย!”หวังเซิ่งหลานถูกหวังเจียเฉียนทุบตีจึงกรีดร้องซ้ำแล้วซ้ำอีก เดิมทีใบหน้าไม่ได้มีอหารบวมเป่ง แต่เนื่องจากถูกหวังเจียเฉียน ตบ ตบ ตบไม่รู้กี่สิบครั้งเข้าที่ใบหน้า ทั้งปากและจมูกต่างก็มีเลือดไหลออกมา ราวกับคนที่บาดเจ็บหนักเจียนต
“นั่นน่ะไม่ต้องแล้ว ติงไท่มาท้าทาย ศักยภาพไม่ดีพอก็ต้องตาย เป็นเพราะเขาก่อกรรมทำเข็ญเอง เจียงไห่เซิงต้องการมาถกเถียงเรื่องนี้ ผมเองก็ไม่ได้ติดอะไร”หลินหยางยังเป็นปรมาจารย์ ดังนั้นเขาจึงต้องมีคุณสมบัติของความเป็นนปรมาจารย์ ถ้าเขาฆ่าคนที่มาท้าทายเขา ก็ไม่ใช่ว่าเขาไร้เหตุผลสักหน่อย แต่การเจรจาก็จะเป็นแค่เรื่องไร้สาระ!“เอาล่ะ แล้วก็เรื่องโรงพยาบาล...”มู่หรงยิ่นยังคงคิดเรื่องที่ต้องการจะให้หลินหยางลงมือรักษาสมาชิกตระกูลฉิน“ชายคนนั้นอีกไม่นานก็คงตายแล้ว รอจนกว่าหมอชื่อที่มีชื่อเสียงประจำตระกูลของพวกคุณมาดูก่อนแล้วค่อยว่ากัน วันนี้ฉันมีเรื่องอื่นที่ต้องจัดการ”มู่หรงยิ่นพยักหน้าและกล่าวว่า "งั้นฉันจะกลับไปก่อน"ก่อนจากไป มู่หรงยิ่นไม่ลืมมารยาทที่จะทักทายทักทายเสิ่นลี่หมินและภรรยาของเขาอย่างสุภาพ ซึ่งทำให้คู่รักสูงวัยรู้สึกภูมิใจ“คุณมู่หรงนี้ถือเป็นคนที่ยิ่งใหญ่ที่สุดในเมืองลั่ว แต่ก็ยังสุภาพต่อผู้อื่นมาก”เสิ่นลี่หมินชื่นชม“นั่นไม่ใช่เพราะพี่หลินหยางหรอกหรือ ไม่เช่นนั้นจะไม่มีใครมองเรา”เสิ่นโย่วเวยเบะปากพูดออกมาก“แม่สาวน้อย ทำไมถึงพูดแบบนี้ คุณมู่หรงน่ะ ไม่แน่ในอนาคตอาจจะกล
“เอาล่ะ หยุดพูดก่อนสักสองสามคำเถอะ พวกเรายุไม่ขึ้นหรอก ยอม ๆ คืนเงินไปดี ๆ เถอะ”หลิวจางอู่เปิดประตูแล้วลงจากรถ ทั้งยังพาจางชุ่ยอิงเข้ามาด้วย “พี่ พี่เขย กินข้าวหรือยัง?”หลิวจางอู่กล่าวพร้อมรอยยิ้มเต็มใบหน้า “ใครให้พวกคุณเข้ามา”หลินหยางเอ่ยขึ้นเบา ๆ“พวกเราเอาเงินมาคืนน่ะ…” หลิวจางอู่พูดด้วยรอยยิ้ม“ออกไป! รอที่ประตู!”หลินหยางเหลือบมองหลิวจางอู่ ซึ่งทำให้เขารู้สึกหวาดกลัว จึงทำได้แค่พาจางชุ่ยอิงถอยออกไป รออยู่ที่สวนดอกไม้ “นี่มันบ้าอะไรหัน กล้าดีอย่างไรสั่งให้พวกเราออกมา เขาคิดวาเขาเป็นใครกันน่ะ”จางชุ่ยอิงเบาเสียงของเธอลง บนใบหน้าเต็มไปด้วยคำด่าทออย่างไม่พอใจ“ใช่แล้ว! รังแกคนอื่นเกินไปแล้วจริงๆ แถมยังไม่เคารพใครอีกด้วย”หลิวจางอู่เองก็โกรธมากเช่นกัน เพราะสุดท้ายแล้วก็ถูกไล่ออกมา ซึ่งความจริงคือเขาเสียหน้านั่นเอง แม้ว่าทั้งคู่จะบ่นเบา ๆ ก็ตาม แต่หลินหยางที่กำลังรับประทานอาหารอยู่ในห้องก็ได้ยินอย่างชัดเจนหลังจากที่ทานอาหารแล้ว หลินหยางจึงพูดกับเวยเวยว่า "ไปเรียกให้พวกเขาเข้ามา"หลังจากที่หลิวจางอู่และภรรยาของเขาเข้ามา ก็ส่งบัตรธนาคารให้ทันที“พี่ พี่เขย ในบัตรใบ
“ถ้าเป็นแบบนี้แล้ว งั้นพวกคุณก็ไปเถอะ”หลินหยางชี้ไปทางประตูแล้วเอ่ยขึ้น“จะไปก็ไปซะ! ถ้าก้าวเข้ามาอีกเพียงแค่ครึ่งก้าว ตายยกครัวแน่!”หลิวจางอู่ลากจางชุ่ยอิงออกไป"นี่……"เมื่อหลิวจี๋หลันเห็นสิ่งนี้ ก็ทำใจไม่ได้นิดหน่อยกับเงินสามล้านนี้“ป้าหลิว ไม่ต้องกังวลไปหรอกครับ เชื่อผมเถอะ ไม่เกินสิบนาที พวกเขาจะกลับมาแล้วอ้อนวอนขอคืนเงิน”หลังจากที่หลินหยางพูดอย่างนั้น เขาก็หยิบโทรศัพท์มือถือออกมาแล้วโทรหามู่หรงยิ่นเจ้าเฒ่าแก่น้อยอย่างหลิวจางอู่นั้น ง่ายต่อการจัดการ มู่หรงยิ่นเพียงแค่เข้าไปทักทายอย่างง่าย ๆ แล้วทำให้หลิวจางอู่ไม่สามารถอยู่ในเมืองลั่วได้ ทำให้ครอบครัวของเขาล้มละลายแน่นอนว่าไม่นานหลังจากที่หลิวจางอู่และภรรยาของเขาออกไป พวกเขาก็รีบวิ่งกลับ“พี่ พี่เขย ผมได้โอนเงินเข้าบัตรเพิ่มอีกห้าแสนแล้ว รวมทั้งหมดเป็นสามล้านห้าแสน รวมทั้งต้นทั้งดอกผมคืนหมดแล้ว โปรดรับไว้ด้วยนะครับ”เจ้าสองคนนี้ ที่เมื่อสักครู่นี้สาบานทั้งชีวิตด้วยคนทั้งตระกูล “คุณน้า คุณน้าสะใภ้! เมื่อครู่นี้ไม่ใช่พูดเหรอคะว่า ถ้าเหยียบกลับเข้ามาเพียงแค่ครึ่งก้าว จะตายทั้งครอบครัวไม่ใช่เหรอคะ? ตอนนี้ก็วิ่งกลับม
หลิวจางอู่ดูเหมือนหมาปั๊กที่พยายามทำให้หลินหยางพอใจ“คุณไม่จำเป็นต้องขอร้องผม คนที่พวกคุณต้องขอโทษควรเป็นครอบครัวลุงเสิ่น ควรขอให้เขายกโทษให้มากกว่า”หลินหยางพูดด้วยสีหน้าเลือดเย็นไม่แยแส“พี่ พี่เขย ผมตระหนักถึงความผิดของตัวเองแล้วจริง ๆ ก่อนหน้านี้มีแต่พวกเราที่จิตใจเหี้ยมโหดเยี่ยงหมาป่าไร้คราบความเป็นคน อกตัญญู! ขอแค่คุณยกโทษให้พวกเรา ไม่เช่นนั้นเราจะต้องล้มละลายจริง ๆ นะครับ”หลิวจางอู่รู้ว่าน้องสาวของเขาเป็นคนหูเบา ตอนแรกที่ยืมเงินก็ใช้วิธีต่าง ๆ ขอร้องให้ได้มาตอนนี้เขาหันกลับไปใช้กลอุบายเก่า ๆ ของตัวเอง ทำเป็นเหมือนสำนึกแค้นใจตัวเองที่ทำผิดไป ทำตัวน่าเวทนามาขอร้องวิงวอน จางชุ่ยอิงน่ะ เพื่อเห็นแก่โรงงานของเธอเอง จึงจำเป็นต้องก้มหน้าลงอ้อนวอนขอโทษเสิ่นลี่หมินตะคอกอย่างเย็นชา แต่กลับไม่ได้ใจอ่อนเลย เพียงแค่หันหน้าหนี แล้วเมินเฉย“ผมไม่มีน้องชายแบบคุณ ในสองปีนี้ คุณทำให้พวกเราพบเจอกับความหายนะ!”หลิวจี๋หลันเองก็โกรธมากเช่นกัน ดังนั้นจึงไม่ยอมใจอ่อนและอภัยในทันทีเมื่อหลิวจางอู่เห็นแบบนี้ จึงกลอกตา แล้วคุกเข่าลงดังตุ้บ แล้วตบหน้าตัวเองทั้งสองข้าง เริ่มขายความน่าสงสาร เล่น
เมื่อพวกหลิวจางอู่ทั้งคู่ได้ยินสิ่งนี้ ก็รู้สึกอมทุกข์ขึ้นมาทันที“คุณชายหลิน เมื่อกี้ไม่ใช่ท่านบอกว่าแค่พี่สาวกับพี่เขยของผมยกโทษให้ก็โอเคแล้วเหรอครับ”“สิ่งที่ผมพูดคือ คุณควรขอโทษพวกเขา และขอให้พวกเขาให้อภัย แต่ผมไม่ได้บอกว่าผมจะปล่อยพวกคุณไป”สิ่งที่หลินหยางเกลียดที่สุดคือคนเนรคุณ ตั้งแต่ต้นจนจบ เขาไม่ได้คิดที่จะปล่อยพวกหลิวจางอู่ทั้งคู่เลย “คุณชายหลิน พวกเราทั้งสองไม่ได้ง่ายเลย ในตอนนี้เงินพวกเราก็คืนไปแล้ว ขอโทษก็ขอโทษไปแล้ว อยากขอร้องให้ท่านช่วยหลีกทางให้พวกเราเถอะ ไม่อย่างนั้นพวกเราจะต้องล้มละลายจริง ๆ แน่ ขอร้องล่ะครับ!”หลิวจางอู่ทำได้เพียงแค่อ้อนวอนต่อไป“หากว่าคุณสิ้นเนื้อประดาตัว แล้วมันเกี่ยวอะไรกับผม”หลินหยางพูดด้วยสีหน้าไม่แยแส“คุณกำลังบังคับให้พวกเราตายเหรอ?”จางชุ่ยอิงอดไม่ได้ที่จะพูด“ถ้าจะตายก็ไปตายไกล ๆ หน่อยนะ”หลิวจางอู่และจางชุ่ยอิงคุกเข่าลงอีกครั้ง แต่หลินหยางกลับนิ่งเฉยเป็นทองไม่รู้ร้อน“พี่สาว พี่เขย ช่วยผมพูดบางอย่างเถอะ โรงงานของเราจะเจ๊งจริง ๆ แล้ว งั้นเอางี้ ต่อไปที่พวกเราหาเงินได้ เราจะแบ่งให้พวกคุณครึ่งหนึ่งเลย”หลิวจางอู่เห็นว่าหลินหยางใ
“เวยเวย ไปดูอันที่ดีกว่าเถอะ พยายามอยู่ในใจกลางเมือง ครบครับสะดวกสบายในทุก ๆ อย่าง หากว่าเงินไม่พอ เดี๋ยวผมจ่ายให้เอง”นี่เป็นมิตรไมตรีในความทรงจำของหลินหยาง ที่เขาจะสามารถช่วยเหลือได้อย่างมากที่สุด “นายน้อย ท่านเพิ่งจะช่วยพวกเราในเรื่องที่ยิ่งใหญ่มาก ๆ ไปแล้ว แถมยังช่วยรักษาพวกเราอีก แล้วเราจะปล่อยให้คุณจ่ายค่าซื้อบ้านให้อีกได้อย่างไร?”เสิ่นลี่หมินส่ายหัวปฏิเสธ“ลุงเซิน ไม่เป็นไร ไม่ต้องเกรงใจผมแล้ว” หลินหยางยิ้มอย่างไรก็ตามเสิ่นลี่หมินยังคงยืนยันให้เสิ่นโย่วเวยมองไปที่บ้านธรรมดา ๆ ควบคุมค่าใช้จ่ายให้อยู่ในสองล้าน ไม่ยอมให้รับเงินจากหลินหยาง“นายน้อย ผมรู้ว่าคุณไม่ได้ขาดแคลนเงิน เงินไม่กี่ล้านเป็นแค่เรื่องเล็กน้อยสำหรับคุณ ก็ไม่มีความหมายสำหรับคุณ มันจะทำให้คนไม่โลภมาก เอาไว้เป็นสิ่งวัดกัน ผมซาบซึ้งในความมีน้ำใจและความกรุณาของคุณนะครับ”“พี่หลินหยาง พ่อของฉันพูดถูก เงินนี้สำหรับพวกเรา ถือว่าเพียงพอแล้ว ไม่ต้องขอคุณเพิ่มแล้วล่ะ” เสิ่นโย่วเวยกล่าวเมื่อหลินหยางได้ยินแบบนี้ เขาก็ไม่ได้พูดอะไรต่อ แล้วหยิบกุญแจรถให้เสิ่นโย่วเวย เธอและหลิวจี๋หลันจะได้ออกไปดูบ้านกัน หานลี่ฉินจาก
เหยียนฮ่าวรู้สึกหมดความอดทนอยู่บ้าง “อยากจะเจรจาก็รีบพูดมา ไม่พูดฉันจะไปแล้ว!”หลินหยางกลับจิบไวน์อึกหนึ่ง ถึงได้หันหน้าไปมองเขาแล้วกล่าวด้วยรอยยิ้ม “คุณชายเหยียน เหมือนว่าคุณจะเข้าใจผิดไปนะ”“คุณ มีสิทธิ์อะไรมาเจรจากับผม?”“ว่าอะไรนะ?”เหยียนฮ่าวงุนงงไปทันที หลินหยางเพียงแค่ดีดนิ้วทีหนึ่ง!ทันใดนั้น เหยียนฮ่าวก็ล้มลงไปบนพื้นอย่างรุนแรง กรีดร้องออกมาอย่างเจ็บปวดราวกับไม่ใช่เสียงของมนุษย์! ร่างกายคดงอราวกับกุ้งต้มสุก!ยังดีที่ครั้งก่อนต่อสู้ครั้งใหญ่กับหวังเหลียนเฉิง หลังจากทำลายคฤหาสน์จนพัง หลินหยางก็ได้ให้คนมาซ่อมแซมแล้ว ยังใช้วัสดุเก็บเสียงชั้นดีอีกด้วย ถึงไม่ทำให้เสียงร้องที่ราวกับจะขาดใจตายของเขาไม่ดังเล็ดลอดออกไปข้างนอกหลินหยางนั่งอยู่บนโซฟา ดื่มไวน์อย่างไม่รีบไม่ร้อน เอาหูไปนาเอาตาไปไร่กับเสียงร้องอันน่าเวทนานั่นหลังจากผ่านไปห้านาที ถึงได้ค่อย ๆ วางแก้วไวน์ลงเสียงร้องอันน่าเวทนาของเหยียนฮ่าวก็ค่อย ๆ หยุดลงเขาในเวลานี้นอนอยู่บนพื้น เหงื่อท่วมตัว สีหน้าซีดขาวจนน่าตกใจ แม้แต่พรมยังถูกเขาฉีกจนเละเทะ!“รู้สึกดีแล้วใช่ไหม?”หลินหยางกล่าวพร้อมรอยยิ้ม“แก แกทำอะไรกับฉัน?
“แกคิดว่าแกมีลั่วหงอวี๋คอยปกป้อง ก็จะทำอะไรตามอำเภอใจได้อย่างนั้นหรือ? เพ้อเจ้อ! บ้านเมืองมีขื่อมีแป แม้ว่าจะเป็นลั่วหงอวี๋ก็ไม่สามารถต่อต้านได้!”จ้าวเจี้ยนชิงรู้สึกมีความสุขเป็นอย่างยิ่ง ถ้าหากไม่ใช่เพราะมีลั่วหงอวี๋ หลินหยางจะสามารถหนีมานานขนาดนี้ได้ยังไง!เขาทำได้แค่มองดูหลินหยางทำตัวอวดดีมานานขนาดนั้น แต่กลับไม่สามารถทำอะไรได้ ถูกบีบจนแทบจะเสียสติ!แต่ต่อหน้ากำลังของทางการ!ลั่วหงอวี๋ทำอะไรไม่ได้ทั้งนั้น!ในระหว่างที่พูด เขาหันไปพูดกับเหยียนฮ่าว “คุณชายเหยียน หลินหยางฆ่าข้าราชการของกรมอัยการสูงสุดต่อหน้าทุกคน ยังทำร้ายชาวตงอิ๋งจนบาดเจ็บ ทำลายความสัมพันธ์ของทั้งสองประเทศ คุณชายเหยียนได้โปรดให้ความเป็นธรรม!”แม้แต่ฮิเดนากะ ยามาโมโตะก็รีบกล่าวเช่นกัน “คุณชายเหยียนได้โปรดให้ความเป็นธรรม แก่ชาวตงอิ๋งด้วย!”เหยียนฮ่าวเข้าใจในทันที หันหน้าไปมองหลินหยางแสยะยิ้มกล่าว “ไม่คิดเลยว่าแกจะก่อเรื่องวุ่นวายใหญ่โตขนาดนี้ ยังกล้าทำลายความสัมพันธ์ของทั้งสองประเทศอีกด้วย!”“ใครก็ได้!”ปรมาจารย์หลายคนที่อยู่ด้านหลังเขาก้าวออกมาพร้อมกัน บนตัวแฝงไปด้วยสีหน้าอันดุร้าย ทุกคนเป็นปรมาจารย์ระดับแปด!
“ท่านรัฐมนตรี ท่านช่วยตบหน้ามัน แก้แค้นให้ผมหน่อยได้ไหม?”จ้าวเจิ้งฮ่าวรีบกล่าว“อนาคตอันน้อยนิดของแก...” หวังเทียนเหิงกล่าวอย่างเยาะหยัน“คงจะไม่ทำร้ายใครอีกใช่ไหม? แกควรคิดให้ดีล่ะ...”หลินหยางกล่าวด้วยความประหลาดใจหวังเทียนเหิงกลับตะคอก “ฉันจะทำร้ายแกจะทำไม!”ในระหว่างที่พูด เขาก็ตบหน้าเข้าไปฉาดหนึ่งท่าทางของเขาเหยียดหยามมาก หลินหยางปรมาจารย์ระดับเจ็ดแล้วยังไง ต่อหน้าฐานะอย่างตนเอง เขามีสิทธิ์อะไรมาขัดขืน?ต้องโดนตบหน้าแต่โดยดีเหมือนกัน!ครู่ต่อมา ความเหยียดหยามบนใบหน้าของเขาก็ชะงักไปทันทีฝ่ามือของเขาถูกหลินหยางจับเอาไว้ในมือ“ยังกล้าตอบโต้อีกเหรอ? ฉันเป็นถึงตัวแทนของทางการแห่งหนานหลิงเชียวนะ?!”หวังเทียนเหิงกล่าวด้วยความโมโห“รู้แล้ว ๆ”หลินหยางใบหน้าแฝงไปด้วยรอยยิ้ม“รู้แล้วก็...”หวังเทียนเหิงยังพูดไม่ทันจบประโยค หลินหยางกลับตบหน้าเขาฉาดหนึ่งอย่างรวดเร็ว สำหรับหลินหยางแล้วถือเป็นการใช้กำลังเพียงน้อยนิดเท่านั้นแต่หวังเทียนเหิงกลับถูกตบลอยกระเด็นออกไปทันที ฟันผสมเลือดปลิวอยู่กลางอากาศ!นี่ยังไม่หมด ยังไม่รอให้เขาตกถึงพื้น หลินหยางเตะเขาลอยกระเด็นออกไปอีก หวังเ
เจียงรั่วหานหัวใจตึงเครียดขึ้นมาทันที เป็นห่วงชายชู้ของตนเอง ครั้งนี้หลินหยางตกอยู่ในอันตรายจริง ๆ!อย่างไรเสียใช้ยศตำแหน่งข่มเหงคนอื่น!ซ่งหว่านอวี๋ขมวดคิ้วเล็กน้อย ก็ถอนหายใจในใจเช่นกัน ต่อให้ตำแหน่งของหลินหยางที่เมืองลั่วสูงกว่านี้แล้วจะยังไงต่อหน้าผู้มีอิทธิพลอย่างหวังเทียนเหิง ก็ทำได้แค่เพียงอดกลั้นเท่านั้น!“จะตรวจสอบงั้นก็ได้ แต่ก็ต้องทำตามขั้นตอนทางกฎหมาย”หลี่หรูเยว่สีหน้าไม่สุขุม แต่กลับไม่กล้าให้หลินหยางมีข้อหาขัดขวางทางการติดตัว“กฎหมาย?” หวังเทียนเหิงยิ้มเยาะ กล่าวด้วยท่าทีหยิ่งยโส “คำพูดของฉัน ก็คือกฎหมาย! มีปัญหา? เข้าไปในห้องกับฉันค่อย ๆ คุยกัน ถ้าทำให้ฉันพอใจได้ ไม่แน่ว่าฉันอาจจะปล่อยแกไปสักครั้ง!”เขาทำตัวอวดดีกำเริบเสิบสาน! ถึงอย่างไรเหยียนฮ่าวก็ได้แทรกแซงคดีนี้ด้วยตนเองแล้ว ถ้าอยากจะจับหลินหยางให้อยู่หมัด! ต้องมีหลักฐานแน่ชัด ทำให้หลินหยางดิ้นไม่หลุดตลอดไป!ส่วนการหลับนอนกับปรมาจารย์ระดับแปดคนหนึ่ง นั่นก็เป็นเพียงเรื่องของผลพลอยได้เท่านั้น!เขาจ้องมองสำรวจรูปร่างที่สวยงามประณีตของหลี่หรูเยว่ด้วยสายตาที่ร้อนผ่าว มีความร้อนกลุ่มหนึ่งพลุ่งพล่านขึ้นในท้องน้อยข
แต่กลัวว่าเขาจะฉวยโอกาสช่วงจังหวะชุลมุน ลงมือกับจ้าวเจิ้งฮ่าว!“นายพลจ้าววางใจ”สีหน้าเฉิงคั่วหนักใจ ก้าวไปข้างหน้าก้าวหนึ่งในฐานะที่เขาเป็นปรมาจารย์ระดับห้า ประกอบกับมีนักรบทหารองครักษ์ชาวตงอิ๋งที่มีระดับมานะสร้างกลุ่มหนึ่งคอยช่วยเหลือ ก็มากพอที่จะจับตัวปรมาจารย์หนึ่งในนั้นได้“แม่งเอ๊ย ในเมื่อพวกแกทั้งหมดยอมเป็นสุนัขรับใช้ของหลินหยาง ถ้าอย่างนั้นก็ไปตายให้หมด! คิดว่าปรมาจารย์ระดับเก้าของฉันมีไว้ประดับเหรอไงวะ!?”จ้าวเจี้ยนชิงดวงตาแดงก่ำด้วยความริษยา ตนเป็นผู้บังคับบัญชาของเมืองลั่วมานานหลายปี ยังไม่มีลูกน้องที่แข็งแกร่งขนาดนี้ หลินหยางเพิ่งมาได้ไม่นาน ก็มีปรมาจารย์ระดับหกถึงสี่คนเป็นสุนัขรับใช้?!หลินหยางยิ่งใช้ชีวิตดีเท่าไหร่ เขาก็ยิ่งอยากจะสับหลินหยางให้แหลกเป็นหมื่น ๆ ชิ้น!แต่ทว่ายังไม่ทันได้ลงมือเขาก็รู้สึกเย็นวาบไปทั่วทั้งตัว แรงอาฆาตที่เย็นยะเยือกขั้นสุดกลุ่มหนึ่งลอยมา!“จ้าวเจี้ยนชิง แกอยากตายใช่ไหม?”ในเวลานี้ หลี่หรูเยว่ยืนอยู่ที่ประตูคฤหาสน์ ในมือของเธอใช้โซ่เหล็ก จูงม๋อจื่อที่เหมือนกับเป็นสัตว์ร้าย จ้องมองเขาด้วยความเย็นชาจ้าวเจี้ยนชิงรูม่านตาหดทันที กล่าวอย
ก็แค่ปรมาจารย์ระดับหกคนหนึ่งเท่านั้น เขาไม่สนใจอยู่แล้วแต่ปรมาจารย์ระดับหกคนหนึ่งไม่คิดเลยว่าจะมาเป็นยามให้หลินหยาง เขาไม่สามารถเข้าใจได้!แม้ว่าเขาจะเป็นปรมาจารย์ระดับเก้าก็ยังไม่เคยได้รับการปฏิบัติแบบนี้!จ้าวเจิ้งฮ่าวและคนอื่น ๆ ต่างก็อ้าปากค้างอย่างตกตะลึงสถานการณ์ตรงราวกับเป็นภาพลวงตาเลยทีเดียว!ไอ้หมอนี่หัวสมองมีปัญหาเหรอไง? ไม่ง่ายเลยกว่าจะได้เป็นปรมาจารย์ระดับหก แต่กลับมาเป็นยามให้คนที่มีระดับเจ็ดอย่างหลินหยาง?!“นับว่าแกพอมีความสามารถอยู่บ้าง แต่การรับใช้คนที่กำลังจะตาย เป็นการทำให้ตัวเองเสื่อมถอยแท้ ๆ เลย!”จ้าวเจี้ยนชิงกล่าวด้วยสีหน้าเย็นชา “หลินหยางทำลายการค้าระหว่างกองทัพกับชาวตงอิ๋ง ฉันมาเพื่อค้นหาหลักฐาน”“ตอนนี้ฉันให้โอกาสแกกลับตัวกลับใจหนึ่งครั้ง สวามิภักดิ์ต่อฉัน! ไม่อย่างนั้น จะถือว่าแกขัดขวางการสอบสวน! ฝ่าฝืนกฎหมายระดับประเทศ! ฉันจะประหารชีวิตแกทันที”เขามีความคิดที่จะชักจูงคนคนนี้ถึงอย่างไรปรมาจารย์ระดับหกในเมืองลั่วก็นับว่าเป็นยอดฝีมือ ฆ่าไปก็น่าเสียดายแต่ทว่าอาต้ากลับกล่าวเสียงเย็นชา “รับเลี้ยงฉัน? แกคู่ควรเหรอ! ไสหัวไป!”“แกคิดให้ดี ๆ กล้าขัดขวาง
เจียงรั่วหานกล่าวโต้เถียงด้วยสีหน้าแดงก่ำแต่นี่ก็คือเรื่องจริงถึงอย่างไรตนก็ไม่ได้ขึ้นเตียงกับหลินหยาง แต่ทว่าทำในรถ...“ไม่ต้องรีบ นั่งลงคุยกัน...” ซ่งหว่านอวี๋ท่าทางสบาย ๆ พูดจาปลอบโยนอย่างมีเลศนัย “เป็นเพราะพี่กลัวเธอถูกหลินหยางหลอกเอา หลินหยางนั่นบังคับให้พี่ทำเรื่องแบบนั้น เขาไม่ใช่คนดีอะไร!”“พี่หว่านอวี๋พี่ไม่เข้าใจเขา!”เจียงรั่วหานกลับวางแก้วกาแฟลง รีบพูดขึ้นว่า “อันที่จริงหลินหยางเป็นคนดีคนหนึ่ง ก่อนหน้านี้ที่เขาทำแบบนั้นกับพี่ อัน อันที่จริงเป็นเพราะจ้าวเจิ้งฮ่าวเป็นต้นเหตุ!”“ฉันบอกเขาแล้ว ว่าต่อไปห้ามแตะต้องพี่อีก!”ไม่แตะต้องฉัน?ฉันต้องการให้เธอช่วยเหลือเรื่องนี้เหรอ?เธอกินอิ่มแล้วไม่กะจะไม่เหลือไว้ให้ฉันกินสักคำเลยเหรอไง!ซ่งหว่านอวี๋สีหน้าดูแย่เล็กน้อย เธอกินอาหารทะเลมื้อหรูจนเคยชินแล้ว จะกินอาหารจืดชืดลงได้ยังไงอีก?“พี่หว่านอวี๋ ต่อไปฉันคงต้องอาศัยพี่คอยเป็นที่กำบังให้ฉันแล้ว ครอบครัวนี้ ฉันทนอยู่ต่อไปไม่ได้อีกแม้แต่วันเดียวแล้ว!”เจียงรั่วหานยังหันหน้าไปมองซ่งหว่านอวี๋ด้วยท่าทางขอร้อง“เรื่องเล็กน้อย...”ซ่งหว่านอวี๋กล่าวพร้อมรอยยิ้มบาง ๆ ไม่ว่าจะพู
ฉินเจิ้งคุนกลับส่งสัญญาณมือให้เงียบเอาไว้“เรื่องพวกนี้ห้ามเอาไปพูดข้างนอกส่งเดช! การต่อสู้ของบุคคลใหญ่โตไม่ใช่สิ่งที่พวกเราวิจารณ์ได้!”เขากล่าวเตือนด้วยท่าทีขึงขังถึงแม้ว่าตระกูลฉินจะมีชื่อเสียงโด่งดังในหนานโจว แต่ในสายตาของตระกูลใหญ่ที่ล้ำลึกจนไม่อาจคาดเดาของซานโจวบนพวกนั้น วงศ์ตระกูลบ้านนอกอย่างตระกูลฉิน ไม่ควรค่าให้เอ่ยถึงการต่อสู้ระดับนั้น เพียงแค่ควันหลง ก็มากพอที่จะทำให้ทั้งตระกูลฉินตายไร้ที่ฝังศพแล้ว!ฉินอี๋หลิงรีบหุบปากทันทีเช่นกันไม่กล้าส่งเสียงดัง เพราะหวาดกลัวว่าคนบนฟ้า!“หลินไร้ศัตรูแอบรายงานแต่ละวงศ์ตระกูลใหญ่แห่งหนานโจวอย่างลับ ๆ ให้ช่วยเขาตามหาหลานชายของเขา ถ้าหากใครหาเจอ เขาก็จะยอมรับคำขอร้องของคนนั้นหนึ่งข้อ” ฉินเจิ้งคุนค่อย ๆ พูด“จริงเหรอคะ?”ฉินอี๋หลิงสีหน้าตื่นเต้นดีใจ หัวใจไฟลุกโชนถึงแม้ว่าวงศ์ตระกูลของหลินไร้ศัตรูจะล่มสลายไปแล้ว แต่ก็ยังไม่สิ้นอำนาจโดยสมบูรณ์!คำมั่นสัญญาของเขาหนึ่งข้อ สามารถตัดสินว่าใครจะได้ครอบครองตำแหน่งหัวหน้าตระกูลฉิน!“มีเบาะแสของหลานชายคนนั้นของเขาแล้วเหรอยัง!”เธอรีบกล่าวถาม“ง่ายแบบนั้นซะที่ไหน...”ฉินเจิ้งคุนส่ายหน้
ตนในตอนนี้ ต่อสู้ข้ามสามระดับชั้นก็ไม่เป็นปัญหา มีลูกน้องไม่กี่คน ตนก็ไม่ต้องโดนรุมโจมตีอีกบ่อย ๆมีสิทธิ์แสร้งทำเป็นเก่ง ถ้าอย่างนั้นก็ต้องทำแต่ทว่าหลี่หรูเยว่กับปรมาจารย์ทั้งสี่คนมีความปรับตัวให้เข้ากับสไตล์แบบนี้ไม่ค่อยได้เท่าไหร่หลูอ้าวตงว่าอวดดีมากพอแล้ว แต่เมื่อเทียบกับหลินหยาง นั่นก็เป็นแค่เรื่องจิ๊บจ๊อยเท่านั้น...“ไปกันเถอะ กลับไปที่บ้านให้ฉันรักษาอาการบาดเจ็บให้พวกแกก่อน อีกเดี๋ยวไปกับฉันฆ่าคนของจ้าวเจี้ยนชิงให้เรียบ”หลินหยางเดินลงจากภูเขาแต่หลี่หรูเยว่และคนอื่น ๆ อีกห้าคนกลับสบตากันแวบหนึ่ง เห็นสีหน้าตกใจจากนัยน์ตาของอีกฝ่ายหลินหยางพูดจาสบาย ๆ มาก ราวกับว่าในสายตาของเขา การฆ่าหัวหน้ากองทหารรักษาการณ์ ง่ายเหมือนกับซื้อผักพวกเขากลับไม่ทันได้คิดมาก รีบตามหลินหยางลงจากเขา คอยตามปรนนิบัติ...อีกด้านหนึ่งภายในห้องหนังสือสไตล์โบราณแห่งหนึ่งฉินเจิ้งคุนกระแทกโทรศัพท์มือถือลงบนโต๊ะ พูดด้วยความโมโห “ไอ้สารเลวนี่อวดดีมาก! แม้แต่สายโทรศัพท์ของฉันกล้าตัดทิ้ง!”ฉินอี๋หลิงที่อยู่ด้านข้างสีหน้าดูแย่เช่นกัน บทสนทนาเมื่อครู่นี้เธอได้ยินหมดแล้วหลินหยางไม่ให้เกียรติเลยแม้แต