เมื่อพวกหลิวจางอู่ทั้งคู่ได้ยินสิ่งนี้ ก็รู้สึกอมทุกข์ขึ้นมาทันที“คุณชายหลิน เมื่อกี้ไม่ใช่ท่านบอกว่าแค่พี่สาวกับพี่เขยของผมยกโทษให้ก็โอเคแล้วเหรอครับ”“สิ่งที่ผมพูดคือ คุณควรขอโทษพวกเขา และขอให้พวกเขาให้อภัย แต่ผมไม่ได้บอกว่าผมจะปล่อยพวกคุณไป”สิ่งที่หลินหยางเกลียดที่สุดคือคนเนรคุณ ตั้งแต่ต้นจนจบ เขาไม่ได้คิดที่จะปล่อยพวกหลิวจางอู่ทั้งคู่เลย “คุณชายหลิน พวกเราทั้งสองไม่ได้ง่ายเลย ในตอนนี้เงินพวกเราก็คืนไปแล้ว ขอโทษก็ขอโทษไปแล้ว อยากขอร้องให้ท่านช่วยหลีกทางให้พวกเราเถอะ ไม่อย่างนั้นพวกเราจะต้องล้มละลายจริง ๆ แน่ ขอร้องล่ะครับ!”หลิวจางอู่ทำได้เพียงแค่อ้อนวอนต่อไป“หากว่าคุณสิ้นเนื้อประดาตัว แล้วมันเกี่ยวอะไรกับผม”หลินหยางพูดด้วยสีหน้าไม่แยแส“คุณกำลังบังคับให้พวกเราตายเหรอ?”จางชุ่ยอิงอดไม่ได้ที่จะพูด“ถ้าจะตายก็ไปตายไกล ๆ หน่อยนะ”หลิวจางอู่และจางชุ่ยอิงคุกเข่าลงอีกครั้ง แต่หลินหยางกลับนิ่งเฉยเป็นทองไม่รู้ร้อน“พี่สาว พี่เขย ช่วยผมพูดบางอย่างเถอะ โรงงานของเราจะเจ๊งจริง ๆ แล้ว งั้นเอางี้ ต่อไปที่พวกเราหาเงินได้ เราจะแบ่งให้พวกคุณครึ่งหนึ่งเลย”หลิวจางอู่เห็นว่าหลินหยางใ
“เวยเวย ไปดูอันที่ดีกว่าเถอะ พยายามอยู่ในใจกลางเมือง ครบครับสะดวกสบายในทุก ๆ อย่าง หากว่าเงินไม่พอ เดี๋ยวผมจ่ายให้เอง”นี่เป็นมิตรไมตรีในความทรงจำของหลินหยาง ที่เขาจะสามารถช่วยเหลือได้อย่างมากที่สุด “นายน้อย ท่านเพิ่งจะช่วยพวกเราในเรื่องที่ยิ่งใหญ่มาก ๆ ไปแล้ว แถมยังช่วยรักษาพวกเราอีก แล้วเราจะปล่อยให้คุณจ่ายค่าซื้อบ้านให้อีกได้อย่างไร?”เสิ่นลี่หมินส่ายหัวปฏิเสธ“ลุงเซิน ไม่เป็นไร ไม่ต้องเกรงใจผมแล้ว” หลินหยางยิ้มอย่างไรก็ตามเสิ่นลี่หมินยังคงยืนยันให้เสิ่นโย่วเวยมองไปที่บ้านธรรมดา ๆ ควบคุมค่าใช้จ่ายให้อยู่ในสองล้าน ไม่ยอมให้รับเงินจากหลินหยาง“นายน้อย ผมรู้ว่าคุณไม่ได้ขาดแคลนเงิน เงินไม่กี่ล้านเป็นแค่เรื่องเล็กน้อยสำหรับคุณ ก็ไม่มีความหมายสำหรับคุณ มันจะทำให้คนไม่โลภมาก เอาไว้เป็นสิ่งวัดกัน ผมซาบซึ้งในความมีน้ำใจและความกรุณาของคุณนะครับ”“พี่หลินหยาง พ่อของฉันพูดถูก เงินนี้สำหรับพวกเรา ถือว่าเพียงพอแล้ว ไม่ต้องขอคุณเพิ่มแล้วล่ะ” เสิ่นโย่วเวยกล่าวเมื่อหลินหยางได้ยินแบบนี้ เขาก็ไม่ได้พูดอะไรต่อ แล้วหยิบกุญแจรถให้เสิ่นโย่วเวย เธอและหลิวจี๋หลันจะได้ออกไปดูบ้านกัน หานลี่ฉินจาก
มู่หรงยิ่นพาแพทย์ผู้โด่งดังจากหนานตูตรงไปที่วอร์ด“เลขาหลี่ ท่านนี้คือถังเต้าหมินแพทย์ชื่อดังจากหนานตูของพวกเรา เดินทางมาจากเมืองหลวง”มู่หรงยิ่นแนะนำ“หยุดพูดเรื่องไร้สาระ แล้วไปรักษาก่อน คุณหยีหลิงเป็นผู้สืบทอดสายตรงของตระกูลฉิน สถานะของเธอมีความสำคัญค่อนข้างมาก จึงไม่สามารถมีช่องว่างให้ผิดพลาดได้แม้แต่นิดเดียว หากว่าเธอเกิดเหตุร้ายขึ้นในเมืองลั่วของพวกคุณ ตระกูลมู้หรงทั้งตระกูลของพวกคุณ รับผิดชอบไม่ไหวแน่”เลขาฉีหยีหลิงมีสีหน้าเย็นชา คำพูดของเธอก็เต็มไปด้วยคำข่มขู่"วางใจเถอะครับ ตราบใดที่มีผมอยู่ที่นี่ จะไม่มีเรื่องแบบนั้นเกิดขึ้นแน่นอน!"ถังเต้าหมินรู้ว่าคนที่เขาต้องการรักษาคือสมาชิกของตระกูลฉินแห่งเฟิ่งหยาง แถมยังเอาใจใส่มากอีกด้วย นี่เป็นโอกาสของเขาที่จะมีชื่อเสียงในหนานตู"หวังว่าอย่างนั้นนะ!"เลขาหลี่ส่งเสียงอย่างเย็นชามู่หรงยิ่นไม่พอใจอย่างยิ่งที่ถูกเลขาตัวน้อยข่มขู่เช่นนี้ ถึงจะไม่พอใจอย่างมาก แต่ก็ทำได้เพียงแค่อดทนเท่านั้นพอฉินหยีหลิงมาถึงเมืองลั่วจู่ ๆ ก็มีอาการป่วยแปลก ๆ สิ่งนี้ไม่เกี่ยวข้องกับตระกูลมู่หลง แต่ถ้าเธอเสียชีวิตที่นี่จริง ๆ ตระกูลฉินต้องดำเนินคดีน
เลขาหลี่ถาม“โชคดีที่ปราชญ์แพทยศาสตร์เป็นคนเตรียมใบสั่งยาก่อนจะรักษาโรค หลังจากนั้นโรคก็หมดไปโดยสิ้นเชิง วิธีการรักษายังไม่ได้รับการสืบทอด บัดนี้ในโลกนี้ คนเดียวที่สามารถรักษาโรคนี้ได้คือ ปราชญ์แพทยศาสตร์”ถังเต้าหมินอธิบาย“นักปราชญ์แห่งการแพทย์เมื่อร้อยปีที่แล้ว งั้นก็แปลว่าตายไปนานแล้วไม่ใช่เหรอ?” มู่หรงยิ่นถาม“เนื่องจากปราชญ์แพทยศาสตร์ถูกเรียกว่านักบุญ แน่นอนว่าเขาเป็นทั้งผู้วิเศษแล้วกลายมาเป็นนักบุญ เขามีอายุยืนยาวเป็นพันปี แล้วจะตายได้อย่างไร ชายชรา ที่เป็นแพทย์คนแรกของโลก”ถังเต้าหมินลูบเคราของเขา เมื่อพูดถึงนักปราชญ์แห่งการแพทย์ ใบหน้าของเขาก็เต็มไปด้วยความเคารพ“แล้วจะไปหานักปราชญ์แห่งการแพทย์ได้ที่ไหน?”เลขาหลี่ถามด้วยความกังวล“นักปราชญ์แห่งการแพทย์อาวุโสนักบุญแพทย์อาวุโสคือบุคคลที่เปลี่ยนจากคนพิเศษเป็นนักปราชญ์ ดั่งมังกรที่เห็นหัวแต่ไม่เห็นหาง หาตัวได้ไม่ใช่ง่าย ๆ”หลังจากได้ยินคำพูดของถังเต้าหมิน เลขาหลี่ก็กลายเป็นอัมพาตไปเลย“ทำไงดี? ฉันควรทำอย่างไรดี?”มู่หรงยิ่นถามว่า "คุณถัง คุณแน่ใจหรือว่าการวินิจฉัยของคุณไม่มีข้อผิดพลาด? เนื่องจากเป็นโรคที่ถูกค้นพบเมื่อร
ด้านนอกวอร์ด เลขาหลี่ทราบข่าวร้าย จึงรีบโทรกลับไปรายงานอย่างรวดเร็วฉินหยีหลิงเป็นผู้สืบทอดสายตรงของตระกูลฉิน ผู้ที่มีตำแหน่งสูงสุดในตระกูลฉิน คุณพ่อคุณแม่ของเธอต่างก็เป็นบุคคลสำคัญของตระกูลเช่นเดียวกัน จู่ ๆ ฉินหยีหลิงก็ล้มป่วยลงอย่างกะทันหัน ก่อนหน้านี้ได้รายงานไปแล้วตระกูลฉินติดต่อกับหมอเทพแห่งเฟิ่งหยางให้รีบมา “คุณชายสิบสาม อาการป่วยของฉีหยีหลิง ไม่สามารถรักษาให้หายขาดได้ค่ะ”เลขาหลี่ร้องไห้ผ่านโทรศัพท์“ทำไมถึงรักษาให้หายขาดไม่ได้? คุณติดต่อตระกูลมู่หรง แล้วให้เขาจัดเครื่องบินพิเศษ เพื่อส่งฉีหยีหลิงกลับมา แพทย์ธรรมดา ๆ แห่งหนานตูของพวกเขารักษาไม่ดี พวกเราฉินหยางเองก็มีแพทย์ฝีมือดีอยู่เหมือนกัน”ฉินเจิ้งคุนคุณพ่อสุดที่รักของฉินหยีหลิงกล่าวผ่านทางโทรศัพท์เลขาหลี่ร้องไห้และบอกฉินเจิ้งคุนเกี่ยวกับผื่นเม็ดเลือดแดงในอีกด้านหนึ่งของการสนทนา ฉินเจิ้งคุนเงียบไปเป็นเวลานาน เห็นได้ชัดว่าเขาไม่คาดคิดว่าลูกสาวที่รักของเขาจะเป็นโรคร้ายแรงที่หายากเช่นนี้ มันทำให้เขาก็สับสนอยู่พักหนึ่ง“ไม่ว่ายังไงก็ตาม ส่งหยีหลิงกลับมาเฟิ่งหยางก่อน แม้ว่าสุดท้ายเธอจะจากไปก็ตาม จะไม่ปล่อยให้เธอตาย
หานลี่ฉินพูดตามจริง“ไม่ว่าเขาจะรักษาได้หรือไม่ รีบเรียกคนคนนี้มาเดี๋ยวนี้เลย” เลขาหลี่กลับไม่สนใจอะไรมาก ยังไงเสียก็แทบจะหมดหวังแล้ว ลองรักษาดูก็ไม่มีอะไรเสียหาย เขาไม่อาจพลาดโอกาสใดแม้เพียงเศษเสี้ยวหานลี่ฉินกล่าวอย่างลำบากใจว่า “คุณหลินบอกว่าเขาไม่ว่าครับ” “ช่างวางท่าเหลือเกิน! ขอเพียงเขาสามารถรักษาไอ้โรคประหลาดนี่ได้ ตระกูลฉินไม่มีทางผิดต่อเขาแน่ จะให้เขาได้ทั้งชื่อเสียงและผลประโยชน์อย่างแน่นอน” เลขาหลี่ทำงานอยู่ข้างกายฉินอี๋หลิงจึงเคยชินกับการวางตัวสูงส่ง คอยบงการผู้อื่นอย่างหยิ่งผยอง เมื่อได้ยินว่าหลินหยางถึงกับไม่ยอมมา จึงชักสีหน้าพูดออกมาหานลี่ฉินรู้สึกลำบากใจต่อทั้งสองฝ่าย แต่เขาก็ไม่กล้าไปรบกวนหลินหยางอีก“อย่างไรกัน? ผอ.หาน คนคนนี้คุณสั่งการไม่ได้อย่างนั้นหรือ?” เลขาหลี่ถาม“เลขาหลี่ ขอไม่ปิดบังคุณ คุณหลินไม่ใช่หมอของโรงพยาบาลเรา ทักษะการแพทย์ของเขายอดเยี่ยมอย่างน่าอัศจรรย์ ผอ.ตัวเล็กๆ แบบผมเมื่ออยู่ต่อหน้าคุณหลินแล้วก็ไม่มีน้ำหนักแม้แต่น้อย ผมเชิญมาไม่ได้จริงๆ ครับ” “คุณไปบอกคนคนนั้นว่าตระกูลฉินแห่งเมืองเฟิ่งหยางสั่งให้เขามารักษาโรคให้คนที่โรงพยาบาล ไม่อนุญาตใ
เมื่อมู่หรงยิ่นเห็นเลขาหลี่มีทัศนคติเช่นนี้ ก็ส่ายศีรษะและเผยสีหน้าเย็นชาออกมา“หากท่าทีของคุณเป็นแบบนี้ ฉันก็ไม่จำเป็นต้องโทรศัพท์ครั้งนี้แล้ว คุณหลินไม่มีทางยื่นมือมาช่วยเหลือแน่” “ตระกูลฉินแห่งเฟิ่งหยางให้เขารักษา เขากล้าไม่ทำตามหรือ? ต่อให้เขาได้ชื่อว่าเป็นหมอเทวดา แต่เมื่ออยู่เบื้องหน้าตระกูลฉิน เขาก็ต้องก้มหัวลู่หางทำตามคำสั่ง!" เลขาหลี่เลิกคิ้วเรียวของเขา ไม่แก้ไขท่าทีเชิดหน้าสั่งการอย่างเย่อหยิ่งโดยไม่เห็นใครอยู่ในสายตาแม้แต่น้อย“มู่หรงยิ่น ผมขอสั่งให้คุณโทรศัพท์เดี๋ยวนี้ คุณอย่าได้ลืมฐานะของตัวเอง ถ้าคุณหนูฉินเป็นอะไรไปในเมืองลั่วขึ้นมา คุณก็ยากจะหนีความรับผิดชอบได้เหมือนกัน คุณเป็นเพียงคนรับผิดชอบสาขาเล็กๆ ของตระกูลมู่หรงเท่านั้น ต่อให้เป็นตระกูลมู่หรงแห่งหนานตู เมื่ออยู่ต่อหน้าตระกูลฉินของพวกเรา ก็เป็นเหมือนมดปลวกเท่านั้น” เลขาหลี่แสดงท่าทีของสุนัขที่แอบอ้างบารมีเจ้านายออกมาอย่างเต็มที่ อ้าปากปิดปากก็เป็นตระกูลฉินแห่งเฟิ่งหยางดวงตาอันงดงามของมู่หรงยิ่นเกิดประกายเยียบเย็นวาบผ่าน“คนที่ลืมฐานะของตัวเองคงจะเป็นคุณมากกว่า คุณเป็นแค่เลขาคนหนึ่งเท่านั้น วางท่าอะไรกัน?
ฉินอี๋หลิงกล่าวกับมู่หรงยิ่น“คุณหนูครับ คุณไม่รู้ว่าเจ้าคนแซ่หลินนี่วางท่ามากเหลือเกิน เพราะเรื่องนี้ผมถึงได้เกิดการโต้เถียงกับคุณมู่หรตำรับขึ้นมา สามารถทำการรักษาให้คนตระกูลฉินได้ สำหรับคนนับไม่ถ้วนถือว่าเป็นโอกาสยิ่งใหญ่เทียมฟ้า แต่เขากลับยังกล้าวางท่าอีก” หลีเหยียนยังคงไม่เปลี่ยนท่าทีสูงส่งเหนือผู้คนนั่น“หุบปาก!” ฉินอี๋หลิงตำหนิ“ถ้าหมอเทวดาหลินท่านนี้สามารถรักษาโรคนี้ได้จริง ก็เท่ากับว่าเขาเป็นหมอเทวดาตัวแท้จริง นายรู้หรือเปล่าว่าหมอเทวดามีฐานะแบบไหน ต่อให้เป็นตระกูลฉินของพวกเรา ก็ยังต้องเคารพให้เกียรติ ยกย่องเป็นแขกกิตติมศักดิ์ ไม่มีใครเต็มใจล่วงเกินหมอเทวดาที่แท้จริงหรอกนะ นายรีบของขมาคุณหนูมู่หรงเดี๋ยวนี้เลย” ไม่เสียทีที่ฉินอี๋หลิงเป็นทายาทสายตรงของตระกูลฉิน การอบรมเลี้ยงดูที่ได้รับไม่เหมือนกัน สายตาที่ใช้มองสิ่งต่างๆ ก็ย่อมแตกต่างเช่นกัน เธอเข้าใจดีว่าหมอเทวดาผู้หนึ่งมีฐานะเช่นใดหลี่เหยียนถึงกับกล้าเสียมารยาทแบบนี้ หากล่วงเกินหมอเทวดาขึ้นมาจนไม่ยินดีจะรักษาให้ แบบนั้นเธอก็จะต้องตายอย่างแน่นอนฉินอี๋หลิงทรมานมากพอแล้ว ไม่อยากทนรับความเจ็บปวดเช่นนี้อีกต่อไปแล้วหลี
เหยียนฮ่าวรู้สึกหมดความอดทนอยู่บ้าง “อยากจะเจรจาก็รีบพูดมา ไม่พูดฉันจะไปแล้ว!”หลินหยางกลับจิบไวน์อึกหนึ่ง ถึงได้หันหน้าไปมองเขาแล้วกล่าวด้วยรอยยิ้ม “คุณชายเหยียน เหมือนว่าคุณจะเข้าใจผิดไปนะ”“คุณ มีสิทธิ์อะไรมาเจรจากับผม?”“ว่าอะไรนะ?”เหยียนฮ่าวงุนงงไปทันที หลินหยางเพียงแค่ดีดนิ้วทีหนึ่ง!ทันใดนั้น เหยียนฮ่าวก็ล้มลงไปบนพื้นอย่างรุนแรง กรีดร้องออกมาอย่างเจ็บปวดราวกับไม่ใช่เสียงของมนุษย์! ร่างกายคดงอราวกับกุ้งต้มสุก!ยังดีที่ครั้งก่อนต่อสู้ครั้งใหญ่กับหวังเหลียนเฉิง หลังจากทำลายคฤหาสน์จนพัง หลินหยางก็ได้ให้คนมาซ่อมแซมแล้ว ยังใช้วัสดุเก็บเสียงชั้นดีอีกด้วย ถึงไม่ทำให้เสียงร้องที่ราวกับจะขาดใจตายของเขาไม่ดังเล็ดลอดออกไปข้างนอกหลินหยางนั่งอยู่บนโซฟา ดื่มไวน์อย่างไม่รีบไม่ร้อน เอาหูไปนาเอาตาไปไร่กับเสียงร้องอันน่าเวทนานั่นหลังจากผ่านไปห้านาที ถึงได้ค่อย ๆ วางแก้วไวน์ลงเสียงร้องอันน่าเวทนาของเหยียนฮ่าวก็ค่อย ๆ หยุดลงเขาในเวลานี้นอนอยู่บนพื้น เหงื่อท่วมตัว สีหน้าซีดขาวจนน่าตกใจ แม้แต่พรมยังถูกเขาฉีกจนเละเทะ!“รู้สึกดีแล้วใช่ไหม?”หลินหยางกล่าวพร้อมรอยยิ้ม“แก แกทำอะไรกับฉัน?
“แกคิดว่าแกมีลั่วหงอวี๋คอยปกป้อง ก็จะทำอะไรตามอำเภอใจได้อย่างนั้นหรือ? เพ้อเจ้อ! บ้านเมืองมีขื่อมีแป แม้ว่าจะเป็นลั่วหงอวี๋ก็ไม่สามารถต่อต้านได้!”จ้าวเจี้ยนชิงรู้สึกมีความสุขเป็นอย่างยิ่ง ถ้าหากไม่ใช่เพราะมีลั่วหงอวี๋ หลินหยางจะสามารถหนีมานานขนาดนี้ได้ยังไง!เขาทำได้แค่มองดูหลินหยางทำตัวอวดดีมานานขนาดนั้น แต่กลับไม่สามารถทำอะไรได้ ถูกบีบจนแทบจะเสียสติ!แต่ต่อหน้ากำลังของทางการ!ลั่วหงอวี๋ทำอะไรไม่ได้ทั้งนั้น!ในระหว่างที่พูด เขาหันไปพูดกับเหยียนฮ่าว “คุณชายเหยียน หลินหยางฆ่าข้าราชการของกรมอัยการสูงสุดต่อหน้าทุกคน ยังทำร้ายชาวตงอิ๋งจนบาดเจ็บ ทำลายความสัมพันธ์ของทั้งสองประเทศ คุณชายเหยียนได้โปรดให้ความเป็นธรรม!”แม้แต่ฮิเดนากะ ยามาโมโตะก็รีบกล่าวเช่นกัน “คุณชายเหยียนได้โปรดให้ความเป็นธรรม แก่ชาวตงอิ๋งด้วย!”เหยียนฮ่าวเข้าใจในทันที หันหน้าไปมองหลินหยางแสยะยิ้มกล่าว “ไม่คิดเลยว่าแกจะก่อเรื่องวุ่นวายใหญ่โตขนาดนี้ ยังกล้าทำลายความสัมพันธ์ของทั้งสองประเทศอีกด้วย!”“ใครก็ได้!”ปรมาจารย์หลายคนที่อยู่ด้านหลังเขาก้าวออกมาพร้อมกัน บนตัวแฝงไปด้วยสีหน้าอันดุร้าย ทุกคนเป็นปรมาจารย์ระดับแปด!
“ท่านรัฐมนตรี ท่านช่วยตบหน้ามัน แก้แค้นให้ผมหน่อยได้ไหม?”จ้าวเจิ้งฮ่าวรีบกล่าว“อนาคตอันน้อยนิดของแก...” หวังเทียนเหิงกล่าวอย่างเยาะหยัน“คงจะไม่ทำร้ายใครอีกใช่ไหม? แกควรคิดให้ดีล่ะ...”หลินหยางกล่าวด้วยความประหลาดใจหวังเทียนเหิงกลับตะคอก “ฉันจะทำร้ายแกจะทำไม!”ในระหว่างที่พูด เขาก็ตบหน้าเข้าไปฉาดหนึ่งท่าทางของเขาเหยียดหยามมาก หลินหยางปรมาจารย์ระดับเจ็ดแล้วยังไง ต่อหน้าฐานะอย่างตนเอง เขามีสิทธิ์อะไรมาขัดขืน?ต้องโดนตบหน้าแต่โดยดีเหมือนกัน!ครู่ต่อมา ความเหยียดหยามบนใบหน้าของเขาก็ชะงักไปทันทีฝ่ามือของเขาถูกหลินหยางจับเอาไว้ในมือ“ยังกล้าตอบโต้อีกเหรอ? ฉันเป็นถึงตัวแทนของทางการแห่งหนานหลิงเชียวนะ?!”หวังเทียนเหิงกล่าวด้วยความโมโห“รู้แล้ว ๆ”หลินหยางใบหน้าแฝงไปด้วยรอยยิ้ม“รู้แล้วก็...”หวังเทียนเหิงยังพูดไม่ทันจบประโยค หลินหยางกลับตบหน้าเขาฉาดหนึ่งอย่างรวดเร็ว สำหรับหลินหยางแล้วถือเป็นการใช้กำลังเพียงน้อยนิดเท่านั้นแต่หวังเทียนเหิงกลับถูกตบลอยกระเด็นออกไปทันที ฟันผสมเลือดปลิวอยู่กลางอากาศ!นี่ยังไม่หมด ยังไม่รอให้เขาตกถึงพื้น หลินหยางเตะเขาลอยกระเด็นออกไปอีก หวังเ
เจียงรั่วหานหัวใจตึงเครียดขึ้นมาทันที เป็นห่วงชายชู้ของตนเอง ครั้งนี้หลินหยางตกอยู่ในอันตรายจริง ๆ!อย่างไรเสียใช้ยศตำแหน่งข่มเหงคนอื่น!ซ่งหว่านอวี๋ขมวดคิ้วเล็กน้อย ก็ถอนหายใจในใจเช่นกัน ต่อให้ตำแหน่งของหลินหยางที่เมืองลั่วสูงกว่านี้แล้วจะยังไงต่อหน้าผู้มีอิทธิพลอย่างหวังเทียนเหิง ก็ทำได้แค่เพียงอดกลั้นเท่านั้น!“จะตรวจสอบงั้นก็ได้ แต่ก็ต้องทำตามขั้นตอนทางกฎหมาย”หลี่หรูเยว่สีหน้าไม่สุขุม แต่กลับไม่กล้าให้หลินหยางมีข้อหาขัดขวางทางการติดตัว“กฎหมาย?” หวังเทียนเหิงยิ้มเยาะ กล่าวด้วยท่าทีหยิ่งยโส “คำพูดของฉัน ก็คือกฎหมาย! มีปัญหา? เข้าไปในห้องกับฉันค่อย ๆ คุยกัน ถ้าทำให้ฉันพอใจได้ ไม่แน่ว่าฉันอาจจะปล่อยแกไปสักครั้ง!”เขาทำตัวอวดดีกำเริบเสิบสาน! ถึงอย่างไรเหยียนฮ่าวก็ได้แทรกแซงคดีนี้ด้วยตนเองแล้ว ถ้าอยากจะจับหลินหยางให้อยู่หมัด! ต้องมีหลักฐานแน่ชัด ทำให้หลินหยางดิ้นไม่หลุดตลอดไป!ส่วนการหลับนอนกับปรมาจารย์ระดับแปดคนหนึ่ง นั่นก็เป็นเพียงเรื่องของผลพลอยได้เท่านั้น!เขาจ้องมองสำรวจรูปร่างที่สวยงามประณีตของหลี่หรูเยว่ด้วยสายตาที่ร้อนผ่าว มีความร้อนกลุ่มหนึ่งพลุ่งพล่านขึ้นในท้องน้อยข
แต่กลัวว่าเขาจะฉวยโอกาสช่วงจังหวะชุลมุน ลงมือกับจ้าวเจิ้งฮ่าว!“นายพลจ้าววางใจ”สีหน้าเฉิงคั่วหนักใจ ก้าวไปข้างหน้าก้าวหนึ่งในฐานะที่เขาเป็นปรมาจารย์ระดับห้า ประกอบกับมีนักรบทหารองครักษ์ชาวตงอิ๋งที่มีระดับมานะสร้างกลุ่มหนึ่งคอยช่วยเหลือ ก็มากพอที่จะจับตัวปรมาจารย์หนึ่งในนั้นได้“แม่งเอ๊ย ในเมื่อพวกแกทั้งหมดยอมเป็นสุนัขรับใช้ของหลินหยาง ถ้าอย่างนั้นก็ไปตายให้หมด! คิดว่าปรมาจารย์ระดับเก้าของฉันมีไว้ประดับเหรอไงวะ!?”จ้าวเจี้ยนชิงดวงตาแดงก่ำด้วยความริษยา ตนเป็นผู้บังคับบัญชาของเมืองลั่วมานานหลายปี ยังไม่มีลูกน้องที่แข็งแกร่งขนาดนี้ หลินหยางเพิ่งมาได้ไม่นาน ก็มีปรมาจารย์ระดับหกถึงสี่คนเป็นสุนัขรับใช้?!หลินหยางยิ่งใช้ชีวิตดีเท่าไหร่ เขาก็ยิ่งอยากจะสับหลินหยางให้แหลกเป็นหมื่น ๆ ชิ้น!แต่ทว่ายังไม่ทันได้ลงมือเขาก็รู้สึกเย็นวาบไปทั่วทั้งตัว แรงอาฆาตที่เย็นยะเยือกขั้นสุดกลุ่มหนึ่งลอยมา!“จ้าวเจี้ยนชิง แกอยากตายใช่ไหม?”ในเวลานี้ หลี่หรูเยว่ยืนอยู่ที่ประตูคฤหาสน์ ในมือของเธอใช้โซ่เหล็ก จูงม๋อจื่อที่เหมือนกับเป็นสัตว์ร้าย จ้องมองเขาด้วยความเย็นชาจ้าวเจี้ยนชิงรูม่านตาหดทันที กล่าวอย
ก็แค่ปรมาจารย์ระดับหกคนหนึ่งเท่านั้น เขาไม่สนใจอยู่แล้วแต่ปรมาจารย์ระดับหกคนหนึ่งไม่คิดเลยว่าจะมาเป็นยามให้หลินหยาง เขาไม่สามารถเข้าใจได้!แม้ว่าเขาจะเป็นปรมาจารย์ระดับเก้าก็ยังไม่เคยได้รับการปฏิบัติแบบนี้!จ้าวเจิ้งฮ่าวและคนอื่น ๆ ต่างก็อ้าปากค้างอย่างตกตะลึงสถานการณ์ตรงราวกับเป็นภาพลวงตาเลยทีเดียว!ไอ้หมอนี่หัวสมองมีปัญหาเหรอไง? ไม่ง่ายเลยกว่าจะได้เป็นปรมาจารย์ระดับหก แต่กลับมาเป็นยามให้คนที่มีระดับเจ็ดอย่างหลินหยาง?!“นับว่าแกพอมีความสามารถอยู่บ้าง แต่การรับใช้คนที่กำลังจะตาย เป็นการทำให้ตัวเองเสื่อมถอยแท้ ๆ เลย!”จ้าวเจี้ยนชิงกล่าวด้วยสีหน้าเย็นชา “หลินหยางทำลายการค้าระหว่างกองทัพกับชาวตงอิ๋ง ฉันมาเพื่อค้นหาหลักฐาน”“ตอนนี้ฉันให้โอกาสแกกลับตัวกลับใจหนึ่งครั้ง สวามิภักดิ์ต่อฉัน! ไม่อย่างนั้น จะถือว่าแกขัดขวางการสอบสวน! ฝ่าฝืนกฎหมายระดับประเทศ! ฉันจะประหารชีวิตแกทันที”เขามีความคิดที่จะชักจูงคนคนนี้ถึงอย่างไรปรมาจารย์ระดับหกในเมืองลั่วก็นับว่าเป็นยอดฝีมือ ฆ่าไปก็น่าเสียดายแต่ทว่าอาต้ากลับกล่าวเสียงเย็นชา “รับเลี้ยงฉัน? แกคู่ควรเหรอ! ไสหัวไป!”“แกคิดให้ดี ๆ กล้าขัดขวาง
เจียงรั่วหานกล่าวโต้เถียงด้วยสีหน้าแดงก่ำแต่นี่ก็คือเรื่องจริงถึงอย่างไรตนก็ไม่ได้ขึ้นเตียงกับหลินหยาง แต่ทว่าทำในรถ...“ไม่ต้องรีบ นั่งลงคุยกัน...” ซ่งหว่านอวี๋ท่าทางสบาย ๆ พูดจาปลอบโยนอย่างมีเลศนัย “เป็นเพราะพี่กลัวเธอถูกหลินหยางหลอกเอา หลินหยางนั่นบังคับให้พี่ทำเรื่องแบบนั้น เขาไม่ใช่คนดีอะไร!”“พี่หว่านอวี๋พี่ไม่เข้าใจเขา!”เจียงรั่วหานกลับวางแก้วกาแฟลง รีบพูดขึ้นว่า “อันที่จริงหลินหยางเป็นคนดีคนหนึ่ง ก่อนหน้านี้ที่เขาทำแบบนั้นกับพี่ อัน อันที่จริงเป็นเพราะจ้าวเจิ้งฮ่าวเป็นต้นเหตุ!”“ฉันบอกเขาแล้ว ว่าต่อไปห้ามแตะต้องพี่อีก!”ไม่แตะต้องฉัน?ฉันต้องการให้เธอช่วยเหลือเรื่องนี้เหรอ?เธอกินอิ่มแล้วไม่กะจะไม่เหลือไว้ให้ฉันกินสักคำเลยเหรอไง!ซ่งหว่านอวี๋สีหน้าดูแย่เล็กน้อย เธอกินอาหารทะเลมื้อหรูจนเคยชินแล้ว จะกินอาหารจืดชืดลงได้ยังไงอีก?“พี่หว่านอวี๋ ต่อไปฉันคงต้องอาศัยพี่คอยเป็นที่กำบังให้ฉันแล้ว ครอบครัวนี้ ฉันทนอยู่ต่อไปไม่ได้อีกแม้แต่วันเดียวแล้ว!”เจียงรั่วหานยังหันหน้าไปมองซ่งหว่านอวี๋ด้วยท่าทางขอร้อง“เรื่องเล็กน้อย...”ซ่งหว่านอวี๋กล่าวพร้อมรอยยิ้มบาง ๆ ไม่ว่าจะพู
ฉินเจิ้งคุนกลับส่งสัญญาณมือให้เงียบเอาไว้“เรื่องพวกนี้ห้ามเอาไปพูดข้างนอกส่งเดช! การต่อสู้ของบุคคลใหญ่โตไม่ใช่สิ่งที่พวกเราวิจารณ์ได้!”เขากล่าวเตือนด้วยท่าทีขึงขังถึงแม้ว่าตระกูลฉินจะมีชื่อเสียงโด่งดังในหนานโจว แต่ในสายตาของตระกูลใหญ่ที่ล้ำลึกจนไม่อาจคาดเดาของซานโจวบนพวกนั้น วงศ์ตระกูลบ้านนอกอย่างตระกูลฉิน ไม่ควรค่าให้เอ่ยถึงการต่อสู้ระดับนั้น เพียงแค่ควันหลง ก็มากพอที่จะทำให้ทั้งตระกูลฉินตายไร้ที่ฝังศพแล้ว!ฉินอี๋หลิงรีบหุบปากทันทีเช่นกันไม่กล้าส่งเสียงดัง เพราะหวาดกลัวว่าคนบนฟ้า!“หลินไร้ศัตรูแอบรายงานแต่ละวงศ์ตระกูลใหญ่แห่งหนานโจวอย่างลับ ๆ ให้ช่วยเขาตามหาหลานชายของเขา ถ้าหากใครหาเจอ เขาก็จะยอมรับคำขอร้องของคนนั้นหนึ่งข้อ” ฉินเจิ้งคุนค่อย ๆ พูด“จริงเหรอคะ?”ฉินอี๋หลิงสีหน้าตื่นเต้นดีใจ หัวใจไฟลุกโชนถึงแม้ว่าวงศ์ตระกูลของหลินไร้ศัตรูจะล่มสลายไปแล้ว แต่ก็ยังไม่สิ้นอำนาจโดยสมบูรณ์!คำมั่นสัญญาของเขาหนึ่งข้อ สามารถตัดสินว่าใครจะได้ครอบครองตำแหน่งหัวหน้าตระกูลฉิน!“มีเบาะแสของหลานชายคนนั้นของเขาแล้วเหรอยัง!”เธอรีบกล่าวถาม“ง่ายแบบนั้นซะที่ไหน...”ฉินเจิ้งคุนส่ายหน้
ตนในตอนนี้ ต่อสู้ข้ามสามระดับชั้นก็ไม่เป็นปัญหา มีลูกน้องไม่กี่คน ตนก็ไม่ต้องโดนรุมโจมตีอีกบ่อย ๆมีสิทธิ์แสร้งทำเป็นเก่ง ถ้าอย่างนั้นก็ต้องทำแต่ทว่าหลี่หรูเยว่กับปรมาจารย์ทั้งสี่คนมีความปรับตัวให้เข้ากับสไตล์แบบนี้ไม่ค่อยได้เท่าไหร่หลูอ้าวตงว่าอวดดีมากพอแล้ว แต่เมื่อเทียบกับหลินหยาง นั่นก็เป็นแค่เรื่องจิ๊บจ๊อยเท่านั้น...“ไปกันเถอะ กลับไปที่บ้านให้ฉันรักษาอาการบาดเจ็บให้พวกแกก่อน อีกเดี๋ยวไปกับฉันฆ่าคนของจ้าวเจี้ยนชิงให้เรียบ”หลินหยางเดินลงจากภูเขาแต่หลี่หรูเยว่และคนอื่น ๆ อีกห้าคนกลับสบตากันแวบหนึ่ง เห็นสีหน้าตกใจจากนัยน์ตาของอีกฝ่ายหลินหยางพูดจาสบาย ๆ มาก ราวกับว่าในสายตาของเขา การฆ่าหัวหน้ากองทหารรักษาการณ์ ง่ายเหมือนกับซื้อผักพวกเขากลับไม่ทันได้คิดมาก รีบตามหลินหยางลงจากเขา คอยตามปรนนิบัติ...อีกด้านหนึ่งภายในห้องหนังสือสไตล์โบราณแห่งหนึ่งฉินเจิ้งคุนกระแทกโทรศัพท์มือถือลงบนโต๊ะ พูดด้วยความโมโห “ไอ้สารเลวนี่อวดดีมาก! แม้แต่สายโทรศัพท์ของฉันกล้าตัดทิ้ง!”ฉินอี๋หลิงที่อยู่ด้านข้างสีหน้าดูแย่เช่นกัน บทสนทนาเมื่อครู่นี้เธอได้ยินหมดแล้วหลินหยางไม่ให้เกียรติเลยแม้แต