โต้วเทากล่าว “ไอ้เด็กนี่มันกล้าหาญจริง ๆ อาศัยว่าตนเองมีศิลปะการต่อสู้ก็ทำตัวหยิ่งผยอง หัวหน้าหวังจ้างคุณติงมาได้ จะต้องทำให้มันต้องคุกเข่าอ้อนวอนให้ได้เลย”โต้วเทาพ่อลูกมาที่นี่ก็เพื่อดูความสนุก ประจบสอพลอเท่านั้น“คุกเข่าขอร้องยังไม่พอ! ฉันจะทำให้มันต้องเหมือนกับตายทั้งเป็น!” หวังเซิ่งหลานสั่นระริกไปทั่วทั้งตัว ใบหน้าภายใต้หน้ากากบิดเบี้ยวด้วยความโมโห เคียดแค้นเป็นอย่างยิ่ง“ใช่! อย่าให้อภัยมันง่าย ๆ จะต้องให้มันอยากอยู่ก็ไม่ได้ จะตายก็ไม่เชิง ให้มันอับอายจนถึงที่สุด”โต้วจวิ้นพูดจาอย่างอวดดีตามจากนั้นโต้วเทาสองพ่อลูกรับอาสาไปเคาะประตูเสิ่นลี่หมินพวกเขาที่อยู่ในบ้านได้ยินเสียงเคาะประตูดังปัง ๆ“เวยเวย เหมือนว่าจะมีแขกมาอีกแล้ว ลูกไปเปิดประตู”เสิ่นลี่หมินตะโกนเสิ่นโย่วเวยได้ยินความเคลื่อนไหวที่รุนแรงขนาดนี้ นี่มันเป็นการเคาะประตูที่ไหนกัน เห็นชัด ๆ ว่าเป็นการถีบประตู แขกจะไร้มารยาทขนาดนี้ยังไง?“คงไม่ใช่ว่าเว่ยต้ากังพาคนมาเพื่อแก้แค้นหรอกมั้ง?”เสิ่นโย่วเวยไม่กล้าเดินไปเปิดประตูในตอนแรกหลินหยางกับมู่หรงยิ่นที่อยู่ชั้นบนก็ได้ยินความเคลื่อนไหวเช่นกัน เดินมาที่ระเบียง
“ฉันรู้ว่าฝีมือของแกไม่เลว วันนี้เลยตั้งใจจ้างคุณติงไท่มาโดยเฉพาะ เขาเป็นถึงลูกศิษย์ที่ปรมาจารย์เจียงสอนด้วยตัวเอง ยอดฝีมือระดับแปด ตอนนี้ แกยังกล้าอวดดีอยู่อีกไหม?”หวังเจียเฉียนทำท่าทางสูงส่ง ท่าทางมั่นใจในชัยชนะ“ถ้าหากปรมาจารย์เจียงสอนด้วยตัวเองจริง ฉันก็คงต้องหวาดกลัวจริง ๆ แค่ระดับแปดง่อย ๆ เหมือนกับมดแมลง ยังไม่มีสิทธิ์มาเร่งเร้าต่อหน้าฉัน”หลินหยางกล่าว“ไอ้ตัวดี! แกจองหองดี! ฉันจะดูว่าแกยังจะปากแข็งไปได้ถึงตอนไหน!”เมื่อหวังเจียเฉียนเห็นหลินหยางปากแข็งแบบนี้ ก็ไม่ได้พูดมากอีก หันไปส่งสัญญาณมือให้แก่ติงไท่“คุณติง คุณก็เห็นแล้วใช่ไหม? ว่าไอ้เด็กนี่ ไม่เห็นแม้กระทั่งหัวคุณ”สายตาของติงไท่สีหน้าเคร่งขรึม ใบหน้าปรากฏความอาฆาต“หวังว่าความสามารถของแก จะเก่งเหมือนปากของแก! ฉันเองก็หวังว่ากระดูกของแก จะแข็งเหมือนกับปากของแก ไม่อย่างนั้นฉันจะบีบกระดูกของแกให้แตกละเอียดทุกท่อน ให้แกเหมือนตายทั้งเป็น”ติงไท่กล่าวด้วยสีหน้าเคร่งขรึมหลินหยางส่ายหน้าเล็กน้อย กล่าว “ถ้าอย่างนั้นก็...เข้ามาเลย”ติงไท่ตั้งท่า มีเสียงกระดูกลั่นดังออกมาทั่วทั้งตัว เส้นเลือดทุกเส้นบนแขนปูดโปน ขมับเต้
ถึงแม้ว่าติงไท่จะประหลาดใจกับความสามารถของหลินหยาง แต่เขายังคงมีความมั่นใจในตัวเองมาก“ถ้าอย่างนั้นก็รบกวนคุณติงด้วย”หวังเจียเฉียนประสานกำปั้นกล่าวติงไท่โบกมือ จากนั้นถามหลินหยาง “ไอ้เด็ก อาจารย์ของแกคือใคร?”“แกไม่มีสิทธิ์ถาม เห็นแก่หน้าปรมาจารย์เจียงของแก เมื่อกี้ฉันออมมือ ถ้าแกลงมืออีก จะเป็นหรือตายก็รับผิดชอบด้วยตัวเอง”เดิมทีหลินหยางสามารถทำให้ติงไท่บาดเจ็บสาหัสได้ด้วยกระบวนท่าเดียว แต่อย่างไรก็เป็นลูกศิษย์ที่ได้รับการสั่งสอนจากปรมาจารย์ เขาจึงให้เกียรติอยู่บ้างติงไท่เชื่อคำพูดของหลินหยางที่ไหนกัน พ่นลมหายใจอย่างเหยียดหยาม“พูดจาอวดดีไร้ยางอาย! เมื่อครู่นี้ ฉันยังไม่ได้ออกแรงเต็มที่ แต่กลับทำให้แกมั่นใจเสียแล้ว ต่อไป ฉันจะออกแรงเต็มที่ แกรอรับความตายได้เลย!”ติงไท่ตั้งท่าอีกครั้ง แสดงท่าทางเสือร้าย พุ่งเข้าไปโจมตีหลินหยางอีกครั้งครั้งนี้ ติงไท่ไม่ได้ออมมือเลยแม้แต่น้อย พลังหมัดดุดันยิ่งกว่าเดิม พละกำลังมหาศาลถูกรวบรวมเอาไว้ที่กำปั้นแต่ครั้งนี้หลินหยางไม่ได้ยืนรอรับการโจมตีอยู่ที่เดิมอีกเขาแสดงวิชาอสนีบาตสามสหัสสะ ในระหว่างที่หมัดหนักของติงไท่กำลังกระแทกเข้ามา เขาเ
ถึงแม้ว่าในเวลานี้หวังเจียเฉียนจะยังดูสุขุมอยู่ แต่ในใจก็หวาดกลัวมากเช่นกันถึงแม้ว่าสมาคมการค้าวั่นเหาจะใหญ่ แต่อิทธิพลก็ไม่อาจเทียบกับพรรคไห่เทียนที่มีปรมาจารย์นั่งบัญชาการอยู่“พ่อ...ทำยังไงดี...มันจะฆ่าพวกเราทิ้งไหม!”หวังเซิ่งหลานที่จิตใจเต็มไปด้วยความอยากแก้แค้น ในเวลานี้ตกใจจนขวัญหนีกระเจิงไปหมดแล้ว เห็นหลินหยางราวกับเห็นผี กลัวจนขี้หดตดหาย“แก...แกจะทำอะไร?”หวังเจียเฉียนติดอ่าง พยายามพูดออกมาให้เป็นประโยคหลินหยางแสยะยิ้ม แต่รอยยิ้มของเขา ในสายตาของทั้งสี่คนนั้น เต็มไปด้วยความน่าหวาดกลัวเขายังไม่ได้แสดงท่าทีใด ๆ โต้วจวิ้นปฏิกิริยาตอบโต้ไว คุกเข่าไถลตัวไปที่ตรงหน้าของหลินหยางทันที โขกหัวดังโป๊ก ๆ สามที“หลินหยาง ฉันผิดไปแล้ว ฉันไม่ควรทำตัวเป็นปฏิปักษ์กับนาย ยิ่งไม่ควรมาแก้แค้นนายถึงบ้านอีก ขอร้องนายให้เห็นแก่ความเป็นร่วมชั้นกันสักครั้ง ไว้ชีวิตฉันสักครั้งเถอะ ฉันไม่อยากตาย!”“ขอเพียงนายไม่ฆ่าฉัน ต่อไปฉันจะยอมเป็นหมารับใช้ของนาย ติดสอยห้อยตาม โดยไม่ลังเลอย่างเด็ดขาด! นายบอกให้ฉันทำอะไร ฉันก็จะทำแบบนั้น นายให้ฉันกินขี้ ฉันก็จะไม่ลังเลเลยสักนิด” การกระทำทั้งหมดของโต้วจ
จากการแสดงอย่างสุดความสามารถของตัวเองของพ่อลูกตระกูลโต้ว การขอโทษที่จริงใจ ถือว่าเป็นการใช้สติปัญญาเพื่อเอาตัวรอดจากหายนะ รอดชีวิตมาได้ครั้งหนึ่งตอนนี้ก็เหลือแค่เพียงพ่อลูกตระกูลหวังหวังเซิ่งหลานยังไม่หยุดดึงเสื้อของหวังเจียเฉียน ส่งสัญญาณให้เขา ว่าจะแสดงสักหน่อยหรือไม่?ถึงอย่างไรเสียเมื่อคืนวานนี้เขาก็ตบหน้าตัวเอง เลียพื้นรองเท้า แค่การคุกเข่าโขกหัว เหมือนว่าไม่ใช่เรื่องยากอะไรนี่นาหวังเจียเฉียนดึงมือของหวังเซิ่งหลานออก ถึงแม้ว่าในใจจะหวาดกลัวมากก็ตาม แต่เขาหวังเจียเฉียนเป็นใคร?เป็นรองหัวหน้าสมาคมแห่งสมาคมการค้าวั่นเหา ทรัพย์สินหลายพันล้านบาท เป็นคนมีหน้ามีตาของเมืองลั่ว จะเหยียบย่ำศักดิ์ศรีของตัวเองได้ยังไง“วันนี้ถือว่าพวกเราพ่อลูกแพ้แล้ว แต่ว่าแกอยากจะให้พวกเราพ่อลูกโขกหัวขอโทษเหมือนกับไอ้ลูกหมานั่น ไม่มีทางอย่างเด็ดขาดหวังเจียเฉียนกล่าวเสียงแข็ง“เฮอะ...แกนี่มันหยิ่งทระนงจริง ๆ”หลินหยางแสยะยิ้มหวังเจียเฉียนกล่าวต่อ “แกปล่อยพวกเราไป ต่อไปต่างคนต่างอยู่ เรื่องที่แกเหยียดหยามลูกชายฉัน ฉันจะไม่ความอีก เป็นยังไง?”“ไม่เอายังไง! ฉันจะฆ่าพวกแกสองคน ไม่ง่ายกว่าหรือไง”
“นอกจากเขาแล้ว เมืองลั่วก็ไม่มีคุณหลินคนที่สอง!”มู่หรงยิ่นกล่าวอย่างเย็นชาหวังเจียเฉียนควบคุมตัวเองไม่ได้อีกต่อไป ราวกับว่าถูกดูดพลังออกไปหมดแล้วทั้งร่างกาย หย่อนก้นทรุดลงไปนั่งบนพื้น ราวกับคนทุกข์โศก หวังเซิ่งหลานหมอบคืบคลานอยู่บนพื้น ตัวสั่นเทาไปหมดเขาไม่เคยคิดเคยฝันเลยว่า ตัวเองจะเป็นผู้รุกราน คิดมาถึงเลยว่าทุกคนที่อยากประจบประแจงตุฯหลินต่างก็ทำไม่สำเร็จหวังเจียเฉียนรีบพลิกตัวกลับมา ก้มหัวเพื่อขอร้องให้ยกโทษให้“คุณหลิน ฉันผิดไปแล้ว ฉันมีตาแต่กลับมองข้ามไท่ซานไป ไม่รู้ว่าคุณคือคุณหลินแห่งติ่งติ่งผู้โด่งดัง ไม่อย่างนั้น จะขอให้ฉันมีความกล้าสักร้อยครั้ง ฉันก็ไม่กล้ามา”หลังจากที่หวังเจียเฉียนพูดจบ เขาก็กลอกตาขึ้น แล้วลุกขึ้นทั้งต่อยทั้งเตะหวังเซิ่งหลานที่อยู่ข้าง ๆ ทันที“ไอ้สารเลว มีตาหามีแววไม่ กล้าดีอย่างไรมาทำให้คุณหลินขุ่นเคือง! ฉันจะตีแกให้ตาย!”หวังเซิ่งหลานถูกหวังเจียเฉียนทุบตีจึงกรีดร้องซ้ำแล้วซ้ำอีก เดิมทีใบหน้าไม่ได้มีอหารบวมเป่ง แต่เนื่องจากถูกหวังเจียเฉียน ตบ ตบ ตบไม่รู้กี่สิบครั้งเข้าที่ใบหน้า ทั้งปากและจมูกต่างก็มีเลือดไหลออกมา ราวกับคนที่บาดเจ็บหนักเจียนต
“นั่นน่ะไม่ต้องแล้ว ติงไท่มาท้าทาย ศักยภาพไม่ดีพอก็ต้องตาย เป็นเพราะเขาก่อกรรมทำเข็ญเอง เจียงไห่เซิงต้องการมาถกเถียงเรื่องนี้ ผมเองก็ไม่ได้ติดอะไร”หลินหยางยังเป็นปรมาจารย์ ดังนั้นเขาจึงต้องมีคุณสมบัติของความเป็นนปรมาจารย์ ถ้าเขาฆ่าคนที่มาท้าทายเขา ก็ไม่ใช่ว่าเขาไร้เหตุผลสักหน่อย แต่การเจรจาก็จะเป็นแค่เรื่องไร้สาระ!“เอาล่ะ แล้วก็เรื่องโรงพยาบาล...”มู่หรงยิ่นยังคงคิดเรื่องที่ต้องการจะให้หลินหยางลงมือรักษาสมาชิกตระกูลฉิน“ชายคนนั้นอีกไม่นานก็คงตายแล้ว รอจนกว่าหมอชื่อที่มีชื่อเสียงประจำตระกูลของพวกคุณมาดูก่อนแล้วค่อยว่ากัน วันนี้ฉันมีเรื่องอื่นที่ต้องจัดการ”มู่หรงยิ่นพยักหน้าและกล่าวว่า "งั้นฉันจะกลับไปก่อน"ก่อนจากไป มู่หรงยิ่นไม่ลืมมารยาทที่จะทักทายทักทายเสิ่นลี่หมินและภรรยาของเขาอย่างสุภาพ ซึ่งทำให้คู่รักสูงวัยรู้สึกภูมิใจ“คุณมู่หรงนี้ถือเป็นคนที่ยิ่งใหญ่ที่สุดในเมืองลั่ว แต่ก็ยังสุภาพต่อผู้อื่นมาก”เสิ่นลี่หมินชื่นชม“นั่นไม่ใช่เพราะพี่หลินหยางหรอกหรือ ไม่เช่นนั้นจะไม่มีใครมองเรา”เสิ่นโย่วเวยเบะปากพูดออกมาก“แม่สาวน้อย ทำไมถึงพูดแบบนี้ คุณมู่หรงน่ะ ไม่แน่ในอนาคตอาจจะกล
“เอาล่ะ หยุดพูดก่อนสักสองสามคำเถอะ พวกเรายุไม่ขึ้นหรอก ยอม ๆ คืนเงินไปดี ๆ เถอะ”หลิวจางอู่เปิดประตูแล้วลงจากรถ ทั้งยังพาจางชุ่ยอิงเข้ามาด้วย “พี่ พี่เขย กินข้าวหรือยัง?”หลิวจางอู่กล่าวพร้อมรอยยิ้มเต็มใบหน้า “ใครให้พวกคุณเข้ามา”หลินหยางเอ่ยขึ้นเบา ๆ“พวกเราเอาเงินมาคืนน่ะ…” หลิวจางอู่พูดด้วยรอยยิ้ม“ออกไป! รอที่ประตู!”หลินหยางเหลือบมองหลิวจางอู่ ซึ่งทำให้เขารู้สึกหวาดกลัว จึงทำได้แค่พาจางชุ่ยอิงถอยออกไป รออยู่ที่สวนดอกไม้ “นี่มันบ้าอะไรหัน กล้าดีอย่างไรสั่งให้พวกเราออกมา เขาคิดวาเขาเป็นใครกันน่ะ”จางชุ่ยอิงเบาเสียงของเธอลง บนใบหน้าเต็มไปด้วยคำด่าทออย่างไม่พอใจ“ใช่แล้ว! รังแกคนอื่นเกินไปแล้วจริงๆ แถมยังไม่เคารพใครอีกด้วย”หลิวจางอู่เองก็โกรธมากเช่นกัน เพราะสุดท้ายแล้วก็ถูกไล่ออกมา ซึ่งความจริงคือเขาเสียหน้านั่นเอง แม้ว่าทั้งคู่จะบ่นเบา ๆ ก็ตาม แต่หลินหยางที่กำลังรับประทานอาหารอยู่ในห้องก็ได้ยินอย่างชัดเจนหลังจากที่ทานอาหารแล้ว หลินหยางจึงพูดกับเวยเวยว่า "ไปเรียกให้พวกเขาเข้ามา"หลังจากที่หลิวจางอู่และภรรยาของเขาเข้ามา ก็ส่งบัตรธนาคารให้ทันที“พี่ พี่เขย ในบัตรใบ
เหยียนฮ่าวรู้สึกหมดความอดทนอยู่บ้าง “อยากจะเจรจาก็รีบพูดมา ไม่พูดฉันจะไปแล้ว!”หลินหยางกลับจิบไวน์อึกหนึ่ง ถึงได้หันหน้าไปมองเขาแล้วกล่าวด้วยรอยยิ้ม “คุณชายเหยียน เหมือนว่าคุณจะเข้าใจผิดไปนะ”“คุณ มีสิทธิ์อะไรมาเจรจากับผม?”“ว่าอะไรนะ?”เหยียนฮ่าวงุนงงไปทันที หลินหยางเพียงแค่ดีดนิ้วทีหนึ่ง!ทันใดนั้น เหยียนฮ่าวก็ล้มลงไปบนพื้นอย่างรุนแรง กรีดร้องออกมาอย่างเจ็บปวดราวกับไม่ใช่เสียงของมนุษย์! ร่างกายคดงอราวกับกุ้งต้มสุก!ยังดีที่ครั้งก่อนต่อสู้ครั้งใหญ่กับหวังเหลียนเฉิง หลังจากทำลายคฤหาสน์จนพัง หลินหยางก็ได้ให้คนมาซ่อมแซมแล้ว ยังใช้วัสดุเก็บเสียงชั้นดีอีกด้วย ถึงไม่ทำให้เสียงร้องที่ราวกับจะขาดใจตายของเขาไม่ดังเล็ดลอดออกไปข้างนอกหลินหยางนั่งอยู่บนโซฟา ดื่มไวน์อย่างไม่รีบไม่ร้อน เอาหูไปนาเอาตาไปไร่กับเสียงร้องอันน่าเวทนานั่นหลังจากผ่านไปห้านาที ถึงได้ค่อย ๆ วางแก้วไวน์ลงเสียงร้องอันน่าเวทนาของเหยียนฮ่าวก็ค่อย ๆ หยุดลงเขาในเวลานี้นอนอยู่บนพื้น เหงื่อท่วมตัว สีหน้าซีดขาวจนน่าตกใจ แม้แต่พรมยังถูกเขาฉีกจนเละเทะ!“รู้สึกดีแล้วใช่ไหม?”หลินหยางกล่าวพร้อมรอยยิ้ม“แก แกทำอะไรกับฉัน?
“แกคิดว่าแกมีลั่วหงอวี๋คอยปกป้อง ก็จะทำอะไรตามอำเภอใจได้อย่างนั้นหรือ? เพ้อเจ้อ! บ้านเมืองมีขื่อมีแป แม้ว่าจะเป็นลั่วหงอวี๋ก็ไม่สามารถต่อต้านได้!”จ้าวเจี้ยนชิงรู้สึกมีความสุขเป็นอย่างยิ่ง ถ้าหากไม่ใช่เพราะมีลั่วหงอวี๋ หลินหยางจะสามารถหนีมานานขนาดนี้ได้ยังไง!เขาทำได้แค่มองดูหลินหยางทำตัวอวดดีมานานขนาดนั้น แต่กลับไม่สามารถทำอะไรได้ ถูกบีบจนแทบจะเสียสติ!แต่ต่อหน้ากำลังของทางการ!ลั่วหงอวี๋ทำอะไรไม่ได้ทั้งนั้น!ในระหว่างที่พูด เขาหันไปพูดกับเหยียนฮ่าว “คุณชายเหยียน หลินหยางฆ่าข้าราชการของกรมอัยการสูงสุดต่อหน้าทุกคน ยังทำร้ายชาวตงอิ๋งจนบาดเจ็บ ทำลายความสัมพันธ์ของทั้งสองประเทศ คุณชายเหยียนได้โปรดให้ความเป็นธรรม!”แม้แต่ฮิเดนากะ ยามาโมโตะก็รีบกล่าวเช่นกัน “คุณชายเหยียนได้โปรดให้ความเป็นธรรม แก่ชาวตงอิ๋งด้วย!”เหยียนฮ่าวเข้าใจในทันที หันหน้าไปมองหลินหยางแสยะยิ้มกล่าว “ไม่คิดเลยว่าแกจะก่อเรื่องวุ่นวายใหญ่โตขนาดนี้ ยังกล้าทำลายความสัมพันธ์ของทั้งสองประเทศอีกด้วย!”“ใครก็ได้!”ปรมาจารย์หลายคนที่อยู่ด้านหลังเขาก้าวออกมาพร้อมกัน บนตัวแฝงไปด้วยสีหน้าอันดุร้าย ทุกคนเป็นปรมาจารย์ระดับแปด!
“ท่านรัฐมนตรี ท่านช่วยตบหน้ามัน แก้แค้นให้ผมหน่อยได้ไหม?”จ้าวเจิ้งฮ่าวรีบกล่าว“อนาคตอันน้อยนิดของแก...” หวังเทียนเหิงกล่าวอย่างเยาะหยัน“คงจะไม่ทำร้ายใครอีกใช่ไหม? แกควรคิดให้ดีล่ะ...”หลินหยางกล่าวด้วยความประหลาดใจหวังเทียนเหิงกลับตะคอก “ฉันจะทำร้ายแกจะทำไม!”ในระหว่างที่พูด เขาก็ตบหน้าเข้าไปฉาดหนึ่งท่าทางของเขาเหยียดหยามมาก หลินหยางปรมาจารย์ระดับเจ็ดแล้วยังไง ต่อหน้าฐานะอย่างตนเอง เขามีสิทธิ์อะไรมาขัดขืน?ต้องโดนตบหน้าแต่โดยดีเหมือนกัน!ครู่ต่อมา ความเหยียดหยามบนใบหน้าของเขาก็ชะงักไปทันทีฝ่ามือของเขาถูกหลินหยางจับเอาไว้ในมือ“ยังกล้าตอบโต้อีกเหรอ? ฉันเป็นถึงตัวแทนของทางการแห่งหนานหลิงเชียวนะ?!”หวังเทียนเหิงกล่าวด้วยความโมโห“รู้แล้ว ๆ”หลินหยางใบหน้าแฝงไปด้วยรอยยิ้ม“รู้แล้วก็...”หวังเทียนเหิงยังพูดไม่ทันจบประโยค หลินหยางกลับตบหน้าเขาฉาดหนึ่งอย่างรวดเร็ว สำหรับหลินหยางแล้วถือเป็นการใช้กำลังเพียงน้อยนิดเท่านั้นแต่หวังเทียนเหิงกลับถูกตบลอยกระเด็นออกไปทันที ฟันผสมเลือดปลิวอยู่กลางอากาศ!นี่ยังไม่หมด ยังไม่รอให้เขาตกถึงพื้น หลินหยางเตะเขาลอยกระเด็นออกไปอีก หวังเ
เจียงรั่วหานหัวใจตึงเครียดขึ้นมาทันที เป็นห่วงชายชู้ของตนเอง ครั้งนี้หลินหยางตกอยู่ในอันตรายจริง ๆ!อย่างไรเสียใช้ยศตำแหน่งข่มเหงคนอื่น!ซ่งหว่านอวี๋ขมวดคิ้วเล็กน้อย ก็ถอนหายใจในใจเช่นกัน ต่อให้ตำแหน่งของหลินหยางที่เมืองลั่วสูงกว่านี้แล้วจะยังไงต่อหน้าผู้มีอิทธิพลอย่างหวังเทียนเหิง ก็ทำได้แค่เพียงอดกลั้นเท่านั้น!“จะตรวจสอบงั้นก็ได้ แต่ก็ต้องทำตามขั้นตอนทางกฎหมาย”หลี่หรูเยว่สีหน้าไม่สุขุม แต่กลับไม่กล้าให้หลินหยางมีข้อหาขัดขวางทางการติดตัว“กฎหมาย?” หวังเทียนเหิงยิ้มเยาะ กล่าวด้วยท่าทีหยิ่งยโส “คำพูดของฉัน ก็คือกฎหมาย! มีปัญหา? เข้าไปในห้องกับฉันค่อย ๆ คุยกัน ถ้าทำให้ฉันพอใจได้ ไม่แน่ว่าฉันอาจจะปล่อยแกไปสักครั้ง!”เขาทำตัวอวดดีกำเริบเสิบสาน! ถึงอย่างไรเหยียนฮ่าวก็ได้แทรกแซงคดีนี้ด้วยตนเองแล้ว ถ้าอยากจะจับหลินหยางให้อยู่หมัด! ต้องมีหลักฐานแน่ชัด ทำให้หลินหยางดิ้นไม่หลุดตลอดไป!ส่วนการหลับนอนกับปรมาจารย์ระดับแปดคนหนึ่ง นั่นก็เป็นเพียงเรื่องของผลพลอยได้เท่านั้น!เขาจ้องมองสำรวจรูปร่างที่สวยงามประณีตของหลี่หรูเยว่ด้วยสายตาที่ร้อนผ่าว มีความร้อนกลุ่มหนึ่งพลุ่งพล่านขึ้นในท้องน้อยข
แต่กลัวว่าเขาจะฉวยโอกาสช่วงจังหวะชุลมุน ลงมือกับจ้าวเจิ้งฮ่าว!“นายพลจ้าววางใจ”สีหน้าเฉิงคั่วหนักใจ ก้าวไปข้างหน้าก้าวหนึ่งในฐานะที่เขาเป็นปรมาจารย์ระดับห้า ประกอบกับมีนักรบทหารองครักษ์ชาวตงอิ๋งที่มีระดับมานะสร้างกลุ่มหนึ่งคอยช่วยเหลือ ก็มากพอที่จะจับตัวปรมาจารย์หนึ่งในนั้นได้“แม่งเอ๊ย ในเมื่อพวกแกทั้งหมดยอมเป็นสุนัขรับใช้ของหลินหยาง ถ้าอย่างนั้นก็ไปตายให้หมด! คิดว่าปรมาจารย์ระดับเก้าของฉันมีไว้ประดับเหรอไงวะ!?”จ้าวเจี้ยนชิงดวงตาแดงก่ำด้วยความริษยา ตนเป็นผู้บังคับบัญชาของเมืองลั่วมานานหลายปี ยังไม่มีลูกน้องที่แข็งแกร่งขนาดนี้ หลินหยางเพิ่งมาได้ไม่นาน ก็มีปรมาจารย์ระดับหกถึงสี่คนเป็นสุนัขรับใช้?!หลินหยางยิ่งใช้ชีวิตดีเท่าไหร่ เขาก็ยิ่งอยากจะสับหลินหยางให้แหลกเป็นหมื่น ๆ ชิ้น!แต่ทว่ายังไม่ทันได้ลงมือเขาก็รู้สึกเย็นวาบไปทั่วทั้งตัว แรงอาฆาตที่เย็นยะเยือกขั้นสุดกลุ่มหนึ่งลอยมา!“จ้าวเจี้ยนชิง แกอยากตายใช่ไหม?”ในเวลานี้ หลี่หรูเยว่ยืนอยู่ที่ประตูคฤหาสน์ ในมือของเธอใช้โซ่เหล็ก จูงม๋อจื่อที่เหมือนกับเป็นสัตว์ร้าย จ้องมองเขาด้วยความเย็นชาจ้าวเจี้ยนชิงรูม่านตาหดทันที กล่าวอย
ก็แค่ปรมาจารย์ระดับหกคนหนึ่งเท่านั้น เขาไม่สนใจอยู่แล้วแต่ปรมาจารย์ระดับหกคนหนึ่งไม่คิดเลยว่าจะมาเป็นยามให้หลินหยาง เขาไม่สามารถเข้าใจได้!แม้ว่าเขาจะเป็นปรมาจารย์ระดับเก้าก็ยังไม่เคยได้รับการปฏิบัติแบบนี้!จ้าวเจิ้งฮ่าวและคนอื่น ๆ ต่างก็อ้าปากค้างอย่างตกตะลึงสถานการณ์ตรงราวกับเป็นภาพลวงตาเลยทีเดียว!ไอ้หมอนี่หัวสมองมีปัญหาเหรอไง? ไม่ง่ายเลยกว่าจะได้เป็นปรมาจารย์ระดับหก แต่กลับมาเป็นยามให้คนที่มีระดับเจ็ดอย่างหลินหยาง?!“นับว่าแกพอมีความสามารถอยู่บ้าง แต่การรับใช้คนที่กำลังจะตาย เป็นการทำให้ตัวเองเสื่อมถอยแท้ ๆ เลย!”จ้าวเจี้ยนชิงกล่าวด้วยสีหน้าเย็นชา “หลินหยางทำลายการค้าระหว่างกองทัพกับชาวตงอิ๋ง ฉันมาเพื่อค้นหาหลักฐาน”“ตอนนี้ฉันให้โอกาสแกกลับตัวกลับใจหนึ่งครั้ง สวามิภักดิ์ต่อฉัน! ไม่อย่างนั้น จะถือว่าแกขัดขวางการสอบสวน! ฝ่าฝืนกฎหมายระดับประเทศ! ฉันจะประหารชีวิตแกทันที”เขามีความคิดที่จะชักจูงคนคนนี้ถึงอย่างไรปรมาจารย์ระดับหกในเมืองลั่วก็นับว่าเป็นยอดฝีมือ ฆ่าไปก็น่าเสียดายแต่ทว่าอาต้ากลับกล่าวเสียงเย็นชา “รับเลี้ยงฉัน? แกคู่ควรเหรอ! ไสหัวไป!”“แกคิดให้ดี ๆ กล้าขัดขวาง
เจียงรั่วหานกล่าวโต้เถียงด้วยสีหน้าแดงก่ำแต่นี่ก็คือเรื่องจริงถึงอย่างไรตนก็ไม่ได้ขึ้นเตียงกับหลินหยาง แต่ทว่าทำในรถ...“ไม่ต้องรีบ นั่งลงคุยกัน...” ซ่งหว่านอวี๋ท่าทางสบาย ๆ พูดจาปลอบโยนอย่างมีเลศนัย “เป็นเพราะพี่กลัวเธอถูกหลินหยางหลอกเอา หลินหยางนั่นบังคับให้พี่ทำเรื่องแบบนั้น เขาไม่ใช่คนดีอะไร!”“พี่หว่านอวี๋พี่ไม่เข้าใจเขา!”เจียงรั่วหานกลับวางแก้วกาแฟลง รีบพูดขึ้นว่า “อันที่จริงหลินหยางเป็นคนดีคนหนึ่ง ก่อนหน้านี้ที่เขาทำแบบนั้นกับพี่ อัน อันที่จริงเป็นเพราะจ้าวเจิ้งฮ่าวเป็นต้นเหตุ!”“ฉันบอกเขาแล้ว ว่าต่อไปห้ามแตะต้องพี่อีก!”ไม่แตะต้องฉัน?ฉันต้องการให้เธอช่วยเหลือเรื่องนี้เหรอ?เธอกินอิ่มแล้วไม่กะจะไม่เหลือไว้ให้ฉันกินสักคำเลยเหรอไง!ซ่งหว่านอวี๋สีหน้าดูแย่เล็กน้อย เธอกินอาหารทะเลมื้อหรูจนเคยชินแล้ว จะกินอาหารจืดชืดลงได้ยังไงอีก?“พี่หว่านอวี๋ ต่อไปฉันคงต้องอาศัยพี่คอยเป็นที่กำบังให้ฉันแล้ว ครอบครัวนี้ ฉันทนอยู่ต่อไปไม่ได้อีกแม้แต่วันเดียวแล้ว!”เจียงรั่วหานยังหันหน้าไปมองซ่งหว่านอวี๋ด้วยท่าทางขอร้อง“เรื่องเล็กน้อย...”ซ่งหว่านอวี๋กล่าวพร้อมรอยยิ้มบาง ๆ ไม่ว่าจะพู
ฉินเจิ้งคุนกลับส่งสัญญาณมือให้เงียบเอาไว้“เรื่องพวกนี้ห้ามเอาไปพูดข้างนอกส่งเดช! การต่อสู้ของบุคคลใหญ่โตไม่ใช่สิ่งที่พวกเราวิจารณ์ได้!”เขากล่าวเตือนด้วยท่าทีขึงขังถึงแม้ว่าตระกูลฉินจะมีชื่อเสียงโด่งดังในหนานโจว แต่ในสายตาของตระกูลใหญ่ที่ล้ำลึกจนไม่อาจคาดเดาของซานโจวบนพวกนั้น วงศ์ตระกูลบ้านนอกอย่างตระกูลฉิน ไม่ควรค่าให้เอ่ยถึงการต่อสู้ระดับนั้น เพียงแค่ควันหลง ก็มากพอที่จะทำให้ทั้งตระกูลฉินตายไร้ที่ฝังศพแล้ว!ฉินอี๋หลิงรีบหุบปากทันทีเช่นกันไม่กล้าส่งเสียงดัง เพราะหวาดกลัวว่าคนบนฟ้า!“หลินไร้ศัตรูแอบรายงานแต่ละวงศ์ตระกูลใหญ่แห่งหนานโจวอย่างลับ ๆ ให้ช่วยเขาตามหาหลานชายของเขา ถ้าหากใครหาเจอ เขาก็จะยอมรับคำขอร้องของคนนั้นหนึ่งข้อ” ฉินเจิ้งคุนค่อย ๆ พูด“จริงเหรอคะ?”ฉินอี๋หลิงสีหน้าตื่นเต้นดีใจ หัวใจไฟลุกโชนถึงแม้ว่าวงศ์ตระกูลของหลินไร้ศัตรูจะล่มสลายไปแล้ว แต่ก็ยังไม่สิ้นอำนาจโดยสมบูรณ์!คำมั่นสัญญาของเขาหนึ่งข้อ สามารถตัดสินว่าใครจะได้ครอบครองตำแหน่งหัวหน้าตระกูลฉิน!“มีเบาะแสของหลานชายคนนั้นของเขาแล้วเหรอยัง!”เธอรีบกล่าวถาม“ง่ายแบบนั้นซะที่ไหน...”ฉินเจิ้งคุนส่ายหน้
ตนในตอนนี้ ต่อสู้ข้ามสามระดับชั้นก็ไม่เป็นปัญหา มีลูกน้องไม่กี่คน ตนก็ไม่ต้องโดนรุมโจมตีอีกบ่อย ๆมีสิทธิ์แสร้งทำเป็นเก่ง ถ้าอย่างนั้นก็ต้องทำแต่ทว่าหลี่หรูเยว่กับปรมาจารย์ทั้งสี่คนมีความปรับตัวให้เข้ากับสไตล์แบบนี้ไม่ค่อยได้เท่าไหร่หลูอ้าวตงว่าอวดดีมากพอแล้ว แต่เมื่อเทียบกับหลินหยาง นั่นก็เป็นแค่เรื่องจิ๊บจ๊อยเท่านั้น...“ไปกันเถอะ กลับไปที่บ้านให้ฉันรักษาอาการบาดเจ็บให้พวกแกก่อน อีกเดี๋ยวไปกับฉันฆ่าคนของจ้าวเจี้ยนชิงให้เรียบ”หลินหยางเดินลงจากภูเขาแต่หลี่หรูเยว่และคนอื่น ๆ อีกห้าคนกลับสบตากันแวบหนึ่ง เห็นสีหน้าตกใจจากนัยน์ตาของอีกฝ่ายหลินหยางพูดจาสบาย ๆ มาก ราวกับว่าในสายตาของเขา การฆ่าหัวหน้ากองทหารรักษาการณ์ ง่ายเหมือนกับซื้อผักพวกเขากลับไม่ทันได้คิดมาก รีบตามหลินหยางลงจากเขา คอยตามปรนนิบัติ...อีกด้านหนึ่งภายในห้องหนังสือสไตล์โบราณแห่งหนึ่งฉินเจิ้งคุนกระแทกโทรศัพท์มือถือลงบนโต๊ะ พูดด้วยความโมโห “ไอ้สารเลวนี่อวดดีมาก! แม้แต่สายโทรศัพท์ของฉันกล้าตัดทิ้ง!”ฉินอี๋หลิงที่อยู่ด้านข้างสีหน้าดูแย่เช่นกัน บทสนทนาเมื่อครู่นี้เธอได้ยินหมดแล้วหลินหยางไม่ให้เกียรติเลยแม้แต