ตอนที่สิบเจ็ดเบิกทางรักฮองเฮาน้อยรู้สึกราวร่างกายส่วนกลางโดนฉีกแยกอย่างรุนแรง ความจุกแน่นและความเจ็บปวดจากการรุกล้ำส่งให้กายบางเกร็งสั่น น้ำตาร่วงริน สองมือจิกเกร็ง“อีกนิดเดียว น้องเฟยอดทนอีกนิด อีกครู่จะดีขึ้นแล้ว” เสียงปลอบให้กำลังใจดังอย่างแหบพร่าคล้ายพยายามอดกลั้นไม่ให้จ้วงแทงเข้ามาเร็วจนเกินไป“เจ็บแทบตายแล้ว” แม้แทบไม่มีแรงตอบโต้ แต่จ้าวเฟยเฟิ่งยังกลั้นใจตอบออกไปด้วยความเจ็บใจที่โดนหลอก“อีกครู่น้องเฟยจะเรียกร้องให้พี่เข้าไปโดยไม่ยอมให้ออกทีเดียว” จางชงเมิ่งยังมีแก่ใจหลอกล่อพร้อมจุมพิตปลอบประโลมไปทั่วใบหน้างามที่เบี้ยวบูดด้วยความเจ็บปวดกายหนาค่อยๆดันส่วนปลายของด้ามทวนใหญ่กรีดไปตามรอยแยกของร่องกลีบสาว ด้วยความฉ่ำเยิ้มของน้ำหวานใสช่วยให้การขยับเคลื่อนไปได้บ้างแม้จะติดขัดที่ความคับแคบของร่องน้ำอันสดใหม่ชายหนุ่มขยับเอวเพื่อส่งด้ามทวนคู่กายเข้าๆออกๆอย่างเชื่องช้าแต่หนักหน่วงเพื่อสร้างความคุ้นเคย กว่าหญิงสาวซึ่งเอาแต่เกร็งร่างจะรู้สึกตัว เจ้าแท่งแกร่งก็ถูกกดส่ว
ตอนที่สิบแปดตัวร้ายจะมาแล้วสายจนตะวันสาดส่อง จ้าวเฟยเฟิ่งเพิ่งรู้สึกตัวด้วยมีความชื้นจากผ้าอุ่นมาลูบไล้บนเนื้อตัวหญิงสาวค่อยๆลืมตามองมือหนาซึ่งบรรจงลูบไล้เช็ดตัวให้อย่างอ่อนโยน อีกทั้งยังทายาบนส่วนทรวงอกอิ่มและร่องกลางกายอย่างทะนุถนอม ชายหนุ่มช่วยประคองสวมใส่อาภรณ์ให้ร่างบางอย่างไม่ยอมเรียกนางกำนัลส่วนตัวมารับใช้เช่นเคย“พี่ชงไม่ต้องทำเองเช่นนี้”“ข้าควรต้องทำเอง น้องเฟย พี่เป็นผู้ทำให้เจ้าปวดเมื่อยและบวมช้ำ จึงควรต้องทายาและดูแลด้วยตนเองจึงจะถูกต้อง อีกอย่างพี่มีฐานะเป็นเพียงอนุชาย การได้ดูแลเจ้าจึงถือเป็นหน้าที่ที่ถูกที่ควรแล้ว”“พี่ไม่รู้สึกย่ำแย่หรือที่ต้องอยู่เบื้องหลังสตรีเยี่ยงนี้”“ไม่ หากเป็นน้องเฟย พี่ยินดีอย่างยิ่ง”“สายมากแล้ว พวกเรารีบไปที่ท้องพระโรงเถิด”สองหนุ่มสาวประคับประคองกันไปที่ท้องพระโรงเพื่อออกว่าราชการตามปกติ แม้จางชงเมิ่งจะเป็นเพียงอนุ แต่ด้วยเขายังมีฐานะเป็นผู้ช่วยอัครเสนาบดี อีกทั้งจ้า
ตอนที่สิบเก้าเพียงหลอกใช้จ้าวฮองเฮาหันขวับไปมองอนุชายด้วยสายตาโกรธกริ้วที่เขากล้าปกป้องหญิงอื่น แต่ชายหนุ่มย่อมมีเหตุผลของตนเองจึงสบตานั้นด้วยความแน่วแน่“ช่างเถอะ พวกท่านเห็นว่าอย่างไรก็ทำไปตามนั้นเถอะ”จ้าวเฟยเฟิ่งเอ่ยอนุญาตอย่างไม่พอใจ แม้จะรู้ดีว่าจางชงเมิ่งย่อมไม่รู้ว่าหวังลี่ถิงเคยวางแผนฆ่านางและช่วงชิงบัลลังก์ในนิยายเรื่องเดิมแต่หญิงสาวยังคงแง่งอนอย่างเอาแต่ใจหลังการพูดคุยจนเหล่าขุนนางเดินออกไปทั้งหมดแล้ว จางชงเมิ่งจึงเข้าคลอเคลียงอนง้อฮองเฮาสาวด้วยเหตุผลอันดี“น้องเฟยไม่ควรสร้างศัตรูรอบด้าน เสนาบดีปกครองกับท่านพ่อนับว่ามีความสัมพันธ์อันดี อำนาจของพวกเขาก็ไม่น้อย เพียงตั้งให้บุตรสาวของเขาเป็นผู้ทำพิธีในงานบวงสรวงนับว่าให้หน้าเขาจนไม่กล้าขัดแย้งยามน้องเฟยเอ่ยสิ่งใดในท้องพระโรงอีกแน่”“แต่หากน้องเฟยหักหน้าเขา อาจเป็นการส่งให้พวกของเสนาบดีกลาโหมซึ่งไม่พอใจเป็นทุนเดิมดึงตัวเขาไปเป็นพวกและหาทางโค่นล้มพวกเราได้”“ส่วนราชครูหวง ตามตำแหน่งนับว่าเหมาะส
ตอนที่ยี่สิบ ความสัมพันธ์อันดีนับจากนั้น จางชงเมิ่งย่อมย้ายตนเองมานอนร่วมเตียงกับจ้าวฮองเฮาทุกคืน สองหนุ่มสาวเติมเต็มความเร่าร้อนให้แก่กันอย่างเต็มอิ่มคลื่นลมถาโถมรุนแรงทุกค่ำคืน เรือน้อยลอยไหวโยกคลอนจนขาเตียงแสนแข็งแรงยังส่งเสียงดังเอี๊ยดอ๊าดราวต้องการประท้วงความร้อนแรงจ้าวเฟยเฟิ่งรู้สึกถึงความรู้สึกยามโดนของใหญ่เสียบคาร่องดอกไม้งามซึ่งยังคงร้อนท้องจนท้องน้อยบีบรัดกระตุกเกร็งอยู่ตลอดเวลา กลางกายสาวซึ่งโดนสลักปักตรึงด้วยทวนด้ามอวบมีอาการตอดถี่รุนแรงเกือบตลอดคืน ในขณะช่องทางรักเต็มไปด้วยธารน้ำหวานเจิ่งนองท่วมหญิงสาวตื่นขึ้นในสภาพนอนกอดก่ายกับจางชงเมิ่งในทุกเช้า ชายหนุ่มยังคงซุกซบอยู่บนร่างของนางหรือไม่นางก็เป็นฝ่ายซบลงกับอกแกร่งเต้าทรวงอิ่มปรากฎร่องรอยนิ้วจากการบีบขยำเคล้นคลึงตลอดการเสพสม ในบางวันยังมีรอยฟันจากการโดนดูดกินขมเม้มอย่างหิวกระหาย และน้ำเชื้อเหนอะหนะซึ่งยังคงหลงเหลืออยู่เต็มหว่างขาเรียวเขาคงตั้งใจปลุกปั้นทายาทสกุลจางเพื่อให้ขึ้นเป็นฮ่องเต้ในเร็ววันจึงขยันขันแข็งถึงเพียงนี้ ถ
ตอนที่ยี่สิบเอ็ดใส่ร้ายป้ายสี“เมื่อก่อนนางยังไม่ได้เป็นเช่นนี้ เพียงไม่กี่ปีพี่เองก็ไม่คิดว่าหญิงสาวอย่างนางจะเปลี่ยนไปถึงเพียงนี้” นั่นย่อมหมายความว่าจางชงเมิ่งรู้ว่าการสะดุดล้มเป็นการเสแสร้งของหญิงสกุลหวัง“ช่วงหลังพี่เข้ามาพบกับน้องเฟยบ่อยครั้ง จนไม่ได้ตามท่านพ่อไปที่สกุลหวังอีกเลย พี่ขอโทษที่ไม่ได้สืบให้ดีว่าหวังลี่ถิงและบิดามีแผนใดอยู่เบื้องหลังหรือไม่ แต่น้องเฟยไม่ต้องกังวล เพียงนางแสดงออกมาพวกเราย่อมไม่ปล่อยให้ผ่านไปแน่ พี่จะให้คนสืบดูว่าสกุลหวังมีแผนร้ายใดหรือไม่”“น้องเฟยให้อภัยพี่เถิด” จางชงเมิ่งก้าวเข้าใกล้เพื่ออ้อนวอนขอคำอภัยจากร่างบาง“ไม่ต้องเข้ามาใกล้ ขืนให้พี่ชงเข้ามาก็คงขออภัยจนข้าแข้งขาอ่อนไม่ต้องทำงานต่ออีกแน่” จ้าวเฟยเฟิ่งรู้ทันจึงรีบห้ามปราม“เช่นนั้นคืนนี้พี่จะขอให้น้องเฟยให้อภัยทั้งคืนก็แล้วกัน” จางชงเมิ่งยอมถอยด้วยรู้ดีว่าต่างคนต่างมีงานรออยู่อีกมากหวังลี่ถิงอาศัยข้ออ้างเรื่องงานพิธีบวงสรวงเข้ามาที่วัง
ตอนที่ยี่สิบเอ็ด ใส่ร้ายป้ายสีฟากฟ้าในร่างจ้าวเฟยเฟิ่งมองตุ๊กตาคุณไสยสองตัวบนโต๊ะด้วยสายตาเคร่งเครียดเคยแต่กำกับละครให้ตัวร้ายใส่ร้ายนางเอก ตอนนี้โดนเข้ากับตัวเอง ไปไม่เป็นเลยเรา “เสนาบดีกรมพิธีการ และราชครูเห็นของนี่แล้ว พวกเราคงสับเปลี่ยนไม่ได้ คงได้แต่เอาออกไปให้พวกเขาดูให้ชัดเจน แต่จะแก้ต่างอย่างไรควรต้องคิดให้รอบคอบ” จางชงเมิ่งเดินไปเดินมาอย่างครุ่นคิดข่งซีห่าวขออนุญาตเข้าพบเพื่อปรึกษาหารือซึ่งจ้าวเฟยเฟิ่งเอ่ยอนุญาตทันที ขณะที่หวงฮุ่ยจือซึ่งขอเข้ามาพร้อมกันถูกให้รั้งรออยู่ก่อน“น้องเฟยเฟิ่ง ของนี่น่าจะมีผู้ลอบเอาไปวางไว้ก่อนงานพิธีจะเริ่ม ผู้ที่เข้าไปในลานนั้นได้ก็มีแต่ทหารและเหล่าขุนนางที่เกี่ยวข้อง พี่จะจับพวกนั้นมาสอบสวนให้หมด” ข่งซีห่าวเสนอด้วยนิสัยมุทะลุ“ถึงจับมาสอบทั้งหมดก็คงไม่มีผู้ใดปริปากยอมรับออกมาแน่” จ้าวเฟยเฟิ่งถอนใจก่อนจะเดินมาหยิบตุ๊กตาส่องหาจุดผิดพลาด“พี่ชง ท่านดูสีที่เขียนนี่สิ คล้ายเพิ่งแห้งไม่นาน พวกเขาคงรีบร้อนทำออกมาแล้วเร่งเอาไปวางไว้
ตอนที่ยี่สิบสอง สืบให้กระจ่างถึงตอนนี้จ้าวเฟยเฟิ่งจึงเพิ่งเข้าใจว่าการที่หวังลี่ถิงลดตัวไปสร้างความสนิทสนมกับคนของกรมพิธีการอยู่หลายวันเพื่อสิ่งใดเสนาบดีปกครองบิดาของหวังลี่ถิงรีบก้าวออกมาตวาดใส่ชายผู้นั้นว่ากล่าวหาบุตรสาวผู้ไร้เดียงสาของตนเองหวังลี่ถิงถูกตามตัวมาอย่างเร่งด่วน เมื่อมาถึงและรับรู้ข้อกล่าวหาจึงร้องห่มร้องไห้ซวนเซเข้าซบอกบิดาตะโกนแต่ว่าถูกใส่ร้าย“ข้าเป็นเพียงสตรีอ่อนแอ จะวางแผนใส่ร้ายฮองเฮาไปเพื่อเหตุใด อีกอย่างผ้าที่ข้าใช้ซับเหงื่อเป็นผ้าสะอาดมิใช่ผ้าสกปรกเยี่ยงนี้”“หรือว่าเสนาบดีปกครอง ท่านเป็นผู้วางแผนแล้วให้บุตรสาวลงมือใช่หรือไม่” ขุนนางฝั่งเสนาบดีกลาโหมตะโกนกล่าวหาด้วยอยู่คนละฝ่ายกัน“ข้าจงรักภักดีมาตลอด ฟ้าดินเป็นพยานได้”“ไม่ต้องให้ฟ้าดินเป็นพยานดอก ยามนี้พยานชี้ตัวบุตรสาวท่านอยู่ทนโท่”“บุตรสาวข้าเพียงตกเป็นเครื่องมือเท่านั้น เสนาบดีกรมพิธีการ คนเหล่านี้เป็นของท่าน ไยจึงต้องใส่ร้ายบุตรสาวที่น่าส่งสารของข้าด้วย”
ตอนที่ยี่สิบสามไหน้ำส้มแตกเพียงได้ยินคำเรียกขานอย่างสนิทสนมของจางชงเมิ่งที่มีต่อหวังลี่ถิง จ้าวเฟยเฟิ่งถึงกับลมออกหูไม่ใส่ใจคำพูดต่อจากนั้นอีก“พวกเราเคยเรียกขานกันเช่นนั้นพี่จึงเผลอไป น้องเฟย พี่ให้คนไปสืบทางคนสกุลหวังแล้ว พักหลังนี้พวกเขามีความเคลื่อนไหวผิดแปลกอยู่บ้าง แต่ยังไม่ได้ความที่ชัดเจน อย่างไรคงต้องสืบสาวลงไปให้ลึกกว่านั้นอีก” จางชงเมิ่งเห็นสายตาไม่พอใจที่ฉายชัดของภรรยาฮองเฮาจึงรีบเปลี่ยนเรื่องแต่ไหน้ำส้มเมื่อแตกแล้วย่อมส่งกลิ่นคละคลุ้ง จ้าวเฟยเฟิ่งหรือจะรับฟังเรื่องอื่น ในใจยังคงครุ่นคิดแต่เรื่องหวังลี่ถิงซึ่งเป็นคู่แค้นในเนื้อเรื่องเดิม“ราชครูหวงเล่า เขามีความเคลื่อนไหวใดหรือไม่”“เขาไม่ได้เข้ามายุ่งเกี่ยวกับการสืบสวน แต่ขอเข้าไปเยี่ยมเยี่ยนหวังลี่ถิงทุกวัน” ชิ แค่สนิทสนมกันไม่กี่วันถึงกับรักใคร่ชอบพอลึกซึ้งขนาดต้องเข้าไปเยี่ยมดูใจกัน
ตอนที่สามสิบสอง เนื้อเรื่องที่เปลี่ยนไปจ้าวเฟยเฟิ่งมองไปทางคนสกุลหวังสองพ่อลูกซึ่งนั่งพิงกันอยู่โดยไม่เอ่ยขอความเมตตา“เสนาบดีหวังเล่า ไม่แก้ตัวสักหน่อยหรือ”“ข้าไม่มีสิ่งใดจะแก้ตัว ขอเพียงประหารในคราวเดียวอย่าได้เจ็บปวดจนเกินไปจะเป็นพระกรุณายิ่งแล้ว”“แล้วคุณหนูหวังเล่า”“ผู้แพ้เป็นมาร ผู้ชนะย่อมเป็นพระ ครั้งนี้เจ้าได้ชัยไปก็ด้วยโชคดีที่มีอนุหลายคนคอยช่วยเหลือ ครั้งหน้าอย่าหวังว่าเรื่องจะดำเนินไปเช่นนี้อีก ข้าจะไม่ยอมให้เจ้าได้มีโอกาสดีดีเช่นนี้อีกแน่” วาจาถูกเอ่ยด้วยความเคียดแค้นและไม่ยอมรับความพ่ายแพ้ สายตาของหวังลี่ถิงถูกส่งออกมาสื่อให้เห็นว่านางไม่ยินยอมและจะหาโอกาสกลับมาอีกแน่หรือว่านิยายเรื่องนี้จะวนกลับไปใหม่และต้องเดินเรื่องวนไปวนมาอยู่อย่างนี้หรือ ไม่...ฟากฟ้าในร่างจ้าวเฟยเฟิ่งไม่ยอม เธอเข้ามาเดินเรื่องและสวมบทบาทของจ้าวฮองเฮามาจนใกล้จบเรื่องแล้ว เธอจะไม่ยอมให้เรื่องวนกลับไปเริ่มต้นใหม่แน่จ้าวฮองเฮาออกราชโองการสั่งประห
ตอนที่สามสิบเอ็ด ผิดแผนอัครเสนาบดีจาง เสนาบดีคลัง เสนาบดีกรมพิธีการ ขุนนางคนสำคัญอีกสามสี่คนซึ่งทยอยเดินเข้ามาต่างแยกย้ายกันไปนั่งเรียงสองฝั่งห้องโถง ในขณะที่จางชงเมิ่ง ข่งซีห่าวและไป๋ชุนกังเดินไปยืนด้านหลังจ้าวฮองเฮาในฐานะอนุชายเกากงกงก้าวออกมาจากด้านข้างพร้อมประกาศเสียงดัง“ถวายบังคมจ้าวฮองเฮา”เสียงทำความเคารพและถวายพระพรดังขึ้นกึกก้องพร้อมเพรียง“พวกเจ้ายังไม่รีบคุกเข่าลงอีก” เกากงกงตวาดกลุ่มคนที่โดนควบคุมอยู่ตรงกลางอย่างโมโห คนพวกนี้สั่งการให้จับกุมเขาไปขังไว้ในตำหนักร้าง กว่าจะมีคนไปช่วยออกมาก็อดข้าวอดน้ำอยู่หลายวันทหารต่างช่วยกันใช้อาวุธกระแทกเข้าที่หลังและขาจนคนทั้งกลุ่มต้องคุกเข่าลงอย่างไม่เต็มใจ“ข้าไม่เกี่ยวข้องด้วย เพียงถูกเชิญมาอย่างไม่รู้เนื้อรู้ตัว ถึงอย่างไรข้าก็มีฐานะเป็นอ๋องคนหนึ่ง เจ้าควรให้เกียรติข้าบ้างนะจ้าวฮองเฮา” อ๋องหย่งรีบเอ่ยขึ้นเมื่อโดนกระแทกจนจำต้องคุกเข่าเป็นคนสุดท้าย“ไม่รู้เรื่องหรือ ให้เกียรติหรือ ท่านทำสิ่งใดไว้ย่อมร
“เจ้าเนี่ยนะ ข้าไม่เชื่อ” จ้าวเฟยเฟิ่งเอ่ยคำดูหมิ่นออกมา“ไม่เชื่อก็ถามพวกเขาดูสิ แผนทั้งหมดข้าเป็นคนคิดแล้วบอกให้ท่านพ่อทำตามโดยการติดต่อกับอ๋องหย่ง ส่วนหวงฮุ่ยจือก็เห็นด้วยกับข้า แม้จะอยากแต่งงานกันแต่เขาถูกเจ้าทำลายเกียรติไปแล้ว จึงยอมช่วยงานเพื่อเร่งส่งเจ้าไปยมโลกโดยเร็ว”“หมอไป๋ไม่มีเหตุผลที่ต้องช่วยเจ้า” จ้าวเฟยเฟิ่งข้องใจ“เดิมทีไม่มี แต่บิดาของเขาอยู่ในกำมือข้า หากเขาไม่ทำย่อมกลายเป็นบุตรอกตัญญู อีกทั้งหลังจากนี้ ข้าย่อมตอบแทนด้วยตำแหน่งลาภยศอย่างจุใจ”“เจ้าซื้อหนิงเหอด้วยสิ่งใดหรือ”“ด้วยสิ่งที่นางไม่เคยได้จากเจ้าอย่างไรเล่า พี่หนิงเหออยากได้การยอมรับและอยากได้ชีวิตครอบครัวที่ดี ข้ารับปากจะยกฉีเซี่ยหลิวให้พวกเขาได้แต่งงานกัน หลังจากนี้นางก็จะกลายเป็นฮูหยินเอกสกุลฉีมีชีวิตอย่างสุขสบาย ไม่ต้องคอยรับใช้คนเอาแต่ใจเช่นเจ้า”“หากข้าตาย คิดหรือว่าจะได้บัลลังก์และตำแหน่งฮ่องเต้ไปง่ายๆ ยังมีอัครเสนาบดีจางอยู่อีกทั้งคน”“ย่อมง่ายดายด้วยพวกเราจะยัด
ตอนที่สามสิบ เจ้าแผนการเมื่อเห็นว่าองครักษ์เงาถูกส่งออกไปแล้ว หวงฮุ่ยจือจึงรีบลุกขึ้นเดินออกไปอย่างรวดเร็วจ้าวเฟยเฟิ่งสบตานิ่งเฉยของไป๋ชุนกังก่อนจะล้มตัวลงนอนอย่างหมดสิ้นเรี่ยวแรงไม่นานก็มีเสียงคนหลายคนเดินตรงมายังห้องบรรทมโดยมีนางกำนัลหนิงเหอเปิดประตูนำเข้ามาจ้าวฮองเฮามองใบหน้าที่เดินเรียงกันมาอย่างพร้อมเพรียงด้วยสายตาฉงนสงสัยโดนเฉพาะคนสุดท้ายซึ่งนางไม่เคยเห็นหน้ามาก่อน“หนิงเหอ เหตุใดจึงเป็นเจ้าที่พาคนพวกนี้เข้ามา เกากงกงเล่า อยู่ที่ใด ไยไม่มากราบทูลขออนุญาตก่อน” จ้าวฮองเฮาตรัสถามเสียงอ่อนแรงความจริงนางสงสัยอยู่แต่แรกแล้วว่า ช่วงหลายวันมานี้ เหตุใดนางกำนัลหนิงอันและหนิงอ้ายจึงหายหน้าไป อีกทั้งเกากงกงเองก็หายไปเช่นกัน มีเพียงหนิงเหอซึ่งอยู่ดูแลรับใช้ แต่ด้วยอ่อนแรงเต็มทนจึงไม่อยากถามให้มากความ “พวกเราคงรบกวนเวลาฮองเฮาไม่นาน ไม่ต้องสร้างความยุ่งยากให้เกากงกงหรอกพ่ะย่ะค่ะ” เสนาบดีหวังเอ่ยตอบเสียงระรื่น“พวกเจ้ามีเรื
ตอนที่ยี่สิบเก้าเจ็บป่วยหลังจากคืนนั้น จ้าวเฟยเฟิ่งจึงแสร้งแวะไปที่ตำหนักของอนุข่งซีห่าวและอนุไป๋ชุนกัง เพื่อไม่ให้ผู้คนครหานินทาว่านางไม่โปรดปรานพวกเขา แต่หญิงสาวเพียงนั่งกินอาหารและจับจูงกันเข้าห้องนอนเพื่อสร้างภาพเท่านั้นภายในห้องนอนกลับเป็นการนั่งลงพูดคุยกันของสองหนุ่มสาวเพื่อถกสถานการณ์ในช่วงนี้ผ่านการแวะเวียนยังตำหนักของเหล่าอนุทุกค่ำคืน ไม่นานจ้าวเฟยเฟิ่งก็มีอาการป่วยไข้จนสังเกตได้แค่ก แค่ก แค่ก“น้องเฟย ช่วงนี้เจ้าดูอ่อนเพลียและมีสีหน้าซีดเซียวมาก อีกทั้งยังไอไม่หยุดเช่นนี้ กลับไปพักก่อนดีหรือไม่”จางชงเมิ่งซึ่งเพิ่งมาถึงยังห้องอักษรทันได้ยินเสียงไอของฮองเฮาสาวจึงรีบก้าวเข้ามาถามอย่างห่วงใยแม้เขาจะไม่พอใจที่หญิงสาวแวะเวียนไปหาชายอื่น แต่ไม่อาจว่ากล่าวอันใดได้ด้วยนางมีตำแหน่งเป็นถึงฮองเฮา“หมอหลวงไป๋ตรวจดูแล้ว บอกว่าเพียงโดนไอเย็นมากไปหน่อย กินยาฝังเข็มแล้ว อีกไม่กี่วันก็ดีขึ้นเอง”“งานพวกนี้ไม่ได้เร่งมากนัก พี
ตอนที่ยี่สิบแปด หาหลักฐาน“เชอะ ทำลายหลักฐานมาแล้วล่ะสิ จึงกล้าท้าทายเช่นนี้”“ทำลายที่ใด กลับจากจวนสกุลหวังพี่ก็ตรงมาที่นี่ จะมีเวลาใดทำอย่างที่เจ้าว่า น้องเฟย เจ้าฟังพี่หน่อยเถิด หวังลี่ถิงมีเจตนาไม่ดีต้องการยุแยงให้พวกเราแตกคอกัน พี่ย่อมรู้ตัวอยู่ก่อนไม่ปล่อยให้นางได้ทำสำเร็จตามแผนแน่” “แล้วในห้องนั่น เข้าไปทำสิ่งใดกัน” “นางแสร้งว่ามีของสำคัญจึงให้พี่ช่วยค้นหา พี่ทำทีเป็นช่วยหาของแต่สังเกตท่าทางของนางโดยตลอด จู่ๆนางก็แสร้งทำถ้วยน้ำชาหกใส่ชุดเสื้อผ้าแล้วขอตัวไปเปลี่ยนที่หลังฉากเพื่อยั่วยวน แต่นางหรือจะงดงามเท่าน้องเฟย พี่ไม่มีวันหลงกลตื้นๆพวกนี้ จึงฉวยโอกาสค้นข้าวของในห้องของนางจนทั่ว” 
ตอนที่ยี่สิบเจ็ด ทำสิ่งใดกันในขณะที่ไป๋ชุนกังยังได้รับการไหว้วานจากเสนาบดีหวังให้เข้าไปตรวจรักษาบุตรสาวเกือบทุกวัน อีกทั้งจางชงเมิ่งซึ่งยังต้องแวะเวียนไปสืบหาความคืบหน้าที่จวนสกุลหวังนั่นทำให้หวังลี่ถิงมีโอกาสได้ใกล้ชิดและใช้ความอ่อนหวานน่ารักยั่วยวนชายหนุ่มทั้งสามอย่างเต็มที่โดยไม่มีผู้ใดขัดขวางข่าวคราวที่องครักษ์เงาและสายสืบส่งมาถึงจ้าวฮองเฮาสร้างความขุ่นเคืองจนหญิงสาวไม่เป็นอันทำงานทำการด้วยช่วงนี้มีงานมากฮองเฮาสาวจึงไม่ใคร่ได้แวะเวียนไปยังตำหนักของอนุจาง อีกทั้งยังไม่ได้เรียกตัวไป๋ชุนกังหรือหวงฮุ่ยจือมาเข้าเฝ้า พวกเขาทั้งสามจึงได้โอกาสหลบลี้หนีหน้าไม่ต้องเผชิญกับกลิ่นเหม็นเปรี้ยวของน้ำส้มอันคละคลุ้ง“วันนี้อนุจางแวะไปที่จวนสกุลหวังพ่ะย่ะค่ะ”“พบผู้ใด คนพ่อหรือคนลูก”“เสนาบดีหวังยังไม่กลับพ่ะย่ะค่ะ เขาแวะพูดคุยกับเสนาบดีกลาโหมที่ร้านอาหารกลางทาง”“เช่นนั้นก็พบหวังลี่ถิงสินะ”“ใช่พ่ะย่ะค่ะ”
เสียงสั่งการด้วยความโมโหก่อนจ้าวเฟยเฟิ่งจะสะบัดหน้าเดินออกไปยังตำหนักของจางชงเมิ่งเพื่อตอกหน้าผู้คนจนขบวนนางกำนัลและขันทีเดินตามแทบไม่ทันจางชงเมิ่งซึ่งเพิ่งกลับเข้ามาในตำหนักของตนเองโดยยังไม่ได้รับรู้ว่ามีเรื่องใดถูกจ้าวฮองเฮาพุ่งเข้ากระชากตัวมาจุมพิตดุเดือดต่อหน้าผู้คนบริเวณหน้าตำหนักคล้ายต้องการแสดงให้ได้โจษจันเมื่อจุมพิตจนพอใจ จ้าวฮองเฮาก็ลากมืออนุชายคนโปรดเข้าไปในห้องนอนโดยไม่ใส่ใจเรื่องอื่นมือบางกระชากชุดเสื้อของชายหนุ่มออกโดยไม่ปรานีก่อนจะถอดชุดเสื้อหนาหนักของตนเองออกอย่างรวดเร็ว สองร่างเข้าพัวพันนัวเนียกันอย่างเร่าร้อน ทั้งมือและปากต่างคลึงเคล้นเลียไล้กันด้วยความร้อนแรงจางชงเมิ่งแม้ไม่เข้าใจแต่เมื่อหญิงสาวจู่โจมมาถึงเพียงนั้น เขาย่อมคล้อยตามและตอบสนองอย่างเต็มที่ จ้าวเฟยเฟิ่งผลักร่างหนาให้นอนลงแล้วขึ้นนั่งตรงกลางหว่างขาด้วยตนเองแท่งทวนแกร่งถูกดึงขึ้นๆลงๆเพื่อสำรวจความแข็งแรง ก่อนที่ร่างบางจะจับท่อนลำไปจดจ่อกับปากร่องดอกไม้ฉ่ำแล้วหย่อนตัวเองลงมาอย่างเหมาะเจาะหญิงสาวโยกขยับควบคุมการเข้าออกอย่างฮึกเหิม ขณะมือหนาทำได้เ
ตอนที่ยี่สิบหก บังอาจเสนอหน้า “น้องเฟยคิดผิดแล้ว ยิ่งพวกเขาได้เป็นอนุ ยิ่งน่าดึงเป็นพวกที่สุด จะมีผู้ใดได้ใกล้ชิดกับเจ้าได้เท่าพวกเขาอีก”“แต่ข้าไม่เคยคิดจะไปนอนกับพวกเขา”“ผู้ใดจะล่วงรู้เรื่องในตำหนักหลังของฮองเฮาเล่า”“เช่นนั้นข้าควรทำอย่างไร”“เจ้ารับพวกเขาเข้ามาแล้ว คงคืนคำมิได้ เอาเป็นว่าใช้งานพวกเขาให้เต็มที่ เมื่อไม่เห็นประโยชน์ก็ปลดเสีย คนใดมีความดีก็ตั้งตำแหน่งให้ออกไปมีหน้ามีตา คนใดทรยศหรือไม่น่าวางใจก็ปลดทิ้งและลงโทษไปตามสมควร" จางชงเมิ่งออกความเห็น“เหล่าขุนนางจะไม่กล่าวหาว่าข้าเป็นหญิงใจร้ายใช่หรือไม่”“พวกเขาคงครหานินทาอยู่บ้าง แต่จะใส่ใจไยเล่า ไม่ว่าเจ้าจะทำสิ่งใดล้วนไม่พ้นคำนินทาทั้งสิ้น แม้แต่เรื่องที่พวกเรากำลังทำกันอยู่”“เรื่องใดหรือ”“เรื่องที่เจ้าร่วมรักอยู่แต่กับพี่อย่างไรเล่า อีกไม่กี่วันก็คงมีคำครหาออกมาแน่”“เช่นนั้นควรแก้ไขอย่างไรดี”