บ่ายของวัน
"สวัสดีค่ะคุณณัชชา" ณิชาเปิดประตูเข้ามาในร้านชุดแต่งงานแห่งหนึ่ง ตอนแรกแอบแปลกใจว่าทำไมพนักงานเรียกชื่อเธอเป็นชื่อพี่สาว ก่อนจะเริ่มเข้าใจและตามน้ำไปกับพนักงานที่นี่ "มาลองชุดแต่งงานที่ทางร้านเตรียมไว้ให้ค่ะ" "เชิญทางนี้เลยค่ะ ตัวจริงคุณณัชชากับคุณแม็กซ์เวลล์สวยหล่อไม่แพ้ในรูปเลยนะคะ" "แม็กซ์เวลล์เขามาแล้วเหรอ?" "กำลังลองชุดอยู่ค่ะ" เธอไม่ได้ตอบพนักงานสาว เดินหายเข้าไปในห้องลองชุด ซึ่งพี่สาวเธอเลือกชุดแต่งงานไว้ก่อนหน้านี้แล้ว ณิชาจัดการสวมใส่ชุดแต่งงานสวยหรูตรงหน้าพร้อมกับเครื่องประดับต่างๆ เธอมองภาพสะท้อนในกระจกแล้วถอนหายใจออกมาแผ่วเบา ภายนอกเธอหลอกตาคนมองได้แต่เธอหลอกตัวเองไม่ได้ กฎเหล็กการสวมหน้ากากของคนอื่น...คือเธอต้องห้ามถอดมันออกจนกว่าเจ้าของหน้ากากตัวจริงจะกลับมา "ไปไหนแล้ว" เธอพึมพำ เพราะเผลอทำต่างหูที่ตั้งใจถอดเก็บไว้หล่นพื้น ก้มตัวลงมองหาต่างหูราคาแพง รอยยิ้มถูกกระบายบนใบหน้าเมื่อหาเจอ แต่ทว่ามันกลับค่อยๆ จางลงแล้วเลือนหายไปในที่สุดเมื่อสายตาปะทะเข้ากับรองเท้าหนังของผู้ชาย ณิชาเงยหน้ามองเจ้าของรองเท้าหนัง เธอชะงักลงไปทันทีที่ได้เห็นใบหน้าเขาคนนั้น คล้ายโลกทั้งใบหยุดหมุนไปชั่วขณะ กลิ่นบุหรี่เจือด้วยน้ำหอมราคาแพงจากตัวเขาลอยเตะจมูกรั้น พานทำให้หัวใจเธอเต้นโครมคราม หล่อ.. นี่คือความคิดแรกที่แวบเข้ามาในหัว "นะ...นี่มันเป็นห้องลองของผู้หญิงนะคะ" "หึ" ใบหน้าเย็นชาแถมยังไร้อารมณ์กระตุกยิ้มมุมปาก เริ่มยกเท้าเดินเข้ามาหาณิชา หญิงสาวถอยหลังอัตโนมัติ กระทั่งแผ่นหลังแนบลงกระจก ดวงตาคู่สวยมองภาพตัวเองที่สะท้อนภายในแววตาดำขลับเย็นชาคู่นี้ ยอมรับเขาเป็นผู้ชายที่ดูเพอร์เฟกต์มาก แต่การกระทำอุกอาจของเขาช่างไม่เข้ากับใบหน้าฟ้าประทานมาให้เอาเสียเลย "คะ...คุณคิดจะทำอะไร ถะ...ถ้าคุณคิดจะทำไม่ดีกับฉัน ฉันจะตะโกนให้คนช่วย" "เอาสิ" เจ้าของใบหน้าหล่อเหลาตอบกลับมาด้วยโทนเสียงราบเรียบ พลางใช้มือลูบไล้กรอบหน้ารูปไข่ ณิชาลอบกลืนน้ำลายลงคอหนึ่งอึกแล้วหลบสายตาผู้ชายคนนี้ไปทันที เธอไม่รู้จักเขา ไม่เคยเห็นหน้าค่าตาผู้ชายคนนี้ด้วยซ้ำ แต่ทำไมเขาทำเหมือนรู้จักเธอ เดี๋ยวนะ! สะ...เสียงของเขามัน ดูคุ้นหูชอบกล 'ฉะ...ฉันมองอะไรไม่เห็นเลย' 'หึ ไม่จำเป็นต้องเห็นหน้าฉัน...เพราะเร็วๆ นี้เราได้เจอกันอย่างแน่นอน' 'ฉันไม่ถนัดทำตามคำสั่งของใคร เพราะฉันชอบให้คนอื่น...ทำตามคำสั่งของฉันมากกว่า' หัวใจข้างซ้ายเต้นแรงขึ้นมาเรื่อยๆ ราวกับกำลังหลุดออกจากขั้ว เสียงของผู้ชายที่ขโมยความบริสุทธิ์เธอไปเมื่อคืนกลับมาดังก้องในหัวอีกครั้ง "กลิ่นตัวเธอ ยังหอมเหมือนเมื่อคืนเลยนะ" "!!!!!" ทุกอย่างกระจ่างทันทีที่เขาเอ่ยเอื้อนประโยคนั้นออกมา เธอมองหน้าเขาพร้อมอาการช็อค เขาเองเหรอ? ผู้ชายสารเลวคนเมื่อคืน เพียะ! "ไอ้สารเลว!" "หึ มีแรงตบแค่นี้เองเหรอ?" แม็กซ์เวลล์ใช้ลิ้นดันกระพุ้งแก้มข้างโดนตบ ครั้งแรกที่มีผู้หญิงตบหน้าแล้วมองเขาด้วยแววตาเกลียดชังแทนที่จะดีใจที่ได้ขึ้นเตียงกับเขา "หรือเมื่อคืนฉันจัดหนักเกินไปเหรอ เลยทำให้เธอหมดแรง" "หยุดพูดถึงเรื่องเมื่อคืนเดี๋ยวนี้นะ! ต่อให้แกจะได้ครั้งแรกของฉันไป อย่าหวังจะได้ครั้งที่สองหรือสาม!" "หวังไว้แบบนั้นเหมือนกันแต่คง..." "คุณแม็กซ์เวลล์...เอ่อ..ประทานโทษนะคะ พอดีดิฉันเห็นโทรศัพท์ในห้องลองชุดเจ้าบ่าวที่คุณเพิ่งออกมา ไม่ทราบว่านี่ใช่โทรศัพท์ของคุณแม็กซ์เวลล์รึเปล่าคะ" "แม็กซ์เวลล์..." เธอชวนชื่อผู้ชายคนนี้อีกครั้ง คงไม่ได้หมายความว่า…เขาคือเจ้าบ่าวของพี่สาวเธอหรอกนะ! "ขอบคุณ" "แหม พอพวกคุณสองคนยืนด้วยกันแล้วยังกับกิ่งทองใบหยกแหนะ" พนักงานสาวเอ่ยชม ก่อนจะหมุนตัวแล้วเดินออกไป "นะ...นายคือ..แม็กซ์เวลล์ อย่างนั้นเหรอ" "ใช่" "...." หากเขาคือแม็กซ์เวลล์คนสารเลวที่กระทำย่ำยีเธอเมื่อคืน แสดงว่าเขาก็ไม่ใช่คนดีน่ะสิ แล้วแบบนี้เธอจะปล่อยให้พี่สาวตัวเองแต่งงานกับคนเลวๆ แบบเขาได้ยังไง "ยกเลิกงานแต่งงานของเราซะ แล้วฉันจะไม่บอกใครเรื่องเมื่อคืน" "บอกแล้วไงว่าฉันไม่ถนัดทำตามคำสั่งของใคร เพราะฉันชอบให้คนอื่นทำตามคำสั่งของฉันมากกว่า" ณิชากัดฟันกรอด ความโกรธทำให้เธอเผลอกำมือทั้งสองเข้าหากันแน่น เขากำลังบีบบังคับให้เธอกลายเป็นลูกไก่ในกำมือของเขา "นายทำแบบนี้ทำไม" "พวกเราก็แค่เล่นสนุกกันตามประสาชายหญิงทั่วไป" "นายมันเลว!" "หึ ทวนท่าเมื่อคืนให้เอาไหม" แม็กซ์เวลล์ย่างสามขุมเข้าไปหาณิชาอีกครั้ง สายตาปรายมองรอยสักที่ตนทำไว้ เพื่อจับผิดบางอย่างจากสองพี่น้องฝาแฝด สุดท้ายกลับเป็นไปตามที่คาดเดา ผู้หญิงคนนี้ไม่ใช่เจ้าสาวตัวจริง แต่เป็นผู้หญิงคนที่เขา...ขโมยความบริสุทธิ์มาเมื่อคืน "ยะ...อย่าเข้ามานะ ไม่งั้นฉันจะตะโกนให้คนช่วยจริงๆ ด้วย!" "เอาสิ ฉันจะไม่ห้าม แต่ขอให้มาทันก่อนที่ฉันจะเข้าไปในตัวเธอ" ร่างบางเซถลาเข้ามาปะทะแผงอกแกร่ง รับรู้ได้เลยว่าเขากำลังรูดซิปชุดแต่งงานลง สัมผัสจากฝ่ามือเย็นเฉียบบนแผ่นหลังเริ่มทำให้เธอหายใจไม่ทั่วท้อง "นะ...นายคิดจะทำอะไร" "แล้วคิดว่าฉันจะทำอะไรเธอ?" "นายมัน...อื้อ!" พูดไม่ทันขาดคำ ริมฝีปากเธอถูกฉกฉวยไปจูบโดยแม็กซ์เวลล์ ราวกับทุกอย่างรอบตัวหยุดหมุน ดวงตาคู่สวยเบิกโพลงด้วยความตกใจ ไม่คิดว่าอีกฝ่ายจะกล้าทำอุกอาจกับตน มือทั้งสองที่พยายามผลักแผงอกชายหนุ่มออก ถูกเขาจับเอาไว้ ก่อนที่เธอจะเริ่มอ่อนเปลี้ยลงอย่างเห็นได้ชัด ไม่รู้นี่ใช่การเสียจูบแรกให้เขาหรือเปล่า แต่เหตุการณ์เมื่อคืน ทำให้เธอคิดว่าเขาได้ขโมยครั้งแรกของทุกอย่างไปจากเธอ กลิ่นบุหรี่เจือด้วยน้ำหอมราคาแพง เผลอทำหัวใจเธอสั่นไหว เสียงคุยกันข้างนอกทำให้ณิชาได้สติ เธอใช้แรงเท่าที่มีผลักแม็กซ์เวลล์ออก ยกมือเช็ดริมฝีปากราวกับรังเกียจเขา การกระทำที่ท้าทายมาเฟียหนุ่ม แม้นสร้างความไม่พอใจให้ แต่เขากลับเลือกที่จะเมินเฉยณิชาเดินตามแม็กซ์เวลล์ออกมาติดๆ เธอจับแขนเขาแล้วดึงกลับมา ไม่สนใจว่าเขากำลังมองเธอด้วยแววตาที่ไม่พอใจ สิ่งเดียวที่เธอสนใจ ก็คือความรู้สึกของพี่สาวตัวเอง เธอไม่ยอมให้ผู้ชายคนนี้แต่งงานกับพี่สาวเธอเด็ดขาด เธอมั่นใจว่าเขาไม่ได้นอนกับเธอแค่คนเดียวอย่างแน่นอน แม้ไม่รู้อะไรเกี่ยวกับเขามากนัก ทว่าเธอก็รับรู้ถึงบางอย่างจากตัวผู้ชายคนนี้ นอกจากไม่ใช่คนดีแล้ว ประสบการณ์เรื่องบนเตียงกับผู้หญิง...คงมีไม่น้อยเช่นกัน"ยกเลิกงานแต่งงานของเราซะ""ทำไมฉันต้องแบบนั้น""เพราะเราสองคนไม่ได้รักกัน" คำตอบของณิชาทำให้มาเฟียหนุ่มแค่นหัวเราะอย่างเย้ยหยัน สำหรับเขา เขาสามารถใช้ชีวิตอยู่ได้โดยไม่ต้องพึ่งพาความรักหรือว่าคนรัก "ฉันไม่ได้สนใจเรื่องนั้น" "แต่สำหรับฉัน มันเสียเวลา""....""ในเมื่อเราสองคนไม่ได้รักกัน เราจะแต่งงานกันไปทำไม ถ้าวันนึงเราเจอคนที่เรารักจริงๆ แต่ดันมีทะเบียนสมรสเป็นตัวผูกมัด แทนที่เราจะได้ใช้ชีวิตคู่กับคนที่ตัวเองรัก...""ความรักเหรอ? หึ มันก็แค่เรื่องไร้สาระ" แม็กซ์เวลล์แทรกขึ้น ก่อนจะล้วงกุญแจรถออกจากกระเป๋ากางเกง ปลดล็อกรถหรูราคาแพง จังหวะที่กำลังเปิดประตูรถออก ณิชาได้เข้ามาดันประตู
เธอเดินออกจากห้องน้ำหลังจากทำธุระส่วนตัวเสร็จ จังหวะกำลังก้าวเท้าเดินกลับไปหากลุ่มเพื่อน สายตาได้เหลือบเห็นแผ่นหลังของบางคนผ่านหน้าโดยมีชายฉกรรจ์สี่คนเดินตามหลัง แม้มองแค่ข้างหลังเธอก็จำเขาได้...แม็กซ์เวลล์เธอตัดสินใจเดินตามเขาไป เพราะอยากคุยเรื่องแต่งงานและยื่นข้อเสนอบางอย่างให้เขา เธอมองเส้นทางข้างหน้าด้วยความกลัว บรรยากาศรอบข้างเริ่มเงียบและวังเวงพิกล แม้มีเสียงเพลงจากข้างนอกดังกระหึ่มเข้ามาภายใน ทว่ากลับไม่สามารถกลบความกลัวที่นี่ได้เลย จะไปต่อหรือพอแค่นี้ณิชา เธอถามตัวเองในใจ เพราะเธอขี้ขลาดเกินไปจึงเลือกไม่เดินไปข้างหน้า บางทีแอบคิดนะ ว่าแม็กซ์เวลล์เป็นใครกันแน่ ยามมองตาเขา แววตาเขาช่างว่างเปล่า ไร้ความรู้สึก และยากที่จะคาดเดาใจผู้ชายคนนี้ได้ "เฮือก! ตะ...ตกใจหมดเลย" เธอสะดุ้งด้วยความตกใจ เพราะจังหวะกำลังหมุนตัวเดินกลับไป สายตาได้มองเห็นแม็กซ์เวลล์ยืนกอดอกอยู่บันไดอีกทาง ยอมรับไม่ได้สังเกตว่าตรงนั้นมีบันไดทางขึ้น"มาทำอะไรตรงนี้""เอ่อ...พอดีว่าฉันเมา เลยมามั่วซั่ว" พูดอะไรของเธอเนี่ยยัยณิชา โกหกทั้งทีก็ให้มันเนียนกว่านี้หน่อยไม่ได้รึไง เธอก่นด่าตัวเองในใจ "งั้นเหรอ""อืม" เธ
เธอเดินออกจากห้องนั้นมาพร้อมกับอาการหวาดกลัว ภาพแม็กซ์เวลล์บีบรัดคอและใช้มีดลูบไล้หน้าเธอยังติดตามาถึงตอนนี้ เหงื่อมากมายไม่รู้มาจากไหนผุดขึ้นมาเต็มใบหน้าเธอ เนื้อตัวสั่นเทาจนแทบไม่มีแรงเดินต่อ เธอตัดสินใจนั่งเพื่อสงบสติอารมณ์ตัวเองก่อนกลับคอนโดมิเนียม ขืนกลับตอนที่สติยังไม่คงที่ เสี่ยงเกิดอุบัติเหตุอย่างแน่นอนเริ่มมั่นใจแล้วว่าแม็กซ์เวลล์ไม่ใช่คนดีอย่างที่ใครเข้าใจ กลิ่นอายความเลวที่แผ่ออกมาจากตัวเขาขนาดนั้นไม่มีทางใช่คนดี เพื่อนเธอเคยเล่าประวัติผู้ชายคนนั้นให้ฟังคร่าวๆ ตอนแรกเธอเชื่อแบบนั้น แต่หลังจากเหตุการณ์เมื่อกี้มันทำให้เธอเปลี่ยนความคิดทันควัน"คนสวย มานั่งทำอะไรตรงนี้คนเดียว""หลงทางมาเหรอจ๊ะ" เสียงผู้ชายสองคนที่ดังขึ้น ช่วยฉุดรั้งณิชาออกจากภวังค์ความคิด เธอค่อยๆ ลุกขึ้น ถอยห่างจากชายฉกรรจ์สองคนอัตโนมัติตามสัญชาตญาณของตัวเอง"ทำไมต้องมองพวกเราด้วยสายตาแบบนั้นด้วย กลัวเหรอ""ถึงหน้าตาพวกพี่สองคนจะโหด แต่จริงๆ แล้วพวกพี่ใจดีมากนะ โดยเฉพาะกับคนสวยๆ แบบน้องสาว""อย่าเข้ามานะ" ความกลัวทำให้เธอเริ่มออกคำสั่งกับชายทั้งสองเพื่อกันไม่ให้พวกเขาเข้ามาใกล้เธอมากกว่านี้"นอกจากคำสั่งเจ
"นายจะทำอะไร" เธอถามเขาเสียงสั่น ภาพแม็กซ์เวลล์ยืนปลดกระดุมเสื้อเชิ้ตตัวเองทำเธอหวั่นใจไม่น้อย กลัว...กลัวเขาจะทำเหมือนคืนแรกที่ทำกับเธอ แววตาเขาใช้มองเธอตอนนี้ไม่ต่างอะไรจากนักล่าที่กำลังจะขย้ำเหยื่อ "ฉันพูดได้เหรอ" คิ้วดกดำเลิกขึ้นพร้อมเอ่ยถามคนตัวเล็ก ยิ่งเห็นแววตาเธอจุดประกายความกลัวมากเท่าไร เขายิ่งสะใจมากเท่านั้น เข็มขัดหนังถูกดึงออกจากกางเกงสีเข้ม ตวัดใส่พื้นเสียงดัง พานทำณิชาสะดุ้งโหยงด้วยความหวาดหลัว"ยะ...อย่าเข้ามานะ" "หึ ไม่อยากรับรู้ความรู้สึกของนั้นเหรอ คืนนั้นเราสองคนมีความสุขกันมากเลยนะ""ไม่..." แรงจะพูดยังไม่มีเพราะมัวแต่หวาดกลัวคนตรงหน้า เธอดึงตัวเองขึ้นจากโซฟาเตรียมวิ่งหนีเขา ทว่าเขากลับไวกว่า คว้าแขนเธอไว้แล้วผลักเธอลงโซฟาอีกครั้ง ก่อนจะเข้ามาคร่อมร่างเธอพร้อมใช้เข็มขัดพันธนาการข้อมือไว้แน่นหนาไม่ให้เธอต่อต้าน "ว้ายย!! ปะ...ปล่อยฉันนะ ถ้านายทำอะไรฉัน ฉันจะบอกทุกคนว่านายข่มขืนฉัน!""คืนนั้นไม่เห็นว่าเธอมีท่าทีต่อต้านฉันเลยนะ สมยอมด้วยซ้ำ""นายมันน่ารังเกียจ""หึ คนน่ารังเกียจคนนี้ จะไม่ทำให้เธอผิดหวังอย่างแน่นอน" แควกก!!เขาฉีกชุดนอนเธอขาดออกจากกัน หน้าอกที่ไร้ก
เธอยืนมองตัวเองในชุดเจ้าสาวขาวสะอาดตาสวยหรูหรา ความจริงแล้ว หากชีวิตเธอเปรียบดั่งนิยายเรื่องหนึ่ง วันนี้มันคงเดินทางมาถึงตอนจบของเรื่อง ทว่าในความเป็นจริง...มันเพิ่งเริ่มต้น การแต่งงานคือความฝันของใครหลายคน ใช่...ถ้าคู่ชีวิตของเราต่างเป็นคนที่เรารักและมีใจให้กัน ต่อให้คนผู้หญิงในชุดเจ้าสาวนี้เป็นพี่สาวเธอ เธอก็อยากให้ณัชชาได้มีโอกาสเลือกชีวิตของตัวเอง ไม่ใช่การถูกจับคลุมถุงชนแบบนี้ "คุณณัชชาคะ งานใกล้เริ่มแล้วค่ะ""อืม" เธอหันไปตอบสั้นๆ กับเจ้าของประโยคเมื่อครู่ พลางแค่นยิ้มกับตัวเองในกระจก นี่เธอต้องเล่นละครรับบทเป็นพี่สาวตัวเองจริงเหรอ? น่าขันสิ้นดีเธอเดินออกมายืนหน้าประตูห้องโถงจัดงาน โดยภายในมีเสียงพิธีคอยดำเนินการอยู่ อยู่ดีๆ ผู้หญิงคนที่เข้ามาหาเธอก่อนหน้านั้นได้วิ่งหน้าตื่นมา"คุณณัชชาคะ เอ่อ...พอดีมีบางอย่างผิดพลาดนิดหน่อย ถ้าประตูเปิดออก คุณณัชชาเดินไปรอบนเวทีก่อนเลยนะคะ""ปกติต้องเดินไปพร้อมเจ้าบ่าวไม่ใช่เหรอ?""ค่ะ แต่ว่าตอนนี้ จะ..เจ้าบ่าวยังไม่มาเลยค่ะ""เหอะ! ไร้ความรับผิดชอบสิ้นดี" เธอแค่นหัวเราะเย้นหยัน เพียงไม่กี่วินาทีต่อจากนั้นประตูไม้บานใหญ่ได้ค่อยๆ ถูกเปิดออก น
ณิชานั่งมองแม็กซ์เวลล์ซึ่งยืนสูบบุหรี่อยู่ระเบียงตรงห้องนอนด้วยอารมณ์คุกรุ่น เมื่อวานเขาเพิ่งทำเรื่องอย่างว่ากับเธอแล้วยังมีหน้ามาร่วมพิธีแต่งงาน หากทุกคนรู้ธาตุแท้ผู้ชายคนนี้ ไม่อยากคิดเลยว่าเขายังกล้าทำหน้าเหมือนทองไม่รู้ร้อนอีกไหม สิ่งหนึ่งที่เธอมั่นใจก็คือ...เธอเกลียดเขาเธอเดินเข้ามาในห้องน้ำ เอื้อมมือขึ้นมาปลดเครื่องประดับทุกชิ้นวางลงเคาน์เตอร์อ่างล้างหน้าลายหินอ่อน รอยสักที่เขาทิ้งเอาไว้บนร่างกาย มองทีไรมันหวนทำให้เธอนึกถึงเรื่องอัปยศที่ผู้ชายคนนั้นกระทำกับเธอไม่ได้แกร๊กเธอหันขวับ เมื่อได้ยินเสียงปลดล็อกประตูห้องน้ำ เจ้าของการกระทำอุกอาจเป็นใครไม่ได้นอกจากแม็กซ์เวลล์ "นายเข้ามาได้ยังไง""กุญแจสำรอง""ไร้มารยาท" "ว่าฉันไร้มารยาทก็ไม่ถูก อย่าลืมสิว่าฉันเป็นเจ้าของบ้าน" เขากอดอกพิงขอบประตูสนทนากับเธอด้วยโทนเสียงเรียบนิ่ง บอกตามตรง เธอเดาอะไรเกี่ยวกับผู้ชายคนนี้ไม่ได้เลย ไม่รู้ด้วยซ้ำว่าแววตาคู่นั้นที่เขามองเธอกำลังคิดอะไรอยู่ หากเป็นผู้หญิงคนอื่นอาจจะมองเขาว่าน่าค้นหา แต่สำหรับเธอคงไม่"นายควรให้เกียรติฉันในฐานะภรรยา ไม่ใช่ไร้มารยาทเหมือนที่กำลังทำอยู่""ใครสน" แม็กซ์เวลล์ตอ
เช้าวันต่อมาแสงแดดอ่อนๆ สาดส่องผ่านระเบียงห้องนอนเข้ามาตกกระทบกับร่างเปลือยเปล่าที่นอนหลับบนเตียง ณิชาส่งเสียงในลำคอเบาๆ ก่อนจะเปิดเปลือกตาออก ความรู้สึกเมื่อตื่นนอนขึ้นมาแล้วสัมผัสได้ก็คือความเจ็บตรงช่วงล่างและอาการครั่นเนื้อครั่นตัวเธอฝืนความเจ็บปวดดึงศีรษะขึ้นจากหมอนใบใหญ่ นั่งพิงหัวเตียงด้วยความรู้สึกว่างเปล่า น้ำตาเริ่มไหลรินหยดลงผิวหน้าแก้มเพียงแค่นึกถึงเหตุการณ์แสนเลวร้ายเมื่อคืน แกร๊กสายตาเบือนมองเสียงปลดล็อกประตูห้องน้ำ พบว่าเป็นแม็กซ์เวลล์ในสภาพพันผ้าขนหนูผืนเดียวรอบเอวสอบ ใบหน้าเขายังคงเรียบเฉยไร้อารมณ์เช่นเคย เธอกำผ้าห่มแน่นเพื่อระบายความรู้สึกแค้นใจ "มองฉันด้วยสายตาแบบนั้น คงอยากเอาคืนฉันใจจะขาดล่ะสิ" มาเฟียหนุ่มพูดจากระแนะกระแหนใส่ณิชา นั่นยิ่งทำให้โทสะภายในใจหญิงสาวประทุรุนแรงขึ้นกว่าเดิมปึก!เธอปาหมอนใบใหญ่หมายให้โดนหน้าแม็กซ์เวลล์ ทว่าเขากลับปัดออกอย่างรวดเร็ว นัยน์ตาดำขลับเริ่มฉายความน่ากลัวออกมา ก่อนจะก้าวขาขึ้นไปบนเตียงนอน เลื่อนมือขึ้นมาบีบคางเรียวเล็กจนแทบละเอียดคามือ"อื้อ!""เมื่อคืนยังไม่เข็ดใช่ไหม?""ปล่อยฉันนะแม็กซ์เวลล์!" เธอพยายามแกะมือแม็กซ์เวลล์ซึ่
เธอเดินตามแม็กซ์เวลล์เข้ามาในบริษัทยักษ์ใหญ่ใจกลางเมือง โดยมีชายชุดดำจำนวนหนึ่งคอยประกบหลังเพื่อรักษาความปลอดภัย เคยได้ยินชื่อบริษัทเขา แต่ไม่เคยได้มาเยือนสักครั้ง นี่เป็นครั้งแรกที่เธอได้ย่ำก้าวเข้ามาภายในถูกตกแต่งสวยหรู พนักงานยิ้มแย้มดูเป็นมิตร ไม่แปลกใจเลยทำไมบริษัทเขาถึงเป็นที่รู้จักทั้งในและต่างประเทศ นักลงทุนหลายคนต่างอยากร่วมทำธุรกิจกับแม็กซ์เวลล์ นั่งอยู่เฉยๆ ไม่ต้องพยายามอะไรมากมาย ก็มีเหล่านักลงทุนติดต่อมาหาด้วยตัวเอง"สวัสดีค่ะคุณณัชชา ยินดีต้อนรับสู่บริษัทเอ็มซีกรุ๊ปนะคะ" พนักงานคนหนึ่งเข้ามาทักทาย ระหว่างกำลังยืนรอลิฟต์ เธอส่งยิ้มให้เจ้าของใบหน้าเป็นมิตรสองคน ไม่ทันได้เริ่มต้นสนทนาด้วย ประตูลิฟต์ก็ถูกเปิดออก ทำให้เธอต้องรีบก้าวเท้าตามแม็กซ์เวลล์เข้าไป"เธอไม่ควรทำตัวสนิทกับพนักงานให้มาก""ทำไม""เพราะเธอเป็นเจ้านายพวกเขา""แล้วยังไง ฉันก็เป็นของฉันแบบนี้ อีกอย่าง ถ้าอยากได้ใจพวกเขา นายก็ควรให้ใจกับพวกเขาก่อน" แม็กซ์เวลล์หันหน้ามามองณิชาโดยไม่พูดตอบโต้อะไร ทิ้งให้ประโยคนั้นของเธอตัดบทสนทนาลง ไม่นานนักประตูลิฟต์ก็เปิดออกเมื่อถึงชั้นเป้าหมาย"ถามจริงๆ เถอะ นายให้ฉันมาบริษั
หลายวันต่อมา"อื้อ...ทำอะไรของพี่เนี่ย" ชายหนุ่มที่กำลังนอนหลับอยู่เอ่ยถามด้วยน้ำเสียงงัวเงีย เมื่อโดนคนตัวเล็กเข้ามาปลุกโดยวิธีการจุ๊บแก้มซ้ำหลายๆ รอบ เธอมักเข้ามาปลุกเขาแบบนี้ทุกเช้า"ตื่นเร็วเช้าแล้ว" "ขอนอนต่ออีกห้านาทีนะ ผมเพลียมากเลย" คนฟังทำหน้านิ่ว ทุกครั้งที่เข้ามาปลุก เจเลอร์มักพูดแบบนี้เสมอและห้านาทีสำหรับเขาก็ไม่เคยมีอยู่จริง "ถ้านายไม่ตื่นฉันจะแอบหนีกลับไปกินข้าวที่คอนโดฉันนะ" ในเมื่อปลุกดีๆ ไม่ยอมตื่น ก็ต้องงัดไม้นี้ออกมาใช้ เจเลอร์เริ่มปรือตาขึ้นมาอย่างยากลำบากเมื่อคนรักขู่ตัวเองด้วยวิธีแบบนี้เหมือนทุกครั้ง "ทำไมชอบเอาเรื่องนี้มาขู่อยู่เรื่อยเลย""จะสิบโมงแล้ว ขืนให้นายนอนต่อไม่รู้ว่าเที่ยงจะตื่นไหม""ก็คนมันง่วงนิ""เมื่อคืนนายบอกว่าจะทำแค่รอบเดียวแต่นี่ปาไปตีสอง กว่าจะได้นอนจริงๆ ก็เกือบตีสาม ไม่แปลกหรอกที่นายจะง่วง"เธอเริ่มบ่นให้เจเลอร์ เมื่อคืนบทรักของเขาลากยาวมาถึงตีสอง กว่าจะทำความสะอาดร่างกายแล้วนอนคิดอะไรเรื่อยเปื่อยระหว่างหลับก็ปาไปเกือบตีสามแล้วพอเช้ามาทำเป็นบ่นว่าง่วงนอน"ไปอาบน้ำล้างหน้าแปรงฟันแล้วมากินข้าว อาหารที่ฉันสั่งไปมาส่งแล้ว""รับทราบครับคุณเม
สามวันต่อมา"รู้สึกยังไงบ้างที่มีผู้ชายโพสต์รูปลงไอจี" ณิชาที่กำลังเดินคล้องแขนดรีมเลือกซื้อของบนห้างสรรพสินค้าเอ่ยถามด้วยรอยยิ้ม "เดี๋ยวเขาก็ลบออกไปเองแหละ""การที่ผู้ชายทำแบบนี้ฉันว่ามันชัดเจนแล้วนะว่าเจเลอร์อะ เขาคิดเหมือนกันกับแก""แต่ว่าเขาไม่เคยพูดว่ารู้สึกยังไงกับฉัน" เธอพูดตัดพ้อออกมา"เมื่อก่อนเฮียแม็กซ์ก็เป็นเหมือนเจเลอร์ เขาไม่เคยพูดว่ารู้สึกยังไงกับฉัน คนรอบข้างฉันบอกว่า เฮียแม็กซ์เป็นประเภทที่การกระทำชัดเจนกว่าคำพูด นานเหมือนกันกว่าเขาจะยอมสารภาพว่าคิดยังไงกับฉัน""ฉันไม่อยากคิดเข้าข้างตัวเองว่าเจเลอร์จะคิดเหมือนกันกับฉัน" แม้การกระทำเขาจะชัดเจน แต่เธอก็ยังอยากได้ยินคำๆ นั้นจากปากของเขาเพื่อยืนยันว่าเขาคิดแบบเดียวกันกับเธอจริงๆแค่การกระทำมันวัดไม่ได้หรอกว่าเขาจะรักเธอ"ตอนแรกฉันก็คิดเหมือนกับเธอ ไม่อยากเข้าข้างตัวเองเหมือนกัน แต่เชื่อเถอะว่าสักวันเธอจะใจอ่อนให้เจเลอร์โดยไม่รู้ตัว" ณิชาพูดแล้วอมยิ้มกริ่ม ตอนแรกที่ดรีมเล่าเรื่องเจเลอร์มาหลอกเธอโกรธมาก แต่พอได้ฟังดรีมเล่าจนจบเธอก็อดคิดไม่ได้ว่าเจเลอร์อาจจะมีใจให้ดรีมจริงๆ ไม่อย่างนั้นคงไม่ลงทุนโพสต์รูปเพื่อนสนิทเธอลงอินสต
เช้าวันต่อมาแสงแดดอ่อนๆ ยามเช้าสาดส่องเข้ามาในห้องนอนสี่เหลี่ยมหรูกระทบเข้ากับเจ้าของใบหน้าสวยหวานที่กำลังนอนหลับปุ๋ยบนเตียง เปลือกตาสีขาวค่อยๆ ปรือขึ้นมาอย่างยากลำบากเพราะมีแสงแดดกำลังแยงตา เธอดึงตัวเองขึ้นจากหมอนใบใหญ่พลางมองไปรอบห้องนอน ไม่ต้องบอกก็รู้ว่านี่คือคอนโดของเจเลอร์ แล้วเธอก็นอนที่นี่ตั้งแต่เมื่อคืนจนถึงเช้าเธอเลิกคิ้วขึ้นสูงเมื่อสายตาสะดุดเข้ากับแขนเสื้อเชิ้ต พอก้มมองสำรวจตัวเองถึงรู้ว่าเธอไม่ได้สวมชุดราตรีที่ใส่ไปร่วมงานการกุศลเมื่อคืน แกร๊ก"ตื่นแล้วเหรอ""อืม" เธอตอบสั้นๆ ในลำคอ"พี่ไปล้างหน้าแปรงฟันแล้วกินข้าวสิ ผมทำข้าวต้มไว้ให้""นายทำกับข้าวเป็นด้วยเหรอ""ทำเป็นบางอย่าง ถ้าวันไหนไม่มีของในตู้เย็นหรือขี้เกียจทำก็ลงไปซื้อข้างล่างมากิน""เมื่อคืนนายเป็นคนเปลี่ยนชุดให้ฉันเหรอ""ใช่ ผมกลัวว่าพี่จะนอนไม่สบายตัวเลยเปลี่ยนให้"พอรู้ว่าเขาเป็นคนเปลี่ยนเสื้อผ้าให้ ใบหน้าก็เริ่มร้อนเห่อขึ้นมา เธอไม่พูดอะไรต่อจากนั้น เหวี่ยงเท้าทั้งสองลงสัมผัสพื้นเย็นเฉียบก่อนจะเดินไปยังห้องน้ำ หญิงสาวใช้เวลาล้างหน้าและแปรงฟันไม่ถึงสิบนาทีก็เสร็จ ร่างบางเดินออกมาจากห้องนอน สายตาจ้องมองเจเ
เธอปลีกตัวจากเจเลอร์มาเข้าห้องน้ำเพราะไม่ว่าจะเดินไปทางไหนเขาก็เอาแต่เดินตามราวกับกลัวว่าเธอจะหายไปไหน หลังจากทำธุระส่วนตัวเสร็จเธอก้าวออกมาล้างมือ ก่อนจะหยิบกระดาษทิชชูมาเช็ดมือแล้วทิ้งลงถังขยะจังหวะกำลังเดินออกไปเป็นต้องชะงัก เมื่อพิตต้า อดีตแฟนเก่าของเจเลอร์ได้เดินเข้ามาในห้องน้ำพอดี เธอและพิตต้ามองหน้ากัน แววตาอีกฝ่ายแสดงออกชัดเจนว่าไม่ชอบเธอ"เดี๋ยวสิ" เสียงของพิตต้าทำให้ดรีมที่กำลังก้าวออกไปชะงักเท้าทั้งสองข้าง "...." เธอหมุนตัวกลับมาหาพิตต้าโดยไม่พูดอะไรกลับอีกฝ่าย"เธอเป็นอะไรกับเจเลอร์" "ไม่ได้เป็นอะไรกัน""ใส่สร้อยประจำตระกูลเขาบนคอขนาดนั้น แน่ใจเหรอว่าไม่ได้เป็นอะไรกัน" พิตต้าพูดแล้วปรายสายตามองสร้อยประจำตระกูลที่คล้องบนคอของดรีม ขนาดเธอเป็นแฟนคนแรกของเจเลอร์ยังไม่เคยได้แตะต้อง ผิดกับดรีม"เขาให้ฉันใส่เอง""ถอดมันออกซะ" "ทำไมฉันต้องทำตามที่เธอบอกด้วย หรือกำลังใช้สิทธิ์ของอดีตแฟนเก่าสั่งฉัน""แค่เขายอมให้เธอใส่สร้อยนั่น อย่าคิดว่าเขาจะรักเธอ""ต่อให้เขาไม่รักฉัน อีกไม่นานฉันกับเขาก็ต้องแต่งงานกันอยู่ดี ให้ส่งบัตรเชิญไปให้ไหม?""หมายความว่ายังไง" พิตต้าถอดสีหน้าเมื่อได้ยิ
เธอกลับมาคอนโดด้วยสภาพไม่ค่อยสู้ดีเท่าไร ร่างบางทรุดฮวบนั่งลงเตียงนอนราวคนหมดแรง ภาพเหตุการณ์ที่ผ่านมาก่อนหน้านั้นลอยวนในหัวถึงตอนนี้จนพลอยทำให้รู้สึกเจ็บแปลบที่ก้อนเนื้อข้างซ้าย'ตลอดเวลาที่ผ่านมา...นายเคยรักฉันบ้างไหม''ผมก็ไม่รู้เหมือนกันว่าผมคิดอะไรกับพี่'เป็นเธอสินะที่คิดเองมาโดยตลอดว่าเจเลอร์จะมีใจให้ เธอคิดเข้าข้างตัวเองทั้งนั้น ไม่น่าคาดหวังอะไรจากเขาเลย ยิ่งคาดหวังมาก...ยิ่งผิดหวังมากเธอเลื่อนมือขึ้นมาปาดน้ำตาที่ไหลกลิ้งลงมาบนแก้มออก เรื่องที่ทำให้เธอเสียใจมากที่สุดไม่ใช่เรื่องโดนปฏิเสธ แต่เป็นเรื่องที่เขาเข้าหาเธอเพื่อหวังล่าแต้มเก็บคะแนน แล้วเขาก็ทำสำเร็จ ไม่โทษเขาหรอก เพราะเธอมันโง่เองที่ดูเจเลอร์ไม่ออกครืด ครืด~เสียงโทรศัพท์ช่วยฉุดรั้งเธอออกจากภวังค์ความคิด พอเห็นว่าเป็นมีนาโทรมาจึงรีบจัดการกับความรู้สึกแล้วปัดหน้าจอเพื่อรับสาย"ว่าไงมีนา"(แกอยู่ไหน กลับแล้วเหรอ?)"อืม ใช่ ฉันรู้สึกปวดหัวนิดหน่อยเลยกลับมาพัก"(พวกฉันก็นึกว่าแกหายไปไหน)"ขอโทษนะที่ไม่ได้บอกก่อน"(ไม่เป็นไร กินยาแล้วพักผ่อนเถอะ ฉันขอไปสนุกต่อก่อน)เธอวางสายลงจากมีนาแล้วพาตัวเองเดินเข้าไปอาบน้ำเพื่อเตรี
ภายในรถหรูของเจเลอร์ถูกปกคลุมไปด้วยความเงียบ ดรีมลอบมองคนข้างกายเป็นระยะด้วยความเป็นห่วง เธอเข้าใจเขาดีว่าการเผชิญหน้ากับอดีตที่แสนเจ็บปวดนั้นมันรู้สึกยังไง เธอเลือกที่จะไม่พูดอะไรจนกว่าอารมณ์ของเจเลอร์จะกลับมาคงที่เหมือนเดิมเธอดึงสายตาจากวิวนอกกระจกมามองเจเลอร์ ซึ่งเลื่อนมือมาจับมือเธอไปกุมไว้บนตักเขา เธอมองต่ำมายังมือที่ประสานกันเป็นหนึ่งพร้อมหัวใจที่ไหววูบ"ขอจับมือได้ไหม""อืม นายโอเคขึ้นแล้วใช่ไหม""ทำไมผมต้องไม่โอเคด้วย" เขาถามกลับพร้อมเบือนใบหน้าไปมองดรีม ก่อนจะดึงสายตากลับไปมองถนนแล้วเอ่ยอีกประโยค "พี่เป็นห่วงผมเหรอ""ใครบอกว่าฉันเป็นห่วงนาย""แววตาพี่มันฟ้องผมแบบนั้น""ก็แค่แววตาที่ใช้มอง จะอะไรนักหนา" "หึ เป็นห่วงก็แค่ยอมรับมาตรงๆ ไม่เห็นต้องโกหกเลย" เธอไม่ตอบอะไรเจเลอร์กลับ เอื้อมมือที่เหลืออีกข้างไปเปิดเพลงฟัง อย่างน้อยอาจทำให้คนข้างๆ ผ่อนคลายลงจากเรื่องก่อนหน้านี้"พี่รู้รึยังว่างานแต่งงานของเราถูกเลื่อนเข้ามาแล้วนะ""อะไรนะ?" "ตอนพี่กำลังซื้อของ พ่อผมโทรมาบอกว่าจะเลื่อนงานแต่งเข้ามา""เมื่อไหร่""อีกสองเดือน""ไหนตอนแรกว่าบอกปีหน้าไง""ผมก็ไม่รู้เหมือนกัน พวกท่านคงคิ
วันต่อมาดรีมปรือดวงตาขึ้นมาอย่างยากลำบากหลังจากนอนหลับมาหลายชั่วโมง เธอมองข้างกายที่ว่างเปล่า ก่อนจะค่อยๆ ดึงตัวเองขึ้นแล้วมองหาเจเลอร์ เวลาบนผนังห้องบอกว่าตอนนี้เป็นเวลาสิบโมงเช้าแล้ว"หรือจะตื่นแล้ว" เธอพึมพำออกมาคนเดียว จากนั้นเหวี่ยงขาทั้งสองลงสัมผัสพื้นเย็นแล้วเดินตรงไปยังห้องน้ำเพื่อทำธุระส่วนตัวดวงตากลมโตมองสะท้อนตัวเองผ่านกระจกตรงหน้า เธออยู่ในชุดของเจเลอร์และรอยต่างๆ บนคอก็เป็นฝีมือเขาทั้งนั้น หลังจากทำอะไรเสร็จเรียบร้อยเตรียมเดินออกมา ประตูห้องน้ำก็ได้ถูกเปิดโดยเจเลอร์แกร๊ก"อยู่นี่เองนึกว่าหายไปไหน""มีอะไรเหรอ?"เจเลอร์ยิ้มแล้วเดินเข้ามาหาดรีมที่ยืนอยู่หน้าเคาน์เตอร์อ่างล้างหน้า เขาใช้สองมือยันขอบเคาน์เตอร์เพื่อขังหญิงสาวไว้ในอ้อมแขน"ผมนึกว่าพี่แอบหนีกลับไปแล้ว""ฉันเพิ่งอาบน้ำเสร็จ" "ถึงว่าทำไมตัวพี่หอมจัง" "ฉันว่านายเริ่มเหมือนโรคจิตเข้าไปทุกวันแล้วนะ""หึ" เจเลอร์ระบายยิ้ม ก่อนจะเลื่อนมือมาเชยคางมนขึ้นให้สบตา จากนั้นค่อยๆ โน้มใบหน้าลงไปหาแล้วใช้ริมฝีปากสัมผัสลงหน้าผากบาง เคลื่อนมาหอมแก้มทั้งสองข้าง และจบลงที่ริมฝีปากสีระเรื่อ "ทำไมพี่น่ารักขนาดนี้""อารมณ์ไหนมาชมก
เจเลอร์เอาแต่นั่งมองหญิงสาวตรงหน้าทานอาหารเงียบๆ โดยไม่พูดจาอะไร ความเงียบของเขาพลอยทำให้ดรีมรู้สึกอึดอัดและเสียความเป็นตัวเองในเวลาเดียวกัน เธอเงยหน้าขึ้นมองเจเลอร์ แล้วเอ่ยถาม"นายมีอะไรรึเปล่า ทำไมถึงเอาแต่มองหน้าฉัน""แค่คิดไม่ถึงว่าคนที่ผมต้องแต่งงานด้วย จะเป็นพี่""ฉันเองก็คิดไม่ถึงเหมือนกัน""ผมอิ่มแล้ว เรากลับกันเถอะ""แต่ว่านายยังไม่ได้กินสักคำเลย" "เพราะผมรอกินพี่อยู่ไง" คำตอบของเจเลอร์ทำให้ดรีมชะงัก หัวใจดวงเล็กพันกระตุก เธอสบตากับเขา นัยน์ตาสีดำของเขาไม่ต่างจากเสือร้ายที่กำลังเฝ้ามองเหยื่อเพื่อรอตะครุบชายหนุ่มรุ่นน้องดึงตัวเองขึ้นจากเก้าอี้ เข้ามาดึงตัวหญิงสาวขึ้นแล้วเดินออกจากห้องอาหาร ดรีมพยายามแกะมือเจเลอร์ที่พันธนาการข้อมือตัวเองออก ทว่ากลับไม่เป็นผล"เจเลอร์ ปล่อยฉันนะ""กลับกับผม""ไม่เป็นไร ฉันมีคนขับรถอยู่""บอกเขาว่าผมจะเป็นส่ง" "แต่...""คืนนี้พี่ต้องโดนลงโทษ" เขาพูดโดยไม่สบตากับดรีม สองเท้าตวัดเดินมายังลานจอดรถของโรงแรมแล้วพบเข้ากับคนขับรถของดรีม "เดี๋ยวฉันไปส่งเธอเอง""ได้ครับ" คนขับรถของดรีมตอบรับเจเลอร์ไปอย่างง่ายดาย เจเลอร์พาดรีมมายังรถหรูราคาแพงของตน ท
หลายชั่วโมงต่อมาแก่นกายขนาดใหญ่กระตุกหงึกหงักภายในร่องรักคับแคบ น้ำเชื้อจากชายหนุ่มพุ่งกระจายใส่เครื่องป้องกันทุกหยาดหยดพร้อมเสียงครางหนักแน่น เจเลอร์เลื่อนมือมาถอนแก่นกายออก เนื้อตัวเต็มไปด้วยหยาดเหงื่อจากการร่วมรักกับหญิงสาวดรีมนอนหายใจหอบเหนื่อย บทรักที่บรรเลงมาหลายชั่วโมงทำให้เธอหมดแรง ผิดกับเจเลอร์ เขายังดูปกติ ราวกับร่างกายทำจากเหล็ก "อ๊ะ! นะ...นายจะพาฉันไปไหน" เอ่ยถามด้วยความตกใจ อยู่ดีๆ เจเลอร์ก็ช้อนร่างเธอในท่าเจ้าสาว"พาไปล้างตัว""ไม่ต้อง เดี๋ยวฉัน...""อย่าดื้อ" เสียงเข้มปรามกลับมา ทำให้ดรีมนิ่งลง ดวงตากลมโตช้อนมองเสี้ยวหน้าหล่อเหลา ไม่อยากเชื่อเลยว่าหลายชั่วโมงที่ผ่านมาเธอจะยอมให้เจเลอร์เป็นผู้ชายคนแรกของเธอ พอยาปลุกเซ็กซ์หมดฤทธิ์ กลับรู้สึกเขินอายและวางตัวกับเขาไม่ถูกเสียอย่างนั้นเจเลอร์วางเธอลงในอ่างอาบน้ำหรู โดยเขาเองก็เข้ามานั่งซ้อนข้างหลัง หัวใจเธอเต้นไม่เป็นส่ำเมื่อก้นตัวเองสัมผัสกับสิ่งนั้นของเขา "อันที่จริงฉันทำเองก็ได้นะ""ผมเห็นพี่เหนื่อย เลยอยากอาบน้ำให้""....""ผมทำแรงไปไหม" คำถามของเจเลอร์ ทำให้ดรีมไปต่อไม่ถูก ใบหน้าขาวเนียนค่อยๆ แดงระเรื่อขึ้นมาด้วย