โหวงเฮ้ง...แบบไหน จึงเหมาะสม
เป็นตำนานระดับพรีเมี่ยม...ขอยกนิ้วให้ที่ยังมีคนงมงายในยุคนี
--------------------------------
“เอ้า...นี่ชาเขียวมะนาว แก้หน้าแก่ก่อนวัย” เสียงใครไม่รู้เอ่ยขึ้นก่อนเอาแก้วพลาสติกทรงสูงพร้อมหลอดอยู่ในถุงหูหิ้วยื่นมาตรงหน้า
“อย่ากวนบาทา ยิ่งกลุ้มอยู่” เสียงหญิงสาวตอบไม่มองหน้าแต่เอามือกุมขมับ เธอนึกว่าเป็นเพื่อนฝึกงานในแผนกไอทีที่ยังช่วยแก้ไขวิดีโอที่ต้องนำเสนอบ่ายนี้ไม่สำเร็จ
“นี่...บาทา เอาเลย” เสียงอีกฝ่ายยกเท้าเตะที่ขาเก้าอี้หญิงสาว ทำให้เธอสะดุ้งจากใจลอย ลุกขึ้นยืนเงยหน้าขึ้น
“เฮ้ย...นายมาทำอะไรแถวนี้ ไอ้แก๊งมิจฉาชีพ...!!!” กังสดาลส่งเสียงตกใจ เธอเผลอด่าออกไปแรงมาก
“ตามเธอคนเมื่อวานมาถึงนี่ล่ะมั้ง” เขายังทำเสียงยั่วเธอต่อ
“เฮ้ย... วันนี้จะตามไปหลอกถึงบ้านล่ะสิ” กังสดาลใจเต้นกลัวอย่างบอกไม่ถูก
“เอาชาเขียวไปดื่มให้สดชื่นก่อน...นี่หน้าเหี่ยวแก่ล่ะ” คำพูดของเขาถึงกับทำให้เธอสะดุ้ง เธอรีบเปิดกระเป๋าหยิบกระจกพับอันเล็กออกมาส่องดู
“เออ...อย่ามายุ่ง” เธอปัดแก้วน้ำหกต่อหน้าชายหนุ่ม ลุกเดินหนี กึ่งวิ่งกึ่งเดินออกจากร้านทันที
กังสดาลมีเวลาเหลืออีกแค่สองชั่วโมงก่อนที่จะนำเสนอสรุปการฝึกงานให้กับแผนก
พี่เลี้ยงได้แจ้งแล้วว่าบ่ายสองโมงครึ่งเธอต้องเตรียมตัวให้พร้อม
กังสดาลนึกถึงวันนี้ซึ่งเป็นการทำงานวันสุดท้าย ใจเธอห่อเหี่ยวกระวนกระวายตั้งแต่มาถึงที่ทำงานตอนเช้า รู้สึกสงสารย่าที่เธอทำกับข้าวอย่างลวกๆ เพื่อรีบจัดการไฟล์ที่ผิดพลาดเกือบทั้งคืน
“ย่าคะ กับข้าวพรุ่งนี้หนูขอทำเตรียมให้คืนนี้เลย เพราะมีงานต้องเตรียม ต้องรีบออกแต่เช้า” หญิงสาวมองหน้าย่าอย่างวิงวอน
“เออ... หน้าตาแกเหมือนแย้เข้าไปทุกวันแล้ว” ย่าวัยเกือบ80ปี ที่เลี้ยงดูหลานมาตั้งแต่พ่อแม่เธอเสียชีวิตไป
“ค่ะ...ไว้คุยกันนะคะ หนูทำกับข้าวไว้แล้ว พรุ่งนี้ย่าดูแลตัวเองนะ”
----------------
“เอ้า...ยังไม่เตรียมตัวอีก ไปแต่งหน้าให้ดูสดใสกว่านี้”เสียงคุณบิวพี่เลี้ยงของกังสดาลเดินมาทัก ขณะเห็นสาวน้อยรวบผมเรียบเป็นหางม้าเผยหน้าผากมีผมม้าบางๆ แซมระหว่างคิ้วที่ขมวดยุ่งเหยิง หน้าตามันเหงื่อเม็ดเล็กๆ ผุดตรงพวงแก้มอมชมพู
“ค่ะ...พี่ เมื่อคืนนอนไม่ค่อยหลับ” ใจเธอลอยไปถึงวันวาน
“ทำไม...ตื่นเต้นมากเลยรึ” พี่บิวของเธอเอ่ยถามอย่างสงสัย
“วิดีโอที่นำเสนอมันเกิดอะไรไม่รู้ แกล้งกันชัดๆ ขี้เกียจเฉยเลย”
“เอ้า...เฮ้ย ก็ไม่มีอะไรให้ประเมินนะสิ แค่ตัวหนังสือบนพาวเวอร์พอยท์นำเสนอ มันไม่ค่อยเวิร์คหรอกนะ...เบล” เสียงร้องเอ้าของอีกฝ่ายทำสาวน้อยฝึกงานพลอยหวั่นใจ
“ได้ข่าวว่า ท่านรองประธานจะเข้ามาประเมินนักศึกษาฝึกงานทุกคนด้วยนะ”
“โห...ตายแน่ๆ เลย...พี่” เสียงร้องของกังสดาล ทำอีกฝ่ายกระสับกระส่าย
“ไปตามคุณโจ้ไอที มาช่วยเดี๋ยวนี้ ไม่มีเวลาแล้วนะ...” เสียงพี่บิวสั่งสาวน้อยทันที
แต่แล้วเวลาผ่านไปจนเกือบใกล้เวลาก็ยังแก้ไขอะไรไม่ได้ กังสดาลพลาดจริงๆ เหมือนเธอไปกดเซฟไฟล์ผิดพลาดโดนปุ่มอะไรไม่รู้ หญิงสาวเริ่มประสาทเสีย กังสดาลกุมขมับ นึกในใจตลอดจะแก้ปัญหายังไงดี
“เบล...ถึงเวลาแล้ว” เสียงพี่เลี้ยงเรียกกังสดาล เพื่อนนักศึกษาฝึกงานที่เดินออกมาจากห้องประชุม บ่นอุบว่าโดนแก้งานเกือบหมดทั้งไฟล์ แล้วเธอคงถูกประเมินไม่ต่างจากเพื่อนคนนี้แน่ๆ
“สวัสดีกรรมการทุกท่านค่ะ...ดิฉันกังสดาล นักศึกษาฝึกงานแผนกประชาสัมพันธ์” เสียงกังสดาลกำลังทักทายเพื่อเปิดการนำเสนอ เธอกำลังก้มหน้าอยู่ตรงโพเดียมเพื่อกดปุ่มรีโมทเปิดพาวเวอร์พอยท์ขึ้นจอ
“ก่อนอื่น ดิฉันต้องขอประทานโทษที่ทำวิดีโอเก็บภาพการทำงานมาทั้งหมดสูญหาย เป็นเหตุการณ์ซึ่งไม่น่าจะเกิดขึ้น ขอรับผิดชอบทั้งหมดหากกระทบกับเพื่อนคนอื่นที่มาร่วมฝึกงานด้วยกันสำหรับสามเดือนครึ่งนี้” หญิงสาวทำหน้าสำนึกผิดอย่างรุนแรง
“ขอเริ่มจากการทำงานนอกสถานที่ก่อนแล้วจะกล่าวถึงการทำงานในสำนักงาน โดยมีเบื้องหลัง หลักการและเหตุผล ประโยชน์ของการฝึกงานที่เป็นกรณีศึกษาต่อองค์กรที่จะนำไปปรับปรุงต่อไป”
กังสดาลกล่าวนำเสนออย่างช้าๆ ไล่เรียงทั้งหมด มีรูปภาพประกอบการบรรยายที่ขึ้นบนจอเพื่อให้กรรมการทุกคนประเมิน เธอเดินแจกเอกสารประกอบการบรรยาย ให้กับทุกคนพร้อมใบประเมินที่ทางสาขาวิชาได้ส่งมาให้ แล้วเธอก็มาหยุดชะงักมือสั่น มองหน้าชายหนุ่มคนหนึ่งซึ่งเป็นคนที่เพิ่งส่งน้ำชาเขียวให้เธอที่ร้านอาหาร เขามาทำอะไรอยู่ที่นี่ ตอนนี้เขาสวมแว่นตากรอบสีดำเหมือนผู้ทรงคุณวุฒิปกปิดแววตาที่ดูเฉยชา สีหน้านิ่งเงียบสุขุมไม่มีทีท่าเหมือนที่เคยเจอกันก่อนหน้านี้ ซึ่งเหมือนคนกะล่อนหลอกลวง
“ทำไม...ยังตามมาหลอกหลอนถึงที่นี่อีก” เธอพูดพึมพำเบาๆ เหลือบมองใบหน้าของเขานึกสงสัยว่าเขามาทำอะไรอยู่ที่นี่
กังสดาลใช้เวลาการนำเสนออยู่เกือบครึ่งชั่วโมง ช่วงสุดท้ายเป็นข้อซักถามจากกรรมการ เธอถูกซักจากนายคนนั้นเป็นคนสุดท้าย
“บอกให้เข้าใจหน่อยว่า การเป็นนักประชาสัมพันธ์ ไม่ควรเสียมารยาทเรื่องอะไรบ้างเวลาอยู่ต่อหน้าคนที่พบกันครั้งแรก” คำถามนี้แทงใจเธอเจ็บจี๊ดขึ้นมาทันที ทำหญิงสาวหน้าชาเปลี่ยนสี เพราะเหมือนด่าเธอกลับอย่างตรงๆ แรงๆ
กังสดาลตอบอย่างตะกุกตะกัก เธอจิตตกขณะเดินออกจากห้องประชุมอย่างไร้เรี่ยวแรง ถูกตอกกลับทุกข้อที่เธอตอบคำถามนายคนนั้นไป เธอเบลอแทบจำอะไรไม่ได้เลยว่า นายคนที่ใส่กรอบแว่นดำนั้นแนะนำเธออย่างไร จำได้อยู่คำพูดท่อนเดียวทั้งหมดในที่ประชุม
“ไม่ผ่าน...พรุ่งนี้ไปพบผมที่ห้องทำงาน” กังสดาลนึกถึงความวิบัติกำลังเกิดขึ้น หน้าเธอซีดจนไม่เห็นสีเลือด กรรมการทุกคนมองหน้ากันอย่างเห็นด้วยเพราะประธานในการสรุปผลคือนายคนนี้
กังสดาลนั่งซึมอยู่ที่โต๊ะทำงานจนได้เวลาเลิกงาน ทุกคนที่แผนกกลับไปกันหมดแล้วเหลือเธอไว้กับแม่บ้าน ทั้งที่คุณบิวมาพูดปลอบใจว่า ไม่เป็นไรสามารถแก้ตัวได้อีกหนึ่งครั้ง
หากเธอต้องติด F สำหรับการฝึกงาน เป็นโปรไฟล์ไปสมัครงานที่ไหนใครจะรับ ถูกย่าบ่นเป็นปีเป็นชาติ เงินทองที่จะส่งตัวเองเรียนรวมทั้งทุนที่ได้คงจบกัน ไม่พอสำหรับเทอมต่อไปหากเทอมนี้เธอไม่ผ่านวิชานี้
กังสดาลกลับถึงบ้านน้ำตาซึม เปิดประตูเห็นย่ากำลังนั่งรอเธออยู่ที่ตรงห้องรับแขก มองมาที่หลานสาวอย่างสงสัย ใบหน้าของเธอซีดขาวเหมือนไม่มีจิตใจหมดสิ้นเรี่ยวแรง
“ย่าคะ หนูขอโทษ วันนี้พลาดจริงๆ หนูไม่ผ่านค่ะ” ย่าได้ยินสาวน้อยตอบเสียงสั่นๆ ทั้งน้ำตา
“ฉันสังหรณ์แล้ว เมื่อวานแกทำกับข้าวอย่างซังกะตาย” ย่าถอนหายใจ
“ช่างมัน ไม่ต้องทำกับข้าว สั่งมากิน เอาเงินย่าไปซื้อ” เหมือนวันนี้ย่าใจดีสุดๆ ตั้งแต่เห็นท่านมา
เธอสั่งอาหารเบาๆ ประเภทสลัดผักไข่ต้ม และปลาไหลย่างที่ย่าชอบ ส่วนน้ำเต้าหู้และเต้าทึงร้อนย่าบอกว่าเอาไว้กินตอนดึก เผื่อกังสดาลกินมื้อเย็นไม่ลง
หลังจากเก็บครัวและอาหารที่เหลือใส่ตู้เย็น เธอเดินขึ้นห้องชั้นบนปิดประตู ล้มตัวลงนอนบนเตียงเอามือก่ายหน้าผาก
“พรุ่งนี้ นายคนนั้นจะเรียกเธอไปทำไม” สาวน้อยบ่นกับตนเอง
“ดันไปด่าเอาไว้ เลยแกล้งให้ไม่ผ่าน...ซวยจริงๆ” หญิงสาวถอนหายใจ
“พรุ่งนี้...จะมาไม้ไหนอีกกันเนี่ย” เธอคิดไม่ตก
วันรุ่งขึ้นกังสดาลมาถึงที่ทำงานก่อนเวลานัดบ่ายสามโมงครึ่ง หญิงสาวผลักประตูห้องทำงานที่มีป้ายระบุตำแหน่งรองประธานฝ่ายบริหารเข้าไปอย่างทะมัดทะแมง ตัวตั้งตรงอย่างกระฉับกระเฉงมั่นอกมั่นใจ เขาเชิญเธอให้นั่งที่โซฟารับแขกถัดไปจากโต๊ะทำงานด้านซ้าย หน้าตาเรียบเฉยไม่สนใจกับท่าทีของสาวน้อยที่กำลังประเมินสถานการณ์
“ตกลงว่าไง...” เขาถามคำถามที่ไม่มีประเด็น
“ยังไงคะ...”
“จะต้องให้ทวนคำถามอีกกี่ครั้ง” น้ำเสียงของชายหนุ่มเหมือนจงใจแกล้งเธอ
“ดิฉันไม่ทราบว่า...ท่านหมายความว่าอะไร” เธอเถียงทันที
“อ่านกระดาษที่ให้ไปรึยัง” เขาเอ่ยถึงโน้ตใบนั้น
“อ่านแล้วค่ะ...” เธอจ้องหน้าและแววตาของเขา
“ตกลงไหม แค่หนึ่งวัน ค่าจ้างมหาศาล”
“เวอร์ไปไหมคะ...งานอะไรยังไม่รู้เลย” เธอซัดกลับทันที
“สี่โมงเย็น...เราจะไปหาคนคนหนึ่ง...”
“หมอดูโหวงเฮ้ง” เขากล่าวสั้นๆ จ้องหน้าเธอ
“ฮะ...ขออนุญาตนะคะ...คนรุ่นใหม่อย่างท่านนี่นะ เชื่อหมอดู” หญิงสาวเผลอทำเสียงเยาะเย้ย
กังสดาลออกจากออฟฟิศพร้อมชายหนุ่มหลังจากที่พูดคุยกันไม่กี่คำ เขาสอบถามเธอว่าเหลือกี่เทอมหลังจากที่จะสำเร็จการศึกษา กังสดาลตอบสั้นๆ ว่าถ้าเธอถูกประเมินไม่ผ่านการฝึกงานจะต้องกลับไปซ้ำวิชานี้อีกหนึ่งเทอม เขานิ่งฟังเธอตอบเฉยเมย
คนขับรถที่เคยเจอกันที่ร้านสตูดิโอชุดแต่งงานเดินมาเปิดประตูรถมองเธออย่างยิ้มๆ ชายหนุ่มบอกแค่ชื่อของคนที่จะไปพบ คนขับรถพยักหน้ารับคำทันที น่าจะเคยไปที่แห่งนี้มาก่อนแล้ว พอรถมาหยุดอยู่หน้าสำนักงานแบบโฮมออฟฟิศที่มีป้ายชื่อของหมอดูคนนี้ติดอยู่ด้านหน้า เธอจึงรู้ทันทีว่าหมอดูคนนี้มีชื่อเสียงในแวดวงระดับไฮโซ
“คุณลุงครับ...คนนี้โอเคไหม” ชายหนุ่มถามชายสูงวัยอายุราวหกสิบเศษทันที
“คนนี้หน้าผากสูงมน มีไฝเม็ดตรงกลาง เรียกว่าตาที่สาม” ชายหมอดูทักเมื่อสำรวจใบหน้าของกังสดาล
“ดีไหมครับ” เขาถามอย่างร้อนรน
“ขอวันเดือนปีเกิด เวลาเกิดด้วยครับ” หมอดูหันมาถามกังสดาล
“ขอโทษนะคะ คุณลุง ดิฉันว่าเป็นความลับค่ะ” หญิงสาวรู้สึกไม่สบายใจเพราะยังไม่รู้เลยว่า ที่เธอถูกพามานี่มันอะไรกัน
“ทำไม...คุณผู้ชายให้ผมดูคู่ครองว่าดวงสมพงศ์ไหม โหวงเฮ้งเข้ากันได้ไหม” ลุงหมอดูกล่าวอย่างสงสัย”
“เหรอคะ...ไม่เห็นรู้เรื่องมาก่อนเลย” กังสดาลสวนกลับทันที แล้วเธอถูกชายหนุ่มดึงข้อศอกเหมือนสะกิดให้เธอเงียบ
“ถ้าคุณไม่อยากให้คุณผู้ชายรู้ ส่งข้อมูลมาที่ไลน์ผมได้” หมอดูส่งนามบัตรให้หญิงสาว เธอเอามือถือขึ้นมาแสกน QR code และเข้าไปทักทายกับลุงหมอดู
“ไลน์หนู...ชื่อ เบลลานะคะ” กังสดาลตอบแล้วเธอเขียนลงไปว่า ขอคำตอบแบบส่วนตัวไม่ต้องให้คุณผู้ชายรู้ก่อน
ขณะทั้งสองคนเดินออกมาที่รถ ชายหนุ่มรู้สึกไม่พอใจที่หมอดูมีทีท่าให้ความเป็นกันเองกับหญิงสาว เขากล่าวขึ้น
“ผมว่าลุงหมอดู คงพอใจคุณนะ”
“ภารกิจ...คืนนี้กลับไปคิดดู...” เขากำชับเหมือนเร่งรัดเธอ
“อะไรคะ...ยังไม่รู้เลยว่าต้องทำอะไร” สีหน้าของหญิงสาวลังเล
“เป็นเจ้าสาวคืนแรก ...ต่อสัญญาปีต่อปี”
“ฮะ...งานอะไรของคุณอีกนี่ ไปหลอกใครล่ะ” เธอสวนกลับเลย
“ให้ผม...ไม่ใช่คนอื่น”
“ค่าจ้างเท่าไหร่”
“สามล้าน ไม่ต้องทำอะไร...ง่ายจะตาย” เขาพูดเบาๆ ขณะมองหน้าเธอ
“ไม่เคยรู้จักกันนี่นะ...ฟอกเงินไหม”
เธอกลับถึงบ้านนึกถึงเรื่องที่สุดประหลาด พึมพำกับตนเองอย่างไม่เข้าใจชายหนุ่ม
“โหวงเฮ้ง...แบบไหน จึงเหมาะสม
เป็นตำนานระดับพรีเมี่ยม...ขอยกนิ้วให้ที่ยังมีคนงมงายในยุคนี้”
ความยุ่งยากในชีวิต มันเริ่มแต่ต้นแล้ว และยอมรับให้มันค่อยซับซ้อนมากขึ้นไปอีก--------------------------------กังสดาลถูกย่าถามระหว่างกินข้าวมื้อเช้า“ค่าสินสอดอะไรกันขนาดนั้น แกไปพูดอะไรให้เขาหลงเชื่อ” ย่าจ้องแววตาของหลานสาว“เขาคงเชื่อหนูล่ะค่ะ”“เชื่ออะไรแก...บอกมา”“เชื่อว่าหนูคงอยู่กับเขาไปชั่วชีวิต” หญิงสาวอมยิ้มขณะตอบย่า“อ้อ...แกกลัวว่าย่าจะแถมกะละมังนั่นใช่ไหม” ย่าชี้ไปที่กะละมังในครัว“ไม่หรอกค่ะ...สมัยนี้แล้วจะอายไปเพื่ออะไร”“อย่างน้อยเขาจะไม่ได้มองย่าว่าสอนหลานให้...เลว”“ย่าขา...แรงนะคะ” เธอเดินไปตบฝ่ามือเบาๆ ของย่า ขณะเก็บจานข้าวบนโต๊ะ“หนูจะเอาเก็บไว้รักษาย่าวันข้างหน้านะคะ” กังสดาลไม่คิดว่าจะเอาไว้ทำอะไรเพื่อตนเอง อยากตอบแทนพระคุณที่มีย่าคอยดูแลมาจนโต“ย่าหนักใจ...”“คิดมากไป ทุกข์เปล่าๆ ค่ะ” หญิงสาวไม่อยากคิดถึงคำพูดเมื่อคืน“เขาจะข่มเหงเรา...รู้ไหม”“ย่าจะกลัวอะไร...หนูอยู่ทั้งคน เราสองคนจะย้ายไปอยู่บ้านเขานะคะ”เสียงย่าบ่นพึมพำ กังสดาลเก็บชามใส่กะละมังเข้าครัวไปล้างและเก็บเข้าตู้เสียงข้อความในไลน์ดังขึ้น เธอไม่สนใจที่จะเปิดอ่าน เสียงโทรศัพท์ดังขึ้นหลังจากนั้น“คุณ
ตราบาปจากเกมมายาแห่งเงินตรา ทำให้คนบริสุทธิ์คนหนึ่งตกเป็นเหยื่อ--------------------------------กลับถึงบ้านกังสดาลเห็นย่ายังไม่เข้านอน นั่งดูทีวีรอเธออยู่ตรงโซฟารับแขก“เป็นยังไงบ้าง...เจอย่าของเขาแล้ว” คำถามของย่าเหมือนรู้คำตอบแล้ว“ย่ารู้จัก...คุณย่าศรีนวลหรือคะ”“ฉันรู้ตั้งแต่แรกแล้ว” ย่าเอ่ยขึ้นเบาๆ“เอ้า...” เสียงของหญิงสาวกึ่งตกใจ“พ่อหนุ่มมาคุยวันแรก ฉันถามประวัติ รู้เลยว่าแกจะต้องเจออะไร” ย่าทำเอากังสดาลหวั่นใจ“อะไรเหรอคะ”“งูเห่า...นะสิ” ย่าไม่เห็นว่าตอนนี้หลานสาวกำลังอ้าปากค้าง“เราต้องย้ายไปอยู่ที่บ้านเขา” หญิงสาวพูดอย่างตกใจ“แกกลัวล่ะสิ...”“ไม่ค่ะ...ย่าพูดแบบนี้ หนูจะสู้”“แบบไหน...ยัยเบล”“งูต้องเจอพญานาค...ไม่ใช่รึคะ” หลานสาวของย่าทำท่าพญานาคชูคอ“เออ...ระวังมันเล่นแกทั้งรัง แกตายเลย” ย่าทำเสียงเยาะเย้ย“ย่าคะ...หนูว่าไปหาหมอดูโหงวเฮ้งคนนั้นดีไหม...เผื่อเขาจะได้เตือนเราไว้ก่อน”“ไปทำไม...แกเรียนสูงขนาดนี้ ให้หมอดูมันหลอกกินเงิน”“เอ้า...หนูนึกว่าย่าจะเห็นด้วย”“นาง...ศรีนวล มันเชื่อหมอดูอย่างกับเทวดา”“ฮ่า...มิน่าล่ะ...หลานชายแบบ งมงายเลย..ค่ะ”“พาแกไปผูกดวงสมพงศ์ด้
ความเจ็บปวดร่างกายมากมายเพียงใด ยังไม่เท่าความขมขื่นจากการถูกทำร้ายจิตใจ -------------------------------- ครอบครัวของทั้งสองฝ่ายยืนอยู่หน้าห้องของชายหนุ่ม ย่าศรีนวลและย่าลำดวนซึ่งเจอกันตั้งแต่พิธีช่วงเช้า ต่างยังสงวนท่าทีไม่ยอมเสียเปรียบกัน ได้แต่แอบมองกันอย่างเฉยเมย หลังจากทักทายพอเป็นพิธี ขณะนี้ทั้งสองกำลังทำหน้าที่เป็นประธานในฐานะญาติผู้ใหญ่ของทั้งสองฝั่งที่เกี่ยวดองกันแล้ว “ย่า...ขอให้เราทั้งสองอยู่กันดีๆ มีหลานให้ย่าไวไวนะ...ตาวิช” ย่าศรีนวลเหลือบมองย่าลำดวน ก่อนชิงกล่าวอวยพร “ครับ/ค่ะ...คุณย่า” ทั้งสองพนมมือไหว้รับพร “ย่า...อยากฝากหลานสาวคนนี้ให้ดูแล...อย่ารุนแรงกับเธอนะ...ย่าไม่ขออะไรมากไปกว่านี้” น้ำเสียงของย่าลำดวนกึ่งๆ ขอร้อง “ย่า...คะ อวยพรแบบนี้...หนูขอถอนหายใจได้ไหม” กังสดาลแอบมองหน้าเจ้าบ่าว “ครับ...ผมจะเบาๆ ตั้งแต่คืนนี้” เสียงของเขาหยอกล้อคุณแก่ ทำทุกคนหัวเราะขึ้นพร้อมกัน โดยเฉพาะคุณประพันธ์เข้ามาโอบกังสดาล และกอดลูกชายของเขาตบหลังเบาๆ “ตาวิช...ค่อยไปนะ จะมีลูกเร็วจนพวกเรา...แย่งกันอุ้มหลานไม่ทัน” คุณพ่อของเขาหัวเราะเบาๆ ขณะหันมามองหน้าหญิงสาว ทำเธอหน้าเปลี่ย
หน้าที่ในนาม ...ที่เราไม่สามารถทำอะไรได้มากไปกว่านี้--------------------------------ตกค่ำกังสดาลทราบว่าคุณประพันธ์ได้เดินทางไปสิงคโปร์แล้วกับคุณอาอุมาตั้งแต่บ่าย วิชพันธ์อยากพากังสดาลออกมาทานข้าวนอกบ้านเพื่อไม่อยากให้หญิงสาวคิดมากกับเรื่องภายในครอบครัวของเขา“ชวนย่าไปด้วยสิคะ...กลัวว่าท่านจะเหงา”“ผมถามท่านแล้ว ย่าบอกว่าไปหาความสุขกันเถอะ” เขามองหน้าเธออมยิ้ม“หมายความว่ายังไง”“เอ้า...ใครเขาจะมาเป็นก้างขวางคอเราล่ะ” เขาจ้องแววตาเธอ“ย่าบอกว่า ให้ผมรีบมีลูก”“อะไรกันคะ...ท่านรองประธาน” หญิงสาวขึ้นเสียงเสียดสี“ท่านคงแก่ๆ กันแล้ว เห็นว่าอยากไปเริ่มมิตรภาพกับย่าศรีนวลอีกครั้ง” ชายหนุ่มคงได้รับรู้แล้วว่าย่าทั้งสองเคยเป็นเพื่อนกันมาก่อนเขาขับรถพาเธอไปโดยให้ลุงสนได้พัก เขาน่าจะมีอะไรคุยกับเธอส่วนตัว“คุณพ่อจะไปปรึกษาหมอที่เป็นเพื่อนของคุณอาที่นั่น เรื่องของผมด้วย”“คุณอาแนะนำให้ผมกับคุณบินตามไปที่ซิดนีย์ สัปดาห์หน้า”“เพื่อ...???” กังสดาลมองหน้าด้านข้างที่เรียบ แววตานิ่งเฉย“ผมมีลูกไม่ได้!!!”“อะไรนะ???” กังสดาลทำเสียงตกใจ“คุณก็เห็นแล้วเมื่อเช้าว่าผมเป็นอะไร” น้ำเสียงของเขาเศร้ามาก“ที
ความทรงจำแสนเจ็บปวด... คือแผลในใจที่บาดลึก -------------------------------- หลังจากที่วิชพันธ์ออกไปทำงานแล้ว กังสดาลถามย่าเรื่องภายในครอบครัวของเขา “ฉันอยากเตือน...ครอบครัวนี้มันยุ่งอีรุงตุงนังไปหมด ยิ่งกว่ารังงูเห่า...” “โห...ถึงขนาดนั้นเลย” “ฉันได้ยินมาว่า นางศรีนวลนี่ล่ะ ที่ทำให้ประสานผิดใจกับลูกๆ เรื่องพินัยกรรม” “แล้วเรื่องมันลามมาถึงหลานด้วยไหมคะ” กังสดาลเข้าใจว่าผลกระทบน่าจะมาถึงวิชพันธ์ด้วย “ฉันไม่ได้รู้อะไรมากกว่านี้” “เอ่อ...เมื่อวานหนูเจออาของเขาที่ร้านอาหาร” “ชื่อคุณอาอนุพันธ์ นั่งทานข้าวกับผู้หญิงที่ชื่อระพี” เธออยากรู้ว่าย่ารู้จักคนนี้ไหม “น่าจะเป็นลูกนางศรีนวลกับประสาน” “เท่าที่รินเล่าให้ฟัง ดิษยาเป็นลูกสาวของอาระพี” “เหรอ...รินจะแต่งงานวันไหน ย่าลืมแล้ว” “วันเสาร์นี่ละค่ะ” บ่ายสี่โมงกังสดาลแปลกใจที่เห็นลุงสนคนขับรถมาจอดเทียบลานหน้าประตูบ้าน เธอได้บอกวิชพันธ์ไปแล้วว่าจะเดินทางไปเอง เพราะยิมของดิษยาไม่ได้ไกลจากสถานีรถไฟฟ้าเท่าไหร่ “คุณวิชให้ผมกลับมารับคุณหนูเอง...ครับ” “ลุงคะ...แวะร้านคุณอาอุมาด้วยนะคะ” เธอเกือบลืมที่เขาเขียนสั่งมาที่ไลน์ เพราะเธอไม่มีชุด
การแต่งงานเหมือนฝันฮันนีมูน ที่คนสองคนกำลังอยู่ในช่วงข้าวใหม่ปลามัน--------------------------------กังสดาลถูกสามีในนามอุ้มเธอมาที่เตียงนอนของเขา เขาพยายามจะทำให้เธอระงับความเศร้าสร้อย“คืนนี้นอนกับผมบนเตียงนี้เถอะ” น้ำเสียงของเขานุ่มทุ้ม ทำให้เธอยังสะอื้นต่อเบาๆ“อย่าร้องไห้... ผมยิ่งรู้สึกทุเรศใจมาก” เขาเอานิ้วรีดน้ำตาของเธอที่ไหลเป็นสายเขาพยายามกอดเธอไว้แน่นเอาหน้าซุกตรงหัวไหล่ของหญิงสาว เขารับรู้จากแรงสั่นสะท้านของตัวเธอ จึงมองหารีโมทเพื่อปรับอุณหภูมิไม่ให้เธอหนาวเหมือนคืนวาน“นอนเถอะ...คุณคงเหนื่อยมาก กินข้าวน้อยอีก”“ไม่ค่ะ...อยากทำต่อตามสัญญาก็ได้นะ” เสียงเธอยังสะอื้นเบาๆ“อย่าเลย...บรรยากาศไม่เอื้อแล้วล่ะ”เธอเพลียมากหลับปุ๋ยไปจนถึงเช้าบนเตียงนอนของเขา ไม่รู้สึกตัวเลยว่าเขาลุกออกไปตั้งแต่เมื่อไหร่ มาสะดุ้งอีกทีตอนชายหนุ่มกระซิบข้างหูเบาๆ“ผมอยากให้ชีวิตเหมือนฝัน...” เสียงของเขาดูมีชีวิตชีวาแต่เช้า“ยังไงคะ”“คุณพ่อส่งข้อความมา...”“เราต้องไปซิดนีย์อาทิตย์หน้า จำได้ไหม”“ค่ะ...เรื่องนั้นรึ”“เพื่อนของคุณอาแนะนำหมอคนหนึ่งให้ได้แล้ว” ชายหนุ่มจ้องแววตาเธออย่างปรีดา“ยินดีด้วยนะค
เว้นระยะห่างบ้าง...เปลี่ยนบรรยากาศ----------------คืนนั้นกังสดาลตกใจที่สามีในนามของเธอ กังวลอะไรบางอย่าง“ผมต้องขอให้คุณนอนห้องเล็ก...นะ” เขาจ้องหน้าเธออย่างครุ่นคิด“ได้เลยค่ะ...กำลังจะถามอยู่” หญิงสาวอมยิ้ม“ผมเหนื่อยเมื่อวานทั้งคืน” “เอ้า...นึกว่าเมื่อเช้า” “อย่าหาว่า ถามไร้สาระเลยนะคะ”“อยากมีกิ๊ก...ไม่ต้องบอกก็ได้ค่ะ”“ไม่...ผมไม่อยากเสียเงินฟรีๆ ก่อนกำหนด” เขาชิงตอบทันที ดูแววตาสีหน้าล้อเลียน“พูดเล่น พูดจริงเนี่ย” กังสดาลรู้สึกว่าเขาสงวนท่าทีบางครั้ง“อยากให้ผมคบ...เดซี่...รึไง” “ตัวตึงเลย...นาง” เธอพยักหน้าเห็นด้วย“เชิญเลย เพื่อผ่อนคลาย จะได้ไม่หมกมุ่นอยู่กับคนคนเดียว” เธอพูดไปก็รู้สึกใจหายกลัวเขาทำจริงๆ “งั้นพรุ่งนี้ ผมไปยิมคนเดียวนะ” กังสดาลเดินไปหยุดตรงประตูหน้าห้องเล็ก หันหลังกลับมาเจอแววตาที่ยังจับจ้องเธออยู่ เธอทำมือบ๊ายบายให้ชายหนุ่มที่แอบทำหน้าเขินๆรุ่งเช้าวันต่อมาเป็นวันเสาร์ เขาไม่ได้ไปทำงาน เธอตื่นสายนอนพลิกตัวไปมาอยู่บนเตียงนานแล้ว นึกได้ว่าวันนี้เป็นวันแต่งงานของรินญา เธอเด้งตัวออกทันทีกระโดดลุกจากเตียงเข้าห้องน้ำ ลงมาที่ห้องอาหารเจอย่า“นึกว่าต้องให้นางแ
การหาตัวตึงไว้สำรอง จะช่วยให้วันเวลาที่รอสัญญาสิ้นสุดลง มีความหมาย--------------------------------เช้ารุ่งขึ้นเป็นวันอาทิตย์ วิชพันธ์คงออกไปยิมแต่เช้าเพื่อซ้อมมวยอย่างที่เขาได้บอกไว้ก่อนหน้านั้นแล้ว กังสดาลยังนอนพลิกตัวมองเพดานห้องคิดว่า ถ้าเขาจริงจังกับดิษยาขึ้นมาจริงๆ เธอจะทำอย่างไร“นางเป็นตัวตึงของคุณย่าศรีนวลด้วยสิ” เธอพึมพำเบาๆ กับตนเอง “หรือว่าลองคุยกับริน ให้หาฝรั่งที่นั่นสำรองไว้ เผื่อเขาฉีกสัญญาเร็วกว่ากำหนด เธอจะได้อยู่ที่นั่นต่อ โดยไม่ต้องพึ่งพาคุณพ่อของเขา” เธอพูดกับตนเองเสียงเคาะประตูเบาๆ ดังขึ้น“ย่าหรือคะ...” เธอตะโกนถาม“ผมเอง...”เธอได้ยินเสียงกลอนประตูหมุนดังกริ๊ก เขาเดินเข้ามาพร้อมกางเกงขาสั้นตัวเดียว“นึกว่าไปยิมแล้ว...”“รอคุณไปด้วย...”“ลุกไปอาบน้ำ...จะได้ลงไปกินข้าว สายมากแล้ว”เธอเห็นเขาแต่งตัวกำลังเปิดประตูลงไป กังสดาลส่งเสียงจากในห้องน้ำ“เอ่อ...ขอไม่ไปได้ไหมคะ อยากไปเดินห้าง”“ตามใจ...ผมอยากไปคลายเครียด”“เชิญตามสบายนะคะ...” หญิงสาวยินดีที่วันนี้เธอจะมีเวลาว่างหลังจากทานข้าวเช้าแบบเบาๆ กังสดาลขออนุญาตกับย่าด้วยว่าจะออกไปเดินห้าง แท้จริงเธออยากกินข้าวเช
ได้ไอเดียใหม่ในธุรกิจ...เทรนที่ใกล้ตัวที่สุด-------------------------------วิชพันธ์ได้ให้สองคนย่าหลานย้ายออกจากบ้านเข้าไปอยู่คอนโดหลังจากที่กลับไปอยู่ได้แค่เพียงหนึ่งสัปดาห์ เขามีภารกิจต้องบินไปร่วมงานแต่งของเดฟกับเกศรา เป็นตัวแทนคุณพ่อควงแขนเจ้าสาวส่งตัวให้เจ้าบ่าว กังสดาลซึ่งอยู่ในช่วงพักฟื้นจากบาดแผลผ่าตัดจึงถูกห้ามไม่ให้เดินทางไปด้วย“ฝากบอกคุณพ่อนะคะ กราบขอโทษที่สร้างเรื่องร้ายๆ ให้ท่านไม่สบายใจ” เธอกราบอกวิชพันธ์แทนคุณพ่อ“ผมกลายเป็นตัวแทนไปทุกที่...” เขากอดเธอจูบที่หน้าผาก“คนดีไงคะ...”“ฝากบอกมาร์ตินไหม...” เขาจ้องตาเธอหัวเราะหึหึ“ค่ะ...ขอบคุณที่รักเบล และดีกับเบลมาตลอด” วิชพันธ์บินมาทำหน้าที่ส่งตัวเกศราในฐานะพี่ชายให้กับเจ้าบ่าวออสเตรเลียนหน้าตาหมดจดสุดหล่อ ญาติฝ่ายชายมากันครบมองมายังพี่ชายของเจ้าสาวด้วยความปลาบปลื้ม ญาติฝ่ายหญิงมีวิชพันธ์ อาอุมา และครอบครัวของคุณแม่ คือคุณยายมาเรียและน้ามาร์ติน “เดฟ...ฝากดูแลเกศให้ดีนะ” วิชพันธ์พูดขณะส่งตัวบ่าวสาวที่กำลังขึ้นรถ Rolls-Royce เป็น wedding car ติดสติกเกอร์ just married เพื่อไปฮันนีมูน“คุณพ่อจะให้เดฟกับเกศไปดูแลกิจการที่เมื
ทายาทของตระกูลที่ปกปิดนานกว่า 20 ปี ก็เผยตัวตน-------------------------------วีระพันธ์บินกลับมาเมื่อรู้ข่าวจากวิชพันธ์ ชายหนุ่มซึ่งเคยทำตัวไม่เอาไหนมาก่อนกลายเป็นหัวเรี่ยวหัวแรงในการจัดการพิธีต่างๆ ในงานศพของพ่อตัวเอง อาบุษบาร้องไห้จนตาบวม ส่วนย่าศรีนวลร้องไห้คร่ำครวญสาปแช่งย่าลำดวนและกังดาล ทั้งโยนความผิดของเรื่องร้ายทั้งหมดว่าต้นเหตุมาจากย่าหลานคู่นี้ย่าลำดวนขออยู่โรงพยาบาลเฝ้ากังสดาลจนกว่าหลานสาวจะหาย ย่าไม่อาจกลับไปบ้านของวิชพันธ์ได้ และไม่อยากสู้หน้าครอบครัวของเขาให้เรื่องบานปลายใหญ่โตเข้าไปอีก“ย่าครับ...เบลออกจากโรงพยาบาล ผมขอไปอยู่บ้านย่านะครับ” เขากอดย่าแน่นเพื่อให้กำลังใจว่าเขาอยู่ข้างคนทั้งคู่“จะสะดวกคุณหรือเปล่า...” น้ำเสียงย่าลังเล“ไม่เป็นไรครับ...คุณพ่อบอกผมแล้วว่า จะส่งผู้รับเหมาให้มาตกแต่งซ่อมบ้าน ผมจะประสานเองครับ” เขายิ้มให้ย่าและลูบฝ่ามือท่าน“แล้วจะยังไงกัน ยัยเบลไม่ยอมลูกเดียว” ย่ารู้สึกกังวลกับหลานสาวหัวดื้อ“ผมเล่าเรื่องทั้งหมดแล้ว ท่านบอกว่าให้เบลกลับไปเรียนให้จบ” เขาตัดสินใจว่าหลังจากเสร็จงานศพของอาอนุพันธ์ เขาจะขอถอนตัวไม่รับตำแหน่งในธุรกิจทั้งหมดของคุณพ
ความคิดอยากหนีไปให้พ้นปัญหา แต่กลับกลายมาเจอปัญหาใหม่-------------------------------กังสดาลตัดสินใจแอบหนีวิชพันธ์ออกจากโรงแรมช่วงที่เขาบอกว่านัดไปพบกับเดฟในโรงแรมที่มาร่วมการประชุม เธอแกล้งทำเป็นคลื่นไส้เวียนหัวซึ่งเป็นอาการของคนเริ่มตั้งท้อง เขาเขียนไลน์บอกว่าอยากให้เธอพักไม่ต้องเดินทาง จะรีบกลับมาดินเนอร์ช่วงค่ำหนึ่งทุ่มครึ่งกับเดฟที่ห้องอาหารชั้นล่างของโรงแรม และให้เธอเตรียมตัวหนึ่งทุ่มตรงซึ่งเขาน่าจะกลับมาถึงพอดี หญิงสาวจัดการซื้อตั๋วบินตรงกลับมายังกรุงเทพซึ่งโชคดีได้ไฟลต์ช่วงก่อนเที่ยง เธอออกจากสนามบินสุวรรณภูมิตรงไปหาย่าที่บ้านของเขาประมาณบ่ายสองโมงเศษ ย่าออกมาดูหน้าประตูว่าใครลงจากแท็กซี่ เห็นหลานสาวกำลังมองมาอย่างแสนดีใจ เธอเดินเข้าไปกอดเอวซบหน้ากับไหล่ย่าร้องไห้เบาๆ“เฮ้ย...แม่คนเก่ง นี่ทำไมไม่บอกย่าเลย หนีมาล่ะสิ” ย่ามองจ้องหน้าเธออ่านสถานการณ์ออกทันที“ค่ะ...” เสียงของกังสดาลสะอื้นยกใหญ่“มา...เข้ามา นี่ไม่มีกระเป๋าอะไรเลยรึ” ย่ามองหากระเป๋าเดินทาง “หนู...ถูกเขาบังคับให้บินไปสิงคโปร์ เสื้อผ้าเขาคงไปหาซื้ออยู่ หนูได้โอกาสเลยบินหนีมา” เธอยังสะอื้นตอบย่า“ไม่เป็นไร...ดีแล
โชคชะตามักเล่นตลก แม้จะท้าทายยังไงก็ตาม -------------------------------การต่อรองของเธอดูไร้เหตุผลในสายตากร้าวดุดันของเขา สีหน้าท่าทางเหมือนเสือบาดเจ็บพร้อมจะกัดสู้ได้ทุกเมื่อ เธอสงสารเขาจับใจ แต่ด้วยความดีงามของเขามีอยู่มากพอให้เธอรู้สึกยอมรับแต่ยังมีข้อแม้“หากต้องหนีกันไปอย่างนี้ เราอยู่สู้ไม่ดีกว่าหรือคะ” “ไม่ได้!!...ต้องให้ท่านรู้ว่าผมไม่ยอม จะตัดผมทิ้งจากครอบครัวเลยก็ได้ ผมจะพาคุณไปเริ่มต้น ดีกว่าฟังคำสั่งตามใจท่านตลอดไป ชีวิตเป็นของผม...เบล” เขาส่ายหน้าอย่างไม่เห็นด้วย “เราอยู่สู้ด้วยกันได้นี่คะ...คุณพ่อท่านไม่ได้ใจร้ายหรอก” เธอยังเถียง “เราต้องการเวลาคลายเครียด ถ้าต้องสู้หน้าท่าน face to face จะไม่ดี...เบล จะไม่ดีต่อสุขภาพของท่านด้วย เชื่อผม!!!” “คลายปมใช่ไหม เบลเข้าใจค่ะ” “แล้วเราจะไปเจอใครที่สิงคโปร์คะ” เธอจ้องตาเขาอย่างสงสัย “ไปถึงแล้วจะรู้...ไม่ต้องถาม เขารอเราอยู่” “ไปเถอะ จะไม่ทันเที่ยวบินบ่ายนี้” เขาเร่งเธอคุณบุญส่งรีบขับรถพาทั้งคู่มาที่สนามบิน วิชพันธ์จองเที่ยวบินให้เธอตั้งแต่เมื่อคืน เขาแอบถ่ายรูปพาสปอร์ตของเธอเก็บไว้ในมือถือของเขา “โห...แอบลักข้อมู
หากไม่ต่อรองกับโชคชะตา ก็จะถูกลิขิตอย่างไม่เป็นธรรม-------------------------------วิชพันธ์ขอร้องให้กังสดาลอยู่ที่โรงแรมกับเขา เธอเกรงว่าคุณพ่อสามีเกิดรู้ขึ้นมา ทั้งเธอและวิชพันธ์คงไม่รอดพ้นบาปที่ทำให้ท่านลำบากใจ คำสัญญาที่รับปากกับท่านไปแล้วถือว่าไร้ความหมาย ท่านจะไม่มีทางไว้ใจพวกเขาอีกต่อไป“คุณย่าบอกว่าท่านจะจัดการทางนั้นให้เรา ท่านไม่ได้บอกรายละเอียด แค่บอกให้เบลอย่าคิดมาก” เขากอดเธอขณะพูดถึงย่า“ท่านบอกให้ผมรีบมีลูก จะได้เป็นข้อต่อรองกับคุณพ่อ” “เบล ขอถามนะคะ” เธอผลักอกสามีออก ขณะถามเขาอย่างจริงจัง“ผมตอบได้เท่าที่รู้”“ทำไมคุณพ่อไม่ค้านแต่แรก ตอนคุณพาย่าและเบลมาพบท่าน” “เวลาในพินัยกรรมระบุให้ผมต้องแต่งงานภายในปีนี้ หากเลยกำหนดนี้ไปแล้วท่านจะต้องสละทุกตำแหน่งให้คุณอา”“เบลยังไม่ get อยู่ดีค่ะ” “แค่เรื่องแต่งงานทำไมต้องซีเรียสขนาดนั้น” เธอส่ายหน้า“ผมไม่ใช่ลูกแท้ๆ ของคุณพ่อ ดังนั้นพินัยกรรมถูกระบุโดยคุณย่าก่อนคุณปู่เสีย ให้ผมถือหุ้นได้แค่ 25 เปอร์เซ็นต์ คุณพ่อถือหุ้นกับคุณอาคนละ 25 เปอร์เซ็นต์ ท่านจึงพยายามหาทางให้ผมแต่งงานเพื่อจะได้ take ส่วนนี้ขึ้นมาอีก 25 เปอร์เซ็นต์ แล้วทุ
ความลับนั้น...เป็นเรื่องลึกลับดำมืด ที่ไม่มีใครอยากขุดคุ้ย แต่เมื่อถึงเวลาเหมาะสม มันจะเปิดเผยออกมาจนได้-------------------------------สัปดาห์ต่อมากังสดาลได้เช่าเรือปิกนิกของโจเซฟเพื่อนสนิทของวิชพันธ์ เพื่อพารินญาไปเลี้ยงข้าวเที่ยงและท่องเที่ยวไปรอบอ่าวให้จิตใจสบายยิ่งขึ้น “เฮ้ย...เบล คุณวิชบอกเราว่า จะบินมาเร็วๆ นี้ แต่ไม่ได้บอกว่าวันไหน”“เหรอ...มาทำไม” เธอทำหน้าสงสัย“คงอยากมาพบเธอมั้ง” “ฮะ!!!...คงไม่ได้ล่ะ คุณพ่อห้ามพบเรา” เธอร้องเสียงหลง“เขาบอกว่า คุณพ่อจะไปเมลเบิร์น เขาเลยคงอยากมาเจอเธอน่ะ” “เฮ้อออ!!!...” หญิงสาวรู้สึกหนักใจมาก เธอไม่อยากทำให้คุณพ่อสามีโกรธ เพราะท่านเมตตาเธอมากมายจนไม่รู้จะตอบแทนท่านอย่างไร“อย่าหาว่าเราเสือกเลย...ทำไมคุณพ่อเพิ่งจะมาให้แยกกัน ไม่เข้าใจจริงๆ” รินญาจ้องตาเธอเพื่อจับพิรุธ“ริน...เราไม่รู้อะไรเลย คุณวิชน่าจะรู้เรื่องทั้งหมดดี แต่ไม่เล่าให้เราฟัง” เธอจ้องตาของญาติสาวกลับไป“ถ้าอย่างนั้น...เธอต้องเจอเขาล่ะ” “ไม่ได้...คุณพ่อห้ามเราด้วย ท่านรู้เข้าเกิดโกรธและไล่เราออกจากคอนโด จะทำยังไง” เธอทำหน้าเศร้าจนรินญาต้องขยับเข้ามากอดตัวเธอไว้แน่น“เออน่า.
ในชีวิตคนเรานั้น ยากที่จะหาความสุขไร้ซึ่งความขมขื่นเจอปน...คงไม่มี--------------------------------คุณพ่อสามีสั่งห้ามกังสดาลติดต่อกับวิชพันธ์ตั้งแต่ย้ายออกไปอยู่ที่คอนโดของอาจารย์แอน เธอนั่งเหม่อใจลอยมองภาพของคุณแม่สามีที่แขวนอยู่บนผนังในห้องนอน ก่อนนอนเธอสวดมนต์และนั่งภาวนาเพื่อส่งจิตถึงท่าน‘อาจารย์แอนคะ หนูขอกราบดวงวิญญาณของอาจารย์ ไม่ว่าจะสถิต ณ หนใดในปรโลก ขอช่วยวิชพันธ์ลูกชายกำพร้าที่ท่านได้ชุบเลี้ยงอุปถัมภ์ด้วยนะคะ เขาคงหาทางออกไม่ได้กับปัญหานี้ หนูช่วยอะไรเขาไม่ได้เลยค่ะ’เธอหลับไปพร้อมฝันเลือนรางได้ยินเสียงอาจารย์แอนบอกว่าไม่เป็นไร เธอตามหาต้นเสียงร้องเรียกไปยังทิศทางใดก็ไม่เห็นท่าน เสียงสะอื้นเบาๆ ของเธอสะท้อนออกมาจากห้วงสำนึกในความฝันกังสดาลตกใจตื่นแต่เช้ามืดและเดินออกไปสูดลมเย็นที่ระเบียงมองเห็นดาวระยิบบนท้องฟ้าเหนือท้องทะเลเบื้องหน้า เธอหวนคิดถึงคืนที่เขาและเธอเดินกันไปถึงริมอ่าว เขาชี้ขึ้นบนท้องฟ้าให้เธอมองหาดาวกางเขนใต้ วิชพันธ์เป็นผู้ชายสมัยใหม่ที่ไม่น่าเชื่อว่าจะพูดถึงตำแหน่ดวงดาวของผืนฟ้ายามราตรีได้อย่างสวยงาม เขาเล่าว่าสมัยก่อนมีตำนานมากมายของชนเผ่าอะบอริจิน ชื่อข
ความลับที่ยังบอกกับใจไม่ได้ว่า เป็นความรักแท้จริงหรือแค่เพียงเงินตรา--------------------------------กังสดาลใจจดจ่อถึงวันเสาร์ซึ่งน้ามาร์ตินนัดจะมารับเธอที่บ้านคุณพ่อสามี เธอกระวนกระวายใจกว่าจะถึงวันนั้น เลยตัดสินใจบอกคุณพ่อสามีในช่วงมื้อเช้าวันศุกร์“คุณพ่อคะ...หนูขออนุญาตค่ะ”“มีปัญหาอะไร...หนูเบล” คุณพ่อสามีมองหน้าหญิงสาวอย่างลำบากใจ“คือหนูขอไม่ไปอยู่บ้านน้ามาร์ตินค่ะ”“อ้าว...จะไปอยู่ไหน รินญารึ” น้ำเสียงท่านดูกังวล“ค่ะ...หนูจะให้รินมารับค่ะ” เธอพยายามจะทำให้ทุกคนสบายใจ“งั้น...อุมา โทรให้ผมทีนะ หลังกินข้าวอยากคุยกับมาร์ตินอีกเรื่องหนึ่ง” ท่านทำให้กังสดาลสงสัยขึ้นมาทันที“บ่ายๆ ลงมาคุยกับพ่อที่ห้อง” กังสดาลรับรู้เหตุผลว่าทำไมน้ามาร์ตินต้องเข้ามาทำหน้าที่ดูแลเธอ เพราะคุณพ่อสามีให้สัญญากับเขาก่อนหน้านั้นตอนที่อาจารย์แอนยังมีชีวิตอยู่ว่า ท่านจะทำตามที่น้ามาร์ตินขอร้องไม่ว่าเรื่องอะไรก็ตาม เพราะเขาเป็นคนนำพาวิชพันธ์เข้ามาสู่ครอบครัวท่าน ซึ่งเป็นสัญญาใจที่ท่านต้องทำให้เพื่อทดแทนความดีของเขา “คุณพ่อค่ะ หนูขอโต้แย้ง เพราะหนูไม่ได้รับรู้ข้อผูกพันนี้มาก่อนนะคะ” คำพูดของเธอทำคุณพ่อสามี
ความรักมันคือที่สุด และเขายังรออยู่--------------------------------คุณพ่อสามีสั่งให้ลียาขึ้นมาตามวิชพันธ์ลงไปพบที่ห้องนอนท่าน ก่อนที่เขาจะออกไปสนามบินตอนบ่าย ประมาณครึ่งชั่วโมงเขากลับขึ้นมาที่ห้องนอน เขามองเธออย่างกังวล“คุณพ่อให้คุณลงไปพบ” “ค่ะ...คุณเตรียมตัวเถอะ ใกล้ถึงเวลาแล้ว” กังสดาลลากกระเป๋าเดินทางออกมาวางไว้ที่หน้าห้องนอน เธอเดินไปเคาะห้องถัดไปเพื่อบอกลียาให้ช่วยลากมันลงไปไว้ข้างล่างกังสดาลเดินลงบันไดไปเจออาอุมากำลังเตรียมอาหารมื้อเที่ยงไว้เพื่อเลี้ยงส่งวิชพันธ์ เธอถามว่าจะให้ช่วยอะไรไหม“ไปพบคุณพ่อ แล้วมาช่วยอานะ” อาอุมาหันมาสีหน้าเคร่งเครียด“คุณพ่อ...มีอะไรกับหนูรึคะ” เธอถามก่อนเดินไปเคาะประตูห้องคุณพ่อสามี“เข้าไปหาท่านก่อนค่อยมาคุยกัน” กังสดาลออกมาหลังจากพบท่านแค่ห้านาที ท่านดูไม่สบายใจมากทำใจเธอหดแฟบ เธอเดินเข้ามาในครัวเหมือนคนไร้เรี่ยวแรง“คุณอาคะ...คุณพ่อท่านไม่ให้หนูอยู่ดูแลท่านที่นี่” เสียงสะอื้นของหญิงสาวทำอาอุมาซึ่งกำลังอยู่ตรงหน้าเตาหันมาทันที“ไม่เป็นไร ย้ายไปอยู่กับคุณยายเถอะ หนูเบล...เหลือกี่เดือนจะจบ”“อีกสามเดือน แล้วใครจะดูแลท่านกับคุณอาล่ะคะ” อาอุมาเดิ