โหวงเฮ้ง...แบบไหน จึงเหมาะสม
เป็นตำนานระดับพรีเมี่ยม...ขอยกนิ้วให้ที่ยังมีคนงมงายในยุคนี
--------------------------------
“เอ้า...นี่ชาเขียวมะนาว แก้หน้าแก่ก่อนวัย” เสียงใครไม่รู้เอ่ยขึ้นก่อนเอาแก้วพลาสติกทรงสูงพร้อมหลอดอยู่ในถุงหูหิ้วยื่นมาตรงหน้า
“อย่ากวนบาทา ยิ่งกลุ้มอยู่” เสียงหญิงสาวตอบไม่มองหน้าแต่เอามือกุมขมับ เธอนึกว่าเป็นเพื่อนฝึกงานในแผนกไอทีที่ยังช่วยแก้ไขวิดีโอที่ต้องนำเสนอบ่ายนี้ไม่สำเร็จ
“นี่...บาทา เอาเลย” เสียงอีกฝ่ายยกเท้าเตะที่ขาเก้าอี้หญิงสาว ทำให้เธอสะดุ้งจากใจลอย ลุกขึ้นยืนเงยหน้าขึ้น
“เฮ้ย...นายมาทำอะไรแถวนี้ ไอ้แก๊งมิจฉาชีพ...!!!” กังสดาลส่งเสียงตกใจ เธอเผลอด่าออกไปแรงมาก
“ตามเธอคนเมื่อวานมาถึงนี่ล่ะมั้ง” เขายังทำเสียงยั่วเธอต่อ
“เฮ้ย... วันนี้จะตามไปหลอกถึงบ้านล่ะสิ” กังสดาลใจเต้นกลัวอย่างบอกไม่ถูก
“เอาชาเขียวไปดื่มให้สดชื่นก่อน...นี่หน้าเหี่ยวแก่ล่ะ” คำพูดของเขาถึงกับทำให้เธอสะดุ้ง เธอรีบเปิดกระเป๋าหยิบกระจกพับอันเล็กออกมาส่องดู
“เออ...อย่ามายุ่ง” เธอปัดแก้วน้ำหกต่อหน้าชายหนุ่ม ลุกเดินหนี กึ่งวิ่งกึ่งเดินออกจากร้านทันที
กังสดาลมีเวลาเหลืออีกแค่สองชั่วโมงก่อนที่จะนำเสนอสรุปการฝึกงานให้กับแผนก
พี่เลี้ยงได้แจ้งแล้วว่าบ่ายสองโมงครึ่งเธอต้องเตรียมตัวให้พร้อม
กังสดาลนึกถึงวันนี้ซึ่งเป็นการทำงานวันสุดท้าย ใจเธอห่อเหี่ยวกระวนกระวายตั้งแต่มาถึงที่ทำงานตอนเช้า รู้สึกสงสารย่าที่เธอทำกับข้าวอย่างลวกๆ เพื่อรีบจัดการไฟล์ที่ผิดพลาดเกือบทั้งคืน
“ย่าคะ กับข้าวพรุ่งนี้หนูขอทำเตรียมให้คืนนี้เลย เพราะมีงานต้องเตรียม ต้องรีบออกแต่เช้า” หญิงสาวมองหน้าย่าอย่างวิงวอน
“เออ... หน้าตาแกเหมือนแย้เข้าไปทุกวันแล้ว” ย่าวัยเกือบ80ปี ที่เลี้ยงดูหลานมาตั้งแต่พ่อแม่เธอเสียชีวิตไป
“ค่ะ...ไว้คุยกันนะคะ หนูทำกับข้าวไว้แล้ว พรุ่งนี้ย่าดูแลตัวเองนะ”
----------------
“เอ้า...ยังไม่เตรียมตัวอีก ไปแต่งหน้าให้ดูสดใสกว่านี้”เสียงคุณบิวพี่เลี้ยงของกังสดาลเดินมาทัก ขณะเห็นสาวน้อยรวบผมเรียบเป็นหางม้าเผยหน้าผากมีผมม้าบางๆ แซมระหว่างคิ้วที่ขมวดยุ่งเหยิง หน้าตามันเหงื่อเม็ดเล็กๆ ผุดตรงพวงแก้มอมชมพู
“ค่ะ...พี่ เมื่อคืนนอนไม่ค่อยหลับ” ใจเธอลอยไปถึงวันวาน
“ทำไม...ตื่นเต้นมากเลยรึ” พี่บิวของเธอเอ่ยถามอย่างสงสัย
“วิดีโอที่นำเสนอมันเกิดอะไรไม่รู้ แกล้งกันชัดๆ ขี้เกียจเฉยเลย”
“เอ้า...เฮ้ย ก็ไม่มีอะไรให้ประเมินนะสิ แค่ตัวหนังสือบนพาวเวอร์พอยท์นำเสนอ มันไม่ค่อยเวิร์คหรอกนะ...เบล” เสียงร้องเอ้าของอีกฝ่ายทำสาวน้อยฝึกงานพลอยหวั่นใจ
“ได้ข่าวว่า ท่านรองประธานจะเข้ามาประเมินนักศึกษาฝึกงานทุกคนด้วยนะ”
“โห...ตายแน่ๆ เลย...พี่” เสียงร้องของกังสดาล ทำอีกฝ่ายกระสับกระส่าย
“ไปตามคุณโจ้ไอที มาช่วยเดี๋ยวนี้ ไม่มีเวลาแล้วนะ...” เสียงพี่บิวสั่งสาวน้อยทันที
แต่แล้วเวลาผ่านไปจนเกือบใกล้เวลาก็ยังแก้ไขอะไรไม่ได้ กังสดาลพลาดจริงๆ เหมือนเธอไปกดเซฟไฟล์ผิดพลาดโดนปุ่มอะไรไม่รู้ หญิงสาวเริ่มประสาทเสีย กังสดาลกุมขมับ นึกในใจตลอดจะแก้ปัญหายังไงดี
“เบล...ถึงเวลาแล้ว” เสียงพี่เลี้ยงเรียกกังสดาล เพื่อนนักศึกษาฝึกงานที่เดินออกมาจากห้องประชุม บ่นอุบว่าโดนแก้งานเกือบหมดทั้งไฟล์ แล้วเธอคงถูกประเมินไม่ต่างจากเพื่อนคนนี้แน่ๆ
“สวัสดีกรรมการทุกท่านค่ะ...ดิฉันกังสดาล นักศึกษาฝึกงานแผนกประชาสัมพันธ์” เสียงกังสดาลกำลังทักทายเพื่อเปิดการนำเสนอ เธอกำลังก้มหน้าอยู่ตรงโพเดียมเพื่อกดปุ่มรีโมทเปิดพาวเวอร์พอยท์ขึ้นจอ
“ก่อนอื่น ดิฉันต้องขอประทานโทษที่ทำวิดีโอเก็บภาพการทำงานมาทั้งหมดสูญหาย เป็นเหตุการณ์ซึ่งไม่น่าจะเกิดขึ้น ขอรับผิดชอบทั้งหมดหากกระทบกับเพื่อนคนอื่นที่มาร่วมฝึกงานด้วยกันสำหรับสามเดือนครึ่งนี้” หญิงสาวทำหน้าสำนึกผิดอย่างรุนแรง
“ขอเริ่มจากการทำงานนอกสถานที่ก่อนแล้วจะกล่าวถึงการทำงานในสำนักงาน โดยมีเบื้องหลัง หลักการและเหตุผล ประโยชน์ของการฝึกงานที่เป็นกรณีศึกษาต่อองค์กรที่จะนำไปปรับปรุงต่อไป”
กังสดาลกล่าวนำเสนออย่างช้าๆ ไล่เรียงทั้งหมด มีรูปภาพประกอบการบรรยายที่ขึ้นบนจอเพื่อให้กรรมการทุกคนประเมิน เธอเดินแจกเอกสารประกอบการบรรยาย ให้กับทุกคนพร้อมใบประเมินที่ทางสาขาวิชาได้ส่งมาให้ แล้วเธอก็มาหยุดชะงักมือสั่น มองหน้าชายหนุ่มคนหนึ่งซึ่งเป็นคนที่เพิ่งส่งน้ำชาเขียวให้เธอที่ร้านอาหาร เขามาทำอะไรอยู่ที่นี่ ตอนนี้เขาสวมแว่นตากรอบสีดำเหมือนผู้ทรงคุณวุฒิปกปิดแววตาที่ดูเฉยชา สีหน้านิ่งเงียบสุขุมไม่มีทีท่าเหมือนที่เคยเจอกันก่อนหน้านี้ ซึ่งเหมือนคนกะล่อนหลอกลวง
“ทำไม...ยังตามมาหลอกหลอนถึงที่นี่อีก” เธอพูดพึมพำเบาๆ เหลือบมองใบหน้าของเขานึกสงสัยว่าเขามาทำอะไรอยู่ที่นี่
กังสดาลใช้เวลาการนำเสนออยู่เกือบครึ่งชั่วโมง ช่วงสุดท้ายเป็นข้อซักถามจากกรรมการ เธอถูกซักจากนายคนนั้นเป็นคนสุดท้าย
“บอกให้เข้าใจหน่อยว่า การเป็นนักประชาสัมพันธ์ ไม่ควรเสียมารยาทเรื่องอะไรบ้างเวลาอยู่ต่อหน้าคนที่พบกันครั้งแรก” คำถามนี้แทงใจเธอเจ็บจี๊ดขึ้นมาทันที ทำหญิงสาวหน้าชาเปลี่ยนสี เพราะเหมือนด่าเธอกลับอย่างตรงๆ แรงๆ
กังสดาลตอบอย่างตะกุกตะกัก เธอจิตตกขณะเดินออกจากห้องประชุมอย่างไร้เรี่ยวแรง ถูกตอกกลับทุกข้อที่เธอตอบคำถามนายคนนั้นไป เธอเบลอแทบจำอะไรไม่ได้เลยว่า นายคนที่ใส่กรอบแว่นดำนั้นแนะนำเธออย่างไร จำได้อยู่คำพูดท่อนเดียวทั้งหมดในที่ประชุม
“ไม่ผ่าน...พรุ่งนี้ไปพบผมที่ห้องทำงาน” กังสดาลนึกถึงความวิบัติกำลังเกิดขึ้น หน้าเธอซีดจนไม่เห็นสีเลือด กรรมการทุกคนมองหน้ากันอย่างเห็นด้วยเพราะประธานในการสรุปผลคือนายคนนี้
กังสดาลนั่งซึมอยู่ที่โต๊ะทำงานจนได้เวลาเลิกงาน ทุกคนที่แผนกกลับไปกันหมดแล้วเหลือเธอไว้กับแม่บ้าน ทั้งที่คุณบิวมาพูดปลอบใจว่า ไม่เป็นไรสามารถแก้ตัวได้อีกหนึ่งครั้ง
หากเธอต้องติด F สำหรับการฝึกงาน เป็นโปรไฟล์ไปสมัครงานที่ไหนใครจะรับ ถูกย่าบ่นเป็นปีเป็นชาติ เงินทองที่จะส่งตัวเองเรียนรวมทั้งทุนที่ได้คงจบกัน ไม่พอสำหรับเทอมต่อไปหากเทอมนี้เธอไม่ผ่านวิชานี้
กังสดาลกลับถึงบ้านน้ำตาซึม เปิดประตูเห็นย่ากำลังนั่งรอเธออยู่ที่ตรงห้องรับแขก มองมาที่หลานสาวอย่างสงสัย ใบหน้าของเธอซีดขาวเหมือนไม่มีจิตใจหมดสิ้นเรี่ยวแรง
“ย่าคะ หนูขอโทษ วันนี้พลาดจริงๆ หนูไม่ผ่านค่ะ” ย่าได้ยินสาวน้อยตอบเสียงสั่นๆ ทั้งน้ำตา
“ฉันสังหรณ์แล้ว เมื่อวานแกทำกับข้าวอย่างซังกะตาย” ย่าถอนหายใจ
“ช่างมัน ไม่ต้องทำกับข้าว สั่งมากิน เอาเงินย่าไปซื้อ” เหมือนวันนี้ย่าใจดีสุดๆ ตั้งแต่เห็นท่านมา
เธอสั่งอาหารเบาๆ ประเภทสลัดผักไข่ต้ม และปลาไหลย่างที่ย่าชอบ ส่วนน้ำเต้าหู้และเต้าทึงร้อนย่าบอกว่าเอาไว้กินตอนดึก เผื่อกังสดาลกินมื้อเย็นไม่ลง
หลังจากเก็บครัวและอาหารที่เหลือใส่ตู้เย็น เธอเดินขึ้นห้องชั้นบนปิดประตู ล้มตัวลงนอนบนเตียงเอามือก่ายหน้าผาก
“พรุ่งนี้ นายคนนั้นจะเรียกเธอไปทำไม” สาวน้อยบ่นกับตนเอง
“ดันไปด่าเอาไว้ เลยแกล้งให้ไม่ผ่าน...ซวยจริงๆ” หญิงสาวถอนหายใจ
“พรุ่งนี้...จะมาไม้ไหนอีกกันเนี่ย” เธอคิดไม่ตก
วันรุ่งขึ้นกังสดาลมาถึงที่ทำงานก่อนเวลานัดบ่ายสามโมงครึ่ง หญิงสาวผลักประตูห้องทำงานที่มีป้ายระบุตำแหน่งรองประธานฝ่ายบริหารเข้าไปอย่างทะมัดทะแมง ตัวตั้งตรงอย่างกระฉับกระเฉงมั่นอกมั่นใจ เขาเชิญเธอให้นั่งที่โซฟารับแขกถัดไปจากโต๊ะทำงานด้านซ้าย หน้าตาเรียบเฉยไม่สนใจกับท่าทีของสาวน้อยที่กำลังประเมินสถานการณ์
“ตกลงว่าไง...” เขาถามคำถามที่ไม่มีประเด็น
“ยังไงคะ...”
“จะต้องให้ทวนคำถามอีกกี่ครั้ง” น้ำเสียงของชายหนุ่มเหมือนจงใจแกล้งเธอ
“ดิฉันไม่ทราบว่า...ท่านหมายความว่าอะไร” เธอเถียงทันที
“อ่านกระดาษที่ให้ไปรึยัง” เขาเอ่ยถึงโน้ตใบนั้น
“อ่านแล้วค่ะ...” เธอจ้องหน้าและแววตาของเขา
“ตกลงไหม แค่หนึ่งวัน ค่าจ้างมหาศาล”
“เวอร์ไปไหมคะ...งานอะไรยังไม่รู้เลย” เธอซัดกลับทันที
“สี่โมงเย็น...เราจะไปหาคนคนหนึ่ง...”
“หมอดูโหวงเฮ้ง” เขากล่าวสั้นๆ จ้องหน้าเธอ
“ฮะ...ขออนุญาตนะคะ...คนรุ่นใหม่อย่างท่านนี่นะ เชื่อหมอดู” หญิงสาวเผลอทำเสียงเยาะเย้ย
กังสดาลออกจากออฟฟิศพร้อมชายหนุ่มหลังจากที่พูดคุยกันไม่กี่คำ เขาสอบถามเธอว่าเหลือกี่เทอมหลังจากที่จะสำเร็จการศึกษา กังสดาลตอบสั้นๆ ว่าถ้าเธอถูกประเมินไม่ผ่านการฝึกงานจะต้องกลับไปซ้ำวิชานี้อีกหนึ่งเทอม เขานิ่งฟังเธอตอบเฉยเมย
คนขับรถที่เคยเจอกันที่ร้านสตูดิโอชุดแต่งงานเดินมาเปิดประตูรถมองเธออย่างยิ้มๆ ชายหนุ่มบอกแค่ชื่อของคนที่จะไปพบ คนขับรถพยักหน้ารับคำทันที น่าจะเคยไปที่แห่งนี้มาก่อนแล้ว พอรถมาหยุดอยู่หน้าสำนักงานแบบโฮมออฟฟิศที่มีป้ายชื่อของหมอดูคนนี้ติดอยู่ด้านหน้า เธอจึงรู้ทันทีว่าหมอดูคนนี้มีชื่อเสียงในแวดวงระดับไฮโซ
“คุณลุงครับ...คนนี้โอเคไหม” ชายหนุ่มถามชายสูงวัยอายุราวหกสิบเศษทันที
“คนนี้หน้าผากสูงมน มีไฝเม็ดตรงกลาง เรียกว่าตาที่สาม” ชายหมอดูทักเมื่อสำรวจใบหน้าของกังสดาล
“ดีไหมครับ” เขาถามอย่างร้อนรน
“ขอวันเดือนปีเกิด เวลาเกิดด้วยครับ” หมอดูหันมาถามกังสดาล
“ขอโทษนะคะ คุณลุง ดิฉันว่าเป็นความลับค่ะ” หญิงสาวรู้สึกไม่สบายใจเพราะยังไม่รู้เลยว่า ที่เธอถูกพามานี่มันอะไรกัน
“ทำไม...คุณผู้ชายให้ผมดูคู่ครองว่าดวงสมพงศ์ไหม โหวงเฮ้งเข้ากันได้ไหม” ลุงหมอดูกล่าวอย่างสงสัย”
“เหรอคะ...ไม่เห็นรู้เรื่องมาก่อนเลย” กังสดาลสวนกลับทันที แล้วเธอถูกชายหนุ่มดึงข้อศอกเหมือนสะกิดให้เธอเงียบ
“ถ้าคุณไม่อยากให้คุณผู้ชายรู้ ส่งข้อมูลมาที่ไลน์ผมได้” หมอดูส่งนามบัตรให้หญิงสาว เธอเอามือถือขึ้นมาแสกน QR code และเข้าไปทักทายกับลุงหมอดู
“ไลน์หนู...ชื่อ เบลลานะคะ” กังสดาลตอบแล้วเธอเขียนลงไปว่า ขอคำตอบแบบส่วนตัวไม่ต้องให้คุณผู้ชายรู้ก่อน
ขณะทั้งสองคนเดินออกมาที่รถ ชายหนุ่มรู้สึกไม่พอใจที่หมอดูมีทีท่าให้ความเป็นกันเองกับหญิงสาว เขากล่าวขึ้น
“ผมว่าลุงหมอดู คงพอใจคุณนะ”
“ภารกิจ...คืนนี้กลับไปคิดดู...” เขากำชับเหมือนเร่งรัดเธอ
“อะไรคะ...ยังไม่รู้เลยว่าต้องทำอะไร” สีหน้าของหญิงสาวลังเล
“เป็นเจ้าสาวคืนแรก ...ต่อสัญญาปีต่อปี”
“ฮะ...งานอะไรของคุณอีกนี่ ไปหลอกใครล่ะ” เธอสวนกลับเลย
“ให้ผม...ไม่ใช่คนอื่น”
“ค่าจ้างเท่าไหร่”
“สามล้าน ไม่ต้องทำอะไร...ง่ายจะตาย” เขาพูดเบาๆ ขณะมองหน้าเธอ
“ไม่เคยรู้จักกันนี่นะ...ฟอกเงินไหม”
เธอกลับถึงบ้านนึกถึงเรื่องที่สุดประหลาด พึมพำกับตนเองอย่างไม่เข้าใจชายหนุ่ม
“โหวงเฮ้ง...แบบไหน จึงเหมาะสม
เป็นตำนานระดับพรีเมี่ยม...ขอยกนิ้วให้ที่ยังมีคนงมงายในยุคนี้”
ความยุ่งยากในชีวิต มันเริ่มแต่ต้นแล้ว และยอมรับให้มันค่อยซับซ้อนมากขึ้นไปอีก--------------------------------กังสดาลถูกย่าถามระหว่างกินข้าวมื้อเช้า“ค่าสินสอดอะไรกันขนาดนั้น แกไปพูดอะไรให้เขาหลงเชื่อ” ย่าจ้องแววตาของหลานสาว“เขาคงเชื่อหนูล่ะค่ะ”“เชื่ออะไรแก...บอกมา”“เชื่อว่าหนูคงอยู่กับเขาไปชั่วชีวิต” หญิงสาวอมยิ้มขณะตอบย่า“อ้อ...แกกลัวว่าย่าจะแถมกะละมังนั่นใช่ไหม” ย่าชี้ไปที่กะละมังในครัว“ไม่หรอกค่ะ...สมัยนี้แล้วจะอายไปเพื่ออะไร”“อย่างน้อยเขาจะไม่ได้มองย่าว่าสอนหลานให้...เลว”“ย่าขา...แรงนะคะ” เธอเดินไปตบฝ่ามือเบาๆ ของย่า ขณะเก็บจานข้าวบนโต๊ะ“หนูจะเอาเก็บไว้รักษาย่าวันข้างหน้านะคะ” กังสดาลไม่คิดว่าจะเอาไว้ทำอะไรเพื่อตนเอง อยากตอบแทนพระคุณที่มีย่าคอยดูแลมาจนโต“ย่าหนักใจ...”“คิดมากไป ทุกข์เปล่าๆ ค่ะ” หญิงสาวไม่อยากคิดถึงคำพูดเมื่อคืน“เขาจะข่มเหงเรา...รู้ไหม”“ย่าจะกลัวอะไร...หนูอยู่ทั้งคน เราสองคนจะย้ายไปอยู่บ้านเขานะคะ”เสียงย่าบ่นพึมพำ กังสดาลเก็บชามใส่กะละมังเข้าครัวไปล้างและเก็บเข้าตู้เสียงข้อความในไลน์ดังขึ้น เธอไม่สนใจที่จะเปิดอ่าน เสียงโทรศัพท์ดังขึ้นหลังจากนั้น“คุณ
ตราบาปจากเกมมายาแห่งเงินตรา ทำให้คนบริสุทธิ์คนหนึ่งตกเป็นเหยื่อ--------------------------------กลับถึงบ้านกังสดาลเห็นย่ายังไม่เข้านอน นั่งดูทีวีรอเธออยู่ตรงโซฟารับแขก“เป็นยังไงบ้าง...เจอย่าของเขาแล้ว” คำถามของย่าเหมือนรู้คำตอบแล้ว“ย่ารู้จัก...คุณย่าศรีนวลหรือคะ”“ฉันรู้ตั้งแต่แรกแล้ว” ย่าเอ่ยขึ้นเบาๆ“เอ้า...” เสียงของหญิงสาวกึ่งตกใจ“พ่อหนุ่มมาคุยวันแรก ฉันถามประวัติ รู้เลยว่าแกจะต้องเจออะไร” ย่าทำเอากังสดาลหวั่นใจ“อะไรเหรอคะ”“งูเห่า...นะสิ” ย่าไม่เห็นว่าตอนนี้หลานสาวกำลังอ้าปากค้าง“เราต้องย้ายไปอยู่ที่บ้านเขา” หญิงสาวพูดอย่างตกใจ“แกกลัวล่ะสิ...”“ไม่ค่ะ...ย่าพูดแบบนี้ หนูจะสู้”“แบบไหน...ยัยเบล”“งูต้องเจอพญานาค...ไม่ใช่รึคะ” หลานสาวของย่าทำท่าพญานาคชูคอ“เออ...ระวังมันเล่นแกทั้งรัง แกตายเลย” ย่าทำเสียงเยาะเย้ย“ย่าคะ...หนูว่าไปหาหมอดูโหงวเฮ้งคนนั้นดีไหม...เผื่อเขาจะได้เตือนเราไว้ก่อน”“ไปทำไม...แกเรียนสูงขนาดนี้ ให้หมอดูมันหลอกกินเงิน”“เอ้า...หนูนึกว่าย่าจะเห็นด้วย”“นาง...ศรีนวล มันเชื่อหมอดูอย่างกับเทวดา”“ฮ่า...มิน่าล่ะ...หลานชายแบบ งมงายเลย..ค่ะ”“พาแกไปผูกดวงสมพงศ์ด้
ความเจ็บปวดร่างกายมากมายเพียงใด ยังไม่เท่าความขมขื่นจากการถูกทำร้ายจิตใจ -------------------------------- ครอบครัวของทั้งสองฝ่ายยืนอยู่หน้าห้องของชายหนุ่ม ย่าศรีนวลและย่าลำดวนซึ่งเจอกันตั้งแต่พิธีช่วงเช้า ต่างยังสงวนท่าทีไม่ยอมเสียเปรียบกัน ได้แต่แอบมองกันอย่างเฉยเมย หลังจากทักทายพอเป็นพิธี ขณะนี้ทั้งสองกำลังทำหน้าที่เป็นประธานในฐานะญาติผู้ใหญ่ของทั้งสองฝั่งที่เกี่ยวดองกันแล้ว “ย่า...ขอให้เราทั้งสองอยู่กันดีๆ มีหลานให้ย่าไวไวนะ...ตาวิช” ย่าศรีนวลเหลือบมองย่าลำดวน ก่อนชิงกล่าวอวยพร “ครับ/ค่ะ...คุณย่า” ทั้งสองพนมมือไหว้รับพร “ย่า...อยากฝากหลานสาวคนนี้ให้ดูแล...อย่ารุนแรงกับเธอนะ...ย่าไม่ขออะไรมากไปกว่านี้” น้ำเสียงของย่าลำดวนกึ่งๆ ขอร้อง “ย่า...คะ อวยพรแบบนี้...หนูขอถอนหายใจได้ไหม” กังสดาลแอบมองหน้าเจ้าบ่าว “ครับ...ผมจะเบาๆ ตั้งแต่คืนนี้” เสียงของเขาหยอกล้อคุณแก่ ทำทุกคนหัวเราะขึ้นพร้อมกัน โดยเฉพาะคุณประพันธ์เข้ามาโอบกังสดาล และกอดลูกชายของเขาตบหลังเบาๆ “ตาวิช...ค่อยไปนะ จะมีลูกเร็วจนพวกเรา...แย่งกันอุ้มหลานไม่ทัน” คุณพ่อของเขาหัวเราะเบาๆ ขณะหันมามองหน้าหญิงสาว ทำเธอหน้าเปลี่ย
หน้าที่ในนาม ...ที่เราไม่สามารถทำอะไรได้มากไปกว่านี้--------------------------------ตกค่ำกังสดาลทราบว่าคุณประพันธ์ได้เดินทางไปสิงคโปร์แล้วกับคุณอาอุมาตั้งแต่บ่าย วิชพันธ์อยากพากังสดาลออกมาทานข้าวนอกบ้านเพื่อไม่อยากให้หญิงสาวคิดมากกับเรื่องภายในครอบครัวของเขา“ชวนย่าไปด้วยสิคะ...กลัวว่าท่านจะเหงา”“ผมถามท่านแล้ว ย่าบอกว่าไปหาความสุขกันเถอะ” เขามองหน้าเธออมยิ้ม“หมายความว่ายังไง”“เอ้า...ใครเขาจะมาเป็นก้างขวางคอเราล่ะ” เขาจ้องแววตาเธอ“ย่าบอกว่า ให้ผมรีบมีลูก”“อะไรกันคะ...ท่านรองประธาน” หญิงสาวขึ้นเสียงเสียดสี“ท่านคงแก่ๆ กันแล้ว เห็นว่าอยากไปเริ่มมิตรภาพกับย่าศรีนวลอีกครั้ง” ชายหนุ่มคงได้รับรู้แล้วว่าย่าทั้งสองเคยเป็นเพื่อนกันมาก่อนเขาขับรถพาเธอไปโดยให้ลุงสนได้พัก เขาน่าจะมีอะไรคุยกับเธอส่วนตัว“คุณพ่อจะไปปรึกษาหมอที่เป็นเพื่อนของคุณอาที่นั่น เรื่องของผมด้วย”“คุณอาแนะนำให้ผมกับคุณบินตามไปที่ซิดนีย์ สัปดาห์หน้า”“เพื่อ...???” กังสดาลมองหน้าด้านข้างที่เรียบ แววตานิ่งเฉย“ผมมีลูกไม่ได้!!!”“อะไรนะ???” กังสดาลทำเสียงตกใจ“คุณก็เห็นแล้วเมื่อเช้าว่าผมเป็นอะไร” น้ำเสียงของเขาเศร้ามาก“ที
ความทรงจำแสนเจ็บปวด... คือแผลในใจที่บาดลึก -------------------------------- หลังจากที่วิชพันธ์ออกไปทำงานแล้ว กังสดาลถามย่าเรื่องภายในครอบครัวของเขา “ฉันอยากเตือน...ครอบครัวนี้มันยุ่งอีรุงตุงนังไปหมด ยิ่งกว่ารังงูเห่า...” “โห...ถึงขนาดนั้นเลย” “ฉันได้ยินมาว่า นางศรีนวลนี่ล่ะ ที่ทำให้ประสานผิดใจกับลูกๆ เรื่องพินัยกรรม” “แล้วเรื่องมันลามมาถึงหลานด้วยไหมคะ” กังสดาลเข้าใจว่าผลกระทบน่าจะมาถึงวิชพันธ์ด้วย “ฉันไม่ได้รู้อะไรมากกว่านี้” “เอ่อ...เมื่อวานหนูเจออาของเขาที่ร้านอาหาร” “ชื่อคุณอาอนุพันธ์ นั่งทานข้าวกับผู้หญิงที่ชื่อระพี” เธออยากรู้ว่าย่ารู้จักคนนี้ไหม “น่าจะเป็นลูกนางศรีนวลกับประสาน” “เท่าที่รินเล่าให้ฟัง ดิษยาเป็นลูกสาวของอาระพี” “เหรอ...รินจะแต่งงานวันไหน ย่าลืมแล้ว” “วันเสาร์นี่ละค่ะ” บ่ายสี่โมงกังสดาลแปลกใจที่เห็นลุงสนคนขับรถมาจอดเทียบลานหน้าประตูบ้าน เธอได้บอกวิชพันธ์ไปแล้วว่าจะเดินทางไปเอง เพราะยิมของดิษยาไม่ได้ไกลจากสถานีรถไฟฟ้าเท่าไหร่ “คุณวิชให้ผมกลับมารับคุณหนูเอง...ครับ” “ลุงคะ...แวะร้านคุณอาอุมาด้วยนะคะ” เธอเกือบลืมที่เขาเขียนสั่งมาที่ไลน์ เพราะเธอไม่มีชุด
การแต่งงานเหมือนฝันฮันนีมูน ที่คนสองคนกำลังอยู่ในช่วงข้าวใหม่ปลามัน--------------------------------กังสดาลถูกสามีในนามอุ้มเธอมาที่เตียงนอนของเขา เขาพยายามจะทำให้เธอระงับความเศร้าสร้อย“คืนนี้นอนกับผมบนเตียงนี้เถอะ” น้ำเสียงของเขานุ่มทุ้ม ทำให้เธอยังสะอื้นต่อเบาๆ“อย่าร้องไห้... ผมยิ่งรู้สึกทุเรศใจมาก” เขาเอานิ้วรีดน้ำตาของเธอที่ไหลเป็นสายเขาพยายามกอดเธอไว้แน่นเอาหน้าซุกตรงหัวไหล่ของหญิงสาว เขารับรู้จากแรงสั่นสะท้านของตัวเธอ จึงมองหารีโมทเพื่อปรับอุณหภูมิไม่ให้เธอหนาวเหมือนคืนวาน“นอนเถอะ...คุณคงเหนื่อยมาก กินข้าวน้อยอีก”“ไม่ค่ะ...อยากทำต่อตามสัญญาก็ได้นะ” เสียงเธอยังสะอื้นเบาๆ“อย่าเลย...บรรยากาศไม่เอื้อแล้วล่ะ”เธอเพลียมากหลับปุ๋ยไปจนถึงเช้าบนเตียงนอนของเขา ไม่รู้สึกตัวเลยว่าเขาลุกออกไปตั้งแต่เมื่อไหร่ มาสะดุ้งอีกทีตอนชายหนุ่มกระซิบข้างหูเบาๆ“ผมอยากให้ชีวิตเหมือนฝัน...” เสียงของเขาดูมีชีวิตชีวาแต่เช้า“ยังไงคะ”“คุณพ่อส่งข้อความมา...”“เราต้องไปซิดนีย์อาทิตย์หน้า จำได้ไหม”“ค่ะ...เรื่องนั้นรึ”“เพื่อนของคุณอาแนะนำหมอคนหนึ่งให้ได้แล้ว” ชายหนุ่มจ้องแววตาเธออย่างปรีดา“ยินดีด้วยนะค
เว้นระยะห่างบ้าง...เปลี่ยนบรรยากาศ----------------คืนนั้นกังสดาลตกใจที่สามีในนามของเธอ กังวลอะไรบางอย่าง“ผมต้องขอให้คุณนอนห้องเล็ก...นะ” เขาจ้องหน้าเธออย่างครุ่นคิด“ได้เลยค่ะ...กำลังจะถามอยู่” หญิงสาวอมยิ้ม“ผมเหนื่อยเมื่อวานทั้งคืน” “เอ้า...นึกว่าเมื่อเช้า” “อย่าหาว่า ถามไร้สาระเลยนะคะ”“อยากมีกิ๊ก...ไม่ต้องบอกก็ได้ค่ะ”“ไม่...ผมไม่อยากเสียเงินฟรีๆ ก่อนกำหนด” เขาชิงตอบทันที ดูแววตาสีหน้าล้อเลียน“พูดเล่น พูดจริงเนี่ย” กังสดาลรู้สึกว่าเขาสงวนท่าทีบางครั้ง“อยากให้ผมคบ...เดซี่...รึไง” “ตัวตึงเลย...นาง” เธอพยักหน้าเห็นด้วย“เชิญเลย เพื่อผ่อนคลาย จะได้ไม่หมกมุ่นอยู่กับคนคนเดียว” เธอพูดไปก็รู้สึกใจหายกลัวเขาทำจริงๆ “งั้นพรุ่งนี้ ผมไปยิมคนเดียวนะ” กังสดาลเดินไปหยุดตรงประตูหน้าห้องเล็ก หันหลังกลับมาเจอแววตาที่ยังจับจ้องเธออยู่ เธอทำมือบ๊ายบายให้ชายหนุ่มที่แอบทำหน้าเขินๆรุ่งเช้าวันต่อมาเป็นวันเสาร์ เขาไม่ได้ไปทำงาน เธอตื่นสายนอนพลิกตัวไปมาอยู่บนเตียงนานแล้ว นึกได้ว่าวันนี้เป็นวันแต่งงานของรินญา เธอเด้งตัวออกทันทีกระโดดลุกจากเตียงเข้าห้องน้ำ ลงมาที่ห้องอาหารเจอย่า“นึกว่าต้องให้นางแ
การหาตัวตึงไว้สำรอง จะช่วยให้วันเวลาที่รอสัญญาสิ้นสุดลง มีความหมาย--------------------------------เช้ารุ่งขึ้นเป็นวันอาทิตย์ วิชพันธ์คงออกไปยิมแต่เช้าเพื่อซ้อมมวยอย่างที่เขาได้บอกไว้ก่อนหน้านั้นแล้ว กังสดาลยังนอนพลิกตัวมองเพดานห้องคิดว่า ถ้าเขาจริงจังกับดิษยาขึ้นมาจริงๆ เธอจะทำอย่างไร“นางเป็นตัวตึงของคุณย่าศรีนวลด้วยสิ” เธอพึมพำเบาๆ กับตนเอง “หรือว่าลองคุยกับริน ให้หาฝรั่งที่นั่นสำรองไว้ เผื่อเขาฉีกสัญญาเร็วกว่ากำหนด เธอจะได้อยู่ที่นั่นต่อ โดยไม่ต้องพึ่งพาคุณพ่อของเขา” เธอพูดกับตนเองเสียงเคาะประตูเบาๆ ดังขึ้น“ย่าหรือคะ...” เธอตะโกนถาม“ผมเอง...”เธอได้ยินเสียงกลอนประตูหมุนดังกริ๊ก เขาเดินเข้ามาพร้อมกางเกงขาสั้นตัวเดียว“นึกว่าไปยิมแล้ว...”“รอคุณไปด้วย...”“ลุกไปอาบน้ำ...จะได้ลงไปกินข้าว สายมากแล้ว”เธอเห็นเขาแต่งตัวกำลังเปิดประตูลงไป กังสดาลส่งเสียงจากในห้องน้ำ“เอ่อ...ขอไม่ไปได้ไหมคะ อยากไปเดินห้าง”“ตามใจ...ผมอยากไปคลายเครียด”“เชิญตามสบายนะคะ...” หญิงสาวยินดีที่วันนี้เธอจะมีเวลาว่างหลังจากทานข้าวเช้าแบบเบาๆ กังสดาลขออนุญาตกับย่าด้วยว่าจะออกไปเดินห้าง แท้จริงเธออยากกินข้าวเช
มันเจ็บลึกฝังเป็นตัวหนังสืออยู่กลางใจ พอเปิดใจครั้งใดเหมือนเปิดหนังสือหน้านี้ทุกที--------------------------------กังสดาลเจอหน้าของวีระพันธ์ที่โต๊ะกินข้าวตอนเช้า เธอไม่อยากพูดด้วยกำลังหันหลังจะเดินไปที่ครัว เขารั้งข้อศอกเธอไว้“มีอะไรว่ามา...ไม่ต้องถูกเนื้อต้องตัว” เธอหันไปปัดมือเขาออกอย่างไม่พอใจ“พี่วิช...เขียนมาด่าผมหาว่า ลวนลามคุณ”“ใช่ ฉันฟ้องคุณวิชเองเมื่อวันก่อน”“ทำไมต้องขนาดนั้น...เราคุยกันได้”“ถ้าทำบ่อยๆ อย่าหาว่าไม่เตือนนะ”“จะทำอะไรผมได้...”“จะดีดให้สลบคาบาทา”“รู้ไว้นะ...ฉันไม่ชอบคนนิสัยไม่ดี”“โอย...พี่สะใภ้ครับ แค่ล้อเล่นทำเป็นเรื่องใหญ่เรื่องโต”“โน่น...ไปล้อเล่นกับเดซี่ ไม่ใช่ฉัน”เธอหันหลังเดินขึ้นบันไดชั้นบนไม่เหลียวหลัง ได้ยินเขาบ่นพึมพำเบาๆ“พี่วิช...จะทำอะไรได้ ยังทำเป็นเล่นตัว อีกไม่นานโดนทิ้ง จะร้องไห้วิ่งมาหาเรา...ฮ่าฮ่าฮ่า” เขาหุบปากทันที เมื่อคุณพ่อเดินมาได้ยิน“เป็นอะไรหัวเราะร่า...มีสาวใหม่ตามมาถึงนี่ เลยเบิกบานล่ะพ่อ” ลุงเขาเยาะเย้ย“โน่น...สะใภ้คุณลุง สาวพีเรียดยุคคุณย่า” เขาเสียดสีกลับ“เบล...เธอเป็นคนดี และอย่าทำให้ตาวิชมีปัญหา ลุงอยากเตือนให้รู้จ
ทั้งครอบครัวถูกคนคนเดียวระรานใจจนร้าวฉาน--------------------------------กังสดาลเหมือนคอยถูกจับตาจากน้องชายของสามีตลอดเวลา ไม่ว่าเธอจะทำอะไรก็ถูกชายหนุ่มคนนี้จับจ้องจนเธอรู้สึกอึดอัด เมื่อสามีวิดีโอคอลมาคุยกับเธอตามที่เขาได้สัญญาไว้หลังจากถึงเมืองไทย เธออดรนทนไม่ได้ฟ้องเขาทันที“คุณวิชคะ...ขอฟ้องอะไรนิดนะคะ” เธอทำเสียงเรียบเฉยไม่ให้เขารำคาญใจ“เรื่องอะไร...ไอ้วีทำอะไรคุณ” เขาเสียงขุ่นทันที“ชอบลวนลาม...เบล” เธอทำเสียงกระเง้ากระงอด“ไอ้นี่...สั่งมันแล้วนะ”“เบล...อย่าโกรธนะ คุณเคยไปให้ท่ามันบ้างไหม” เขานึกถึงคำพูดของดิษยาขณะนั่งคู่กันอยู่บนเครื่องบิน “พูดอะไรบ้าๆ...” เธอนึกโมโห ตั้งแต่อยู่ด้วยกันมาแม้จะแต่งงานกันในนาม แต่ความสัมพันธ์ระหว่างเขากับเธอมันเกินเลยมาไกลแล้วอย่างที่เขาเอ่ยเมื่อวันก่อนนั้น จนเขาเรียกเธอว่า ภรรยาโดยสมบูรณ์ น่าจะรู้ว่าเธอเป็นคนนิสัยอย่างไร“พรุ่งนี้ผมจะไปยิมชกมวย...ขออนุญาตแล้วนะ” เขาเปลี่ยนเรื่องทันที เมื่อรับรู้ความรู้สึกไม่สบอารมณ์ของภรรยาในนามของเขา“เชิญตามสบายค่ะ...มีอะไรคืบหน้าบอกด้วยนะคะ” กังสดาลนึกแล้วว่าเขายังไม่ทิ้งความสัมพันธ์กับเธอ ยังไงเขาก็เคยคบ
ปล่อยหัวใจไว้กับคาสโนว่าจอมเกเร--------------------------------พรุ่งนี้ถึงกำหนดที่วิชพันธ์ต้องเดินทางกลับไปสะสางงานที่เขาทิ้งมาเกือบสองอาทิตย์ เขาบอกกังสดาลวันเดินทางกลับให้หาข้อมูลเรื่องการเรียนต่อให้เรียบร้อย เขาอาจไม่มีเวลาพูดคุยช่วงเวลากลางวัน แต่จะพยายามวิดีโอทุกคืนก่อนเธอเข้านอน “ผมจะฝากให้วี มันช่วยดูแลเรื่องคอร์สภาษา” เขาเปรยกับเธอให้ติดตามข้อมูลกับน้องชายของเขา“ค่ะ...โอลี่น่าจะช่วยได้ดีกว่าค่ะ” เธอแย้งเขา เพราะไม่เห็นความจำเป็นที่ต้องให้น้องชายเข้ามาวุ่นวายกับเรื่องนี้“ผมสั่งมันไว้แล้ว... อย่าไปยุ่งผัวชาวบ้าน!” เสียงหงุดหงิดฟังดูเหมือนเสียดสีเธอ“ท่านรองประธานคะ...สุภาพหน่อยนะคะ นั่นเพื่อนคุณนะ” เธอรู้สึกว่าในใจเขาคิดอะไรกับเพื่อนออสซี่คนนี้หลังจากมื้อค่ำที่อาอุมากลับมาดูแล กิ๊กของคุณพ่อคนนี้มีฝีมือการทำอาหารไทยเมนูสุขภาพบริการสมาชิกทุกคนในครอบครัว“อา...อยากให้คุณวิชและหนูเบล ลองผักกับปลานึ่งเมนูสมุนไพรนี้...หอมและดีต่อสุขภาพ พวกหนูควรมีลูกเร็วๆ นะคะ คุณพ่อท่านอยากอุ้มหลานแทบทนไม่ไหวแล้ว” อาอุมาจ้องหน้ากังสดาลอย่างกังวล“ค่ะ...หนูชอบทานผักอยู่แล้ว”“คุณวิช กลับไป…หนูเบ
อยากทดสอบว่า เป็นคนที่ใช่...จะไม่เข้าใจไปเอง--------------------------------ต้นสัปดาห์ถัดมาวิชพันธ์บอกกังสดาลขณะเขากำลังทานข้าวก่อนจะพาเธอไปพบดอกเตอร์ลิเดียด้วยกัน“คุณอาอุมาจะบินมาดูแลคุณพ่อพรุ่งนี้ ปลายสัปดาห์ผมจะบินกลับพร้อมเดซี่” เขาพูดขึ้นเบาๆ ช่วงที่คุณพ่อทานเสร็จลุกจากโต๊ะกินข้าวเข้าห้องหนังสือไปแล้ว“รับทราบค่ะ” เธอจ้องตาเขาอย่างเฉยเมยตั้งแต่งานปาร์ตี้วันนั้นเป็นต้นมา เขาเงียบไม่ค่อยคุยหยอกล้อและเข้ามาใกล้เธอเลย เขาทำตัวเฉยเมยจนเธอรู้สึกว่าเขาคงรู้สึกผิดต่อเธอ แต่มันไม่ใช่อย่างที่เธอเข้าใจจากคำพูดขณะนี้“อย่าเข้าใจผิดล่ะ...ผมจะกลับไปทำงาน เดซี่เธอมีธุรกิจที่ยิมชกมวยนั่น” เขาเอ่ยขึ้นโดยที่เธอยังไม่ทันได้ถามอะไร“ค่ะ...เข้าใจคุณสองคนมากพอแล้ว” เธอพูดไม่สบตา เก็บถ้วยชามเพื่อเอาไปล้าง “วันนี้...เราจะไปพบหมอลิเดียด้วยกัน” เขาจับมือรั้งไว้ก่อนที่เธอจะยกชามทั้งหมดไปล้าง“ค่ะ...คุณไปเตรียมตัวเลย จะตามขึ้นไปค่ะ” เธอพูดขึ้นขณะก้มหน้าเดินไปที่ซิงค์ล้างชามกังสดาลขึ้นมาเปิดประตูห้องเบาๆ เดินเข้าไปไม่เห็นเขา จึงโผล่หน้ามองเข้าไปเห็นเขานอนหลับตาแช่อยู่ในอ่างน้ำ เขาดูเป็นคนที่โปรดปรานการ
อยากจะไปหาความสุขที่ไม่ได้รับการยินยอมให้พึงระลึกถึงความทุกข์ที่จะตามมานั้นด้วย--------------------------------กังสดาลตื่นขึ้นกลางดึกเธอพยายามมองหาสามีของเธอท่ามกลางความมืดของห้อง ด้วยความสงสัยเลยลุกจากเตียงเดินเข้าไปมองหาในห้องน้ำ ปรากฏว่าไม่มีเสียงน้ำดูเงียบว่างเปล่าไร้ชีวิตชีวาจนเธอรู้สึกใจหาย เขาน่าจะยังไม่กลับมาถึงบ้านแล้วเขาไปทำอะไรอยู่ อากาศข้างนอกวันนี้หนาวกว่าเมื่อวานเล็กน้อย เกือบรุ่งสางเธอรู้สึกว่าเตียงนอนอีกมุมกระเพื่อมด้วยแรงของอีกคนที่กำลังล้มตัวลงนอน เธอได้กลิ่นแอลกอฮอล์โชยมาเข้าจมูกหญิงสาวหันไปหยิบนาฬิกาปลุกที่มุมโต๊ะข้างเตียงด้านเธอมาดู คิดอยู่ในใจว่าน่าจะใกล้สว่างแล้ว แต่เวลาเกือบตีสี่เท่านั้นเธอหลับไปตั้งแต่ก่อนสี่ทุ่ม จึงทำให้เธอนึกได้ว่านอนไปเกือบหกชั่วโมงซึ่งหลับลึกเป็นตายอย่างไม่รู้เนื้อรู้ตัวเธอลืมตามองเพดานและตัดสินใจลุกไปเปิดน้ำอุ่นลงอ่างน้ำ เติมกลิ่นกุหลาบจากอีกขวดหนึ่งที่วางอยู่บนแท่นข้างกลิ่นลาเวนเดอร์“อืม...หอมมากเลย จะนอนหลับแช่ไปเรื่อยๆ จนถึงเช้า” เธอพึมพำอย่างมีความสุข แต่ในใจยังนึกสงสัยสามีในนามของเธอ เขาเริ่มแสดงพฤติกรรมที่ชวนให้คิด ‘ต้องคำสาป’
ต้องคำสาปเกิดจากใจที่วิบัติของคนเราที่เข้าไปสู่วังวน ถ้าไม่สร้างเหตุปัจจัยเข้าไปเอื้อให้เกิดขึ้น--------------------------------ต้นสัปดาห์ต่อมาอาอนุพันธ์กับอาระพีเดินทางมาถึงที่ซิดนีย์ไล่หลังวิชพันธ์และกังสดาล ทั้งสองจะมาพบคุณประพันธ์ที่บ้าน ส่วนอาอุมาเดินทางกลับไปก่อนหน้าแล้วหนึ่งวัน“แก...ช่วยอยู่ต้อนรับอาแกด้วย เขาโทรมาเมื่อวานว่ามาถึงแล้ว จะมาหาพ่อบ่ายนี้” คุณพ่อนึกขึ้นได้ระหว่างมื้อเช้า“หนูเบล ถ้าไม่ว่างก็ไม่เป็นไร”“ค่ะ...ขอโทษนะคะ รินญานัดจะพาไปกินข้าวเที่ยงค่ะ” กังสดาลมองหน้าพ่อสามีอย่างเกรงใจ“ไปเถอะ...บอกสองคนด้วยว่าผมไม่ว่าง” เขากะพริบตาส่งสัญญาณว่าโอเคกังสดาลขอตัวขึ้นไปเตรียมตัวก่อน ปล่อยให้คุณพ่อและสามีปรึกษากัน เธอรู้จากวิชพันธ์ว่าอาสองคนน่าจะมาติดต่อธุรกิจ ซึ่งดิษยาบอกเขาไว้ก่อนหน้าแล้วว่าจะบินตามมาทีหลังเธอเอ่ยเปรยๆ เรื่องนี้ให้รินญาและโอลี่“วันนี้คุณวิชเขาอยู่คุยกับคุณอาเขาน่ะ ฝากขอโทษโอลี่ด้วย...Sorry จริงๆ” เธอหันหน้าไปพูดไทยปนอังกฤษกับสามีของญาติสาว“เราได้ยินเพื่อนกลุ่มนาง...ซุบซิบกันดังจนมาถึงเรา...” เธอทำหน้าแบบสงสัยกับกังสดาล ราวกับว่าทำไมเธอถึงไม่รู้“เ
เราตอบแทนคนที่ยังเหลืออยู่...ถือว่าได้ตอบแทนพระคุณเช่นกัน--------------------------------การเดินทางออกจากสนามบินช่วงบ่ายกว่าจะถึงที่ปลายทางสนามบินซิดนีย์ใช้เวลาเกือบเก้าชั่วโมง เที่ยวบินจากเมืองไทยต้องแวะที่มาเลเซียและต่อเที่ยวบินรอที่กัวลาลัมเปอร์อีกหกชั่วโมง ระหว่างรอเธอเห็นสามีเอาโน้ตบุ๊คออกมาทำงาน คงฆ่าเวลาไป เขาปล่อยให้กังสดาลไปเดินมองดูของเรื่อยเปื่อยที่ร้านต่างๆ ในสนามบิน เธอเข้าไปเช็คดูไลน์ของรินญาที่เขียนส่งมาทักทาย“ฝากดูของที่ระลึกของมาเลที อยากได้อ่ะ” เธอรู้จากข้อความว่ากังสดาลจะต้องแวะเปลี่ยนเครื่องที่มาเลเซีย“เอาช็อกโกรูปตึกแฝดนะ...” เธอถ่ายรูปส่งไปให้รินญาดูเธอเดินกลับมาที่เขานั่งอยู่ในเลาจน์กำลังทำงานไม่ยอมเงยหน้ามองอะไรเลย“ซื้ออะไรมา...” เขาถามขณะเหลือบเห็นถุงพลาสติกที่เธอถือ“ของฝากที่รินอยากได้ค่ะ...” “ผู้หญิงชอบกินช็อกโกแลตรึ” เขาถามไม่มองหน้าเธอ“ชอบสิ...กินแล้วคลายเครียด” เธอหยอกชายหนุ่มต่อ“ช่วยให้มีลูกดก...” เธอพูดขำๆ“เฮ้ย...จริงดิ...ขอสักชิ้นหนึ่ง” เขาจ้องหน้าเธออย่างจริงจัง“หมดสิทธิ ซื้อมาแค่กล่องเดียวค่ะ” เธอมองหน้าตลกๆ ของเขา“เดินไปซื้อมาอีก...อยา
แค่ความหอมยังช่วยดูแลใจให้กันได้รื่นรมย์กว่าการสัมผัสทางกายเสียอีก--------------------------------เช้าวันศุกร์ปลายเดือนที่วิชพันธ์กำลังวุ่นวายกับงานประชุมต่างๆ ของบริษัททั้งหมด เขาจึงขอให้กังสดาลเข้าไปดูแลเอกสารเกือบทั้งหมดเพื่อจัดการเอาใส่กระเป๋าไปด้วย คุณบิวเข้ามาคุยอย่างยินดีกับสถานะใหม่ของเธอ “ได้ข่าวว่า ได้ทุนไปเรียนต่อจากบริษัทรึ” “ค่ะ...หนูจะกลับมาทำงานที่นี่หลังเรียนจบ” กังสดาลเข้าใจว่าทุกคนที่นี่ไม่น่ารู้อะไรมากไปกว่าการที่เธอได้รับทุนเพื่อไปเรียนต่อกับทางบริษัท“โชคดีนะ...เบล” ทุกคนที่แผนกประชาสัมพันธ์ซักไซ้นิดหน่อย เธอจึงขอตัวกลับออกไปกับคนขับรถของวิชพันธ์ที่มาช่วยถือกระเป๋าเอกสารไปที่รถเธอกลับมาที่บ้านก่อนสามี เพราะเขามีประชุมกับทุกแผนกต่อ การสั่งงานน่าจะยังไม่ลงตัวกับทุกฝ่าย แต่เขาได้ขอให้อาอนุพันธ์ช่วยดูแลช่วงที่เขาเดินทางล่วงหน้าไปก่อนแล้ว กังสดาลไม่รอสามีสำหรับมื้อนี้ เธอหิวจนตาลายเพราะวันนี้ทั้งวันช่วยเขาจัดการเรื่องต่างๆ ทั้งออกไปติดต่อกับบางบริษัทที่ดีลกันอยู่แทนเขา เธอเพลินกับการออกไปติดต่อผู้คนเกือบค่อนวัน ข้าวปลาแทบจะไม่ได้สนใจกินให้อิ่มสักเท่าไหร่ย่าสั่งใ
การหาตัวตึงไว้สำรอง จะช่วยให้วันเวลาที่รอสัญญาสิ้นสุดลง มีความหมาย--------------------------------เช้ารุ่งขึ้นเป็นวันอาทิตย์ วิชพันธ์คงออกไปยิมแต่เช้าเพื่อซ้อมมวยอย่างที่เขาได้บอกไว้ก่อนหน้านั้นแล้ว กังสดาลยังนอนพลิกตัวมองเพดานห้องคิดว่า ถ้าเขาจริงจังกับดิษยาขึ้นมาจริงๆ เธอจะทำอย่างไร“นางเป็นตัวตึงของคุณย่าศรีนวลด้วยสิ” เธอพึมพำเบาๆ กับตนเอง “หรือว่าลองคุยกับริน ให้หาฝรั่งที่นั่นสำรองไว้ เผื่อเขาฉีกสัญญาเร็วกว่ากำหนด เธอจะได้อยู่ที่นั่นต่อ โดยไม่ต้องพึ่งพาคุณพ่อของเขา” เธอพูดกับตนเองเสียงเคาะประตูเบาๆ ดังขึ้น“ย่าหรือคะ...” เธอตะโกนถาม“ผมเอง...”เธอได้ยินเสียงกลอนประตูหมุนดังกริ๊ก เขาเดินเข้ามาพร้อมกางเกงขาสั้นตัวเดียว“นึกว่าไปยิมแล้ว...”“รอคุณไปด้วย...”“ลุกไปอาบน้ำ...จะได้ลงไปกินข้าว สายมากแล้ว”เธอเห็นเขาแต่งตัวกำลังเปิดประตูลงไป กังสดาลส่งเสียงจากในห้องน้ำ“เอ่อ...ขอไม่ไปได้ไหมคะ อยากไปเดินห้าง”“ตามใจ...ผมอยากไปคลายเครียด”“เชิญตามสบายนะคะ...” หญิงสาวยินดีที่วันนี้เธอจะมีเวลาว่างหลังจากทานข้าวเช้าแบบเบาๆ กังสดาลขออนุญาตกับย่าด้วยว่าจะออกไปเดินห้าง แท้จริงเธออยากกินข้าวเช