หลี่เหวินเฉาแสยะยิ้มกับบันทึกตรงหน้า ป่านนี้นายกองฉวนคงทำหน้าที่ของเขาสำเร็จลุล่วงแล้ว เฉินลู่ซีจะไม่มีทางยุ่งเกี่ยวกับการหายตัวไปของหญิงตั้งครรภ์อีกแต่แล้ว หลี่เหวินเฉาก็ต้องพบกับความผิดหวัง เมื่อคนของเขาเข้ามารายงานว่า ฉวนอี้เซียวและครอบครัวถูกเฉินลู่ซีจับตัวไว้แล้ว“นายกองฉวน เห็นทีเจ้าคงต้องไปรับโทษกับท่านปู่ของข้าในยมโลกเสียแล้ว” หลี่เหวินเฉาเอ่ยเสียงแผ่ว นัยน์ตาทั้งคู่ฉายแววเหี้ยมเกรียมขึ้นมาวูบหนึ่งก่อนจางหาย ในเมื่อคนของเขาตกอยู่ในเงื้อมมือของเฉินลู่ซี เขาก็จะไม่ปล่อยให้รอดไปพูดความจริงให้ใครรู้ได้อีกภายในห้องขังของศาลประจำเมืองฉางโจว ฉวนอี้เซียวนั่งกอดเข่า พิงผนังห้องขังเยียบเย็น รู้แน่ว่า เมื่อตนเองตกอยู่ในเงื้อมมือของศาลซื่อเหอ และแพร่งพรายความจริงออกไปแล้วเช่นนี้ คงยากจะมีชีวิตรอดไปถึงวันพรุ่งนี้ได้ความหวังจะได้ใช้ชีวิตอยู่ร่วมกับฉวนฮูหยินและลูกสาวคนเดียวคงไม่มีทางเป็นไปได้อีกแล้ว คิดแล้วนายกองฉวนก็ได้แต่ถอนหายใจหนักๆเสียงฝีเท้าของใครคนหนึ่งดังใกล้เข้ามา พาให้เขามองไปตามแนวช่องว่างระหว่างลูกกรงไม้แน่นหนานั้น เพื่อจะพบว่า สาวรับใช้วัยกลางคนจากจวนแม่ทัพหลี่ยืนอยู่ตรงนั้น
“ขอเรียนตามตรง เรื่องนั้นข้าทราบแล้วครับ”“แต่ข้าไม่ต้องการให้เจ้าแต่งงานกับเจี้ยนฟางลูกข้า วันๆ เจ้าก็เอาแต่ทำงานสืบคดี เสี่ยงเป็นเสี่ยงตาย อีกอย่างด้วยภาระหน้าที่ของเจ้า เจ้าจะทำให้ลูกข้ามีความสุขได้อย่างไร ข้าไม่อยากให้เจี้ยนฟางต้องทุกข์ใจเพราะเจ้า”“เรื่องนั้น ข้ารู้ตนเองดีครับ” เจิ้งหมิงค้อมศีรษะรับน้อยๆ รู้ตนเองดีว่า แม้ในร่างของเจี้ยนฟาง จะเป็นแม่นางผู้กล้าของเขา แต่ถึงอย่างไร นางก็คือผู้หญิงทั่วไป ที่ต้องการความรัก ความสุขในครอบครัวหลังแต่งงาน“หน้าที่ของข้า คือรักษากฎหมาย ขจัดความอยุติธรรมในบ้านเมือง แต่ภายใต้หน้าที่ที่ข้าสมัครใจแบกมันไว้บนบ่า ข้าเชื่อว่า จะสามารถดูแลท่านหญิงน้อยให้มีความสุขได้ ขอเพียงท่านอ๋องอนุญาตให้ข้าได้คบหาดูใจกับนาง ให้เวลาเป็นเครื่องพิสูจน์เท่านั้นครับ”“ข้าไม่มีทางเชื่อลมปากของเจ้าเด็ดขาด ถ้าเจ้ายังดื้อดึงอยู่เช่นนี้ ข้าก็ไม่มีอะไรจะพูด ข้าลาล่ะ ไม่ต้องส่ง”ณาราแอบฟังเหตุการณ์ที่เกิดขึ้นอยู่นอกห้องรับรอง รู้สึกร้อนๆ หนาวๆ อย่างไรชอบกล เมื่อได้ยินท่านอ๋อง9 พูดกับเจิ้งหมิงเช่นนั้น เพิ่งจะรู้เดี๋ยวนี้เองว่า การมีพ่อคอยรักคอยหวง ให้ความรู้สึกเช่นไร อยากจ
แต่ดูเหมือนว่า ร่างกายของจ้าวเจี้ยนฟางนี่สิ จะไม่ค่อยเป็นใจเอาซะเลย นอกจากจะอ่อนแอ ด้วยไม่เคยผ่านการฝึกฝนทางด้านการต่อสู้ อีกประการคือ ณาราคงไม่ใช่เจ้าของร่างที่แท้จริง เมื่อประมือกับชายผู้นั้นไปสักพัก ก็เริ่มล้า แน่นหน้าอก หายใจไม่ออก จู่ๆ ทุกอย่างก็ดับวูบลง พร้อมกับร่างล้มลงกับพื้น“เก่งนักเรอะ” ชายผู้นั้นคำรามในลำคอ ก่อนแบกร่างเธอขึ้นบ่า ยัดใส่กระสอบที่เตรียมมาด้วย แล้วเดินจากไปขณะเดียวกัน เจิ้งหมิงกระโดดลงจากหลังม้า มุ่งหน้าเข้าสุ่จวนตระกูลหลี่ พร้อมด้วยหมายจากศาลซื่อเหอ“คารวะท่านแม่ทัพหลี่”“องครักษ์เจิ้ง ไม่ต้องมากพิธีหรอก” หลี่เหวินเฉาเอ่ยกลั้วหัวเราะ แม้ภายนอกจะดูจริงใจ เปิดเผย ทว่ากลับซุกซ่อนความประหลาดใจว่า เหตุใดคนของศาลซื่อเหอจึงมาถึงที่นี่ได้ ทั้งที่เขาก็ส่งคนไปจัดการกับนายกองฉวนแล้วนี่นะ“ใต้ท้าวให้มาเชิญท่านไปให้การที่ศาลฉางโจวหน่อยน่ะครับ มีคนฟ้องว่า ท่านมีส่วนเกี่ยวข้องกับการหายตัวไปของหญิงตั้งครรภ์ในเมืองฉางโจว”“อ้อ อย่างนั้นเรอะ ไปสิ ข้าเป็นผู้บริสุทธิ์อยู่แล้ว ข้าเองก็อยากไปเห็นหน้าคนที่กล้าปรักปรำข้าอยู่เหมือนกัน”เจิ้งหมิงยิ้มน้อยๆ แอบโล่งใจที่การมาเชิญหลี่เหว
เวลาเดียวกัน หลี่จิ้งรออยู่นอกศาล เห็นความอัปยศที่เฉินลู่ซีหยิบยื่นให้บิดาดังนั้น ความอดทนก็หมดลง เขาจึงบุกเข้ามาในศาลทันที“หลักฐานเพียงเท่านี้ ท่านถึงกับกล้าถอดชุดกับหมวกประจำตำแหน่งพ่อข้าออกเลยเชียวเรอะ” หลี่จิ้งโวยวายลั่น พลางชักกระบี่คู่กายออกจากฝัก“แม่ทัพหลี่ คุณชาย พวกท่านคงไม่รู้ว่า ฮ่องเต้เองก็ทรงทราบเรื่องนี้แล้ว”“เหลวไหล ฮ่องเต้อยู่ที่เมืองหลวง จะทราบเรื่องนี้ได้อย่างไร” ยิ่งเฉินลู่ซีเอ่ยถึงผู้อยู่สุขสบายในวังหลวง แม่ทัพหลี่ก็ยิ่งไม่อาจเชื่อถือคำพูดของเขาได้“ฮ่องเต้ ทรงมีสายพระเนตรยาวไกล แลเห็นแผ่นดินทั่วหล้า ท่านแม่ทัพ ท่านคงไม่รู้หรอกว่า พระองค์ทรงมีหน่วยลับประจำพระองค์กระจายอยู่ทุกที่ แม้กระทั่งบนเกาะจวินจวู พระองค์ทรงทราบการกระทำของท่านจากหน่วยลับอยู่ก่อนแล้ว จึงส่งข้ามาสืบความจริงให้กระจ่าง” เฉินลู่ซีเอ่ย พร้อมกับภาพเหตุการณ์หนึ่งผ่านเข้ามาในห้วงความคิดในคืนก่อนวันที่เขาจะออกเดินทางจากเมืองซื่อเหอนั้น ขณะกำลังศึกษาแผนที่ ตลอดจนข้อมูลเกี่ยวกับเมืองฉางโจว ที่เลขาเจียงค้นคว้ามาให้นั้น จู่ๆ หน้าต่างห้องทำงานของเขาก็พลันเปิดออก สายลมยามดึกพัดเรื่อยเข้ามานั้น ไม่ได้ทำให้
ท่านอ๋อง 9 และเจิ้งหมิงยังคงนั่งเฝ้าจ้าวเจี้ยนฟางอยู่ข้างเตียงไม่ห่าง นานๆ จึงจะหันมามองหน้ากันสักครั้ง กระทั่งนาทีหนึ่ง ต่างก็หันมาสนทนากัน กลายเป็นว่าต่างเอ่ยขึ้นมาพร้อมกัน“เจิ้งหมิง”“ท่านอ๋อง”“เจ้ามีอะไรก็ว่ามาเถิด”“ท่านอ๋องกินอะไรบ้างเถิดดนะครับ ประเดี๋ยวจะไม่สบายไปอีกคน” องครักษ์หนุ่มปรายสายตาไปยังโต๊ะกลม ปูด้วยผ้าสีขาวสะอาดตากลางห้อง ซึ่งมีข้าวกับซี่โครงหมูตุ๋นกับฟักวางอยู่สองที่“เจ้าเองก็ควรจะกินอะไรบ้างนะ อย่ามัวบอกให้ข้ากินแต่ฝ่ายเดียว คนหนุ่มก็ล้มป่วยได้เช่นกัน”“ถ้าอย่างนั้น เชิญครับท่านอ๋อง” ว่าพลางเจิ้งหมิงก็เป็นฝ่ายผายมือให้ท่านอ๋องไปนั่งที่โต๊ะอาหารก่อน แล้วจึงเป็นฝ่ายตามไปนั่งบ้าง“ข้ามีบุตรธิดาหลายคนก็จริง แต่เจี้ยนฟางก็เป็นลูกที่ข้ารักและห่วงใยมากที่สุด เพราะนางเหมือนฮุหยินของข้ามาก ข้าก็เหมือนพ่อคนอื่นๆ ที่ทั้งรักทั้งหวงลูกสาว ดังแก้วตาดวงใจ ในเมื่อรู้ว่าเจี้ยนฟางกับเจ้าต่างมีใจให้กัน อีกทั้ง ข้าก็ได้เห็นกับตาแล้วว่า ตอนที่หลี่จิ้งจับเจี้ยนฟางเป็นตัวประกันนั้น เจ้าเป็นห่วงความปลอดภัยของนางมาก ยิ่งกว่าชีวิตของตนเองซะอีก หากเจ้าอยากจะใช้ชีวิตร่วมกับลูกข้าจริง ก็
ท่านอ๋อง 9 ผุดลุกจากเก้าอี้อย่างรวดเร็ว คิ้วทั้งสองขมวดเข้าหาจนแทบจะชนกัน เมื่อจู่ๆ ธิดาคนเล็กก็พาหญิงสาวผู้หนึ่งมาแนะนำให้รู้จัก พร้อมกับหนุ่มน้อยไห่ถวน จากเกาะจวินจวู“นี่ไห่หลาน พี่สาวของไห่ถวน เพิ่งมาจากเกาะจวินจวูค่ะ” ณาราแนะนำทั้งที่แทบกลั้นหัวเราะเอาไว้ไม่อยู่“อึม แม่นางไห่หลานนี่ ดูลักษณะรูปร่างช่างดูค้นตานัก เหมือนเคยพบที่ใดมาก่อน” เฉินลู่ซีตั้งข้อสังเกต แม้เรือนร่างภายใต้เครื่องแต่งกายสตรีจะไม่ได้กำยำล่ำสันมากนัก แต่ก็ดูบึกบึนกว่าสตรีโดยทั่วไปอยู่ดีเจิ้งหมิงทำชะม้ายชายตาครู่หนึ่ง ก่อนจะปลดผ้าคลุมหน้าออกดวงหน้าแตะแต้มด้วยเครื่องสำอาง แม้งดงามก็จริง แต่ทำไมเขาจะจำดวงตาคมกล้าคู่นั้นไม่ได้เล่าว่า นางเคยเป็นใครมาก่อน“นี่เจ้า เอ่อ…”“ท่านพ่อ ข้าอยากกลับบ้านแล้ว เรารีบกลับกันเถอะค่ะ” ณาราเดินมาเกาะแขนท่านอ๋อง 9 เอาไว้หลวมๆ“ท่านพ่อคะ อย่างไร ลูกขอพาคนของลูกไปด้วยนะคะ ตอนอยู่บนเกาะ ทั้งสองช่วยเหลือลูกเอาไว้มากเหลือเกิน ลูกไม่รู้จะตอบแทนบุญคุณอย่างไร จึงทำได้เพียงรับรองทั้งสองเป็นอย่างดี”“ได้สิลูก เรากลับกันเถอะนะ” ท่านอ๋อง 9 ยิ้มน้อยๆ ทั้งที่ประหลาดใจเหมือนกันว่า ทำไมเจิ้งหมิงจ
ณารายิ้มยั่วเย้า“อยากรู้ว่าเคยมั้ยล่ะคะ” ณาราสบตาคนตรงหน้าแน่วนิ่ง ก่อนจะดันร่างของคนตัวใหญ่กว่าให้เดินถอยหลังไปที่เตียง แกล้งผลักเขาลงกับที่นอน แล้วกระโดดขึ้นคร่อม ทั้งที่ในชีวิตนี้ เธอไม่เคยทำแบบนี้กับชายใดเลยแม้แต่ครั้งเดียว“เจ้าจะทำอะไร!” เจิ้งหมิงเบิกตากว้าง ตกใจกับท่าทีของเธอ ไม่นึกเลยว่า ผู้หญิงจากโลกอนาคตจะไวไฟได้เพียงนี้แต่แทนที่ณาราจะตอบคำถาม กลับก้มลงจรดริมฝีปากกับหน้าผากของเขาแล้วเลื่อนเรื่อยลงมาหยุดตรงซอกคออย่างย่ามใจเรื่องอะไรเจิ้งหมิงจะยอมให้นางทำอย่างนั้นฝ่ายเดียว พอนางเผลอ เขาก็เป็นฝ่ายพลิกกายขึ้นมาอยู่ด้านบน ทำเอาคนคิดจะแกล้งหยอกเย้าเล่นหน้าตื่น“พี่จะทำอะไร”“เจ้าอยากให้ข้าทำอะไรล่ะ หึม” เจิ้งหมิงเป็นฝ่ายยิ้มยั่วเย้าบ้าง แล้วจรดริมฝีปากอุ่นจัดลงกับใบหูเล็ก ระเรื่อยลงมายังซอกคอขาวละมุน แล้ววนเรื่อยขึ้นไปยังใบหูเล็กรวดเร็ว“พี่เจิ้ง อย่า ข้าแค่ล้อเล่นเท่านั้น ไม่ได้จริงจังสักหน่อย”“แต่เจ้าทำให้ข้าอยากจริงจังนี่นา”“ข้าบอกแล้วไงล่ะว่าแค่ล้อเล่น ข้าบอกให้ก็ได้ว่า ข้ายังไม่เคยมีความสัมพันธ์กับชายใดสักหน่อย” ณาราสารภาพอ้อมแอ้ม“ลงไปได้แล้ว เดี๋ยวไห่ถวนก็มาเห็นเข้าหรอ
นึกไม่ถึงว่า เสี่ยวชุ่ยจะฝ่าฝืนคำสั่ง คิดปองร้ายจ้าวเจี้ยนฟาง“ข้าผิดไปแล้ว ท่านอ๋อง เมตตาข้าด้วย”“ข้าจะให้ใต้ท้าวเฉิน เป็นคนตัดสินความเรื่องนี้เอง”ท่านอ๋อง เมตตาข้าด้วย”“เสี่ยวชุ่ย บอกข้ามาว่าใครสั่งการให้เจ้าทำร้ายท่านหญิงน้อยเช่นนี้” ฮุ่ยเหนียงปราดเข้าหาคนผิด จิกเล็บลงกับเรือนผมของนางสุดแรง จนหน้าหงาย ดวงตาจับจ้องหน้าสาวรับใช้วาวโรจน์ มิใช่เพราะต้องการให้นางสาภาพความจริง ตรงกันข้าม ฮุ่ยเหนียงต้องการให้นางปิดปากให้สนิทต่างหาก“ฮูหยินรอง ข้าข้า”“พูด” ท่านอ๋อง 9 ตวาดลั่น ดวงหน้าแดงก่ำด้วยความโกรธ“หากเจ้าไม่บอก ข้าจะตัดลิ้นเจ้าซะ” ฮุ่ยเหนียงบอกเป็นนัยๆ ว่า หากนางเปิดปาก จะตัดลิ้นสาวรับใช้เสียให้รู้แล้วรู้รอดหากยังไม่ทันที่เสี่ยวชุ่ยจะเอ่ยอะไรออกมา ร่างนอนนิ่งอยู่บนเตียงก็กระตุกเฮือก ชักตาตั้ง กระอักเลือดสีแดงสดออกมา“ท่านอ๋อง ท่านหญิงแย่แล้วเจ้าค่ะ” ไห่หลานโวยวายพลางร้องไห้โฮๆ“เด็กๆ พานางไปขังไว้ก่อน ใต้ท้าวเฉินมาค่อยตัดสินความ”สิ้นคำสั่งเรียกคนของท่านแล้ว ท่านอ๋อง9 ก็ปราดมาที่เตียง ประคองธิดาคนเล็กเอาไว้ในอ้อมแขน“เจี้ยนฟาง เจ้าต้องไม่เป็นอะไรนะ” ท่านอ๋อง 9 รำพัน น้ำตานองหน้า
ทันทีที่กองทัพจากเมืองหลวงยกพลขึ้นบกที่เกาะจวินจวู พร้อมด้วยเจิ้งหมิง จี้หมิน และเจิ้นหยาง บรรดาหญิงตั้งครรภ์ที่ถูกจับตัวไป ก็ถูกช่วยพาขึ้นเรือกลับมายังฝั่ง เมื่อไม่ได้รับยาจากคนของเจ้าเกาะ ความทรงจำของพวกนางก็ค่อยๆ กลับคืนมา ที่ต้องลุ้นระทึกก็คือ หญิงตั้งครรภ์จำนวน 5 นาง ได้คลอดลูกบนเรือ ดีที่เจียงจื่อหยารอบคอบ ให้หมอตำแยในเมืองฉางโจวติดตามไปด้วยหลายคน จึงไม่เป็นอุปสรรคต่อการเดินทางใช้เวลาเกือบครึ่งเดือน เฉินลู่ซีก็ส่งหญิงตั้งครรภ์กลับสู่ครอบครัวได้สำเร็จ“อวี้เอ๋อ” จางเหวินชิง กอดภรรยาไว้ในอ้อมแขนทั้งน้ำตาอาบสองแก้ม นึกว่าชาตินี้จะไม่ได้พบภรรยาเสียแล้ว“ท่านพี่” นางเองก็กอดสามีเอาไว้แน่นเช่นกัน“ขอบคุณใต้ท้าว องครักษ์เจิ้ง ที่ช่วยคลี่คลายคดีความทุกข์ให้ครอบครัวข้า ขอบคุณครับ” จางเหวินชิงคารวะจากใจขณะที่เสี่ยวหง ปิงปิงและซวงเอ๋อเองก็ต่างโผเข้ากอดสามีของนาง ก่อนจะรีบผละออก เมื่อเห็นว่าณารายืนมองมายิ้มๆ“เจี้ยนฟาง” นางทั้งสามปรี่เข้ามาหาณารา ต่างกวาดสายตามองนางตั้งแต่หัวจรดเท้า แล้วมาหยุดอยู่ตรงกลางลำตัว“เอ๊ะ เจ้าไม่ได้ตั้งครรภ์นี่” ซวงเอ๋อทักขึ้นด้วยความประหลาดใจ“อึม” ณาราพยักหน้า
เจ้าเป็นถึงฮูหยินรองของตำหนักอ๋อง ใครเล่าจะข่มขู่เจ้าได้ แต่เจ้าไม่ต้องกังวลไปหรอกนะ อย่างไรข้าก็ต้องพาตัวทั้งเจ้าและพ่อบ้านไปรับโทษอย่างแน่นอน” สิ้นคำพูดของท่านอ๋อง 9 ไห่หลานก็พาตัวจ้าวหลงซินออกมา โดยมีเฉินลู่ซี และมือปราบเจิ้นหยางเดินตามเข้ามาในห้องเช้าวันต่อมา นอกจากข่าวใหญ่ เรื่องคนของศาลซื่อเหอ นำกำลังทหารจากเมืองหลวงไปยังเกาะจวินจวูแล้ว ยังมีข่าวของฮูหยินรองแห่งตำหนักอ๋อง ปองร้ายธิดาคนเล็กของท่านอ๋อง มิหนำซ้ำยังลักลอบเป็นชู้กับพ่อบ้านจ้าวหลงซิน เป็นที่พูดถึงทั่วเมืองเมื่อเรื่องร้ายผ่านไปแล้ว ไห่ถวนก็ขอตัวตามเจิ้งหมิงกลับเกาะจวินจวู ขณะที่ณาราในร่างจ้าวเจี้ยนฟางเอง ต้องรออยู่ที่ตำหนักอ๋อง ให้เจิ้งหมิงทำธุระของเขาให้เสร็จสิ้นเสียก่อน ค่อยพาผู้ใหญ่จากเมืองหลวงมาสู่ขอนางตามประเพณีแม้จะมีชีวิตสุขสบายดีแล้ว ณาราก็ยังรู้สึกอึดอัดอยู่ดี ที่ไม่สามารถบอกให้ใครล่วงรู้ได้ว่า เธอไม่ใช่จ้าวเจี้ยนฟาง ขณะเดียวกันก็ไม่สามารถทำให้ท่านอ๋อง 9 เสียใจเรื่องธิดาได้ จึงทำได้เพียงเก็บคำเสียค่ำคืนหนึ่ง ท่านอ๋อง 9 นอนกระสับกระส่ายอยู่บนที่นอน จิตดิ่งลึกลงสู่ห้วงนิทรารมย์ ที่มีเพียงม่านหมอกขาวจนมองไม่เ
นึกไม่ถึงว่า เสี่ยวชุ่ยจะฝ่าฝืนคำสั่ง คิดปองร้ายจ้าวเจี้ยนฟาง“ข้าผิดไปแล้ว ท่านอ๋อง เมตตาข้าด้วย”“ข้าจะให้ใต้ท้าวเฉิน เป็นคนตัดสินความเรื่องนี้เอง”ท่านอ๋อง เมตตาข้าด้วย”“เสี่ยวชุ่ย บอกข้ามาว่าใครสั่งการให้เจ้าทำร้ายท่านหญิงน้อยเช่นนี้” ฮุ่ยเหนียงปราดเข้าหาคนผิด จิกเล็บลงกับเรือนผมของนางสุดแรง จนหน้าหงาย ดวงตาจับจ้องหน้าสาวรับใช้วาวโรจน์ มิใช่เพราะต้องการให้นางสาภาพความจริง ตรงกันข้าม ฮุ่ยเหนียงต้องการให้นางปิดปากให้สนิทต่างหาก“ฮูหยินรอง ข้าข้า”“พูด” ท่านอ๋อง 9 ตวาดลั่น ดวงหน้าแดงก่ำด้วยความโกรธ“หากเจ้าไม่บอก ข้าจะตัดลิ้นเจ้าซะ” ฮุ่ยเหนียงบอกเป็นนัยๆ ว่า หากนางเปิดปาก จะตัดลิ้นสาวรับใช้เสียให้รู้แล้วรู้รอดหากยังไม่ทันที่เสี่ยวชุ่ยจะเอ่ยอะไรออกมา ร่างนอนนิ่งอยู่บนเตียงก็กระตุกเฮือก ชักตาตั้ง กระอักเลือดสีแดงสดออกมา“ท่านอ๋อง ท่านหญิงแย่แล้วเจ้าค่ะ” ไห่หลานโวยวายพลางร้องไห้โฮๆ“เด็กๆ พานางไปขังไว้ก่อน ใต้ท้าวเฉินมาค่อยตัดสินความ”สิ้นคำสั่งเรียกคนของท่านแล้ว ท่านอ๋อง9 ก็ปราดมาที่เตียง ประคองธิดาคนเล็กเอาไว้ในอ้อมแขน“เจี้ยนฟาง เจ้าต้องไม่เป็นอะไรนะ” ท่านอ๋อง 9 รำพัน น้ำตานองหน้า
ณารายิ้มยั่วเย้า“อยากรู้ว่าเคยมั้ยล่ะคะ” ณาราสบตาคนตรงหน้าแน่วนิ่ง ก่อนจะดันร่างของคนตัวใหญ่กว่าให้เดินถอยหลังไปที่เตียง แกล้งผลักเขาลงกับที่นอน แล้วกระโดดขึ้นคร่อม ทั้งที่ในชีวิตนี้ เธอไม่เคยทำแบบนี้กับชายใดเลยแม้แต่ครั้งเดียว“เจ้าจะทำอะไร!” เจิ้งหมิงเบิกตากว้าง ตกใจกับท่าทีของเธอ ไม่นึกเลยว่า ผู้หญิงจากโลกอนาคตจะไวไฟได้เพียงนี้แต่แทนที่ณาราจะตอบคำถาม กลับก้มลงจรดริมฝีปากกับหน้าผากของเขาแล้วเลื่อนเรื่อยลงมาหยุดตรงซอกคออย่างย่ามใจเรื่องอะไรเจิ้งหมิงจะยอมให้นางทำอย่างนั้นฝ่ายเดียว พอนางเผลอ เขาก็เป็นฝ่ายพลิกกายขึ้นมาอยู่ด้านบน ทำเอาคนคิดจะแกล้งหยอกเย้าเล่นหน้าตื่น“พี่จะทำอะไร”“เจ้าอยากให้ข้าทำอะไรล่ะ หึม” เจิ้งหมิงเป็นฝ่ายยิ้มยั่วเย้าบ้าง แล้วจรดริมฝีปากอุ่นจัดลงกับใบหูเล็ก ระเรื่อยลงมายังซอกคอขาวละมุน แล้ววนเรื่อยขึ้นไปยังใบหูเล็กรวดเร็ว“พี่เจิ้ง อย่า ข้าแค่ล้อเล่นเท่านั้น ไม่ได้จริงจังสักหน่อย”“แต่เจ้าทำให้ข้าอยากจริงจังนี่นา”“ข้าบอกแล้วไงล่ะว่าแค่ล้อเล่น ข้าบอกให้ก็ได้ว่า ข้ายังไม่เคยมีความสัมพันธ์กับชายใดสักหน่อย” ณาราสารภาพอ้อมแอ้ม“ลงไปได้แล้ว เดี๋ยวไห่ถวนก็มาเห็นเข้าหรอ
ท่านอ๋อง 9 ผุดลุกจากเก้าอี้อย่างรวดเร็ว คิ้วทั้งสองขมวดเข้าหาจนแทบจะชนกัน เมื่อจู่ๆ ธิดาคนเล็กก็พาหญิงสาวผู้หนึ่งมาแนะนำให้รู้จัก พร้อมกับหนุ่มน้อยไห่ถวน จากเกาะจวินจวู“นี่ไห่หลาน พี่สาวของไห่ถวน เพิ่งมาจากเกาะจวินจวูค่ะ” ณาราแนะนำทั้งที่แทบกลั้นหัวเราะเอาไว้ไม่อยู่“อึม แม่นางไห่หลานนี่ ดูลักษณะรูปร่างช่างดูค้นตานัก เหมือนเคยพบที่ใดมาก่อน” เฉินลู่ซีตั้งข้อสังเกต แม้เรือนร่างภายใต้เครื่องแต่งกายสตรีจะไม่ได้กำยำล่ำสันมากนัก แต่ก็ดูบึกบึนกว่าสตรีโดยทั่วไปอยู่ดีเจิ้งหมิงทำชะม้ายชายตาครู่หนึ่ง ก่อนจะปลดผ้าคลุมหน้าออกดวงหน้าแตะแต้มด้วยเครื่องสำอาง แม้งดงามก็จริง แต่ทำไมเขาจะจำดวงตาคมกล้าคู่นั้นไม่ได้เล่าว่า นางเคยเป็นใครมาก่อน“นี่เจ้า เอ่อ…”“ท่านพ่อ ข้าอยากกลับบ้านแล้ว เรารีบกลับกันเถอะค่ะ” ณาราเดินมาเกาะแขนท่านอ๋อง 9 เอาไว้หลวมๆ“ท่านพ่อคะ อย่างไร ลูกขอพาคนของลูกไปด้วยนะคะ ตอนอยู่บนเกาะ ทั้งสองช่วยเหลือลูกเอาไว้มากเหลือเกิน ลูกไม่รู้จะตอบแทนบุญคุณอย่างไร จึงทำได้เพียงรับรองทั้งสองเป็นอย่างดี”“ได้สิลูก เรากลับกันเถอะนะ” ท่านอ๋อง 9 ยิ้มน้อยๆ ทั้งที่ประหลาดใจเหมือนกันว่า ทำไมเจิ้งหมิงจ
ท่านอ๋อง 9 และเจิ้งหมิงยังคงนั่งเฝ้าจ้าวเจี้ยนฟางอยู่ข้างเตียงไม่ห่าง นานๆ จึงจะหันมามองหน้ากันสักครั้ง กระทั่งนาทีหนึ่ง ต่างก็หันมาสนทนากัน กลายเป็นว่าต่างเอ่ยขึ้นมาพร้อมกัน“เจิ้งหมิง”“ท่านอ๋อง”“เจ้ามีอะไรก็ว่ามาเถิด”“ท่านอ๋องกินอะไรบ้างเถิดดนะครับ ประเดี๋ยวจะไม่สบายไปอีกคน” องครักษ์หนุ่มปรายสายตาไปยังโต๊ะกลม ปูด้วยผ้าสีขาวสะอาดตากลางห้อง ซึ่งมีข้าวกับซี่โครงหมูตุ๋นกับฟักวางอยู่สองที่“เจ้าเองก็ควรจะกินอะไรบ้างนะ อย่ามัวบอกให้ข้ากินแต่ฝ่ายเดียว คนหนุ่มก็ล้มป่วยได้เช่นกัน”“ถ้าอย่างนั้น เชิญครับท่านอ๋อง” ว่าพลางเจิ้งหมิงก็เป็นฝ่ายผายมือให้ท่านอ๋องไปนั่งที่โต๊ะอาหารก่อน แล้วจึงเป็นฝ่ายตามไปนั่งบ้าง“ข้ามีบุตรธิดาหลายคนก็จริง แต่เจี้ยนฟางก็เป็นลูกที่ข้ารักและห่วงใยมากที่สุด เพราะนางเหมือนฮุหยินของข้ามาก ข้าก็เหมือนพ่อคนอื่นๆ ที่ทั้งรักทั้งหวงลูกสาว ดังแก้วตาดวงใจ ในเมื่อรู้ว่าเจี้ยนฟางกับเจ้าต่างมีใจให้กัน อีกทั้ง ข้าก็ได้เห็นกับตาแล้วว่า ตอนที่หลี่จิ้งจับเจี้ยนฟางเป็นตัวประกันนั้น เจ้าเป็นห่วงความปลอดภัยของนางมาก ยิ่งกว่าชีวิตของตนเองซะอีก หากเจ้าอยากจะใช้ชีวิตร่วมกับลูกข้าจริง ก็
เวลาเดียวกัน หลี่จิ้งรออยู่นอกศาล เห็นความอัปยศที่เฉินลู่ซีหยิบยื่นให้บิดาดังนั้น ความอดทนก็หมดลง เขาจึงบุกเข้ามาในศาลทันที“หลักฐานเพียงเท่านี้ ท่านถึงกับกล้าถอดชุดกับหมวกประจำตำแหน่งพ่อข้าออกเลยเชียวเรอะ” หลี่จิ้งโวยวายลั่น พลางชักกระบี่คู่กายออกจากฝัก“แม่ทัพหลี่ คุณชาย พวกท่านคงไม่รู้ว่า ฮ่องเต้เองก็ทรงทราบเรื่องนี้แล้ว”“เหลวไหล ฮ่องเต้อยู่ที่เมืองหลวง จะทราบเรื่องนี้ได้อย่างไร” ยิ่งเฉินลู่ซีเอ่ยถึงผู้อยู่สุขสบายในวังหลวง แม่ทัพหลี่ก็ยิ่งไม่อาจเชื่อถือคำพูดของเขาได้“ฮ่องเต้ ทรงมีสายพระเนตรยาวไกล แลเห็นแผ่นดินทั่วหล้า ท่านแม่ทัพ ท่านคงไม่รู้หรอกว่า พระองค์ทรงมีหน่วยลับประจำพระองค์กระจายอยู่ทุกที่ แม้กระทั่งบนเกาะจวินจวู พระองค์ทรงทราบการกระทำของท่านจากหน่วยลับอยู่ก่อนแล้ว จึงส่งข้ามาสืบความจริงให้กระจ่าง” เฉินลู่ซีเอ่ย พร้อมกับภาพเหตุการณ์หนึ่งผ่านเข้ามาในห้วงความคิดในคืนก่อนวันที่เขาจะออกเดินทางจากเมืองซื่อเหอนั้น ขณะกำลังศึกษาแผนที่ ตลอดจนข้อมูลเกี่ยวกับเมืองฉางโจว ที่เลขาเจียงค้นคว้ามาให้นั้น จู่ๆ หน้าต่างห้องทำงานของเขาก็พลันเปิดออก สายลมยามดึกพัดเรื่อยเข้ามานั้น ไม่ได้ทำให้
แต่ดูเหมือนว่า ร่างกายของจ้าวเจี้ยนฟางนี่สิ จะไม่ค่อยเป็นใจเอาซะเลย นอกจากจะอ่อนแอ ด้วยไม่เคยผ่านการฝึกฝนทางด้านการต่อสู้ อีกประการคือ ณาราคงไม่ใช่เจ้าของร่างที่แท้จริง เมื่อประมือกับชายผู้นั้นไปสักพัก ก็เริ่มล้า แน่นหน้าอก หายใจไม่ออก จู่ๆ ทุกอย่างก็ดับวูบลง พร้อมกับร่างล้มลงกับพื้น“เก่งนักเรอะ” ชายผู้นั้นคำรามในลำคอ ก่อนแบกร่างเธอขึ้นบ่า ยัดใส่กระสอบที่เตรียมมาด้วย แล้วเดินจากไปขณะเดียวกัน เจิ้งหมิงกระโดดลงจากหลังม้า มุ่งหน้าเข้าสุ่จวนตระกูลหลี่ พร้อมด้วยหมายจากศาลซื่อเหอ“คารวะท่านแม่ทัพหลี่”“องครักษ์เจิ้ง ไม่ต้องมากพิธีหรอก” หลี่เหวินเฉาเอ่ยกลั้วหัวเราะ แม้ภายนอกจะดูจริงใจ เปิดเผย ทว่ากลับซุกซ่อนความประหลาดใจว่า เหตุใดคนของศาลซื่อเหอจึงมาถึงที่นี่ได้ ทั้งที่เขาก็ส่งคนไปจัดการกับนายกองฉวนแล้วนี่นะ“ใต้ท้าวให้มาเชิญท่านไปให้การที่ศาลฉางโจวหน่อยน่ะครับ มีคนฟ้องว่า ท่านมีส่วนเกี่ยวข้องกับการหายตัวไปของหญิงตั้งครรภ์ในเมืองฉางโจว”“อ้อ อย่างนั้นเรอะ ไปสิ ข้าเป็นผู้บริสุทธิ์อยู่แล้ว ข้าเองก็อยากไปเห็นหน้าคนที่กล้าปรักปรำข้าอยู่เหมือนกัน”เจิ้งหมิงยิ้มน้อยๆ แอบโล่งใจที่การมาเชิญหลี่เหว
“ขอเรียนตามตรง เรื่องนั้นข้าทราบแล้วครับ”“แต่ข้าไม่ต้องการให้เจ้าแต่งงานกับเจี้ยนฟางลูกข้า วันๆ เจ้าก็เอาแต่ทำงานสืบคดี เสี่ยงเป็นเสี่ยงตาย อีกอย่างด้วยภาระหน้าที่ของเจ้า เจ้าจะทำให้ลูกข้ามีความสุขได้อย่างไร ข้าไม่อยากให้เจี้ยนฟางต้องทุกข์ใจเพราะเจ้า”“เรื่องนั้น ข้ารู้ตนเองดีครับ” เจิ้งหมิงค้อมศีรษะรับน้อยๆ รู้ตนเองดีว่า แม้ในร่างของเจี้ยนฟาง จะเป็นแม่นางผู้กล้าของเขา แต่ถึงอย่างไร นางก็คือผู้หญิงทั่วไป ที่ต้องการความรัก ความสุขในครอบครัวหลังแต่งงาน“หน้าที่ของข้า คือรักษากฎหมาย ขจัดความอยุติธรรมในบ้านเมือง แต่ภายใต้หน้าที่ที่ข้าสมัครใจแบกมันไว้บนบ่า ข้าเชื่อว่า จะสามารถดูแลท่านหญิงน้อยให้มีความสุขได้ ขอเพียงท่านอ๋องอนุญาตให้ข้าได้คบหาดูใจกับนาง ให้เวลาเป็นเครื่องพิสูจน์เท่านั้นครับ”“ข้าไม่มีทางเชื่อลมปากของเจ้าเด็ดขาด ถ้าเจ้ายังดื้อดึงอยู่เช่นนี้ ข้าก็ไม่มีอะไรจะพูด ข้าลาล่ะ ไม่ต้องส่ง”ณาราแอบฟังเหตุการณ์ที่เกิดขึ้นอยู่นอกห้องรับรอง รู้สึกร้อนๆ หนาวๆ อย่างไรชอบกล เมื่อได้ยินท่านอ๋อง9 พูดกับเจิ้งหมิงเช่นนั้น เพิ่งจะรู้เดี๋ยวนี้เองว่า การมีพ่อคอยรักคอยหวง ให้ความรู้สึกเช่นไร อยากจ