ในที่สุด วันอันแสนวุ่นวายของสาว ๆ ก็จบลงด้วยการที่ทิฟฟานี่นับรายได้อย่างมีความสุข “โอ้พระเจ้า แอริ เราถูกแจ็กพอตในวันทำการแรกของปี!” เธออุทาน “ตามจริงแล้ว เพียงอาคารสำนักงานที่อยู่ตรงข้ามเราคนเดียวก็ทำให้ร้านของเราคงอยู่ได้ตลอดไปแล้ว อันที่จริงฉันแน่ใจว่าเราจะจ้างคนเพิ่มขึ้นอีกสองสามวันนับจากนี้! อ้อ อีกอย่าง การมีคนสั่งจากแอปซื้อกลับบ้านมากกว่าสั่งตรงจากร้านทำให้เราเสียรายได้ให้พ่อค้าคนกลาง หากพวกเขาสั่งโดยตรง เราอาจได้มากกว่านี้! ฉันจะให้ธัญญ่าให้บัตรติดต่อเล็ก ๆ แก่พวกเขาในครั้งต่อไป”“เรียบร้อยแล้ว ทิฟฟานี่” ธัญญ่าแทรกขึ้น “ฉันได้ให้นามบัตรของพวกเราแก่พวกเขาในระหว่างการส่งของวันนี้ ฉันบอกพวกเขาว่าพวกเขาสามารถโทรหาเราได้ทุกเมื่อที่พวกเขาอยากอาหารเรา”เมื่อถึงเวลา ทิฟฟานี่ได้นำโบนัสที่ถูกห่อในห่อเล็ก ๆ น้อย ๆ ของเด็กสาวมาให้เธอ “เรามีของเล็กน้อยให้เธอ เจ้าคนฉลาดของเรา”ในตอนแรก ธัญญ่ารู้สึกดีใจอย่างยิ่งเมื่อได้รับรางวัลของเธอ แต่แล้วเธอก็รับรู้ถึงความหนาที่ผิดปกติ และเธอก็เริ่มรู้สึกเขินอายเล็กน้อย “เอิ่ม นี่… นี่มันมากเกินไป ใช่ไหม? มากกว่าสามเท่าของค่าจ้างปกติของฉัน แบบว่า เยอะก
ลินน์เบ้ริมฝีปากของเธอออกอย่างรวดเร็ว “โอ้ ไม่ ไม่ ฉันกลั้นหายใจตอนที่ฉันก้มตัวลงเมื่อกี้”ขณะที่ทั้งสองกำลังล้อเล่นกันอยู่ กลุ่มผู้ชายอายุยี่สิบกว่า ๆ ก็เดินผ่านเข้าประตูหน้ามา ทุกคนสวมสูทพร้อมติดป้ายไว้ที่หน้าอกน่าแปลกที่ไม่มีผู้หญิงในหมู่พวกเขาเลย ความอยากรู้เรื่องนี้ดึงดูดความสนใจของทิฟฟานี่ ประสบการณ์บอกเธอว่าผู้ชายมักไม่ค่อยมาที่ร้านกาแฟกับเพื่อนเยอะ ๆ และผู้หญิงมักจะเห็นคุณค่าของของหวานมากกว่าตามสัญชาตญาณ เธอให้เหตุผลว่าผู้ชายเหล่านี้มาที่นี่เพื่อซื้อให้แฟนสาว “ยินดีต้อนรับค่ะ! รับอะไรดีคะ? นี่คือสินค้าใหม่ล่าสุดของเรา และรับประกันได้ว่าเป็นที่ชื่นชอบของสาว ๆ อยากให้ฉันแนะนำให้รู้จักไหมคะ?”ชายที่เกลี้ยงเกลาซึ่งเป็นผู้นำกองทัพนี้มีท่าทีเขินอายเล็กน้อย “อืม… เอาเมนูแนะนำทั้งหมดมาให้พวกเราก็ได้”ทิฟฟานี่ขมวดคิ้ว “หืม? ทานที่นี่เหรอคะ? ไม่ได้ซื้อให้แฟนหรือเพื่อนผู้หญิงเหรอคะ?”เพื่อน ๆ ของชายคนนั้นนั่งลงแล้วและมีคนถามว่า “แฟนคนไหน? ตอนนี้เรากำลังมองดูพวกเขาอยู่ไง! เพราะร้านนี้เต็มไปด้วยสาวสวย — เฮ้ อีกสองคนไปไหนล่ะ?”เพี๊ยะ! ลินน์กระแทกเมนูบนโต๊ะอย่างแรงก่อนที่ทิฟฟานี่จะทั
ชายคนนั้นคลำหาข้ออ้าง “ทำให้การซื้อกลับบ้านสะดวกยิ่งขึ้น”ทันย่ารำพึงระหว่างการท่องแต่ละตัวเลขของแอเรียน “ปกติพวกคุณโทรหาร้านโดยตรงไม่ใช่เหรอ? แอริอาจเป็นหนึ่งในเจ้าสองคน แต่เธอมักจะยุ่งอยู่ในครัว ดังนั้นเธอจึงไม่ค่อยได้รับคำสั่งซื้อ ฉันคิดว่าการโทรหาร้านโดยตรงน่าจะดีกว่า”ชายคนนั้นเก็บหมายเลขของหญิงสาวไว้อย่างระมัดระวังขณะตอบกลับว่า “อ่อ เข้าใจแล้วครับ ขอบคุณมากสำหรับความช่วยเหลือของคุณ"ธัญญ่าคิดจะบอกแอเรียนเกี่ยวกับการแลกเปลี่ยนเล็กน้อยเกี่ยวกับหมายเลขโทรศัพท์ของแอเรียนเมื่อเธอกลับไปที่ร้าน แต่ความพลุกพล่านของวันนั้นก็มาเรื่อย ๆ และในไม่ช้า เธอก็ลืมมันไปโดยสิ้นเชิงตกกลางคืน เมื่อคาเฟ่ใกล้ถึงเวลาปิดแล้ว โทรศัพท์ของแอเรียนก็ส่งเสียงบี๊บ ‘นมอุ่นหนึ่งแก้ว น้ำตาลน้อย'เธอรู้สึกงงเมื่อเห็นว่ามีคนสั่งผ่านหมายเลขของเธอ แต่เธอตอบอย่างใจเย็นว่า 'ขอที่อยู่ในการจัดส่งด้วยค่ะ'อีกฝ่ายก็รีบตอบ 'อาคารสำนักงานตรงข้ามร้านของคุณ ผมจะส่งรายละเอียดให้เมื่อคุณทำเสร็จแล้ว'ขั้นตอนในการเตรียมนมนั้นง่ายมาก เพียงแค่อุ่นนมที่บรรจุห่อมาแล้วเสิร์ฟในแก้ว แม้ในร้านกาแฟจะมีเครื่องดื่มมากมาย แต่ก็ไม่ใช่ทาง
ทิฟฟานี่ตกใจมากจนปลาหลุดออกจากปากที่อ้าค้างของเธอและกระเด็นตกจากโต๊ะ “ดะ-เดี๋ยว นี่ไม่ได้มาจากคุณเหรอ? ถ้าอย่างนั้นมีคน… มีคนส่งสิ่งนี้ผิดห้อง และฉันก็เปิดกินมันเรียบร้อย!” เธอร้อง “รึ-หรือแย่กว่านั้น ถ้านี่ไม่ใช่การส่งผิด แสดงว่าเป็นการพยายามลอบสังหารด้วยยาพิษ และฉันก็หลงกล! ฉันจะตายยยยย!”แจ็คสันหัวเราะทันที “กินให้อร่อยนะเจ้าโง่ แน่นอนว่าผมไม่ได้ทำอาหารนั้น - แต่ผมสั่งให้คนอื่นทำแทน! ผมเปิดสาขาใกล้บ้านคุณแล้ว และคิดว่าพวกคุณสาว ๆ อาจจะหิวหลังเลิกงาน ผมจึงขอให้แม่ครัวเตรียมอาหารเย็นก่อนที่ร้านจะปิดและให้พวกเขาไปส่งให้คุณ พวกคุณผู้หญิงคงทำงานจนดึกมากถ้าพวกเขาตัดสินใจที่จะแขวนมันไว้ที่ประตูแทนที่จะรอพวกคุณ”ทิฟฟานี่ถอนหายใจยาวด้วยความโล่งอก “จ๊าก เจ้าจอมซน เจ้าเล่ห์! คุณน่าจะบอกฉันทันทีแทนที่จะสร้างฉากให้ฉันเหมือนในหนังสยองขวัญ! คุณรู้อะไรไหม? ไปตายซะ ฉันหิว ฉันจะไปกินล่ะ ฉันจะกินให้หมดเกลี้ยงเลย!”เธอวางสาย และแอเรียนก็หยุดทิฟฟานี่จากการหยิบอาหารโดยจับหน้าผากของเธอด้วยมือที่วางไว้อย่างดีทันที“เธอรู้ตัวไหมว่าตอนที่เธอพูดกับแจ็คสันนั้นเป็นอย่างไร? 'จ๊าก เจ้าจอมซน เจ้าเล่ห์!' - นั้น
มาร์ค เทรมอนต์ ไม่หันไปทางเธอเลย เขาเพียงหายเข้าไปในฝูงชนรอยยิ้มเจ้าเล่ห์บดบังริมฝีปากซีดของเธอ เธอไม่อยากถูกพบเห็นไม่ใช่เหรอ? เธอบอกกับตัวเองว่ามันเป็นสิ่งที่ดีที่สุด โอบกอดในไนท์คลับนั้นเหรอ? ลืมมันเถอะ มันเป็นสิ่งที่ดีที่สุดที่ชั้นสูงสุดของตึกซึ่งเต็มไปด้วยพนักงานตำแหน่งสูงของบริษัท มาร์คผลัดเยี่ยมทุกแผนกในอาคาร หลังแว่นตาเหล่านั้นมีดวงตาที่ขุ่นเคืองที่เคลือบด้วยความเย็นชาเล็กน้อยเฝ้ามองพนักงานที่กระวนกระวายขณะที่พวกเขาพยายามอย่างเต็มที่เพื่อไม่ให้เกิดข้อผิดพลาดหลังจากสั่งกาแฟสองแก้วผ่านแชทได้ทันควัน หางตาของนิคก็เห็นมาร์คใกล้เข้ามา เขารีบวางโทรศัพท์ลงและกลับไปทำงานต่อ หัวหน้าของเขาได้แจ้งเขาก่อนหน้านี้แล้วว่าเจ้านายจะมาวันนี้ ถ้ามาร์คพบว่าเขาเล่นแต่โทรศัพท์ นิคก็จะตกงานทันทีอย่างไรก็ตาม โชคของเขาลดลง เมื่อมาร์คเดินผ่านทางเดินของนิค จู่ ๆ ชายร่างสูงก็หยุดและคร่ำครวญว่า “ทางเดินนี้แคบเกินไป”ผู้บังคับบัญชาที่อยู่ข้าง ๆ เขาเป็นคนคล่องแคล่วว่องไวและรีบพูดขึ้นทันที “โอ้ ใช่ จริงมากครับท่าน ผมจะให้คนมาปรับมันโดยเร็วที่สุด”ทันใดนั้น โทรศัพท์ของนิคก็ดังขึ้นด้วยข้อความของแอเรียน
ผู้บริหารระดับสูงรีบเข้าไปในสำนักงาน “เอ่อ… คุณเทรมอนต์ นิคบอกผมเกี่ยวกับความเข้าใจผิดของท่าน ท่านไม่สามารถตำหนิคนที่ไม่รู้ได้ ตอนนี้เขารู้แล้วและเขาจะไม่ทำเช่นนั้นอีก นิคเป็นสมาชิกของทีมที่มีความสามารถมาก ดูสิ คุณเทรมอนต์…”มาร์คนั่งที่โต๊ะทำงานและมองดูรายงานของบริษัทอย่างใจเย็น ภายนอกที่เย็นชาก่อนหน้านี้ของเขาได้หายไปอย่างสมบูรณ์ “ผมไม่เคยพูดว่าผมจะไล่เขาออก อย่างที่คุณพูด ผมไม่สามารถตำหนิคนที่ไม่รู้ได้ จากนี้ไป ผมอยากให้ทุกคนในบริษัทรู้ไว้ว่าว่าแอเรียนเป็นภรรยาของผม คุณสามารถชอบขนมของเธอได้ แต่ห้ามชอบเธอ หรือไม่งั้น…"ผู้บริหารระดับสูงพยักหน้าและโค้งคำนับ “ครับท่าน ครับท่าน! ตอนนี้ทุกคนรู้แล้ว แต่… ทำไมคุณหญิงเทรมอนต์ถึงเปิดร้านขนมในสถานที่แบบนี้?”คำถามของเขาได้รับการจ้องมองจากมาร์ค “นั่นเป็นเรื่องที่คุณต้องกังวลหรือเปล่า? ไปเอาขนมมาให้ผมหนึ่งกล่องและอเมริกาโน่หนึ่งแก้ว”ผู้บริหารระดับสูงปาดเหงื่อออกจากหน้าผาก “จากร้านคุณหญิงเทรมอนต์เหรอครับ?”มาร์คจ้องเขาราวกับว่าเขากำลังมองคนงี่เง่า “คุณคิดว่าไงล่ะ?”ผู้บริหารระดับสูงกลัวเกินกว่าจะงุ่มง่ามอีกต่อไป เขาพึมพำตอบและรีบมุ่งหน้าไ
ทิฟฟานี่หุบปากทันทีพลางยิงสายตาให้นายา นายาเข้าใจท่าทางที่ละเอียดอ่อนของเธอและกลับไปทำงานเมื่อพวกเขากลับมาถึงบ้านในคืนนั้น แอเรียนจ้องไปที่กระดาษแผ่นนั้นนานหลายชั่วโมง ทิฟฟานี่เคี้ยวอาหารที่แจ็คสันส่งมาและบ่นว่า “โถ่เอ๊ย ใช้มันถ้าเธอต้องการ ถ้าไม่ก็โยนมันทิ้ง ไม่ว่าด้วยวิธีใดฉันจะสนับสนุนการตัดสินใจของเธอ หยุดจ้องมันได้แล้ว มันจะสิงเธออยู่แล้ว”แอเรียนวางกระดาษแผ่นนั้นลง “กินอาหารของเธอไป ฉันคิดว่าแจ็คสันต้องเลี้ยงหมูแน่ ๆ และใช่ ฉันหมายถึงเธอ เธอเป็นหมูอ้วน ถ้าเธอทานอาหารเย็นทุกวันแบบนี้ เธอจะน้ำหนักขึ้น ตัวเธอจะแตกเหมือนลูกโป่ง!”ทิฟฟานี่มองโลกในแง่ดีมาก “ทำไมฉันต้องกลัวด้วย? ฉันจะไม่มีวันได้ผู้ชายดี ๆ มาแต่งงานด้วย ฉันใช้ชีวิตด้วยตัวเองได้อย่างสะดวกสบายมากขึ้น ฉันสามารถทำทุกอย่างที่ฉันต้องการ ชีวิตมันสั้น ทำวันนี้ให้ดีที่สุด เธอไม่ควรละเลยความอยากอาหารและท้องของเธอ นอกจากนี้ เมื่อตายไปเธอจะไม่มีอะไรให้กิน”มันดูไม่เหมือนทิฟฟานี่เลย พวกเขาเป็นผู้หญิงทั้งคู่ และทิฟฟานี่เคยกลัวอ้วนและเกลียดการถูกเรียกว่าอ้วนด้วย หลังจากลังเลอยู่ครู่หนึ่ง แอเรียนก็ถามว่า "ทิฟฟ์ บอกมาตรง ๆ มีอะไรเกิ
ไม่นานแอเรียนก็ตระหนักได้ว่า “ช่างมันเถอะ พอแล้ว เราจะเรียกช่างซ่อมประตูมาเปลี่ยนประตู”ทิฟฟานี่ปวดใจ “ประตูนี้แพงนะ ฉันจะไปจับไอ้บ้านั่นและสั่งสอนพวกมัน!”ตอนนั้นยังเช้าอยู่ จึงไม่สามารถเปลี่ยนประตูได้ในทันที ธุรกิจจำนวนมากยังไม่เปิด ดังนั้นแอเรียนและทิฟฟานี่จึงหาเครื่องมือบางอย่างและพังประตูลง แต่พวกเขาต้องเก็บมันไว้ เพราะมันจะเป็นหลักฐานในรายงานของตำรวจ นี่จะถือเป็นความเสียหายต่อทรัพย์สินที่ผิดกฎหมาย มูลค่าประตูก็เพียงพอที่จะฟ้องคดีได้ตำรวจและช่างซ่อมประตูมาถึงพร้อมกัน เมื่อตำรวจเห็นสภาพของประตูกระจกซึ่งถูกรื้อทิ้งแล้ว จึงถ่ายรูปไว้เป็นหลักฐาน จากนั้นจึงออกไปตรวจดูกล้องวงจรปิด บริเวณโดยรอบอยู่ภายใต้การเฝ้าระวัง ดังนั้นจึงไม่ยากที่จะดึงภาพออกมาเมื่อถึงเวลาที่ทุกคนในร้านมาถึงที่ทำงาน ช่างซ่อมประตูก็ยังยุ่งอยู่ พวกเขาอดรู้สึกประหลาดใจไม่ได้ “เกิดอะไรขึ้น? ทำไมเราถึงเปลี่ยนประตูของเรา?”ทิฟฟานี่ยังคงโกรธเคือง “พวกคนเถื่อนบางคนวาดภาพคำที่ไม่เหมาะสมไปทั่วประตูของเรา แค่สาปแช่งพวกเราก็แย่แล้ว แต่เรายังต้องเปลี่ยนประตูด้วยเหตุนี้อีก ฉันได้แจ้งความกับตำรวจแล้ว เมื่อพวกเขาพบผู้กระทำผิด
แน่นอนว่าแอเรียนจะไม่กล้าอุ้มเพลโตอีกเนื่องจากเธอกลัวว่าลูกชายของเธอจะอิจฉาเมื่อแอเรียนบอกให้ทิฟฟานี่ตั้งชื่อเล่นให้เพลโต ทิฟฟานี่ก็ส่ายหัว “ผู้ชายจำเป็นต้องมีชื่อเล่นด้วยเหรอ? ถ้าสมอร์โตไปเป็นหนุ่มหล่อ มันจะไม่ตลกเหรอถ้าเราจะเรียกเขาว่าสมอร์? พวกสาว ๆ ที่ชอบเขาจะต้องหัวเราะจนน้ำตาไหลแน่นอน ชื่อเล่นจะน่ารักแค่ตอนที่ยังเด็กเท่านั้นแหละ”แอเรียนเบะปาก “เธอแค่ขี้เกียจที่จะคิดชื่อ ถูกไหม? เธอเลยอ้างเหตุผลทั้งหมดนี้ ชื่อเล่นเขาก็มีไว้เรียกเฉพาะตอนที่ยังเด็กเท่านั้นแหละ ใครเขาจะเรียกชื่อเล่นกันตอนโตล่ะ?”เมื่อพวกเธอกำลังคุยกันอยู่ อยู่ ๆ แจ็คสันก็โทรมา “คุณขับรถไปหาแอเรียนกับเพลโตคนเดียวเลยเหรอ? คุณไม่รู้จักฝีมือการขับรถตัวเองเลยเหรอ? ถ้าเกิดอะไรขึ้นจะทำยังไง? คุณน่าจะขอให้คนขับรถของแม่ไปส่งคุณแทน”ทิฟฟานี่หงุดหงิดมาก “นี่คุณคงอยากให้อะไรเกิดขึ้นกับฉันมากสินะ? ฉันมาถึงแล้ว แค่นั้นยังไม่ดีพออีกเหรอ? ฉันแค่ถอยรถไม่เก่งแค่นั้นเอง ถ้าฉันขับเดินหน้าอย่างเดียวจะมีอะไรร้ายแรงเกิดขึ้นได้บ้าง? คุณทำงานของคุณต่อไปเถอะค่ะ”ทิฟฟานี่อาจจะหงุดหงิด แต่จริง ๆ แล้วเธอก็แอบดีใจ อารมณ์ของเธอชัดเจนมากแม้ก
เมื่อเมลานีทานอาหารเสร็จและพวกเขาออกจากบ้าน อเลฮานโดรก็ถอนหายใจด้วยความโล่งอกทันทีที่พวกเขาขึ้นรถเมลานีเห็นดังนั้นจึงถามเขาว่า “โล่งอกใช่ไหมล่ะ? ฉันบอกแล้วว่าไม่ต้องมา แต่คุณไม่ฟังฉันเอง ฉันเองยังเบื่อพ่อแม่ตัวเองเลย”อเลฮานโดรเงียบโดยไม่ตอบอะไร เขาตื่นเช้ามากและยังคงง่วงนอนอยู่ เขาจึงหลับตาลงและพักสายตาเมลานีเริ่มไม่สบายใจ อเลฮานโดรรู้เรื่องที่เธอแอบติดต่อกับทิฟฟานี่หรือเปล่า? เขาน่าจะ… ไม่รู้เรื่องหรอก ถูกไหม? ไม่อย่างนั้นเขาน่าจะโวยวายไปแล้วแทนที่จะนิ่งสงบแบบนี้ เธอเลยคิดว่าเธอน่าจะบอกเขาก่อนที่เขาจะรู้ด้วยตนเองหลังจากที่ลังเลอยู่ชั่วครู่เธอก็พูดว่า “ฉันติดต่อกับทิฟฟานี่อยู่”ร่างกายของอเลฮานโดรแข็งทื่อโดยไม่รู้ตัว “แล้ว?”เธอคิดถูกแล้วจริง ๆ อเลฮานโดรจะมีปฏิกิริยาก็ต่อเมื่อมันเป็นเรื่องของทิฟฟานี่ แต่นอกจากนั้นเขาจะเมินทุกคำพูดของเธอ เมลานีแอบไม่พอใจ แต่ไม่แสดงให้เขาเห็น “คุณไม่โกรธเหรอ?”อเลฮานโดรลืมตาและมองหน้าเธอ “ทำไมผมจะต้องโกรธด้วย? ยังไงคุณก็ไม่ทำอะไรเธออยู่แล้ว”เมลานีพูดไม่ออก เขามั่นใจขนาดนั้นเลยเหรอว่าเธอจะไม่ทำอะไรทิฟฟานี่? เธอคิดมาเสมอว่าเธอไม่รู้จักอเลฮานโด
อเลฮานโดรรู้ตัวดีว่ามันเป็นเพียงความคิดตามสัญชาตญาณผู้ชายของเขาและไม่มีสิ่งอื่นใดหลังจากนั้นไม่นานหนังตาของเมลานีก็เริ่มหนัก อาจจะเป็นเพราะความเงียบสนิทที่เปรียบดั่งเพลงกล่อมนอนอย่างดี บวกกับครรภ์ของเธอที่ทำให้เธอง่วงเหนื่อยง่ายขึ้น ตอนแรกเธอคิดว่าเธอจะไม่สามารถนอนหลับได้เพราะอเลฮานโดรด้วยซ้ำ…ขณะที่เธอกำลังหาพลิกตัวหาท่านอนที่สบายด้วยความงัวเงีย อยู่ ๆ อเลฮานโดรก็พูดขึ้นมาว่า “หยุดขยับไปขยับมาสักที”เมลานีที่กำลังจะผล็อยหลับตื่นทันทีที่ได้ยินเสียงของเขาที่ดังขึ้นอย่างกะทันหัน เธอเริ่มรู้สึกรำคาญและเหวี่ยงใส่เขา “นี่มันบ้านของฉันและเตียงของฉัน ทำไมฉันจะขยับตัวไม่ได้? นี่คุณอย่าหาเรื่องโดยไม่มีเหตุผลได้ไหม?”เธอไม่ทันรู้ตัวว่าเธอเผลอไปโดนขาของเขาขณะที่เธอพลิกตัวไปมา ทันใดนั้นอเลฮานโดรก็ขึ้นคร่อมเธอโดยที่แขนแต่ละข้างของเขาอยู่ข้างตัวเธอเมลานีตกใจและหันหน้าหนีทันที “คุณจะทำอะไร? ลงไปเลยนะ!”กำปั้นของเธอเล็กมาก มันไม่เพียงแต่ไม่สามารถทำให้อเลฮานโดรเจ็บได้ แต่การกระทำของเธอยังทำให้เขามีอารมณ์มากขึ้นอีกด้วย “ผมบอกให้คุณเลิกขยับไง คุณจะไม่ฟังผมใช่ไหม?”เมลานีไม่กล้าที่จะขยับตัวอีกและ
ในความเป็นจริงแล้วอเลฮานโดรกลับรู้สึกสบายใจโดยไม่รู้เหตุผลเมื่อเข้ามาในห้องของเธอ “คุณสบายดีไหม?”เมลานีตะลึงเล็กน้อย “ฉันบอกคุณแล้วว่าคุณไม่ต้องแสดงหรอก ที่นี่ไม่มีใครสักหน่อย แล้วคุณจะแกล้งทำทำไม? ฉันไม่ฟ้องคุณปู่หรอก เพราะฉะนั้นพรุ่งนี้คุณกลับไปเลยก็ได้ ฉันอยู่ที่นี่แล้วสบายดี”อเลฮานโดรไม่สนใจสิ่งที่เมลานนีพูดและเรียกหาเจตต์ผู้ซึ่งนำทุกอย่างที่อเลฮานโดรได้ซื้อให้เธอเข้ามาให้ โต๊ะเครื่องแป้งของเธอเต็มไปด้วยข้าวของมากมายในไม่ช้าหัวใจของเมลานีเริ่มละลายแต่เธอบังคับให้ตัวเองสงบนิ่งต่อไปเมื่อเธอพูดว่า “ขอบคุณสำหรับน้ำใจของคุณนะคะ แต่ฉันขอไม่รับของพวกนี้ดีกว่า เพราะฉันรู้ว่าคุณไม่ได้ให้มันด้วยความเต็มใจ”เจตต์ไม่ต้องการรู้เห็นเกี่ยวกับการทะเลาะของพวกเขา เขาจึงออกไปจากห้องเมื่อวางของเสร็จแล้วอเลฮานโดรพูดนิ่ง ๆ ว่า “ถ้าคุณไม่อยากได้นก็ทิ้งไปสิ เครื่องสำอางพวกนี้ไม่ได้แพงขนาดนั้น พวกเครื่องประดับก็ราคาแค่สองสามแสนดอลลาร์ เพราะฉะนั้นคุณจะทำอะไรกับพวกมันก็แล้วแต่คุณเลย ในเมื่อคุณไม่อยากเห็นหน้าผม ผมกลับวันพรุ่งนี้ก็ได้ นอนเถอะ ผมจะไปอาบน้ำก่อน”เมื่อเมลานีเห็นเขาเดินเข้าไปในห้องน้ำเธอ
ทิฟฟานี่ตระหนักว่ามีบางอย่างผิดปกติก่อนที่เธอจะพูดจบ เธอเงยหน้าขึ้นและเห็นว่าสีหน้าของแจ็คสันเยือกเย็น แววตาของเขาเปล่งประกายด้วยความตื่นตระหนก เธอไม่เข้าใจว่าเขาเป็นอะไรไป “เป็นอะไรเหรอ? ทำไมมองฉันแบบนั้นล่ะ?”มันเหมือนกับว่าเขาเปลี่ยนเป็นคนละคนไปเลย แม้แต่น้ำเสียงของเขาก็เยือกเย็น “เขาแต่งงานเพื่อความสะดวกแบบนั้น คุณยังจะเชื่อจริง ๆ เหรอว่าเขาจะมีความรู้สึกให้เมลานี ลาร์คจริง ๆ ? คุณคิดไปเองทั้งหมด ผมบอกคุณแล้วว่าห้ามไปเจอเขา ไม่ว่ามันจะเป็นเพียงเรื่องบังเอิญหรือตั้งใจยิ่งห้ามแล้วใหญ่ คราวหน้าก็หลีกเลี่ยงเขาซะนะ!”ท่าทีที่เปลี่ยนไปกะทันหันของเขาทำให้ทิฟฟานี่ตกใจกลัว เธอกลืนน้ำลายและไม่รู้ว่าจะต้องพูดอะไรแจ็คสันรีบอาบน้ำให้เสร็จและออกไปโดยปล่อยเธอไว้คนเดียวในห้องน้ำ เธอรู้สึกว่างเปล่าทันที ทุกอย่างกำลังไปได้ดีจนกระทั่งเธอพูดถึงอเลฮานโดรและทุกอย่างกลายมาเป็นแบบนี้… แจ็คสันหนีไปที่ห้องทำงานของเขาหลังจากที่ออกมาจากห้องน้ำเพื่อแอบดูดบุหรี่อย่างต่อเนื่องโดยที่ทิฟฟานี่ไม่รู้ นิ้วที่เขาถือบุหรี่สั่นไม่หยุด เขากลัวเกินกว่าที่จะคิดถึงปฏิกิริยาของทิฟฟานี่เมื่อเธอต้องรู้ว่าจริง ๆ แล้วอเลฮ
ขณะที่เขากำลังหาสวิตช์เปิดไฟบนกำแพงเพื่อที่จะเปิดไฟทิฟฟานี่ก็หยุดเขาเอาไว้ “ไม่! ฉันชอบแบบปิดไฟมากกว่า ฉันอายนิดหน่อยน่ะ”เขารู้ดีว่าเธอกำลังคิดอะไรอยู่ เธอกลัวว่ารอยแตกของเธอจะทำให้เขาหมดอารมณ์ เขายิ้มและจุ๊บหน้าผากเธอ “ไม่เอาน่า ปกติคุณไม่ขี้อายนี่ ผมไม่ยักรู้ว่าคุณจะอายเป็นด้วยซ้ำ ผมไม่มีวันที่จะหมดอารมณ์กับคุณหรอก คุณได้รอยแตกเหล่านั้นมาเพราะคุณอุ้มท้องลูกของผม พวกมันเป็นรางวัลแห่งเกียรติยศของคุณนะ”ทิฟฟานี่เชื่อคำพูดของเขา เขามีลิ้นที่กะล่อนที่ช่วยให้เขาสามารถถ่ายทอดคำพูดเหล่านั้นอย่างราบรื่นได้จริง ๆแจ็คสันเปิดไฟเมื่อเธอกำลังเหม่อลอยในห้วงความคิดทิฟฟานี่รีบหยิบผ้าห่มมาคลุมตัวเองทันทีที่ไฟสว่างขึ้น “โธ่ อะไรเนี่ย! ฉันไม่อยากเปิดไฟ ขอเวลาฉันปรับตัวหน่อยสิคะ!”เขายิ้มอย่างมีเลศนัยขณะที่เมินคำบ่นของเธอและคว้าแขนเธอเพื่อหยุดเธอจากการดิ้นหนี…เธอลืมหายใจเมื่อเขาจับคางของเธอ สายตาเธอเริ่มพร่ามัวหมอนใบหนึ่งนอนอยู่บนพื้นหน้าเตียงราวกับว่ามันรับความป่าเถื่อนของพวกเขาไม่ได้...หลังจากที่เสร็จภารกิจแล้ว ทิฟฟานี่ก็ขดตัวในอ้อมแขนของแจ็คสันและวาดวงกลมบนแขนของเขาแจ็คสันจับมือของเธ
”หยุดทำไมล่ะคะ?” แอเรียนถาม “เล่นต่อสิ”“เธอก็มาผลักสิ ไม่อย่างนั้นก็มานั่งกับสมอร์” มาร์คชักชวนแอเรียนเคยตกชิงช้าเมื่อตอนที่เธอยังเด็ก เธอจึงหวาดกลัว “ไม่ ๆ ไม่ คุณเล่นกับเขาเลย เดี๋ยวฉันผลักให้ ขาคุณก็ออกจะยาว คุณน่าจะแกว่งตัวเองได้สบาย ไม่เห็นจะต้องพึ่งฉันเลย แล้วคุณจะขอให้ฉันผลักทำไม?”เขาเลิกคิ้วหนึ่งข้างและตอบว่า “เพื่อที่เธอจะได้มีส่วมร่วมด้วยแทนที่จะยืนเหม่อลอยอยู่ยังไงล่ะ…”มีบางอย่างผิดปกติในคำพูดของเขา…แอเรียนยอมแพ้และเดินไปข้างหลังพวกเขา เธอวางมือบนหลังเขาและออกแรงผลักแอริสโตเติลจะส่งเสียงร้องด้วยความดีใจเป็นครั้งคราว ดูเหมือนว่าแอริสโตเติลไม่ได้มีความสุขได้เฉพาะเวลาที่เล่นกับเจนิซ เพียงแต่ว่าเวลาที่แอเรียนเล่นกับเขาเธอมักจะเล่นแบบนิ่ม ๆ และเงียบ ๆ เพราะเขาคือลูกคนแรกของเธอและมันเป็นครั้งแรกที่เธอต้องเล่นกับเด็กทารก เพราะฉะนั้นยังมีอีกหลายอย่างที่เธอยังต้องเรียนรู้อีก...ในขณะเดียวกันที่ไวท์ วอเตอร์ เบย์ วิลล่าหลังจากที่ทานข้าวกันเสร็จแจ็คสันก็กำลังล้างจานในห้องครัวตามปกติ ทิฟฟานี่สามารถจ้องเขาในชุดผ้ากันเปื้อนได้ทั้งวัน เธอไม่ได้ทำอะไรเลยนอกจากยืนพิงกำแพงในห้
หลังจากนั้นไม่นาน อเลฮานโดรและเจตต์ก็เดินออกมาจากห้างสรรพสินค้าและขึ้นรถไปอเลฮานโดรจ้องกองสินค้าสำหรับผู้หญิงข้าง ๆ เขา ระหว่างคิ้วของเขาแอบมีร่องรอยของความไม่พอใจเจตต์มองเขาผ่านกระจกมองหลัง “ท่านครับ อย่าปล่อยให้เรื่องอื่นเบี่ยงเบนความตั้งใจของท่านเลยครับ ท่านตัดสินใจที่จะไปเยี่ยมนายหญิงที่อายาเช่แล้ว” เขาเตือนเบา ๆ “ดอน สมิธจะไม่มีวันมอบสมบัติของตระกูลสมิธให้ท่านถ้าท่านลงมือในตอนนี้”อเลฮานโดรมองออกไปนอกหน้าต่างและตอบอย่างใจเย็นว่า “รู้แล้ว”เขาคงจะไม่ได้ออกมาซื้อของในวันนี้หากดอน สมิธไม่ได้กดดันเขา เขายังต้องเหนื่อยซื้อของมากมายให้เมลานีอีกด้วย เขาไม่ได้คาดคิดว่าจะเจอแอเรียนและทิฟฟานี่ที่นี่เหมือนกัน ดูจากสีหน้าของแอเรียนแล้ว มาร์คคงจะบอกเธอทุกอย่างแล้วเขาได้ต้นไม้นั้นมาจากคนอื่นอีกที มันเป็นสายพันธุ์ที่หายากจากนาฟาเอธ เขาต้องลำบากอย่างมากเพื่อที่จะนำมันกลับเข้ามาในประเทศ และไม่มีใครรู้เลยว่ามันจะออกดอกเมื่อไหร่ ถ้ามันได้รับการดูแลอย่างพิถีพิถัน มันคงจะออกดอกในไม่ช้า ตอนแรกเขาตั้งใจว่าเขาจะเปิดเผยตัวตนที่แท้จริงของเขากับทิฟฟานี่เมื่อต้นไม้นั้นออกดอก แต่น่าเสียดายที่การเปลี่ย
หลังจากที่คุยกันนานพอสมควร ในที่สุดทิฟฟานี่ก็จำได้ว่าเธอมาที่นี่เพื่อซื้อเครื่องสำอางกับแอเรียน เธอหันไปหาแอเรียนและพบกับสีหน้าที่แปลกไปบนใบหน้าของแอเรียน “แอริ เป็นอะไรเหรอ?” เธอถามด้วยความสงสัย “ทำไมดึงหน้าแบบนั้นล่ะ? เธอโอเครึเปล่า?”แอเรียนหายใจเข้าลึก ๆ ก่อนที่จะตอบว่า “ไม่ ฉันรู้สึกเหนื่อย ๆ นิดหน่อย ฉันไม่อยากช้อปปิ้งแล้ว ไปกันเถอะ”ทิฟฟานี่เอื้อมมือไปจับหน้าผากของแอเรียน “เพราะโรคเลือดจางของเธอรึเปล่า? เธอดูซูบ ๆ นะ ไว้ฉันจะบอกให้มาร์คขุนเธอให้อ้วน แต่ไหน ๆ เราก็มาถึงที่นี่แล้ว ทำไมไม่ซื้อของของเธอเลยล่ะ? เหลือแค่ต้องจ่ายเงินเอง ไม่นานขนาดนั้นหรอก ไปนั่งก่อนไหม? เดี๋ยวฉันจ่ายให้”อเลฮานโดรหันมามองแอเรียน แววตาของเขาแฝงไปด้วยการยั่ยยุ ทั้งคู่ต่างตระหนักถึงสถานการณ์ในตอนนี้ดีแอเรียนกลบเกลื่อนความโกรธของเธอและหาม้านั่ง เธอหวังเพียงว่าทิฟฟานี่จะเร่งรีบซื้อเครื่องสำอางเพื่อที่พวกเธอจะได้รีบออกไปจากที่นี่ ทุก ๆ วินาทีที่อยู่กับอเลฮานโดรถือเป็นความเสี่ยง“ทิฟฟานี่ ต้นไม้ที่ผมให้คุณออกดอกหรือยังครับ?” อเลฮานโดรจงใจถามถึงต้นไม้ในกระถาง ทิฟฟานี่ยื่นบัตรเครดิตของเธอให้พนักงานคิดเง