ผู้บริหารระดับสูงรีบเข้าไปในสำนักงาน “เอ่อ… คุณเทรมอนต์ นิคบอกผมเกี่ยวกับความเข้าใจผิดของท่าน ท่านไม่สามารถตำหนิคนที่ไม่รู้ได้ ตอนนี้เขารู้แล้วและเขาจะไม่ทำเช่นนั้นอีก นิคเป็นสมาชิกของทีมที่มีความสามารถมาก ดูสิ คุณเทรมอนต์…”มาร์คนั่งที่โต๊ะทำงานและมองดูรายงานของบริษัทอย่างใจเย็น ภายนอกที่เย็นชาก่อนหน้านี้ของเขาได้หายไปอย่างสมบูรณ์ “ผมไม่เคยพูดว่าผมจะไล่เขาออก อย่างที่คุณพูด ผมไม่สามารถตำหนิคนที่ไม่รู้ได้ จากนี้ไป ผมอยากให้ทุกคนในบริษัทรู้ไว้ว่าว่าแอเรียนเป็นภรรยาของผม คุณสามารถชอบขนมของเธอได้ แต่ห้ามชอบเธอ หรือไม่งั้น…"ผู้บริหารระดับสูงพยักหน้าและโค้งคำนับ “ครับท่าน ครับท่าน! ตอนนี้ทุกคนรู้แล้ว แต่… ทำไมคุณหญิงเทรมอนต์ถึงเปิดร้านขนมในสถานที่แบบนี้?”คำถามของเขาได้รับการจ้องมองจากมาร์ค “นั่นเป็นเรื่องที่คุณต้องกังวลหรือเปล่า? ไปเอาขนมมาให้ผมหนึ่งกล่องและอเมริกาโน่หนึ่งแก้ว”ผู้บริหารระดับสูงปาดเหงื่อออกจากหน้าผาก “จากร้านคุณหญิงเทรมอนต์เหรอครับ?”มาร์คจ้องเขาราวกับว่าเขากำลังมองคนงี่เง่า “คุณคิดว่าไงล่ะ?”ผู้บริหารระดับสูงกลัวเกินกว่าจะงุ่มง่ามอีกต่อไป เขาพึมพำตอบและรีบมุ่งหน้าไ
ทิฟฟานี่หุบปากทันทีพลางยิงสายตาให้นายา นายาเข้าใจท่าทางที่ละเอียดอ่อนของเธอและกลับไปทำงานเมื่อพวกเขากลับมาถึงบ้านในคืนนั้น แอเรียนจ้องไปที่กระดาษแผ่นนั้นนานหลายชั่วโมง ทิฟฟานี่เคี้ยวอาหารที่แจ็คสันส่งมาและบ่นว่า “โถ่เอ๊ย ใช้มันถ้าเธอต้องการ ถ้าไม่ก็โยนมันทิ้ง ไม่ว่าด้วยวิธีใดฉันจะสนับสนุนการตัดสินใจของเธอ หยุดจ้องมันได้แล้ว มันจะสิงเธออยู่แล้ว”แอเรียนวางกระดาษแผ่นนั้นลง “กินอาหารของเธอไป ฉันคิดว่าแจ็คสันต้องเลี้ยงหมูแน่ ๆ และใช่ ฉันหมายถึงเธอ เธอเป็นหมูอ้วน ถ้าเธอทานอาหารเย็นทุกวันแบบนี้ เธอจะน้ำหนักขึ้น ตัวเธอจะแตกเหมือนลูกโป่ง!”ทิฟฟานี่มองโลกในแง่ดีมาก “ทำไมฉันต้องกลัวด้วย? ฉันจะไม่มีวันได้ผู้ชายดี ๆ มาแต่งงานด้วย ฉันใช้ชีวิตด้วยตัวเองได้อย่างสะดวกสบายมากขึ้น ฉันสามารถทำทุกอย่างที่ฉันต้องการ ชีวิตมันสั้น ทำวันนี้ให้ดีที่สุด เธอไม่ควรละเลยความอยากอาหารและท้องของเธอ นอกจากนี้ เมื่อตายไปเธอจะไม่มีอะไรให้กิน”มันดูไม่เหมือนทิฟฟานี่เลย พวกเขาเป็นผู้หญิงทั้งคู่ และทิฟฟานี่เคยกลัวอ้วนและเกลียดการถูกเรียกว่าอ้วนด้วย หลังจากลังเลอยู่ครู่หนึ่ง แอเรียนก็ถามว่า "ทิฟฟ์ บอกมาตรง ๆ มีอะไรเกิ
ไม่นานแอเรียนก็ตระหนักได้ว่า “ช่างมันเถอะ พอแล้ว เราจะเรียกช่างซ่อมประตูมาเปลี่ยนประตู”ทิฟฟานี่ปวดใจ “ประตูนี้แพงนะ ฉันจะไปจับไอ้บ้านั่นและสั่งสอนพวกมัน!”ตอนนั้นยังเช้าอยู่ จึงไม่สามารถเปลี่ยนประตูได้ในทันที ธุรกิจจำนวนมากยังไม่เปิด ดังนั้นแอเรียนและทิฟฟานี่จึงหาเครื่องมือบางอย่างและพังประตูลง แต่พวกเขาต้องเก็บมันไว้ เพราะมันจะเป็นหลักฐานในรายงานของตำรวจ นี่จะถือเป็นความเสียหายต่อทรัพย์สินที่ผิดกฎหมาย มูลค่าประตูก็เพียงพอที่จะฟ้องคดีได้ตำรวจและช่างซ่อมประตูมาถึงพร้อมกัน เมื่อตำรวจเห็นสภาพของประตูกระจกซึ่งถูกรื้อทิ้งแล้ว จึงถ่ายรูปไว้เป็นหลักฐาน จากนั้นจึงออกไปตรวจดูกล้องวงจรปิด บริเวณโดยรอบอยู่ภายใต้การเฝ้าระวัง ดังนั้นจึงไม่ยากที่จะดึงภาพออกมาเมื่อถึงเวลาที่ทุกคนในร้านมาถึงที่ทำงาน ช่างซ่อมประตูก็ยังยุ่งอยู่ พวกเขาอดรู้สึกประหลาดใจไม่ได้ “เกิดอะไรขึ้น? ทำไมเราถึงเปลี่ยนประตูของเรา?”ทิฟฟานี่ยังคงโกรธเคือง “พวกคนเถื่อนบางคนวาดภาพคำที่ไม่เหมาะสมไปทั่วประตูของเรา แค่สาปแช่งพวกเราก็แย่แล้ว แต่เรายังต้องเปลี่ยนประตูด้วยเหตุนี้อีก ฉันได้แจ้งความกับตำรวจแล้ว เมื่อพวกเขาพบผู้กระทำผิด
แอเรียนกล่าวต่อว่า “เราจ่ายค่าจ้างให้เธอในวันที่เราไล่เธอออกและไม่ได้เรียกเก็บเงินเธอสำหรับของหวานหรือดื่มเครื่องดื่มที่เธอกินของเราทุกวัน เราแค่ตัดเงินส่วนเล็ก ๆ ออกเนื่องจากเธอมาสายทุกวัน เธอไม่พอใจอย่างยิ่งและทะเลาะกับเราก่อนจะจากไป ตั้งแต่วันนั้นเป็นต้นมา เธอให้เพื่อนสั่งของหวานกลับบ้านทุกวัน จากนั้น หลังจากที่ได้รับคำสั่งซื้อแล้วพวกเขาจะเขียนรีวิวที่ไม่ดี ไม่มีใครเคยมีปัญหาใด ๆ กับผลิตภัณฑ์ของเรา และเราไม่มีปัญหาด้านสุขอนามัยอย่างแน่นอน เธอกำลังใส่ร้ายเรา“ในที่สุด ฉันก็ได้ไปส่งของพวกเขาด้วยตัวเอง อย่างไรก็ตาม ฉันไม่ได้ขู่เธอ ฉันแค่เอาเธอและเพื่อน ๆ ของเธอขึ้นบัญชีดำ เพื่อหยุดพวกเขาจากการเขียนรีวิวที่ไม่ดีอีกต่อไป ฉันยังบอกพวกเขาว่าฉันบันทึกทุกอย่างไว้ ทั้งที่จริง ๆ แล้วฉันไม่ได้ทำ ฉันคิดว่าการทำเช่นนั้นอาจทำให้เธอเลิกยุ่งกับพวกเราได้ แต่เรื่องมันก็บานปลาย เธอพ่นสีที่ประตูของเรา เราใช้เงิน 1,500 ดอลลาร์ไปกับประตูนั้นระหว่างการปรับปรุงร้าน ฉันต้องการค่าตอบแทน หากเธอยังคงใส่ร้ายร้านกาแฟของเราเรื่องความสกปรกและส่วนผสมที่เป็นปัญหา ฉันจะยื่นฟ้องเธอ”ตำรวจหันไปหาเรจิน่าหลังจากจดบันทึก
แอเรียนหันหลังให้กับเธอ “ฉันไม่อยากนึกถึงเขาอีกแล้ว”พวกเธอหลับจนถึงเวลา 1 ทุ่ม ทิฟฟานี่หาวและลุกขึ้นไปต้มราเม็งสำเร็จรูป ทักษะการทำราเม็งของเธอไม่ดีเท่าของแอเรียน บะหมี่จึงเหนี่ยวติดกัน แต่แอเรียนกลับไม่บ่น เธอกินมันจนหมดชามหลังอาหารเย็น พวกเขานั่งอยู่ด้วยกันเพื่อดื่มด่ำกับละครที่พวกเขาชื่นชอบ ทันใดนั้นแอเรียนก็ตัดสินใจว่า “ฉันคิดว่าฉันจะใช้สูตรลับนั้นจากคนที่ต้องห้ามไม่ให้เอ่ยชื่อ เขาต้องได้มันมาจากพ่อครัวขนมชั้นยอดนั่นแน่ ๆ ฉันไม่เคยชอบทำให้คนที่ปรารถนาดีผิดหวัง”ทิฟฟานี่หัวเราะจนเธอเปล่งเสียงออกทางจมูก “เธอเรียนรู้วิธีเอาตัวรอดจากสถานการณ์ที่น่าอับอายตั้งแต่เมื่อไหร่? เธอดื้อรั้นปฏิเสธที่จะใช้มันในตอนแรก ในที่สุดเธอก็รู้แจ้งแล้วเหรอ? ถ้าเธอถามฉันนะ หลังจากที่ใช้เวลาอยู่กับมาร์คมานานหลายปี มันจะไม่มีคำว่า 'ใครติดค้างใคร' แบบนั้นมันจะไม่มีวันสิ้นสุด อันที่จริงแล้ว เธอจะลงเอยด้วยการทำให้เรื่องต่าง ๆ ซับซ้อนยิ่งขึ้นไปอีก”แอเรียนเพิกเฉยต่อการแซวเล่นของเธอ แอเรียนตัดสินใจใช้สูตรลับเพราะมันเย้ายวนเกินไป มันไม่เกี่ยวอะไรกับมาร์คทันใดนั้นโทรศัพท์ของทิฟฟานี่ก็ดังขึ้น เธอเหลือบมองที่ห
แจ็คสันจ้องเธออย่างรุนแรง “คุณมีเรื่องอะไรให้จัดการด้วยเหรอ?”สายตาของเขาทำให้เธอตกใจ “อย่ายุ่งกับฉันน่า! มันใช่เรื่องของคุณไหม?”เขายิ้ม “ข้างในนี้ค่อนข้างอุ่น ใต้ผ้าพันคอผืนนั้นไม่ร้อนเหรอ?”เธอดึงผ้าพันคอที่พันรอบคอเธอออก ใบหน้าของเธอรู้สึกร้อนผิดปกติ เธอสงสัยว่าเธอเสียสติไปแล้วหรือเปล่าที่ตัดสินใจสวมผ้าพันคอผืนนี้มาเพื่อพบเขา…“คุณสวมมันมาเพื่อผมเหรอ?”เธอตัวแข็งทื่อ บ้าเอ๊ย แจ็คสัน ไม่พูดจะตายไหมเนี่ย? เธอเริ่มคิดว่าเธอเสียสติไปแล้ว ทำไมเขาต้องพูดจายั่วเธอด้วย?เธอตะคอกอย่างหงุดหงิด “โถ่! มันแค่ผ้าพันคอที่ฉันคว้ามั่ว ๆ ตอนออกมาเท่านั้นแหละ! ในบาร์นี้ไม่มีสาวสวยที่จะมายุ่งกับคุณหรอก คุณไม่เปลี่ยนเลยใช่ไหม? ผู้ชายอย่างคุณเหมาะกับการเป็นโสดไปตลอดชีวิตเท่านั้น เมื่อคุณแก่ คุณจะจ้องมองคู่สามีภรรยาสูงอายุที่เต้นรำในจัตุรัสสาธารณะ ในขณะที่คุณอยู่คนเดียว ช่างเป็นภาพที่น่าสมเพช!”แจ็คสันหรี่ตาลง “มีคนบางคนพูดไว้ว่า… อะไรนะ? อ๋อ ผมขอให้คุณเลิกกับแฟน คุณถามผมว่าผมจะคบกับคุณไหมถ้าคุณเลิกให้ ผมสัญญากับคุณแล้ว ตอนนี้คุณโสดแล้ว ถึงเวลาที่ผมต้องทำตามสัญญาแล้วไม่ใช่หรือ? คุณพูดถูก ผมได้พิจา
แจ็คสันรีบวิ่งตามเธอไป ขณะที่เธอโบกรถแท็กซี่ เขาก็เลื่อนขึ้นรถก่อนที่จะลากเธอเข้าไปด้วย “โรงแรม พอร์ต เลอ ทรีออมพ์!”ทิฟฟานี่หายใจติดขัด “เราจะไปโรงแรมทำไม? ฉันอยากกลับบ้าน! คุณคะ ไป แฟรงค์ พาร์ค อาเวนิว ได้โปรด!”แจ็คสันดึงเงินก้อนหนึ่งออกมาแล้วโยนมันไปที่ที่นั่งคนข้างคนขับ “ไปโรงแรม!”เมื่อคนขับเห็นเงินสดจำนวนมากนั้น เขาจึงปฏิบัติต่อสิ่งนี้เหมือนการทะเลาะวิวาทระหว่างคู่รัก ดังนั้นเขาจึงขับรถไปที่โรงแรมอย่างถี่ถ้วนแจ็คสันลากทิฟฟานี่เข้าไปข้างในอย่างฉุนเฉียว เธอรู้ว่าเขาจริงจังแต่ไม่กล้าทำให้เป็นเรื่องใหญ่ เธอดิ้นรนเล็กน้อยขณะที่เธอพูดว่า “อย่า… ไปคุยกันที่อื่นเถอะ ตกลงไหม? ฉันจะไม่หนี…”เขาเพิกเฉยต่อเธอและไม่ปล่อยให้เธอได้เจรจาในขณะที่เขาดึงเธอเข้าไปในลิฟต์เมื่อเธอเห็นว่าไม่มีใครอยู่ในลิฟต์ ทิฟฟานี่ก็กรีดร้องว่า “คุณบ้าไปแล้วเหรอ? ปล่อยฉัน! ฉันขอเตือนคุณนะ หากคุณทำเช่นนี้ ฉันจะ…. ฉันจะ… คุณฟังฉันอยู่หรือเปล่า?”เขาเหลือบไปด้านข้างและมองลงมาที่เธอ “ผมกำลังฟังอยู่ พูดต่อสิ คุณจะอะไรนะ?”เธอใกล้จะระเบิดจากความโกรธ เขาต้องอยู่ในโรงแรมนี้ตลอดการมาเยือนที่นี่ของเขา นั่นเป็นเหตุผลท
แจ็คสันส่งวิดีโอไปที่โทรศัพท์ของเขา “คุณอยากกลับบ้านหรือจะอยู่ที่นี่?” เขาถามพลางจ้องมองเธอด้วยรู้สึกที่ค่อนข้างพอใจเธอกระโดด “แน่นอนว่าฉันจะกลับบ้าน!” ช่างเป็นเรื่องตลก! แบบนั้นวีดีโอที่บันทึกของเธอจะไม่สูญเปล่าเหรอ? ทั้งหมดไม่ใช่เพียงเพราะเห็นแก่การหลบหนีจากเงื้อมมืออันชั่วร้ายของเขาหรอกหรือ? ก่อนหน้านี้ ตอนที่นอนด้วยกัน เขาไม่ได้แตะต้องเธอ เพราะตอนนั้นมันเป็นแค่การแสดงทั้งหมด ตอนนี้เธอกลายเป็นแฟนตัวจริงของเขาแล้ว เธอปฏิเสธที่จะเชื่อว่าเขาจะควบคุมตัวเองได้!แจ็คสันไม่ยืนกรานเช่นกัน “ก็ได้ ผมจะไปส่งคุณกลับบ้าน อีกอย่าง ผมกับมาร์คจะกลับเมืองหลวงพรุ่งนี้ ผมจะมาพบคุณเมื่อผมมีเวลา หากคุณ… กล้าที่จะเล่นตลกกับผมอีก ผมจะส่งวิดีโอนี้ไปให้แอเรียนและเพื่อนในร้านเล็ก ๆ ของคุณ แล้วให้พวกเขาจัดการให้ผม”ทิฟฟานี่กัดฟันและสาปแช่งบรรพบุรุษของเขาในใจ เธอเพิ่งเดินออกจากห้องไปเมื่อทั้งคู่พบกับมาร์ค ซึ่งมาหาแจ็คสัน… พวกเขาน่าจะพักอยู่ที่โรงแรมเดียวกัน ทิฟฟานี่ซ่อนใบหน้าของเธอจากสายตาเขาและวิ่งหนีไปอย่างรวดเร็ว อย่างไรก็ตาม แจ็คสันยิ้มอย่างหน้าด้าน “มาร์ค ฉันจะไปพบนายเมื่อฉันกลับมา!”มาร์คมองดูทั้งคู
แน่นอนว่าแอเรียนจะไม่กล้าอุ้มเพลโตอีกเนื่องจากเธอกลัวว่าลูกชายของเธอจะอิจฉาเมื่อแอเรียนบอกให้ทิฟฟานี่ตั้งชื่อเล่นให้เพลโต ทิฟฟานี่ก็ส่ายหัว “ผู้ชายจำเป็นต้องมีชื่อเล่นด้วยเหรอ? ถ้าสมอร์โตไปเป็นหนุ่มหล่อ มันจะไม่ตลกเหรอถ้าเราจะเรียกเขาว่าสมอร์? พวกสาว ๆ ที่ชอบเขาจะต้องหัวเราะจนน้ำตาไหลแน่นอน ชื่อเล่นจะน่ารักแค่ตอนที่ยังเด็กเท่านั้นแหละ”แอเรียนเบะปาก “เธอแค่ขี้เกียจที่จะคิดชื่อ ถูกไหม? เธอเลยอ้างเหตุผลทั้งหมดนี้ ชื่อเล่นเขาก็มีไว้เรียกเฉพาะตอนที่ยังเด็กเท่านั้นแหละ ใครเขาจะเรียกชื่อเล่นกันตอนโตล่ะ?”เมื่อพวกเธอกำลังคุยกันอยู่ อยู่ ๆ แจ็คสันก็โทรมา “คุณขับรถไปหาแอเรียนกับเพลโตคนเดียวเลยเหรอ? คุณไม่รู้จักฝีมือการขับรถตัวเองเลยเหรอ? ถ้าเกิดอะไรขึ้นจะทำยังไง? คุณน่าจะขอให้คนขับรถของแม่ไปส่งคุณแทน”ทิฟฟานี่หงุดหงิดมาก “นี่คุณคงอยากให้อะไรเกิดขึ้นกับฉันมากสินะ? ฉันมาถึงแล้ว แค่นั้นยังไม่ดีพออีกเหรอ? ฉันแค่ถอยรถไม่เก่งแค่นั้นเอง ถ้าฉันขับเดินหน้าอย่างเดียวจะมีอะไรร้ายแรงเกิดขึ้นได้บ้าง? คุณทำงานของคุณต่อไปเถอะค่ะ”ทิฟฟานี่อาจจะหงุดหงิด แต่จริง ๆ แล้วเธอก็แอบดีใจ อารมณ์ของเธอชัดเจนมากแม้ก
เมื่อเมลานีทานอาหารเสร็จและพวกเขาออกจากบ้าน อเลฮานโดรก็ถอนหายใจด้วยความโล่งอกทันทีที่พวกเขาขึ้นรถเมลานีเห็นดังนั้นจึงถามเขาว่า “โล่งอกใช่ไหมล่ะ? ฉันบอกแล้วว่าไม่ต้องมา แต่คุณไม่ฟังฉันเอง ฉันเองยังเบื่อพ่อแม่ตัวเองเลย”อเลฮานโดรเงียบโดยไม่ตอบอะไร เขาตื่นเช้ามากและยังคงง่วงนอนอยู่ เขาจึงหลับตาลงและพักสายตาเมลานีเริ่มไม่สบายใจ อเลฮานโดรรู้เรื่องที่เธอแอบติดต่อกับทิฟฟานี่หรือเปล่า? เขาน่าจะ… ไม่รู้เรื่องหรอก ถูกไหม? ไม่อย่างนั้นเขาน่าจะโวยวายไปแล้วแทนที่จะนิ่งสงบแบบนี้ เธอเลยคิดว่าเธอน่าจะบอกเขาก่อนที่เขาจะรู้ด้วยตนเองหลังจากที่ลังเลอยู่ชั่วครู่เธอก็พูดว่า “ฉันติดต่อกับทิฟฟานี่อยู่”ร่างกายของอเลฮานโดรแข็งทื่อโดยไม่รู้ตัว “แล้ว?”เธอคิดถูกแล้วจริง ๆ อเลฮานโดรจะมีปฏิกิริยาก็ต่อเมื่อมันเป็นเรื่องของทิฟฟานี่ แต่นอกจากนั้นเขาจะเมินทุกคำพูดของเธอ เมลานีแอบไม่พอใจ แต่ไม่แสดงให้เขาเห็น “คุณไม่โกรธเหรอ?”อเลฮานโดรลืมตาและมองหน้าเธอ “ทำไมผมจะต้องโกรธด้วย? ยังไงคุณก็ไม่ทำอะไรเธออยู่แล้ว”เมลานีพูดไม่ออก เขามั่นใจขนาดนั้นเลยเหรอว่าเธอจะไม่ทำอะไรทิฟฟานี่? เธอคิดมาเสมอว่าเธอไม่รู้จักอเลฮานโด
อเลฮานโดรรู้ตัวดีว่ามันเป็นเพียงความคิดตามสัญชาตญาณผู้ชายของเขาและไม่มีสิ่งอื่นใดหลังจากนั้นไม่นานหนังตาของเมลานีก็เริ่มหนัก อาจจะเป็นเพราะความเงียบสนิทที่เปรียบดั่งเพลงกล่อมนอนอย่างดี บวกกับครรภ์ของเธอที่ทำให้เธอง่วงเหนื่อยง่ายขึ้น ตอนแรกเธอคิดว่าเธอจะไม่สามารถนอนหลับได้เพราะอเลฮานโดรด้วยซ้ำ…ขณะที่เธอกำลังหาพลิกตัวหาท่านอนที่สบายด้วยความงัวเงีย อยู่ ๆ อเลฮานโดรก็พูดขึ้นมาว่า “หยุดขยับไปขยับมาสักที”เมลานีที่กำลังจะผล็อยหลับตื่นทันทีที่ได้ยินเสียงของเขาที่ดังขึ้นอย่างกะทันหัน เธอเริ่มรู้สึกรำคาญและเหวี่ยงใส่เขา “นี่มันบ้านของฉันและเตียงของฉัน ทำไมฉันจะขยับตัวไม่ได้? นี่คุณอย่าหาเรื่องโดยไม่มีเหตุผลได้ไหม?”เธอไม่ทันรู้ตัวว่าเธอเผลอไปโดนขาของเขาขณะที่เธอพลิกตัวไปมา ทันใดนั้นอเลฮานโดรก็ขึ้นคร่อมเธอโดยที่แขนแต่ละข้างของเขาอยู่ข้างตัวเธอเมลานีตกใจและหันหน้าหนีทันที “คุณจะทำอะไร? ลงไปเลยนะ!”กำปั้นของเธอเล็กมาก มันไม่เพียงแต่ไม่สามารถทำให้อเลฮานโดรเจ็บได้ แต่การกระทำของเธอยังทำให้เขามีอารมณ์มากขึ้นอีกด้วย “ผมบอกให้คุณเลิกขยับไง คุณจะไม่ฟังผมใช่ไหม?”เมลานีไม่กล้าที่จะขยับตัวอีกและ
ในความเป็นจริงแล้วอเลฮานโดรกลับรู้สึกสบายใจโดยไม่รู้เหตุผลเมื่อเข้ามาในห้องของเธอ “คุณสบายดีไหม?”เมลานีตะลึงเล็กน้อย “ฉันบอกคุณแล้วว่าคุณไม่ต้องแสดงหรอก ที่นี่ไม่มีใครสักหน่อย แล้วคุณจะแกล้งทำทำไม? ฉันไม่ฟ้องคุณปู่หรอก เพราะฉะนั้นพรุ่งนี้คุณกลับไปเลยก็ได้ ฉันอยู่ที่นี่แล้วสบายดี”อเลฮานโดรไม่สนใจสิ่งที่เมลานนีพูดและเรียกหาเจตต์ผู้ซึ่งนำทุกอย่างที่อเลฮานโดรได้ซื้อให้เธอเข้ามาให้ โต๊ะเครื่องแป้งของเธอเต็มไปด้วยข้าวของมากมายในไม่ช้าหัวใจของเมลานีเริ่มละลายแต่เธอบังคับให้ตัวเองสงบนิ่งต่อไปเมื่อเธอพูดว่า “ขอบคุณสำหรับน้ำใจของคุณนะคะ แต่ฉันขอไม่รับของพวกนี้ดีกว่า เพราะฉันรู้ว่าคุณไม่ได้ให้มันด้วยความเต็มใจ”เจตต์ไม่ต้องการรู้เห็นเกี่ยวกับการทะเลาะของพวกเขา เขาจึงออกไปจากห้องเมื่อวางของเสร็จแล้วอเลฮานโดรพูดนิ่ง ๆ ว่า “ถ้าคุณไม่อยากได้นก็ทิ้งไปสิ เครื่องสำอางพวกนี้ไม่ได้แพงขนาดนั้น พวกเครื่องประดับก็ราคาแค่สองสามแสนดอลลาร์ เพราะฉะนั้นคุณจะทำอะไรกับพวกมันก็แล้วแต่คุณเลย ในเมื่อคุณไม่อยากเห็นหน้าผม ผมกลับวันพรุ่งนี้ก็ได้ นอนเถอะ ผมจะไปอาบน้ำก่อน”เมื่อเมลานีเห็นเขาเดินเข้าไปในห้องน้ำเธอ
ทิฟฟานี่ตระหนักว่ามีบางอย่างผิดปกติก่อนที่เธอจะพูดจบ เธอเงยหน้าขึ้นและเห็นว่าสีหน้าของแจ็คสันเยือกเย็น แววตาของเขาเปล่งประกายด้วยความตื่นตระหนก เธอไม่เข้าใจว่าเขาเป็นอะไรไป “เป็นอะไรเหรอ? ทำไมมองฉันแบบนั้นล่ะ?”มันเหมือนกับว่าเขาเปลี่ยนเป็นคนละคนไปเลย แม้แต่น้ำเสียงของเขาก็เยือกเย็น “เขาแต่งงานเพื่อความสะดวกแบบนั้น คุณยังจะเชื่อจริง ๆ เหรอว่าเขาจะมีความรู้สึกให้เมลานี ลาร์คจริง ๆ ? คุณคิดไปเองทั้งหมด ผมบอกคุณแล้วว่าห้ามไปเจอเขา ไม่ว่ามันจะเป็นเพียงเรื่องบังเอิญหรือตั้งใจยิ่งห้ามแล้วใหญ่ คราวหน้าก็หลีกเลี่ยงเขาซะนะ!”ท่าทีที่เปลี่ยนไปกะทันหันของเขาทำให้ทิฟฟานี่ตกใจกลัว เธอกลืนน้ำลายและไม่รู้ว่าจะต้องพูดอะไรแจ็คสันรีบอาบน้ำให้เสร็จและออกไปโดยปล่อยเธอไว้คนเดียวในห้องน้ำ เธอรู้สึกว่างเปล่าทันที ทุกอย่างกำลังไปได้ดีจนกระทั่งเธอพูดถึงอเลฮานโดรและทุกอย่างกลายมาเป็นแบบนี้… แจ็คสันหนีไปที่ห้องทำงานของเขาหลังจากที่ออกมาจากห้องน้ำเพื่อแอบดูดบุหรี่อย่างต่อเนื่องโดยที่ทิฟฟานี่ไม่รู้ นิ้วที่เขาถือบุหรี่สั่นไม่หยุด เขากลัวเกินกว่าที่จะคิดถึงปฏิกิริยาของทิฟฟานี่เมื่อเธอต้องรู้ว่าจริง ๆ แล้วอเลฮ
ขณะที่เขากำลังหาสวิตช์เปิดไฟบนกำแพงเพื่อที่จะเปิดไฟทิฟฟานี่ก็หยุดเขาเอาไว้ “ไม่! ฉันชอบแบบปิดไฟมากกว่า ฉันอายนิดหน่อยน่ะ”เขารู้ดีว่าเธอกำลังคิดอะไรอยู่ เธอกลัวว่ารอยแตกของเธอจะทำให้เขาหมดอารมณ์ เขายิ้มและจุ๊บหน้าผากเธอ “ไม่เอาน่า ปกติคุณไม่ขี้อายนี่ ผมไม่ยักรู้ว่าคุณจะอายเป็นด้วยซ้ำ ผมไม่มีวันที่จะหมดอารมณ์กับคุณหรอก คุณได้รอยแตกเหล่านั้นมาเพราะคุณอุ้มท้องลูกของผม พวกมันเป็นรางวัลแห่งเกียรติยศของคุณนะ”ทิฟฟานี่เชื่อคำพูดของเขา เขามีลิ้นที่กะล่อนที่ช่วยให้เขาสามารถถ่ายทอดคำพูดเหล่านั้นอย่างราบรื่นได้จริง ๆแจ็คสันเปิดไฟเมื่อเธอกำลังเหม่อลอยในห้วงความคิดทิฟฟานี่รีบหยิบผ้าห่มมาคลุมตัวเองทันทีที่ไฟสว่างขึ้น “โธ่ อะไรเนี่ย! ฉันไม่อยากเปิดไฟ ขอเวลาฉันปรับตัวหน่อยสิคะ!”เขายิ้มอย่างมีเลศนัยขณะที่เมินคำบ่นของเธอและคว้าแขนเธอเพื่อหยุดเธอจากการดิ้นหนี…เธอลืมหายใจเมื่อเขาจับคางของเธอ สายตาเธอเริ่มพร่ามัวหมอนใบหนึ่งนอนอยู่บนพื้นหน้าเตียงราวกับว่ามันรับความป่าเถื่อนของพวกเขาไม่ได้...หลังจากที่เสร็จภารกิจแล้ว ทิฟฟานี่ก็ขดตัวในอ้อมแขนของแจ็คสันและวาดวงกลมบนแขนของเขาแจ็คสันจับมือของเธ
”หยุดทำไมล่ะคะ?” แอเรียนถาม “เล่นต่อสิ”“เธอก็มาผลักสิ ไม่อย่างนั้นก็มานั่งกับสมอร์” มาร์คชักชวนแอเรียนเคยตกชิงช้าเมื่อตอนที่เธอยังเด็ก เธอจึงหวาดกลัว “ไม่ ๆ ไม่ คุณเล่นกับเขาเลย เดี๋ยวฉันผลักให้ ขาคุณก็ออกจะยาว คุณน่าจะแกว่งตัวเองได้สบาย ไม่เห็นจะต้องพึ่งฉันเลย แล้วคุณจะขอให้ฉันผลักทำไม?”เขาเลิกคิ้วหนึ่งข้างและตอบว่า “เพื่อที่เธอจะได้มีส่วมร่วมด้วยแทนที่จะยืนเหม่อลอยอยู่ยังไงล่ะ…”มีบางอย่างผิดปกติในคำพูดของเขา…แอเรียนยอมแพ้และเดินไปข้างหลังพวกเขา เธอวางมือบนหลังเขาและออกแรงผลักแอริสโตเติลจะส่งเสียงร้องด้วยความดีใจเป็นครั้งคราว ดูเหมือนว่าแอริสโตเติลไม่ได้มีความสุขได้เฉพาะเวลาที่เล่นกับเจนิซ เพียงแต่ว่าเวลาที่แอเรียนเล่นกับเขาเธอมักจะเล่นแบบนิ่ม ๆ และเงียบ ๆ เพราะเขาคือลูกคนแรกของเธอและมันเป็นครั้งแรกที่เธอต้องเล่นกับเด็กทารก เพราะฉะนั้นยังมีอีกหลายอย่างที่เธอยังต้องเรียนรู้อีก...ในขณะเดียวกันที่ไวท์ วอเตอร์ เบย์ วิลล่าหลังจากที่ทานข้าวกันเสร็จแจ็คสันก็กำลังล้างจานในห้องครัวตามปกติ ทิฟฟานี่สามารถจ้องเขาในชุดผ้ากันเปื้อนได้ทั้งวัน เธอไม่ได้ทำอะไรเลยนอกจากยืนพิงกำแพงในห้
หลังจากนั้นไม่นาน อเลฮานโดรและเจตต์ก็เดินออกมาจากห้างสรรพสินค้าและขึ้นรถไปอเลฮานโดรจ้องกองสินค้าสำหรับผู้หญิงข้าง ๆ เขา ระหว่างคิ้วของเขาแอบมีร่องรอยของความไม่พอใจเจตต์มองเขาผ่านกระจกมองหลัง “ท่านครับ อย่าปล่อยให้เรื่องอื่นเบี่ยงเบนความตั้งใจของท่านเลยครับ ท่านตัดสินใจที่จะไปเยี่ยมนายหญิงที่อายาเช่แล้ว” เขาเตือนเบา ๆ “ดอน สมิธจะไม่มีวันมอบสมบัติของตระกูลสมิธให้ท่านถ้าท่านลงมือในตอนนี้”อเลฮานโดรมองออกไปนอกหน้าต่างและตอบอย่างใจเย็นว่า “รู้แล้ว”เขาคงจะไม่ได้ออกมาซื้อของในวันนี้หากดอน สมิธไม่ได้กดดันเขา เขายังต้องเหนื่อยซื้อของมากมายให้เมลานีอีกด้วย เขาไม่ได้คาดคิดว่าจะเจอแอเรียนและทิฟฟานี่ที่นี่เหมือนกัน ดูจากสีหน้าของแอเรียนแล้ว มาร์คคงจะบอกเธอทุกอย่างแล้วเขาได้ต้นไม้นั้นมาจากคนอื่นอีกที มันเป็นสายพันธุ์ที่หายากจากนาฟาเอธ เขาต้องลำบากอย่างมากเพื่อที่จะนำมันกลับเข้ามาในประเทศ และไม่มีใครรู้เลยว่ามันจะออกดอกเมื่อไหร่ ถ้ามันได้รับการดูแลอย่างพิถีพิถัน มันคงจะออกดอกในไม่ช้า ตอนแรกเขาตั้งใจว่าเขาจะเปิดเผยตัวตนที่แท้จริงของเขากับทิฟฟานี่เมื่อต้นไม้นั้นออกดอก แต่น่าเสียดายที่การเปลี่ย
หลังจากที่คุยกันนานพอสมควร ในที่สุดทิฟฟานี่ก็จำได้ว่าเธอมาที่นี่เพื่อซื้อเครื่องสำอางกับแอเรียน เธอหันไปหาแอเรียนและพบกับสีหน้าที่แปลกไปบนใบหน้าของแอเรียน “แอริ เป็นอะไรเหรอ?” เธอถามด้วยความสงสัย “ทำไมดึงหน้าแบบนั้นล่ะ? เธอโอเครึเปล่า?”แอเรียนหายใจเข้าลึก ๆ ก่อนที่จะตอบว่า “ไม่ ฉันรู้สึกเหนื่อย ๆ นิดหน่อย ฉันไม่อยากช้อปปิ้งแล้ว ไปกันเถอะ”ทิฟฟานี่เอื้อมมือไปจับหน้าผากของแอเรียน “เพราะโรคเลือดจางของเธอรึเปล่า? เธอดูซูบ ๆ นะ ไว้ฉันจะบอกให้มาร์คขุนเธอให้อ้วน แต่ไหน ๆ เราก็มาถึงที่นี่แล้ว ทำไมไม่ซื้อของของเธอเลยล่ะ? เหลือแค่ต้องจ่ายเงินเอง ไม่นานขนาดนั้นหรอก ไปนั่งก่อนไหม? เดี๋ยวฉันจ่ายให้”อเลฮานโดรหันมามองแอเรียน แววตาของเขาแฝงไปด้วยการยั่ยยุ ทั้งคู่ต่างตระหนักถึงสถานการณ์ในตอนนี้ดีแอเรียนกลบเกลื่อนความโกรธของเธอและหาม้านั่ง เธอหวังเพียงว่าทิฟฟานี่จะเร่งรีบซื้อเครื่องสำอางเพื่อที่พวกเธอจะได้รีบออกไปจากที่นี่ ทุก ๆ วินาทีที่อยู่กับอเลฮานโดรถือเป็นความเสี่ยง“ทิฟฟานี่ ต้นไม้ที่ผมให้คุณออกดอกหรือยังครับ?” อเลฮานโดรจงใจถามถึงต้นไม้ในกระถาง ทิฟฟานี่ยื่นบัตรเครดิตของเธอให้พนักงานคิดเง