“ปลาบู่...ปลาบู่...อยู่ไหม”
เสียงถามนั่นดังขึ้นพร้อมๆ กับพาตัวเองเดินลัดเลาะไปในระหว่างกองผ้าสูงและข้าวของระเกะระกะ เป็นกองผ้าที่เป็นเศษผ้าสำหรับเอามาทำสิ่งประดิษฐ์ หล่อนสอบถามจากเด็กที่นี่แล้วว่าเพื่อนหล่อนอยู่...ไม่ได้ไปไหน...
เพื่อนสาวของหล่อน...ปลาบู่หรือประภาพร เพื่อนรุ่นเดียวกัน รักกันดีมาก แม้จะเรียนคนละสาขาและเอาดีคนละทาง...ปลาบู่กับหล่อนเรียนมัธยมมาด้วยกันและแยกคณะกันไปเรียน แต่ยังติดต่อกันมาตลอด...เป็นเพื่อนสนิทที่สุดคนเดียวที่แทนขวัญมี...
และร่างค่อนข้างอวบ หน้ากลมๆ ก็โผล่มากะทันหันระหว่างกองผ้าสูงท่วมหัวสองกอง
“จ๊ะเอ๋ ยัยแทน” ทักทายเสียงใส อารมณ์ดี…หากไม่มีความขาวของผิวพรรณก็คงจะไม่พ้นสภาพมอมแมมไปได้เพราะเจ้าตัวเข้าไปคุ้ยหาของ
ประภาพรทำอาชีพส่วนตัวโดยสานต่อจากครอบครัว กึ่งๆ จะเป็นงานหัตถกรรมการประดิษฐ์ของจากเศษผ้า…หล่อนเรียนจบมาด้านบัญชีแต่มาทำงานให้ครอบครัว และไม่ได้ดูแลแค่การเงินและเอกสาร…สินค้าที่นี่กลายเป็นสินค้าที่ได้ส่งออกและมีการจ้างแรงงานหญิงเข้ามาทำ…งานที่แทนขวัญมองเห็นยังไม่อยากเชื่อเลยว่าเศษผ้าก็จะแปรรูปไปเป็นสินค้าได้มากมายหลายอย่าง
แต่งานประดิษฐ์ของจากอย่างอื่นก็มีด้วยนอกเหนือจากเศษผ้า แต่มีงานเศษผ้าเป็นหลักใหญ่
แทนขวัญหัวเราะส่ายหน้า “ตกใจหมด...” หล่อนนึกขำกับท่าทีอารมณ์ดีของเพื่อน ประภาพรเป็นสาวนักบัญชีที่เรียกว่าขี้เล่น ไม่มีภาพสาวซีเรียส หรือเพราะการงานของหล่อนไม่ได้อยู่กับตัวเลขอย่างคร่ำเคร่งตลอดเวลา
“ฉันไม่เห็นเธอทำท่าตกใจ...อุตส่าห์กระโดดออกมาทัก”
นั่นเป็นตัวหล่อนกระมัง...แทนขวัญคิดไม่ค่อยจะตกอกตกใจกับสิ่งใดง่ายๆ ประภาพรก้าวออกมาให้เห็นทั้งตัว เจ้าหล่อนสวมเสื้อกางเกงแบบเอี๊ยมทับเสื้อยืดแขนสั้นคอกลม ดูทะมัดทะแมง
“เธอทำอะไร”
“มุดกองผ้าเข้าไปเลือกหาลายสวยๆ”
“มุดทั้งกองขนาดนี้นะ”
“ฮื้อ...ชินแล้ว...”
“ฝุ่นในผ้าระวังจะหายใจไม่ออก“
“เธอล่ะ มาแต่เช้า” ทักทายเพื่อเอามือเปื้อนๆ ถูกับชุดเอี๊ยม เพื่อทำให้มือสะอาด แล้วก็บ่น “ฝุ่นแยะอย่างเธอว่าจริงๆ
“เมื่อคืนจะมาแล้ว แต่หมดแรงก่อน”
ประภาพรมองหน้าเพื่อน “ฉันฟังจากน้ำเสียงเธอ เดาได้”
“เดาอะไร”
“ไม่ค่อยจะสบายใจ”
“ฮื่อ...มากด้วย”
“เรื่องอะไร”
“ฉันจะโดนจับแต่งงาน” ไม่มีการปิดบังเพราะเป็นเพื่อนสนิทที่พูดคุยกันได้ในทุกเรื่อง และเรื่องนี้หล่อนคิดว่าสำคัญมาก ไม่มาหาใครสักคนเพื่อระบายออก แทนขวัญคิดว่าตัวเองน่าจะคลั่งตาย
“ว้าย...กรี๊ด” ประภาพรทำท่าเหมือนจะโดนจับเสียเอง แถมยังมีท่าทีเหมือนดีอก ดีใจจนนอกหน้าอีกด้วย
“ทำไมไม่เป็นฉันหนอ”
เจ้าหล่อนบอกหน้าตาเฉย ผิดไปจากที่แทนขวัญคาดเอาไว้เป็นอันมาก หล่อนคิดว่าจะได้ยินเพื่อนแสดงความไม่เห็นด้วยกับสิ่งที่หล่อนกำลังจะโดนบังคับให้ทำ...และเพื่อนย่อมยืนอยู่ฝ่ายหล่อน แต่เปล่าเลย
“ร้อรอ...ผอนี่น่ะ”
นี่อีกเหมือนกัน ก่อนหน้านี้ประภาพรไม่ได้เป็นอย่างนี้
หล่อนไปเรียนต่อสองปี คุยกับเพื่อนทางอีเมล์ และโทร.คุยกันผ่านเครือข่ายออนไลน์ คุยสารพัดเรื่อง แต่เพื่อนไม่เคยบอกเลยว่าจุดยืนตัวเองเปลี่ยนไปแล้ว
“ยัยบ้า พูดได้ไง” เอ็ดเพื่อนด้วยอารมณ์หงุดหงิด
“ฉันรอจริงๆ นะ”
“เธอรอได้ไง แต่ก่อนไม่ได้พูดแบบนี้”
“วุ้ย...เวลามันเปลี่ยน...แล้วเริ่มมีอายุเป็นของตัวเอง พูดง่ายๆ แก่แล้ว…ต้องมีซิ”
“แต่ฉันไม่ได้รอแล้วไม่อยากมี...” เน้นเสียงบอกจริงจัง เหมือนจะบอกให้เพื่อนรู้ว่าจริงๆ แล้วหล่อนซีเรียสมากกับเรื่องนี้
“ใครคิดจะจับเธอแต่งงาน” ประภาพรยิงคำถามใส่
“ปู่ฉันน่ะซิ”
“ปู่ตัวร้ายของเธอรึ”
เฮ้อ...หล่อนเรียกปู่อย่างนั้นจริงๆ อย่างไรได้ ติดปากนัก...
และประภาพรก็รู้จักปู่ของเพื่อนสาวได้ดี หล่อนเคยนินทาปู่อย่างไร ประภาพรคงจะจำได้และไม่เคยลืม
“ว่าแต่ปู่ไปคว้าใครมาให้เธอ”
“ฉันช็อก...อีตาคนนั้นน่ะ ฉันไม่เอาด้วยหรอก อาชีพพิลึก”
“หือ พิลึกแค่ไหน...ฉันว่าของฉันพิลึกแล้วเชียว”
แทนขวัญเพิ่งมองหน้าเพื่อน “ของเธอ? หมายความว่าไง”
ประภาพรเดินนำไปในห้องด้านในที่คราวนี้ไม่มีกองผ้าพะเนิน
เทินทึก แต่เป็นกองเอกสารและแบบของสิ่งประดิษฐ์จากผ้าแทน
“ฉันไปตกหลุมเสน่ห์หนุ่มหนึ่งเข้าน่ะ“
“ใคร? อาชีพอะไรที่ว่าพิลึก”
“หมอดูจ้ะ” ประภาพรบอก “อย่าเพิ่งเอะอะ ประเดี๋ยวแม่ฉันขวัญผวา...เอานี่ดีกว่า...ของเธอก่อน ปู่เธอหาใครมาให้ ดอกเตอร์ที่ไหน”
“ดอกเตอร์ดูอย่างของเธอยังพอว่า” แทนขวัญตอบแกมประชด “นี่ไม่ใช่ดอกเตอร์ แค่พ่อครัว...เข้าใจไหมพ่อครัวทำอาหาร ผู้ชายจบคหกรรมฯ ว่าที่หลานเขยที่ปู่พิศวาส”
ประภาพรมีอาการเหมือน ‘เหวอ’ ไปแล้ว
“พ่อครัว? เธอหมายถึงผู้ชายที่อาจจะตัวกลมๆ พุงป่องๆ แล้วเป็นคนปรุงอาหาร ซึ่งบางทีเขาอาจจะเป็นพวกขายรถเข็นข้างถนนแฟรนไชส์ของบะหมี่ยี่ห้อดัง หรือขายข้าวมันไก่สับไก่เปรี้ยงๆ หรือขายอาหารตามสั่ง ที่มีข้าวผัดสิ้นคิด เอ๊ย...ข้าวผัดกระเพราเป็นจานหลัก”
“ฮื่อ...” แทนขวัญตอบรับ ไม่เพราะความหงุดหงิดในใจตัวเอง “จะแบบไหนฉันยังไม่รู้เหมือนกัน แต่กำลังอยากจะลาตาย ปลาบู่ ในฐานะเธอเป็นเพื่อนสุดรักของฉัน เรามาช่วยกัน ช่วยฉันออกจากเขียงใหญ่ที่อีตา
พ่อครัวนั่นจะลงมีดสับคอฉัน จะได้ไหม”
เช้าวันใหม่ ที่เขมตื่นแต่เช้าเข้าครัวทำอาหาร เขากินอยู่ดีเยี่ยม อาหารปรุงใหม่ๆ เมนูนั้นแล้วแต่จะคิด...มีความสุขกับการทำอาหารกินเอง ปรนเปรอตัวเอง แต่เขาไม่ได้อ้วนไปเพราะการกิน เพราะชายหนุ่มออกกำลัง...นี่เขาเตรียมอาหารไว้ก่อนไปออกกำลังตอนช่วงเช้า ออกจากบ้านพักนี่ไม่ต้องไปไกลมากมีสวนสาธารณะในหมู่บ้านที่ร่มรื่นไปด้วยต้นไม้ที่จะทำให้เขาวิ่งได้สักสิบรอบต่อเช้า
เขาปรุงอาหารไว้เรียบร้อยแล้ว ประเดี๋ยวกลับมาจะอาบน้ำแล้วนั่งกินด้วยความสบายใจ
การกินจะต้องอยู่ในอารมณ์ที่สบายๆ ผ่อนคลาย ไม่ใช่ทำเสร็จแล้ว รีบร้อนจะกิน เขาละเมียดละไมกับการกินมากกว่านั้น
เขาเตรียมพร้อมออกไปวิ่ง กางเกงกีฬาขายาว เสื้อยืดคอกลมตัวหนึ่ง รองเท้าผ้าใบอย่างดี สวมถุงเท้าให้กระชับเท้า...แล้วก็จะออกจากบ้าน เขาอยู่คนเดียว บ้านหลังงามจากมรดกที่ปู่ทิ้งให้พ่อแล้วมาถึงเขา เงินรายได้จากการเป็นพ่อครัวของเขาทำให้เขาซ่อมแซมบ้านหลังนี้เมื่อปีผ่านมา เรียกว่าเขาเก็บเอาของเดิมไว้เฉพาะโครงสร้างที่แข็งแรงมั่นคงและตกแต่งภายในเสียใหม่
แน่นอนว่าห้องที่เขาจัดการตกแต่งตามแบบที่เขาต้องการคือห้องอาหาร...
มันใหญ่ขึ้น โอ่โถงขึ้น...ต่อเพิ่มไปจากตัวบ้านเดิมทำส่วนหลังคาโปร่ง ให้ความรู้สึกสบายๆ ด้านหนึ่งจะมองไปเห็นสระว่ายน้ำในร่มที่เป็นของเดิม อีกด้านหนึ่งเป็นส่วนของสวนที่มีต้นไม้ขึ้นเป็นแนว...
วันไหนมีการจัดเลี้ยงที่นี่หลอดไฟเล็กๆ ที่เขาเอาไปห้อยแขวนเอาไว้ก็จะเปิดไฟกระพริบวิบวับหลากสี...แพรวพราวราวกับอยู่ในงานอันหรูหรายิ่ง เขาบอกตัวเองเสมอว่าบรรยากาศของการกินก็น่าสนใจ
เขามีโต๊ะอาหารใหญ่...ที่รวมที่นั่งหัวโต๊ะและปลายโต๊ะสองด้านและด้านข้างนั่นได้ถึงสิบสองคนด้วยกัน
แต่ปกตินั้นเขานั่งกินอาหารคนเดียวเสียมากกว่านอกเสียจากวันที่นึกครึ้มอยากกินข้าวบ้านพร้อมหน้าพร้อมตากับเพื่อน ซึ่งก็ไม่นานเกินไปแต่ไม่ถี่นักเพราะงานเขามีมากมาย เมื่อทำร้านได้ในระดับที่เรียกว่ามีลูกค้าติดมากมายแล้วนั้น เขาจะต้องไปคุมที่ร้านเกือบทุกวัน...บางทีเขาจัดเลี้ยงที่บ้านก็ต้องเป็นประเภทแวะไปร้านก่อนแล้วค่อยกลับมา เรียกว่าแบ่งภาคตัวเองให้ได้
เขาเพิ่งพ้นประตูรั้วบานเล็กออกมา ก็เจอกับสาวสวยคนหนึ่งที่เพิ่งจะนวยนาดเยื้องย่างลงจากรถสปอร์ตคันงาม
เจ้าหล่อนมาในกระโปรงสั้นและเสื้อยืดเข้ารูปปกโปโล รองเท้ากีฬา ชุดแบบนี้หล่อนน่าจะไปอยู่สนามเทนนิสมากกว่า แต่หล่อนก็ยกมือทักทายเขา เอ่ยเสียงหวาน
“ไง...ที่รัก”
เขมกลืนน้ำลายลงคอ เขาไม่ใช่ที่รักของหล่อน นิชาเข้าใจผิดอีกแล้ว เขากำลังหาทางแก้ไขความเข้าใจของหล่อนอยู่อย่างตั้งอกตั้งใจ เขาไม่ต้องการให้หล่อนมาเป็นที่รัก
เขาไม่ได้รักหล่อน
และเชื่อว่าหล่อนไม่ได้รักเขาด้วยเช่นกัน หล่อนก็เป็นอีกคนที่หลงใหลรสอาหารที่เขาทำ...
นิชาบอกว่า
...ปกตินิชาไม่ชอบอาหารไทยเลยนะคะ เขม แต่ฝีมือคุณ นิชาอยากจะบ้าตาย...
ป้ายชื่อร้านนั้นดูโดดเด่นเพราะเป็นการเขียนด้วยตัวอักษรแบบคัดลายมือไทยเล่นหาง...ตัวเอียงจากซ้ายไปขวา...ตัวอักษรที่ขยายขนาดใหญ่นั้นบอกความสวยงามหาไหนเปรียบ...เป็นชื่อที่แกะอยู่บนแผ่นหินสีเขียวขนาดใหญ่...เป็นหินเขียวที่มีอายุของการจมอยู่ในดินนั้นเรียกว่านานนับร้อยหรือพันปี...แต่จะนานเท่าไหร่ ‘เขม’ ผู้เป็นเจ้าของร้านและเจ้าของป้ายชื่อที่ว่านี้ไม่ได้ใส่ใจ เขาเพียงแต่คุยอวดว่า“หากปล่อยเจ้าหินสีเขียวพวกนี้อยู่นานไปอีกสักหน่อย จะกลายเป็นหยก”จะมีคนเชื่อเขาสักกี่คน เพราะเขาไม่ได้เป็นนักธรณีวิทยา...ดอกเตอร์พลาย ผู้จบดีกรีปริญญาเอกทางเศรษฐศาสตร์ที่เชี่ยวชาญทั้งเศรษฐศาสตร์ระดับจุลภาค และมหภาค และยังชำนาญทั้งเศษฐศาสตร์ต้องการการอธิบายในด้านคณิตศาสตร์หรือจะให้เป็นเชิงพรรณาเจ้าดอกเตอร์ก็สามารถพูดได้หมด เคยท้วงว่า…อีกสักหน่อยของเอ็ง คงจะต้องล้านปีเป็นอย่างน้อย...จากหินสีถึงจะเป็นหยกล้ำค่า…แต่เขมไม่ได้สะดุ้งสะเทือนกับคำขัดนั้น เพราะเขาถือว่าเขาก็สันนิษฐานไป...เขาเป็นแค่พ่อครัวคนหนึ่ง...อ่อนน้อมถ่อมตนนักและเขาก็มีเรื่องที่คุยเกี่ยวกับตัวเองได้เต็มปาก“จบคหกรรมฯ ครับ แล้วมาทำครัว เป็นพ่อครัว”เขาไ
คุณปู่มา...มีเด็กขึ้นมาบอกแทนขวัญขยับตัวอยู่บนที่นอนหนาไม่นุ่มมากนักและไม่แข็งจนเกินไป กำลังพอดีและเป็นที่นอนติดสปริงที่พอขยับตัวก็จะไหวยวบตาม...ที่จริงหล่อนนิยมเตียงน้ำ แต่มารดาไม่เห็นด้วย เธอมีความวิตกมากเกินไปว่าหากมันแตกปริขึ้นมาจะทำอย่างไรได้ เธอห่วงว่าหล่อนจะจมน้ำตาย ไม่รู้ว่าเป็นความเชื่อแบบไหนและหล่อนก็ไม่อยากทำให้เธอกังวล เลยยอมปฏิเสธเตียงที่อยากจะได้มารดาเปลี่ยนเตียงและที่นอนให้ใหม่เมื่อหล่อนกลับมาบ้านหนนี้...หล่อนจากบ้านไปสองปีไปเรียนต่อในระดับปริญญาเอกและได้กลับมาอย่างสมภาคภูมิ...ปริญญาเอกทางวิศวกรรมสิ่งแวดล้อม...กลับมาทำงานที่บริษัทเดิมหล่อนลาไปเรียนต่อและไม่ได้คิดจะกลับมาทำงานที่เดิม แต่เมื่อหล่อนกลับมาบ้านเมื่อสองเดือนก่อน ทางบริษัทเดิมเรียกหล่อนไปพบแล้วแจ้งมาว่ายังยินดีรับหล่อนเข้าทำงานด้วยเงินเดือนที่น่าพอใจทีเดียวแทนขวัญไม่ได้เสียเวลาคิดตรงนั้นนานนัก เพราะหล่อนยังมีเยื่อใยกับเพื่อนร่วมงานเก่าๆ เจ้านายเก่าๆ ตอนหล่อนทำงานครั้งแรกเมื่อจบปริญญาโท หล่อนก็ทำอยู่ที่บริษัทนั้นเป็นปีแล้วค่อยลาออกไปเรียนต่อด้วยเงินทุนที่บ้าน ไม่ได้รับเงินทุนของบริษัทหรือที่ไหน ทั้งพ่อทั้
โอ...ไม่...การแต่งงานที่ไม่เกิดเพราะตัวหล่อนเองเห็นชอบด้วยจะไม่มีวันเกิดขึ้นแทนขวัญไม่อาจจะทนรออยู่เพียงภายนอกได้อีกแล้ว หล่อนก้าวพรวดเข้ามาในห้อง...ทุกคนในห้องนี้มองเห็นหล่อนพร้อมๆ กัน“มาแล้ว ว่าที่เจ้าสาว” นายจารึก เรืองยศเอ่ยทักหลานสาวแทนขวัญเข้ามายกมือไหว้แล้วไปนั่งข้างๆ มารดา...“ใครจะแต่งงานคะ”“เจ้าแหละ แทน”“แทนหรือคะ คุณปู่” ถามย้ำอีกครั้งเพื่อความมั่นใจ หล่อนไม่เคยคิดจะแต่งงาน ในสมองตอนนี้มีแต่เรื่องงานเท่านั้นชีวิตคู่ยังอีกไกล ไม่พร้อม…และยังไม่เจอคนถูกใจด้วย“ใช่”“แต่แทนไม่คิดอยากแต่ง”“ไม่แต่งไม่ได้” เสียงบอกค่อนข้างเด็ดขาด และแทนขวัญก็ไม่ได้นิ่งฟังเหมือนกัน หล่อนถามออกมาทันที“ทำไมคะ”แน่ละว่าตอนนี้พ่อแม่หล่อนเริ่มหายใจไม่คล่องเพราะกลัวว่าปู่กับหลานจะ ‘งัดข้อ’ กัน นายจารึกรักหลานสาวคนเล็กมากอยู่ แต่อารมณ์ที่เรียกว่าเป็นคนชอบทำตัวเผด็จการก็มีมากอยู่เสมอเหมือนกัน นิสัยเรื่องนี้ไม่สามารถแก้ไขได้มาช้านาน แต่ออกจะเกินไปในหลายหนและหลานรักอย่างแทนขวัญก็เป็นหลานคนที่ปะทะกับนายจารึกมากกว่าพี่สาวอีกสองคนที่แยกตัวแต่งงานไปแล้ว หล่อนหัวดื้อกว่านายจารึกยังเคยออกปาก การบังคับหล
“เอ๊ะ…ไม่มีผู้หญิง”มีแต่พนักงานหนุ่มๆ เสื้อผ้าไทยตัดแบบคอปิดแขนยาวสีออกครีมๆ กับกางเกงฝ้าฝ้ายผสมไหมสีน้ำตาลเข้มเล็กน้อย...ดูสะอาดสะอ้านแต่มีแต่ผู้ชายล้วนๆ“เค้าไม่จ้างผู้หญิงหรือคะ”“ไม่รู้ซิ ไหนว่าเคยมา”“ก็นานแล้วนะคะ ตอนนั้นไม่ทันสังเกต”นายสหชาติคร้านจะพูดว่าคราวนั้นไม่สังเกต แต่คราวนี้ภรรยาเขาสังเกตละเอียดยิบตั้งแต่ก้าวเท้าเข้ามา“เป็นไปได้ไหมคะ” เธอพึมพำถามต่อ ไหวระแวง “เจ้าของร้านหนุ่มโสดอายุสามสิบ เรียนจบคหกรรมฯ เด็กในร้านผู้ชายล้วน...ตัวเองเข้าครัวทำอาหาร...เขาอาจจะเป็นเกย์”นายสหชาติสะดุ้ง พูดไม่ออก“หากใช่...เท่ากับคุณพ่อจะลากเอาหลานไปลงนรก”“อาจจะไม่ใช่น่า...คุณพ่อไม่ได้เป็นคนที่ใครจะตบตาหลอกท่านได้”“แต่มีถมไปนะคะ” เสียงกระซิบยังตามมาไม่ยอมกันเสียทีเดียว “เกย์หลายคนแอบเสียจนสนิท...เรียกว่าไม่ใช่หมู่ ใช่พวกเดียวกันหรือมีใครตามไปเจอในที่สังสรรค์ลับเฉพาะก็แยกไม่ออก คุณพ่อน่ะฉลาดนะคะ แต่อย่าลืมว่าหลายคนฉลาดก็ลืมเฉลียว...แล้วยุคสมัยที่ท่านผ่านโลกมาน่ะ ท่านอาจจะไม่รู้จักมักคุ้นกับพวกเพศที่สาม”แต่นายสหชาติยังมั่นใจว่าบิดาเป็นคนที่ใครจะมาหลอกไม่ได้ และยังเป็นคนที่ฉลาดรอบรู้ไปเส
“ปลาบู่...ปลาบู่...อยู่ไหม”เสียงถามนั่นดังขึ้นพร้อมๆ กับพาตัวเองเดินลัดเลาะไปในระหว่างกองผ้าสูงและข้าวของระเกะระกะ เป็นกองผ้าที่เป็นเศษผ้าสำหรับเอามาทำสิ่งประดิษฐ์ หล่อนสอบถามจากเด็กที่นี่แล้วว่าเพื่อนหล่อนอยู่...ไม่ได้ไปไหน...เพื่อนสาวของหล่อน...ปลาบู่หรือประภาพร เพื่อนรุ่นเดียวกัน รักกันดีมาก แม้จะเรียนคนละสาขาและเอาดีคนละทาง...ปลาบู่กับหล่อนเรียนมัธยมมาด้วยกันและแยกคณะกันไปเรียน แต่ยังติดต่อกันมาตลอด...เป็นเพื่อนสนิทที่สุดคนเดียวที่แทนขวัญมี...และร่างค่อนข้างอวบ หน้ากลมๆ ก็โผล่มากะทันหันระหว่างกองผ้าสูงท่วมหัวสองกอง“จ๊ะเอ๋ ยัยแทน” ทักทายเสียงใส อารมณ์ดี…หากไม่มีความขาวของผิวพรรณก็คงจะไม่พ้นสภาพมอมแมมไปได้เพราะเจ้าตัวเข้าไปคุ้ยหาของประภาพรทำอาชีพส่วนตัวโดยสานต่อจากครอบครัว กึ่งๆ จะเป็นงานหัตถกรรมการประดิษฐ์ของจากเศษผ้า…หล่อนเรียนจบมาด้านบัญชีแต่มาทำงานให้ครอบครัว และไม่ได้ดูแลแค่การเงินและเอกสาร…สินค้าที่นี่กลายเป็นสินค้าที่ได้ส่งออกและมีการจ้างแรงงานหญิงเข้ามาทำ…งานที่แทนขวัญมองเห็นยังไม่อยากเชื่อเลยว่าเศษผ้าก็จะแปรรูปไปเป็นสินค้าได้มากมายหลายอย่างแต่งานประดิษฐ์ของจากอย่างอื่
“เอ๊ะ…ไม่มีผู้หญิง”มีแต่พนักงานหนุ่มๆ เสื้อผ้าไทยตัดแบบคอปิดแขนยาวสีออกครีมๆ กับกางเกงฝ้าฝ้ายผสมไหมสีน้ำตาลเข้มเล็กน้อย...ดูสะอาดสะอ้านแต่มีแต่ผู้ชายล้วนๆ“เค้าไม่จ้างผู้หญิงหรือคะ”“ไม่รู้ซิ ไหนว่าเคยมา”“ก็นานแล้วนะคะ ตอนนั้นไม่ทันสังเกต”นายสหชาติคร้านจะพูดว่าคราวนั้นไม่สังเกต แต่คราวนี้ภรรยาเขาสังเกตละเอียดยิบตั้งแต่ก้าวเท้าเข้ามา“เป็นไปได้ไหมคะ” เธอพึมพำถามต่อ ไหวระแวง “เจ้าของร้านหนุ่มโสดอายุสามสิบ เรียนจบคหกรรมฯ เด็กในร้านผู้ชายล้วน...ตัวเองเข้าครัวทำอาหาร...เขาอาจจะเป็นเกย์”นายสหชาติสะดุ้ง พูดไม่ออก“หากใช่...เท่ากับคุณพ่อจะลากเอาหลานไปลงนรก”“อาจจะไม่ใช่น่า...คุณพ่อไม่ได้เป็นคนที่ใครจะตบตาหลอกท่านได้”“แต่มีถมไปนะคะ” เสียงกระซิบยังตามมาไม่ยอมกันเสียทีเดียว “เกย์หลายคนแอบเสียจนสนิท...เรียกว่าไม่ใช่หมู่ ใช่พวกเดียวกันหรือมีใครตามไปเจอในที่สังสรรค์ลับเฉพาะก็แยกไม่ออก คุณพ่อน่ะฉลาดนะคะ แต่อย่าลืมว่าหลายคนฉลาดก็ลืมเฉลียว...แล้วยุคสมัยที่ท่านผ่านโลกมาน่ะ ท่านอาจจะไม่รู้จักมักคุ้นกับพวกเพศที่สาม”แต่นายสหชาติยังมั่นใจว่าบิดาเป็นคนที่ใครจะมาหลอกไม่ได้ และยังเป็นคนที่ฉลาดรอบรู้ไปเส
โอ...ไม่...การแต่งงานที่ไม่เกิดเพราะตัวหล่อนเองเห็นชอบด้วยจะไม่มีวันเกิดขึ้นแทนขวัญไม่อาจจะทนรออยู่เพียงภายนอกได้อีกแล้ว หล่อนก้าวพรวดเข้ามาในห้อง...ทุกคนในห้องนี้มองเห็นหล่อนพร้อมๆ กัน“มาแล้ว ว่าที่เจ้าสาว” นายจารึก เรืองยศเอ่ยทักหลานสาวแทนขวัญเข้ามายกมือไหว้แล้วไปนั่งข้างๆ มารดา...“ใครจะแต่งงานคะ”“เจ้าแหละ แทน”“แทนหรือคะ คุณปู่” ถามย้ำอีกครั้งเพื่อความมั่นใจ หล่อนไม่เคยคิดจะแต่งงาน ในสมองตอนนี้มีแต่เรื่องงานเท่านั้นชีวิตคู่ยังอีกไกล ไม่พร้อม…และยังไม่เจอคนถูกใจด้วย“ใช่”“แต่แทนไม่คิดอยากแต่ง”“ไม่แต่งไม่ได้” เสียงบอกค่อนข้างเด็ดขาด และแทนขวัญก็ไม่ได้นิ่งฟังเหมือนกัน หล่อนถามออกมาทันที“ทำไมคะ”แน่ละว่าตอนนี้พ่อแม่หล่อนเริ่มหายใจไม่คล่องเพราะกลัวว่าปู่กับหลานจะ ‘งัดข้อ’ กัน นายจารึกรักหลานสาวคนเล็กมากอยู่ แต่อารมณ์ที่เรียกว่าเป็นคนชอบทำตัวเผด็จการก็มีมากอยู่เสมอเหมือนกัน นิสัยเรื่องนี้ไม่สามารถแก้ไขได้มาช้านาน แต่ออกจะเกินไปในหลายหนและหลานรักอย่างแทนขวัญก็เป็นหลานคนที่ปะทะกับนายจารึกมากกว่าพี่สาวอีกสองคนที่แยกตัวแต่งงานไปแล้ว หล่อนหัวดื้อกว่านายจารึกยังเคยออกปาก การบังคับหล
คุณปู่มา...มีเด็กขึ้นมาบอกแทนขวัญขยับตัวอยู่บนที่นอนหนาไม่นุ่มมากนักและไม่แข็งจนเกินไป กำลังพอดีและเป็นที่นอนติดสปริงที่พอขยับตัวก็จะไหวยวบตาม...ที่จริงหล่อนนิยมเตียงน้ำ แต่มารดาไม่เห็นด้วย เธอมีความวิตกมากเกินไปว่าหากมันแตกปริขึ้นมาจะทำอย่างไรได้ เธอห่วงว่าหล่อนจะจมน้ำตาย ไม่รู้ว่าเป็นความเชื่อแบบไหนและหล่อนก็ไม่อยากทำให้เธอกังวล เลยยอมปฏิเสธเตียงที่อยากจะได้มารดาเปลี่ยนเตียงและที่นอนให้ใหม่เมื่อหล่อนกลับมาบ้านหนนี้...หล่อนจากบ้านไปสองปีไปเรียนต่อในระดับปริญญาเอกและได้กลับมาอย่างสมภาคภูมิ...ปริญญาเอกทางวิศวกรรมสิ่งแวดล้อม...กลับมาทำงานที่บริษัทเดิมหล่อนลาไปเรียนต่อและไม่ได้คิดจะกลับมาทำงานที่เดิม แต่เมื่อหล่อนกลับมาบ้านเมื่อสองเดือนก่อน ทางบริษัทเดิมเรียกหล่อนไปพบแล้วแจ้งมาว่ายังยินดีรับหล่อนเข้าทำงานด้วยเงินเดือนที่น่าพอใจทีเดียวแทนขวัญไม่ได้เสียเวลาคิดตรงนั้นนานนัก เพราะหล่อนยังมีเยื่อใยกับเพื่อนร่วมงานเก่าๆ เจ้านายเก่าๆ ตอนหล่อนทำงานครั้งแรกเมื่อจบปริญญาโท หล่อนก็ทำอยู่ที่บริษัทนั้นเป็นปีแล้วค่อยลาออกไปเรียนต่อด้วยเงินทุนที่บ้าน ไม่ได้รับเงินทุนของบริษัทหรือที่ไหน ทั้งพ่อทั้
ป้ายชื่อร้านนั้นดูโดดเด่นเพราะเป็นการเขียนด้วยตัวอักษรแบบคัดลายมือไทยเล่นหาง...ตัวเอียงจากซ้ายไปขวา...ตัวอักษรที่ขยายขนาดใหญ่นั้นบอกความสวยงามหาไหนเปรียบ...เป็นชื่อที่แกะอยู่บนแผ่นหินสีเขียวขนาดใหญ่...เป็นหินเขียวที่มีอายุของการจมอยู่ในดินนั้นเรียกว่านานนับร้อยหรือพันปี...แต่จะนานเท่าไหร่ ‘เขม’ ผู้เป็นเจ้าของร้านและเจ้าของป้ายชื่อที่ว่านี้ไม่ได้ใส่ใจ เขาเพียงแต่คุยอวดว่า“หากปล่อยเจ้าหินสีเขียวพวกนี้อยู่นานไปอีกสักหน่อย จะกลายเป็นหยก”จะมีคนเชื่อเขาสักกี่คน เพราะเขาไม่ได้เป็นนักธรณีวิทยา...ดอกเตอร์พลาย ผู้จบดีกรีปริญญาเอกทางเศรษฐศาสตร์ที่เชี่ยวชาญทั้งเศรษฐศาสตร์ระดับจุลภาค และมหภาค และยังชำนาญทั้งเศษฐศาสตร์ต้องการการอธิบายในด้านคณิตศาสตร์หรือจะให้เป็นเชิงพรรณาเจ้าดอกเตอร์ก็สามารถพูดได้หมด เคยท้วงว่า…อีกสักหน่อยของเอ็ง คงจะต้องล้านปีเป็นอย่างน้อย...จากหินสีถึงจะเป็นหยกล้ำค่า…แต่เขมไม่ได้สะดุ้งสะเทือนกับคำขัดนั้น เพราะเขาถือว่าเขาก็สันนิษฐานไป...เขาเป็นแค่พ่อครัวคนหนึ่ง...อ่อนน้อมถ่อมตนนักและเขาก็มีเรื่องที่คุยเกี่ยวกับตัวเองได้เต็มปาก“จบคหกรรมฯ ครับ แล้วมาทำครัว เป็นพ่อครัว”เขาไ