ป้ายชื่อร้านนั้นดูโดดเด่นเพราะเป็นการเขียนด้วยตัวอักษรแบบคัดลายมือไทยเล่นหาง...ตัวเอียงจากซ้ายไปขวา...ตัวอักษรที่ขยายขนาดใหญ่นั้นบอกความสวยงามหาไหนเปรียบ...เป็นชื่อที่แกะอยู่บนแผ่นหินสีเขียวขนาดใหญ่...เป็นหินเขียวที่มีอายุของการจมอยู่ในดินนั้นเรียกว่านานนับร้อยหรือพันปี...แต่จะนานเท่าไหร่ ‘เขม’ ผู้เป็นเจ้าของร้านและเจ้าของป้ายชื่อที่ว่านี้ไม่ได้ใส่ใจ เขาเพียงแต่คุยอวดว่า
“หากปล่อยเจ้าหินสีเขียวพวกนี้อยู่นานไปอีกสักหน่อย จะกลายเป็นหยก”
จะมีคนเชื่อเขาสักกี่คน เพราะเขาไม่ได้เป็นนักธรณีวิทยา...
ดอกเตอร์พลาย ผู้จบดีกรีปริญญาเอกทางเศรษฐศาสตร์ที่เชี่ยวชาญทั้งเศรษฐศาสตร์ระดับจุลภาค และมหภาค และยังชำนาญทั้งเศษฐศาสตร์ต้องการการอธิบายในด้านคณิตศาสตร์หรือจะให้เป็นเชิงพรรณา
เจ้าดอกเตอร์ก็สามารถพูดได้หมด เคยท้วงว่า
…อีกสักหน่อยของเอ็ง คงจะต้องล้านปีเป็นอย่างน้อย...จากหินสีถึงจะเป็นหยกล้ำค่า…
แต่เขมไม่ได้สะดุ้งสะเทือนกับคำขัดนั้น เพราะเขาถือว่าเขาก็สันนิษฐานไป...เขาเป็นแค่พ่อครัวคนหนึ่ง...อ่อนน้อมถ่อมตนนัก
และเขาก็มีเรื่องที่คุยเกี่ยวกับตัวเองได้เต็มปาก
“จบคหกรรมฯ ครับ แล้วมาทำครัว เป็นพ่อครัว”
เขาไม่ได้อับอายในสิ่งที่ตัวเองเรียน...การเป็นหนุ่มในจำนวนไม่กี่คนที่เรียนคหกรรมฯ แวดล้อมไปด้วยสาวๆ มีความสุขน้อยเสียที่ไหน แถมเพื่อนชายรุ่นเดียวที่เรียนกับเขาอีกสามคนก็เป็นชายไม่จริงเสียอีก...ดังนั้นพวกสาวๆ ที่เรียนเวลาจะควงหนุ่มๆ ก็ย่อมต้องใช้บริการของเขาแต่ผู้เดียวเท่านั้น
เขาจึงมีเพื่อนสาวเอาไว้ควงไปดูหนังกินข้าวได้แบบไม่ซ้ำหน้า หรือไม่ก็ขนกันเป็นกลุ่ม เขาจะเป็นหนุ่มหนึ่งเดียว เหมือนไข่แดงที่พวกเพื่อนสาวพากันหวงแหนเขา กลับกลายเป็นอย่างนั้นไปเสียอีก
และแผ่นป้ายสีเขียวนี้ไม่ได้เอาขึ้นแขวนเพราะความหนักของหิน แต่เอาวางไว้กับสวนขนาดเล็กที่อยู่หน้าร้านและอยู่ในมุมที่มองเห็นได้โดดเด่นอีกด้วย
ร้านครัวคุณเขมเปิดมาได้อย่างจริงจังประมาณสองปีที่ผ่านมาหลังจากเขมตระเวนไปช่วยเพื่อนสาวๆ ที่เรียนมาด้วยกัน เขมตระเวนเดินทางไปทั่วทุกทิศเพราะแม่พวกเพื่อนสาวพากันไปเปิดร้านอาหารที่บ้านเกิดตัวเอง...เพื่อนๆ ก็อยากยื้อเขาไปเป็นพ่อครัวประจำร้าน...
เขมไม่ได้เรียกร้องค่าตัวอะไรมากมายนอกจากมีที่พักในระดับที่เรียกว่าดีหน่อย กินดี
เพราะเขมถือมากในสองเรื่องนี้ คนเรา...ชายหนุ่มบอกตัวเองมาตั้งแต่แตกเนื้อหนุ่มแล้วว่าชีวิตที่ดีต้องประกอบด้วยอีกสองสิ่งนอกเหนือจากการพร้อมในปัจจัยสี่และสุขอนามัยที่ดี นั่นคือต้องมีการกินดีและอยู่ดี
กินดีอย่างเดียว อยู่ไม่ดีก็ไม่ได้
อยู่ดีกินไม่อร่อย ก็ไม่ใช่สิ่งที่เขาต้องการอีกเหมือนกัน
เขาเดินสายไปไหนๆ ได้ทั่ว นั่นเพราะเหตุว่าเขาตัวคนเดียว...เขาโตมากับปู่...แต่ปู่ก็ตายเสียเมื่อห้าปีก่อน ญาติสายตรงคนสุดท้ายจากไปเขาก็ไม่มีใครอีกเหลือตัวคนเดียวเดี่ยวโดด แต่จะไร้ญาติเสียทีเดียวก็ไม่ใช่ เว้นแต่ว่ามันห่างออกไป เวลาทำแผนผังต้นไม้เครือญาติ เขมรู้สึกว่ามันห่างเกินกว่าจะไปนับเอามาเป็นครอบครัวเดียวกันได้อย่างสนิทใจ
เขาจึงเหมือนหนุ่มโสดโดดเดี่ยวและเขมมั่นใจตัวเองว่าเป็นหนุ่มโสดที่ไม่โฉดด้วย
เขายังไม่มีผู้หญิงคนไหน ไม่มีแอบซ่อนและไม่ทำตัวเละเทะเสเพล...แม้จะมีผู้หญิงมาติดพันเขาอยู่หลายคน...แต่แน่นอนว่าเขาคิดว่าผู้หญิงพวกนั้นรักเขาน้อยกว่ารักรสอาหารของเขา...และเขาก็หลงรูปสาวคนหนึ่งเข้าเต็มหัวใจ...
แทนขวัญ
แทนขวัญ เรืองยศ ต้องเติมดอกเตอร์นำหน้าชื่อหล่อนด้วย
ดอกเตอร์แทนขวัญ เรืองยศ
สาวสวยโดยประการหลังนี้เขาเชื่อ และเป็นคำรับรองของคุณปู่จารึกวัยหกสิบแปดที่ยังหนุ่มแน่นแข็งแรง คุณปู่จารึกรับรองหลานสาวเอาไว้เต็มที่ ถึงไม่รับรองเขมก็ไม่ติดใจอะไร...
แทนขวัญเป็นหญิงสาวที่สะสวย...แต่นั่นก็ไม่ใช่ของแปลกหรือของใหม่สำหรับเขา หญิงสวยๆ เคยมีโฉบผ่านมาใกล้ตัวเขามาก่อนแต่สวยก็คือสวย...แต่สวยแบบจะมัดใจเขาเอาไว้ด้วยนั้นยังหาไม่ได้ อาจจะเพราะไม่ได้คิดจะแสวงหา ไม่ดิ้นรนหา
แต่เมื่อปู่จารึกมาเสนอหลานสาวคนสวยให้ เขมก็คิดว่าคราวนี้เขาเจอแล้ว
นางในฝัน ใช่เลย...
คนนี้แหละ...คนนี้เลย...
แทนขวัญ ไม่มีผิดตัวแน่นอน
เว้นแต่หล่อนจะสนใจเขาแค่ไหน...ก็ดูดีกรีความรู้แตกต่างกันลิบลับ
ดอกเตอร์แทนขวัญ เรืองยศ ปริญญาเอกทางวิศวกรรม สิ่งแวดล้อม...
ส่วนเขา นายเขม เกียรติสมัย ปริญญาตรีคหกรรมศาสตร์
แต่เอาน่า...เขาอาจจะไม่ได้มีดีกรีทางสายวิทยาศาสตร์ให้เชิดชูหน้าตา...สมมาดชายแต่เขาก็มีวิชาความรู้พอตัว
ร้านครัวคุณเขมที่เป็นแหล่งทำมาหาเงินได้กำลังดีวันดีคืน...
เขมวางเรื่องราวทั้งหมดก่อน แล้วก้าวเข้ามาในร้าน...เกือบจะได้เวลาเปิดร้านช่วงเย็นแล้ว...ทุกสิ่งทุกอย่างในร้านเตรียมพร้อม โต๊ะทุกโต๊ะเป็นระเบียบตามที่เขากำหนดเอาไว้...โต๊ะเก้าอี้เป็นระเบียบสะอาด...ทุกโต๊ะปูด้วยผ้าสีขาวเนื้อหนา แจกันดอกไม้กลางโต๊ะ เน้นดอกไม้สดทุกวัน หนักไปทางกุหลาบจะสีอะไรก็ได้ขอให้มีดอกไม้...พื้นในร้านต้องสะอาดไม่มีฝุ่นไม่มีสิ่งปฏิกูลใดๆ บนเพดานและฝาผนังต้องเอี่ยมเช่นกัน
ภาพประดับผนังไม่พร่ามัวเพราะมีฝุ่นจับ...เอามือลูบตามกรอบหรือตามพื้นที่ตรงไหนๆ ของร้านจะต้องปราศจากฝุ่น...
อาหารจะอร่อยไม่พอ บรรยากาศการกินต้องดี สะอาดเป็นหลัก...เขมเคยไปร้านอาหารแห่งหนึ่งซึ่งมีคนนิยมกินอาหารจำนวนมากเพราะเน้นราคาไม่แพง อาหารอร่อย...แต่บรรยากาศร้านนั้นชวนช็อก...พื้นนั้นมีคราบเขม่าหนาๆ เกาะติด หม้อที่ใช้ใส่ข้าวเสิร์ฟมีรอยบุบและกระดำกระด่างบอกถึงการใช้งานอันสมบุกสมบันจะว่าเป็นเพราะลูกค้านิยมก็ไม่น่าดูนัก ไม่ติดแอร์ ตั้งโต๊ะชิดกัน...บรรยากาศไม่น่านั่งกินข้าวเอาเสียเลย แต่ลูกค้าก็แน่น เพราะมีรสอาหารดี
แต่นั่นไม่ใช่ที่ร้านเขาแน่นอน...
เขาเน้นบรรยากาศด้วย...สะอาด...สบายตา
ภาชนะที่ใส่อาหารต้องสะอาดและดูดี...จานบิ่นช้อนบุบไม่เอาและเสิร์ฟข้าวมาในจานหากลูกค้าจะรับข้าวอย่างเป็นโถก็จะเสิร์ฟมาในชามที่เข้าชุดกับจานชามที่เสิร์ฟ แต่เป็นอย่างมีฝาปิดมิดชิด...
เรียกว่าเขาพยายามทำร้านอย่างดีที่สุด...ให้ลูกค้าที่มากินข้าวที่ร้านเหมือนนั่งกินข้าวอยู่ที่บ้าน แต่เรื่องนี้เจ้าเพื่อนตัวร้ายปากเสียของเขาอย่างเจ้าพลายหรือดอกเตอร์พลายเคยบอกว่า
...เฮอะ...จานชามที่บ้านอาจจะไม่ดีเท่านี้ เอ็งเคยเห็นรึเปล่า จานชามเบญจพรรณน่ะ...
เขมหัวเราะเข้าใจคำกระทบกระแทกนั่นเรียกจานชามแก้วน้ำว่าเบญจพรรณเหมือนเรียกป่าไม้เพราะมันคละแบบคละลาย...
...ของบ้านข้า ยังจำได้ แม่ข้าแลกชามมาจากยาสีฟันบ้าง ผงซักฟอกบ้าง น้ำมันพืชบ้าง...จะเอาแบบไหน...รุ่นไหน แถมด้วยช้อนส้อมของแถม แก้วน้ำที่ข้าจำแม่นนะจากร้านทองปะยี่ห้อด้วย...
เขานึกภาพพวกนั้นออก บ้านคนทั่วไปที่การกินอยู่ประจำวันมักจะเลือกจานชามถูกๆ มาใช้ส่วนจานชามดีๆ ไม่ใช่ไม่มีหรือไม่ซื้อหามา
มีน่ะมี แต่ไม่ใช้ จะเอามาใช้ต่อเมื่อมีแขกมาบ้านหรือจะมีงานทำบุญ...มักจะเป็นเสียเช่นนั้น...
บ้านคนที่เขารู้จักจะเก็บจานชามเอาไว้จนเนื้อแตกลายงาหรือเนื้อกร่อนสึกไปเองแล้วเสียของไปโดยไม่เคยได้ใช้ ซึ่งก็ไม่เข้าใจเหมือนกันว่าทำไม
วันนี้เมนูอาหารประจำร้านที่แนะนำคือข้าวผัดน้ำพริกลงเรือ...พร้อมเครื่องแนมสารพัด มีต้มสายบัวใส่กะทิและปลาทู...ของหวานคือไอศกรีมลิ้นจี่...นอกนั้นจะเป็นอาหารที่ลูกค้าสั่งได้ตามปกติ
เขาพร้อมจะเข้าครัวแล้ว...ไม่มีอะไรยุ่งยาก เขมเข้าครัวเอง และจะออกมาคุยกับลูกค้าในตอนค่ำๆ หน่อย...เขาคิดว่าการทำร้านโดยพบปะกับลูกค้าด้วยตัวเองทำให้เขาได้รู้ว่าลูกค้าต้องการอะไร ที่นี่มีบรรยากาศเป็นกันเองอยู่แล้ว...เหมือนเพลงที่เขาเลือกเปิดที่ร้าน เขาเลือกเพลงไทยที่เป็นเพลงบรรเลงเฉพาะเสียงดนตรี ไม่มีเสียงร้อง เปิดด้วยเครื่องเสียงอย่างดีที่ตั้งแอบซ่อนมิดชิด เปิดในระดับพอดีๆ พอฟังสบายนุ่มหู...และสำหรับรายการพิเศษค่ำคืนนี้ เขามีแขกคนสำคัญจะแวะมา
ปู่จารึกนั่นเอง ปู่จารึกบอกจะมาถึงในตอนสิบเก้านาฬิกา และจะมาพร้อมกับแขกคนพิเศษให้เขาเซอร์ไพรส์
เขมไม่มีเวลาจะคิดแล้วว่าลูกค้าคนพิเศษของร้านจะเป็นใคร เขามีแต่งานปรุงอาหารที่รอเขาอยู่
คุณปู่มา...มีเด็กขึ้นมาบอกแทนขวัญขยับตัวอยู่บนที่นอนหนาไม่นุ่มมากนักและไม่แข็งจนเกินไป กำลังพอดีและเป็นที่นอนติดสปริงที่พอขยับตัวก็จะไหวยวบตาม...ที่จริงหล่อนนิยมเตียงน้ำ แต่มารดาไม่เห็นด้วย เธอมีความวิตกมากเกินไปว่าหากมันแตกปริขึ้นมาจะทำอย่างไรได้ เธอห่วงว่าหล่อนจะจมน้ำตาย ไม่รู้ว่าเป็นความเชื่อแบบไหนและหล่อนก็ไม่อยากทำให้เธอกังวล เลยยอมปฏิเสธเตียงที่อยากจะได้มารดาเปลี่ยนเตียงและที่นอนให้ใหม่เมื่อหล่อนกลับมาบ้านหนนี้...หล่อนจากบ้านไปสองปีไปเรียนต่อในระดับปริญญาเอกและได้กลับมาอย่างสมภาคภูมิ...ปริญญาเอกทางวิศวกรรมสิ่งแวดล้อม...กลับมาทำงานที่บริษัทเดิมหล่อนลาไปเรียนต่อและไม่ได้คิดจะกลับมาทำงานที่เดิม แต่เมื่อหล่อนกลับมาบ้านเมื่อสองเดือนก่อน ทางบริษัทเดิมเรียกหล่อนไปพบแล้วแจ้งมาว่ายังยินดีรับหล่อนเข้าทำงานด้วยเงินเดือนที่น่าพอใจทีเดียวแทนขวัญไม่ได้เสียเวลาคิดตรงนั้นนานนัก เพราะหล่อนยังมีเยื่อใยกับเพื่อนร่วมงานเก่าๆ เจ้านายเก่าๆ ตอนหล่อนทำงานครั้งแรกเมื่อจบปริญญาโท หล่อนก็ทำอยู่ที่บริษัทนั้นเป็นปีแล้วค่อยลาออกไปเรียนต่อด้วยเงินทุนที่บ้าน ไม่ได้รับเงินทุนของบริษัทหรือที่ไหน ทั้งพ่อทั้
โอ...ไม่...การแต่งงานที่ไม่เกิดเพราะตัวหล่อนเองเห็นชอบด้วยจะไม่มีวันเกิดขึ้นแทนขวัญไม่อาจจะทนรออยู่เพียงภายนอกได้อีกแล้ว หล่อนก้าวพรวดเข้ามาในห้อง...ทุกคนในห้องนี้มองเห็นหล่อนพร้อมๆ กัน“มาแล้ว ว่าที่เจ้าสาว” นายจารึก เรืองยศเอ่ยทักหลานสาวแทนขวัญเข้ามายกมือไหว้แล้วไปนั่งข้างๆ มารดา...“ใครจะแต่งงานคะ”“เจ้าแหละ แทน”“แทนหรือคะ คุณปู่” ถามย้ำอีกครั้งเพื่อความมั่นใจ หล่อนไม่เคยคิดจะแต่งงาน ในสมองตอนนี้มีแต่เรื่องงานเท่านั้นชีวิตคู่ยังอีกไกล ไม่พร้อม…และยังไม่เจอคนถูกใจด้วย“ใช่”“แต่แทนไม่คิดอยากแต่ง”“ไม่แต่งไม่ได้” เสียงบอกค่อนข้างเด็ดขาด และแทนขวัญก็ไม่ได้นิ่งฟังเหมือนกัน หล่อนถามออกมาทันที“ทำไมคะ”แน่ละว่าตอนนี้พ่อแม่หล่อนเริ่มหายใจไม่คล่องเพราะกลัวว่าปู่กับหลานจะ ‘งัดข้อ’ กัน นายจารึกรักหลานสาวคนเล็กมากอยู่ แต่อารมณ์ที่เรียกว่าเป็นคนชอบทำตัวเผด็จการก็มีมากอยู่เสมอเหมือนกัน นิสัยเรื่องนี้ไม่สามารถแก้ไขได้มาช้านาน แต่ออกจะเกินไปในหลายหนและหลานรักอย่างแทนขวัญก็เป็นหลานคนที่ปะทะกับนายจารึกมากกว่าพี่สาวอีกสองคนที่แยกตัวแต่งงานไปแล้ว หล่อนหัวดื้อกว่านายจารึกยังเคยออกปาก การบังคับหล
“เอ๊ะ…ไม่มีผู้หญิง”มีแต่พนักงานหนุ่มๆ เสื้อผ้าไทยตัดแบบคอปิดแขนยาวสีออกครีมๆ กับกางเกงฝ้าฝ้ายผสมไหมสีน้ำตาลเข้มเล็กน้อย...ดูสะอาดสะอ้านแต่มีแต่ผู้ชายล้วนๆ“เค้าไม่จ้างผู้หญิงหรือคะ”“ไม่รู้ซิ ไหนว่าเคยมา”“ก็นานแล้วนะคะ ตอนนั้นไม่ทันสังเกต”นายสหชาติคร้านจะพูดว่าคราวนั้นไม่สังเกต แต่คราวนี้ภรรยาเขาสังเกตละเอียดยิบตั้งแต่ก้าวเท้าเข้ามา“เป็นไปได้ไหมคะ” เธอพึมพำถามต่อ ไหวระแวง “เจ้าของร้านหนุ่มโสดอายุสามสิบ เรียนจบคหกรรมฯ เด็กในร้านผู้ชายล้วน...ตัวเองเข้าครัวทำอาหาร...เขาอาจจะเป็นเกย์”นายสหชาติสะดุ้ง พูดไม่ออก“หากใช่...เท่ากับคุณพ่อจะลากเอาหลานไปลงนรก”“อาจจะไม่ใช่น่า...คุณพ่อไม่ได้เป็นคนที่ใครจะตบตาหลอกท่านได้”“แต่มีถมไปนะคะ” เสียงกระซิบยังตามมาไม่ยอมกันเสียทีเดียว “เกย์หลายคนแอบเสียจนสนิท...เรียกว่าไม่ใช่หมู่ ใช่พวกเดียวกันหรือมีใครตามไปเจอในที่สังสรรค์ลับเฉพาะก็แยกไม่ออก คุณพ่อน่ะฉลาดนะคะ แต่อย่าลืมว่าหลายคนฉลาดก็ลืมเฉลียว...แล้วยุคสมัยที่ท่านผ่านโลกมาน่ะ ท่านอาจจะไม่รู้จักมักคุ้นกับพวกเพศที่สาม”แต่นายสหชาติยังมั่นใจว่าบิดาเป็นคนที่ใครจะมาหลอกไม่ได้ และยังเป็นคนที่ฉลาดรอบรู้ไปเส
“ปลาบู่...ปลาบู่...อยู่ไหม”เสียงถามนั่นดังขึ้นพร้อมๆ กับพาตัวเองเดินลัดเลาะไปในระหว่างกองผ้าสูงและข้าวของระเกะระกะ เป็นกองผ้าที่เป็นเศษผ้าสำหรับเอามาทำสิ่งประดิษฐ์ หล่อนสอบถามจากเด็กที่นี่แล้วว่าเพื่อนหล่อนอยู่...ไม่ได้ไปไหน...เพื่อนสาวของหล่อน...ปลาบู่หรือประภาพร เพื่อนรุ่นเดียวกัน รักกันดีมาก แม้จะเรียนคนละสาขาและเอาดีคนละทาง...ปลาบู่กับหล่อนเรียนมัธยมมาด้วยกันและแยกคณะกันไปเรียน แต่ยังติดต่อกันมาตลอด...เป็นเพื่อนสนิทที่สุดคนเดียวที่แทนขวัญมี...และร่างค่อนข้างอวบ หน้ากลมๆ ก็โผล่มากะทันหันระหว่างกองผ้าสูงท่วมหัวสองกอง“จ๊ะเอ๋ ยัยแทน” ทักทายเสียงใส อารมณ์ดี…หากไม่มีความขาวของผิวพรรณก็คงจะไม่พ้นสภาพมอมแมมไปได้เพราะเจ้าตัวเข้าไปคุ้ยหาของประภาพรทำอาชีพส่วนตัวโดยสานต่อจากครอบครัว กึ่งๆ จะเป็นงานหัตถกรรมการประดิษฐ์ของจากเศษผ้า…หล่อนเรียนจบมาด้านบัญชีแต่มาทำงานให้ครอบครัว และไม่ได้ดูแลแค่การเงินและเอกสาร…สินค้าที่นี่กลายเป็นสินค้าที่ได้ส่งออกและมีการจ้างแรงงานหญิงเข้ามาทำ…งานที่แทนขวัญมองเห็นยังไม่อยากเชื่อเลยว่าเศษผ้าก็จะแปรรูปไปเป็นสินค้าได้มากมายหลายอย่างแต่งานประดิษฐ์ของจากอย่างอื่
“ปลาบู่...ปลาบู่...อยู่ไหม”เสียงถามนั่นดังขึ้นพร้อมๆ กับพาตัวเองเดินลัดเลาะไปในระหว่างกองผ้าสูงและข้าวของระเกะระกะ เป็นกองผ้าที่เป็นเศษผ้าสำหรับเอามาทำสิ่งประดิษฐ์ หล่อนสอบถามจากเด็กที่นี่แล้วว่าเพื่อนหล่อนอยู่...ไม่ได้ไปไหน...เพื่อนสาวของหล่อน...ปลาบู่หรือประภาพร เพื่อนรุ่นเดียวกัน รักกันดีมาก แม้จะเรียนคนละสาขาและเอาดีคนละทาง...ปลาบู่กับหล่อนเรียนมัธยมมาด้วยกันและแยกคณะกันไปเรียน แต่ยังติดต่อกันมาตลอด...เป็นเพื่อนสนิทที่สุดคนเดียวที่แทนขวัญมี...และร่างค่อนข้างอวบ หน้ากลมๆ ก็โผล่มากะทันหันระหว่างกองผ้าสูงท่วมหัวสองกอง“จ๊ะเอ๋ ยัยแทน” ทักทายเสียงใส อารมณ์ดี…หากไม่มีความขาวของผิวพรรณก็คงจะไม่พ้นสภาพมอมแมมไปได้เพราะเจ้าตัวเข้าไปคุ้ยหาของประภาพรทำอาชีพส่วนตัวโดยสานต่อจากครอบครัว กึ่งๆ จะเป็นงานหัตถกรรมการประดิษฐ์ของจากเศษผ้า…หล่อนเรียนจบมาด้านบัญชีแต่มาทำงานให้ครอบครัว และไม่ได้ดูแลแค่การเงินและเอกสาร…สินค้าที่นี่กลายเป็นสินค้าที่ได้ส่งออกและมีการจ้างแรงงานหญิงเข้ามาทำ…งานที่แทนขวัญมองเห็นยังไม่อยากเชื่อเลยว่าเศษผ้าก็จะแปรรูปไปเป็นสินค้าได้มากมายหลายอย่างแต่งานประดิษฐ์ของจากอย่างอื่
“เอ๊ะ…ไม่มีผู้หญิง”มีแต่พนักงานหนุ่มๆ เสื้อผ้าไทยตัดแบบคอปิดแขนยาวสีออกครีมๆ กับกางเกงฝ้าฝ้ายผสมไหมสีน้ำตาลเข้มเล็กน้อย...ดูสะอาดสะอ้านแต่มีแต่ผู้ชายล้วนๆ“เค้าไม่จ้างผู้หญิงหรือคะ”“ไม่รู้ซิ ไหนว่าเคยมา”“ก็นานแล้วนะคะ ตอนนั้นไม่ทันสังเกต”นายสหชาติคร้านจะพูดว่าคราวนั้นไม่สังเกต แต่คราวนี้ภรรยาเขาสังเกตละเอียดยิบตั้งแต่ก้าวเท้าเข้ามา“เป็นไปได้ไหมคะ” เธอพึมพำถามต่อ ไหวระแวง “เจ้าของร้านหนุ่มโสดอายุสามสิบ เรียนจบคหกรรมฯ เด็กในร้านผู้ชายล้วน...ตัวเองเข้าครัวทำอาหาร...เขาอาจจะเป็นเกย์”นายสหชาติสะดุ้ง พูดไม่ออก“หากใช่...เท่ากับคุณพ่อจะลากเอาหลานไปลงนรก”“อาจจะไม่ใช่น่า...คุณพ่อไม่ได้เป็นคนที่ใครจะตบตาหลอกท่านได้”“แต่มีถมไปนะคะ” เสียงกระซิบยังตามมาไม่ยอมกันเสียทีเดียว “เกย์หลายคนแอบเสียจนสนิท...เรียกว่าไม่ใช่หมู่ ใช่พวกเดียวกันหรือมีใครตามไปเจอในที่สังสรรค์ลับเฉพาะก็แยกไม่ออก คุณพ่อน่ะฉลาดนะคะ แต่อย่าลืมว่าหลายคนฉลาดก็ลืมเฉลียว...แล้วยุคสมัยที่ท่านผ่านโลกมาน่ะ ท่านอาจจะไม่รู้จักมักคุ้นกับพวกเพศที่สาม”แต่นายสหชาติยังมั่นใจว่าบิดาเป็นคนที่ใครจะมาหลอกไม่ได้ และยังเป็นคนที่ฉลาดรอบรู้ไปเส
โอ...ไม่...การแต่งงานที่ไม่เกิดเพราะตัวหล่อนเองเห็นชอบด้วยจะไม่มีวันเกิดขึ้นแทนขวัญไม่อาจจะทนรออยู่เพียงภายนอกได้อีกแล้ว หล่อนก้าวพรวดเข้ามาในห้อง...ทุกคนในห้องนี้มองเห็นหล่อนพร้อมๆ กัน“มาแล้ว ว่าที่เจ้าสาว” นายจารึก เรืองยศเอ่ยทักหลานสาวแทนขวัญเข้ามายกมือไหว้แล้วไปนั่งข้างๆ มารดา...“ใครจะแต่งงานคะ”“เจ้าแหละ แทน”“แทนหรือคะ คุณปู่” ถามย้ำอีกครั้งเพื่อความมั่นใจ หล่อนไม่เคยคิดจะแต่งงาน ในสมองตอนนี้มีแต่เรื่องงานเท่านั้นชีวิตคู่ยังอีกไกล ไม่พร้อม…และยังไม่เจอคนถูกใจด้วย“ใช่”“แต่แทนไม่คิดอยากแต่ง”“ไม่แต่งไม่ได้” เสียงบอกค่อนข้างเด็ดขาด และแทนขวัญก็ไม่ได้นิ่งฟังเหมือนกัน หล่อนถามออกมาทันที“ทำไมคะ”แน่ละว่าตอนนี้พ่อแม่หล่อนเริ่มหายใจไม่คล่องเพราะกลัวว่าปู่กับหลานจะ ‘งัดข้อ’ กัน นายจารึกรักหลานสาวคนเล็กมากอยู่ แต่อารมณ์ที่เรียกว่าเป็นคนชอบทำตัวเผด็จการก็มีมากอยู่เสมอเหมือนกัน นิสัยเรื่องนี้ไม่สามารถแก้ไขได้มาช้านาน แต่ออกจะเกินไปในหลายหนและหลานรักอย่างแทนขวัญก็เป็นหลานคนที่ปะทะกับนายจารึกมากกว่าพี่สาวอีกสองคนที่แยกตัวแต่งงานไปแล้ว หล่อนหัวดื้อกว่านายจารึกยังเคยออกปาก การบังคับหล
คุณปู่มา...มีเด็กขึ้นมาบอกแทนขวัญขยับตัวอยู่บนที่นอนหนาไม่นุ่มมากนักและไม่แข็งจนเกินไป กำลังพอดีและเป็นที่นอนติดสปริงที่พอขยับตัวก็จะไหวยวบตาม...ที่จริงหล่อนนิยมเตียงน้ำ แต่มารดาไม่เห็นด้วย เธอมีความวิตกมากเกินไปว่าหากมันแตกปริขึ้นมาจะทำอย่างไรได้ เธอห่วงว่าหล่อนจะจมน้ำตาย ไม่รู้ว่าเป็นความเชื่อแบบไหนและหล่อนก็ไม่อยากทำให้เธอกังวล เลยยอมปฏิเสธเตียงที่อยากจะได้มารดาเปลี่ยนเตียงและที่นอนให้ใหม่เมื่อหล่อนกลับมาบ้านหนนี้...หล่อนจากบ้านไปสองปีไปเรียนต่อในระดับปริญญาเอกและได้กลับมาอย่างสมภาคภูมิ...ปริญญาเอกทางวิศวกรรมสิ่งแวดล้อม...กลับมาทำงานที่บริษัทเดิมหล่อนลาไปเรียนต่อและไม่ได้คิดจะกลับมาทำงานที่เดิม แต่เมื่อหล่อนกลับมาบ้านเมื่อสองเดือนก่อน ทางบริษัทเดิมเรียกหล่อนไปพบแล้วแจ้งมาว่ายังยินดีรับหล่อนเข้าทำงานด้วยเงินเดือนที่น่าพอใจทีเดียวแทนขวัญไม่ได้เสียเวลาคิดตรงนั้นนานนัก เพราะหล่อนยังมีเยื่อใยกับเพื่อนร่วมงานเก่าๆ เจ้านายเก่าๆ ตอนหล่อนทำงานครั้งแรกเมื่อจบปริญญาโท หล่อนก็ทำอยู่ที่บริษัทนั้นเป็นปีแล้วค่อยลาออกไปเรียนต่อด้วยเงินทุนที่บ้าน ไม่ได้รับเงินทุนของบริษัทหรือที่ไหน ทั้งพ่อทั้
ป้ายชื่อร้านนั้นดูโดดเด่นเพราะเป็นการเขียนด้วยตัวอักษรแบบคัดลายมือไทยเล่นหาง...ตัวเอียงจากซ้ายไปขวา...ตัวอักษรที่ขยายขนาดใหญ่นั้นบอกความสวยงามหาไหนเปรียบ...เป็นชื่อที่แกะอยู่บนแผ่นหินสีเขียวขนาดใหญ่...เป็นหินเขียวที่มีอายุของการจมอยู่ในดินนั้นเรียกว่านานนับร้อยหรือพันปี...แต่จะนานเท่าไหร่ ‘เขม’ ผู้เป็นเจ้าของร้านและเจ้าของป้ายชื่อที่ว่านี้ไม่ได้ใส่ใจ เขาเพียงแต่คุยอวดว่า“หากปล่อยเจ้าหินสีเขียวพวกนี้อยู่นานไปอีกสักหน่อย จะกลายเป็นหยก”จะมีคนเชื่อเขาสักกี่คน เพราะเขาไม่ได้เป็นนักธรณีวิทยา...ดอกเตอร์พลาย ผู้จบดีกรีปริญญาเอกทางเศรษฐศาสตร์ที่เชี่ยวชาญทั้งเศรษฐศาสตร์ระดับจุลภาค และมหภาค และยังชำนาญทั้งเศษฐศาสตร์ต้องการการอธิบายในด้านคณิตศาสตร์หรือจะให้เป็นเชิงพรรณาเจ้าดอกเตอร์ก็สามารถพูดได้หมด เคยท้วงว่า…อีกสักหน่อยของเอ็ง คงจะต้องล้านปีเป็นอย่างน้อย...จากหินสีถึงจะเป็นหยกล้ำค่า…แต่เขมไม่ได้สะดุ้งสะเทือนกับคำขัดนั้น เพราะเขาถือว่าเขาก็สันนิษฐานไป...เขาเป็นแค่พ่อครัวคนหนึ่ง...อ่อนน้อมถ่อมตนนักและเขาก็มีเรื่องที่คุยเกี่ยวกับตัวเองได้เต็มปาก“จบคหกรรมฯ ครับ แล้วมาทำครัว เป็นพ่อครัว”เขาไ