คำพูดของเขาถือได้ว่าเป็นการปิดปากพนักงานทุกคนในฝ่ายขายเฉินย่าเหลือบไปมองผู้บริหารที่ดวงตาเป็นประกายหลายคน และพูดขึ้นทันทีว่า "ผู้จัดการทั่วไป เป็นผู้จัดการหวังของเราที่รับคำสั่งจากซู่จือกรุ๊ปให้กับบริษัทค่ะ"เมื่อได้กล่าวถ้อยคำนี้แล้วคนอื่นๆต่างตกตะลึงไปชั่วขณะฉู่เฉินเป็นคนได้คำสั่งซื้อไม่ใช่เหรอ?แต่พวกเขากลับตอบสนองอย่างรวดเร็วและพยักหน้าอย่างหมดหวังทันทีโดยพูดว่า "ใช่ ใช่ มันเป็นผู้จัดการหวังของเราที่รับมันมาน่ะครับ"“อย่างที่คาดไว้มันเป็นตามที่ฉันคิดไม่มีผิด”จ้าวเหวินหยวนตบไหล่หวังซวี่อย่างกระตือรือร้นและพูดว่า "เสี่ยวหวัง ทำได้ดีมาก คุณได้รับคำสั่งซื้อจำนวนมากสำหรับบริษัทจริงๆ"“ฉันคิดว่ามันเสียความสามารถของคุณเล็กน้อยที่ได้รับการเลื่อนตำแหน่งเป็นผู้จัดการฝ่ายขาย เอาล่ะ ฉันจะเสนอนายกับรองประธานกรรมการหลิน ในตำแหน่งรองผู้จัดการทั่วไปในภายหลัง”เมื่อคำพูดของเขาจบลง ทุกคนก็มองดูหวังซวี่ด้วยความอิจฉาบนใบหน้าหวังซวี่ตื่นเต้นมากจนแทบจะส่งเสียงออกมาไม่ได้ตั้งแต่ผู้จัดการฝ่ายขายไปจนถึงรองผู้จัดการทั่วไป นี่มันสุดยอดเกินไปแล้ว!เขาพยักหน้าอย่างกระตือรือร้นทันทีและกล่าวว่า
หวังซวี่จัดแจงเนคไทของเขาโดยสัญชาตญาณและเคาะประตูในขณะนี้ ซู่จื่อเหยียนกำลังปฏิบัติหน้าที่ของเธออยู่ เมื่อเธอได้ยินเสียงเคาะประตู เธอก็พูดว่า “เชิญเข้ามาได้”หลังจากที่หวังซวี่เข้ามา ซูจื่อเหยียนก็เงยหน้าขึ้นมองเขาและพูดว่าค่อนข้างแปลกใจ "คุณเป็นใครคะ?""สวัสดีครับประธานซู่ ผมชื่อหวังซวี่ ผมเป็นผู้จัดการฝ่ายขายของบริษัทแจฟฟรีย์ คอสเมติกส์ จำกัด คราวนี้ผมมาที่นี่เพื่อเซ็นสัญญากับคุณในนามของบริษัท..." หวังซวี่ กล่าวอย่างสุภาพ"เข้าใจแล้ว"ทันใดนั้น ซู่จื่อเหยียนก็มีความกระตือรือร้นมากขึ้น และพูดว่า "ผู้จัดการหวัง รบกวนนั่งก่อนค่ะ"เธอลุกขึ้นอีกครั้งและชงชาดำอันล้ำค่าหนึ่งถ้วยให้กับหวังซวี่เป็นการส่วนตัวหวังซวี่ จิบชาดำ รู้สึกถึงกลิ่นหอมที่ยังคงอยู่บนริมฝีปากและฟันของเขา คิ้วของเขาเต็มไปด้วยความภาคภูมิใจฉู่เฉิน ฉู่เฉิน ฉันยังคงอยากจะขอบคุณแกจริงๆถ้าไม่ใช่เพราะแก ฉันจะได้ลิ้มรสชาดีๆ แบบนี้ได้ยังไงกันนะ? ทั้งยังได้มองดูซู่จื่อเหยียน หญิงสาวสวยจากหนานเจียงอย่างใกล้ชิดอีกเหรอ?ฮ่าๆๆ!ในไม่ช้า ซู่จื่อเหยียนก็นำสัญญาที่เตรียมไว้ล่วงหน้าออกมาและส่งให้หวังซวี่โดยพูดว่า "ผู้จัดการหว
ด้วยเหตุนี้ หวังซวี่จึงเดินออกจากซู่จือกรุ๊ปไปด้วยความงุนงงถังรัวเว่ยที่รออยู่ที่ประตูก็ได้มารอต้อนรับเขาในทันทีและพูดว่า "หวังซวี่ เป็นยังไงบ้างคะ? เซ็นสัญญาเรียบร้อยแล้วใช่ไหมคะ?"“ยังต้องถามอีกเหรอ? นายน้อยหวังออกหน้าขนาดนี้แล้ว ไม่มีอะไรที่ไม่สามารถทำได้อยู่แล้ว” กัวรุ่ยและเฉินย่าพูดด้วยสีหน้าเยินยอหวังซวี่แสดงสีหน้าดูไม่ได้ยิ่งกว่าร้องไห้ และพูดไปว่า "เรื่องนั้น ฉัน... ฉันไม่ได้เซ็นสัญญา..."ห้ะ?ทุกคนตัวชาในทันที ราวกับว่าพวกเขาถูกสาดด้วยน้ำเย็นเต็มๆสีหน้าของถังรัวเว่ยเปลี่ยนไปเล็กน้อย และรีบร้อนถาม "เกิดอะไรขึ้นกันแน่คะ? คุณไม่ได้เซ็นสัญญาได้ยังไงกัน?"“ประธานซู่จือกรุ๊ปบอกว่าเธอยอมรับแค่ไอ้ฉู่เฉินเท่านั้น ไม่เช่นนั้นเธอจะไม่ร่วมมือกับบริษัทของเรา” หวังซวี่ พูดทั้งน้ำตาคลอ"อะไรนะ?"ทุกคนอุทานออกมาด้วยความประหลาดใจทันทีซู่จือกรุ๊ปยอมรับแค่ฉู่เฉิน?มันจะเป็นไปได้ยังไงกัน?กัวรุ่ยพูดอย่างติดอ่างว่า "หวัง... นายน้อยหวัง งั้นพวกเราควรทำยังไงดีในตอนนี้? ถ้าเกิดรู้ว่าฉู่เฉิน ถูกคุณไล่ออกไปแล้ว ... ""เรารีบกลับกันก่อนเถอะ แล้วค่อยว่ากันที่หลัง" หวังซวี่ถอนหายใจ รู้สึก
หวังซวี่กังวลว่าจะไม่สามารถหาที่ระบายความโกรธได้ เขาจึงตบไปที่หน้าเธอหนึ่งที:“ฉันจะจัดการเอง ไม่ได้ยินที่ผู้จัดการพูดเหรอ? ทุกคนต้องไปเชิญฉู่เฉินกลับมา ไม่อย่างนั้นทุกคนจะฉิบหายไปด้วยกันทั้งหมดนี่แหละ”ทันทีที่คิดว่าเขาเพิ่งเตะฉู่เฉินออกไปอย่างหยิ่งพยอง และต้องแบกหน้ากลับไปขอร้องเขา จิตใจของหวังซวี่ก็อึดอัดพอๆ กับการกินอุจจาระนั่นแหละเขาหึอย่างเย็นชา และพูดว่า "รั่วเวย คนเดียวในกลุ่มพวกเราที่มีเบอร์โทรศัพท์ของฉู่เฉินก็คือเธอ ตอนนี้เธอต้องไปโทรหาเขาให้กลับมาบริษัทซะ"“ใช่แล้ว ใช่แล้ว รั่วเวย ไอ้หนุ่มนั้น ฉู่เฉินไม่ได้ชอบเธอเหรอ? ตราบใดที่เธอยอมเปิดปากคุยกับเขา เขาจะต้องรีบย้ายก้นกลับมาอย่างทันทีแน่ๆ” กัวรุ่ยเห็นด้วยแม้ว่า ถังรัวเว่ยในใจจะไม่เต็มใจทำ แต่เธอก็ต้องโทรหาฉู่เฉินอย่างไร้ยางอาย"ขออภัย หมายเลขผู้ใช้บริการปิดเครื่อง..." ใบหน้าของ ถังรัวเว่ยแสดงอาการไม่พอใจ เมื่อได้ยินเสียงแจ้งจากปลายสาย “เขาปิดเครื่องไปแล้ว”"ให้ฉันลองดูหน่อยสิ" หวังซวี่ขอหมายเลขและโทรหาฉู่เฉินครั้งนี้โทรติดหวังซวี่ยิ้มทันทีและพูดว่า "ฉู่เฉิน ฉันเอง หวังซวี่..."บี๊บ!ก่อนที่เขาจะทันได้พูดจบ โทร
เมื่อเกิดเสียงดังขึ้นอย่างกะทันหัน ทั้งวิลล่าตระกูลฉีก็ได้เงียบลงทันทีพวกเขาได้ยินไม่ผิดไปใช่ไหม?น่าแปลกมากที่จะมีคนมอบโกศและพวงหรีด ให้กับฉีเทียนเหอในงานเลี้ยงวันเกิดของเขา?แม้กระทั่งพูดคำอัปมงคลต่อฉีเทียนเหอให้รีบกลับลงหลุมเร็วๆ ?“ขวับ!”ทุกคนพร้อมใจกันหันไปมองทางเข้าวิลล่าอย่างไม่เชื่อสายตาซึ่งรวมถึง ฉีเทียนเหอและสมาชิกทุกคนของตระกูลฉีที่อยู่ด้วยเห็นชายคนหนึ่งสวมหน้ากากทองสัมฤทธิ์เดินเข้ามาอย่างภาคภูมิใจชายคนนั้นคือฉู่เฉินนั่นเองมือข้างหนึ่งถือโกศสีดำ และอีกมือนึงถือพวงหรีดหนึ่งคู่แม้ว่าเขาจะสวมหน้ากากเอาไว้ แต่แววตาอาฆาตพยาบาทของเขาก็ส่งรังสีทะลุหน้ากากออกมา ทำให้ทุกคนถึงกับต้องสั่นสะท้านในขณะนั้นเอง ฉีเทียนเหอก็หรี่ตาลงและใบหน้าที่เต็มไปด้วยจุดด่างดําของผู้เฒ่า ก็มองไปด้วยเจตนาที่คับแค้นใจเศษซากของสถานรับเลี้ยงเด็กชิงซาน!ในที่สุดแกก็โผล่หัวออกมาจนได้!แขกในงานเลี้นงก็แสดงท่าทางตอบกลับ และตะโกนใส่ฉู่เฉินอย่างดุเดือด “แกเป็นใคร ไสหัวออกไปเดี๋ยวนี้!”ฉู่เฉินยังคงเงียบและเดินเข้าไปทีละก้าวเพื่อตรงไปยังฉีเทียนเหอที่อยู่ห่างไกล“หยุดเดี๋ยวนี้ ไม่อย่างนั้นวันน
เธอมองดูหน้ากากบนใบหน้าของฉู่เฉินอย่างสงสัย และพึมพำ “ชายสวมกาก ฉันเริ่มอยากจะจับแกมากขึ้นเรื่อยๆแล้วสิ”“จากนั้นก็ถอดหน้ากากของแกออก แล้วดูว่าจริงๆ แล้วแกหน้าตาเป็นยังไงกันแน่!”เมื่อได้ยินคำพูดเหล่านี้ ชายนอกเครื่องแบบที่อยู่ข้างๆ ใบหน้าก็กระตุกอย่างรุนแรงคุณจะจับเขาเหรอ?เอาอะไรไปจับ? เอาขายาวๆ 1.2 เมตรของคุณไปจับเหรอ?“แปะ แปะ แปะ!”เสียงปรบมือที่เร่งรีบและทรงพลังทำลายความเงียบไปทั่วบริเวณ: "โอเค ดีมาก ทำได้ดีนี่"ฉีเทียนเหอยืนขึ้นในขณะที่ปรบมือ เขาก็ได้พูดว่า: "เป็นอย่างที่คาดไว้ แกก็คือคนที่เหลือรอดของสถานรับเลี้ยงเด็กชิงซาน ที่ตระกูลฉีได้ตามหามานานถึงสิบสองปี" “ฉันใช้เงินไปมากมาย เพื่อฝึกฝนบอดี้การ์ดหลายสิบคนในตระกูล สามารถจัดการคนนับสิบได้เพียงแค่ตัวคนเดียว แต่พวกเขากลับดูอ่อนแออย่างกับมดเมื่ออยู่ในมือของแก”“ต้องบอกว่า แกมันคือเจ้าปลาที่หลุดจากอวนออกไปในตอนนั้น มันทำให้ฉันประหลาดใจซะจริงๆ”ฉีเทียนเหอพูดขณะที่เขามองไปที่ฉู่เฉินด้วยรอยยิ้มบนใบหน้า ราวกับว่าไม่เคยเห็นเหตุการณ์นี้มาก่อนฉู่เฉินยิ้มอย่างเย็นชาและเผยฟันขาวของเขา “ไอ้หน้าหมาฉี ใครๆ ก็บอกว่าคนดีจะมีอาย
ในห้องลับใต้ดินของตระกูลฉีหนิงชิงเสว่ได้ตื่นขึ้นมาอย่างเงียบๆ จากอาการโคม่าของเธอหลังจากที่รู้ว่ามือและเท้าได้ถูกมัดเอาไว้ เธอก็ได้กรีดร้องออกมาโดยสัญชาตญาณ แต่เนื่องจากมีเทปกาวที่ปิดปากเอาไว้ จึงไม่สามารถส่งเสียงใดๆออกมาได้ลักพาตัว!ในขณะนั้น ความคิดนี้ก็แว้บขึ้นมาในหัวของหนิงชิงเสว่เธอรีบจัดแจงความคิดของเธออย่างรวดเร็ว และความคิดของเธอก็ยิ่งชัดเจนขึ้นในทันทีตระกูลฉีจับฉันมา!ไม่เพียงเท่านั้น ฉันเกรงว่าแม้แต่อุบัติเหตุทางรถยนต์ที่เกิดขึ้นก็มาจากคนในตระกูลได้จัดเตรียมเอาไว้ตระกูลฉีต้องการจะทำอะไรกันแน่?เธอรู้สึกไม่สบายใจอย่างมากและอดไม่ได้ที่จะดิ้นรนอย่างสิ้นหวัง แต่มันก็ไร้ประโยชน์ขณะที่เธอกำลังจมอยู่ในความสิ้นหวังนั้น เธอก็ได้ยินเสียงที่ดังมาจากด้านหลังเธอพยายามที่จะหันไปมองเห็นผู้หญิงคนหนึ่งในชุดเครื่องแบบโรงพยาบาล ดูท่าทางแล้วไม่ค่อยเรียบร้อยพรุงพรัง อุ้มตุ๊กตาสกปรกๆเอาไว้ในอ้อมแขน ซุกตัวอยู่ตรงมุมห้อง บ่นพึมพำกับตัวเอง และมีน้ำลายไหลลงมาที่ริมฝีปากเป็นครั้งคราว“ฮิฮิ เสี่ยวสือโถวเป็นเด็กดี ป้าหลานจะพาไปหาหมอเองนะ ไม่ต้องกลัวโดนฉีดยานะคะ…”“เสี่ยวสือโถว หิวไ
“มันจะเป็นอะไรอีกล่ะ? นี่เป็นสิ่งที่จะทำให้เธอนอนหลับฝันดีต่างหาก”ชายเปลือยท่อนบนตอบกลับตามสัญชาตญาณ และหันกลับมามองเธอ “เธอ... ตื่นแล้วเหรอ?”เขารีบวิ่งออกจากประตูแล้วตะโกนว่า "ลูกพี่ รีบไปแจ้งนายน้อยเฟิง ว่าผู้หญิงคนนี้ตื่นแล้ว"ไม่นาน ชายร่างยักษ์ก็เข็นชายหนุ่มเข้ามาในห้องชายหนุ่มนั่งอยู่ในรถเข็น โดยมีแขนขาทั้งหมดสวมเฝือกอยู่จะเป็นใครได้อีก ถ้าไม่ใช่ฉีเฟิง?หนิงชิงเสว่มองเขาอย่างเย็นชาแล้วพูดว่า "ฉีเฟิง ตระกูลฉีของแกกล้าดียังไงมาลักพาตัวฉัน!"ในขณะนี้ ฉีเฟิง หมดสิ้นความสง่างามจากสภาพก่อนหน้านี้ไปแล้วอย่างสิ้นเชิง และพูดด้วยสีหน้าดุร้าย "นังโสเภณี นี่คือจุดจบของแกที่มาต่อต้านฉัน เพื่อไอ้คนแซ่ฉู่นั่น"“แกไม่ต้องกังวลไปหรอกนะ หลังจากวันเกิดปู่ของฉันจบลง หนิงชิงเสว่จะเป็นผู้หญิงของฉัน ฉีเฟิงคนนี้”“ตอนนั้นฉันจะเล่นสนุกกับแกอย่างดีเลยล่ะ ฉันเห็นว่าแกมักจะเย็นชาและอวดดีขนาดไหน!”“ใช่แล้ว ฉันจะต้องฆ่าไอ้คนแซ่ฉู่นั่นต่อหน้าเธอให้ได้”"แกมันโรคจิต!"หนิงชิงเสว่ตกใจและเผยสีหน้าซีดเผือก“ใช่ ฉันมันโรคจิต ตั้งแต่ตอนที่แขนขาของฉันถูกไอ้คนนั้นทำให้พิการ ฉันก็สติไม่สมประกอบไปแล้วน่