ต้อนรับคุณชายน้อยของตนเองและก้าวเข้าสู่คฤหาสน์เหยียนด้วยกันเมื่อมีคนเข้ามาหาอย่างกะทันหันสำหรับเรื่องดังกล่าว เหยียนอู๋ซวงไม่จำเป็นต้องออกหน้าโดยตรง แม้แต่สำหรับฉีอันปัง ซึ่งเป็นหนึ่งในแปดตระกูลใหญ่ หรือแม้แต่ฉีหู้กัว วันนี้ เหยียนอู๋ซวงเป็นตัวเอก และตัวเอกเพียงแค่ต้องแสดงตัวในตอนท้ายเท่านั้นผู้ที่เข้าไปต้อนรับคือน้องชายของเหยียนอู๋ซวง เหยียนอู๋เชี่ย“คุณชายฉี ท่านแม่ทัพฉีหู้กัว ขอบคุณที่มาร่วมงาน โปรดเข้ามาข้างใน”“เป็นเธอนั่นเอง คำว่าแม่ทัพไม่ต้องพูดอีกก็ได้ เรียกฉันว่าผู้เฒ่าฉีก็พอแล้ว” เห็นได้ชัดว่าฉีกู้กัวก็รู้จักเหยียนอู๋เซี่ย หลังจากพูดแล้วก็เดินเข้าไปในคฤหาสน์ไม่กี่คน ก็ไปไกลฉู่เฉินและชิงหลงก็ปรากฏตัวที่ประตูคฤหาสน์ตระกูลเหยียนแม้ว่าทั้งคู่จะมีชื่อเสียงมาก แต่คนที่เคยเห็นเขาจริง ๆ มีน้อยมาก อย่างน้อย คนเฝ้าประตูที่นี่ก็ไม่เคยเห็นตามที่คาดไว้ เมื่อทั้งสองเดินไปถึงที่ประตูก็ถูกหยุดไว้“บัตรเชิญของพวกคุณสองคนล่ะ”ฉู่เฉินมองชิงหลงด้วยท่าทางสับสนไอ้เจ้านี่ แต่ต้นจนจบไม่เคยพูดกับเขาว่าต้องมีบัตรเชิญชิงหลงก็รู้สึกอับอายเช่นกันที่แท้ก็ต้องมีบัตรเชิญ ลูกน้องของ
ในลานบ้านชั้นเดียวอิฐสีเขียวที่ถูกปกคลุมไปด้วยดอกกุหลาบทั้งสามคนได้นั่งอยู่ตรงกลาง“ลมอะไรพัดคุณสองคนมาที่นี่ “ เหยียนอู๋ซวงถาม“ที่คุณได้เลื่อนระดับเข้าสู่ขั้นจอมยุทธ ถือเป็นเรื่องน่ายินดี เป็นปกติที่พวกเราจะมาแสดงความยินดีกับคุณ”ฉู่เฉินไม่ได้พูดอะไร ในขณะที่ชิงหลงพูดอยู่ข้างๆ“ให้มันน้อยๆหน่อย ถ้าเป็นคนอื่นพูดแบบนี้ ฉันเชื่อ แต่คนอย่างนายชิงหลงพูดแบบนี้ จะเป็นไปได้ยังไง ไม่ต้องกังวล ไม่มีใครกล้าเฝ้าติดตามฉันที่นี่ บอกมาเถอะ เกิดอะไรขึ้นกันแน่”เหยียนอู๋ซวงยิ้มจางๆ พูดครั้งเดียวก็มองเจตนาของชิงหลงออกเมื่อเห็นเช่นนี้ ชิงหลงก็เหลือบมองที่ฉู่เฉินฉู่เฉินพยักหน้าเบาๆชิงหลงถึงพูดขึ้นและเล่าถึงสถานการณ์ของหนิงชิงเสว่“คุณมีเป้าหมายที่น่าสงสัยไหม ? ” เหยียนอู๋ซวงขมวดคิ้วและถามฉู่เฉินส่ายหัว เขาค้นหาทั่วเมืองหลวงทั้งคืน ขวดหยกในมือเขาไม่มีปฏิกิริยาอะไรเลยในเวลานี้เอง มีเงาหนึ่งเดินเข้ามาจากด้านนอกด้วยท่าทางตื่นตะหนกนั่นคือเหยียนอู๋เซี่ย“พี่ชาย หวังซิงมาถึงแล้ว”เหยียนอู๋ซวงเหลือบมองน้องชายที่ไร้ความสามารถของเขาอย่างเย็นชา“เขามาก็มาสิ ต้องตกใจอะไรกัน ให้เขารอในห้องโถงร
“เอาล่ะ หยุดพูดไร้สาระได้แล้ว ตกลงว่าตระกูลเหยียนจะอยู่ข้างฉันหรือเปล่า ? บอกมาตามตรงนะ ตระกูลหาน ตระกูลจ้าว และตระกูลเว่ยเข้ากับฝ่ายฉันแล้ว แม้ว่าภายนอกตระกูลฉินดูเหมือนว่าจะถูกทำลายล้างไปแล้ว แต่ก็ยังมีคนที่ติดต่อกับบรรพบุรุษตระกูลหวังของเราอยู่”“เหยียนอู๋ซวง ถ้าไม่ใช่เห็นแก่ว่าเรารู้จักกัน ฉันคงไม่ได้มาพบคุณในวันนี้ บอกมาเถอะว่าคุณจะเลือกยังไง?”หวังซิงเปิดเผยความลับที่น่าตกตะลึงในลมหายใจเดียว“เรื่องนี้มีความสำคัญมาก ให้ฉันคุยกับบรรพบุรุษที่ตระกูลก่อน”เหยียนอู๋ซวงก็ตกตะลึงกับข่าวนี้เช่นกัน แต่ตอบโต้ในทันทีและพยายามถ่วงเวลาเอาไว้“ฉันจะให้เวลาคุณสามวัน หากไม่มีการตอบรับภายในสามวัน คุณจะกลายเป็นศัตรูของตระกูลหวังของฉัน”หวังซิงไม่ได้ชักช้า พูดจบแล้วก็ได้ออกไปทันทีฉู่เฉินและชิงหลงก็เดินออกจากห้องมา“พวกคุณทั้งสองเมื่อครู่คงได้ยินแล้วใช่ไหม ฉู่เฉิน ตระกูลหวังเตรียมพร้อมที่จะโจมตีคุณแล้ว อีกทั้งยังรวมตัวกับตระกูลใหญ่อื่นๆอีกด้วย คุณรีบไปจากเมืองหลวงให้เร็วที่สุดดีกว่า”เหยียนอู๋ซวงเร่งเร้า แต่ฉู่เฉินยังคงไม่สะทกสะท้านพูดอีกครั้งว่า “คุณไม่รู้หรือว่าสถานการณ์ปัจจุบันเป็นอย่
เพียงพริบตาเดียว ทั้งสองก็เหมือนเดินออกไปหลายสิบล้านไมล์เหยียนหนานเทียนจึงหยุดเดินและหันไปมองฉู่เฉิน“เจ้าถึงกับเปลี่ยนดินแดนเร้นลับให้กลายเป็นโลกของตัวเองจริง ๆ สมกับเป็นลูกหลานของพระเจ้าฉู่”การที่เหยียนหนานเทียนเปิดเผยตัวตนของฉู่เฉินทำให้เขาตกตะลึงอย่างมาก“อย่ากังวล หากฉันมีเจตนาไม่ดีต่อคุณ ฉันคงไม่พาคุณมาที่นี่” เหยียนหนานเทียนเห็นฉู่เฉินขนลุก ดูเหมือนแมวที่ถูกเขาลักพาตัวมา จึงพูดปลอบฉู่เฉินฉู่เฉินคิดทบทวนดู คนตรงหน้าเขาแทบไม่รู้สึกถึงลมหายใจของเขาเลย อีกทั้งตอนนี้เขาก็เข้ามาอยู่ในส่วนลึกของดินแดนเร้นลับของบ้านเขา หากเขามีเจตนาไม่ดีต่อเขาจริงๆ กลัวก็แต่ว่าเขาจะไม่มีเวลาโต้ตอบด้วยซ้ำหลังจากสงบสติอารมณ์ลงแล้ว ฉู่เฉินก็ถามว่า “ลุงเหยียน คุณรู้จักพ่อของผม?”“ไม่เพียงแต่รู้จักกันเท่านั้น แต่เขายังพี่ใหญ่ของฉันด้วย”“พี่ใหญ่ของคุณงั้นหรอ?”“ใช่แล้ว”เหยียนหนานเทียนดูเหมือนว่าจะตกอยู่ในความทรงจำพูดขึ้นเบาๆ“เมื่อนานมาแล้ว เมื่อฉันยังเป็นเพียงวัยรุ่น พวกเราเป็นพี่น้องร่วมสาบานกันและออกเดินทางสู่โลกแห่งการฝึกฝนร่วมกัน มีความสุขมาก แต่ช่วงเวลาดีๆ ไม่ได้ยาวนานนัก หลังจากที่มั
จู่ๆ ฉู่เฉินก็รู้สึกเหมือนว่าเขาเป็นคนหยิ่งยโสเล็กน้อยตั้งแต่ต้นจนจบเขาไม่เคยคิดเกี่ยวกับปัญหานี้เลย อีกทั้งยังรู้สึกว่าหลังจากที่เขาเข้าสู่ระดับจอมยุทธแล้ว การที่กระทำการอะไรก็กลายเป็นคนหุนหันพลันแล่นในขณะนี้ เมื่อมีเหยียนหนานเทียนเตือนสติ เหงื่อเย็นก็ผุดขึ้นมาด้วยความตกใจและเขาก็ยังเชื่อว่าในสิ่งที่เหยียนหนานเทียนพูดนั้นเป็นความจริง ถ้าไม่มีเขา ฉันอาจจะตายไปหลายครั้งแล้วก็ได้แต่ถึงอย่างนั้นฉู่เฉินยังคงพูดขึ้นอย่างดื้อรั้น“ผมจะไม่ไปไหนทั้งนั้น หากยังไม่พบหนอนกู่ชีวิตของพี่สาวผม”“เธอหมายถึงผู้หญิงที่อยู่ข้างๆ เธอก่อนหน้านี้ใช่ไหม?”เหยียนหนานเทียนถาม“อืม”ได้รับคำตอบจากฉู่เฉินเหยียนหนานเทียนโบกมือของเขาเบาๆ ทันใดนั้นม่านแสงก็เปลี่ยนไปอีกครั้งกระจกเรียบๆบานหนึ่ง ปรากฏขึ้นอย่างช้าๆ ต่อหน้าฉู่เฉินภายในกระจก ชายชราคนหนึ่งในชุดโบราณกำลังนั่งขัดสมาธิอยู่แค่เห็นร่างนี้ ขวดหยกที่บรรจุเลือดของหนิงชิงเสว่ก็ได้สั่นสะเทือน“นี่คือ? ” ฉู่เฉินถามด้วยความอยากรู้ฉินเหวินเทียน พ่อของฉินลี่ชุน เป็นยอดฝีมือจอมยุทธขั้นที่เก้าระดับสูงสุด” เหยียนหนานเทียนตอบคำถามเฉินเพื่อคลายควา
“ลุงเหยียนวรยุทธอยู่ขั้นไหนแล้ว?”หลังจากออกจากดินแดนเร้นลับแล้ว ฉู่เฉินก็ถามเหยาหลิงเฉินในดินแดนเร้นลับของตระกูลเหยียนก่อนหน้านี้ เหยาหลิงเฉินไม่ได้พูดอะไรเลยฉู่เฉินรู้ดีว่าวรยุทธของเหยียนหนานเทียนนั้นไม่อาจสัมผัสได้ในดินแดนลับ ฉู่เฉินเลยไม่กล้าที่จะถามด้วยซ้ำ“ลุงเหยียนคือใคร?” เหยาหลิงเฉินดูสับสน“เมื่อกี้คุณไม่เห็นผมคุยกับคนคนนั้นเลยเหรอ?”“ไม่นะ ก่อนหน้านี้ ฉันเพิ่งเห็นนายยืนอยู่หน้าม่านแสงกับเหยียนอู๋ซวงอยู่พักหนึ่ง จากนั้นนายก็ปรากฏตัวขึ้นที่นี่อย่างอธิบายไม่ได้”คำพูดของเหยาหลิงเฉินทำให้ฉู่เฉินตกใจอย่างมาก!เหยียนหนานเทียนตัดการเชื่อมต่อกับเหยาหลิงเฉินจากจิตใจของเขาเมื่อคิดอย่างละเอียด เป็นไปได้ไหมว่าเหยียนหนานเทียนได้ตรวจเจอเมืองลับแลมังกรของเขาแล้ว!จะเป็นไปได้อย่างไร!ยิ่งฉู่เฉินคิดถึงเรื่องนี้มากเท่าไร ก็ยิ่งขนลุกมากขึ้นเท่านั้นตอนนั้นเองจู่ๆ เสียงของเหยียนหนานเทียนก็ดังขึ้นอีกครั้งข้างหูของฉู่เฉิน“ฉู่เฉิน มัวจ้องมองอะไรอยู่? นายจะไปหาฉินเจิ้งเทียนไม่ใช่หรือ?”แค่คำพูดเบาๆ ก็ทำให้ฉู่เฉินตกใจลุงเหยียนไม่สนใจระยะห่าง และส่งเสียงของเขาไปที่หูของฉู่เฉินได
“เฉินเจี้ยนกั่ว อย่าเสแสร้งทำเป็นไม่รู้เรื่องต่อหน้าฉันไปหน่อยเลย ไม่ต้องห่วง ในเมื่อฉันอยู่ที่นี่แล้ว ฉันจะไม่ทำอะไรกับเขา แค่อยากจะคุยอะไรบางอย่างกับเขาเท่านั้นเอง”ผู้อาวุโสแห่งกองพลพยัคฆ์ขาวพูดด้วยความโกรธเมื่อเห็นแบบนี้เข้า อาวุโสเฉินก็หุบยิ้ม และสีหน้าก็ดีขึ้นเล็กน้อย“ตามหาเขามีเรื่องอะไร?”“ก็มาให้โอกาสแก่เขา ตราบใดที่เขาเต็มใจมอบดินแดนเร้นลับ กองพลพยัคฆ์ขาวจะยอมให้เขาบูรณะตระกูลฉู่ขึ้นมาใหม่! นายควรรู้ว่า นี่เป็นโอกาสที่ดีสำหรับฉู่เฉินที่จะบูรณะตระกูลฉู่ขึ้นมาใหม่อีกครั้งในเมืองหลวง."คำพูดนี้กองพลพยัคฆ์ขาวทำให้ผู้อาวุสโสเฉินขมวดคิ้ว“ไร้สาระ! ไม่ว่าตระกูลฉู่จะบูรณะขึ้นใหม่หรือไม่ นั้นไม่ใช่เรื่องของกองพลพยัคฆ์ขาว นายคิดว่ากองกพลพยัคฆ์ขาวได้กุมอำนาจในเมืองหลวงไว้ทั้งหมดหรือ? นอกจากนี้การที่ฉู่เฉินได้ครอบครองดินแดนเร้นลับอีก ซึ่งนั่นก็หมายความว่าต้าเซี่ยก็ได้ครอบครองด้วย นายเป็นส่วนหนึ่งของพยัคฆ์ขาว ซึ่งเป็นหนึ่งในองค์กรป้องกันประเทศของต้าเซี่ย นี่นายกำลังวางแผนที่จะแย่งชิงมันไปจากฉู่เฉิน?”การตอบโตของผู้อาวุโสเฉิน ทำให้ผู้อาวุโสแห่งกองพลพยัคฆ์ขาวพูดไม่ออกจากนั้นจึงพู
จริงๆ แล้วคฤหาสน์ตระกูลหวังตั้งอยู่ในพระราชวังเก่าที่มีอายุนับพันปีฉู่เฉินบินมาที่นี่ ตามที่เหยียนหนานเทียนบอก และไม่ทำตัวกระโตกกระตาก ดึงดูความสนใจจากผู้คนแต่ฉู่เฉินก็ไม่พบกับเป้าหมายที่ตามหาเลยสักนิดเดียว แม้ว่าในดินแดนเร้นลับของตระกูลเหยียน จะสามารถใช้กระจกเพื่อส่องหาตำแหน่งของฉินเจิ้งเทียนได้ แต่พระราชวังแห่งนี้มีขนาดใหญ่มากเกินไป จนทำให้ไม่สามารถระบุตำแหน่งที่ชัดเจนจากกระจกได้ระหว่างทาง ฉู่เฉินได้พบกับลูกศิษย์ตระกูลหวังหลายคนเขาตามหามาสักพักแล้ว แต่ก็ยังหาทางไม่พบฉู่เฉินต้องปรับเปลี่ยนวิธีการค้นหาเขาติดตามลูกศิษย์ตระกูลหวังไป และหลังจากที่เขาอยู่คนเดียว ฉู่เฉินก็ปรากฏตัวขึ้นและคว้าคอไว้ด้วยมือเดียวเมื่ออยู่ในพระราชวังนั้น ลูกศิษย์คนนี้ไม่เคยคิดว่าจะมีคนนอกบุกรุกเข้ามาจนไม่มีโอกาสได้โต้ตอบ ชีวิตของเขาตอนนี้อยู่ในกำมือของฉู่เฉิน“ฉันถาม นายตอบมา ไม่งั้นฉันจะส่งนายลงไปคุยกับไส้เดือนในดินเอง!”ฉู่เฉินค่อยๆ พูดออกมาอย่างสงบ แต่กลับเต็มไปด้วยคำข่มขู่ลูกศิษย์ตระกูลหวังไม่กล้าส่งเสียงและพยักหน้าอย่างรวดเร็วฉู่เฉินคลายมือออกเล็กน้อย เพียงเพื่อให้ลูกศิษย์พูดได้ฉู่เฉิ