"อะไรนะ?"หลินหยิงหยินอุทานด้วยความประหลาดใจเมื่อมองไปที่ฉู่เฉินที่ค่อยๆหายไป ใบหน้าของเธอเต็มไปด้วยความตกใจและพูดว่า "เขา... เขาคือปรมาจารย์ฉู่งั้นเหรอ?"จากสายตาของผู้ชมนับไม่ถ้วน ร่างหนึ่งค่อยๆ ลอยสูงขึ้นจนอยู่ในระดับเดียวกับเซี่ยจื่อเต้าบนท้องฟ้า ฉู่เฉินได้จึงหยุดเพียงเท่านั้น“ในที่สุดแกก็ตัดสินใจที่จะเผยตัวเองออกมาแล้ว ทำไมกัน ตอนที่แกได้ยินว่าฉันกำลังจะลงมือกับอารามสวรรค์ แกก็ทนไม่ไหวแล้วเหรอ?” เซี่ยจื่อเต้าแม้จะพบกับฉู่เฉินเป็นครั้งแรก แต่ก็รู้ว่าเป็นเขาได้ทันทีและพูดจาเย้ยหยัน“เป็นแค่ปรมาจารย์ระดับมหากาฬขั้นห้า แกกล้ายืนต่อหน้าฉันงั้นเหรอ? แกคงอยากจะตายสินะ การยั่วยุวิหารวรยุทธนั้น จะทำให้แกมีชะตากรรมเพียงอย่างเดียวเท่านั้น คือต้องตาย!” เซี่ยจื่อเต้ายิ้มเยาะ เพราะรู้ว่าฉู่เฉินมีระดับวรยุทธที่ต่ำกว่าหนึ่งขั้น และรู้สึกมั่นใจมากยิ่งขึ้นนี่เป็นผลลัพธ์ที่ต้องการ ฆ่าคนที่กล้ามากพอจะท้าทายวิหารวรยุทธท่ามกลางสายตาประชาชี เพื่อสร้างชื่อเสียงให้กับวิหารวรยุทธที่จะกลับมาผง่าบนโลกอีกครั้งการปรากฏตัวของฉู่เฉินนั้น ทำให้เกิดเสียงดังขึ้นที่ยอดเขาหลงหูทันที“เขาคือปรมาจารย์ฉู่อย่าง
ตอนนั้นเอง เซี่ยจื่อเต้าไม่สามารถรักษาท่าทางสงบนิ่งเหมือนก่อนหน้านี้ได้ หมัดสั่นสะเทือนความว่างเปล่า ราวกับว่าแม้แต่มิติที่มองไม่เห็นก็ไม่สามารถต้านทานพลังจากแรงหมัดได้คนทั้งบริเวณต่างอ้าปากค้าง และลูกศิษย์ของนิกายต่างๆ ต่างขยี้ตาอย่างไม่เชื่อ“ปรมาจารย์ฉู่คนนี้ไม่ใช่อยู่ขั้นห้าระดับมหากาฬหรอกหรือ? จะกดดันมหากาฬขั้นหกแบบนั้นได้ยังไงกัน เป็นไปได้ไหมที่ฉู่เฉินมีพลังที่สามารถท้าทายคู่ต่อสู้ที่อยู่เหนือระดับของเขา แม้แต่ในนิกายซ่อนเร้น ความแข็งแกร่งแบบนี้ก็ไม่มีใครเทียบได้ ในฐานะปรมาจารย์ป่าเถื่อนอย่างเขาจะบรรลุสิ่งนี้ได้ยังไงกัน”“ท้าทายคนเหนือระดับของตัวเองเหรอ อย่าไร้สาระไปหน่อยเลย เจ้าวิหารของวิหารวรยุทธยังไม่ได้ใช้พลังเต็มที่เลยนะ สิ่งที่เห็นตอนนี้เป็นเพียงเขากำลังหยอกล้อกับฉู่เฉินเอง”“บางทีเซี่ยจื่อเต้าอาจกำลังรอช่วงเวลาที่เหมาะสม ซึ่งนั่นจะเป็นโอกาสที่จะโจมตีให้ตายภายในครั้งเดียว”หลายคนที่มีสายตาเฉียบแหลม และสามารถมองได้อย่างทะลุปรุโปร่งอันที่จริงตั้งแต่เริ่มต้นจนถึงตอนนี้ เซี่ยจื่อเต้ายังไม่ได้เริ่มโจมตี เขากำลังประเมินถึงขีดจำกัดของฉู่เฉินอย่างใจเย็น ซึ่งรอโอกาสที่จะโจมต
“มันจบแล้ว ปรมาจารย์ของวิหารวรยุทธท่าจะเอาจริงแล้ว ว่ากันว่าจริงๆ แล้ววิหารวรยุทธเป็นสมาคมนักฆ่าลับ”“ใช่ ตำนานเล่าว่า หากวิชาไท่ซู่เจว่ ได้รับการฝึกฝนจนถึงระดับสูงสุด และมิติที่อยู่ตรงหน้าก็เหมือนกับปลาติดเบ็ด เมื่อเห็นในวันนี้ ก็เป็นเช่นนั้นจริงๆ เมื่อรวมเข้าร่วมกับทักษะการสังหารแล้ว ฉู่เฉินมีแนวโน้มที่จะถูกฆ่าตายที่นี่”“คุณพูดถูก จากระดับวรยุทธของเซี่ยจื่อเต้าและวิชานี้ แม้แต่ฉันเองก็ยังต้องสู้จนเหงื่อตก เพื่อโค่นกับเขา”บนยอดเขาหลงหู่ ผู้คนเริ่มพูดคุยกันอีกครั้งเมื่อเห็นภาพตรงหน้านี้ ผู้อาวุโสจากนิกายหนึ่งเตือนลูกศิษย์ "เมื่อเธอท่องโลกยุทธภพในอนาคต อย่าไปเหยียบหางพวกคนจากวิหารวรยุทธ"……บนท้องฟ้า ร่างกายของเซี่ยจื่อเต้ากลืนเข้ากับความว่างเปล่า โดยที่ไม่ทิ้งร่องรอยไว้ฉู่เฉินแผ่จิตสัมผัสออกไป แต่ไม่ตรวจพบความผิดปกติใดๆ ขณะนั้นเอง จวินหวู่หมิงก็ตะโกนเตือนออกมา: "ทางซ้าย!"ฉู่เฉินตอบสนอตามสัญชาตญาณ และใช้ดาบตัดวิญญาณเพื่อสกัดกั้นที่ด้านซ้าย“ชิ้ง!”ทันใดนั้น ดาบเงาสีดำก็ปรากฏขึ้นทางด้านซ้าย และปะทะกับดาบตัดวิญญาณของฉู่เฉิน ทำให้เกิดเสียปะทะของโลหะ ดาบทั้งสองแยกย้ายกันไป
จางหนิงเหอวิตกกังวล“ศิษย์พี่ เราสองคนสามารถเข้าไปแทรกแซงการต่อสู้ที่เกิดขึ้นแล้วได้อย่างนั้นหรือ? เพื่อเห็นแก่อารามสวรรค์ ศิษย์พี่ ได้โปรดอย่าทำอะไรบุ่มบ่าม”จางหนิงผิงรีบคว้าศิษย์พี่ไว้อย่างรวดเร็ว เพราะกลัวว่านิสัยไม่คิดหน้าคิดหลังของศิษย์พี่ จะพาอารามสวรรค์ได้ตั๋วทัวร์ไปเที่ยวนรกด้วย“ฉู่เฉิน คุณห้ามเป็นอะไรนะ” หลินหยิงหยินก็แอบกระวนกระวายใจด้วยเช่นกัน ตอนที่คิดว่าปรมาจารย์ฉู่ในตำนานคือคนที่เพิ่งช่วยเหลือเธอ หลินหยิงหยินก็สะดุ้งและกลับมาสู่ความเป็นจริง เมื่อเห็นฉู่เฉินกระอักเลือดออกมา เธอก็เกลียดความอ่อนแอของตัวเอง ที่ไม่สามารถเข้าไปช่วยเหลือได้บนยอดเขา มีนักสู้หลายคนก็กำลังมองภาพเบื้องหน้านั่นอยู่จากสักแห่งท่ามกล่างฝูงชน ใบหน้าที่หยาบกระด้างและดุร้ายเต็มไปด้วยความเกลียดชัง ซึ่งก็นั่นเป็นใครไปไม่ได้นอกจากจางเฉียง แม้ว่าจางเฉียงจะไม่เข้าใจเหตุการณ์ก่อนหน้านี้ แต่เมื่อเห็นฉู่เฉินกระอักเลือด ก็ทำให้หัวใจรู้สึกกระชุ่มกระชวย“ฉันไม่อยากจะเชื่อเลยว่าแกคือฉู่เฉิน แม้ว่าฉันจะเอาชนะแกไม่ได้ แต่ตอนนี้แกก็ถือตายไปแล้ว”จางเฉียงพึมพำกับตัวเองในใจตอนนั้นเองร่างสีขาวพุ่งขึ้นไปบนท้อง
“ถ้าผมบอกว่ามีก็มี!”จากความคิดนี้ ร่างของฉู่เฉินก็หายไปทันทีต่อหน้าต่อตาทุกคน“หืม? นี่มันวิชาบ้าอะไรกันแน่? ฉู่เฉินหายตัวไปแบบนี้จริงๆ เหรอ?”“อาจเป็นปรมาจารย์ลึกลับที่เข้ามาแทรกแซงและช่วยชีวิตฉู่เฉิน?”“นั่นเป็นเพียงคำอธิบายเดียวที่เป็นไปได้ ใครจะคิดว่าฉู่เฉินมีปรมาจารย์ลึกลับคอยสนับสนุนเขา ไม่น่าแปลกใจเลยที่เขากล้ายั่วยุวิหารวรยุทธ”เมื่อเห็นฉู่เฉินหายตัวไปต่อหน้า ไม่เพียงแต่เซี่ยจื่อเต้าจะปรากฏตัวออกมา แต่สั่งดาบเงาหลายเล่มพุ่งไปยังจุดที่ฉู่เฉินหายตัวไปอีกด้วยแม้แต่ผู้ชมบนยอดเขาหลงหู่ ก็ยังลุกยืนขึ้นด้วยความประหลาดใจ“นี่ไม่ใช่วิชาธรรมดาทั่วไป ฉู่เฉินได้หลุดออกจากช่วงเวลาปัจจุบันและเข้าสู่อีกมิติหนึ่ง วิชานี้เกินกว่าความสามารถระดับมหากาฬ แม้แต่ราชาวรยุทธก็อย่าหวังจะทำตามได้”ต้องให้ปรมาจารย์ลึกลับออกมาอธิบายเองทุกคนต่างสงสัยว่าฉู่เฉินหายไปอยู่ที่ไหนฉู่เฉินปรากฏตัวอีกครั้งในเมืองลับแลมังกรร่างนั้นได้ปรากฏตัวขึ้นใต้เงามังกร และลงเพื่อขัดสมาธิขณะที่กำลังนั่งสมาธิ พลังจิตวิญญาณจำนวนมหาศาลก็พุ่งเข้าสู่ร่างกายของเขา วรยุทธของเขาไม่เพียงแต่ฟื้นตัวอย่างรวดเร็ว แต่ยังค่อยๆ
“ฉันก็อยากรู้เหมือนกัน ว่าจะเกิดอะไรขึ้นหลังจากนี้? ฉู่เฉินได้ก้าวผ่านจิตไปถึงขั้นหกของระดับมหากาฬ และอยู่ในระดับเดียวกับผู้นำวิหารวรยุทธสาขา”มีผู้อาวุโสตะโกนออกมา เพื่อพยายามกระตุ้นให้เกิดการอภิปรายในปรมาจารย์ระดับมหากาฬแต่การพูดคุยนี้ไม่ได้ส่งผ่านกระแสจิต แต่ถูกพูดออกมาอย่างตรงๆ ซึ่งทุกคนที่อยู่บนยอดเขาสามารถได้ยินชัด“อะไรนะ ฉู่เฉินก้าวผ่านจิตได้ระหว่างการต่อสู้ได้จริงหรือ?”“จริงเหรอ? ปรมาจารย์ระดับมหากาฬตั้งแต่อายุยังน้อย ไม่ ฉันไม่เชื่อ นี่คงเป็นเรื่องโกหกแน่ๆ”“เขาต้องมียาแสงสวรรค์อะไรสักอย่างติดตัวแน่ ไม่เช่นนั้นจะก้าวผ่านจิตระหว่างการต่อสู้ได้อย่างไร”พวกอัจฉริยะจากนิกายซ่อนเร้นแทบไม่เชื่อความจริงข้อนี้เลยเดิมทีระดับวรยุทธฉู่เฉินก็ล้ำหน้าอัจฉริยะหลายคนที่อยู่ที่นี่แล้ว และยังไล่ล่าผู้อาวุโสของนิกายหลักอีก แถมตอนนี้เมื่อได้ยินว่าเขาก้าวผ่านจิตไปอีกขึ้นหนึ่ง ไม่ต้องสงสัยเลยว่าเรื่องนี้สามารถหักหน้าเหล่าอัจฉริยะจากนิกายหลักๆ อย่างมาก“ท่านอาจารย์ ผมบอกท่านแล้วว่าเขาเป็นปรมาจารย์ด้านการเล่นแร่แปรธาตุ เขาคงกินยาแสงสวรรค์มาบ้าง หรือบางทีเขาอาจจะกลั่นยาเม็ดนี้ขึ้นมาเองก็ไ
หลังจากก้าวออกมาจากมิติแล้ว สายฟ้าหลายลูกฉู่เฉินก็ทำหน้าที่ทักทาย นิ้วชี้ไปในอากาศว่างเปล่า ฟ้าร้องที่รุนแรง ก็ได้กลืนร่างของเซี่ยจื่อเต้าไป“นี่คือ... วิชาห้าอสนีบาต!”“ฉันไม่เคยคิดเลยว่าวิชาสายฟ้าของอารามสวรรค์จะร้ายกาจเช่นนี้ แม้กระทั่งทำให้ปรมาจารย์ระดับมหากาฬได้รับบาดเจ็บ”“แม้แต่วิชาของปรมาจารย์สวรรค์ในปัจจุบัน ก็ไม่สามารถเอาเปรียบเทียบกับวิชาของฉู่เฉินได้”บนยอดเขาหลงหู่ หลายคนจากนิกายซ่อนเร้นมองไปที่จางหนิงเหอคนที่สนิทกับอารามสวรรค์เริ่มสอบถามเกี่ยวกับความสัมพันธ์ระหว่างฉู่เฉินกับอารามสวรรค์จางหนิงเหอมีสีหน้าแปลกๆ และไม่ได้อธิบายความสัมพันธ์ระหว่างเขากับฉู่เฉิน แค่รู้สึกเพียงรู้สึกพึงพอใจอยู่ในใจ ด้วยสายฟ้าฟาดของฉู่เฉิน เพราะตอนนี้ไม่มีใครกล้าดูถูกอารามสวรรค์ได้!ในขณะที่กำลังพึงพอใจ ดาบที่เอวของเขา ดาบสังหารปีศาจหยินหยางก็กลายเป็นลำแสงและพุ่งขึ้นไปบนท้องฟ้าเห็นได้ชัดว่าการใช้วิชาวิชาห้าอสนีบาตของฉู่เฉิน ได้ปลุกดาบเก่าแก่ของอารามสวรรค์อีกครั้งสิ่งนี้ดึงดูดความสนใจจากฝูงชนมากยิ่งขึ้น“ดาบสังหารปีศาจหยินหยางถูกดึงดูดออกมาโดยรัศมีของฉู่เฉิน ว่ากันว่านั่นเป็นดาบของป
ทั้งร่างหดลงเหมือนกับเต่าที่หดหัวมุดกระดอง และสามารถหลีกเลี่ยงปลายดาบสังหารปีศาจได้อย่างหวุดหวิดเกือบไปแล้วฉวยโอกาสนี้เซี่ยจื่อเต้าถอยกลับไปหลายสิบเมตรทันที และกดจุดบนแขนที่ขาดของเขาอย่างรวดเร็ว เพื่อห้ามเลือด“เกิดอะไรขึ้น? เจ้าวิหารวรยุทธสาขาจะถูกฟันแขนขาดได้ยังไง? ปรมาจารย์ฉู่ใช้วิชาแบบไหนกัน!”“ใช่ เกิดอะไรขึ้นกันแน่?”“ดูเหมือนว่าพลังของฉู่เฉิน จะเพิ่มขึ้นไปอีกระดับหนึ่งหลังจากได้รับดาบสังหารปีศาจหยินหยาง”การต่อสู้บนท้องฟ้าเป็นเรื่องที่คาดเดาไม่ได้ถึงผลแพ้ชนะ เพราะทั้งสองฝ่ายต่างก็มีฝีมือทัดเทียมกัน แต่เพียงชั่วพริบตาเดียวเท่านั้น เซี่ยจื่อเต้าถูกฟันแขนขาดไปแล้ว จึงทำให้เกิดวิพากษ์วิจารณ์อย่างบ้าคลั่งในคนดู แม้แต่ผู้อาวุโสนิกายบางคนก็ร่วมวงสนทนาและเปิดเผยความจริงเกี่ยวกับเรื่องนี้เสื้อผ้าของเซี่ยจื่อเต้าหายไป และแม้แต่เส้นผมบนร่างกายก็กลายเป็นขี้เถ้า เนื่องจากสายฟ้าเซี่ยจื่อเต้าซึ่งมีแขนเพียงข้างเดียวและหัวล้านก็รู้สึกอับอายขายขี้หน้ามาก เขาจ้องไปที่ฉู่เฉินด้วยสายตาเย็นชา เพื่อขู่ไม่ให้ฉู่เฉินไล่ตามเขาอีก และก็พูดด้วยน้ำเสียงเกลียดชัง: “ฉู่เฉิน แกกล้าดียังไงมาตัดแขนฉั