หนิงชิงเสวี่ยจ้องมองไปที่ฉู่เฉินอย่างไม่ละสายตา พร้อมเผยใบหน้าที่หยิ่งผยองออกมาโดยที่เลขาที่อยู่ข้างกายของเธอ พานอวิ๋น ก็มองไปยังฉู่เฉินด้วยใบหน้าดูถูกเหยียดหยามด้วยเช่นกัน คนจน ๆ แบบนี้จะคู่ควรกับท่านประธานของพวกเราได้อย่างไรกัน?“ไม่มีปัญหา”ฉู่เฉินตอบกลับไปอย่างไม่แยแส “แต่ว่าคุณก็ไม่มีอำนาจตัดสินใจอยู่ดี เพราะว่าสัญญาการแต่งงานครั้งนี้คุณปู่ของคุณเป็นคนจัดการ คุณสามารถรอจนกว่าผมจะรักษาอาการป่วยของเขาจนหายแล้ว ค่อยให้เขายกเลิกการแต่งงานด้วยตัวเองก็ได้ แค่ท่านยินยอม ผมก็ไม่มีทางจะตามรังควานคุณอย่างแน่นอน”“ไม่ต้อง”หนิงชิงเสวี่ยยิ่งเหยียดหยามเขาแล้ว เพราะคิดว่าเขายังไม่ยอมแพ้ในเรื่องนี้“งานแต่งของฉัน ฉันจะต้องเป็นคนตัดสินใจเองสิ ยิ่งไปกว่านั้น อาการป่วยของคุณปู่ฉัน ฉันจะคิดหาวิธีเอง ไม่จำเป็นต้องให้คุณมาคอยเป็นกังวลหรอกนะ”เธอรีบเขียนเช็คใบหนึ่งอย่างรวดเร็ว “ นี่เป็นเช็คมูลค่าห้าล้าน บาทขอแค่นายยอมยกเลิกงานแต่งงานกับฉัน มันก็จะเป็นของนายทันที”“เงินห้าล้าน บาทสำหรับฉันแล้วมันก็แค่เศษเงินเท่านั้น แต่ว่าสำหรับคนชนชั้นล่างแบบนาย ก็พอที่จะเลี้ยงดูปากท้องได้สบาย ๆ ไปทั้งชาติ ฉันเช
ครึ่งชั่วโมงต่อมาฉู่เฉินก็ตามหาบ้านของครอบครัวถังตามที่อยู่ที่ผู้เฒ่าให้มาจนพบในห้องรับแขกถังไห่ซานที่อายุราวๆ 50 ปีหลังจากที่ได้อ่านจดหมายที่อยู่ในมือจบแล้วก็อดที่จะยิ้มออกมาไม่ได้พร้อมทั้งพูดว่า“ไม่ผิดไปเลยไม่ต้องสงสัยเลยว่าเป็นลายมือของผู้วิเศษท่านนั้นแน่นอน”“คุณลุงถังครับคราวนี้คุณลุงเชื่อตัวตนของผมแล้วใช่ไหม”ฉู่เฉินถามออกไป“ก่อนที่คุณปู่จะเสียชีวิตเขาบอกไว้ว่าคุณขอความช่วยเหลือจากเขาโดยอยากให้ผมปกป้องครอบครัวของพวกคุณช่วยบอกผมหน่อยได้ไหมว่ามีเรื่องอะไรเหรอครับ?”ถังไห่ซานถอนหายใจเฮือกใหญ่ออกมา“เสี่ยวฉู่เรื่องราวเป็นอย่างงี้ครับแข่งนิรนามทางการค้าได้ส่งอีเมลมาให้ฉันบอกว่าจะส่งคนมาลักพาตัวลูกสาวของฉันไป”“ฉันว่าจ้างบอดี้การ์ดให้กับลูกสาวถึงห้าคนแต่ลูกสาวของฉันถูกฉันตามใจจนเคยตัวตั้งแต่เด็ก ทั้งห้าคนนี้ก็เลยโดนเธอไล่ตะเพิดไปเสียจนหมด”“ดังนั้นพอพิจารณาอย่างรอบคอบแล้วฉันจึงขอความช่วยเหลือจากอาจารย์ของคุณ”ถังไห่ซานมองฉู่เฉินด้วยรอยยิ้ม“และอาจารย์ของคุณก็ส่งวิธีแก้ไขมาในจดหมายที่คุณนำมาด้วยนั่นก็คือให้คุณมาเป็นคู่หมั้นของเธอเพราะด้วยวิธีนี้คุณก็มีเหตุผลที่เพียงพอที่จะปกป้องเธ
“ถ้าอย่างนั้นนายก็ไปซื้อของเองก็แล้วกันนะ” ถังรั่วเวยพูดทิ้งท้ายอย่างเย็นชา และสะบัดหน้าเดินหนีไปฉู่เฉินยักไหล่ เดินหันไปทางข้างถนนเพื่อเรียกรถแท็กซี่ “คุณครับ ไปตี้หาวกรุ๊ปครับ”ถังรั่วเวยเดินเข้าไปที่ร้านกาแฟแห่งหนึ่ง เมื่อนั่งลงยิ่งคิดก็ยิ่งโมโห ควักโทรศัพท์ออกมาเพื่อส่งข้อความลงไปในกลุ่มไลน์งานว่า “น่าหงุดหงิดชะมัด ๆ !”ในกลุ่มไลน์งานนี้มีสมาชิกแค่ 5 คน ล้วนเป็นเพื่อนร่วมงานที่สนิทสนมกันเป็นอย่างดีกับถังรั่วเวยอีกไม่นาน ก็มีผู้หญิงคนหนึ่งที่ชื่อ เฉินย่า ตอบกลับมาว่า “รั่วเวย นี่เธอเป็นอะไร ? ใครยั่วโมโหให้เธอโกรธอีกล่ะ ?” “พ่อของฉันไม่รู้ว่าไปเอาไอ้บ้านนอกที่ไหนก็ไม่รู้มา จะให้เป็นคู่หมั้นของฉันให้ได้” เหมือนถังรั่วเวยเจอคนที่อยากจะระบายด้วยแล้ว“อะไรนะ?”“แม่เจ้า จริงหรือเปล่า ?”แล้วกลุ่มไลน์งานก็ระเบิดทันที“ฉันจะโกหกพวกเธอทำไม ?”ถังรั่วเวยพิมพ์ข้อความตอบกลับไปด้วยความโกรธ “แล้วที่เกินไปก็คือ พ่อของฉันยังให้ฉันแนะนำไอ้บ้านนอกนั่นเข้าไปทำงานในบริษัทของพวกเราอีกนะ พูดเสียดิบดีว่าจะให้เขามาปกป้องฉัน ฉันก็เลยปฏิเสธไม่ได้”“ไม่เป็นไร รั่วเวย” ชายคนหนึ่งที่ชื่อ หวังซวี
“นายน้อยครับ เมื่อ 12 ปีก่อนตระกูลฉีเล็งที่ดินของสถานรับเลี้ยงเด็กกำพร้าชิงซานเอาไว้ และพยายามบีบบังคับชักจูงทุกรูปแบบกับผู้อำนวยการเฉินชิงชานในขณะนั้นแต่ก็ไม่สำเร็จ สุดท้ายจึงวางเพลิงทำลายสถานรับเลี้ยงเด็กกำพร้าชิงซานเพื่อจะได้มาซึ่งที่ดินแห่งนี้ได้อย่างสมใจปรารถนาน่ะครับ”“หลายปีมานี้ ตระกูลฉีใช้ที่ดินผืนนั้นลงทุนอสังหาริมทรัพย์ จนได้กลายเป็นหนึ่งในห้าตระกูลที่ร่ำรวยในหนานเจียงเลยนะครับ!”“ผมได้ข่าวมาว่า ตระกูลฉีจะเปิดการประมูลจี้หยกในอีกสามวันข้างหน้านี้ ได้ยินมาว่าจี้หยกชิ้นนี้เป็นสิ่งของที่หลงเหลือมาจากสถานรับเลี้ยงเด็กกำพร้าชิงซานในตอนนั้น ลึกลับมากๆเลยนะครับ”ภายใต้สายตาอาฆาตของฉู่เฉิน ฉู่เซี่ยงตงก็รู้สึกราวกับว่ามีมือใหญ่ที่มองไม่เห็นคู่หนึ่งมาบีบคอของเขาเอาไว้แน่น จนทำให้เขาหวาดกลัวเป็นอย่างยิ่ง“ตระกูลฉีอย่างนั้นเหรอ!” ฉู่เฉินยิ้มออกมาด้วยสีหน้าที่เย็นยะเยือกเพื่อที่ดินผืนนี้ พวกเขาต้องทำลายชีวิตกว่า 108 ชีวิตในสถานรับเลี้ยงเด็กกำพร้าให้จมอยู่ในกองเพลิงเลยเหรอ เขาก็รีบพูดกำชับขึ้นมาว่า “ นายเตรียมตัวก็แล้วกัน อีกสามวันฉันจะไปร่วมงานประมูล ฉันจะไม่ยอมให้จี้หยกชิ้นนั้นต
ใบหน้าที่สวยงามของหนิงชิงเสวี่ยเต็มไปด้วยความสุข “ประธานฉู่คะ ทักษะการรักษาของวิเศษคนนั้นเป็นยังไงบ้างคะ เขาสามารถรักษาโรคกล้ามเนื้ออ่อนแรงได้หรือเปล่าคะ “เหตุผลที่เธอต้องถามแบบนี้ก็เพราะคุณปู่ของเธอ หนิงฉางเจิ้ง ป่วยด้วยโรคกล้ามเนื้ออ่อนแรงซึ่งเป็นที่รู้จักว่าเป็นหนึ่งในห้าโรคร้ายแรงที่สุดในโลก ผู้ป่วยมักจะมีชีวิตอยู่ได้เพียง 3 ถึง 5 ปีเท่านั้นอาการของมันคือกล้ามเนื้อลีบทั่วทั้งตัว แขนขาตึง เคลื่อนไหวไม่ได้ ซึ่งส่งผลต่อกล้ามเนื้อทางเดินหายใจในท้ายที่สุด ทำให้หายใจล้มเหลวถึงแก่ชีวิตได้อาการป่วยของหนิงฉางเจิ้งได้เข้าสู่ขั้นระยะสุดท้ายและชีวิตของเขาอาจตกอยู่ในอันตรายได้ตลอดเวลา“โรคกล้ามเนื้ออ่อนแรงงั้นเหรอ?”ฉู่เซี่ยงตงตะลึงอยู่ครู่หนึ่งแล้วพูดด้วยสีหน้าเคร่งขรึมว่า “โรคแบบนี้หากเป็นหมอคนอื่นก็คงไม่สามารถรักษาได้หรอกนะครับ แต่ถ้าให้หมอวิเศษที่รักษาผมในตอนนั้นมารักษาให้ ก็คงจะไม่มีปัญหาอะไรนะครับ”“ตุ้ม !”หนิงชิงเสวี่ยรู้สึกว่าศีรษะของเธอจะระเบิด และเริ่มหายใจถี่ ๆ ขึ้นมาหากมีคนอื่นบอกเธอเรื่องนี้ เธอคงจะไม่เชื่อและรู้สึกว่าอีกฝ่ายกำลังโกหกเธออย่างแน่นอนแต่คนที่พูดคือฉู่เซ
“ห๊ะ?”เมื่อได้ยินประโยคนี้ หนิงชิงเสวี่ยและพานอวิ๋นก็ตะลึงงันไปพักใหญ่ จากนั้นก็โพล่งเสียงหัวเราะขึ้นพร้อมกัน“นี่นายฉู่ ฉันได้ยินไม่ผิดแน่นะ? นายบอกว่านายอยู่ที่นี่จริง ๆ งั้นเหรอ ? “พานอวิ๋นหัวเราะอย่างเกินจริงและพูดขึ้นว่า “นายรู้ไหมว่าคฤหาสน์ที่นี่ราคาเท่าไร ? อาจมีราคาสูง 30 ถึง 40 ล้านเลยนะ คนบ้านนอกอย่างนายต่อให้ดิ้นรนนานกว่าสิบชั่วอายุคนก็ไม่มีปัญญาซื้อได้แม้กระทั่งห้องน้ำด้วยซ้ำ”“โธ่ ๆ ไม่ไหวเลยจริงๆ นายทำให้ฉันหัวเราะจะตายอยู่แล้วนะ”เธอพูดพร้อมกับกุมท้องและหัวเราะอย่างหนักและหนิงชิงเสวี่ยก็โกรธจัดจนหัวเราะออกมา “ถ้าอย่างนั้นนายช่วยบอกฉันหน่อยสิว่า บ้านของนายอยู่ที่ไหน?”“บนยอดเขาไง เหมือนจะเรียกว่าคฤหาสน์อวี้หลงวานหมายเลข 1อะไรสักอย่างนี่แหละ” ฉู่เฉินกล่าวอย่างสบาย ๆและคราวนี้หนิงชิงเสวี่ยก็หัวเราะเยาะจนท้องคัดท้องแข็งถ้านายบอกว่า นายก็แค่พูดชื่อคฤหาสน์มาสักหลัง บางทีฉันอาจจะเชื่อก็ได้นะแต่คฤหาสน์อวี้หลงวานหมายเลข 1 เป็นที่อยู่ของหมอรักษาผู้ศักดิ์สิทธิ์กุ่ยเหมิน แล้วเกี่ยวข้องอะไรกับคนบ้านนอกอย่างนาย?เธอมองไปที่ฉู่เฉินด้วยความเห็นอกเห็นใจ “ฉู่เฉิน นายรู้ไ
ทุกคนมองไปรอบ ๆ และเห็นฉู่เฉินที่ยืนอยู่ตรงหน้าประตูทันที“ไอ้หนุ่ม นายเป็นใคร?” สีหน้าของหมอวิเศษซุนเคร่งขรึมขึ้น และพูดขึ้นอย่างไม่พอใจเอาเสียมาก ๆ “คุณไม่จำเป็นต้องรู้ว่าผมคือใครหรอก”ฉู่เฉินก้าวไปข้างหน้า และหัวเราะขึ้นอย่างเย็นชา “ทั้งๆที่ชายชราผู้นี้ยังสามารถมีชีวิตอยู่ต่อได้อีกสองปี แต่คุณกลับพูดว่าเขาถึงอายุขัยแล้ว ฆ่าคนเป็นผักเป็นปลาแบบนี้เลยเหรอ”การจะอยู่หรือตายของคนแปลกหน้าคนหนึ่ง เดิมทีก็ไม่ได้เกี่ยวอะไรกับเขา แต่อีกฝ่ายดันมาดูถูกชายชรา เช่นนั้นเขาก็จำต้องมาจัดการเสียหน่อยเพราะชื่อของชายชราตอนท่องยุทธจักรในปีนั้นคือ“หมอรักษาผู้ศักดิ์สิทธิ์กุ่ยเหมิน” โดยที่ในตอนนี้ตำแหน่งนี้ก็ส่งมาให้กับตัวเขาเอง และเขาก็มีหน้าที่ต้องรักษาชื่อเสียงของมันเอาไว้พอได้ยินฉู่เฉินพูดว่าตัวเองฆ่าคนเป็นผักเป็นปลา หมอวิเศษซุนก็โกรธมาก “ไอ้หลานชาย นายพูดว่าอะไรนะ?”ทุกคนมองไปที่ฉู่เฉินอย่างเย็นชาหมอวิเศษซุนชื่อจริงคือซุนหย่างซิน มาจากครอบครัวแพทย์ที่มีอายุนับร้อยปี เป็นที่รู้จักในนามหมอวิเศษแห่งเมืองอวิ๋น ซึ่งไม่รู้ว่าช่วยผู้คนมาแล้วเท่าไหร่ และว่ากันว่าเคยรักษาให้กับผู้นำของประเทศมาก่อน
พูดจบ ทันใดนั้นแสงสีเงินก็ปรากฏขึ้นในมือของเขา แล้วเข็มเงินเจ็ดเล่มก็ผุดออกมาทันที“ไป!”ฉู่เฉินโบกแขนของเขา แล้วเข็มเงินทั้งเจ็ดเล่มก็เจาะลงบนจุดฝังเข็มทั้งเจ็ดจุดของชายชราร่างกายของหมอวิเศษซุนสั่นอย่างรุนแรง และเสียงหายไปเนื่องจากความตกใจ “นี่……นี่มันการฝังเข็มกลางอากาศที่ว่างเปล่างั้นเหรอ? !!”หลังจากที่เข็มเงินทั้งเจ็ดเล่มเจาะลงไปในจุดฝังเข็มของชายชรา ทันใดนั้น ทั้งหมดก็บานสะพรั่งออกเป็นแสงสีขาว แล้วแสงทั้งเจ็ดจุดก็ก่อตัวขึ้นเป็นรูปร่างของดาวเจ็ดดวงกระบวยเหนือ สว่างไสวระยิบระยับ ราวกับดวงดาว“บนหลังจารึกเอาไว้ว่าหมื่นปี บนหน้าอกสลักดาวเจ็ดดวงเอาไว้ พญายมให้คุณตายในยามสาม แต่ผมสามารถเหลือเวลาให้คุณจนถึงยามห้าได้!”“ถ้าไม่ฟื้นขึ้นมาตอนนี้ แล้วจะรอไปอีกเมื่อไหร่? !!”คำพูดที่เปรียบได้ดั่งทองของฉู่เฉิน เปรียบเสมือนสิ่งมีชีวิตที่สามารถควบคุมความเป็นความตายได้ทันทีที่เขาพูดจบ ก็เห็นเพียงชายชราที่หมดสติอยู่บนเตียงผู้ป่วยพ่นเลือดสีดำออกมาจากปาก แล้วไอขึ้นมาอย่างรุนแรงทันใดนั้น สถานที่แห่งนี้ก็เงียบลงทุกคนราบกับโดนฟ้าผ่า แล้วกลายเป็นหินไปหมด เหมือนกับเห็นผีเสียอย่างนั้น“เขา…