แชร์

บทที่ 5

“นายน้อยครับ เมื่อ 12 ปีก่อนตระกูลฉีเล็งที่ดินของสถานรับเลี้ยงเด็กกำพร้าชิงซานเอาไว้ และพยายามบีบบังคับชักจูงทุกรูปแบบกับผู้อำนวยการเฉินชิงชานในขณะนั้นแต่ก็ไม่สำเร็จ สุดท้ายจึงวางเพลิงทำลายสถานรับเลี้ยงเด็กกำพร้าชิงซานเพื่อจะได้มาซึ่งที่ดินแห่งนี้ได้อย่างสมใจปรารถนาน่ะครับ”

“หลายปีมานี้ ตระกูลฉีใช้ที่ดินผืนนั้นลงทุนอสังหาริมทรัพย์ จนได้กลายเป็นหนึ่งในห้าตระกูลที่ร่ำรวยในหนานเจียงเลยนะครับ!”

“ผมได้ข่าวมาว่า ตระกูลฉีจะเปิดการประมูลจี้หยกในอีกสามวันข้างหน้านี้ ได้ยินมาว่าจี้หยกชิ้นนี้เป็นสิ่งของที่หลงเหลือมาจากสถานรับเลี้ยงเด็กกำพร้าชิงซานในตอนนั้น ลึกลับมากๆเลยนะครับ”

ภายใต้สายตาอาฆาตของฉู่เฉิน ฉู่เซี่ยงตงก็รู้สึกราวกับว่ามีมือใหญ่ที่มองไม่เห็นคู่หนึ่งมาบีบคอของเขาเอาไว้แน่น จนทำให้เขาหวาดกลัวเป็นอย่างยิ่ง

“ตระกูลฉีอย่างนั้นเหรอ!” ฉู่เฉินยิ้มออกมาด้วยสีหน้าที่เย็นยะเยือก

เพื่อที่ดินผืนนี้ พวกเขาต้องทำลายชีวิตกว่า 108 ชีวิตในสถานรับเลี้ยงเด็กกำพร้าให้จมอยู่ในกองเพลิงเลยเหรอ

เขาก็รีบพูดกำชับขึ้นมาว่า “ นายเตรียมตัวก็แล้วกัน อีกสามวันฉันจะไปร่วมงานประมูล ฉันจะไม่ยอมให้จี้หยกชิ้นนั้นตกไปอยู่ในกำมือของตระกูลฉีอย่างเด็ดขาด แล้วก็เก็บดอกเบี้ยอะไรนิดหน่อยด้วย ! ”

ถ้าหากเขาเดาไม่ผิด จี้หยกชิ้นนั้นจะต้องได้มาจากตัวของเขา ตอนที่ผู้อำนวยการคนเก่าไปเก็บเขามาจากข้างถนนอย่างแน่นอน

ผู้อำนวยการคนเก่าเคยบอกว่าจี้หยกชิ้นนี้มีความเกี่ยวข้องกับชีวิตของฉู่เฉิน เพื่อหลีกเลี่ยงไม่ให้เขาทำหาย ผู้อำนวยการคนเก่าจะเก็บรักษาเอาไว้แล้วจะนำมามอบให้กับเขาตอนที่ฉู่เฉินอายุ 18 ปี

แต่มันกลับไม่เป็นไปตามที่คาดคิดเอาไว้ ตอนที่ฉู่เฉินอายุได้ 11 ปี สถานรับเลี้ยงเด็กกำพร้าก็เกิดเพลิงไหม้ และทุกสิ่งทุกอย่างก็ได้เปลี่ยนแปลงไปอย่างสิ้นเชิง

ฉู่เซี่ยงตงพยักหน้าพลางพูดว่า “ จริงสิครับ นายน้อย ผมยังสืบได้อีกว่า ที่จริงแล้วในเหตุเพลิงไหม้ที่สถานรับเลี้ยงเด็กกำพร้าตอนนั้น ยังมีเด็กผู้หญิง 7 คนที่รอดชีวิตมาด้วยนะครับ”

“คุณว่าอะไรนะ ” ร่างกายของฉู่เฉินสั่นสะท้าน สายตาจ้องมองไปที่เขาอย่างไม่ละสายตา

“ผมกล้าเอาหัวเป็นประกันเลยนะครับ มีเด็กผู้หญิงเจ็ดคนรอดชีวิตออกมาจริงๆ เพราะตอนนั้นพวกเธอเข้าไปหลบที่บ่อน้ำแห่งหนึ่งจึงรอดชีวิตมาได้ครับ แต่ต่อมาพวกเธอก็ได้หายตัวไปแล้วครับ”

“ดูเหมือนว่าจะมีคนจงใจลบล้างร่องรอยของพวกเธอ”

“เด็กผู้หญิง 7 คน ... ”

ฉู่เฉินกำหมัดแน่นจนมือสั่น “ใช่พี่สาวทั้ง 7 หรือเปล่า ? พวกเธอยังไม่ตายใช่ไหม ?”

“ตามสืบ รีบไปตามสืบต่อ ถ้ามีข่าวอะไรก็รีบรายงานฉันทันที”

เขาถอนหายใจเฮือกใหญ่ออกมา และสาบานกับตัวเองว่า “พี่สาวทั้ง 7 คน พี่ไม่ต้องห่วงนะ เสี่ยวสือโถวจะต้องตามหาพวกพี่ให้พบให้ได้ ! ”

“ตอนนั้นพวกพี่ปกป้องผม จากนี้ไป ผมจะเป็นคนปกป้องพวกพี่เอง!”

...

ครึ่งชั่วโมงผ่านไป ฉู่เซี่ยงตงก็เดินมาส่งฉู่เฉินขึ้นแท็กซี่ด้วยความเคารพ

ในขณะเดียวกัน หนิงชิงเสวี่ยที่เพิ่งเดินลงมาจากรถเบนท์เล่ ก็บังเอิญเห็นภาพนี้เข้าพอดี

ในเวลานั้น เธอหยุดเดิน และตกตะลึงอยู่กับที่

“ท่านประธานคะ มีอะไรเหรอคะ?” พานอวิ๋นถามด้วยความสงสัย

หนิงชิงเสวี่ยหายใจเข้าพร้อมพูดขึ้นว่า “เหมือนฉันจะเห็น เจ้าพ่อหนานเจียงมาส่งฉู่เฉินขึ้นรถแท็กซี่ด้วยความเคารพนอบน้อมน่ะ”

พานอวิ๋นตกใจ รีบมองไปตามสายตาของเธอ แล้วรีบพูดขึ้นว่า “มีนะคะ ? ท่านประธาน ท่านตาฝาดหรือเปล่าคะ? ไอ้บ้านนอกฉู่เฉินนั่นจะรู้จักคนใหญ่คนโตแบบเจ้าพ่อหนานเจียงได้ยังไงกันล่ะคะ”

หนิงชิงเสวี่ยตกใจเมื่อได้ยินประโยคนี้เข้า

นั่นสิ

หมอนั่นเป็นแค่คนบ้านนอกคนหนึ่ง จะรู้จักเจ้าพ่อหนานเจียงได้ยังไง

เธอส่ายหน้าพร้อมพูดขึ้นทันทีว่า “ฉันน่าจะตาฝาดไปเอง ช่างมันเถอะ พวกเรารีบไปพบเจ้าพ่อหนานเจียงกันดีกว่า ครั้งนี้ไม่ว่ายังไงจะต้องขอร้องให้เขาแนะนำหมอวิเศษคนนั้นให้กับฉันให้ได้”

สิบนาทีต่อมา หนิงชิงเสวี่ยก็สามารถเข้าพบฉู่เซี่ยงตงได้สำเร็จ

“คุณหนิง ไม่ทราบว่าคุณนัดผมมามีธุระอะไรเหรอครับ ?” ฉู่เซี่ยงตงจ้องเธอด้วยใบหน้าไร้ความรู้สึก

และหนิงชิงเสวี่ยก็ตอบกลับด้วยความลังเลไปว่า “ประธานฉู่คะ ฉันได้ยินมาว่าเมื่อ 5 ปีก่อนคุณป่วยเป็นโรคตับแข็งระยะสุดท้าย สุดท้ายได้รับการรักษาโดยหมอวิเศษคนหนึ่งจนหายดี ไม่ทราบว่าเป็นแบบนั้นหรือเปล่าคะ ?”

“ถูกต้องครับ” ฉู่เซี่ยงตงพยักหน้าเบา ๆ แววตามีความซาบซึ้งเผยขึ้นมา

เมื่อห้าปีก่อนเขาป่วยด้วยโรคร้ายแรง หมดหวังกับการรักษา จนใกล้จะจบชีวิตลงในไม่ช้า แต่โชคดีที่ฉู่เฉินยื่นมือเข้ามาช่วย มิฉะนั้นเขาคงตายไปนานแล้ว

บทที่เกี่ยวข้อง

บทล่าสุด

DMCA.com Protection Status