ใบหน้าที่สวยงามของหนิงชิงเสวี่ยเต็มไปด้วยความสุข “ประธานฉู่คะ ทักษะการรักษาของวิเศษคนนั้นเป็นยังไงบ้างคะ เขาสามารถรักษาโรคกล้ามเนื้ออ่อนแรงได้หรือเปล่าคะ “เหตุผลที่เธอต้องถามแบบนี้ก็เพราะคุณปู่ของเธอ หนิงฉางเจิ้ง ป่วยด้วยโรคกล้ามเนื้ออ่อนแรงซึ่งเป็นที่รู้จักว่าเป็นหนึ่งในห้าโรคร้ายแรงที่สุดในโลก ผู้ป่วยมักจะมีชีวิตอยู่ได้เพียง 3 ถึง 5 ปีเท่านั้นอาการของมันคือกล้ามเนื้อลีบทั่วทั้งตัว แขนขาตึง เคลื่อนไหวไม่ได้ ซึ่งส่งผลต่อกล้ามเนื้อทางเดินหายใจในท้ายที่สุด ทำให้หายใจล้มเหลวถึงแก่ชีวิตได้อาการป่วยของหนิงฉางเจิ้งได้เข้าสู่ขั้นระยะสุดท้ายและชีวิตของเขาอาจตกอยู่ในอันตรายได้ตลอดเวลา“โรคกล้ามเนื้ออ่อนแรงงั้นเหรอ?”ฉู่เซี่ยงตงตะลึงอยู่ครู่หนึ่งแล้วพูดด้วยสีหน้าเคร่งขรึมว่า “โรคแบบนี้หากเป็นหมอคนอื่นก็คงไม่สามารถรักษาได้หรอกนะครับ แต่ถ้าให้หมอวิเศษที่รักษาผมในตอนนั้นมารักษาให้ ก็คงจะไม่มีปัญหาอะไรนะครับ”“ตุ้ม !”หนิงชิงเสวี่ยรู้สึกว่าศีรษะของเธอจะระเบิด และเริ่มหายใจถี่ ๆ ขึ้นมาหากมีคนอื่นบอกเธอเรื่องนี้ เธอคงจะไม่เชื่อและรู้สึกว่าอีกฝ่ายกำลังโกหกเธออย่างแน่นอนแต่คนที่พูดคือฉู่เซ
“ห๊ะ?”เมื่อได้ยินประโยคนี้ หนิงชิงเสวี่ยและพานอวิ๋นก็ตะลึงงันไปพักใหญ่ จากนั้นก็โพล่งเสียงหัวเราะขึ้นพร้อมกัน“นี่นายฉู่ ฉันได้ยินไม่ผิดแน่นะ? นายบอกว่านายอยู่ที่นี่จริง ๆ งั้นเหรอ ? “พานอวิ๋นหัวเราะอย่างเกินจริงและพูดขึ้นว่า “นายรู้ไหมว่าคฤหาสน์ที่นี่ราคาเท่าไร ? อาจมีราคาสูง 30 ถึง 40 ล้านเลยนะ คนบ้านนอกอย่างนายต่อให้ดิ้นรนนานกว่าสิบชั่วอายุคนก็ไม่มีปัญญาซื้อได้แม้กระทั่งห้องน้ำด้วยซ้ำ”“โธ่ ๆ ไม่ไหวเลยจริงๆ นายทำให้ฉันหัวเราะจะตายอยู่แล้วนะ”เธอพูดพร้อมกับกุมท้องและหัวเราะอย่างหนักและหนิงชิงเสวี่ยก็โกรธจัดจนหัวเราะออกมา “ถ้าอย่างนั้นนายช่วยบอกฉันหน่อยสิว่า บ้านของนายอยู่ที่ไหน?”“บนยอดเขาไง เหมือนจะเรียกว่าคฤหาสน์อวี้หลงวานหมายเลข 1อะไรสักอย่างนี่แหละ” ฉู่เฉินกล่าวอย่างสบาย ๆและคราวนี้หนิงชิงเสวี่ยก็หัวเราะเยาะจนท้องคัดท้องแข็งถ้านายบอกว่า นายก็แค่พูดชื่อคฤหาสน์มาสักหลัง บางทีฉันอาจจะเชื่อก็ได้นะแต่คฤหาสน์อวี้หลงวานหมายเลข 1 เป็นที่อยู่ของหมอรักษาผู้ศักดิ์สิทธิ์กุ่ยเหมิน แล้วเกี่ยวข้องอะไรกับคนบ้านนอกอย่างนาย?เธอมองไปที่ฉู่เฉินด้วยความเห็นอกเห็นใจ “ฉู่เฉิน นายรู้ไ
ทุกคนมองไปรอบ ๆ และเห็นฉู่เฉินที่ยืนอยู่ตรงหน้าประตูทันที“ไอ้หนุ่ม นายเป็นใคร?” สีหน้าของหมอวิเศษซุนเคร่งขรึมขึ้น และพูดขึ้นอย่างไม่พอใจเอาเสียมาก ๆ “คุณไม่จำเป็นต้องรู้ว่าผมคือใครหรอก”ฉู่เฉินก้าวไปข้างหน้า และหัวเราะขึ้นอย่างเย็นชา “ทั้งๆที่ชายชราผู้นี้ยังสามารถมีชีวิตอยู่ต่อได้อีกสองปี แต่คุณกลับพูดว่าเขาถึงอายุขัยแล้ว ฆ่าคนเป็นผักเป็นปลาแบบนี้เลยเหรอ”การจะอยู่หรือตายของคนแปลกหน้าคนหนึ่ง เดิมทีก็ไม่ได้เกี่ยวอะไรกับเขา แต่อีกฝ่ายดันมาดูถูกชายชรา เช่นนั้นเขาก็จำต้องมาจัดการเสียหน่อยเพราะชื่อของชายชราตอนท่องยุทธจักรในปีนั้นคือ“หมอรักษาผู้ศักดิ์สิทธิ์กุ่ยเหมิน” โดยที่ในตอนนี้ตำแหน่งนี้ก็ส่งมาให้กับตัวเขาเอง และเขาก็มีหน้าที่ต้องรักษาชื่อเสียงของมันเอาไว้พอได้ยินฉู่เฉินพูดว่าตัวเองฆ่าคนเป็นผักเป็นปลา หมอวิเศษซุนก็โกรธมาก “ไอ้หลานชาย นายพูดว่าอะไรนะ?”ทุกคนมองไปที่ฉู่เฉินอย่างเย็นชาหมอวิเศษซุนชื่อจริงคือซุนหย่างซิน มาจากครอบครัวแพทย์ที่มีอายุนับร้อยปี เป็นที่รู้จักในนามหมอวิเศษแห่งเมืองอวิ๋น ซึ่งไม่รู้ว่าช่วยผู้คนมาแล้วเท่าไหร่ และว่ากันว่าเคยรักษาให้กับผู้นำของประเทศมาก่อน
พูดจบ ทันใดนั้นแสงสีเงินก็ปรากฏขึ้นในมือของเขา แล้วเข็มเงินเจ็ดเล่มก็ผุดออกมาทันที“ไป!”ฉู่เฉินโบกแขนของเขา แล้วเข็มเงินทั้งเจ็ดเล่มก็เจาะลงบนจุดฝังเข็มทั้งเจ็ดจุดของชายชราร่างกายของหมอวิเศษซุนสั่นอย่างรุนแรง และเสียงหายไปเนื่องจากความตกใจ “นี่……นี่มันการฝังเข็มกลางอากาศที่ว่างเปล่างั้นเหรอ? !!”หลังจากที่เข็มเงินทั้งเจ็ดเล่มเจาะลงไปในจุดฝังเข็มของชายชรา ทันใดนั้น ทั้งหมดก็บานสะพรั่งออกเป็นแสงสีขาว แล้วแสงทั้งเจ็ดจุดก็ก่อตัวขึ้นเป็นรูปร่างของดาวเจ็ดดวงกระบวยเหนือ สว่างไสวระยิบระยับ ราวกับดวงดาว“บนหลังจารึกเอาไว้ว่าหมื่นปี บนหน้าอกสลักดาวเจ็ดดวงเอาไว้ พญายมให้คุณตายในยามสาม แต่ผมสามารถเหลือเวลาให้คุณจนถึงยามห้าได้!”“ถ้าไม่ฟื้นขึ้นมาตอนนี้ แล้วจะรอไปอีกเมื่อไหร่? !!”คำพูดที่เปรียบได้ดั่งทองของฉู่เฉิน เปรียบเสมือนสิ่งมีชีวิตที่สามารถควบคุมความเป็นความตายได้ทันทีที่เขาพูดจบ ก็เห็นเพียงชายชราที่หมดสติอยู่บนเตียงผู้ป่วยพ่นเลือดสีดำออกมาจากปาก แล้วไอขึ้นมาอย่างรุนแรงทันใดนั้น สถานที่แห่งนี้ก็เงียบลงทุกคนราบกับโดนฟ้าผ่า แล้วกลายเป็นหินไปหมด เหมือนกับเห็นผีเสียอย่างนั้น“เขา…
ที่แท้ตั้งแต่แรกเริ่ม ชายหนุ่มคนนั้นก็ไม่ได้โกหกแต่อย่างใด เขาสามารถช่วยคุณปู่ได้จริง ๆแต่ที่ตลกก็คือ ตัวเธอเองกลับคิดว่าเขาเป็นคนโกหกเสียได้มีสมาชิกชั้นสูงของตระกูลฉินคนหนึ่งถอนหายใจออกมา และพูดขึ้นมาอย่างจริงแท้ว่า “ตั้งแต่ตอนนี้เป็นต้นไป ทุกคนต้องออกไปหาตัวเขามาให้ฉัน ต่อให้ต้องพลิกแผ่นดินหนานเจียงก็ต้องหาหมอวิเศษท่านนั้นมาให้ได้ ไม่เจอไม่ต้องกลับมา!”เช้าวันรุ่งขึ้น ถังไห่ซานโทรมาอีกครั้ง “เสี่ยวฉู่ คุณอยู่ไหนน่ะ? วันนี้รั่วเวยจะพาคุณไปสัมภาษณ์ที่บริษัทของพวกเธอ คุณส่งโลเคชั่นมาสิ ผมจะให้เธอไปรับคุณ”“โอเคครับ คุณอาถัง” ฉู่เฉินส่งโลเคชั่นของคฤหาสน์อวี้หลงวานหมายเลขหนึ่งไปให้ล่างตึกตระกูลถังข้าง ๆ รถเบนซ์คันสีขาวป้ายทะเบียน C260 หญิงสาวสวมชุดสูททำงานสีดำมองดูเวลา และพูดขึ้นอย่างทนไม่ไหวว่า “รั่วเวย คู่หมั้นบ้านนอกคนนั้นของเธอเล่นตัวเยอะชะมัด ให้พวกเรามารออยู่ที่นี่ตั้งนานสองนานแล้วเนี่ย”“เฉินย่า เธอรีบหยุดพูดเลย ฉันรำคาญจะตายอยู่แล้ว” ถังรั่วเวยบ่นอย่างหงุดหงิดมาหนึ่งประโยค ใบหน้าของเธอเต็มไปด้วยความโกรธพ่อก็จริง ๆ เลย อยากจะให้ตัวเธอพาคนบ้านนอกคนนั้นเข้ามาในบริษัทซะเห
ฉู่เฉินส่ายหน้าแล้วพูดว่า “ผมไม่ได้ซื้อหรอกครับ”“หืม?”หญิงสาวทั้งสองได้ยินก็ผงะไปครู่หนึ่งเฉินย่าพูดอย่างไม่เชื่อขึ้นมาเล็กน้อย “คุณฉู่ถ่อมตัวจริง ๆ เลยนะคะ”ทันใดนั้น เธอก็มองเห็นฉู่เฉินถือถุงพลาสติกอยู่ในมือ ดวงตาของเธอก็ลุกวาวขึ้นมาทันที “คุณฉู่ ในถุงนี้ของคุณเป็นเงินสดใช่ไหมคะ? ฉันได้ยินมาว่าคนรวยแบบพวกคุณชอบใช้เงินสดกัน”โดยที่ไม่รอให้ฉู่เฉินเอ่ยปากพูดอะไร เธอก็ก้าวไปข้างหน้าแล้วคว้าเอาถุงจากมือของเขามา จากนั้นก็เปิดออกดูทันใดนั้น หน้าของเธอก็ดำสนิทขึ้นมาทันทีเพราะแท้จริงแล้วสิ่งที่อยู่ในถุงนั้นไม่ใช่เงิน แต่เป็นกองกระป๋องและขวดน้ำแร่ ที่ทั้งสกปรกและเหม็นนั่นเอง“นี่เป็นขยะที่ผมเก็บมาเมื่อกี้น่ะ” ฉู่เฉินพูดอย่างกลืนไม่เข้าคายไม่ออก“ขยะที่เก็บมาเหรอ?” รอยยิ้มของเฉินย่าแข็งค้างไป“ใช่แล้ว” ฉู่เฉินพยักหน้าหน้าของเฉินย่าขุ่นมัวลงทันที “สร้างปัญหาให้เรามานานสองนาน คุณวิ่งมาเก็บขยะที่นี่อะนะ?”ขณะที่พูด เธอก็หยิบทิชชูออกมาเช็ดมืออย่างบ้าคลั่งไปด้วย “น่าผิดหวังจริง ๆ เป็นคนจนคนหนึ่ง ทำฉันตื่นเต้นเสียเปล่า”“รั่วเวย ไม่ใช่ฉันจะว่าเธอนะ พ่อเธอมีวิสัยทัศน์ยังไงกัน เลือก
“คุณจะรีบไปไหน? เดี๋ยวทุกคนก็เป็นเพื่อนร่วมงานกันแล้ว ทำความรู้จักกันเอาไว้ก่อนจะดีกว่า”ในตาของหวังซวี่มีแววตาเยือกเย็นแวบเข้ามา จากนั้นก็ริเริ่มยื่นมือออกไปที่ฉู่เฉิน แล้วพูดอย่างโอ้อวดว่า “ผมแนะนำตัวเองหน่อยนะ ผมหวังซวี่ ตอนนี้เป็นผู้จัดการการตลาดแผนกสอง เป็นเพื่อนร่วมงานและหัวหน้าของรั่วเวยน่ะ”ฉู่เฉินเห็นถึงรอยยิ้มอันชั่วร้ายนี้ และเข้าใจได้ในทันที เขาจึงยื่นมือออกไป แล้วพูดอย่างไร้อารมณ์ว่า “ฉู่เฉิน”เมื่อเห็นทั้งสองจับมือกัน กัวรุ่ยก็อดไม่ได้ที่จะแอบมองอย่างดีใจที่คนอื่นต้องประสบกับความโชคร้ายอย่างลืมตัวขึ้นมาซึ่งต้องรู้ก่อนว่า ความแข็งแกร่งของหวังซวี่นั้นเลื่องลือมาก เขาเคยจับมือกับหวังซวี่อยู่ครั้งหนึ่ง แล้วนิ้วมือก็แทบจะหัก จากนั้นผ่านไปสามวันก็ปวดขึ้นมา นี่ยังเป็นผลมาจากการออมมือแล้วของหวังซวี่คนบ้านนอกที่อยู่ตรงหน้าคนนี้กำลังจะทำให้ตัวเองดูโง่เขลาเสียแล้วและเป็นดังที่คาดไว้ ในขณะที่ฉู่เฉินและหวังซวี่จับมือกัน ฉู่เฉินก็รู้สึกได้ถึงพลังมหาศาลที่บีบเขาอยู่แต่เมื่อมองดูการแสดงออกของหวังซวี่ มันก็เต็มไปด้วยการล้อเล่นและคาดหวังเขาก็แค่อยากให้ฉู่เฉินอับอายขึ้นมาในตอนท
ผู้หญิงคนนั้นรีบพูดขึ้นว่า “ผู้อำนวยการฉู่คะ ฉันคือหลินชวงอู่รองผู้อำนวยการของแจฟฟรีย์กรุ๊ปค่ะ คุณเรียกฉันว่าเสี่ยวหลินก็ได้ค่ะ”“ก็คือเมื่อวานนี้ บริษัทได้จัดการประชุมผู้ถือหุ้นขึ้นค่ะ คุณชายฉู่เซี่ยงตงของตี้หาวกรุ๊ปได้ประกาศขึ้นต่อที่ประชุมว่า หุ้นเจ็ดสิบห้าเปอร์เซ็นต์ที่อยู่ในมือของเขานั้นได้โอนไปให้กับคุณแล้ว นั่นหมายความว่าตั้งแต่เมื่อวานเป็นต้นมา คุณก็คือผู้ถือหุ้นรายใหญ่ที่สุดและเป็นผู้อำนวยการของบริษัทด้วยค่ะ”“เขายังส่งรูปถ่ายรวมทั้งข้อมูลต่าง ๆ ของคุณมาให้กับฉัน ให้ฉันช่วยเหลือคุณต่อจากนี้ไปค่ะ”จู่ ๆ ฉู่เฉินก็พูดขึ้นว่า “ผมเข้าใจแล้ว ตอนนี้ผมก็อยู่ในบริษัท ถ้ามีอะไรผมจะสั่งการไปที่คุณละกัน”ณ ห้องทำงานของรองผู้อำนวยการพอหลินชวงอู่วางสายแล้วก็รีบเรียกเลขามาทันที แล้วสั่งขึ้นว่า “ผู้อำนวยการฉู่ผู้ดูแลบริษัทคนใหม่ได้มาถึงแล้ว น่าจะมาแอบมาเยี่ยมดู เธอรีบไปแจ้งให้ผู้ดูแลแต่ละแผนกทราบ ให้พวกเขากำชับพนักงานให้ดี จะต้องดูดีที่สุดในที่ทำงาน”“ฉันได้พูดเอาไว้อย่างชัดเจนตรงหน้าแล้ว ว่าหากใครทำให้ผู้อำนวยการฉู่ไม่พอใจ ก็รีบเก็บของออกไปจากที่นี่ซะ!”“ค่ะ ผู้อำนวยการหลิน!” เลขาตกใ