"เสียงฮือฮา!"พอถ้อยคำนี้ได้พูดออกมา เสียงผู้คนก็โกลาหลและตกอกตกใจไปตามตามกันหลังจากทุกคนอ่านและส่งต่อสัญญาฉบับนั้นให้กันและกันดู ต่างก็ไม่เชื่อสายตาตัวเองมันเป็นเรื่องจริง!เมื่อซู้ลี่ดูเสร็จ เธอรู้สึกว่าหน้ามืดและเกือบจะเป็นลม"เป็นไปไม่ได้ มันเป็นไปไม่ได้เลย ลำพังคนชั้นต่ำแบบเธอจะสามารถดึงนักลงทุนมาลงทุนเงินถึงหมื่นล้านได้อย่างไร?"สีหน้าเธอดุร้ายราวกับผีบ้า "แต่ฉันเคยทักทายกับจ้าวเหวินหยวน ไอสวะจ้าวเหวินหยวนมันทำอะไรอยู่!"ดวงตาของเธอเต็มไปด้วยสิ่งที่เหลือเชื่อ ความรู้สึกหดหู่ในใจนี้เกือบทำเธอเป็นบ้าแล้วตลอดเวลาที่ผ่านมา ไม่ว่าจะหน้าตาหรือความสามารถ ก็ถูกหนิงชิงเสว่เหยียบย่ำและนำเธอมาตลอดตอนนี้ไม่ใช่เรื่องง่ายที่เธอจะคว้าโอกาสเหยียบย่ำหนิงชิงเสว่ลงไป และคิดไม่ถึงว่าเกมส์จะผลิกเธอจะยอมรับกับสิ่งเหล่านี้ได้อย่างไร!หลังจากได้ยินคําพูดของเธอ หนิงชิงเสว่ก็พูดอย่างเย็นชาว่า "ซู้ลี่ ที่แท้จ้าวเหวินหยวนเป็นคนของคุณ""แต่น่าเสียดายที่ตอนนี้เขาถูกแจฟฟรีย์กรุ๊ปไล่ออกแล้ว ถือว่าเป็นการขอบคุณที่พระเจ้าท่านทรงประทานให้""อะไรนะ?"ซู้ลี่ถอยหลังไปสองสามก้าว พูดอย่างไม่น่าเชื่อว่า "นี่จะเป็นไ
เมื่อได้ยินแบบนี้แล้ว ฝ่ายหน่วยงานรักษาความปลอดภัยก็ได้หันกลับไปอย่างไม่มีคำสั่ง“หยุด ทุกคนกลับมาเดี๋ยวนี้!”“เห้ย ขอร้อง หยุดทำร้ายกันได้แล้ว......”ซู้ลี่ถูกทุบตีจนร้องไห้ออกมา ขอร้องด้วยวิธีต่างๆ แต่จ้าวเหวินหยวนก็ยิ่งลงมือหนักยิ่งขึ้นมองเห็นภาพนี้แล้ว หนิงชิงเสวี่ยก็มีใบหน้าที่แสดงออกมาด้วยความสงสารอย่างชัดเจน ต้องการที่จะออกมาหยุดเหตุการณ์“หยุดนะ คุณลืมแล้วหรอ เมื่อกี้เขาหยิ่งยโสขนาดไหน” ฉู่เฉินพูดอย่างเย้ยหยันซู้ลี้ได้แต่กล่าวขอโทษ “นายน้อยหนิง คุณหนูหนิง ได้โปรด ขอร้องล่ะนะ ช่วยผมทีเถอะนะครับ......”“ผมทำผิดไปแล้ว ผมไม่ควรต่อต้านคุณ ยิ่งไม่ควรอยากได้ตำแหน่งประธานของคุณเลย”ในขณะนี้เขาถูกทุบตีจนจมูกและใบหน้าบวมเต่งรวมไปถึงแม้แต่ฟันหน้าของเขาก็ได้หลุดออกมาด้วย ตอนนี้เขาก็หยิ่งยโสไม่ออกอีกต่อไปแล้วฉู่เฉินรู้ว่าควรจะหยุดได้แล้ว และอดไม่ได้ที่ถามไปว่า “แล้วแกคิดยังไงเกี่ยวกับเรื่องการถอนหุ้นของแกล่ะ”“ฉันโอเค ฉันตกลงแล้ว ขอแค่รีบดึงไอ้จ้าวเหวินหยวนบ้านี้ออกไปจากฉันซักทีเถอะ” ซู่ลี่พูดอย่างอ้อนวอนครั้งแล้วครั้งเล่าฉู่เฉินให้หนิงฉิงเสวี่ยยื่นหนังสือโอนหุ้นที่เตรียมเอาไว้
“ฉันซื้อบ้านหลังนี้เอาไว้เมื่อไม่กี่ปีก่อน ส่วนใหญ่ก็จะพักอยู่ที่นี่แหละ”เธอพูดกับฉู่เฉินพร้อมกับชี้ไปที่ห้องนอนชั้น 2 : “อีกหน่อยห้องนี้ก็เป็นของคุณแล้วล่ะ”ถึงแม้เธอจะไม่อยากอยู่รวมชายคาเดียวกับผู้ชาย แต่ไม่ว่ายังไง ตอนนี้ฉู่เฉินก็ได้ชื่อว่าเป็นสามีในนามของเธอ เธอไม่ควรให้เขาต้องเตร็ดเตร่อยู่ข้างนอกอีกอย่างฉู่เฉินก็ยังทำให้จ้าวหมิงฮวยโกรธอีกด้วย จนต้องพูดคำรุนแรง ทำให้เธอยิ่งเมินฉู่เฉินไปไม่ได้เลย“แบบนี้เรียกว่าผู้ร่วมอาศัยรึเปล่า?” ฉู่เฉินมองเธออย่างไม่ยินดียินร้าย“อย่าคิดไปไกล”ใบหน้าของหนิงฉิงเสวี่ยร้อนฉ่าขึ้น จากนั้นเธอก็จ้องมองเขาด้วยอารมณ์ที่ขุ่นเคือง : “ฉันก็แค่สงสารคนจนๆ อย่างนาย อยู่เจียงหนานก็ไม่มีที่ซุกหัวนอน เลยหวังดีให้นายมาอยู่ด้วย นายอย่าคิดไปไกล”“แต่ก่อนนายจะอยู่ ฉันมีกฎอยู่ 3 ข้อ”“พูดมาสิ” ฉู่เฉินพูดต่อ“ข้อแรก นายห้ามแตะต้องตัวฉันเป็นอันขาด แค่จับมือก็ไม่ได้”“ข้อสอง ห้ามเข้าห้องฉันถ้ายังไม่ได้รับอนุญาต ห้ามยุ่งกับของของฉัน โดยเฉพาะจำพวกชุดชั้นใน”“ฉันจะไปยุ่งกับชุดชั้นในเธอทำไม?” ฉู่เฉินทำหน้างง ข้อแรกยังพอเข้าใจได้ แต่หลังๆ มันออกจะแปลกๆ“ให้มันน้อยๆ หน่อย
ขอบอกเลยว่าห้องครัวของหนิงฉิงเสวี่ยทั้งหรูหราและใหญ่โตมากแต่เมื่อฉู่เฉินเปิดตู้เย็นของเธอ มันทำให้เขาแทบพูดไม่ออกเลยตู้เย็นมูลค่าหลายแสนนั้นว่างเปล่า มีเพียงแค่บะหมี่ขนาดเครื่องปรุงบนเตา เช่น ซีอิ๊วและน้ำส้มสายชูก็ยังไม่ได้เปิดเลยด้วยซ้ำฉู่เฉินไม่มีทางเลือกอื่นนอกจากยื่นชามบะหมี่ให้เธอ เมื่อคิดได้ว่า เหตุผลของผู้หญิงที่ต้องทำงานมักจะเดินทางไปต่างจังหวัด เขาจึงไม่ใส่ขิง กระเทียม หรืออะไรที่คล้ายกันลงไปเมื่อเขานำชามบะหมี่ที่ปรุงสุกแล้วมาวางบนโต๊ะหนิงฉิงเสวี่ยอดไม่ได้ที่จะสูดลมหายใจแรงๆ และพูดออกมาด้วยความตกใจ: "หอมจัง ไม่คิดเลยว่านายจะทำอาหารเป็นด้วย"ฉู่เฉินเร่งเร้า : “ที่บ้านเธอไม่มีอะไรเลย เหลือแค่บะหมี่ กินไปเถอะ ถ้าไม่พอฉันจะทำให้ใหม่”เขาอยู่บนเขามาเป็นสิบปี ตาเฒ่าที่บ้านก็เป็นเขาเองที่ดูแลเรื่องทั้งหมด ดังนั้นเขาจึงได้ฝึกฝีมือการทำอาหารอยู่ตลอดหนิงฉิงเสวี่ยทนไม่ไหวอีกต่อไป รีบคีบบะหมี่ขึ้นมาทานอย่างขะมักเขม้นเธอทานเข้าไปอย่างรวดเร็ว แต่กลับไม่ได้ดดูมูมมามอะไรเลย ราวกับว่าทุกการเคลื่อนไหวคือศิลปะใช้เวลาไม่นานเธอก็ทานบะหมี่จนหมดเธอเช็ดปากและอดไม่ได้ที่จะยกนิ้วให้ฉู่เฉินแล้
ฉู่เฉินพูดไปพลางส่ายหัว : "ปล่อยให้คนของคุณกลับไปเถอะ ผมจะจัดการด้วยตัวเอง""ค่ะ"ฉินปิงเยว่ออกไปพร้อมกับคนที่เหลือทันทีฉู่เฉินมองคืนที่มืดมิดด้วยสายตาที่เย็นชา: "ตระกูลจ้าว พวกคุณเริ่มก่อนนะ"......หลังจากที่ฉินปิงเยว่กลับมาถึงบ้านแล้ว เธอก็เอาเรื่องที่เกิดขึ้นวันนี้ไปบอกฉินเวิ่นเทียนทันทีท้ายที่สุดเธอก็ถามต่อ: "คุณปู่คะ ดูเหมือนว่าตระกูลจ้าวตั้งใจที่จะจัดการกับคุณหมอฉู่ เราควรทำไงดีคะ?"ฉินเวิ่นเทียนฮึดฮัดและพูดว่า: "ในนามของตระกูลฉิน จะต้องเตือนจ้าวหมิงฮวย ว่าหมอฉู่คือผู้มีพระคุณกับเรา หากเขากล้าที่จะสัมผัสแม้แต่เส้นผมของคุณหมอฉู่ งั้นก็เท่ากับว่าต้องการที่จะเป็นศัตรูกับตระกูลฉินของเราด้วย”“คุณปู่คะ แต่ว่าตระกูลจ้าวเป็นตระกูลที่ร่ำรวยที่สุดในเจียงหนาน...” เขาทำให้ฉินปิงเยว่ตกใจ เธอไม่คิดว่าอารมณ์ของคุณปู่ของเธอจะร้อนแรงขนาดนี้ เธอจึงเลือกที่จะเผชิญหน้าโดยตรง“ตระกูลที่ร่ำรวยอันดับหนึ่งแล้วยังไงล่ะ?”ฉินเวิ่นเทียนหัวเราะเยาะและพูดว่า: "หลานอย่าลืมนะ ว่าหมอฉู่ถือแหวนวิญญาณมังกร ในสายตาของเรา ตระกูลจ้าวก็แค่ไอ้พวกชั่ว!"“หลานปู่ หนูไม่ได้แต่งกับหมอฉู่ ก็พูดได้แค่ว่าพวกหนูไม่มีวาสนา
กว่าสิบนาทีต่อมา บ้านพักในเมืองเจียงหนานฉู่เฉินมาพบป้าหลานอีกครั้ง แต่กลับต้องผิดหวังเมื่อเห็นว่าสภาพจิตใจของป้าหลานไม่ได้ดีขึ้นเลยเธอยังคงกลัวคนแปลกหน้า ยังคงกลัวแสงสว่าง และมักจะตกอยู่ในฝันร้ายของตอนนั้นฉู่เซี่ยงตงอดไม่ได้ที่จะพูดว่า: "นายน้อยครับ ให้ผมส่งเธอไปรักษาที่เมืองนอกไหมครับ?""ไม่ต้อง"ฉู่เฉินส่ายหัวแล้วพูดต่อ: "ผมรักษาเธอเองได้ แต่ต้องการของบางสิ่ง คุณไปเตรียมให้ผมหน่อย"“ว่ามาเลยครับ” ฉู่เซี่ยงตงกระตือรือร้นฉู่เฉินขอให้เขาหาปากกาและกระดาษมาเขียนใบสั่งยา: "ใช้เส้นสายของคุณหายาพวกนี้ให้ผม โดยเฉพาะยาเทียนหลิงฮวา"“ข้อสอง ฉันอยากได้พู่กัน ไม่ใช่แบบธรรมดา แต่ต้องเป็นพู่กันที่มีพลังจิตวิญญาณ”ได้ยินอย่างนี้ ฉู่เซี่ยงตงก็สับสนอยู่ไม่น้อย: "พู่กันที่มีพลังจิตวิญญาณเหรอครับ?"ตลอดชีวิตของเขา นี่เป็นครั้งแรกที่เขาได้ยินชื่อพู่กันที่มีพลังจิตวิญญาณ“คุณเข้าใจว่ามันคือพู่กันที่ใช้งานโดยนักเขียนผู้ยิ่งใหญ่ในสมัยโบราณและสมัยใหม่หรือว่าเป็นสิ่งที่มาจากมือของปรมาจารย์ลึกลับฮวงจุ้ยก็ได้”ฉู่เฉินอธิบายอย่างอดทน: "ปรมาจารย์เหล่านี้เคยใช้พู่กันแบบนี้ พวกเขาได้แผ่รัศมีเข้ามา ดังนั้นมันจึง
…...เช้าวันรุ่งขึ้นของวันที่สอง ฉู่เฉินตื่นขึ้นมาและพบว่าหนิงฉิงเสวี่ยไม่อยู่ แต่มีกระดาษโน๊ตวางอยู่บนโต๊ะอาหาร“ฉันไปทำงานแล้วนะ ฉันสั่งอาหารเช้าให้แล้ว อยู่ในตู้เก็บความร้อน กินเสร็จก็รีบมาที่บริษัท อ้อ แล้วก็เสื้อผ้าฉันก็ซักให้แล้วนะ นายอย่าลืมเอาไปตากด้วยล่ะ”“ผู้หญิงคนนี้ก็ไม่ได้แข็งกระด้างขนาดนั้นนี่นา…” ฉู่เฉินอดไม่ได้ที่จะยิ้มออกมา เขาเดินเข้าไปหยิบซาลาเปาและปาท่องโก๋ออกมาทานหลังจากตากเสื้อผ้าเสร็จแล้ว เขาก็รีบไปที่เฟยเสวี่ยกรุ๊ปทันทีวันนี้พนักงานไปจนถึงผู้บริหารระดับสูงในเฟยเสวี่ยกรุ๊ปล้วนยุ่งกันเป็นอย่างมาก ขนาดที่ว่าทุกคนถึงกับทานข้าวที่โต๊ะของตัวเองหลังจากที่ฉู่เฉินเคาะประตูและเดินเข้าไปในห้องทำงานของประธานกรรมการ หนิงฉิงเสวี่ยก็เงยหน้าขึ้นมองเขาและพูดด้วยสีหน้าประหลาดใจ: "ฉู่เฉิน นายมาก็ดีแล้ว ฉันมีเอกสารบางอย่าง นายช่วยเอาไปให้แจฟฟรีย์กรุ๊ปประทับตราให้หน่อยสิ"ฉู่เฉินรับเอกสารมาก พูดอย่างงงๆ : "แล้วเลขาเธอล่ะ? เรื่องพวกนี้ควรให้เธอทำไม่ใช่เหรอ?"“พี่หยุนไปรับลูกค้าให้ฉันแล้ว ดังนั้นคงต้องรบกวนนายหน่อยนะ” หนิงฉิงเสวี่ยพูดโดยไม่เงยหน้าขึ้นฉู่เฉินส่ายหัว และทำได้เพียงหย
ฉู่เฉินไม่ได้โกรธเลยสักนิด แถมยังพูดติดเล่นไปด้วยว่า: "หวังซวี่ ถ้าฉันบอกว่าเดี๋ยวนายก็จะไม่ได้เป็นรองผู้จัดการแล้ว นายจะเชื่อฉันไหม?"หวังซวี่โกรธขึ้นมาทันที: "แกมายุ่งไรด้วย!"ถังรั่วเวยที่ยืนอยู่ข้างๆ ก็พูดอย่างเย็นชา: "ฉู่เฉิน ถึงแม้แกจะอิจฉาหวังซวี่ เพราะเขาเก่งกว่า แต่ก็ไม่ควรพูดจาแบบนี้ไหม?"“ผมอิจฉาเขา?” ฉู่เฉินหัวเราะ"หรือว่าไม่ใช่?"ถังรั่วเวยมองไปที่ฉู่เฉิน ด้วยสีหน้ารังเกียจ : " หวังซวี่กลายเป็นรองผู้จัดการทั่วไปของบริษัทตั้งแต่อายุยังน้อย แต่แกยังเป็นพนักงานตำแหน่งเล็กๆ ถ้าไม่ได้อิจฉาแล้วจะเป็นอะไร”“แล้วแต่คุณจะคิดเถอะ เชื่อผม เดี๋ยวผู้ชายที่คุณได้ภาคภูมิใจคนนี้ก็จะกลับไปอยู่ตำแหน่งเดิมแล้วล่ะ”ฉู่เฉินเหนื่อยเกินกว่าจะโต้เถียงกับเธอและจากไปโดยไม่พูดอะไรสักคำขณะนั้นเองโทรศัพท์มือถือของถังรั่วเวยก็ดังขึ้น หน้าจอปรากฏเป็นถังไห่ซานหลังจากสนทนาจบ เธอก็รั้งฉู่เฉินไว้และพูดว่า "เดี๋ยว พ่อฉันมีเรื่องจะคุยด้วย"ฉู่เฉินขมวดคิ้ว รับโทรศัพท์มาพูด “ลุงถัง”“เสี่ยวฉู่ ว่างไหม มาโรงแรมทอมสันหน่อยสิ ลุงมีข่าวดีจะบอกน่ะ” ถังไห่ซานพูดขึ้นอย่างตื่นเต้นผ่านโทรศัพท์ข่าวดี?ฉู่เฉินตกตะลึงเ