“ปัง!”เสียงที่ดังสนั่นพร้อมกับแสงที่สว่างวาบออกมา ทำให้ผู้ชมเบียนหน้าหนีแสงนั่น“เฮ้อ อัจฉริยะอีกคนมาได้แค่นี้ล่ะ น่าเสียดาย แถมยังเป็นผู้หญิงด้วย”มีบางคนพูดด้วยความเสียใจ และไม่สามารถทนดูได้“คนจากนิกายแห่งความว่างเปล่า ไม่มีแม้แต่ความเป็นสุภาพบุรุษเอาซะเลย!”“นายคงไม่รู้อะไรเลยสินะ คนจากนิกายแห่งความว่างเปล่าไม่สนใจเรื่องพรรคนี้หรอก ชิงหลิงของพวกเขาเองก็น่าเก่งกาจไม่แพ้หลี่ชิง”คนคนนี้ดูถูกคฤหาสน์หลี่หยางอย่างเห็นได้ชัดแสงสว่างจางหายไป และชิงมู่กำลังจะเยาะเย้ยคู่ต่อสู้ แต่ทันใดนั้น ก็อ้าปากกว้างราวกับว่าเห็นผี แต่กลับไม่ส่งเสียงใดๆ ออกมา“เธอยอมแพ้ไปแล้ว ทำไมนายถึงยังโจมตีอีก!” ฉู่เฉินพูดอย่างใจเย็น และยืนอยู่ตรงหน้าหลี่ชิงในเสื้อเชิ้ตสีน้ำเงินตัวยาว มือที่ยื่นออกไปค่อยๆ ดึงกลับมามืออีกข้างโอบหลังของหลี่ชิงไว้ และเสื้อผ้าที่ปลิวไสวไปกับสายลมนั้น แสดงถึงท่าทีสง่างาม“แกเป็นใคร? แกมีคุณสมบัติอะไรถึงได้ปรากฏตัวในสนามประลอง!” ชิงมู่มีสีหน้าไม่เชื่อชิงมู่รู้ดีว่าท่าไม้ตายของตัวเอง ร้ายแรงเพียงใดแต่คนตรงหน้าเขาสามารถป้องกันได้ด้วยมือเพียงข้างเดียว ซึ่งทำให้ชิงมู่ประหลาด
“ชิงมู่ใช่ไหม? ที่นายพูดมันก็ไม่ถูก นายหมายความว่ายังไงที่ว่าฉันช่วยโถงสมุนไพร? ฉันเป็นหนึ่งในผู้ชนะของโถงสมุนไพรไม่ได้เหรอ? และก็ฉันจะช่วยโถงสมุนไพรไม่ได้เหรอ? "ฉู่เฉินยิ้มเยาะ“แต่... แต่โถงสมุนไพรไม่ใช่หนึ่งในสามนิกายหรือสี่สำนักสักหน่อย และไม่ใช่ตระกูลที่มีเกียรติจากเมืองหลวงด้วย ดังนั้นจะสมควรได้รับตำแหน่งหนึ่งในสี่สนามประลองได้ยังไง!” ชิงมู่ยังคงไม่เชื่อ แม้ว่าจะไม่สามารถกล่าวหาฉู่เฉินว่า พยายามยกระดับสถานะของโถงสมุนไพรอย่างไม่ยุติธรรมก็ตาม“เอาล่ะ ไม่ใช่ว่าอยากท้าดวลก็ผู้ป้องกันตำแหน่งคนที่สามของโถงสมุนไพรหรอกเหรอ? ก็ฉันเองนี่ไง เข้ามาเลย ถ้านายไม่ลงมือ ฉันจะลงมือล่ะนะ" ฉู่เฉินไม่สนใจว่าชิงมู่จะเชื่อหรือไม่ และเร่งเร้าให้เขาลงมือทำ“ช้าก่อน ฉันไม่ขอท้าดวลแล้ว ฉันต้องการพักผ่อน” ชิงมู่พูดขัดทันทีที่เห็นฉู่เฉินกำลังจะลงมือ เห็นได้ชัดว่าฉากที่ฉู่เฉินสกัดท่าไม้ตายของเขาด้วยมือข้างเดียวเมื่อกี้นั้น ทำให้ชิงมู่รู้สึกต้องยอมถอยไปตั้งหลักก่อนต้องทำใจยอมรับความพ่ายแพ้ต่อสายตาประชาชี“มันไม่ใช่เรื่องที่นายจะตัดสินใจได้ อยากจะท้าก็ท้า ไม่อยากท้าก็ไม่ท้าแล้ว เห็นฉันฉู่เฉินคนนี้เป็นต
ฝูงชนแสดงท่าทีที่ได้ยินข่าวที่น่าตกใจอย่างชัดเจน และวิพากษ์วิจารณ์กัน“อายุก็แค่ยี่สิบกว่าเอง ก็แข็งแกร่งพอที่กำลังที่จะคว้าแชมป์ในหมู่คนรุ่นเยาว์ เขาเป็นอัจฉริยะอย่างแท้จริง อัจฉริยะที่หนึ่งพันปีจะเจอสักคน ไม่สิ เขาเป็นปีศาจมากกว่า”มีคนอุทานออกมา“จริงไหมนิ ฉู่เฉินคนนี้อายุแค่ยี่สิบกว่าปีเท่านั้น และความสามารถที่จะคว้าแชมป์ได้ในวัยนี้แล้ว งั้นให้เวลาเขาอีกสักสองสามปี แล้วมาดูกัน!”บางคนไม่กล้าจินตนาการ“ไม่ใช่ว่าผู้อาวุโสซ่งจากนิกายแห่งความว่างเปล่าพูดเองหรอกเหรอ? แล้วจะเป็นของปลอมได้ยังไง” “ไม่จำเป็นต้องเป็นอย่างนั้นเสมอไป บางทีนิกายแห่งความว่างเปล่าอาจกำลังพยายามหาข้อแก้ตัวให้ลูกศิษย์ที่พลาดท่า”บางคนก็มีความคิดเห็นที่แตกต่างกันเมื่อเห็นสถานการณ์นี้ ฉู่เฉินก้าวไปข้างหน้าและยืนขึ้น“ฉันปกป้องสนามประลองโถงสมุนไพร และชิงมู่ของคุณก็ท้าดวลกับฉัน พวกเราต่อสู้กัน ฉันไม่เห็นว่า ฉันจะทำอะไรผิด คุณว่ายังไง ผู้อาวุโสซ่งจากนิกายแห่งความว่างเปล่า?” “ฉู่เฉิน ได้ๆ ฉันจะจำเอาไว้”ผู้อาวุโสซ่งเข้าใจทุกอย่างดี และไม่มีอะไรจะพูดในตอนนี้ ควรจะพูดกับชิงมู่ก่อนดี เพราะถ้าเกิดอะไรขึ้น เขาก็
หลี่ชิงปรากฏตัวขึ้นซ้ำแล้วซ้ำเล่าที่ด้านข้างฉู่เฉินรับเครื่องดื่มที่หลี่ชิงยื่นมาให้ แล้วถามอย่างส่งๆ “ก่อนหน้านี้ไม่เป็นไรใช่ไหม ได้รับบาดเจ็บหรือเปล่า”ฉู่เฉินไม่รู้เลยว่าหลี่ชิงคิดขนาดไหนในระหว่างทางมา“ไม่เป็นไร แค่สูญเสียลมปราณที่แท้จริงมากเกินไปน้อย แต่ขอบคุณชู่ซวนหวู่ที่ช่วยฉันเอาไว้ได้ทันเวลา ฉันไม่มีทางตอบแทนคุณได้ นอกจากทำงานหนักรับใช้คุณเยี่ยงวัวเยี่ยงควาย” หลี่ชิงพูดเบาๆ“โอ้ งั้นก็ดี แต่เด็กผู้หญิงน่าจะไม่มีอะไรมาตอบแทนได้ หรือใช้ร่างกายตอบแทนดีไหม?”ฉู่เฉินหัวเราะเบาๆ ส่งหินพลังวิญญาณอย่างรวดเร็วให้เธออย่างสบายๆ เพื่อช่วยให้เธอฟื้นฟูลมปราณที่แท้จริงได้เร็วขึ้น“ได้”เมื่อได้ยินคำพูดของฉู่เฉิน หลี่ชิงก็ตอบตกลงทันทีและเงยหน้าขึ้นมามองฉู่เฉินทั้งสองคนจ้องหน้ากันชั่วขณะ หลี่ชิงไม่ถอยหนีหลังหนี แววตาตาเต็มไปด้วยประกายของความมุ่งมั่น“ล้อเล่น”เป็นฉู่เฉินที่ยอมแพ้ก่อน เขาล้อเล่นและก่อนหน้านี้เธอก็ไม่ได้รังเกียจเขาไม่ใช่เหรอ ทำไมคราวนี้ผลลัพธ์กลับแตกต่างจากที่ตัวเองคิดเอาไว้“เอาล่ะ หม่าเซียงอวี้เป็นยังไง? สาหัสไหม”ฉู่เฉินไม่ค่อยสนใจคนอื่นสักเท่าไหร่ แค่สถานกา
“ฉู่เฉินน่ากลัวอย่างที่พวกนายพูดเลยเหรอ?”มีคนประหลาดใจอย่างมาก จึงแทรกตัวมาจากช่องว่างที่ฝูงชนแหวกออกนี่คือพลังของคนแข็งแกร่ง ซึ่งไม่จำเป็นต้องแสดงอะไรออกมาด้วยซ้ำ ไม่ว่าจะไปที่ไหน ผู้คนก็จะหลีกทางให้เขาโดยสัญชาตญาณระหว่างทาง มีคนบางส่วนที่ได้เห็นฉู่เฉินทักทายเขาอย่างอบอุ่น และฉู่เฉินก็พยักหน้าตอบรับพร้อมกับหลี่ชิง ได้เดินขึ้นไปที่ชั้นสองของอาคารในโถงสมุนไพรและเข้าไปในห้องด้านใน ซึ่งเห็นหม่าเซียงอวี้นอนอยู่บนเตียง ดูอ่อนแอและแทบจะไม่ได้สติ“คุณชายหม่า ฉันพาฉู่เฉินมาพบคุณ" หลี่ชิงเรียกหม่าเซียงอวี้ที่นอนอยู่บนเตียงเบาๆหม่าเซียงอวี้ลืมตาที่ปิดอยู่ และมองเห็นหลี่ชิง“คุณหนูหลี่ชิง เป็นคุณเอง ผู้ท้าชิงเป็นอย่างไรบ้าง เขาได้ยึดสนามของพวกเราหรือเปล่า” ถามขณะพยายามลุกขึ้นนั่ง“ไม่ต้องกังวลไป คุณชายหม่า ผู้ท้าชิงพ่ายแพ้ให้กับคุณชายฉู่ไปแล้ว ตอนนี้ให้พักผ่อนและรักษาตัวก่อนเถอะ” หลี่ชิงพูดขณะที่เธอค่อยๆ ช่วยเขานอนลง“ฉู่เฉิน ฉันทำให้คุณขายขี้หน้าแล้ว แข็งแกร่งไม่เพียงพอและไม่สามารถป้องกันสนามประลองได้ ต้องไว้วานคุณอีก”เมื่อได้ยินหลี่ชิงพูดว่า ฉู่เฉินเอาชนะผู้ท้าชิงได้แล้ว หม่าเ
“อีกอย่าง พี่หม่า คุณรู้ไหมว่าทำไมคนจากนิกายแห่งความว่างเปล่าถึงมาโจมตีสนามประลองของโถงสมุนไพร?” ฉู่เฉินถามต่อ“ฉันเองก็ไม่รู้ จู่ๆ เขาก็ปรากฏตัวขึ้นที่สนามประลอง ฉันคิดว่าเขาเป็นเพียงผู้ท้าชิง แต่ฉันไม่คิดว่าชิงมู่จะแข็งแกร่งขนาดนี้!” หม่าเซียงอวี้เกาหัวเมื่อเห็นว่าหม่าเซียงอวี้ไม่อะไรเลย ฉู่เฉินก็ทำเพียงปลอบใจเขา“เอาล่ะ พี่หม่ากำลังฟื้นตัวจากอาการบาดเจ็บ ดังนั้นพวกเราอย่าไปรบกวนเขา คุณชายหม่า คุณควรจะปรับความเสถียรของระดับวรยุทธของคุณ และควรพักผ่อนโดยเร็ว ส่วนเรื่องสนามประลอง คุณไม่ต้องกังวล ฉันจะทำให้พวกเขาชดใช้สองเท่า“ ฉู่เฉินพูดพร้อมกับอำลาหม่าเซียงอวี้“คุณหนูหลี่ชิง โปรดออกไปบอกผู้ชมข้างนอกเหล่านั้นได้ไหมว่า ฉัน ฉู่เฉิน จะท้าดวลสนามประลองนิกายแห่งความว่างเปล่าในอีกครึ่งชั่วโมง”หลังจากออกจากประตูโถงสมุนไพรแล้ว ฉู่เฉินก็พูดกับหลี่ชิงที่อยู่ข้างๆ “คุณชายฉู่ อย่าเพิ่งใจร้อน นิกายแห่งความว่างเปล่าเป็นนิกายที่ทรงพลังที่สุดจากทั้งสี่นิกาย”หลี่ชิงพูดด้วยความกังวล และพยามเตือนสติ“คุณหนูหลี่ชิงอย่ากังวลไปเลย ทำตามที่ฉันบอกก็พอ” ฉู่เฉินไม่ได้อธิบายอะไรเพิ่มเติม“ตกลง”เหม
แม้จะคำนวณมานับครั้งไม่ถ้วน แต่ไม่คาดคิดว่าพละกำลัง 80% ในขั้นเก้าของจอมยุทธ จะถูกฉู่เฉินซัดลอยออกไป พร้อมกับเลือดที่ไหลออกมาจากมุมปากเป็นไปได้ยังไง!ต้วนอี้หวู่ตกใจมาก!ในสถานการณ์ที่ตัวเองมีระดับวรยุทธสูงกว่า กลับโดนโจมตี จนได้รับบาดเจ็บอย่างไม่ทันตั้งตัวตั้งแต่เผชิญหน้าครั้งแรก ถึงแม้ว่า ต้วนอี้หวู่ถูกต่อยจนตายไป ก็ยังทำใจเชื่อไม่ได้ แต่ความจริงนั้น ได้ปรากฏออกมาตรงหน้าเขา และเขาจะไม่เชื่อได้อย่างไรเมื่อเห็นว่าฉู่เฉินกำลังจะลงมืออีกครั้ง ต้วนอี้หวู่มองการโจมตีออก และถอยหลบกลืนเลือดคาวๆ ในปาก และยอมรับความพ่ายแพ้ออกมาอย่างเสียงดัง"ฉันยอมแพ้"เมื่อเห็นเช่นนี้ ฉู่เฉินไม่ต้องการใช้ประโยชน์จากสถานการณ์นี้เพื่อทำร้ายผู้อื่น จึงไม่โจมตีและหยุดเท้าลง"เอาล่ะ งั้นฉันขอท้าดวลคนต่อไป"“ได้ ฉันจะรีบไปเรียกมาให้ แต่ช่วยบอกชื่อแซ่ของคุณให้ฉันรู้หน่อยได้ไหม”เห็นได้ชัดว่า แม้ว่าต้วนอี้หวู่จะยอมรับความพ่ายแพ้ แต่เขาก็ยังรู้สึกไม่พอใจ คิดว่าตัวเองแค่ประมาทและถามชื่อของคนที่ทำให้การประลองยุติลง"ฉู่เฉิน" ฉู่เฉินตอบชื่อตัวเองไปอย่างเย็นชา“โอเค รอสักครู่ ฉันจะเรียกคนป้องกันตำแหน่งคนต่อ
ต้วนเซี่ยเฉิงเห็นว่าคู่ต่อสู้หยิ่งยโสมาก และจึงไม่ป้องกันอะไรเลย จึงคิดอยากจะจัดการฉู่เฉินเดิมทีแข็งแกร่งมาก แถมยังมีระดับที่ที่เหนือกว่าอีกสองขั้น จึงพยายามเอาชนะผู้ท้าชิงด้วยฝ่ามือเดียว"โดนแล้ว ตีโดนแล้ว"ตีโดนอย่างจังๆ ทำให้ต้วนเซี่ยเฉิงประหลาดใจอย่างยินดีคนที่ชื่อว่าฉู่เฉินนี้ไม่เห็นจะมีอะไรพิเศษเลย!ทันทีที่ความคิดนี้แวบเข้ามาในหัวของเขา จู่ๆ สมองก็ส่งสัญาญเตือนภัยก็อย่างกะทันหัน เมื่อบำเพ็ญเพียรมาถึงระดับนี้แล้ว ก็จะมีคำเตือนทางจิตวิญญาณของตนเอง ซึ่งก็คือสิ่งที่เรียกว่าสัมผัสที่หกไม่มีภาพของฉู่เฉินที่กระอักเลือด และกระเด็นปลิวไป หลังรับถูกฝ่ามือเขาตีลงไปก่อนที่ความผันผวนของลมปราณที่แท้จริงจะสลายหายไปอย่างสมบูรณ์ เห็นแสงกับเงาที่อยู่ตรงข้ามคว้าฝ่ามือที่เขาตบลงไป พร้อมกับเสียงเยาะเย้ยจากฉู่เฉินแย่แล้ว จบสิ้นแล้ว ณ จุดนี้ เป็นไปไม่ได้ที่ต้วนเซี่ยเฉิงจะหลบหนีได้ สิ่งที่ทำให้ต้วนเซี่ยเฉิงไม่เข้าใจก็คือ ฝ่ามือของเขาที่ไม่สามารถขยับเขยื้อนได้ และไม่เห็นฉู่เฉินได้รับบาดแผลในขณะนั้น มือซ้ายของฉู่เฉินจับเข้ากับมือของที่ต้วนเซี่ยเฉิง และมืออีกข้างยกขึ้นและกำหมัด จากนั้นโจมต