บทที่ 81 เมื่อหัวใจที่แห้งผากสองดวงมาเจอกัน “คุณหนูทำได้ดีมาก ท่านดูแลคุณชายจิ้นหลงได้ดีจริงๆ แบบนี้อีกไม่นานก็สามารถที่จะรักษาดวงตาของคุณชายจิ้นหลงได้แล้ว”ป้าจวงเดินเข้าไปในเรือนที่แสนอบอุ่นของชิน…ของคุณชายจิ้นหลงและทำการตรวจดูดวงตาของเขาและร่างกายของเขา…ใช่แล้ว!!!เจ้ากล้ามโตนั้นได้หลังจากที่ได้นางแล้วชีวิตของเขาก็ไม่สามารถจะมีความลับได้อีกต่อไป นางรีดออกมาหมดแหละ…“เช่นนั้นท่านสามารถทำการรักษาได้เลยหรือไม่” เฟิงซิ่วเหยาเอ่ยอย่างตื่นเต้น นางก็อยากจะให้เขาหาเช่นกัน“เออ..ยัง..ยังนะ..ต้องรออีกสักเล็กน้อย ท่านก็ทำหน้าที่ดูแลเขาต่อไปสักระยะเถิดเมื่อร่างกายและดวงตาของเขาพร้อมแล้วข้าจะมาทำการรักษาเอง”ก็เจ้ากล้ามโตถามนางว่าไม่อยากได้ชินอ๋องเป็นน้อยเขยหรือ? เพราะจะว่าไปตอนนี้เฟิงซิ่วเหยาก็เปรียบดั่งน้องสาวของนาง หากว่าอยากได้ก็ให้ทั้งคู่ใกล้ชิดกันมากหน่อย พอรักษาดวงตาชินอ๋องหายแล้วเขาจะไปไหนเสีย อีกอย่างตอนนี้เฟิงซิ่วเหยาก็หย่าขาดและมีอิสระเป็นถึงนายหญิงตระกูลเฟิง ส่วนชินอ๋องก็เป็นพ่อหม้ายมาหลายปี จะมีอะไรดีไปกว่าคนเหงาสองคนมาเจอกัน…นี่คือคำแนะนำจากเจ้ากล้ามโต ซึ่งนางก็คิดเหมือนกัน เพราะ
บทที่ 82 ข่าวร้ายจากชายแดนท่ามกลางสนามรบที่เต็มไปด้วยเสียงดาบปะทะกัน เสียงร้องของผู้บาดเจ็บดังระงม แม่ทัพซู่หลิงนำทัพอย่างกล้าหาญ ท่ามกลางการต่อสู้อันดุเดือดและเสียงคำรามของศัตรู นายทหารคนสนิทของแม่ทัพซู่หลิงสู้เคียงข้างผู้นำของเขา แม้จะเหน็ดเหนื่อยแต่พวกเขายังคงต่อสู้เพื่อปกป้องแผ่นดินทันใดนั้น ในท่ามกลางความสับสนวุ่นวายของสนามรบ เสียงคำรามของศัตรูดังใกล้เข้ามา สายตาของแม่ทัพซู่หลิงเหลือบไปเห็นความเคลื่อนไหวผิดปกติที่ด้านหลังของเขา ก่อนที่เขาจะทันได้ตัดสินใจ เสียงนายทหารผู้หนึ่งก็ตะโกนออกมา"ท่านแม่ทัพระวัง!"ท่ามกลางความสับสนนี้ นายทหารยศเล็กๆ ผู้หนึ่งที่เห็นลูกศรกำลังพุ่งเข้าหาท่านแม่ทัพ เขาตัดสินใจโดยไม่ลังเล เขารู้ดีว่าชีวิตของเขานั้นไม่มีค่าเท่าท่านแม่ทัพ เขาพุ่งตัวเข้าหาลูกศรด้วยความหวังที่จะสละชีวิตของตนเองเพื่อปกป้องท่านแม่ทัพ ร่างของเขากระโจนเข้ามาในเส้นทางของลูกศรที่พุ่งตรงเข้ามา แต่ก่อนที่เขาจะถึงตัวแม่ทัพซู่หลิง ดาบของแม่ทัพซู่หลิงก็ฟันลูกศรดอกหนึ่งจนหักเป็นสองท่อนกลางอากาศได้ทันเวลาแต่ยังมีอีกสองดอกที่พุ่งตรงเข้ามาหาแม่ทัพซู่หลิง ทันใดนั้น ร่างของนายทหารยศเล็กๆ ก็ถูกผ
บทที่ 83 เดี๋ยวเมียข้าก็มา!!! ขณะที่ทางเมืองอวี้ไห่เริ่มออกเดินทาง ณ สนามรบที่ชายแดน ความเจ็บปวดที่กัดกร่อนราวกับเปลวไฟเผาผลาญเริ่มแผ่ซ่านไปทั่วร่างของซู่หลิง พิษจากลูกศรที่ถูกยิงเข้าใส่เขานั้นแพทย์สนามบอกว่ามันคือ 'พิษดำมฤตยู' พิษที่ร้ายกาจมันสามารถทำให้เลือดในร่างกายกลายเป็นพิษ และแพร่กระจายไปตามเส้นเลือดได้อย่างรวดเร็ว ทุกครั้งที่พิษแผ่ขยายออกไป ผิวหนังบริเวณนั้นจะเปลี่ยนเป็นสีดำสนิท เสมือนว่าชีวิตกำลังถูกดูดกลืนเข้าไปในความมืดมิดแม่ทัพซู่หลิงที่ตอนนี้นอนอยู่ในกระโจมแพทย์ทหาร มือและแขนของเขาเริ่มแข็งเกร็ง ขยับไม่ได้อย่างที่เคยเป็น แพทย์ทหารหลายคนยืนล้อมรอบด้วยใบหน้าที่เต็มไปด้วยความกังวล ทุกสายตาจับจ้องไปยังแผลที่ท้องของซู่หลิงซึ่งกลายเป็นสีดำเข้ม เนื้อเยื่อรอบแผลเริ่มบวมแดงและมีสีดำแทรกซึมไปทั่ว ทำให้ผู้ที่มองเห็นต่างก็ใจสั่นไหว แม้ว่าพวกเขาจะให้ยาแก้พิษไปแล้วแต่ว่าความแรงของพิษนั้นรุนแรงมากตอนนี้ยาแก้พิษไม่สามารถที่จะต่อต้านพิษชนิดนี้ได้ แพทย์สนามที่ชำนาญเรื่องพิษเป็นกังวลมาก"ท่านแม่ทัพ... ท่านต้องอดทนหน่อยนะขอรับ" แพทย์ทหารคนหนึ่งเอ่ยขึ้น น้ำเสียงของเขาสั่นไหวแต่พยายามไม่ให้
บทที่ 84 เมียรัก!!เจ้ามาทันเวลาพอดี!!หลังจากที่จวงหลิงอวี้จัดการศัตรูเสร็จนางรีบให้ม้านิลมังกร เร่งพลังของมันให้สูงสุดและให้ตรงไปที่ที่พักของสามีนางทันที ความรู้สึกของนางตอนนี้ร้อนรนมากพอสมความ สายตาของนางพุ่งตรงไปข้างหน้าและรอคอยที่จะได้พบหน้าเจ้ากล้ามโตของนาง….“รอข้านะเจ้ากล้ามโต เจ้าห้ามเป็นอะไรไปก่อนที่ข้าจะไปถึงเด็ดขาด!!”ม้านิลมังกรราวกับรับรู้ถึงความร้อนใจของนายหญิงของมัน มันรวบรวมพลังทั้งหมดไปที่ปีกขนาดใหญ่ของมันและพุ่งไปด้านหน้าอย่างเร็วทันที!!ในกระโจมรักษาที่ถูกตั้งขึ้นอย่างเร่งรีบ ณ สนามรบชายแดนทิศเหนือ ร่างของแม่ทัพซู่หลิงนอนอยู่บนเตียง ผิวหนังของเขาเกือบทั้งหมดเปลี่ยนเป็นสีดำอย่างน่าสยดสยอง เนื่องจากพิษดำมฤตยูจากลูกศรที่พุ่งเข้าใส่ท้องและแขนของเขา มันกัดกร่อนร่างกายของเขาอย่างช้า ๆ แต่ทว่าไร้ความปรานี ยิ่งเวลาผ่านไป พิษนั้นก็ยิ่งแผ่ขยายไปตามเส้นเลือด สายตาของเขาที่เคยคมกริบและเต็มไปด้วยความมุ่งมั่นเริ่มเลือนลางหม่นแสงลง เหล่าแพทย์ทหารต่างมองดูสภาพของเขาด้วยความกังวลใจ บางคนพยายามหาวิธีที่จะถอนพิษ ถึงแม้จะไม่รู้ว่าจะสามารถทำได้หรือไม่ เขาเพียงไม่อยากจะยอมแพ้ บางคนก็ภาวน
บทที่ 85 กำเนิดหมอเทวดาแห่งกองทัพต้าโจวหลังจากที่แม่ทัพซู่หลิงได้รับยาแก้พิษและการรักษาจากป้าจวงหลิวอวี้อย่างเร่งด่วน พลังแห่งชีวิตที่เคยเลือนรางก็เริ่มกลับคืนมา ผิวที่เคยกลายเป็นสีดำจากพิษค่อย ๆ กลับมาเป็นสีแทนสวยปกติ ลมหายใจของเขาเริ่มมีความเสถียรขึ้น ดวงตาที่เคยหม่นหมองกลับมาเปล่งประกายอีกครั้ง แม้เขาจะยังไม่สามารถลุกขึ้นมาต่อสู้ได้ แต่ความแข็งแรงของร่างกายก็เริ่มกลับมาอย่างชัดเจน เหล่าแพทย์ทหารที่ยืนอยู่รอบ ๆ ต่างมองดูการเปลี่ยนแปลงนี้ด้วยความตื่นตะลึงและไม่อยากเชื่อสายตาตนเอง ยาที่ฮูหยินมอบให้ท่านแม่ทัพซู่หลิงนั้นทรงประสิทธิภาพเกินกว่าที่พวกเขาคาดคิด ทุกคนต่างยืนมองด้วยความทึ่งและชื่นชมในความสามารถของนางที่สามารถทำให้พิษร้ายที่กำลังคุกคามชีวิตแม่ทัพซู่หลิงสลายไปได้อย่างรวดเร็ว ผิวที่เคยดำมืดกลับมาเป็นสีปกติได้ในเวลาอันสั้น ทำให้ความหวังกลับมาอีกครั้งในใจของทุกคน"นี่มันเหลือเชื่อจริง ๆ!" แพทย์ทหารคนหนึ่งเอ่ยขึ้นด้วยน้ำเสียงที่เต็มไปด้วยความทึ่ง "พิษร้ายขนาดนี้สามารถสลายไปได้ในเวลาเพียงสั้น ๆ ข้าไม่เคยเห็นยาที่มีประสิทธิภาพเช่นนี้มาก่อน""ฮูหยินท่านแม่.. นางช่างเป็นหมอที่ฝีมือฉก
บทที่ 86 ถั่วงอกฤดูหนาวที่แสนโหดร้ายได้แผ่ปกคลุมทั่วแดนเหนือ สายลมหนาวเยือกเย็นพัดผ่านทุกวันทุกคืน หิมะที่ปกคลุมหนาทำให้พื้นดินแห้งแข็งไร้สิ่งใดงอกงามได้ กองทัพของแม่ทัพซู่หลิงต้องเผชิญกับความยากลำบากไม่เพียงแค่การรบกับศัตรู แต่ยังต้องต่อสู้กับการขาดแคลนอาหารด้วย เสบียงที่ได้รับมาก็ไม่เพียงพอ เนื้อสัตว์นั้นหายากเหลือเกิน และผักก็แทบไม่มี การหาอาหารในดินแดนที่เยือกแข็งนี้เป็นสิ่งที่ท้าทายยิ่งนักเฟิงหย่าเสวี่ยและเฟิงหยวนเจี๋ย รวมถึงป้าจวงหลิงอวี้ได้ใช้เวลาในการดูแลทหารบาดเจ็บอย่างสุดความสามารถเฟิงหย่าเสวี่ยและเฟิงหยวนเจี๋ยเป็นผู้สอนเหล่าแพทย์ทหารเกี่ยวกับการเย็บแผลในรูปแบบต่าง ๆ โดยเฟิงหย่าเสวี่ยสาธิตการเย็บแผลแบบพื้นฐานที่เน้นความรวดเร็วและความแน่นหนาของบาดแผล"เจ้าดูให้ดีนะ การเย็บแผลแบบนี้ต้องทำอย่างรวดเร็ว แต่ต้องมั่นใจว่าแผลจะไม่เปิดอีก" นางกล่าวขณะถือเข็มเย็บแผล "การสอดเข็มต้องแม่นยำ เจ้าไม่ควรปล่อยให้มีช่องว่างระหว่างผิวหนัง"แพทย์ทหารหนุ่มพยักหน้าอย่างตั้งใจ "ข้าจะจำไว้ท่านอาจารย์ " ใช่แล้วตอนนี้สองพี่น้องตระกูลเฟิงได้กลายเป็นอาจารย์ของเหล่าแพทย์ทหารของกองทัพของแม่ทัพซู่หลิงไป
บทที่ 87 ผู้ใดวาดภาพนี้?!!เฟิงหย่าเสวี่ย เฟิงหยวนเจี๋ย และป้าจวงยังคงอยู่ที่ค่ายของกองทัพของแม่ทัพซู่หลิง เพราะการที่จะสอนแพทย์ทหารให้ชำนาญในการปฐมพยาบาล การเย็บแผล และทักษะอื่น ๆ นั้นต้องใช้เวลามาก พวกเขาทุ่มเททั้งกลางวันและกลางคืนเพื่อให้แพทย์ทหารได้รับการฝึกฝนที่ครบถ้วนและเชี่ยวชาญ ท่ามกลางบรรยากาศที่เต็มไปด้วยความเหน็ดเหนื่อย แต่ทุกคนก็ยังมุ่งมั่นด้วยจิตใจที่ไม่ย่อท้อ และช่วงนี้เฟิงหย่าเสวี่ยยังทำการสอนเหล่าพ่อครัวของกองทัพเรื่องการถนอมอาหารชนิดต่าง ๆ ด้วย ไหน ๆ พวกนางก็มาแล้ว แน่นอนว่าในตะกร้าของป้าจวงนั้นเต็มไปด้วยเกลือ ผงปรุงรส น้ำปลา เครื่องเทศเครื่องปรุงต่าง ๆ มากมาย ส่วนเนื้อสัตว์นั้นเฟิงหย่าเสวี่ยก็วาดเอาไว้ในตะกร้าเยอะมาก แต่พวกนางสามารถนำออกมาให้กองทัพสัปดาห์ละ 3 ครั้ง โดยป้าจวงจะเป็นคนบอกว่านางล่ามาได้ ซึ่งแน่นอนว่าคำพูดของฮูหยินท่านแม่ทัพใหญ่ย่อมไม่มีผู้ใดที่จะตั้งคำถาม แน่นอนว่าอาหารที่นางสอนพ่อครัวทำนั้นเป็นอาหารทั่วไป แต่เพราะว่านางได้เติมผงปรุงรส และใช้เกลือเกล็ดหิมะทำให้รสชาตินั้นอร่อยขึ้นจากเดิมมากเมื่อทหารได้ทานอาหารที่เฟิงหย่าเสวี่ยเป็นคนสอนพ่อครัวปรุง พวกเขาต
บทที่ 88 สายเลือดผู้ถูกทอดทิ้งกลางแสงแดดที่ลอดผ่านกิ่งไม้ใหญ่ ส่องทะลุมาบนหลังคาเรือนหลังเล็กๆที่ถูกปกคลุมด้วยหิมะ เสียงจังหวะเบาๆ ของพู่กันที่ลากผ่านกระดาษดังแว่วในเรือนเล็ก องค์ชายเจิ้งอี้หลงหรือหลงจื่อหยวนนั่งอยู่หน้าโต๊ะวาดภาพ ใบหน้าของเขาเปี่ยมด้วยสมาธิ ท่วงท่าที่สง่างามและนิ่งสงบสะท้อนถึงศิลปินผู้ชำนาญ รูปร่างหน้าตาของเขาราวกับไม่มีอยู่จริง ใบหน้าหล่อเหลาคมคายราวกับรูปปั้นที่สลักขึ้นมาด้วยความประณีต ทุกส่วนสัดดูสมบูรณ์แบบอย่างน่าอัศจรรย์ ดวงตาคมโตที่ส่องประกายลึกลับและแฝงไปด้วยความเศร้า ริมฝีปากบางที่ยกยิ้มอย่างอบอุ่น ท่วงท่าของเขาเปี่ยมด้วยความสง่างามอันเป็นธรรมชาติ ผิวขาวเนียนละเอียดที่สืบทอดจากมารดาผู้เป็นสาวงามอันดับหนึ่งแห่งแคว้นต้าหมิง และโครงหน้าคมคายที่ได้มาจากบิดาฮ่องเต้ผู้ที่แม้จะแก่ชราแต่ก็ยังหล่อเหลามาก เส้นสายที่เขาวาดลงบนกระดาษงดงามไร้ที่ติ ราวกับมันกำลังพรรณนาถึงธรรมชาติในแบบที่สมบูรณ์แบบที่สุดชายหนุ่มค่อยๆ วางพู่กันลงช้าๆ ก่อนจะลุกขึ้นเดินไปที่หน้าต่าง มองออกไปยังหมู่บ้านที่ปกคลุมด้วยหิมะขาวโพลน ที่นี่คือบ้านของเขาในอีก 10 กว่าปีที่ผ่านมา นับตั้งแต่คืนนั้น...
ตอนพิเศษ 3 บทส่งท้ายแห่งความสุข EP 2 NC...“…อา อื๊อ อี้หลง”เจิ้งอี้หลงใช้ความจัดเจนดูดดุนปลายลิ้นกับทรวงอกอวบสวยทำให้นางแอ่นหน้าอกขึ้นมาด้วยเสียวซ่าน ขณะที่มืออีกข้างก็เขี่ยคลึงเล่นไปที่ปลายถันที่ยังว่างอยู่จนยอดแข็งชันสู้มือหญิงสาวส่ายร่างบิดไปมาบนที่นอนด้วยด้วยความกระสันซ่าน อารมณ์ปรารถนาของนางถูกปลุกเร้าจนตื่นเพริศ เนื้อตัวเร่าร้อนไปหมดนางปรารถนาเขาจริงๆ ส่วนเจิ้งอี้หลงนั้น เมื่อหญิงสาวตอบสนองและไม่หวงเนื้อหวงตัว เขาจึงจัดเต็มตามอารมณ์ที่เก็บกดไว้ ริมฝีปากของเขาหยอกเย้าดูดดุนอยู่ที่ปลายถัน ส่วนมือก็บีบเค้นปทุมถันอวบใหญ่แรงขึ้นจนผิวขาวๆ เริ่มเป็นจ้ำสีแดงตามรอยมือและปาก จนเมื่อเขาละริมฝีปากจากปลายถันก็เล็มไล้ไต่ลงมาที่เนินหน้าท้อง แล้วซุกไซ้จมูกและปากอยู่ที่สะดือสวย ก่อนจะใช้นิ้วเลื่อนลูบไปที่เนินเนื้อโหนกนูนที่บิดส่ายอยู่ใต้ร่างเขา“อ๊า…อี้หลงค่ะ ฉัน..”หญิงสาวสะดุ้งเฮือกขึ้นมา แล้วจับข้อมือชายหนุ่มไว้ เจิ้งอี้หลงยกยิ้มที่มุมปากและค่อยดึงมือของเขาออก และยกมือของนางมาจูบและรวบดูดปลายนิ้วเล็กเรียวแสนสวยนั้นเสียเลย เฟิงหย่าเสวี่ยตัวอ่อนระรวย ไม่มีแรงที่จะห้ามปรามเขาเสียแล้ว… (เฮ้อช่าง
ตอนพิเศษ3 บทส่งท้ายแห่งความสุข ep 1ค่ำคืนอันสดใสในฤดูใบไม้ผลิ ท้องฟ้ายามราตรีเหนือพระราชวังต้าหมิงสว่างไสวไปด้วยแสงประกายของดอกไม้ไฟที่พุ่งขึ้นสูง สาดส่องท้องฟ้าด้วยสีสันอันตระการตา เสียงเพลงบรรเลงจากเครื่องดนตรีพื้นบ้านผสมผสานกับเสียงปรบมือและเสียงหัวเราะของเหล่าประชาชนที่มารวมตัวกันอย่างคับคั่ง บรรยากาศเต็มไปด้วยความสุขและความปลื้มปีติภายในพระราชวังงานเฉลิมฉลองครบรอบ 5 ปีแห่งการครองราชย์ของฮ่องเต้เจิ้งอี้หลงกำลังดำเนินไปอย่างยิ่งใหญ่ ท้องพระโรงอันวิจิตรตระการตาประดับประดาไปด้วยโคมไฟหลากสี เสนาอำมาตย์และขุนนางจากทั้งแคว้นต้าหมิงและแคว้นต้าโจวต่างมาชุมนุมกันอย่างพร้อมเพรียง เพื่อร่วมแสดงความยินดีและสรรเสริญความสำเร็จอันยิ่งใหญ่ของสองแคว้นฮ่องเต้เจิ้งอี้หลงประทับบนบัลลังก์แกะสลักมังกร พระพักตร์เปี่ยมด้วยความสุขและความภาคภูมิใจ ขณะที่เฟิงฮองเฮา หรือเฟิงหย่าเสวี่ยนั่งเคียงข้างพระสวามี สวมอาภรณ์สีเหลือทองประดับประดาอย่างงดงามสมเกียรติสะท้อนความงดงามหยดย้อยของนางอย่างชัดเจน แววตาของนางแสดงถึงความมุ่งมั่นและความรักและความเมตตาที่มีต่อแผ่นดินและประชาชน"กระหม่อมขอกราบบังคมทูล" เสนาบดีอาวุ
ตอนพิเศษ 2 สองสุดยอดแพทย์แห่งยุคภายในห้องผ่าตัดขนาดกลางที่ถูกดัดแปลงอย่างพิถีพิถัน แสงจากโคมไฟหลากดวงส่องรวมตรงกลาง เผยให้เห็นเตียงผ่าตัดที่ถูกจัดวางอย่างเป็นระเบียบ บนเตียงมีชายชราผู้สูญเสียขาจากสงครามนอนหลับสนิทด้วยฤทธิ์ยาชา รอบข้างเต็มไปด้วยเครื่องมือแพทย์ที่ดูแปลกตาสำหรับแพทย์จำนวนไม่น้อยในยุคนี้วันนี้ถือเป็นวาระสำคัญที่หลายคนต่างพูดถึง เพราะจะมีการผ่าตัดเพื่อใส่ขาเทียมให้กับผู้ป่วยที่ขาพิการโดยผู้นำการผ่าตัดคือนายท่านเฟิงหยวนเจี๋ย คุณชายหมอเทวดาซึ่งกำลังมีชื่อเสียงขจรขจาย และถือเป็นคุณชายเนื้อหอมมากๆ ผู้หนึ่งของแคว้นต้าหมิง และอีกผู้ยิ่งใหญ่อีกผู้หนึ่งก็คือฮองเฮาเฟิงหย่าเสวี่ย ซึ่งแม้ร่างกายเพิ่งฟื้นตัวได้ไม่นาน แต่ความเชี่ยวชาญทางการแพทย์ของนางก็ไม่เป็นสองรองใคร และการผ่าตัดในครั้งนี้ก็เป็นการที่นางต้องการที่จะทำด้วย และวาระสำคัญเช่นนี้ฮ่องเต้ของทั้งสองแคว้นนั้นไม่รอช้าที่จะส่งนายแพทย์มาเพื่อศึกษาดูงาน ซึ่งฮองเฮาเฟิงนั้นก็ยินดีที่จะให้พวกเขาได้เรียนรู้ในการผ่าตัดครั้งนี้ด้วยเหล่าแพทย์ของจากทั้งสองแคว้นคือแคว้นต้าโจวและต้าหมิงรวมตัวกันอยู่รอบ ๆ ทางด้านหลังเพื่อศึกษาขั้นตอนในก
ตอนพิเศษ ครอบครัวสุขสันต์หลังจากที่เฟิงหย่าเสวี่ยฟื้นคืนสติ ข่าวดีนี้ได้แพร่กระจายไปทั่วอย่างรวดเร็วตอนนี้ทั้งประชาชนแคว้นอวี้ไห่และประชาชนแคว้นต้าหมิงต่างก็ความสุขที่ได้รับรู้ว่าเฟิงฮองเฮานั้นได้ฟื้นขึ้นมาแล้ว โดยเฉพาะอย่างยิ่งภายในคฤหาสน์หลังใหญ่ที่เมืองอวี้ไห่ในวันที่ท้องฟ้าแจ่มใส ดอกเหมยท้อบานสะพรั่งทั้งสวนส่งกลิ่นหอมไปทั่ว ภายในสวนที่จัดแต่งเอาไว้อย่างงดงามนั้นมีเสียงหัวเราะและบทบทสนทนาของคนในครอบครัวเฟิงที่นั่งล้อมวงคุยกันอยู่ เฟิงหย่าเสวี่ยหลังจากฟื้นก็ได้รับการดูแลอย่างดีทั้งจากอาจารย์ของนาง ท่านป้าจวงและเฟิงหยวนเจี๋ยที่มักจะนำยาบำรุงชั้นเลิศที่เขาคิดค้นขึ้นมาสำหรับนางโดยเฉพาะมาให้ดื่มเสมอ ทำให้ร่างก่ายของนางนั้นแข็งแรงขึ้นอย่างรวดเร็ว สมกับที่นางนั้นได้ตกอยู่ในมือของเหล่าหมอเทวดาจริงๆ"ท่านแม่" เฟิงหย่าเสวี่ยเอ่ยเรียกเฟิงซิ่งเหยาที่กำลังนั่งปักรองเท้าอยู่ในสวนดอกไม้ "ท่านแม่ดูอิ่มเอิบขึ้นมากเลยนะเจ้าคะ" เฟิงซิ่งเหยายิ้มอายๆ ขณะที่มือลูบท้องน้อยที่เริ่มนูนขึ้น"เสด็จพ่อของเจ้านี่สิ... ตั้งแต่รู้ว่าข้าตั้งครรภ์บุตรคนนี้ก็เอาแต่แพ้ท้องแทนข้า กินไม่ได้นอนไม่หลับวิงเวียนอยู่ตลอดเ
บทที่ 163 จนกว่าจะพบกัน.. (จบบริบูรณ์)แสงแดดยามเช้าสาดส่องเข้ามาผ่านหน้าต่างโรงพยาบาลในยุคปัจจุบัน เฟิงหย่าเสวี่ยค่อยๆ ลืมตาขึ้น ดวงตาที่เคยเปี่ยมไปด้วยชีวิตชีวากลับสับสนเล็กน้อย ราวกับจิตวิญญาณของนางยังคงล่องลอย เธอมองเพดานสีขาวสะอาดและพยายามดึงความทรงจำที่กระจัดกระจายกลับคืนมาเธอถูกพาออกจากโลกแห่งยุคโบราณและกลับมายังยุคปัจจุบัน ร่างกายของนางอ่อนแอแต่หัวใจของนางเต็มไปด้วยความทรงจำอันเจ็บปวด นางนึกถึงผู้คนที่นางได้ช่วยเหลือและเสียสละเพื่อพวกเขา นึกถึงท่านแม่และเจ้าเล็กหากว่าพวกเขารู้ข่าวจะเป็นอย่างไรนะ…คงจะเศร้าเสียใจอย่างแน่นอน..ไหนจะป้าจวงที่จะต้องรู้สึกผิดที่ไม่สามารถที่จะช่วยเหลือนางได้ จากนั้นน้ำตาไหลของนางก็ออกมาเงียบๆ ขณะที่นางพึมพำชื่อคนที่คุ้นเคยจากโลกอีกใบหลังจากนั้น เฟิงหย่าเสวี่ยฟื้นตัวและกลับไปดำเนินชีวิตในฐานะจิตรกร นางใช้ศิลปะในการแสดงความรู้สึกและความทรงจำจากอดีต ทุกภาพที่นางวาดล้วนเต็มไปด้วยจิตวิญญาณแห่งการเสียสละและความหวัง นางกลายเป็นจิตรกรที่มีชื่อเสียง ผู้คนต่างหลงใหลในผลงานของนางโดยไม่รู้ว่านั่นคือเศษเสี้ยวของชีวิตที่นางเคยผ่านพ้นมา แต่ทว่าพู่กันชิงหลงที่เธอใช
บทที่ 162 พี่ใหญ่...ท่านผิดสัญญาเช่นนั้นหรือ?“จบแล้ว...” เฟิงหย่าเสวี่ยพึมพำ เสียงแผ่วบางราวกับสายลมที่พัดผ่านใบไม้ร่วง ร่างบางของนางค่อยๆ ทรุดลงกับพื้นอย่างช้าๆ ราวกับวิญญาณที่กำลังหลุดลอยไปจากโลกนี้“คุณหลีหนิง!” เสียงของเจิ้งอี้หลงดังขึ้นด้วยความตกใจ พระองค์รีบพุ่งเข้ามาประคองร่างของนางไว้ในอ้อมพระกร พระพักตร์ซีดเผือด น้ำพระเนตรเอ่อคลอ “คุณหลีหนิง! ลืมตาขึ้นมา! อย่าทิ้งข้าไปแบบนี้!”ดวงตาของเฟิงหย่าเสวี่ยค่อยๆ เปิดขึ้นอย่างยากลำบาก เปลือกตาที่หนักอึ้งเผยให้เห็นดวงตาที่แฝงไว้ด้วยความอ่อนล้าและเศร้าสร้อย ริมฝีปากซีดเผือดสั่นระริก “อี้หลง... ข้า... ข้าเหนื่อยเหลือเกิน...”“ไม่เป็นไร ข้าอยู่ตรงนี้” เจิ้งอี้หลงพูดด้วยน้ำเสียงสั่น มือหนาลูบใบหน้าซีดขาวของนางอย่างอ่อนโยน ราวกับพยายามปลอบประโลมความเจ็บปวดของนาง “เจ้าอย่าพูดแบบนี้ เจ้าจะไม่เป็นอะไร ข้าสัญญา...”เฟิงหย่าเสวี่ยพยายามยกมือที่อ่อนแรงขึ้นแตะใบหน้าที่แสนหล่อเหลาของเจิ่งอี้หลง มือที่เย็นเฉียบสั่นระริกจนเจิ้งอี้หลงรู้สึกได้ถึงความสิ้นหวัง “ข้า... ใช้พลังทั้งหมดแล้ว... ทุกหยด... ตอนนี้ข้ารู้สึกเหมือน... เหมือนวิญญาณกำลังหลุดลอย
บทที่ 161 ข้าได้บอกเจ้าหรือยังว่าอาจารย์ของข้าคือ จวงหลิวเฟิง!!!เฟิงหย่าเสวี่ยถูกกับไป่เหลียนใช้มีดจี้ที่คอและถูกจับเอาไว้ พยายามนิ่งมากที่สุดแม้ว่าตอนนี้นางแmบจะไม่มีแรงที่จะยืนแล้ว ขณะนั้นเองมือขวากำเข็มเงินแน่น สายตาจับจ้องทุกการเคลื่อนไหวของอีกตนที่ตอนนี้ทุกคนต่างก็ล้อมไป่เหลียนเอาไว้ ทุกทางส่วนกองทัพเด็กของนางนั้นต่างก็ถูกช่วยเหลือและพาออกจากสถานที่นี้แล้ว ทำให้ตอนนี้กลางลานนั้นมีเพียงนางเท่านั้นที่ยังคงยืนหยัดอยู่พร้อมกับตัวประกันของนางที่เป็นคนที่สำคัญที่สุดด้วย"เจ้าคิดว่าตัวเองจะหยุดข้าได้หรือ?" ไป่เหลียนเอ่ยเสียงเย็น พลางหันมองดวงหน้าที่งดงามของนังเด็กบ้าผู้นี้…เหตุใดนางถึงได้งดงามเช่นนี้แม้ว่าตอนนี้หน้าของนางจะซีดเซียวมากก็ตาม ไป่เหลียนคิด ดวงตาฉายแววอำมหิตขึ้นมาอีกครั้ง "เด็กน้อยอย่างเจ้า ช่างงดงามเสียจริงหากว่าความงามของเจ้าเป็นของข้าคงจะดีไม่น้อย ฮ่าฮ่าฮ่า!" นางพูดขึ้นมา พลางพยักหน้ากับความคิดของตัวเอง และคิดหาทางที่จะใช้ประโยชน์จากความเยาว์วัยนี้ให้ได้"ข้ารู้ว่าท่านกำลังทำผิด" เฟิงหย่าเสวี่ยตอบเสียงมั่นคง มือยังคงกำเข็มเงินแน่น "ไม่ว่าจะด้วยเหตุผลใด การทำร้ายผู้บริสุท
บทที่ 160 เจ้าแพ้แล้ว!!จวงหลิวอวี้จ้องมองเหตุการณ์ที่เบื้องหน้าอย่างแน่นิ่ง สายตาของนางจับจ้องเฟิงหย่าเสวี่ยที่ยกพู่กันชิงหลงขึ้นมา เสียงหัวใจเต้นหนักหน่วงในอกบอกให้นางรู้ว่าสิ่งที่กำลังจะเกิดขึ้นต่อไปนี้ไม่ใช่เรื่องเล็ก นางรีบพุ่งตัวเข้าหาหลานสาวทันที มือแข็งแรงคว้ามือที่กำพู่กันไว้แน่นก่อนที่จะทันได้วาดอะไรลงในอากาศ“อะไรก็ตามที่เจ้าคิดจะทำและเสียสละ...จงหยุดมันเดี๋ยวนี้!!!” จวงหลิวอวี้เอ่ยเสียงดัง สายตาของนางเต็มไปด้วยความกังวลและห่วงใยเฟิงหย่าเสวี่ยเงยหน้าขึ้นมองป้าจวง ดวงตาคู่นั้นเปี่ยมไปด้วยความรักและเคารพที่นางมีต่อผู้ที่คอยปกป้องและดูแลมาตลอด ทว่าในแววตานั้นกลับแฝงไว้ด้วยความมุ่งมั่นที่ไม่อาจเปลี่ยนแปลง“ท่านป้า...” เฟิงหย่าเสวี่ยพูดเสียงสั่น ดวงตาเริ่มเอ่อคลอด้วยหยาดน้ำตา “ข้าขอโทษ...” คำพูดนั้นเต็มไปด้วยความรู้สึกผิดและความอาลัยจวงหลิวอวี้มองหลานสาวอย่างตกตะลึง นางยื่นมือไปจับใบหน้าของเฟิงหย่าเสวี่ย “เสวี่ยเออร์... เจ้าไม่จำเป็นต้องทำเช่นนี้ เจ้าคือความหวังของตระกูลเฟิง! ข้าจะไม่ยอมให้เจ้าเสียสละตัวเองเด็ดขาด เจ้านึกถึงท่านแม่และน้องชายของเจ้าสิพวกเขาจะเป็นอย่างไร หากว่า
บทที่ 159 ฉันขอทำหน้าที่ของฮองเฮาที่กล้าเสียสละเพื่อลูกหลาน"และนี่คือผลงานชิ้นเอกของข้า!" ไป่เหลียนผายมือไปที่เด็กๆ "พิษที่ไม่เพียงทำลายร่างกาย แต่ยังบดขยี้จิตวิญญาณ ทำให้พ่อแม่ต้องเห็นลูกของตัวเองกลายเป็นเครื่องมือสังหาร! ความทรมานทั้งผู้ใช้และผู้ถูกใช้ นี่คือสิคือสิ่งที่เรียกว่าพิษที่ดีที่สุดที่ที่ข้าสามารถสร้างขึ้นมาได้ ไม่เพียงทำลายหนึ่งแต่ทำลายได้ทั้งครอบครัวฮ่าฮ่าฮ่า!" เสียงหัวเราะของนางดังลั่นไปทั่วเฟิงซินซินร้องไห้จ้า มือน้อยๆ กำพู่กันแน่นดวงตาเล็กๆ ของนางมองไปที่เหล่าเด็กๆ ที่ถูกทำให้กลายเป็นหุ่นเชิดเป็นร่างที่ไร้ชีวิต"นางสละความเป็นมนุษย์... แลกกับพลังแห่งความชั่วร้าย ยิ่งมีผู้ถูกพิษตาย พิษก็ยิ่งแข็งแกร่ง ยิ่งมีผู้ทุกข์ทรมาน พิษก็ยิ่งร้ายกาจ... วงจรแห่งความชั่วร้ายที่ไม่มีวันสิ้นสุด!"จวงหลิงเฟิงสะท้านเฮือก "นี่มัน... เกินกว่าที่มนุษย์คนใดจะทำได้ไป่เหลียนเจ้านี่มันกู่ไม่กลับจริงๆ ไม่เคยสำนึกถึงความผิดของตัวเอง..""ฮ่าฮ่าฮ่า!!!นี่เจ้ารู้ได้อย่างไรเพื่อนรักว่าข้าไม่ใช่มนุษย์แล้ว!" ไป่เหลียนตะโกนก้องและหันมาจ้องมองเพื่อนรักในอดีตที่ได้กลายมาเป็นศัตรูคู่แค้น และเพราะความแค้น