หน้าหลัก / แฟนตาซี / เจียงหย่าเสวี่ย จิตรกรหัตถ์สวรรค์ / บทที่ 85  กำเนิดหมอเทวดาแห่งกองทัพต้าโจว

แชร์

บทที่ 85  กำเนิดหมอเทวดาแห่งกองทัพต้าโจว

ผู้เขียน: primพริมโรส
last update ปรับปรุงล่าสุด: 2024-12-30 20:06:59

บทที่ 85 กำเนิดหมอเทวดาแห่งกองทัพต้าโจว

หลังจากที่แม่ทัพซู่หลิงได้รับยาแก้พิษและการรักษาจากป้าจวงหลิวอวี้อย่างเร่งด่วน พลังแห่งชีวิตที่เคยเลือนรางก็เริ่มกลับคืนมา ผิวที่เคยกลายเป็นสีดำจากพิษค่อย ๆ กลับมาเป็นสีแทนสวยปกติ ลมหายใจของเขาเริ่มมีความเสถียรขึ้น ดวงตาที่เคยหม่นหมองกลับมาเปล่งประกายอีกครั้ง แม้เขาจะยังไม่สามารถลุกขึ้นมาต่อสู้ได้ แต่ความแข็งแรงของร่างกายก็เริ่มกลับมาอย่างชัดเจน เหล่าแพทย์ทหารที่ยืนอยู่รอบ ๆ ต่างมองดูการเปลี่ยนแปลงนี้ด้วยความตื่นตะลึงและไม่อยากเชื่อสายตาตนเอง ยาที่ฮูหยินมอบให้ท่านแม่ทัพซู่หลิงนั้นทรงประสิทธิภาพเกินกว่าที่พวกเขาคาดคิด ทุกคนต่างยืนมองด้วยความทึ่งและชื่นชมในความสามารถของนางที่สามารถทำให้พิษร้ายที่กำลังคุกคามชีวิตแม่ทัพซู่หลิงสลายไปได้อย่างรวดเร็ว ผิวที่เคยดำมืดกลับมาเป็นสีปกติได้ในเวลาอันสั้น ทำให้ความหวังกลับมาอีกครั้งในใจของทุกคน

"นี่มันเหลือเชื่อจริง ๆ!" แพทย์ทหารคนหนึ่งเอ่ยขึ้นด้วยน้ำเสียงที่เต็มไปด้วยความทึ่ง "พิษร้ายขนาดนี้สามารถสลายไปได้ในเวลาเพียงสั้น ๆ ข้าไม่เคยเห็นยาที่มีประสิทธิภาพเช่นนี้มาก่อน"

"ฮูหยินท่านแม่.. นางช่างเป็นหมอที่ฝีมือฉก
บทที่ถูกล็อก
อ่านต่อที่ GoodNovel
สแกนรหัสเพื่อดาวน์โหลดแอป

บทที่เกี่ยวข้อง

  • เจียงหย่าเสวี่ย จิตรกรหัตถ์สวรรค์   บทที่ 86 ถั่วงอก

    บทที่ 86 ถั่วงอกฤดูหนาวที่แสนโหดร้ายได้แผ่ปกคลุมทั่วแดนเหนือ สายลมหนาวเยือกเย็นพัดผ่านทุกวันทุกคืน หิมะที่ปกคลุมหนาทำให้พื้นดินแห้งแข็งไร้สิ่งใดงอกงามได้ กองทัพของแม่ทัพซู่หลิงต้องเผชิญกับความยากลำบากไม่เพียงแค่การรบกับศัตรู แต่ยังต้องต่อสู้กับการขาดแคลนอาหารด้วย เสบียงที่ได้รับมาก็ไม่เพียงพอ เนื้อสัตว์นั้นหายากเหลือเกิน และผักก็แทบไม่มี การหาอาหารในดินแดนที่เยือกแข็งนี้เป็นสิ่งที่ท้าทายยิ่งนักเฟิงหย่าเสวี่ยและเฟิงหยวนเจี๋ย รวมถึงป้าจวงหลิงอวี้ได้ใช้เวลาในการดูแลทหารบาดเจ็บอย่างสุดความสามารถเฟิงหย่าเสวี่ยและเฟิงหยวนเจี๋ยเป็นผู้สอนเหล่าแพทย์ทหารเกี่ยวกับการเย็บแผลในรูปแบบต่าง ๆ โดยเฟิงหย่าเสวี่ยสาธิตการเย็บแผลแบบพื้นฐานที่เน้นความรวดเร็วและความแน่นหนาของบาดแผล"เจ้าดูให้ดีนะ การเย็บแผลแบบนี้ต้องทำอย่างรวดเร็ว แต่ต้องมั่นใจว่าแผลจะไม่เปิดอีก" นางกล่าวขณะถือเข็มเย็บแผล "การสอดเข็มต้องแม่นยำ เจ้าไม่ควรปล่อยให้มีช่องว่างระหว่างผิวหนัง"แพทย์ทหารหนุ่มพยักหน้าอย่างตั้งใจ "ข้าจะจำไว้ท่านอาจารย์ " ใช่แล้วตอนนี้สองพี่น้องตระกูลเฟิงได้กลายเป็นอาจารย์ของเหล่าแพทย์ทหารของกองทัพของแม่ทัพซู่หลิงไป

    ปรับปรุงล่าสุด : 2024-12-30
  • เจียงหย่าเสวี่ย จิตรกรหัตถ์สวรรค์   บทที่ 87 ผู้ใดวาดภาพนี้?!!

    บทที่ 87 ผู้ใดวาดภาพนี้?!!เฟิงหย่าเสวี่ย เฟิงหยวนเจี๋ย และป้าจวงยังคงอยู่ที่ค่ายของกองทัพของแม่ทัพซู่หลิง เพราะการที่จะสอนแพทย์ทหารให้ชำนาญในการปฐมพยาบาล การเย็บแผล และทักษะอื่น ๆ นั้นต้องใช้เวลามาก พวกเขาทุ่มเททั้งกลางวันและกลางคืนเพื่อให้แพทย์ทหารได้รับการฝึกฝนที่ครบถ้วนและเชี่ยวชาญ ท่ามกลางบรรยากาศที่เต็มไปด้วยความเหน็ดเหนื่อย แต่ทุกคนก็ยังมุ่งมั่นด้วยจิตใจที่ไม่ย่อท้อ และช่วงนี้เฟิงหย่าเสวี่ยยังทำการสอนเหล่าพ่อครัวของกองทัพเรื่องการถนอมอาหารชนิดต่าง ๆ ด้วย ไหน ๆ พวกนางก็มาแล้ว แน่นอนว่าในตะกร้าของป้าจวงนั้นเต็มไปด้วยเกลือ ผงปรุงรส น้ำปลา เครื่องเทศเครื่องปรุงต่าง ๆ มากมาย ส่วนเนื้อสัตว์นั้นเฟิงหย่าเสวี่ยก็วาดเอาไว้ในตะกร้าเยอะมาก แต่พวกนางสามารถนำออกมาให้กองทัพสัปดาห์ละ 3 ครั้ง โดยป้าจวงจะเป็นคนบอกว่านางล่ามาได้ ซึ่งแน่นอนว่าคำพูดของฮูหยินท่านแม่ทัพใหญ่ย่อมไม่มีผู้ใดที่จะตั้งคำถาม แน่นอนว่าอาหารที่นางสอนพ่อครัวทำนั้นเป็นอาหารทั่วไป แต่เพราะว่านางได้เติมผงปรุงรส และใช้เกลือเกล็ดหิมะทำให้รสชาตินั้นอร่อยขึ้นจากเดิมมากเมื่อทหารได้ทานอาหารที่เฟิงหย่าเสวี่ยเป็นคนสอนพ่อครัวปรุง พวกเขาต

    ปรับปรุงล่าสุด : 2024-12-30
  • เจียงหย่าเสวี่ย จิตรกรหัตถ์สวรรค์   บทที่ 88  สายเลือดผู้ถูกทอดทิ้ง

    บทที่ 88 สายเลือดผู้ถูกทอดทิ้งกลางแสงแดดที่ลอดผ่านกิ่งไม้ใหญ่ ส่องทะลุมาบนหลังคาเรือนหลังเล็กๆที่ถูกปกคลุมด้วยหิมะ เสียงจังหวะเบาๆ ของพู่กันที่ลากผ่านกระดาษดังแว่วในเรือนเล็ก องค์ชายเจิ้งอี้หลงหรือหลงจื่อหยวนนั่งอยู่หน้าโต๊ะวาดภาพ ใบหน้าของเขาเปี่ยมด้วยสมาธิ ท่วงท่าที่สง่างามและนิ่งสงบสะท้อนถึงศิลปินผู้ชำนาญ รูปร่างหน้าตาของเขาราวกับไม่มีอยู่จริง ใบหน้าหล่อเหลาคมคายราวกับรูปปั้นที่สลักขึ้นมาด้วยความประณีต ทุกส่วนสัดดูสมบูรณ์แบบอย่างน่าอัศจรรย์ ดวงตาคมโตที่ส่องประกายลึกลับและแฝงไปด้วยความเศร้า ริมฝีปากบางที่ยกยิ้มอย่างอบอุ่น ท่วงท่าของเขาเปี่ยมด้วยความสง่างามอันเป็นธรรมชาติ ผิวขาวเนียนละเอียดที่สืบทอดจากมารดาผู้เป็นสาวงามอันดับหนึ่งแห่งแคว้นต้าหมิง และโครงหน้าคมคายที่ได้มาจากบิดาฮ่องเต้ผู้ที่แม้จะแก่ชราแต่ก็ยังหล่อเหลามาก เส้นสายที่เขาวาดลงบนกระดาษงดงามไร้ที่ติ ราวกับมันกำลังพรรณนาถึงธรรมชาติในแบบที่สมบูรณ์แบบที่สุดชายหนุ่มค่อยๆ วางพู่กันลงช้าๆ ก่อนจะลุกขึ้นเดินไปที่หน้าต่าง มองออกไปยังหมู่บ้านที่ปกคลุมด้วยหิมะขาวโพลน ที่นี่คือบ้านของเขาในอีก 10 กว่าปีที่ผ่านมา นับตั้งแต่คืนนั้น...

    ปรับปรุงล่าสุด : 2024-12-30
  • เจียงหย่าเสวี่ย จิตรกรหัตถ์สวรรค์   บทที่ 89 สิ่งประดิษฐ์จากอนาคต

    บทที่ 89 สิ่งประดิษฐ์จากอนาคตตลาดเล็ก ๆ ในเมืองชางเฟิง ยังคงเต็มไปด้วยความคึกคัก แม้จะมีเสียงลมหนาวพัดเข้ามาเยือกเย็นก็ตาม ผู้คนยังคงดำเนินชีวิตด้วยความหวังและกำลังใจ แต่ในมุมหนึ่งของตลาดแห่งนี้ ความตื่นเต้นและความร้อนรนของเฟิงหย่าเสวี่ยกลับทวีคูณขึ้นเมื่อเห็นภาพวาดบนโต๊ะของชายชรา ภาพของอาคารสูงใหญ่ ตึกระฟ้าที่ดูแปลกตาอย่างมากสำหรับยุคสมัยนี้ และที่สำคัญ มันคือภาพมหานครปักกิ่งที่ที่นางจากมาในยุคอนาคตหัวใจของเฟิงหย่าเสวี่ยเต้นแรง และพู่กันชิงหลงที่อยู่ในแขนเสื้อของนางยังสั่นไหวอย่างไม่มีทีท่าว่าจะหยุด ทำให้นางเชื่อว่านี่อาจเป็นกุญแจสำคัญในการไขปริศนาเกี่ยวกับการข้ามกาลเวลาของนาง นางตื่นเต้นจนแทบควบคุมอารมณ์ไม่อยู่ นางต้องการรู้ว่าใครเป็นผู้วาดภาพนี้หากไม่ใช่คนที่ทะลุมิติมาเหมือนนาง ก็น่าจะเป็นคนที่เคยอยู่ในอนาคตอย่างแน่นอนนางหยิบภาพนั้นขึ้นมาและมองดูมันอย่างใกล้ชิด ดวงตาเบิกกว้าง มือสั่นเล็กน้อย นางหันไปหาชายชราที่นั่งอยู่หลังโต๊ะไม้ซอมซ่อ เอ่ยถามด้วยน้ำเสียงที่สั่นไหวด้วยความตื่นเต้น "ท่านลุง หากท่านบอกข้าว่าผู้ใดวาดภาพนี้ ข้าจะซื้อเจ้าค่ะ ซื้อภาพวาดเหล่านี้ทั้งหมดเลย"ชายชรามองด

    ปรับปรุงล่าสุด : 2024-12-31
  • เจียงหย่าเสวี่ย จิตรกรหัตถ์สวรรค์   บทที่ 90 ขบวนการลักลอบขนเกลือเถื่อน

    บทที่ 90 ขบวนการลักลอบขนเกลือเถื่อนทางดินแดนทางเหนือข่าวชัยชนะอย่างยิ่งใหญ่ของกองทัพแม่ทัพซู่หลิงได้ถูกส่งเข้ามาที่เมืองหลวงอย่างรวดเร็วพร้อมกับการกล่าวถึงความช่วยเหลือของตระกูลเฟิงแห่งเมืองอวี้ไห่อีกครั้งรวมถึงความช่วยเหลือจากฮูหยินของท่านแม่ทัพซู่หลิง ซึ่งสร้างความดีอกดีใจให้กับฮ่องเต้และเหล่าขุนนางในท้องพระโรงเป็นอันมาก ยกเว้นเพียงอัครมหาเสนาบดีหลิวที่กัดฟันและกำมือแน่นพลางคิดในใจว่า …แผนการล้มเหลวอีกแล้วรึนี่ เขาจำเป็นต้องสูดลมหายใจเข้าปอดลึกๆ จากนั้นก็ทำสีหน้าแสดงความยินดีกับฮ่องเต้เหมือนกับขุนนางคนอื่นๆ ต่อไป..ส่วนเฟิงหย่าเสวี่ยก็เฝ้ารอวันที่จะได้พบกับผู้ที่วาดภาพตึกของเมืองปักกิ่งที่นางเฝ้ารออยู่ทุกวันตัดมาที่เมืองอวี้ไห่ สถานการณ์ผู้อพยพนั้นได้รับการจัดการที่ดี ถึงแม้ว่าจะมีผู้คนหลั่งไหลมาที่เมืองนี้มากมายจนตอนนี้เจ้าเมืองฉินเจิ้งและเจ้าหน้าที่เมืองต้องขยับขยายพื้นที่ของเมืองให้กว้างใหญ่ขึ้นจนเกือบจะเทียบเท่ากับเมืองชิงเฉิงที่ถือเป็นเมืองใหญ่อันดับหนึ่งของทางดินแดนทางใต้แล้ว ถึงแม้ว่าตอนนี้จะยังมีหิมะตกหนักอยู่แต่ทั่วทั้งเมืองก็คึกคักมากทีเดียวโดยเฉพาะท่าเรือที่ตอนนี้ได้รับก

    ปรับปรุงล่าสุด : 2024-12-31
  • เจียงหย่าเสวี่ย จิตรกรหัตถ์สวรรค์   บทที่ 91  เจ้าคิดว่าบนโลกนี้มีที่ให้ล้มเหลวเป็นครั้งที่สองเช่นนั้นรึ? สำหรับข้า…ไม่มี!!

    บทที่ 91 เจ้าคิดว่าบนโลกนี้มีที่ให้ล้มเหลวเป็นครั้งที่สองเช่นนั้นรึ? สำหรับข้า…ไม่มี!!"เพี้ยะ!!"เสียงฝ่ามือกระทบกับใบหน้าของมือสังหารที่นั่งคุกเข่าอยู่มือสังหารใบหน้าหันไปตามแรงฝ่ามือ เขาค่อยๆ หันหน้ากลับมาอีกครั้งแววตาและน้ำเสียงที่แฝงความกลัว"ข้า…ข้าน้อยล้มเหลวขอรับ ท่านแม่ทัพซู่หลิงถูกศรอาบยาพิษยิงแล้ว แต่..แต่ทว่าไม่ทราบว่าด้วยเหตุใดเขาจึงรอดมาได้ และยังนำทหารของเขาก็บุกไล่ล่าศัตรูจนต้องล่าถอย"เขาเอ่ยเล่าเหตุการณ์ที่เห็นกองทัพของแม่ทัพซู่หลิงที่ไล่ล่าศัตรูที่มารุกรานดินแดนแคว้นต้าโจวด้วยอาวุธที่ร้ายกาจซึ่งเขาก็ไม่เคยเห็นมา จากนั้นเขาก็อาศัยช่วงเวลานั้นหลบหนีออกมาความเงียบปกคลุมห้องชั่วขณะ ดวงตาของอัครมหาเสนาบดีหลิวหรี่ลงจนแทบจะกลายเป็นเส้นบาง ๆ ใบหน้าที่เคยสงบนิ่งบัดนี้กลับเต็มไปด้วยความกราดเกรี้ยว เขาเดินกลับมาที่โต๊ะและหยิบพู่กันขึ้นมาเหมือนอยากจะเขียนอะไรสักอย่างแต่สุดท้าย เขาก็วางพู่กันลงอย่างแรงจนหมึกกระเด็นเปื้อนกระดาษตรงหน้า เส้นเลือดที่ขมับของเขาเต้นตุบ ดวงตาจ้องเขม็งไปยังมือสังหารราวกับจะเผาไหม้"ล้มเหลว? เจ้ากล้ากลับมาหาข้าทั้งที่ทำงานไม่สำเร็จหรือ?"เสียงของเขาเพ

    ปรับปรุงล่าสุด : 2024-12-31
  • เจียงหย่าเสวี่ย จิตรกรหัตถ์สวรรค์   บทที่ 92 ปริศนาที่กำลังรอคำตอบ

    บทที่ 92 ปริศนาที่กำลังรอคำตอบแสงแดดยามสายส่องผ่านหน้าต่างกระจกของเรือนพัก เสียงลมพัดเบา ๆ สะท้อนกับความเงียบสงบในห้อง เฟิงหย่าเสวี่ยนั่งอยู่เบื้องหน้าโต๊ะไม้ ที่วางภาพวาดตึกสูงและถนนสายใหญ่จากตลาดครั้งก่อน เส้นสายบนกระดาษราวกับบอกเล่าเรื่องราวของโลกที่ช่างแตกต่างจากยุคนี้มากนัก แสงแดดสะท้อนผืนกระดาษให้เกิดประกายวาววับ ดวงตาของนางจับจ้องไปยังภาพเหล่านั้น ด้วยความรู้สึกที่ทั้งคุ้นเคยและแปลกแยกในคราวเดียวกันทุกเส้นสายของภาพล้วนสะท้อนถึงโลกยุคปัจจุบัน ตึกระฟ้าที่สูงเสียดฟ้าราวจะทะลุขึ้นสู่ท้องฟ้ากว้าง ภาพรถยนต์ที่วิ่งขวักไขว่ตามถนน และผู้คนที่แต่งกายในชุดแปลกตา สำหรับคนในยุคนี้ภาพเหล่านี้แทบจะเหมือนภาพฝันจินตนาการที่เหนือกว่าความคิดของผู้คนที่นี่ แต่สำหรับนาง มันคือความจริงที่เคยสัมผัสมามันคือความคุ้นเคย แต่ทว่าผู้ที่วาดภาพนี้ออกมาได้นั้นราวกับเขาเป็นส่วนหนึ่งในภาพนี้อย่างไรอย่างนั้นทันใดนั้น เสียงเบา ๆ คล้ายเสียงสะท้อนจากวัตถุบางอย่างดึงสตินางกลับมา พู่กันชิงหลงที่วางอยู่ข้าง ๆ เริ่มสั่นไหวอย่างรุนแรง เสียงสั่นนั้นดังราวกับเสียงคำรามลึกจากสิ่งมีชีวิตที่กำลังตื่นขึ้น เฟิงหย่าเสวี่ยรีบ

    ปรับปรุงล่าสุด : 2024-12-31
  • เจียงหย่าเสวี่ย จิตรกรหัตถ์สวรรค์   บทที่ 93 การตัดสินใจของชินอ๋อง

    บทที่ 93 การตัดสินใจของชินอ๋องภายใต้แสงจันทร์ที่สาดส่องลงมายังคฤหาสน์เฟิง องครักษ์คนสนิทของชินอ๋องยืนรออยู่หน้าห้องโถงใหญ่อย่างสงบนิ่ง แม้ใบหน้าจะไร้ความรู้สึก แต่ในดวงตากลับเต็มไปด้วยความกังวล หลังจากได้รับอนุญาตให้นำความเข้าเฝ้า เขาก็เดินเข้ามาคุกเข่าลงตรงหน้าองค์ชายชินอ๋อง ซึ่งนั่งอยู่ที่หัวโต๊ะ ร่างสูงโปร่งของเขามีผ้าสีดำพันรอบดวงตาที่มองไม่เห็น มือของชินอ๋องประคองจอกน้ำชาไว้ แต่น้ำเสียงเยือกเย็นและท่าทางสงบนิ่งกลับทำให้องครักษ์สัมผัสได้ถึงอำนาจที่ไม่ลดน้อยลงแม้แต่น้อย“ทูลชินอ๋อง กระหม่อมนำข่าวสำคัญมารายงานพะยะค่ะ” องครักษ์เอ่ยเสียงหนักแน่น แม้ในใจจะสั่นไหวเล็กน้อยชินอ๋องพยักหน้าเบา ๆ เป็นเชิงอนุญาตให้องครักษ์รายงานต่อ"เล่ามา"“หลังจากที่เราเฝ้าติดตามขบวนการลักลอบขนเกลือเถื่อนมานานในที่สุด พวกเราจับกุมผู้ลักลอบขนเกลือเถื่อนได้ทั้งหมดสามสิบเจ็ดคน และหนึ่งในนั้นคือ...หวังชางซึ่งเป็นผู้ดำเนินการในการขนย้ายในครั้งนี้ หวังชางผู้นี้นั้นบิดาของอดีตอี้เหนียงของเจ้าเมืองอวี้ไห่พะยะค่ะ"ชื่อของหวังชางทำให้บรรยากาศในห้องเงียบงันลงทันที ชินอ๋องวางจอกน้ำชาลงเบา ๆ“หวังชางอย่างนั้นหรือ? คนข

    ปรับปรุงล่าสุด : 2024-12-31

บทล่าสุด

  • เจียงหย่าเสวี่ย จิตรกรหัตถ์สวรรค์   บทที่ 136  ปรับความเข้าใจ

    บทที่ 136 ปรับความเข้าใจในเวลาเดียวกันที่วังหย่งเฮ่า องค์หญิงเฟยเหยาเองก็ต้องเผชิญกับความจริงที่น่าผิดหวังเกี่ยวกับตระกูลของราชครูหลิ่ว ซึ่งเป็นตระกูลฝั่งมารดาของนาง ซึ่งนางเคยเคารพและเชื่อฟังเป็นอย่างมากมาตลอดหลายปี เมื่อนางได้รู้ว่าตระกูลของราชครูหลิ่วได้คิดกบฏและขายชาติ ความรู้สึกผิดหวังและเสียใจถาโถมเข้ามาในจิตใจของนาง แม้ในเวลาที่ตระกูลหลิ่วกำลังจะถูกเนรเทศ ท่านยายของนางยังให้บ่าวคนสนิทมาหานางเพื่อขอความช่วยเหลือ“องค์หญิงเพคะ ท่านยายฝากให้หม่อมฉันนำจดหมายนี้มาให้องค์หญิง…” บ่าวคนสนิทคุกเข่าต่อหน้าองค์หญิงพร้อมยื่นจดหมาย นางลังเลเล็กน้อยก่อนจะเปิดอ่าน เมื่ออ่านข้อความจบลง นางถอนหายใจยาว“บอกท่านยายเถิด ข้าไม่อาจช่วยอะไรได้ คดีของพวกเขาหนักหนานัก แม้แต่ข้าก็ไม่อาจฝืนกฎหมายของบ้านเมือง…” นางกล่าวด้วยน้ำเสียงอ่อนล้า ก่อนจะเรียกนางกำนัลคนสนิทเข้ามา“เจ้าจงนำตั๋วเงินสามพันตำลึงไปมอบให้ท่านยาย บอกนางว่าเก็บไว้ให้ดี อย่าได้แสดงออกมาให้ใครเห็นในระหว่างเดินทาง เข้าใจหรือไม่?” องค์หญิงเฟยเหยาสั่งอย่างเด็ดขาด แม้จะรู้สึกสะเทือนใจ แต่สิ่งเดียวที่นางทำได้คือช่วยให้พวกเขามีทุนในการดำรงชีวิตร

  • เจียงหย่าเสวี่ย จิตรกรหัตถ์สวรรค์   บทที่ 135  ปลอบใจข้าหน่อยข้าขวัญหายเพราะพี่สาวของเจ้า..NC

    บทที่ 135 ปลอบใจข้าหน่อยข้าขวัญหายเพราะพี่สาวของเจ้า..ในค่ำคืนที่บรรยากาศเงียบสงบ รอบนอกจวนแม่ทัพซู่หลิงมีเพียงเสียงแมลงกลางคืนและสายลมบาง ๆ พัดโชย แสงจันทร์ขับให้น้ำค้างบนใบไม้ทอประกายวิบวับ ดูเหมาะแก่การพักผ่อนยิ่งนักแม่ทัพซู่หลิง ที่สวมเสื้อคลุมหลังจากอาบน้ำอาบท่าเสร็จกลับนั่งอย่างกระสับกระส่ายอยู่ตรงห้องนอน สีหน้าเขาฉายแววเหมือนคนเพิ่งผ่านศึกสำคัญมา แต่ไม่ใช่ศึกกลางสนามรบ หากเป็น “ศึก” ที่มี พี่สาวภรรยา เป็นตัวการ"อวี้เออร์… ค่ำมืดแล้ว เหตุใดเจ้าถึงยังไม่มาปลอบข้าอีก” มีเขาผู้เดียวเท่านั้นที่สามารถเรียกจวงหลิวอวี้ว่าอวี้เออร์เขาพึมพำแผ่วเบาด้วยความเฝ้ารอ พลางยกชาอุ่นขึ้นจิบครั้งแล้วครั้งเล่า ทว่ารสชาติของชาในปากกลับจืดชืด ไม่อาจบรรเทาจิตใจให้สงบลงได้ หลังจากที่โดน จวงหลิวเฟิง พี่สาวของภรรยาระเบิดรูปปั้นสิงโตใส่ไปสองตัว ด้วยโทสะเมื่อช่วงกลางวัน ความหวาดกลัวปนความอายก็เล่นงานแม่ทัพหนุ่มไม่เลิก และเขาก็คิดว่านี่คือความผิดของภรรยาของเขานางจะต้องมาปลอบใจปลอบขวัญเขาเพราะว่าพี่สาวของนางทำให้เขาขวัญกระเจิงหมด..ใช่แล้วความผิดของหญิงชราของเขา นางต้องรับผิดชอบบบ!!! ความคิดของแม่ทัพซู่หล

  • เจียงหย่าเสวี่ย จิตรกรหัตถ์สวรรค์   บทที่ 134 ประหาร / เนรเทศ

    บทที่ 134 ประหาร / เนรเทศในขณะที่ ฮ่องเต้เจิ้งอี้หลง กำลังทรงงานหนักในการแจกข้าวสารอาหารแห้งให้แก่ประชาชนในแคว้นต้าหมิง เพื่อบรรเทาความอดอยากที่โหมกระหน่ำทั่วแผ่นดินนั้น—อีกฟากหนึ่งของยุทธภพ ณ เมืองหลวงของ แคว้นต้าโจว กลับเกิดเหตุการณ์สะเทือนขวัญที่เกี่ยวข้องกับคนที่สองพี่น้องตระกูลเฟิงรู้จักดีเฟิงหย่าเสวี่ย และ เฟิงหยวนเจี๋ย เดินทางกลับมาถึง เมืองหลวงแคว้นต้าโจว หลังผ่านการผจญภัยทั้งร้อนและหนาว พวกเขาคิดว่าจะได้พักผ่อนสักระยะ ทว่าเมื่อก้าวเข้าประตูเมืองได้เพียงไม่นาน สองพี่น้องกลับพบเห็นภาพขบวนเชลยที่กำลังถูกคุมตัวไปยัง ลานประหาร โดยมีฝูงชนเบียดเสียดมุงดูอยู่รายรอบ ใบหน้าของผู้คนเต็มไปด้วยความโกรธเกรี้ยวและสาปแช่งเสียงแหลม สายตาของสองพี่น้องกวาดไปยังเหล่านักโทษในชุดผ้าขาดรุ่ยสกปรก มีทั้งขุนนางเก่าและบ่าวไพร่ที่ทรยศแผ่นดิน ทั้งหมดถูกตีตรวนตรึงมือไพล่หลังไว้แน่นเสียงโซ่ตรวนดังกรุ๋งกริ๋งบนถนนหลวง เมื่อขบวนนักโทษทรยศถูกนำตัวมุ่งหน้าสู่ลานประหาร แดดยามสายแผดเผาไร้ความปรานี เหงื่อไหลอาบใบหน้าของเหล่านักโทษแผ่นดินที่เดินตามกันไปสู่ลานประหารทว่ามีร่างหนึ่งที่ทั้งเฟิงหยวนเจี๋ยและเฟิงหย่าเ

  • เจียงหย่าเสวี่ย จิตรกรหัตถ์สวรรค์   บทที่ 133  ใต้ร่มพระบารมีของฮ่องเต้ผู้ทรงเมตตา

    บทที่ 133 ใต้ร่มพระบารมีของฮ่องเต้ผู้ทรงเมตตาตรงลานกว้างตอนนี้ถูกจัดให้เป็นที่ตั้งโต๊ะสำหรับวางอาหารถึงห้าร้อยโต๊ะเรียงรายจนสุดลูกหูลูกตา เสียงแม่ครัวและนายทหารขะมักเขม้นตระเตรียมหม้อโจ๊กขนาดใหญ่ กลิ่นของข้าวตุ๋นที่เดือดปุด ๆ ส่งไอร้อนฉุยขึ้นสู่ยอดผ้าใบกันแดด จนใครที่เดินผ่านก็อดกลืนน้ำลายไม่ได้ ขณะเดียวกัน กลิ่นร้อนกรุ่นของซาลาเปาหอม ๆ ก็ลอยอบอวลกระตุ้นความหิวโหยในหัวใจผู้คนหลายพันชีวิตที่รอต่อคิวอยู่ ทั้งเด็กตัวน้อยที่มีตาโหลลึก และคนเฒ่าคนแก่ที่นั่งพิงไม้เท้า ต่างพากันขยี้ตาเพราะคิดว่าตัวเองกำลังฝันไป ซาลาเปาเป็นพันเป็นหมื่นลูกจะมีจริง ๆ หรือ!เหนือศีรษะ หลักไม้ถูกตั้งเรียงเป็นแนวค้ำผ้าใบขนาดใหญ่เพื่อกันแดด แต่ก็ทำได้เพียงบรรเทาความร้อนแผดเผาลงมาเล็กน้อย บางคนมีเหงื่อไหลอาบจนเสื้อผ้าติดเนื้อ บ้างหน้ามืดแสบตาเพราะไม่ได้กินข้าวมาหลายมื้อ แต่ถึงกระนั้นก็ยังอดทนต่อแถวอย่างเป็นระเบียบเพื่อหวังจะได้รับเสบียงอาหารอันล้ำค่านี้องค์ฮ่องเต้เจิ้งอี้หลง ประทับยืนอยู่ด้านหน้าสุด ตรงโต๊ะไม้ตัวใหญ่ที่ทีมงานใช้เป็นจุดศูนย์กลางในการแจกจ่ายเสบียง พระองค์ฉลองพระองค์อย่างเรียบง่ายในโทนสีอ่อน แฝงไว้ด

  • เจียงหย่าเสวี่ย จิตรกรหัตถ์สวรรค์   บทที่ 132 พระราชามาแจกอาหาร

    บทที่ 132 พระราชามาแจกอาหารยามอรุณรุ่ง แสงสีทองบางเบาแตะแต้มผืนฟ้าเหนือค่ายพักแรม เหล่าทหารและขุนนางของแคว้นต้าหมิงเริ่มเคลื่อนไหวเพื่อเริ่มต้นวันใหม่ สายลมอ่อนโยนพัดผ่านพุ่มไม้และผืนหญ้า ส่งกลิ่นดินชื้นหลังการต่อสู้มาเหนื่อยหนักหลายคืน เมื่อยามราตรีถูกแทนที่ด้วยแสงของอรุณ วันใหม่ก็เริ่มต้นขึ้น โดยมีร่องรอยของอดีตเป็นเครื่องเตือนว่าการฟื้นฟูแคว้นนี้ยังอีกยาวไกลท่ามกลางลานกว้างในค่ายพักแรม ฮ่องเต้เจิ้งอี้หลงยืนอยู่เบื้องหน้า สายพระเนตรจับจ้องไปยังสองพี่น้องตระกูลเฟิงที่ยืนสงบนิ่งเบื้องพระพักตร์ พวกเขาเป็นแขกผู้มาเยือนจากแคว้นต้าโจว แต่กลับต้องต่อสู้ร่วมกันเพื่อปกป้องผู้บริสุทธิ์ จากอำนาจอันโหดร้ายของอดีตฮองเฮาเหวินลี่หรงและเหล่าบริวารที่กดขี่ราษฎรมานานแสนนาน หลังจากที่สองพี่น้องตระกูลเฟิงได้ช่วยเหลือฮ่องเต้เจิ้งอี้หลงจัดการกับเหวินเทียนหลงและจัดการระเบิดถ้ำแห่งนั้นแล้วทั้งสองก็จะกลับมาแคว้นต้าโจวก่อนจากกันเฟิงหย่าเสวี่ยและเฟิงหยวนเจี๋ยยืนอยู่ตรงหน้าฮ่องเต้เจิ้งอี้หลง ท่ามกลางสายลมยามเช้าที่พัดโชยเฟิงหยวนเจี๋ยและเฟิงหย่าเสวี่ยสวมเสื้อผ้าเดินทางอย่างเรียบง่าย ทว่าท่วงท่าของทั้งคู่เต็ม

  • เจียงหย่าเสวี่ย จิตรกรหัตถ์สวรรค์   บทที่ 131  ผู้ถือครองพู่กันมังกรดำคนใหม่ / ป้ายทองเว้นโทษตาย

    บทที่ 131 ผู้ถือครองพู่กันมังกรดำคนใหม่ / ป้ายทองเว้นโทษตายพู่กันมังกรดำส่องประกายวูบวาบ ก่อนจะพุ่งขึ้นไปบนท้องฟ้าและมุ่งหน้าตรงไปที่แคว้นต้าโจวมันพุ่งอย่างเร็วและแรงเลยผ่านหลายเมืองของแคว้นต้าโจวไม่ว่าจะเป็นดินแดนทางเหนือเลยผ่านเมืองหลวง และมุ่งหน้าลงใต้และในที่สุดมันก็สิ้นสุดลงที่่เมืองอวี้ไห่จากนั้นก็ค่อยๆ ลอยไปที่คฤหาสน์หลังใหญ่ของตระกูลเฟิงที่ตอนนี้มีผู้ที่อยู่ที่นั่นมีเพียงแค่หลินเหมยและเฟิงซินซินลูกสาวตัวน้อยของนางนั้นเองในห้องที่อบอุ่นของคฤหาสน์ตระกูลเฟิง เฟิงซินซินน้อยเพิ่งดื่มนมมารดาเสร็จ ดวงตากลมโตเริ่มหรี่ลงด้วยความง่วง ริมฝีปากน้อยๆ ยังเปื้อนรอยนม หลินเหมยได้อุ้มลูกน้อยไปนอนในเปลและเมื่อเห็นว่าลูกน้อยหลับนางจึงได้ออกจากห้องไปแต่แล้วลมเย็นก็พัดผ่านเข้ามาในห้อง พู่กันมังกรดำลอยเข้ามาอย่างเงียบเชียบ มันวนเวียนอยู่เหนือเปลเด็ก ปลายพู่กันแตะเบาๆ ที่ปลายจมูกเล็กๆ ของเฟิงซินซินเด็กน้อยขยับตัว มือป้อมๆ ยกขึ้นปัดราวกับกำลังขับไล่แมลงหรือสิ่งก่อกวนที่ไม่พึงปรารถนาแต่แค่มือเล็กนุ่มนิ่มของนางปัดเบาๆ ของเด็กน้อยคราวนี้กลับสัมผัสเข้ากับด้ามพู่กันที่เย็นเยียบเป็นพู่กันมังกรดำโบราณท

  • เจียงหย่าเสวี่ย จิตรกรหัตถ์สวรรค์   บทที่ 130 การต่อสู้ครั้งสุดท้ายของมังกรทอง

    บทที่ 130 การต่อสู้ครั้งสุดท้ายของมังกรทองเสียงหยดน้ำที่กระทบพื้นหินดังสะท้อนก้องภายในถ้ำมืดมิดราวกับโถงใต้พิภพที่ไร้จุดสิ้นสุด บรรยากาศชวนให้หัวใจเต้นระส่ำราวกับมีมือที่มองไม่เห็นกำลังบีบรัดอยู่รอบคอ ทุกคนค่อยๆ ก้าวลึกเข้าไปทีละน้อยอย่างระแวดระวัง เสียงสวดที่ดังก้องอยู่รอบข้างฟังดูเหมือนเสียงครวญครางของวิญญาณซึ่งโหยหาการปลดปล่อย เสียงหอบหายใจของเหล่าทหารและคนในคณะเดินทางประสานเข้ากับเสียงน้ำหยด ท่ามกลางความมืดที่สลัว แสงจากคบเพลิงสาดส่องให้เห็นภาพวาดโบราณบนผนังถ้ำ เป็นภาพของมังกรดำกำลังกลืนกินดวงจันทร์อย่างดุร้าย สะท้อนให้เห็นร่องรอยความน่าสะพรึงในอดีตที่เคยถูกผนึกไว้ในถ้ำแห่งนี้กลางโถงถ้ำกว้าง เหวินเทียนหลงผู้ถูกครอบงำด้วยพลังมืดแห่งพู่กันมังกรดำกำลังตกอยู่ในสภาพอันชวนขนลุก ร่างกายของเขาค่อยๆ เปลี่ยนเป็นร่างครึ่งมังกร เกล็ดสีดำทะมึนขึ้นปกคลุมเนื้อหนัง ลามไปถึงใบหน้าจนเห็นเค้าโครงแทบไม่เหลือเค้าคนเดิม ดวงตาสีแดงฉานเบิกกว้างดุจสัตว์ร้ายที่กระหายเลือด เสียงหัวเราะของเขาแหลมสูงสะท้อนก้องราวกับภูตผีที่อาละวาดในคืนเดือนมืด"หยุดเดี๋ยวนี้!" ฮ่องเต้เจิ้งอี้หลงตรัส "เจ้ากำลังทำลายชีวิตผู้บ

  • เจียงหย่าเสวี่ย จิตรกรหัตถ์สวรรค์   บทที่ 129  ถ้ำศักดิ์สิทธิ์ตระกูลเหวิน

    บทที่ 129 ถ้ำศักดิ์สิทธิ์ตระกูลเหวิน"เป็นแค่งู จะสู้มังกรได้อย่างไร? ชิงหลง!!"เฟิงหย่าเสวี่ยตะโกนขึ้นมายกพู่กันขึ้นตวัดวาดอักขระด้วยจังหวะที่สงบนิ่ง แต่เต็มไปด้วยพลังที่ซ่อนอยู่ แสงสีเงินเริ่มเปล่งประกายจากพู่กัน และทันใดนั้น เสียงคำรามแผ่วลึกก็ดังก้องไปทั่วป่า มังกรที่นางวาดคราวนี้ไม่ใช้มังกรทองแต่ทว่าเป็นมังกรเหล็กขนาดมหึมาปรากฏขึ้นจากแสงอักขระ ร่างของมันแวววาวด้วยเกล็ดโลหะคมกริบ ดวงตาสีแดงเพลิงจับจ้องไปยังงูยักษ์มังกรเหล็กพุ่งเข้าโจมตีอย่างดุเดือด กรงเล็บและหางของมันกวาดผ่านนางพญางูยักษ์ เกล็ดแข็งของงูไม่อาจต้านทานพลังอันมหาศาลนี้ได้ เสียงคำรามของงูดังสะท้อนป่า ขณะที่มังกรเหล็กใช้กรงเล็บจับงูไว้แน่น ก่อนที่มันจะอ้าปากพ่นไฟสีเงินบริสุทธิ์ที่ในเปลวไฟนั้นเป็นพิษที่เหมือนกับตะกั่วใส่ร่างของนางพญางูยักษ์ภายในพริบตา นางพญางูยักษ์ก็ถูกพิษตะกั่วลามไปทั่วทั้งร่างไม่สามารถขยับตัวได้ จากนั้นมังกรเหล็กก็ใช้หางฟาดอย่างแรงไปที่ร่างของมันทำให้มันแตกเป็นเสี่ยงๆ ราวกับกระจกแตกและในที่สุดก็สลายเป็นเถ้าถ่านกระจายไปในอากาศทันที เฟิงหยวนเจี๋ยลดพู่กันลง มังกรเหล็กยังคงลอยอยู่บนท้องฟ้าจากนั้นก็ค่อยลด

  • เจียงหย่าเสวี่ย จิตรกรหัตถ์สวรรค์   บทที่ 128 ป่าพิษกับนางพญางูยักษ์

    บทที่ 128 ป่าพิษกับนางพญางูยักษ์คณะของเฟิงหย่าเสวี่ยค่อยๆ เดินทางมาเรื่อยๆ ระหว่างทาง เฟิงหย่าเสวี่ยสังเกตเห็นเมฆดำก่อตัวเหนือยอดเขาที่เป็นจุดหมายปลายทาง นางรู้สึกถึงลางสังหรณ์บางอย่าง... บางสิ่งที่ชั่วร้ายกำลังรอคอยพวกเขาอยู่...คณะเดินทางมุ่งหน้าไปตามเส้นทางที่ปรากฏในแผนที่ เมื่อพระอาทิตย์คล้อยต่ำ เฟิงหยวนเจี๋ยสังเกตเห็นสัญลักษณ์แปลกๆ สลักอยู่บนก้อนหินริมทาง"หยุดก่อน!" เขาร้องเตือน "ตรงนี้มีค่ายกลซ่อนอยู่"แม่ทัพเว่ยสิง เดินเข้าไปตรวจสอบสัญลักษณ์อย่างละเอียด “มันคล้ายกับค่ายกล” เขาเอ่ยขึ้นมา"เป็นค่ายกลนำทาง" เฟิงหย่าเสวี่ยกล่าว นางจ้องมองสัญลักษณ์บนก้อนหิน "ถ้าเราเดินผ่านไปโดยไม่ทำตามที่มันบอก จะเจอกับดัก"เฟิงหยวนเจี๋ยพยักหน้า "และดูเหมือนว่าจะมีคนผ่านมาที่นี่ไม่นานมานี้" เขาชี้ไปที่รอยเท้าบนพื้น "รอยเท้าเหล่านี้ยังใหม่มาก""เหวินเทียนหลงและพรรคพวก" ฮ่องเต้เจิ้งอี้หลงกล่าว ดวงตาของเขาจับจ้องไปที่รอยเท้า "พวกเขาต้องมุ่งหน้าไปที่ถ้ำแน่นอน""ทูลฝ่าบาท" ทหารนายหนึ่งชี้ไปที่เส้นทางข้างหน้า "มีควันลอยขึ้นมาจากทางนั้น"ทุกคนมองไปตามทิศทางที่ทหารชี้ เห็นควันบางๆ ลอยขึ้นมาจากป่าทึบ กลิ่น

สแกนรหัสเพื่ออ่านบนแอป
DMCA.com Protection Status