Chapter 6
[6/1] (หมอชลกันต์ ทอร์ค) “ฮึกก! ฮือออ~ หายไปไหนมา ฮึกก! คนใจร้าย หายไปไหนมา ฮืออ..” “คิดถึงไหม? คิดถึงพี่ เหมือนที่พี่คิดถึงเราไหม หยก....” “ไม่คิดถึง ฮึกก ฮืออ.... ไม่คิดถึงเลย” “หืม? จริงดิ่? ไม่คิดถึงแล้วร้องไห้ทำไม” ปึ่กๆ!! “เป็นห่วง ฮึกก เป็นห่วงจะตายอยู่แล้ว ฮืออ... กลัวไปหมด ฮึก! กลัวว่าพี่จะเป็นอะไรไป” “อย่างนั้นเลย?” “อื้มมม!! 0_0” ผมกำลังยืนดูฉากรักในหนังดราม่าน้ำเน่าอยู่ ขณะที่ทั้งสองคนยืนจูบกันอยู่ตอนนี้โดยที่ยังไม่รู้ตัวเลยว่ามีผมยืนอยู่ตรงนี้ด้วย คนรักเก่าของหยกกำลังกอดเธออยู่ในช่วงค่ำคืนงานนิทรรศการระดับโลก แสงไฟน้อยนิดที่สาดส่องจากด้านในอาคารที่จัดงานมายังสวนที่พวกเรายืนอยู่ เลยอาจจะทำให้พวกเขาไม่ได้สนใจคนมาใหม่อย่างผม ถ้าหากหยกยังรู้สึกกับเขาอยู่หรืออยากกลับไปอยู่กับเขา ผมก็จะยอมน้อมรับความจริงและปล่อยเธอไป จะไม่หลอกตัวเองอีกแล้วแม้ว่าข้างในใจของผมมันจะอยากมีเธออยู่ด้วยก็ตาม “หยก” ผมตัดสินใจเรียกหยกท่ามกลางจังหวะที่ทั้งสองยังยืนกอดกันอยู่ ผมยืนอยู่และกำลังมองไปยังทั้งสองคน ยอมรับว่าใจยังไม่แข็งพอที่จะพูดอะไรออกไป แต่ถ้าผมไม่ยอมจบตอนนี้ คนที่เสียใจอาจจะมีมากกว่านี้หลายคน “พี่หมอ!! 0_0” หยกหันหน้ามามองผมและท่าทีตกใจอย่างสุดขีด เมื่อเห็นว่าเป็นผมที่ยืนอยู่ด้านหลังภัทรกาฬ ก่อนที่หยกจะผลักตัวออกจากคนรักของเธอ “มะ มาได้ยังไงคะ!! คือ.... หยก พี่หมอคะ... ค่ะ..คือ” ผมรู้ว่าตอนนี้หยกคงทำตัวไม่ถูกหรอกว่าจะยังไงต่อ หัวใจของเธอคงอยากไปกับเขาตั้งแต่วินาทีแรกที่เจอกันแล้ว แต่ในหัวอาจจะกำลังแคร์ความถูกต้องอยู่ เพราะเราก็ยังอยู่ในสถานะสามีภรรยาตามกฎหมาย ถ้าหยกรู้ความจริงว่าเรื่องทั้งหมดมันเป็นเพราะผมจัดฉาก เธอจะว่ายังไงจะโกรธหรือดีใจผมไม่อาจจะรู้ได้หรอก แต่สิ่งที่ผมทำให้ในตอนนี้เพราะอยากจะให้เธอได้ใช้ชีวิตอย่างที่เธออยากได้มันจริงๆ ที่ผ่านมาเรื่องที่พวกเขาทะเลาะกันหนักหนาสาหัสแค่ไหนผมไม่รู้ ว่าทำไมมันต้องถึงขั้นเลยเถิดทำให้หยกสับสนทุกอย่างไป จนยอมรับข้อเสนอมาแต่งงานกับผม เพียงเพราะอยากหนีความจริงที่เจ็บปวดในครั้งอดีต ทั้งๆ ที่ในใจเธอก็คงไม่อยากจะให้มันออกมาเป็นแบบนี้ ซึ่งผมก็เข้าใจดี และที่ผ่านมาผมเองก็ผิดต่อทั้งสองคนมาก ที่พลัดพรากพวกเขา... เพราะความรักที่แก่ตัวของผมเอง “ไม่ต้องพูดอะไรแล้วหยก พี่เข้าใจตั้งนานแล้ว” “ขอโทษ ฮึกก!! หยกขอโทษ...” “หยกไม่ต้องขอโทษอะไรพี่ทั้งนั้นเลย พี่เข้าใจทุกอย่าง พี่เองที่ยังหลอกตัวเองอยู่ทุกวัน” ผมเป็นคนฝืนความรู้สึกตัวเองไม่เก่ง แต่ก็ต้องปั้นหน้ายิ้มเอาไว้ ทั้งๆ ที่แววตากลับดูหม่นอยู่ข้างใน ผมเองก็รู้อยู่แก่ใจดีว่าไม่สามารถทดแทนหรือเป็นตัวแทนของคนที่เธอรักได้อยู่แล้ว คนเรามันต้องแยกแยะได้ว่ารู้สึกดีกับรู้สึกรัก บางทีมันไม่ได้มาคู่กัน หวังว่าครั้งนี้หยกจะตัดสินใจถูก “แต่...” “คุณรู้ใช่ไหม? ว่าผมกับหยกยังรักกันอยู่” ภัทรกาฬคว้าเอวเล็กเข้ามาแนบชิดตัวเอง แล้วหันมามองหน้าผม “ผมรู้” “ฮึกก… ฮืออ ~~” หยกยืนร้องไห้อยู่ตอนนี้ เธอคงจะสับสนอยู่ “ผมหวังว่าคุณจะไม่ทำให้เธอเสียใจอีก ผมขอคุณแค่นี้” ที่พูดแบบนั้นไม่ได้อยากพูดเพื่อให้ตัวเองดูดีขึ้นมา แต่ที่พูดไปก็เพื่อชีวิตครั้งใหม่ของสองแม่ลูกคู่นี้ต่างหาก ที่ผมอยากจะทำให้มันถูกต้องซักที “ผมไม่มีวันทำเธอเสียใจอีกแน่” ดูเหมือนว่าคำพูดของเขาก็หนักแน่นเอาเรื่องอยู่ ครั้งนี้เขาก็คงจะไม่อยากเสียหยกไปจริงๆ นั่นแหละ “พี่หมอ ฮึกก!” หยกที่เอาแต่ยืนร้องไห้เพราะความรู้ผิดที่มีต่อผม ที่ผ่านผมวางตัวกับเธออย่างเสมอต้นเสมอปลาย เราไม่เคยทะเลาะกันเลย ต่างคนต่างช่วยกันสร้างความสุข ช่วยกันเลี้ยงดูปกป้องด้วยความรัก “ทันทีที่กลับไทย พี่จะเซ็นใบหย่าให้เราทันที อย่าคิดมากเลย.... แค่หยกได้อยู่กับคนที่หยกรักจริงๆ แค่นี้พี่ก็มีความสุขแล้ว” ผมไม่อาจจะโทษว่าเป็นความผิดของใคร เพราะคนเรามันตัดสินใจผิดพลาดกันได้ ความรู้สึกสับสนของหยกในตอนนั้น ที่ตัดสินใจทำในสิ่งที่เธอคิดว่าควรทำ แต่ตอนนี้มันไม่ใช่เลย มันกลับกลายเป็นแผลในใจที่คอยวนเวียนทำให้เธอเจ็บปวดมากกว่าเดิม เมื่อพูดคุยกันจนเกิดความเข้าใจทุกฝ่ายแล้ว หยกได้บอกให้ภัทรกาฬกลับไปก่อน เพราะตอนนี้เธอยังไม่พร้อมที่จะไปกับเขา ผมและหยกเดินทางกลับถึงที่พัก ที่ตอนนี้มีน้าสาวเฝ้าปกป้องให้อยู่ ก่อนหน้านี้หลังจากที่คนตัวเล็กหายออกมานาน ผมก็โทรบอกให้น้าสาว มาเฝ้าเจ้าก้อนกลมของผมแทน “อ้าว มากันแล้วหรอ?” เราเดินเข้ามายังห้องรับรองแขก ที่ตอนนี้มีน้าสาวนั่งเฝ้าเด็กน้อยที่หลับอยู่ในฟูกเล็ก “หยกต้องขอโทษด้วยนะคะที่ออกไปโดยไม่มีความรับผิดชอบแบบนี้ คุณวาณิการ์เลยต้องมาเดือดร้อนไปด้วยเลย ขอโทษนะคะ” “ไม่เป็นไรเลยจ้ะ ปกป้องน่ารักขนาดนี้ฉันเองก็อยากดูแล” “ขอบคุณคุณน้ามากเลยนะครับ ผมคงไม่รบกวนแล้ว” หลังจากที่น้าสาวของผมกลับไป หยกก็เดินมาอุ้มปกป้องที่นอนในฟูกบนโซฟาเบดของห้องรับรอง ก่อนจะพากันเข้าห้องนอน จัดแจงที่นอนให้เจ้าก้อนเสร็จเรียบร้อยดีแล้ว จึงเดินออกมาในห้องรับรองอีกครั้งหนึ่ง “พี่หมอคะ” “ถ้าจะมาขอโทษ ไม่ต้องเลยนะครับ พี่พูดไปแล้วว่าไม่เป็นไร เพราะฉะนั้นอย่ารู้สึกผิดเลยนะ” ผมรู้ว่าอีกคนจะพูดว่าอะไร “หยกขอบคุณสำหรับทุกอย่างที่ผ่านมาค่ะ ขอบคุณจริงๆ” “แค่เห็นหยกจะมีความสุขกับคนที่ตัวเองรัก แค่นี้พี่ก็ดีใจมากๆ แล้วครับ” ที่ผ่านมาผมไม่นึกโกรธคนตัวเล็กเลย เรื่องของหัวใจไม่มีใครห้ามหรือบังคับกันได้ เอาเป็นที่ผ่านมาผมไม่เคยเสียใจหรือเสียดายเลยที่ได้ใช้ชีวิตในช่วงเวลาหนึ่งกับผู้หญิงอย่างปิ่นหยก เพราะผมคิดว่าตัวเองก็เต็มที่แล้วเหมือนกัน กริ่งงๆๆ ~~ เสียงโทรศัพท์ของหยกดังขึ้น หน้าจอโชว์เบอร์แปลกที่ไม่มีการบันทึกชื่อเอาไว้แต่เธอก็ยังกดรับสาย “แปบนึงนะคะพี่หมอ” ผมพยักหน้าให้หยกเป็นการอนุญาต ก่อนจะหยิบรีโมทหน้าทีวีมากดเลื่อนช่องหาอะไรดูไปพลางๆ ติ๊ด! “สวัสดีค่ะ?” ถึงแม้ว่าสายตาจะยังมองที่หน้าจอทีวี แต่หูของผมก็ยังแอบฟังใครอีกคนคุยโทรศัพท์ไปด้วย “ใยบัว!!? ตอนนี้แกอยู่ที่ไหน!? .....แกหายไปอยู่ที่ไหน ห้ะ? รู้ไหมว่าฉันเป็นห่วงแกแค่ไหน อยู่ดีๆ ก็หายไปเลย ติดต่อก็ไม่ได้” ใยบัวหรอ? เพื่อนสนิทของหยกคนนั้นหรอกหรอ? โทรมาทำไมกัน... ทั้งๆ ที่สองคนนี้ก็ไม่ได้ติดต่อกันมานานแล้ว “จะไม่ให้ห่วงได้ยังไง เล่นหายไปแบบไม่บอกใครตั้งเป็นปีน่ะ แล้วนี่แกเป็นยังไงบ้างสบายดีไหม? ไปอยู่ที่นั่นแกทำงานอะไร?” “นั่นเสียงเด็กที่ไหนร้องน่ะ แกเลี้ยงเด็กหรอ?” “ได้สิ ขอแค่แกบอกมา ฉันยินดีจะช่วยแกเสมอบัว” “พี่หมอก็นั่งอยู่ตรงนี้กับฉันเลย แกมีอะไรหรือเปล่า?” “อ้าว! ตัดสายทิ้งซะแล้ว” ผมนั่งพิงพนักอยู่บนโซฟาเบด ทำท่ากดรีโมทเปลี่ยนช่องทีวีไปมา แต่ทุกบทสนทนากลับอยู่ในความสนใจของผม พอได้ยินว่าชื่อใครโทรมาหาหยก “ใยบัวโทรมา?” ผมถามอีกคนไป เพราะได้ยินชื่อที่เธอพูดออกมา “ใช่ค่ะ หายไปตั้งนานติดต่อก็ไม่ได้ นี่ก็เพิ่งจะเห็นโทรมา” “ป่านนี้คงไปเที่ยวไหนสักที่อยู่มั้ง” หยกกลับบ้านที่จันทบุรีบ่อยครั้ง ซึ่งก็มีบ้างที่เธอไปหาเพื่อนสนิทที่ชุมชนท้ายตลาด แต่ครั้งที่ไปบ้านของเพื่อนสนิทหลายเดือนก่อน หยกก็ได้รู้ว่าอีกคนไม่ได้อยู่ที่นั่นแล้ว และทางครอบครัวของเธอก็ไม่รู้ว่าไปอยู่ไหน แต่หยกยังไม่รู้เรื่องว่าผมเคยเจอเพื่อนสนิทของเธอซึ่งก็น่าจะเกือบๆ ปีได้แล้ว ที่ตอนนั้นผมบินไปดูงานที่ภูเก็ต ยังไงซะผมก็ไม่ได้พูดกับเธอให้รับรู้ว่าผมเจอเพื่อนสนิทของเธอแล้ว “ดูเหมือนว่าเธอจะกำลังลำบากนะคะ น้ำเสียงดูไม่มีความสุขเลย เห็นว่าไปทำงานที่ภูเก็ต” “ก็ดีแล้วนี่ครับ” แสดงว่าอีกฝ่ายที่โทรเข้ามาคงจะบอกที่อยู่ให้หยกรู้แล้ว “แต่พี่หมอไม่สงสัยหรอคะ ว่าทำไมจู่ๆ ใยบัวถึงออกจากงานของท่านผู้ว่าฯ กะทันหัน แถมยังหนีไปอยู่ไกลถึงภูเก็ตทั้งที่ไม่บอกอะไรใครเลย” “อาจจะไปหาแฟนที่นั่นรึเปล่า?” ที่เธอย้ายไปกะทันหัน อาจจะเพราะว่าย้ายไปอยู่กับแฟนของเธอก็ได้ ใครจะไปรู้ “ใยบัวไม่เคยมีแฟนค่ะ” “เรื่องของเค้าเถอะครับ หยกรีบเข้าไปนอนเถอะ ....พรุ่งนี้เราต้องกลับโรม” จริงๆ ไม่ใช่เรื่องอะไรของผมเลยที่จะมาสงสัย แต่ก็นั่นล่ะ ....ลึกๆ ก็คิดเหมือนกันกับปิ่นหยก แต่ตอนนี้มันก็ดึกมากแล้วทางที่ดีคนตัวเล็กควรเก็บความสงสัยเอาไว้ก่อนแล้วไปนอน เพราะพรุ่งนี้ต้องตื่นแต่เช้ากลับโรม เห็นว่าภัทรกาฬเองก็จะมาหาเธอและเจ้าก้อนของผมด้วย “ก็ได้ค่ะ อ่อ! หยกฝากพี่โอนเงินให้เพื่อนหยกก่อนได้ไหมคะ? ถ้ากลับถึงไทยหยกจะคืนพี่หมอทันทีค่ะ” หยกบออกผมก่อนจะเดินเข้าห้องนอน “นี่เขาโทรมายืมเงินหยกหรอ?” เป็นเพื่อนประสาอะไร ตอนหายไปไม่บอกไม่กล่าว พอตอนเดือดร้อนกลับโทรมาขอความช่วยเหลือกันอย่างหน้าตาเฉย ผมล่ะอยากรู้จริงๆ ว่าเธอคิดอะไรอยู่ “ใยบัวคงจะลำบากมากจริงๆ ค่ะ เห็นบอกว่าเลี้ยงเด็ก” “เลี้ยงเด็ก?” ผมทำหน้าสงสัยและขมวดคิ้วไปด้วย “หมายถึงทำงานเลี้ยงเด็กเล็กน่ะค่ะ” “งั้นก็ได้ครับ เดี๋ยวพี่จัดการให้ หยกรีบไปนอนเถอะครับ” หลังจากพรุ่งนี้เป็นต้นไปปกป้องก็จะได้ไปอยู่กับพ่อแท้ๆ ของเขาแล้ว ผมเองนึกแล้วก็ใจหาย ต่อให้ไม่ใช่ลูกในไส้แต่ผมก็เฝ้าเลี้ยงดูตั้งแต่เขาลืมตาขึ้นมาโลก ทำหน้าที่คนเป็นพ่ออย่างไม่ขาดตกบกพร่องเลยแม้แต่อย่างเดียว คุณหญิงวิมนรัตน์และท่านผู้ว่าฯ ก็รักและเอ็นดูปกป้องมากเสียจนไม่กล้าคิดต่อไปเลย ถ้าหากกลับไทยแล้ว คงจะต้องบอกผู้ใหญ่ให้ทราบเรื่องนี้ และเรื่องที่เรากำลังจะหย่ากันChapter 6[6/2]@ภูเก็ต, ประเทศไทยสองแม่ลูกยังคงอยู่ที่ห้องพักของทางโรงพยาบาลจนถึงช่วงดึก คุณหมอเจ้าของไข้ของเด็กหญิงใยไหมมาบอกผู้เป็นแม่แล้วว่า การผ่าตัดสำหรับคืนนี้อาจจะต้องขอเลื่อนออกไปก่อนเนื่องจากทีมแพทย์ยังไม่ได้ข้อสรุปของแผนที่จะทำการผ่าตัดสอดท่อ สำหรับเด็กเล็กขนาดนี้ความเสี่ยงนั้นมีมากมาย ถ้าทุกสิ่งอย่างไม่เอื้ออำนวยหรือติดขัดอย่างใดอย่างหนึ่ง อาจจะส่งผลอันตรายต่อเด็กมาเลยทีเดียวอีกทั้งยังต้องรอศัลยแพทย์จากโรงพยาบาลร่วม ที่เก่งในเรื่องผ่าตัดเข้ามาช่วยอีกแรง ซึ่งคุณหมอวิเชษฎ์ยืนยันว่าหมอผ่าตัดคนนี้จะช่วยให้การรักษาของใยไหมดีขึ้น แต่ก็ต้องรอไปอีกจนถึงพรุ่งนี้ตอนค่ำเหมือนเดิม“แอ่กๆ แอร๋~”เด็กน้อยตัวเล็กยังนอนร้องไห้ในอกแม่ไม่หยุดเป็นระยะหนึ่งแล้ว ตั้งแต่ตื่นขึ้นมาก็ยิ่งร้องมากเท่าไหร่ น้ำมูกก็ยิ่งมากขึ้นเท่านั้น จนมันไปส่งผลกระทบทำให้หายใจลำบากขึ้นไปอีก“โอ๋ๆๆ ... คนดีของแม่ อย่าร้องไห้นะคะ เดี๋ยวพรุ่งนี้คุณหมอคนเก่งก็มาหาหนูแล้วนะคะ ไม่ร้องๆ ลูก”ผู้เป็นแม่ปลอบลูกสาวตัวน้อยให้ไม่ร้องในอ้อมอกอุ่น ทว่ากลับเป็นเธอเสียเองที่ไม่สามารถกลั้นน้ำตาไม่ให้มันไหลออกมาได้ด้วยความที่นึก
Chapter 7[7/1]@ภูเก็ต, ประเทศไทยเวลาล่วงเลยผ่านมาหนึ่งวันเต็มๆ แล้ว อีกไม่กี่ชั่วโมงต่อจากนี้ ใยไหมจะต้องเข้าห้องผ่าตัด ซึ่งคนเป็นแม่อย่างใยบัวมีความกดดันไม่น้อยเลย เธอไม่รู้ว่าผลการรักษาจะออกมาเป็นอย่างไร แต่ก็ได้แต่ภาวนาขอให้นางฟ้าตัวน้อยของเธอปลอดภัย“คุณแม่และญาติรอน้องด้านนอกก่อนนะคะ” เสียงพยาบาลหน้าห้องผ่าตัดบอกทั้งสามคนให้รอด้านนอก“บัวกังวลจังเลยค่ะ”“เจ้าตัวเล็กของพวกเราจะไม่เป็นไรบัว อย่าคิดมากเลยนะครับ”ปรเมทเอื้อมมือมาจับใยบัวเอาไว้แน่น เขาอยากให้เธอไม่กังวลเรื่องการผ่าตัดเกินไป อย่างไรเสียก็ถึงมือหมอแล้ว เจ้าตัวเล็กของพวกเราจะต้องไม่เป็นอะไร“หนูบัว อย่าเครียดเลยนะลูก”“ขอบคุณทุกคนมากนะคะ”ป้ายัชฟินรู้จักกับใยบัวมาปีกว่า ถึงจะไม่มาก ทว่าเธอก็เป็นเหมือนญาติผู้ใหญ่ให้สองแม่ลูก ถ้าหากเห็นใยบัวไม่สบายใจ เธอเองก็อดสงสารไม่ได้เลยจริงๆ20.00 น.ทั้งสามคนยังนั่งตั้งหน้าตั้งตาอยู่หน้าห้องผ่าตัด เป็นเวลาเกือบจะ 2 ชั่วโมงมากแล้วที่นางฟ้าตัวน้อยของพวกเขายังอยู่ด้านในนั้น และยังไร้วี่แววประตูจะเปิดออกมาเลย“น้องบัว.... หนูใยไหมเป็นยังไงบ้าง?” หญิงสาวผู้มาใหม่กึ่งวิ่งกึ่งเดินรีบมาหา
Chapter 7[7/2]ตอนนี้ทุกคนก็กลับบ้านไปพักผ่อนกันหมดแล้ว จะเหลือเพียงแค่ใยบัวที่ยังต้องเฝ้านางฟ้าตัวน้อยของเธออยู่ ตั้งแต่ออกมาจากห้องผ่าตัดจนถึงตอนนี้เจ้าตัวเล็กก็ยังไม่ทันได้รู้สึกตัวเลย คนเป็นแม่อย่างเธอได้แต่ภาวนาขอให้ลูกสาวหายไวๆเธอวาดฝันอนาคตของตัวเองและใยไหมไว้ต่างๆ นานา ถ้าลูกโตขึ้นกว่านี้เธอจะพาลูกไปเที่ยว ไปทานของอร่อยๆ กัน จะพาลูกไปเดินช้อปปิ้งแต่งตัวสวยๆ ให้ลูก เลือกโรงเรียนดีๆ ให้ลูกได้มีโอกาสเหมือนเด็กคนอื่นทุกอย่างที่ลูกอยากได้เธอจะพยายามสนับสนุนเขาเต็มที่ ถึงแม้ครอบครัวของเด็กคนอื่นอาจจะมีพ่อแม่อยู่พร้อมหน้าพร้อมตากัน แต่เธอเองก็เชื่อว่าสิ่งที่ตัวเองทำให้ลูกหรือแม้กระทั่งความรักที่มอบให้ใยไหม มันจะช่วยเติมเต็มสิ่งที่เขาขาดหายไปได้แกร่ก!“พี่ปลื้ม!?” เสียงประตูหน้าห้องเปิดออก พร้อมกับปรเมทที่รีบเดินเข้ามาในห้อง คุณแม่ลูกหนึ่งจึงต้องหันไปมองผู้มาใหม่“บัวพี่ลืมมือถือน่ะ จำได้ว่าวางไว้โต๊ะแถวนี้”“อ่อ... นี่ค่ะ บัวเก็บเอาไว้ให้” ร่างบางเดินไปหยิบโทรศัพท์ของอีกคนที่เธอเป็นคนเก็บเอาไว้ให้ เมื่อไม่กี่ชั่วโมงที่ผ่านมา“ขอบคุณครับ งั้นพี่กลับก่อนนะ”“ขับรถดีๆ นะคะ”เมื่อได้
Introท่ามกลางทางถนนสายหลักขาเข้าตัวเมืองจันทบุรี มีสายฝนกระหน่ำมาไม่หยุดหย่อน ช่วงนี้อากาศของประเทศไทยไม่รู้ว่าทำไมถึงแปรปรวนบ่อยนักรถเอสยูวีคันงามค่อยๆ ขับเคลื่อนไปตามทางถนน โดยจุดหมายคือหมู่บ้านท้ายตลาดในตัวเมืองจันทบุรี“คุณว่าเพื่อนคุณเขาจะนอนหลับไหม?”บรรยากาศเงียบเย็นภายในรถที่ทำให้สองคนอยู่ด้านในเงียบใส่กันมานาน ทว่าหมอหนุ่มเจ้าของรถจู่ๆ ก็เริ่มตั้งคำถามกับอีกคนที่นั่งมาข้างๆ กันแววตาเศร้าสร้อยปนแดงก่ำคล้ายคนกำลังอกหักของหมอสามสิบ นัยน์ตาคู่นั้นกำลังบอกว่าเขารู้สึกเสียใจกับเหตุการณ์ก่อนหน้านี้ขนาดไหน“บัวว่าคุณหมออย่าคิดมากเลยนะคะ มั่นใจเถอะค่ะว่าเพื่อนบัวจะไม่กลับไปเจ็บอีก เพียงแต่ว่าตอนนี้หยกกำลังเสียใจที่เป็นต้นเหตุและสงสารพี่นาฟอยู่ก็เท่านั้น”ใยบัว คนที่นั่งโดยสารมาข้างๆ กับชายหนุ่ม เอ่ยปลอบใจเขาไป เมื่อเห็นสีหน้าของหมอกันต์แล้วเธอก็ไม่รู้ว่าจะทำอย่างไรดี อีกทั้งทางนั้นเองก็ทั้งเพื่อนทั้งพี่ที่เธอเคยรู้จัก ส่วนทางนี้ก็ว่าที่เจ้าบ่าวของเพื่อนเธอ“แต่ผมว่ามันอาจจะไม่ใช่แบบนั้นน่ะสิ ความจริงแล้วไม่ใช่ว่าผมไม่รู้นะว่าลึกๆ หยกยังรอเค้าอยู่”ทั้งๆ ที่เขากำลังจะแต่งงานกับปิ่นห
Chapter 1[1/1]ภายในงานแต่งงานของเพื่อนสาวคนสนิทของใยบัวได้เริ่มขึ้นตามฤกษ์ที่ผู้ใหญ่คุยกันเอาไว้แล้ว โดยไม่มีการเปลี่ยนแปลงแต่อย่างใดหลังจากคืนนั้นผ่านไปใยบัวจำได้ว่าเธอตื่นขึ้นมาพร้อมกับเห็นสิ่งที่เกิดขึ้นทุกอย่างแล้ว เธอยอมรับว่าตกใจทำอะไรไม่ถูกเธอขาดสติไปมากแทบจำสิ่งที่ตัวเองทำลงไปไม่ได้ด้วยซ้ำ เธอบอกกับหมอกันต์ให้เก็บเรื่องนี้เป็นความลับและขอให้เขาขับมาส่งเธอที่บ้าน จากนั้นก็แยกย้ายไม่ได้ติดต่อกันอีกเลยจนกระทั่งวันนี้เป็นงานสำคัญของปิ่นหยก ความจริงเธอไม่อยากจะมาด้วยซ้ำเพราะรู้สึกละอายอยู่แก่ใจไม่น้อยที่ต้องมองหน้าเพื่อนในงานแต่งงานวันนี้ ทั้งที่ก่อนหน้านี้เธอเพิ่งจะมีอะไรกับเจ้าบ่าวของเพื่อนตัวเองไป“ใยบัว ฉันนึกว่าแกจะไม่มางานของฉันซะแล้ว ช่วงนี้ฉันติดต่อแกไม่ค่อยได้เลย เป็นอะไรหรือเปล่า?” ปิ่นหยกเดินมาหยุดถึงที่ด้านหน้าประตูทางเข้า พร้อมกับเอื้อมมือไปดึงแขนของเธอ“อ่อเปล่าๆ ช่วงนี้ฉันยุ่งๆ น่ะ เพื่อนแต่งงานทั้งที ฉันจะพลาดได้ยังไงกันล่ะ วันนี้แกสวยมากเลยหยก”ใยบัวไล่สายตามองชุดเจ้าสาวในวันนี้ช่างงามสง่าราวกับเจ้าหญิงตัวน้อยเหลือเกิน มันยิ่งทำให้เธอรู้สึกผิดในใจมากเหลือเกินจ
Chapter 1[1/2]งานแต่งยังไม่ทันจะได้เริ่มต้นขึ้นเลย แต่ใยบัวคิดว่าคงจะไม่เข้าไปในงานอีกแล้ว เธอขับรถออกมาจากโรงแรมที่จัดงานทันที หลังจากหมอกันต์เดินลงจากรถไป เอาเป็นว่าค่อยโทรบอกเจ้าสาวในงานทีหลังก็แล้วกันร่างบางขับรถมาเรื่อยๆ จนถึงตลาดสดในตัวเมืองจันทบุรี วันนี้เป็นวันหยุดตามเวลาราชการเธอจึงไม่ได้ไปทำงาน และได้มีโอกาสไปร่วมงานมงคลสมรสของเพื่อนสาวคนสนิท นอกเหนือจากงานวันนี้แล้วปกติใยบัวก็จะมาช่วยแม่ขายของที่ตลาดสดแห่งนี้“อ้าว! ไหนแกบอกว่าไปงานแต่งหนูหยกกับลูกผู้ว่าฯ ไง?” บัวแก้วผู้เป็นแม่ของเธอถามเมื่อเห็นว่าลูกสาวเพิ่งจะออกจากบ้านไปไม่ถึงชั่วโมงเลย แล้วทำไมถึงได้กลับมาเร็วขนาดนี้“ฉันรู้สึกปวดหัวนิดหน่อยน่ะจ้ะแม่” เธอไม่ได้รู้สึกปวดหัวหรืออะไรเลย เพียงแค่เหตุผลจริงๆ มันคือการไม่อยากไปเจอหน้าใครอีกคนในงานก็เท่านั้นเอง“อ้าวหรอ แล้วนี่แกกินยารึยัง?” อีกคนก็ถามด้วยความเป็นห่วงลูกสาว พลางจัดผลไม้วางลงแผงขายของ“กินแล้วจ้ะแม่ วันนี้ลูกค้าเยอะไหม?” ใยบัวถามแม่อย่างเช่นทุกวัน“ก็เหมือนเดิม ยังไม่เที่ยงเลยไม่ค่อยมีคน”แม่ค้าวัยกลางคนอย่างบัวแก้ว ขายผลไม้และน้ำปั่นในตลาดสดแห่งนี้ส่งลูกเรีย
Chapter 2[2/1]วันหยุดสุดสัปดาห์ผ่านพ้นไป งานมงคลของหมอกันต์และปิ่นหยกก็ผ่านพ้นมาแล้ว ใยบัวได้ข่าวว่าเพื่อนสนิทของเธอต้องย้ายที่อยู่ไปที่กรุงเทพฯ กับสามีป้ายแดงซึ่งเธอก็พอจะทราบจากเพื่อนสาวมาว่า แม่ของหมอกันต์และตัวของเขาเองต้องทำงานอยู่ที่นั่น เนื่องจากมีธุรกิจโรงพยาบาลที่ต้องดูแล ส่วนท่านผู้ว่าฯ ไพบูลย์ก็ยังคงประจำการอยู่ที่จันทบุรีตั้งแต่เรียนจบมาใยบัวก็กลับมาหางานทำแถวบ้านเลย ทั้งยังไม่อยากจะหนีห่างผู้เป็นแม่ไปไหนไกล เธอเลยเลือกที่จะมาทำงานที่ศาลากลางจังหวัดเป็นพนักราชการทั่วไป แต่ยังไม่ได้รับการบรรจุเนื่องจากทำงานได้ไม่นาน“ใยบัวจ้ะ หนูจะขึ้นไปชั้นบนตอนนี้ไหม? พี่จะได้ฝากของพี่ไปให้ท่านผู้ว่าฯ เซ็นด้วยน่ะจ้ะ”สาวใหญ่ในแผนกเดียวกับใยบัวถามขึ้นเมื่อเห็นว่า เธอมีเอกสารไปให้ท่านผู้ว่าฯ ที่อยู่ห้องด้านบนเซ็นเหมือนกัน“บัวกำลังจะขึ้นไปพอดีค่ะพี่น้ำ จะฝากบัวด้วยใช่ไหมคะ?”“ใช่จ้ะ งั้นพี่ขอบคุณนะ อ่ะ! นี่เลย” น้ำ สาวใหญ่รุ่นพี่ในแผนกส่งแฟ้มเอกสารเล่มบางมือใยบัว เพราะไหนๆ เธอก็จะขึ้นไปด้านบนพอดีใยบัวทำงานกับท่านผู้ว่าฯ คนนี้มาตั้งแต่เขาย้ายมาดำรงตำแหน่งที่นี่ได้ 2 ปีกว่าแล้ว พอดีกับที
Chapter 2[2/2]หลังจากพักผ่อนไปหนึ่งวันเต็มๆ แล้ว วันต่อมาใยบัวก็ขอลาป่วยจากที่ทำงานอีกวัน เพราะเธออยากจะรู้ให้ชัดว่าสิ่งที่เธอคิดมันเป็นจริงหรือไม่ใยบัวเดินทางมาที่โรงพยาบาลเอกชนแห่งหนึ่งที่ค่อนข้างไกลตัวชุมชนหลังตลาด สาเหตุที่เธอเลือกโรงพยาบาลเอกชนก็เพราะว่า ถ้าหากเธอเลือกไปโรงพยาบาลรัฐฯ ที่อยู่แถวบ้านคงจะมีคนรู้จักมากมายอยู่ที่นั่น และเธอก็ไม่ต้องการให้ใครรู้เรื่องนี้เด็ดขาด“รอผลตรวจสักครู่นะคะ เดี๋ยวคุณหมอเรียกค่ะ”ระหว่างนั่งรถผลตรวจอยู่ หญิงสาวก็หยิบโทรศัพท์ขึ้นมาเล่นฆ่าเวลาไปก่อนจะถึงคิว ปกติใยบัวไม่ได้เป็นคนติดโซเชี่ยลเลยแม้แต่น้อย มีบ้างที่เข้าไปสอดส่องความเคลื่อนไหวข่าวสารนิ้วเรียวสวยกดเลื่อนผ่านๆ โพสมากมายของเพื่อนในแอปพลิเคชันสีฟ้า เพื่อนสมัยเรียนบางคนก็อัพเดทเรื่องไปเที่ยว เรื่องความเป็นอยู่มากมาย หนึ่งในนั้นมีโพสของมาร์วินที่ลงรูปงานแต่งเพื่อนสนิทอย่างปิ่นหยกมาร์วินเป็นเพื่อนอีกคนที่เธอและปิ่นหยกสนิทด้วย เมื่อตอนที่ยังเรียนอยู่ที่มหาวิทยาลัย หยกเป็นคนน่ารักกับทุกคนยิ้มแย้ม คุยสนุกและเข้ากับคนอื่นง่ายไม่เหมือนกับเธอที่ค่อนข้างเป็นคนไม่สุงสิงกับใคร ไม่อย่างนั้นสมัยเร
Chapter 7[7/2]ตอนนี้ทุกคนก็กลับบ้านไปพักผ่อนกันหมดแล้ว จะเหลือเพียงแค่ใยบัวที่ยังต้องเฝ้านางฟ้าตัวน้อยของเธออยู่ ตั้งแต่ออกมาจากห้องผ่าตัดจนถึงตอนนี้เจ้าตัวเล็กก็ยังไม่ทันได้รู้สึกตัวเลย คนเป็นแม่อย่างเธอได้แต่ภาวนาขอให้ลูกสาวหายไวๆเธอวาดฝันอนาคตของตัวเองและใยไหมไว้ต่างๆ นานา ถ้าลูกโตขึ้นกว่านี้เธอจะพาลูกไปเที่ยว ไปทานของอร่อยๆ กัน จะพาลูกไปเดินช้อปปิ้งแต่งตัวสวยๆ ให้ลูก เลือกโรงเรียนดีๆ ให้ลูกได้มีโอกาสเหมือนเด็กคนอื่นทุกอย่างที่ลูกอยากได้เธอจะพยายามสนับสนุนเขาเต็มที่ ถึงแม้ครอบครัวของเด็กคนอื่นอาจจะมีพ่อแม่อยู่พร้อมหน้าพร้อมตากัน แต่เธอเองก็เชื่อว่าสิ่งที่ตัวเองทำให้ลูกหรือแม้กระทั่งความรักที่มอบให้ใยไหม มันจะช่วยเติมเต็มสิ่งที่เขาขาดหายไปได้แกร่ก!“พี่ปลื้ม!?” เสียงประตูหน้าห้องเปิดออก พร้อมกับปรเมทที่รีบเดินเข้ามาในห้อง คุณแม่ลูกหนึ่งจึงต้องหันไปมองผู้มาใหม่“บัวพี่ลืมมือถือน่ะ จำได้ว่าวางไว้โต๊ะแถวนี้”“อ่อ... นี่ค่ะ บัวเก็บเอาไว้ให้” ร่างบางเดินไปหยิบโทรศัพท์ของอีกคนที่เธอเป็นคนเก็บเอาไว้ให้ เมื่อไม่กี่ชั่วโมงที่ผ่านมา“ขอบคุณครับ งั้นพี่กลับก่อนนะ”“ขับรถดีๆ นะคะ”เมื่อได้
Chapter 7[7/1]@ภูเก็ต, ประเทศไทยเวลาล่วงเลยผ่านมาหนึ่งวันเต็มๆ แล้ว อีกไม่กี่ชั่วโมงต่อจากนี้ ใยไหมจะต้องเข้าห้องผ่าตัด ซึ่งคนเป็นแม่อย่างใยบัวมีความกดดันไม่น้อยเลย เธอไม่รู้ว่าผลการรักษาจะออกมาเป็นอย่างไร แต่ก็ได้แต่ภาวนาขอให้นางฟ้าตัวน้อยของเธอปลอดภัย“คุณแม่และญาติรอน้องด้านนอกก่อนนะคะ” เสียงพยาบาลหน้าห้องผ่าตัดบอกทั้งสามคนให้รอด้านนอก“บัวกังวลจังเลยค่ะ”“เจ้าตัวเล็กของพวกเราจะไม่เป็นไรบัว อย่าคิดมากเลยนะครับ”ปรเมทเอื้อมมือมาจับใยบัวเอาไว้แน่น เขาอยากให้เธอไม่กังวลเรื่องการผ่าตัดเกินไป อย่างไรเสียก็ถึงมือหมอแล้ว เจ้าตัวเล็กของพวกเราจะต้องไม่เป็นอะไร“หนูบัว อย่าเครียดเลยนะลูก”“ขอบคุณทุกคนมากนะคะ”ป้ายัชฟินรู้จักกับใยบัวมาปีกว่า ถึงจะไม่มาก ทว่าเธอก็เป็นเหมือนญาติผู้ใหญ่ให้สองแม่ลูก ถ้าหากเห็นใยบัวไม่สบายใจ เธอเองก็อดสงสารไม่ได้เลยจริงๆ20.00 น.ทั้งสามคนยังนั่งตั้งหน้าตั้งตาอยู่หน้าห้องผ่าตัด เป็นเวลาเกือบจะ 2 ชั่วโมงมากแล้วที่นางฟ้าตัวน้อยของพวกเขายังอยู่ด้านในนั้น และยังไร้วี่แววประตูจะเปิดออกมาเลย“น้องบัว.... หนูใยไหมเป็นยังไงบ้าง?” หญิงสาวผู้มาใหม่กึ่งวิ่งกึ่งเดินรีบมาหา
Chapter 6[6/2]@ภูเก็ต, ประเทศไทยสองแม่ลูกยังคงอยู่ที่ห้องพักของทางโรงพยาบาลจนถึงช่วงดึก คุณหมอเจ้าของไข้ของเด็กหญิงใยไหมมาบอกผู้เป็นแม่แล้วว่า การผ่าตัดสำหรับคืนนี้อาจจะต้องขอเลื่อนออกไปก่อนเนื่องจากทีมแพทย์ยังไม่ได้ข้อสรุปของแผนที่จะทำการผ่าตัดสอดท่อ สำหรับเด็กเล็กขนาดนี้ความเสี่ยงนั้นมีมากมาย ถ้าทุกสิ่งอย่างไม่เอื้ออำนวยหรือติดขัดอย่างใดอย่างหนึ่ง อาจจะส่งผลอันตรายต่อเด็กมาเลยทีเดียวอีกทั้งยังต้องรอศัลยแพทย์จากโรงพยาบาลร่วม ที่เก่งในเรื่องผ่าตัดเข้ามาช่วยอีกแรง ซึ่งคุณหมอวิเชษฎ์ยืนยันว่าหมอผ่าตัดคนนี้จะช่วยให้การรักษาของใยไหมดีขึ้น แต่ก็ต้องรอไปอีกจนถึงพรุ่งนี้ตอนค่ำเหมือนเดิม“แอ่กๆ แอร๋~”เด็กน้อยตัวเล็กยังนอนร้องไห้ในอกแม่ไม่หยุดเป็นระยะหนึ่งแล้ว ตั้งแต่ตื่นขึ้นมาก็ยิ่งร้องมากเท่าไหร่ น้ำมูกก็ยิ่งมากขึ้นเท่านั้น จนมันไปส่งผลกระทบทำให้หายใจลำบากขึ้นไปอีก“โอ๋ๆๆ ... คนดีของแม่ อย่าร้องไห้นะคะ เดี๋ยวพรุ่งนี้คุณหมอคนเก่งก็มาหาหนูแล้วนะคะ ไม่ร้องๆ ลูก”ผู้เป็นแม่ปลอบลูกสาวตัวน้อยให้ไม่ร้องในอ้อมอกอุ่น ทว่ากลับเป็นเธอเสียเองที่ไม่สามารถกลั้นน้ำตาไม่ให้มันไหลออกมาได้ด้วยความที่นึก
Chapter 6[6/1](หมอชลกันต์ ทอร์ค)“ฮึกก! ฮือออ~ หายไปไหนมา ฮึกก! คนใจร้าย หายไปไหนมา ฮืออ..”“คิดถึงไหม? คิดถึงพี่ เหมือนที่พี่คิดถึงเราไหม หยก....”“ไม่คิดถึง ฮึกก ฮืออ.... ไม่คิดถึงเลย”“หืม? จริงดิ่? ไม่คิดถึงแล้วร้องไห้ทำไม”ปึ่กๆ!!“เป็นห่วง ฮึกก เป็นห่วงจะตายอยู่แล้ว ฮืออ... กลัวไปหมด ฮึก! กลัวว่าพี่จะเป็นอะไรไป”“อย่างนั้นเลย?”“อื้มมม!! 0_0”ผมกำลังยืนดูฉากรักในหนังดราม่าน้ำเน่าอยู่ ขณะที่ทั้งสองคนยืนจูบกันอยู่ตอนนี้โดยที่ยังไม่รู้ตัวเลยว่ามีผมยืนอยู่ตรงนี้ด้วยคนรักเก่าของหยกกำลังกอดเธออยู่ในช่วงค่ำคืนงานนิทรรศการระดับโลก แสงไฟน้อยนิดที่สาดส่องจากด้านในอาคารที่จัดงานมายังสวนที่พวกเรายืนอยู่ เลยอาจจะทำให้พวกเขาไม่ได้สนใจคนมาใหม่อย่างผมถ้าหากหยกยังรู้สึกกับเขาอยู่หรืออยากกลับไปอยู่กับเขา ผมก็จะยอมน้อมรับความจริงและปล่อยเธอไป จะไม่หลอกตัวเองอีกแล้วแม้ว่าข้างในใจของผมมันจะอยากมีเธออยู่ด้วยก็ตาม“หยก”ผมตัดสินใจเรียกหยกท่ามกลางจังหวะที่ทั้งสองยังยืนกอดกันอยู่ ผมยืนอยู่และกำลังมองไปยังทั้งสองคนยอมรับว่าใจยังไม่แข็งพอที่จะพูดอะไรออกไป แต่ถ้าผมไม่ยอมจบตอนนี้ คนที่เสียใจอาจจะมีมากก
Chapter 5[5/2]@โรม, อิตาลี่(หมอชลกันต์ ทอร์ค)1 ปีกว่าแล้ว ที่ผมแต่งงานและได้ใช้ชีวิตอยู่กับคนที่ผมรัก ตอนนี้ผมและหยกมีเจ้าตัวน้อยที่ชื่อปกป้องเข้ามาเติมเต็มชีวิตครอบครัวของเราให้สมบูรณ์มากยิ่งขึ้น แต่จะเรียกว่าครอบครัวสมบูรณ์แล้วก็คงจะไม่เชิงหรอกเพราะถ้าให้สมบูรณ์แบบโดยวัดจากสิ่งที่คนทั่วไปมองก็คงต้องตอบว่าใช่ แต่ถ้าเอาตามจริงคำนิยามสำหรับผม ‘ครอบครัวสมบูรณ์แบบ’ ก็คงจะเป็นเรื่องของความรู้สึกรักกันของคนในครอบครัวมากกว่าซึ่งผมรับรู้แล้วก็สัมผัสได้มาโดยตลอดว่า แม่ของปกป้องก็ยังไม่เต็มร้อยเปอร์เซ็นต์สำหรับเรื่องนี้แม้เวลาจะผ่านมานานมากแล้ว แต่ผมรู้ว่าปิ่นหยกยังคงมีความรู้สึกดีๆ ให้คนรักเก่า และถึงแม้ผมจะทำเป็นไม่สนใจไยดีสักแค่ไหน แต่ก็หนีไม่พ้นความจริงที่เจ็บปวดแบบนี้ได้เลยผมคงเป็นไอ้ขี้แพ้ที่ไม่กล้ายอมรับความจริง และเป็นคนที่เห็นแก่ตัวมากคนหนึ่งก็เท่านั้น ตลอดเวลาที่ผ่านมาผมคิดอยู่เสมอว่าอนาคตอีก 10 ปี หรือ 20 ปี ระหว่างผมกับหยกเราจะอยู่ด้วยกันแบบนี้ได้จริงๆ หรอ ทั้งๆ ที่อีกฝ่ายไม่ได้รักผมเลยด้วยซ้ำหลายวันก่อนผมเลยตัดสินใจพาปกป้องและปิ่นหยกมาเที่ยวที่อิตาลี่ โดยให้เหตุผลว่ามาเที
Chapter 5[5/1]9 เดือนต่อมา“อุแงงๆ .... แอ๊ะๆ ~~”“โอ๋ๆ หนูไม่ร้องนะคะ ชู่วๆๆ ~~”หลายเดือนผ่านไปจนถึงตอนนี้เด็กทารกตัวน้อยได้ลืมตามาดูโลกแล้ว 3 เดือนกว่า โดยมีคุณแม่เลี้ยงเดี่ยวมือใหม่คอยดูแลอยู่เสมอมาในช่วงหลายเดือนที่ผ่านถึงแม้กิจการร้านกาแฟของเธอจะไปได้ด้วยดี ทว่าพอถึงจุดอิ่มตัวจุดหนึ่งรายได้มันกลับไม่เหมือนเดิม หนำซ้ำยังต้องเจียดเงินมาเป็นค่าใช้จ่ายให้กับเด็กหญิงตัวน้อยคนนี้อีก‘ใยไหม’ เด็กน้อย 3 เดือน ที่เพิ่งลืมตามาดูโลกได้ไม่นาน หนำซ้ำยังต้องคลอดก่อนกำหนดอีก ทำให้สุขภาพของเด็กหญิงตัวน้อยของเราไม่ค่อยแข็งแรงมากนักวันนี้เป็นวันที่ใยบัวต้องยอมปิดร้าน 1 วัน เพื่อที่จะได้พาลูกมาหาหมอเพราะไม่สบาย“แง๊~~~~”“ไม่ร้องนะคะคนดี โอ๋ๆๆ ....ให้คุณอาหมอตรวจก่อนนะคะ”“เดี๋ยวคุณแม่นั่งรอข้างนอกก่อนนะคะ”ใยไหมเกิดก่อนกำหนดคลอด 1 เดือน ซึ่งตอนตั้งครรภ์ใยบัวก็พอทราบจากคุณหมอแล้วว่า ความเสี่ยงและความผิดปกติของลูกเธอนั้นมีมาก ส่วนหนึ่งอาจจะเกิดจากโรคทางพันธุกรรมพอมานั่งคิดไตร่ตรองดูดีๆ แล้วทางครอบครัวของเธอเองก็ไม่มีใครมีโรคประจำตัวด้วยซ้ำ ไม่รู้ว่าทำไมลูกของเธอถึงได้เป็นแบบนี้ทั้งๆ ที่เธอเอง
Chapter 4[4/2]ใยบัวเดินกลับมาร้านของตัวเองที่ตอนนี้มีลูกค้าเริ่มจะเบาบางลงบ้างแล้ว ให้ตายเถอะ.... ฟ้ากำลังกลั่นแกล้งเธออยู่หรืออย่างไร ถึงได้หนีไม่พ้นใครคนนั้น“อ้าว! บัว... ไปซะนานเชียวที่ร้านนั้นยุ่งหรอ?” ปรเมทถามเจ้าของร้านที่เพิ่งเดินเข้ามาใหม่“ค่ะคุณปลื้ม คนเต็มร้านเลยล่ะ”“ดีนะที่วันนี้เป็นวันหยุดผม ไม่อย่างนั้นบัวคงจะหนักมากเลย”“ขอบคุณคุณปลื้มมากเลยนะคะ ที่อุตส่าห์มาช่วย”โชคดีที่ปรเมทหยุดงานทุกวันเสาร์อาทิตย์อยู่แล้ว เลยมีโอกาสได้แวะมาช่วยที่ร้านของใยบัว คิดไว้อยู่แล้วว่าที่ร้านจะต้องยุ่งเพราะทุกคูหาที่ตึกเช่าของเขา ต่างก็มีลูกค้าเข้าร้านเนืองแน่นไม่ขาดสายแล้วร้านป้ายัชฟินยิ่งแล้วใหญ่ รายนั้นเขาเป็นเจ้าถิ่นร้านติดดาวทุกเว็บไซต์ในโลกออนไลน์ ดีหน่อยที่ป้ายัชฟินแกจ้างลูกน้องช่วย ไม่อย่างนั้นก็คงจะเหนื่อยเหมือนใยบัวตอนนี้“เฮ้อ! เหนื่อยแบบนี้ก็คงต้องมีค่าแรงกันแล้วล่ะ”“ไม่ต้องห่วงค่ะ... บัวจ่ายแน่ๆ”“ผมไม่ได้หมายถึงเงินหรอกครับ ผมหมายถึงเป็นข้าวอร่อยๆ ซักมื้อต่างหาก”ตกเย็นในวันเดียวกันใยบัวแทบจะขยับตัวไปไหนไม่ได้เนื่องจากความเหนื่อยล้าทั้งวัน แถมยังอาการเหนื่อยง่ายจากการแพ้
Chapter 4[4/1]ใยบัวได้คุยกับเจ้าของอาคารพาณิชย์แล้ว เธอตัดสินใจจะเช่าเลย 1 คูหา ที่อยู่ถัดจากร้านอาหารของป้ายัชฟินที่ช่วยเธอหาที่เช่า เนื่องจากเจ้าของที่ปล่อยเช่านั้นใจดีให้ราคาถูกเป็นพิเศษ ตอนแรกใยบัวเองก็ตกใจกับราคาเช่า คิดว่าเธอจะสู้ไม่ไหวเสียแล้ววันนี้เป็นวันแรกที่เธอเปิดร้านขายของ ร้านกาแฟและเบเกอรี่ที่เธอตั้งใจทำมันขึ้นมาด้วยตัวเอง เพื่อหวังจะตั้งตัวที่นี่ให้เจ้าหนูน้อยที่จะกำลังลืมตามาดูโลกอีกไม่กี่เดือนนี้ไม่ลำบาก ต้องขอบคุณปรเมทหรือคุณปลื้มที่เป็นเจ้าของตึกแห่งนี้ และป้ายัชฟินที่ช่วยเป็นธุระให้ในหลายวันก่อนตอนแรกใยบัวคิดได้ว่าตัวเองอยากลองเปิดร้านกาแฟดู เพราะโดยปกติเธอเป็นคนชอบดื่มอยู่แล้ว ทว่าเธอก็ไม่รู้ว่าจะไปหาอุปกรณ์จากไหนมาลงทุนเพราะวัตถุดิบก็ค่อนข้างแพงโชคดีที่น้องสาวของปรเมทเธอเคยเปิดร้านกาแฟและต้องยกเลิกกิจการไป เพราะต้องไปเรียนต่อต่างประเทศ อุปกรณ์และเครื่องทำกาแฟต่างๆ ก็ยังไม่ได้ทิ้งไปไหน ใยบัวก็เลยขอผ่อนของพวกนี้โดยมีเจ้าของตึกอย่างปรเมทเป็นธุระให้อีกราย“หนูบัวจ๊ะ วันนี้เปิดร้านวันแรกป้าเลยมีของขวัญเล็กๆ น้อยๆ มาแสดงความยินด้วยน่ะ”ยัชฟินสาวมุสลิมสัญชาติไทยคน
Chapter 3[3/2]เมื่อเข้าสู่เขตจังหวัดภูเก็ตเป็นที่เรียบร้อยแล้ว ใยบัวตัดสินใจขับรถแวะเข้าไปทางย่านชุนชนเก่าแก่ของจังหวัดแห่งนี้ โดยที่เธอใช้ระยะเวลาในการเดินทางทั้งหมด 1 วัน กับอีก 15 ชั่วโมงเศษที่เป็นเช่นนี้ก็เพราะว่าเธอต้องแวะพักผ่อนนอนค้างคืนโรงแรมที่เป็นทางผ่านก่อนจะถึงที่หมาย การขับรถที่กินระยะเวลานานมากขนาดนี้ถึงเป็นครั้งแรกของเธอทั้งๆ ที่ตอนนี้ใยบัวเองก็ไม่รู้ว่าทำไมต้องมาไกลถึงที่นี่ แต่เธอจำได้ว่าสมัยเด็กๆ เคยมาเที่ยวที่แห่งนี้กับแม่และพี่ชายอยู่บ่อยครั้ง เพราะมีเพื่อนของแม่อาศัยอยู่ที่นี่ชุมชนชิโนโปรตุกีส ชุมชนเก่าแก่ที่มีสถาปัตยกรรมแบบนีโอคลาสสิคและเรอเนซองส์ ที่ตั้งโดดเด่นสวยงามเต็มไปด้วยมนตร์เสน่ห์ มีบ้านเรือน ร้านอาหาร และพิพิธภัณฑ์ต่างๆ รวมอยู่ในนี้โดยเฉพาะเรื่องอาหารการกินรสเด็ดของทางภาคใต้ที่มีเอกลักษณ์เฉพาะตัว ใยบัวไม่รอช้าที่จะได้ลิ้มรสร้านอาหารที่ขึ้นชื่อจากการที่เธอได้เสิร์ชหาข้อมูลจากอินเทอร์เน็ตมาแล้วMini Cooper 3 door Hatch รถยนต์ลูกรักของเธอที่ยังผ่อนไม่หมด ถูกจอดเทียบหน้าร้านอาหารชื่อดังในย่านนี้ ก่อนที่เจ้าของรถคันเล็กนั้นจะออกมาจากรถ และเดินเข้าไปในร้