หน้าหลัก / มาเฟีย / เงาจันทร์ซ่อนพันฤดู / ตอนที่ 1 จี้หยกแห่งโชคชะตา

แชร์

ตอนที่ 1 จี้หยกแห่งโชคชะตา

ผู้เขียน: หลูซื่อเต๋อ
last update ปรับปรุงล่าสุด: 2025-03-21 19:50:40

หลินซือหยู...

เสียงกระซิบแผ่วเบาเรียกหลินซือหยูให้ตื่นขึ้นจากภวังค์ เธอรู้สึกถึงความหนักอึ้งในทรวงอกราวกับมีก้อนหินก้อนใหญ่กดทับอยู่ เสียงลมหวีดหวิวที่ข้างหูค่อย ๆ จางลง เหลือเพียงความเงียบที่ปกคลุมความรู้สึกของเธอเอาไว้

เธอพยายามลืมตา แต่เปลือกตาของเธอดูเหมือนจะไม่ยอมทำตามคำสั่งนั้น

มันเปิดยากราวกับถูกเย็บติดกันเอาไว้

ความทรงจำสุดท้ายในหัวของเธอคือมีเสียงร้องเรียกชื่อเธอในขณะที่เธอกำลังเดินตามหลี่เสี่ยวไป เธอจึงหันกลับไปมอง ก่อนจะพบว่ามีแสงสีเขียวสว่างวาบขึ้นจากตู้จัดแสดงที่มีจี้หยกสีเขียววางอยู่ในนั้น เธอจึงรีบวิ่งกลับไปดู

นั่นเป็นภาพสุดท้ายที่เธอได้เห็น...

แสงสีเขียวจากจี้หยกในพิพิธภัณฑ์ กระจกของตู้จัดแสดงต่าง ๆ แตกกระจายเต็มพื้น วัตถุโบราณล้มระเนระนาดไปหมด

แล้วทุกอย่างก็มืดสนิท...

แม้จะพบความยากลำบากในการลืมตาตื่น แต่ก็ไร้ซึ่งความตื่นตระหนก เธอฝืนสูดลมหายใจเข้าเต็มปอด อากาศเย็นชื้นปนกลิ่นฝนซึมเข้าไปในจมูก เธอขยับนิ้วช้า ๆ สัมผัสได้ถึงความเย็นเยียบจากบางสิ่งในมือ

ฉันยังไม่ตาย... ใช่ไหม...

เธอพึมพำในใจ เสียงในหัวของเธอสั่นเทาตามความรู้สึกหนาวเย็นในเวลานี้ เธอฝืนลืมตาขึ้นอีกครั้ง เปลือกตาของเธอเปิดออกช้า ๆ ไรแดดอ่อน ๆ สาดผ่านเมฆฝนลงมาที่ใบหน้า เธอกะพริบตาเพื่อปรับสายตา มองเห็นท้องฟ้าสีเทาที่คุ้นเคย แต่สิ่งที่ไม่คุ้นเลยคือกลิ่นดินชื้นและเสียงนกร้องที่แว่วดังมาจากไกล ๆ มันแปลกไปจากสิ่งที่เธอเคยรู้จัก

รวมถึงจี้หยกสีเขียวมรกตจากราชวงศ์ถังชิ้นนั้น ที่นอนแน่นิ่งอยู่ในกำปั้นของเธอ...

มันมาอยู่ที่นี่ได้ไง?

เธอขมวดคิ้วมองอย่างสงสัยก่อนจะหันมองไปรอบ ๆ ตัว แล้วพบว่าเธอนอนอยู่บนพื้นหญ้าชื้นข้างพิพิธภัณฑ์ประวัติศาสตร์แห่งชาติ ตึกสูงสีเทายังมองเห็นได้ผ่านสายฝนบาง ๆ แต่ถนนที่เคยคลาคล่ำด้วยรถยนต์เงียบสงัด ไม่มีเสียงแตร ไม่มีกลิ่นไอเสีย

แปลก ๆ

ซือหยูคิดขณะที่ลุกขึ้นนั่งอย่างทุลักทุเล ร่างกายของเธอปวดเมื่อยราวกับเพิ่งวิ่งมาหลายกิโลเมตร เธอหันมองรอบตัวอย่างไม่เข้าใจ

เธอคลายมือแล้วจ้องมองจี้หยกในกำมือ อยู่ ๆ ตัวอักษร林 (หลิน) ที่สลักไว้ด้านหลังหยกก็มีแสงสีเขียวสว่างวาบขึ้นมาเมื่อกระทบกับแสงธรรมชาติ

“เกิดอะไรขึ้นเนี่ย!” เธอเอ่ยพูดออกมาเสียงดังด้วยความไม่เข้าใจ น้ำเสียงของเธอแหบแห้ง เธอหยิบโทรศัพท์มือถือที่ตกอยู่ข้างตัวขึ้นมา หน้าจอแตกเป็นเส้น ๆ แต่ยังคงเปิดติด เธอรีบกดโทรหาหลี่เสี่ยวเพื่อนสนิททันที แต่กลับไม่มีสัญญาณการเชื่อมต่อ

“ห้ะ?! ไม่มีสัญญาณเหรอ!! เป็นไปได้ไง!?” เธอตะโกนออกมาโดยไม่รู้ตัว ความหงุดหงิดปะปนกับความกลัวเริ่มก่อตัวในใจของเธอ

ซือหยูค่อย ๆ ยันตัวยืนขึ้นด้วยขาอันสั่นเทา เธอสังเกตเห็นว่าชุดของเธอยังคงเป็นชุดเดิม เสื้อยืดสีดำกับกางเกงที่เปียกชุ่ม แต่บางอย่างในบรรยากาศรอบตัวเปลี่ยนไปมากทีเดียว เธอตัดสินใจเดินกลับไปยังพิพิธภัณฑ์ด้วยความหวังว่าจะหาคำตอบได้ที่นั่น ฝนเริ่มซาลงแล้วแต่ลมเย็นยังคงพัดผ่านมาอยู่เรื่อย ๆ เธอกอดตัวเองเพื่อคลายความหนาว ขณะที่สมองก็พยายามคิดหาเหตุผลให้กับสิ่งที่เกิดขึ้น

“บางทีฉันอาจจะฝันไป หรือไม่ก็... คงมีอะไรสักอย่างที่ทำให้ฉันเห็นภาพหลอน...” เธอพูดกับตัวเอง แม้ว่าในความเป็นจริง ลึก ๆ แล้ว เธอจะรู้ว่ามันไม่ใช่แค่ความฝันก็ตาม

เมื่อเธอเดินกลับมาถึงหน้าพิพิธภัณฑ์ ประตูไม้บานใหญ่ที่เคยปิดแน่นถูกเปิดออกครึ่งหนึ่ง เธอผลักมันเข้าไปด้วยความระวัง เสียงฝีเท้าของเธอดังก้องในโถงที่มืดมิด ไม่มีแสงไฟ ไม่มีเสียงเครื่องปรับอากาศ มีเฉพาะกลิ่นอับชื้นที่ลอยอบอวลไปทั่วบริเวณ เธอก้าวเดินไปยังจุดที่เคยจัดแสดงโบราณวัตถุจากราชวงศ์ถัง ตู้กระจกที่เคยใส่จี้หยกว่างเปล่า แผ่นกระจกด้านหน้าหลุดออกกองอยู่ที่พื้น เมื่อเห็นแบบนั้นเธอจึงรีบหยิบจี้หยกในมือขึ้นมาเทียบกับแท่นวางทันที

“นี่มันอันเดียวกันชัด ๆ” เธอเอ่ยพูดพร้อมหัวใจที่เต้นแรง

“หลินซือหยู!!! เธออยู่ไหน!!!” เสียงตะโกนเรียกของหลี่เสี่ยวดังมาจากด้านนอก ซือหยูสะดุ้งโหยงก่อนจะหันไปมองด้วยความดีใจ

“เสี่ยว! ฉันอยู่นี่!!” ซือหยูตะโกนตอบพลางเก็บจี้หยกลงกระเป๋ากางเกงแล้วรีบวิ่งออกไป เมื่อถึงหน้าประตูเธอก็พบหลี่เสี่ยวในชุดกันฝนสีเหลืองยืนรออยู่ที่บันได ยืนมองเธอด้วยสีหน้าเป็นกังวล

“เธอหายไปไหนมา ฉันโทรหาเธอตั้งนาน” หลี่เสี่ยวน้ำตาคลอ เดินเข้ามากอดเธอแน่น ซือหยูรู้สึกถึงความอบอุ่นที่เพื่อนสนิทมอบให้ แต่ความสับสนกับสิ่งที่เกิดขึ้นยังคงไม่จางไป

“ฉัน... ฉันก็ไม่รู้”

“ห้ะ?!

“ว่าแต่... เธอเห็นแสงสีเขียวเมื่อกี๊ไหม” ซือหยูเอ่ยถาม เพราะอยากจะรู้ว่านอกจากเธอมีคนเห็นในสิ่งเดียวกันหรือเปล่า

“แสงอะไร?” หลี่เสี่ยวขมวดคิ้ว “ตอนลงจากรถบัสฉันเห็นเธอรีบวิ่งเข้ามาที่นี่เพื่อหลบฝน แต่พอฉันเดินมาหา เธอก็หายไปไหนไม่รู้ พอโทรหาก็ไม่รับ ทั้งเพื่อนทั้งพ่อฉันก็ช่วยกันตามหา เธอนี่มันน่าตีจริง ๆ อยู่ ๆ ก็หายไปเลย”

“สงสัยจะตื่นเต้นไปหน่อยมั้ง...” ซือหยูเอ่ยตอบก่อนจะเงียบแล้วก้มลงมองกระเป๋ากางเกงของตัวเอง “แต่ฉันเห็นแสงจากตู้จัดแสดง...”

“แปลก ๆ”

“หื้ม?”

“ก็ปกติคนอย่างหลินซือหยูไม่ใช่พวกที่ชอบไปพิพิธภัณฑ์นี่...” หลี่เสี่ยวหรี่ตามองอย่างข้องใจ

“...”

“เธอ... ไม่ได้เป็นอะไรใช่ไหม” เธอเอ่ยถามซือหยูอย่างเป็นห่วง

“ไม่เป็นไร ๆ น่าจะเพราะเครียดเรื่องวิจัยล่ะมั้ง ช่วงนี้เลยไม่ค่อยมีสติ ฉันเหมือนจะทำไม่ทัน เลยไม่ค่อยได้นอนน่ะ”

“แน่ใจนะ หน้าตาเธอดูซีดเซียวมาก”

“อื้อ ไม่เป็นไรจริง ๆ”

“โอเค งั้นเข้าไปข้างในกันเถอะ ทุกคนเป็นห่วงเธอกันแย่ละ”

หลี่เสี่ยวพาซือหยูเดินกลับเข้าไปด้านในพิพิธภัณฑ์เพื่อไปเจอกลุ่มเพื่อนที่รวมตัวกันอยู่ในบริเวณห้องโถงตามคำสั่งของศาสตราจารย์หลี่ พอทุกคนได้เห็นหน้าซือหยูก็ดูจะโล่งใจกันหมด ศาสตราจารย์หลี่เองก็ด้วย

การทัศนศึกษาพิพิธภัณฑ์ประวัติศาสตร์แห่งชาติเริ่มต้นขึ้นหลังจากนั้น พวกเขาเดินไปดูตามจุดต่าง ๆ เพื่อเรียนรู้ประวัติศาสตร์ผ่านหลักฐานมากมายที่ถูกเก็บรักษาเอาไว้เป็นอย่างดี ทุกคนดูสนุกสนาน มีเพียงซือหยูที่อยู่ในท่าทีระแวงและเป็นกังวล เพราะไม่เข้าใจว่าเหตุการณ์ที่เกิดขึ้นกับตัวเองก่อนหน้านี้

คืออะไรกันแน่

หัวใจของซือหยูกระตุกวูบเมื่อศาสตราจารย์หลี่พาพวกเธอเดินมาถึงตู้จัดแสดงจี้หยกโบราณจากยุคราชวงศ์ถัง ซึ่งเป็นโบราณวัตถุชิ้นล่าสุดที่เพิ่งขุดค้นพบ เธอรีบล้วงมือเข้าไปในกระเป๋ากางเกงของตัวเองทันที แล้วก็ต้องตกใจเมื่อจี้หยกชิ้นนั้นที่เคยอยู่กับเธอมันหายไปแล้ว

“ซือหยู เธอเป็นอะไรหรือเปล่า ปากเธอซีดมากเลยนะตอนนี้” หลี่เสี่ยวหันมาถามอีกครั้ง เมื่อเห็นว่าเพื่อนที่ยืนอยู่ข้าง ๆ มีอาการไม่ค่อยดี

“ปะ... เปล่า” ซือหยูเอ่ยตอบกลับไปอย่างไม่เต็มเสียงนัก พลางยื่นหน้าเข้าไปมองดูที่ตู้กระจกนั้นและพบว่าจี้หยกที่เคยอยู่กับเธอก่อนหน้านี้เป็นชิ้นเดียวกันกับที่จัดแสดงอยู่ภายในตู้ใบนั้น

มันกลับไปอยู่ในนั้นได้ยังไง?!

ก่อนหน้านี้มันยังอยู่ในกระเป๋าฉันนี่!!

ซือหยูไม่เข้าใจว่าสิ่งที่เกิดขึ้นกับเธอมันคือเรื่องอะไรกันแน่ อยากจะเล่าให้หลี่เสี่ยวฟังก็กลัวจะโดนล้อว่าพูดอะไรเพ้อเจ้อ เธอจึงเลือกที่จะเก็บเรื่องนี้เอาไว้เงียบ ๆ คนเดียว

จากนั้นศาสตราจารย์หลี่ก็พาคณะนักศึกษาเดินย้ายไปห้องจัดแสดงอีกห้องที่อยู่ข้างกัน ซือหยูก็ต้องหยุดชะงักเมื่อเธอเห็นว่าเงาสะท้อนในตู้กระจกที่จัดแสดงชิ้นงานขนาดใหญ่นั้นไม่ใช่ใบหน้าของเธอ แต่เป็นหญิงสาวในชุดผ้าไหมโบราณ ผมยาวสยาย ดวงตาคู่นั้นจ้องมองเธอด้วยความเศร้า

“เสี่ยว เธอเห็นนั่นไหม” ซือหยูชี้ไปที่กระจก

หลี่เสี่ยวหันไปมองตามคำบอก “เห็นอะไร? ก็มีแค่เราสองคนนี่นา”

พรึ่บ!

เงานั้นหายไปในพริบตา ซือหยูหัวใจเต้นแรงในทันที ความรู้สึกหนาวเย็นวาบขึ้นมาทั้งแผ่นหลัง ไม่รู้ว่าสิ่งที่ตนเองเห็นนั้นเป็นแค่ภาพลวงตาหรือวิญญาณของบรรพบุรุษกันแน่

ฉันต้องรู้ให้ได้ว่ามันคืออะไรกัน...

หลังจบการพามาทัศนศึกษาที่พิพิธภัณฑ์ประวัติศาสตร์แห่งชาติ ศาสตราจารย์หลี่ก็พาคณะนักศึกษาออกจากที่นั่น เพื่อไปขึ้นรถบัสที่จอดรออยู่ในลานจอดรถ ซือหยูและหลี่เสี่ยวเป็นสองคนสุดท้ายที่รั้งอยู่ปลายแถว ขณะที่ทั้งสองคนกำลังจะเดินออกจากพิพิธภัณฑ์ อยู่ ๆ ซือหยูก็รู้สึกว่ามีอะไรบางอย่างอยู่ในกระเป๋ากางเกงของเธอ เธอล้วงมือลงไปจับดูด้วยความสงสัย

นี่มัน...!!!

ทันทีที่ได้สัมผัสเธอรู้เลยว่ามันคือจี้หยกชิ้นเดียวกันกับตอนที่เธอลืมตาฟื้นขึ้นมา แต่ครั้งนี้อุณหภูมิของมันกำลังเพิ่มสูงขึ้นเรื่อย ๆ เธอหยุดเดินในทันที มือเริ่มสั่นเทาเมื่อรู้สึกได้ถึงพลังงานบางอย่างจากมัน

“ซือหยู เป็นอะไรอีก” หลี่เสี่ยวหันมาถาม เมื่อเห็นว่าเพื่อนของเธอมีท่าทีประหลาดอีกแล้ว

แต่ยังไม่ทันที่ซือหยูจะได้ตอบคำถาม แสงสีเขียวก็พุ่งออกมาจากกระเป๋ากางเกงของเธอ หายุหมุนเริ่มก่อตัวขึ้นอีกครั้ง หลี่เสี่ยวเห็นก็ถึงกับกรีดร้องออกมาเสียงดังลั่นด้วยความตกใจ

“ซือหยู!!!!” หลี่เสี่ยวร้องเรียกเพื่อนสนิทของตนดังลั่น แต่ทุกอย่างมันก็สายเกินไปแล้ว

ซือหยูรู้สึกได้ถึงแรงดึงที่รุนแรง ร่างของเธอถูกดูดกลืนหายไปกับแสงนั้น ทิ้งหลี่เสี่ยวให้ยืนตะลึงอยู่คนเดียวท่ามกลางความเงียบ

เธอรู้สึกหมุนคว้าง ภาพรอบตัวเลือนราง...

...

...

...

กรับๆๆๆ!

เมื่อสติอันเลือนรางเริ่มกลับมาชัดเจน ซือหยูรู้สึกตัวอีกครั้ง เธอนอนอยู่บนพื้นดินชื้น ๆ กลิ่นดินและกลิ่นใบไม้จากป่าลอยเข้ามาสัมผัสจมูกของเธอ เสียงฝีเท้าของม้าดังใกล้เข้ามาเรื่อย ๆ เธอลืมตาขึ้นช้า ๆ พบกับเงาของชายในชุดเกราะสีดำยืนอยู่เหนือร่างของเธอ ดวงตาคู่นั้นจ้องมองลงมาด้วยความเย็นชา

“เจ้าคือผู้ใด...” เสียงทุ้มจากชายหนุ่มแปลกหน้านั้นดังก้องในหู ซือหยูพยายามที่จะตอบคำถาม แต่ลมหายใจของเธอก็ติด ๆ ขัด ๆ จี้หยกในมือของเธอเรืองแสงอ่อน ๆ อีกครั้ง เธอไม่รู้ตัวเลยว่าโลกใหม่ที่เธอไม่เคยรู้จักกำลังจะเผยโฉมต่อหน้าเธอในอีกไม่ช้านี้

อ่านหนังสือเล่มนี้ต่อได้ฟรี
สแกนรหัสเพื่อดาวน์โหลดแอป

บทที่เกี่ยวข้อง

  • เงาจันทร์ซ่อนพันฤดู   ตอนที่ 2 ร่างใหม่ โลกเก่า

    หลินซือหยูรู้สึกถึงอาการปวดตุบ ๆ ที่ขมับขณะลืมตาขึ้นอย่างช้า ๆ แสงแดดอ่อน ๆ ลอดผ่านช่องหน้าต่างไม้เก่า ๆ สาดลงมาบนใบหน้าของเธอ อากาศรอบตัวเต็มไปด้วยกลิ่นสมุนไพรปนดินและกลิ่นไม้ไหม้จาง ๆ ที่ทำให้เธอสะดุ้งตื่น เธอขยับตัวลุกขึ้นนั่ง ร่างกายหนักอึ้งราวกับแบกก้อนหิน เธอมองลงไปที่มือของตัวเอง และสิ่งที่เห็นทำให้หัวใจของเธอหยุดเต้นไปชั่วขณะ“นี่มัน... มือของใครเนี่ย!?” เธออุทานออกมาเสียงดัง และนั่นก็ทำให้เธอได้ยินเสียงพูดที่หลุดออกมาจากปากของเธอว่ามันไม่ใช่เสียงของตัวเอง เพราะน้ำเสียงนี้มันค่อนข้างบาง อ่อนหวาน และมีสำเนียงแปลก ๆ ที่เธอไม่เคยได้ยินจากตัวเองมาก่อนมือคู่นี้ที่เธอเห็นมันเรียวเล็ก ผิวก็ขาวเนียนเกินกว่ามือของเธอที่เคยหยาบกร้านจากการจดเลคเชอร์และพิมพ์งาน เธอพลิกฝ่ามือดู มีรอยแผลบาง ๆ ที่ข้อมือซ้าย ซึ่งเธอแน่ใจว่าเธอไม่เคยมีรอยนี้ในชีวิตจริง เธอลองกดที่แผลนั้นดูเบา ๆ ก็เกิดความรู้สึกเจ็บแปลบขึ้นมาในทันที“นี่ไม่ใช่ฝันแน่ ๆ” เธอพึมพำขณะที่สมองเริ่มตื่นตัวเต็มที่เธอหันมองไปรอบห้อง ห้องนอนที่เธอนอนอยู่นั้นเป็นห้องไม้เก่า ๆ เหมือนกับที่เธอเคยเห็นในละครย้อนยุค เตียงที่เธอนั่งอยู่ปูด้วย

    ปรับปรุงล่าสุด : 2025-03-21
  • เงาจันทร์ซ่อนพันฤดู   ตอนที่ 3 แม่ทัพผู้เย็นชา

    หลินซือหยูรู้สึกถึงลมหายใจที่ร้อนผ่าวในลำคอขณะที่เธอถูกเสี่ยวหลานดันหลังให้ไปซ่อนตัวหลังม่านผ้าสีครามหนาที่ยื่นลงจากเพดาน เสียงฝีเท้าของใครบางคนดังใกล้เข้ามาเรื่อย ๆ มันหนักแน่นราวกับจังหวะกลองศึก นั่นยิ่งทำให้หัวใจของเธอเต้นระรัวด้วยความกลัวปนตื่นเต้นมากขึ้นเรื่อย ๆ“อย่าส่งเสียงนะเจ้าคะ!” เสี่ยวหลานยกมือขึ้นปิดปากเธอ กระซิบด้วยน้ำเสียงสั่นเทา ดวงตาของเสี่ยวหลานเต็มไปด้วยความหวาดกลัว ซือหยูสัมผัสได้ถึงอันตรายขึ้นมาในทันที ถ้าหากบุคคลนี้เป็นคนที่หมายจะเอาชีวิตหลินซือเยว่ ร่างที่เธอมาอาศัยอยู่ในตอนนี้ เธออาจไม่มีโอกาสแม้แต่จะหาคำตอบว่าเธอมาอยู่ที่นี่ได้ยังไง“ฉันต้องหนี!” ซือหยูพูดเสียงเบาแต่เต็มไปด้วยความหนักแน่นพลางสะบัดมือเสี่ยวหลานออก คว้าจี้หยกจากโต๊ะข้างเตียงที่เธอเพิ่งวางทิ้งไว้หลังจากกำไว้ในมือมาตลอดแล้วมองไปที่ประตูหลังก๊อก ๆ ๆซือหยูและเสี่ยวหลานหน้าซีดเผือกเมื่อได้ยินเสียงเคาะประตูไม่ทันแล้ว...ซือหยูนึกในใจ สลับมองที่ประตูด้านหลังกับประตูด้านหน้าด้วยความตระหนก เม็ดเหงื่อเริ่มผุดขึ้นที่ใบหน้าของเธอ ในวินาทีนั้นก่อนจะสายเกินไปเสี่ยวหลานจึงรีบผลักให้เจ้านายของตนเข้าไปหลบอยู่

    ปรับปรุงล่าสุด : 2025-04-13
  • เงาจันทร์ซ่อนพันฤดู   ตอนที่ 4 ความลับในเงามืด

    หลินซือหยูก้าวตามจ้าวหย่งเฉินด้วยขาที่สั่นเทา ป่ามืดที่เต็มไปด้วยกลิ่นดินชื้นและคาวเลือดจากร่างโจรสามคนที่ล้มกองอยู่ด้านหลังยังคงติดอยู่ในจมูกของเธอ เสียงฝีเท้าม้าของเขาดังก้องในความเงียบ เธอมองไปที่แผ่นหลังกว้างในชุดเกราะสีดำของเขา เกราะที่เปื้อนเลือดแห้งกรังสะท้อนแสงจันทร์เป็นประกายจาง ๆ เธอรู้สึกถึงน้ำหนักของคำพูดสุดท้ายที่เขาทิ้งไว้เมื่อครู่ตามข้าไปที่ค่ายทหาร ข้าจะสืบว่าเจ้าเป็นใครมันไม่ใช่คำขอ แต่เป็นคำสั่งที่เธอไม่อาจปฏิเสธได้ เธอกำจี้หยกในมือแน่นขึ้น มันร้อนผ่าวแต่เธอไม่กล้าปล่อยมันทิ้ง เพราะมันทำให้เธอยังพอที่จะรู้สึกอุ่นใจขึ้นมาได้บ้าง“เร็วเข้า ถ้าเจ้ายังอยากมีชีวิตถึงรุ่งเช้า” หย่งเฉินพูดโดยไม่หันมามอง น้ำเสียงทุ้มของเขายังคงแฝงด้วยความอบอุ่นที่ขัดแย้งกับความน่าเกรงขามซือหยูรีบเร่งฝีเท้า แม้ว่าชุดผ้าไหมที่ขาดวิ่นของเธอจะพันขาให้รำคาญ เธอสะดุดรากไม้เล็ก ๆ จนเผลอส่งเสียงร้องออกมา แต่หย่งเฉินก็ไม่แม้แต่จะหยุดรอหรือหันมามอง เขาควบม้าต่อไปราวกับไม่สนใจว่าเธอจะตามทันหรือไม่เขาไม่มีความเมตตาบ้างเลยเหรอเนี่ย...เธอคิดในขณะที่พยายามควบคุมลมหายใจที่หอบเหนื่อยหลังจากเดินไปได้ราว

    ปรับปรุงล่าสุด : 2025-04-13
  • เงาจันทร์ซ่อนพันฤดู   ตอนที่ 5 พันธมิตรจำเป็น

    หลินซือหยูนั่งตัวแข็งอยู่บนเก้าอี้ไม้หยาบ ๆ ในเต็นท์ของจ้าวหย่งเฉิน มีดสั้นที่เขาปักทิ้งไว้บนโต๊ะยังคงสั่นเล็กน้อยจากแรงกระแทก เสียงฝีเท้าของหย่งเฉินที่เดินออกไปก้องอยู่ในหัวของเธอ ดูเหมือนว่าชีวิตของเธอในตอนนี้จะขึ้นอยู่กับการตัดสินใจของเขาเท่านั้น ไม่รู้เหมือนกันว่าวันไหนที่เขาจะตัดสินใจฆ่าเธอทหารร่างสูงในชุดเกราะสีเทา ถือหอกยาว ที่ได้รับหน้าที่ยืนเฝ้าเธอ มองเธอด้วยสายตาที่ไร้ความรู้สึก เธอกำจี้หยกในมือแน่นขึ้น มันยังคงร้อนผ่าวราวกับมีชีวิต เธอพึมพำกับตัวเองเบา ๆ “ฉันต้องหาทางรอดจากที่นี่ให้ได้”แม้ลึก ๆ เธอจะรู้ดีว่าในโลกที่เธอไม่รู้จักนี้ การหนีอาจหมายถึงความตายก็ตาม...แสงตะเกียงในเต็นท์สั่นไหวตามลมที่พัดผ่านผ้าใบ เสียงทหารนอกค่ายเริ่มเงียบลงเมื่อเวลาค่ำคืนคืบคลานเข้ามาเรื่อย ๆ ซือหยูพยายามนึกถึงสิ่งที่หย่งเฉินพูดขบวนการกบฏ ตระกูลหลิน และหลินซือเยว่ที่ถูกวางยาพิษ “ถ้าฉันอยู่ในร่างของเธอจริง ๆ แล้วเธอรู้ความลับอะไรบางอย่าง... ฉันจะหาคำตอบได้จากที่ไหนนะ” เธอคิด ขณะที่มองไปที่ทหารเฝ้ายามแล้วพยายามถามด้วยน้ำเสียงที่เป็นมิตร “นี่คุณ! ช่วยบอกฉันหน่อยได้ไหมว่าตระกูลหลินทำอะไรผิด”“

    ปรับปรุงล่าสุด : 2025-04-13
  • เงาจันทร์ซ่อนพันฤดู   ตอนที่ 6 ปริศนาตระกูลหลิน

    เสียงความวุ่นวายภายนอกสงบลงแล้ว เป็นค่ำคืนที่ทำให้หลินซือหยูจดจำไม่ลืม จากที่เคยร่ำเรียนเพียงแค่ในห้องเรียนเกี่ยวกับสงครามในวิชาประวัติศาสตร์ ใครจะไปคิดว่าวันหนึ่งเธอจะได้มาอยู่ร่วมในเหตุการณ์จริงแบบนี้ความสงบมาพร้อมกับเช้าวันใหม่ที่มอบความหนาวเย็นลอยเข้ามาสัมผัสผิวกายของเธอที่กำลังหลับไหลอยู่ในเต็นท์ท่ามกลางกลิ่นควันไฟและคราบเลือดแห้งกรังจากเหตุการณ์โจรบุกเมื่อคืน เธอนอนหลับบนเสื่อผ้าที่หย่งเฉินจัดให้ เสียงฝีเท้าของทหารที่เดินไปมานอกเต็นท์ดังเป็นจังหวะประสานกับเสียงลมที่พัดผ่านผ้าใบเต็นท์ เธอรู้สึกตัวแล้วหลังจากที่นอนหลับมาตลอดคืน เปลือกตาเปิดขึ้นอย่างช้า ๆ ร่างกายยังคงหนักอึ้งเพราะความเหนื่อยล้าจากการหนีและการเผชิญหน้ากับอันตรายเมื่อคืนนี้“ตื่นแล้วหรือ” เสียงทุ้มของจ้าวหย่งเฉินดังขึ้นจากทางเข้าทำให้เธอสะดุ้งซือหยูยันตัวลุกขึ้นนั่งพลางมองไปเห็นเขายืนอยู่ที่ปากเต็นท์ ชุดเกราะของเขายังเปื้อนคราบเลือดแห้งจากคืนก่อน ใบหน้าคมเข้มของเขาดูเหนื่อยล้าเล็กน้อย แต่ดวงตายังคงเย็นชาและเฉียบคม“มอร์นิ่งค่ะ” เธอเอ่ยทัก“มอ... มอร์นิ่ง? เจ้าพูดอะไรแปลกๆ อีกแล้ว ภาษาของเจ้ามันพิกลนัก ข้าไม่เคยได้ย

    ปรับปรุงล่าสุด : 2025-04-13
  • เงาจันทร์ซ่อนพันฤดู   ตอนที่ 7 คำพูดจากโลกอนาคต

    แผ่นหลังของหลินซือหยูรู้สึกได้ถึงความเมื่อยล้าขณะที่นั่งบนเกวียนที่เคลื่อนผ่านถนนฝุ่นแดงไปยังเมืองหลวง แสงแดดยามบ่ายสาดส่องผ่านต้นไม้ใหญ่สองข้างทาง เสียงม้าก้าวเท้าดังก้องเป็นจังหวะประสานกับเสียงล้อเกวียนที่ดังกรอบแกรบ เธอมองไปที่จ้าวหย่งเฉินที่ขี่ม้าสีน้ำตาลเข้มนำหน้า ชุดเกราะของเขายังคงสะท้อนแสงแดดเป็นประกาย แต่ใบหน้าคมเข้มของเขาดูตึงเครียดราวกับแบกรับภาระหนักเอาไว้ตลอดเวลา“หยุดพักตั้งค่ายข้างหน้า!” หย่งเฉินตะโกนสั่งทหารที่ขี่ตามหลัง เสียงของเขายังคงทุ้มและน่าเกรงขาม ทหารทั้งหมดพยักหน้าและเริ่มตั้งแคมป์ชั่วคราวเมื่อเดินมาถึงบริเวณลำธารเล็ก ๆ ค่ายนี้มีเพียงเต็นท์ผ้าสีเทาสองสามหลัง กองไฟถูกจุดขึ้น กลิ่นควันไฟผสมกับกลิ่นใบไม้แห้งลอยมาแตะจมูกของซือหยู“นี่มันเหมือนที่เราเห็นในหนังพีเรียดเลย” เธอพูดกับตัวเอง ขณะที่ลงจากเกวียนด้วยความช่วยเหลือจากทหาร“เจ้าว่าอะไรนะ” หย่งเฉินเข้ามาถามเธอด้วยสีหน้าสงสัยซือหยูสะดุ้งโหยง ไม่คิดว่าอีกคนจะได้ยินที่เธอพึมพำกับตัวเอง “ฉันไม่ได้พูดอะไรนะ”“เจ้ากำลังปิดบังข้า” เขาจ้องมองเธอด้วยแววตาสงสัย “เมื่อครู่ข้าได้ยินเจ้ากระซิบอะไรกับตัวเอง”“ปะ... เปล่า! ไ

    ปรับปรุงล่าสุด : 2025-04-13
  • เงาจันทร์ซ่อนพันฤดู   ตอนที่ 8 เงาขององค์ชาย

    เกวียนของซือหยูเริ่มเคลื่อนตัวอีกครั้งผ่านอากาศที่ค่อนข้างเย็นในป่าที่ยังคงเงียบสงัด ใกล้เมืองหลวงเข้าไปทุกที แสงแดดยามบ่ายเริ่มอ่อนลง เสียงม้าก้าวเท้าดังเป็นจังหวะประสานกับเสียงใบไม้แห้งที่ดังกรอบ แกรบใต้ล้อเกวียน เธอมองไปยังจ้าวหย่งเฉินที่อยู่บนหลังม้าหน้าขบวน ชุดเกราะของเขายังสะท้อนแสงแดดเป็นประกาย แต่ใบหน้าคมเข้มของเขาดูตึงเครียดราวกับรับรู้ถึงอันตรายที่ใกล้เข้ามา เขาหันมองซ้ายขวาอย่างหวาดระแวง“ระวัง” หย่งเฉินพูดกับทหารที่ขี่ตามหลัง “เรากำลังเข้าใกล้เขตที่โจรขององค์ชายสามมักซุ่มโจมตี จงระมัดระวังให้ดี อย่าประมาท” เสียงสั่งของเขายังคงทุ้มและน่าเกรงขามเช่นเดิมทหารทั้งหมดพยักหน้า ขึงสายธนูและจับดาบแน่น ซือหยูยกมือขึ้นมาจับจี้หยกที่ห้อยคอแน่นขึ้น มันเริ่มอุ่นขึ้นเล็กน้อยวูบ!ภาพเหตุการณ์หนึ่งวาบเข้ามาในหัวของเธอ‘ชายในชุดดำยืนอยู่ท่ามกลางควันไฟ ใบหน้าคมเข้มของเขามีรอยยิ้มเย็นชา ที่มุมปากของเขามีรอยแผลเป็นปรากฏอยู่’ “นั่น... องค์ชายสามเหรอ...” เธอพึมพำกับตัวเอง ขณะที่ภาพนั้นหายไป“เจ้ามีอะไรหรือเปล่า?” หย่งเฉินหันมามองเธอด้วยสายตาที่สงสัยซือหยูส่ายหน้า “เปล่า... ฉันแค่รู้สึกไม่ค่

    ปรับปรุงล่าสุด : 2025-04-13
  • เงาจันทร์ซ่อนพันฤดู   ตอนที่ 9 ความทรงจำ

    แสงจันทร์ยามค่ำคืนลอดผ่านผ้าใบบาง ๆ สาดเข้ามาในเต็นท์ที่กางตั้งภายในค่ายพักชั่วคราว เสียงลมพัดผ่านใบไม้แห้งด้านนอกดังเป็นจังหวะ แม้ว่าในคืนนี้จะดูสงบกว่าคืนที่ผ่านมา แต่ก็ทำให้หย่งเฉินและซือหยูหลับได้ไม่สนิทนักเป็นครั้งแรกตั้งแต่ที่ซือหยูย้อนเวลากลับมาอยู่ในอดีตแล้วฝัน มันดูเป็นภาพฝันที่ค่อนข้างคุ้นเคย เธอเห็นหญิงสาวในชุดผ้าไหมสีครามยืนอยู่ในเรือนเก่า เธอค่อนข้างแน่ใจแล้วว่าหญิงสาวในชุดโบราณที่เธอเห็นบ่อย ๆ จากจี้หยกนั้นต้องเป็นหลินซือเยว่ตัวจริงอย่างแน่นอน แต่ครั้งนี้ภาพที่เธอเห็นนั้นทำให้รู้สึกตกใจอยู่ไม่น้อย เพราะใบหน้าของซือเยว่ซีดเผือดกว่าปกติ ดวงตาคู่นั้นเต็มไปด้วยความหวาดกลัว เธอถือจดหมายลับในมือ ตัวอักษรจีนโบราณจาง ๆ บนกระดาษระบุชื่อ ‘ถังหย่งซาน’ และสัญลักษณ์หยดน้ำล้อมรอบด้วยลายเมฆสีแดง ซึ่งเป็นตราสัญลักษณ์ของตระกูลหลิน หญิงสาวนั้นร้องไห้ก่อนจะซ่อนจดหมายไว้ใต้พื้นไม้ในห้อง“นี่มันอะไรกัน?” ซือหยูเอ่ยพูดในฝัน แต่หญิงสาวคนนั้นไม่ตอบ เธอหันไปมองรอบ ๆ และเห็นเงาของชายในชุดดำยืนอยู่มุมเรือน ใบหน้าคมเข้มของเขามีรอยยิ้มเย็นชา“หลินซือเยว่ เจ้าคิดว่าจะซ่อนความลับนี้ได้หรือ” เสียงทุ้ม

    ปรับปรุงล่าสุด : 2025-04-13

บทล่าสุด

  • เงาจันทร์ซ่อนพันฤดู   ตอนที่ 10 กลยุทธ์จากอนาคต

    เป็นคืนแรกที่หลินซือหยูได้นอนหลับพักผ่อนอยู่ในห้องนอนจริง ๆ เสียที ถึงแม้ว่าจะไม่ได้นุ่มสบายเหมือนกับห้องนอนของเธอในยุคปัจจุบันแต่มันก็เป็นหลักเป็นแหล่ง และรู้สึกปลอดภัยกว่านอนอยู่ในป่ามากทีเดียว มันเป็นห้องพักที่อยู่ในเรือนของแม่ทัพจ้าวหย่งเฉินในเมืองหลวงฉางอาน เขาพาเธอมาพักผ่อนที่นี่หลังจากที่เสร็จธุระจากเรือนใหญ่ตระกูลหลินโดยปกติเขาก็ไม่ค่อยจะได้อยู่ที่เรือนหลังนี้มากนัก เพราะต้องออกเดินทางลาดตระเวนไปทั่วราชอาณาจักร เพื่อดูแลความเรียบร้อยตามคำสั่งของฮ่องเต้ เขาจึงเคยชินกับการนอนในเต็นท์ตามค่ายพักชั่วคราวมากกว่าแสงตะเกียงสั่นไหวตามลมที่พัดผ่านเข้ามาภายใน ความเงียบทำให้ซือหยูได้ยินเสียงฝีเท้าของทหารยามที่เดินไปมาด้านนอกดังเป็นจังหวะ แต่กลับดูคล้ายเสียงหัวใจของเธอที่เต้นระรัวราวกับกลองศึกที่ใกล้แตกสลาย เธอมองไปที่จดหมายลับบนโต๊ะไม้หยาบ ๆ ตัวอักษรจีนโบราณระบุชื่อ ‘ถังหย่งซาน’ และรายชื่อขุนนางที่สมคบกับเขาด้วยหมึกสีแดงจาง ๆ ราวกับเลือดที่แห้งกรังนี่คือหลักฐานที่หย่งเฉินต้องการ... แต่ถ้าองค์ชายสามรู้ว่าฉันมีมันล่ะความคิดนั้นแวบเข้ามาในหัวของเธอพร้อมกับหัวใจที่เต้นแรงขึ้น ในชั่วขณะนั

  • เงาจันทร์ซ่อนพันฤดู   ตอนที่ 9 ความทรงจำ

    แสงจันทร์ยามค่ำคืนลอดผ่านผ้าใบบาง ๆ สาดเข้ามาในเต็นท์ที่กางตั้งภายในค่ายพักชั่วคราว เสียงลมพัดผ่านใบไม้แห้งด้านนอกดังเป็นจังหวะ แม้ว่าในคืนนี้จะดูสงบกว่าคืนที่ผ่านมา แต่ก็ทำให้หย่งเฉินและซือหยูหลับได้ไม่สนิทนักเป็นครั้งแรกตั้งแต่ที่ซือหยูย้อนเวลากลับมาอยู่ในอดีตแล้วฝัน มันดูเป็นภาพฝันที่ค่อนข้างคุ้นเคย เธอเห็นหญิงสาวในชุดผ้าไหมสีครามยืนอยู่ในเรือนเก่า เธอค่อนข้างแน่ใจแล้วว่าหญิงสาวในชุดโบราณที่เธอเห็นบ่อย ๆ จากจี้หยกนั้นต้องเป็นหลินซือเยว่ตัวจริงอย่างแน่นอน แต่ครั้งนี้ภาพที่เธอเห็นนั้นทำให้รู้สึกตกใจอยู่ไม่น้อย เพราะใบหน้าของซือเยว่ซีดเผือดกว่าปกติ ดวงตาคู่นั้นเต็มไปด้วยความหวาดกลัว เธอถือจดหมายลับในมือ ตัวอักษรจีนโบราณจาง ๆ บนกระดาษระบุชื่อ ‘ถังหย่งซาน’ และสัญลักษณ์หยดน้ำล้อมรอบด้วยลายเมฆสีแดง ซึ่งเป็นตราสัญลักษณ์ของตระกูลหลิน หญิงสาวนั้นร้องไห้ก่อนจะซ่อนจดหมายไว้ใต้พื้นไม้ในห้อง“นี่มันอะไรกัน?” ซือหยูเอ่ยพูดในฝัน แต่หญิงสาวคนนั้นไม่ตอบ เธอหันไปมองรอบ ๆ และเห็นเงาของชายในชุดดำยืนอยู่มุมเรือน ใบหน้าคมเข้มของเขามีรอยยิ้มเย็นชา“หลินซือเยว่ เจ้าคิดว่าจะซ่อนความลับนี้ได้หรือ” เสียงทุ้ม

  • เงาจันทร์ซ่อนพันฤดู   ตอนที่ 8 เงาขององค์ชาย

    เกวียนของซือหยูเริ่มเคลื่อนตัวอีกครั้งผ่านอากาศที่ค่อนข้างเย็นในป่าที่ยังคงเงียบสงัด ใกล้เมืองหลวงเข้าไปทุกที แสงแดดยามบ่ายเริ่มอ่อนลง เสียงม้าก้าวเท้าดังเป็นจังหวะประสานกับเสียงใบไม้แห้งที่ดังกรอบ แกรบใต้ล้อเกวียน เธอมองไปยังจ้าวหย่งเฉินที่อยู่บนหลังม้าหน้าขบวน ชุดเกราะของเขายังสะท้อนแสงแดดเป็นประกาย แต่ใบหน้าคมเข้มของเขาดูตึงเครียดราวกับรับรู้ถึงอันตรายที่ใกล้เข้ามา เขาหันมองซ้ายขวาอย่างหวาดระแวง“ระวัง” หย่งเฉินพูดกับทหารที่ขี่ตามหลัง “เรากำลังเข้าใกล้เขตที่โจรขององค์ชายสามมักซุ่มโจมตี จงระมัดระวังให้ดี อย่าประมาท” เสียงสั่งของเขายังคงทุ้มและน่าเกรงขามเช่นเดิมทหารทั้งหมดพยักหน้า ขึงสายธนูและจับดาบแน่น ซือหยูยกมือขึ้นมาจับจี้หยกที่ห้อยคอแน่นขึ้น มันเริ่มอุ่นขึ้นเล็กน้อยวูบ!ภาพเหตุการณ์หนึ่งวาบเข้ามาในหัวของเธอ‘ชายในชุดดำยืนอยู่ท่ามกลางควันไฟ ใบหน้าคมเข้มของเขามีรอยยิ้มเย็นชา ที่มุมปากของเขามีรอยแผลเป็นปรากฏอยู่’ “นั่น... องค์ชายสามเหรอ...” เธอพึมพำกับตัวเอง ขณะที่ภาพนั้นหายไป“เจ้ามีอะไรหรือเปล่า?” หย่งเฉินหันมามองเธอด้วยสายตาที่สงสัยซือหยูส่ายหน้า “เปล่า... ฉันแค่รู้สึกไม่ค่

  • เงาจันทร์ซ่อนพันฤดู   ตอนที่ 7 คำพูดจากโลกอนาคต

    แผ่นหลังของหลินซือหยูรู้สึกได้ถึงความเมื่อยล้าขณะที่นั่งบนเกวียนที่เคลื่อนผ่านถนนฝุ่นแดงไปยังเมืองหลวง แสงแดดยามบ่ายสาดส่องผ่านต้นไม้ใหญ่สองข้างทาง เสียงม้าก้าวเท้าดังก้องเป็นจังหวะประสานกับเสียงล้อเกวียนที่ดังกรอบแกรบ เธอมองไปที่จ้าวหย่งเฉินที่ขี่ม้าสีน้ำตาลเข้มนำหน้า ชุดเกราะของเขายังคงสะท้อนแสงแดดเป็นประกาย แต่ใบหน้าคมเข้มของเขาดูตึงเครียดราวกับแบกรับภาระหนักเอาไว้ตลอดเวลา“หยุดพักตั้งค่ายข้างหน้า!” หย่งเฉินตะโกนสั่งทหารที่ขี่ตามหลัง เสียงของเขายังคงทุ้มและน่าเกรงขาม ทหารทั้งหมดพยักหน้าและเริ่มตั้งแคมป์ชั่วคราวเมื่อเดินมาถึงบริเวณลำธารเล็ก ๆ ค่ายนี้มีเพียงเต็นท์ผ้าสีเทาสองสามหลัง กองไฟถูกจุดขึ้น กลิ่นควันไฟผสมกับกลิ่นใบไม้แห้งลอยมาแตะจมูกของซือหยู“นี่มันเหมือนที่เราเห็นในหนังพีเรียดเลย” เธอพูดกับตัวเอง ขณะที่ลงจากเกวียนด้วยความช่วยเหลือจากทหาร“เจ้าว่าอะไรนะ” หย่งเฉินเข้ามาถามเธอด้วยสีหน้าสงสัยซือหยูสะดุ้งโหยง ไม่คิดว่าอีกคนจะได้ยินที่เธอพึมพำกับตัวเอง “ฉันไม่ได้พูดอะไรนะ”“เจ้ากำลังปิดบังข้า” เขาจ้องมองเธอด้วยแววตาสงสัย “เมื่อครู่ข้าได้ยินเจ้ากระซิบอะไรกับตัวเอง”“ปะ... เปล่า! ไ

  • เงาจันทร์ซ่อนพันฤดู   ตอนที่ 6 ปริศนาตระกูลหลิน

    เสียงความวุ่นวายภายนอกสงบลงแล้ว เป็นค่ำคืนที่ทำให้หลินซือหยูจดจำไม่ลืม จากที่เคยร่ำเรียนเพียงแค่ในห้องเรียนเกี่ยวกับสงครามในวิชาประวัติศาสตร์ ใครจะไปคิดว่าวันหนึ่งเธอจะได้มาอยู่ร่วมในเหตุการณ์จริงแบบนี้ความสงบมาพร้อมกับเช้าวันใหม่ที่มอบความหนาวเย็นลอยเข้ามาสัมผัสผิวกายของเธอที่กำลังหลับไหลอยู่ในเต็นท์ท่ามกลางกลิ่นควันไฟและคราบเลือดแห้งกรังจากเหตุการณ์โจรบุกเมื่อคืน เธอนอนหลับบนเสื่อผ้าที่หย่งเฉินจัดให้ เสียงฝีเท้าของทหารที่เดินไปมานอกเต็นท์ดังเป็นจังหวะประสานกับเสียงลมที่พัดผ่านผ้าใบเต็นท์ เธอรู้สึกตัวแล้วหลังจากที่นอนหลับมาตลอดคืน เปลือกตาเปิดขึ้นอย่างช้า ๆ ร่างกายยังคงหนักอึ้งเพราะความเหนื่อยล้าจากการหนีและการเผชิญหน้ากับอันตรายเมื่อคืนนี้“ตื่นแล้วหรือ” เสียงทุ้มของจ้าวหย่งเฉินดังขึ้นจากทางเข้าทำให้เธอสะดุ้งซือหยูยันตัวลุกขึ้นนั่งพลางมองไปเห็นเขายืนอยู่ที่ปากเต็นท์ ชุดเกราะของเขายังเปื้อนคราบเลือดแห้งจากคืนก่อน ใบหน้าคมเข้มของเขาดูเหนื่อยล้าเล็กน้อย แต่ดวงตายังคงเย็นชาและเฉียบคม“มอร์นิ่งค่ะ” เธอเอ่ยทัก“มอ... มอร์นิ่ง? เจ้าพูดอะไรแปลกๆ อีกแล้ว ภาษาของเจ้ามันพิกลนัก ข้าไม่เคยได้ย

  • เงาจันทร์ซ่อนพันฤดู   ตอนที่ 5 พันธมิตรจำเป็น

    หลินซือหยูนั่งตัวแข็งอยู่บนเก้าอี้ไม้หยาบ ๆ ในเต็นท์ของจ้าวหย่งเฉิน มีดสั้นที่เขาปักทิ้งไว้บนโต๊ะยังคงสั่นเล็กน้อยจากแรงกระแทก เสียงฝีเท้าของหย่งเฉินที่เดินออกไปก้องอยู่ในหัวของเธอ ดูเหมือนว่าชีวิตของเธอในตอนนี้จะขึ้นอยู่กับการตัดสินใจของเขาเท่านั้น ไม่รู้เหมือนกันว่าวันไหนที่เขาจะตัดสินใจฆ่าเธอทหารร่างสูงในชุดเกราะสีเทา ถือหอกยาว ที่ได้รับหน้าที่ยืนเฝ้าเธอ มองเธอด้วยสายตาที่ไร้ความรู้สึก เธอกำจี้หยกในมือแน่นขึ้น มันยังคงร้อนผ่าวราวกับมีชีวิต เธอพึมพำกับตัวเองเบา ๆ “ฉันต้องหาทางรอดจากที่นี่ให้ได้”แม้ลึก ๆ เธอจะรู้ดีว่าในโลกที่เธอไม่รู้จักนี้ การหนีอาจหมายถึงความตายก็ตาม...แสงตะเกียงในเต็นท์สั่นไหวตามลมที่พัดผ่านผ้าใบ เสียงทหารนอกค่ายเริ่มเงียบลงเมื่อเวลาค่ำคืนคืบคลานเข้ามาเรื่อย ๆ ซือหยูพยายามนึกถึงสิ่งที่หย่งเฉินพูดขบวนการกบฏ ตระกูลหลิน และหลินซือเยว่ที่ถูกวางยาพิษ “ถ้าฉันอยู่ในร่างของเธอจริง ๆ แล้วเธอรู้ความลับอะไรบางอย่าง... ฉันจะหาคำตอบได้จากที่ไหนนะ” เธอคิด ขณะที่มองไปที่ทหารเฝ้ายามแล้วพยายามถามด้วยน้ำเสียงที่เป็นมิตร “นี่คุณ! ช่วยบอกฉันหน่อยได้ไหมว่าตระกูลหลินทำอะไรผิด”“

  • เงาจันทร์ซ่อนพันฤดู   ตอนที่ 4 ความลับในเงามืด

    หลินซือหยูก้าวตามจ้าวหย่งเฉินด้วยขาที่สั่นเทา ป่ามืดที่เต็มไปด้วยกลิ่นดินชื้นและคาวเลือดจากร่างโจรสามคนที่ล้มกองอยู่ด้านหลังยังคงติดอยู่ในจมูกของเธอ เสียงฝีเท้าม้าของเขาดังก้องในความเงียบ เธอมองไปที่แผ่นหลังกว้างในชุดเกราะสีดำของเขา เกราะที่เปื้อนเลือดแห้งกรังสะท้อนแสงจันทร์เป็นประกายจาง ๆ เธอรู้สึกถึงน้ำหนักของคำพูดสุดท้ายที่เขาทิ้งไว้เมื่อครู่ตามข้าไปที่ค่ายทหาร ข้าจะสืบว่าเจ้าเป็นใครมันไม่ใช่คำขอ แต่เป็นคำสั่งที่เธอไม่อาจปฏิเสธได้ เธอกำจี้หยกในมือแน่นขึ้น มันร้อนผ่าวแต่เธอไม่กล้าปล่อยมันทิ้ง เพราะมันทำให้เธอยังพอที่จะรู้สึกอุ่นใจขึ้นมาได้บ้าง“เร็วเข้า ถ้าเจ้ายังอยากมีชีวิตถึงรุ่งเช้า” หย่งเฉินพูดโดยไม่หันมามอง น้ำเสียงทุ้มของเขายังคงแฝงด้วยความอบอุ่นที่ขัดแย้งกับความน่าเกรงขามซือหยูรีบเร่งฝีเท้า แม้ว่าชุดผ้าไหมที่ขาดวิ่นของเธอจะพันขาให้รำคาญ เธอสะดุดรากไม้เล็ก ๆ จนเผลอส่งเสียงร้องออกมา แต่หย่งเฉินก็ไม่แม้แต่จะหยุดรอหรือหันมามอง เขาควบม้าต่อไปราวกับไม่สนใจว่าเธอจะตามทันหรือไม่เขาไม่มีความเมตตาบ้างเลยเหรอเนี่ย...เธอคิดในขณะที่พยายามควบคุมลมหายใจที่หอบเหนื่อยหลังจากเดินไปได้ราว

  • เงาจันทร์ซ่อนพันฤดู   ตอนที่ 3 แม่ทัพผู้เย็นชา

    หลินซือหยูรู้สึกถึงลมหายใจที่ร้อนผ่าวในลำคอขณะที่เธอถูกเสี่ยวหลานดันหลังให้ไปซ่อนตัวหลังม่านผ้าสีครามหนาที่ยื่นลงจากเพดาน เสียงฝีเท้าของใครบางคนดังใกล้เข้ามาเรื่อย ๆ มันหนักแน่นราวกับจังหวะกลองศึก นั่นยิ่งทำให้หัวใจของเธอเต้นระรัวด้วยความกลัวปนตื่นเต้นมากขึ้นเรื่อย ๆ“อย่าส่งเสียงนะเจ้าคะ!” เสี่ยวหลานยกมือขึ้นปิดปากเธอ กระซิบด้วยน้ำเสียงสั่นเทา ดวงตาของเสี่ยวหลานเต็มไปด้วยความหวาดกลัว ซือหยูสัมผัสได้ถึงอันตรายขึ้นมาในทันที ถ้าหากบุคคลนี้เป็นคนที่หมายจะเอาชีวิตหลินซือเยว่ ร่างที่เธอมาอาศัยอยู่ในตอนนี้ เธออาจไม่มีโอกาสแม้แต่จะหาคำตอบว่าเธอมาอยู่ที่นี่ได้ยังไง“ฉันต้องหนี!” ซือหยูพูดเสียงเบาแต่เต็มไปด้วยความหนักแน่นพลางสะบัดมือเสี่ยวหลานออก คว้าจี้หยกจากโต๊ะข้างเตียงที่เธอเพิ่งวางทิ้งไว้หลังจากกำไว้ในมือมาตลอดแล้วมองไปที่ประตูหลังก๊อก ๆ ๆซือหยูและเสี่ยวหลานหน้าซีดเผือกเมื่อได้ยินเสียงเคาะประตูไม่ทันแล้ว...ซือหยูนึกในใจ สลับมองที่ประตูด้านหลังกับประตูด้านหน้าด้วยความตระหนก เม็ดเหงื่อเริ่มผุดขึ้นที่ใบหน้าของเธอ ในวินาทีนั้นก่อนจะสายเกินไปเสี่ยวหลานจึงรีบผลักให้เจ้านายของตนเข้าไปหลบอยู่

  • เงาจันทร์ซ่อนพันฤดู   ตอนที่ 2 ร่างใหม่ โลกเก่า

    หลินซือหยูรู้สึกถึงอาการปวดตุบ ๆ ที่ขมับขณะลืมตาขึ้นอย่างช้า ๆ แสงแดดอ่อน ๆ ลอดผ่านช่องหน้าต่างไม้เก่า ๆ สาดลงมาบนใบหน้าของเธอ อากาศรอบตัวเต็มไปด้วยกลิ่นสมุนไพรปนดินและกลิ่นไม้ไหม้จาง ๆ ที่ทำให้เธอสะดุ้งตื่น เธอขยับตัวลุกขึ้นนั่ง ร่างกายหนักอึ้งราวกับแบกก้อนหิน เธอมองลงไปที่มือของตัวเอง และสิ่งที่เห็นทำให้หัวใจของเธอหยุดเต้นไปชั่วขณะ“นี่มัน... มือของใครเนี่ย!?” เธออุทานออกมาเสียงดัง และนั่นก็ทำให้เธอได้ยินเสียงพูดที่หลุดออกมาจากปากของเธอว่ามันไม่ใช่เสียงของตัวเอง เพราะน้ำเสียงนี้มันค่อนข้างบาง อ่อนหวาน และมีสำเนียงแปลก ๆ ที่เธอไม่เคยได้ยินจากตัวเองมาก่อนมือคู่นี้ที่เธอเห็นมันเรียวเล็ก ผิวก็ขาวเนียนเกินกว่ามือของเธอที่เคยหยาบกร้านจากการจดเลคเชอร์และพิมพ์งาน เธอพลิกฝ่ามือดู มีรอยแผลบาง ๆ ที่ข้อมือซ้าย ซึ่งเธอแน่ใจว่าเธอไม่เคยมีรอยนี้ในชีวิตจริง เธอลองกดที่แผลนั้นดูเบา ๆ ก็เกิดความรู้สึกเจ็บแปลบขึ้นมาในทันที“นี่ไม่ใช่ฝันแน่ ๆ” เธอพึมพำขณะที่สมองเริ่มตื่นตัวเต็มที่เธอหันมองไปรอบห้อง ห้องนอนที่เธอนอนอยู่นั้นเป็นห้องไม้เก่า ๆ เหมือนกับที่เธอเคยเห็นในละครย้อนยุค เตียงที่เธอนั่งอยู่ปูด้วย

สำรวจและอ่านนวนิยายดีๆ ได้ฟรี
เข้าถึงนวนิยายดีๆ จำนวนมากได้ฟรีบนแอป GoodNovel ดาวน์โหลดหนังสือที่คุณชอบและอ่านได้ทุกที่ทุกเวลา
อ่านหนังสือฟรีบนแอป
สแกนรหัสเพื่ออ่านบนแอป
DMCA.com Protection Status