หกล้มค่อนข้างรุนแรง มีเลือดไหลทั้งที่มือและหัวเข่า“ใต้เท้า ๆ!” คนข้างกายเสิ่นหมิงหยวนตื่นตระหนกทันที“ไม่ต้องเอะอะโวยวาย ข้าไม่เป็นไร การเจรจาต่อรองสำคัญกว่า!”เสิ่นหมิงหยวนผลักคนข้างกาย พลางฝืนลุกยืนขึ้น“ใต้เท้าเฉิน ต้องขออภัยที่ทำตัวน่าขัน ข้าแก่เกินกว่าที่จะมาเจรจาต่อรองแล้วจริงๆ แค่การเดินลงบันไดก็ยังจะสะดุดล้มอีก” เมื่อลุกขึ้นได้ เสิ่นหมิงหยวนก็กล่าวขอโทษเฉินฝานทันที“ใต้เท้าจะไม่ไปทำแผลก่อนรึ?” เฉินฝานมองดูหัวเข่าที่เลือดไหลของเสิ่นหมิงหยวนพลางกล่าวถาม“ไม่ต้องหรอก เรื่องของบ้านเมืองต้องรีบจัดการโดยด่วน!”เสิ่นหมิงหยวนกล่าวพลางเดินรุดหน้าขึ้นมา ยิ่งเขาฝืนมากเพียงใด เลือดที่ไหลอยู่ที่หัวเข่าก็มากเพียงนั้น เขาที่หกล้มจนเลือดไหล สีหน้าเริ่มซีดเซียวเฉินฝานก็ไม่ได้พูดอันใดอีกเสิ่นหมิงหยวนจงใจทำเขาทุ่มเทแรงกายแสดงมาตั้งนาน เพราะต้องการให้เฉินฝานเผชิญหน้ากับราชทูตแคว้นจ้าวโดยลำพังหากท้ายที่สุดเจรจาไม่ลงตัว ความผิดจะตกอยู่เฉินฝานเพียงผู้เดียว“ใต้เท้า!”เสียงร้อนใจดังขึ้นอีกครั้ง เสิ่นหมิงหยวนที่เจ็บปวดสุดขีดจนอิดโรยได้ลื่นล้มไปแล้ว“ไม่ต้องเป็นห่วงข้า พยุงข้าขึ้น ทำ
ไหวพริบในการพูดของเจียงเฉินหยูยอดเยี่ยมสมคำร่ำลือจริงๆผ่านไปครู่เดียว ก็ทำให้หลิวเกาจัวเดือดดาลจนพูดไม่ออกคำพูด จังหวะ หลักเหตุผลที่เจียงเฉินหยูใช้ในตอนพูดถูกต้องแม่นยำอย่างมาก ทุกคำที่เขาพูดล้วนมีสาระหลิวเกาจัวถือว่าเป็นคนที่ไหวพริบในการพูดค่อนข้างดีในต้าชิ่ง ทว่าเมื่อมาเผชิญหน้ากับเจียงเฉินหยู ประชันฝีปากไม่ถึงสามรอบก็สู้ไม่ไหวแล้ว“สรุป โดยสรุปแล้ว พวกเจ้าแคว้นจ้าวไร้เหตุผลและทำเกินเหตุ”หลิวเกาจัวหน้าแดงก่ำ พูดพร่ำคำว่าไร้เหตุผลและทำเกินเหตุไม่หยุดหย่อนเจียงเฉินหยูสามารถพูดจาตอกหน้ากลับได้อย่างรุนแรง เขาจ้องไปที่เฉินฝานและเสิ่นหมิงหยวน สีหน้าเต็มไปด้วยความเย้ยหยัน “ทำไมล่ะ ในแคว้นต้าชิ่งของพวกเจ้า มีแค่เลขาธิการกรมพิธีการพูดได้คนเดียวงั้นรึ?”เมื่อเห็นว่าเฉินฝานและเสิ่นหมิงหยวนไม่กล่าวอันใด เจียงเฉินหยูจึงพูดจารุนแรงกว่าเดิม “ดูแล้วน่าจะมีเขาที่พูดได้คนเดียว และเขาผู้นี้ความสามารถในการพูดเหมือนกับเด็กน้อยไม่มีผิด คนอื่นก็ล้วนเป็นใบ้กันหมด”“หากไม่เป็นเช่นนั้น ไยต้าชิ่งจะตกต่ำถึงจุดนี้ได้อย่างไรกัน” อัครเสนาบดีแคว้นจ้าวเซี่ยงเทียนหยินที่เงียบมาโดยตลอดและไม่ได้ทักทายเฉิ
ความขาดสติจะทำให้ลดประสิทธิภาพการคิดวิเคราะห์ของสมองคนให้แย่ลง ส่งผลให้ตัดสินใจหลายอย่างผิดพลาด“ในเมื่อเจ้าออกมาแล้วก็เริ่มเจรจากับข้าเถอะ”“เจ้าอยากเจรจาอย่างไร? จะให้ยี่สิบล้านตำลึงเงินกับพวกเราทันทีหรือจะให้เจรจาจนถึงยามค่ำคืนจำนวนเงินจะเปลี่ยนเป็นสามสิบล้านตำลึง”“เฉินฝาน ก่อนที่จะมาที่นี้ ข้าได้สืบเรื่องของเจ้ามาแล้ว!”“ความจำของเจ้าดี ได้ยินมาว่าเคยแข่งท่องจำตำรากับบัณฑิตคนหนึ่งจนทำบัณฑิตผู้นั้นกระอักเลือด”“ว่ามาสิ...” สายตาดูแคลนของเจียงเฉินหยูเด่นชัดมากขึ้น “ท่องข้อบังคับในการเจรจาต่อรองที่เจ้าจำออกมาให้ข้าทั้งหมด วรรคใดที่เจ้าจำไม่ได้ ข้าสามารถสอนเจ้าได้”“ข้าไม่ได้จำของพรรค์นั้นหรอก” เฉินฝานกล่าวอย่างเรียบนิ่ง“ไม่ได้ท่องจำมาก็ดีแล้ว เพราะสิ่งเหล่านั้นจะทำให้เสียเวลาโดยเปล่าประโยชน์ ข้าดูแล้วเจ้าเป็นคนที่เข้าใจในสถานการณ์ดี สู้ส่งเงินยี่สิบล้านตำลึงมาตอนนี้เสียดีกว่า อย่ามัวชักช้าเลย”“ใช่!” เฉินฝานพยักหน้า “ชักช้าไปจริงๆ”เมื่อกล่าวจบ ก็ชักดาบปลายปืนขนาดเล็กตรงช่วงเอว ฟาดฟันไปที่เจียงเฉินหยูทันทีร่างกายของเจียงเฉินหยูราวกับถูกไฟฟ้าดูด กระตุกชักอย่างรุนแรง สิ้นล
“อ๋องตวน!” เฉินฝานอมยิ้ม “สมแล้วที่เป็นพ่อตาข้า ข้าคิดสิ่งใดท่านก็รู้ทุกอย่าง”“เสี่ยวฝาน เจ้าก็คิดจะไปตัดหัวอ๋องแคว้นจ้าวเหมือนกันสินะ ดีๆ เช่นนั้นพวกเราไปกันตอนนี้เลย!”ระหว่างที่พูด อ๋องตวนก็ลากแขนเฉินฝานไปด้านนอกทันที“ขวางพวกเขาไว้!”ฉินเย่ว์เหมยและเสิ่นหมิงหยวนพูดพรวดแทบจะพร้อมกันเสิ่นหมิงหยวนกลัวว่าอ๋องตวนจะใช้โอกาสนี้พาเฉินฝานหนีไปฉินเย่ว์เหมยกลัวว่าเฉินฝานจะไปตัดหัวอ๋องแคว้นจ้าวกับอ๋องตวนเพียงสองคนจริง ๆถึงแม้ว่าตอนนี้อ๋องแคว้นจ้าวจะอยู่ที่เมืองเฟิ่งหวง ทว่าจะต้องมีทหารที่เก่งกาจคอยอารักขาอยู่แน่นอนเขาทั้งสองคน คนหนึ่งก็ฝีมือเก่งกาจเหนือมนุษย์ อีกคนก็มีพลังเทพโดยกำเนิดทว่าอย่างไรเสียก็มีแค่สองคน จะสู้กับกองกำลังมหาศาลได้เยี่ยงไรหลังจากที่เฉินฝานและอ๋องตวนถูกขัดขวางไว้แล้ว เหอจื่อหลินก็รีบคุกเข่าทันที“ฝ่าบาท เมืองเฟิ่งหวงถือว่าเป็นเขตแดนของพวกเราต้าชิ่ง กระหม่อมยินดีที่จะนำกองกำลังลาดตระเวนไปต่อกรกำลังแคว้นจ้าวเพื่อชิงเมืองเฟิ่งหวงกลับมาให้จงได้ขอรับ”“ข้าก็จะไปด้วย!”เสียงอ่อนหวานพราวเสน่ห์ดังมาจากด้านนอกราชวังโอวหยางน่าหลันที่สวมชุดเกราะสีทองได้เดินมาถึง
“ใต้เท้าเฉิน นี่ไม่ใช่เรื่องล้อเล่น ตอนนี้ท่านเป็นถึงอัครเสนาบดีเบื้องซ้ายของพวกเราต้าชิ่ง หลังจากที่ท่านรับตำแหน่งมาก็ได้สร้างคุณูปการมากมายให้กับเหล่าราษฎร พวกเขารักและเชิดชูท่าน ท่านทำเช่นนี้เป็นการเสี่ยงอันตรายเกินไป ต้าชิ่งจะสูญเสียท่านไปไม่ได้”ทุกคนล้วนคาดไม่ถึง แม้กระทั่งเฉินฝานก็ไม่คิดว่าคนที่ออกมาโต้แย้งเป็นคนแรกจะเป็นเสิ่นหมิงหยวนและสาเหตุที่โต้แย้งก็เป็นเรื่องที่กลัวว่าเฉินฝานจะตกอยู่ในอันตรายจนเสียชีวิตอีกด้วย“โอ้!” เฉินฝานส่ายหน้าถอนหายใจ “ใต้เท้าเสิ่น ท่านเปลี่ยนไปแล้วจริง ๆ ลองมองย้อนกลับไปดูสิ จู่ ๆท่านก็แปรเปลี่ยนเป็นห่วงใยข้าเสียอย่างนั้น ข้ารู้สึกไม่คุ้นชินแม้แต่น้อย”“ใต้เท้าเฉิน ระหว่างข้ากับเจ้าถึงแม้จะมีเรื่องเข้าใจผิด ทว่าพวกเราก็เป็นเสนาบดีต้าชิ่งเหมือนกัน ไฉนข้าจะไม่ห่วงใยชีวิตเจ้ากัน”ระหว่างที่เขาพูดก็ส่งสายตาไปให้หลี่ชิ่ง“ฝ่าบาท!” หลี่ชิ่งรีบคุกเข่าลงทันที “กระหม่อมยินดีที่นำทัพเหล่าสหายกองกำลังเมืองหลวงร่วมเดินทางไปเมืองเฟิ่งหวงกับใต้เท้าเฉิน เพื่อช่วงชิงเมืองเฟิ่งหวงกลับมาให้ได้ขอรับ”เหอจื่อหลินรีบร้อนคุกเข่าลงไปเช่นกัน “ฝ่าบาท กองกำลังลาด
ข้อแตกต่างที่ชัดเจนที่สุดระหว่างเฉินฝานและซูซิวฉีคือ แต่ไรมาเขาไม่เคยพูดจาอ้อมค้อม ล้วนพูดทุกสิ่งอย่างตรงไปตรงมาวิธีที่ตรงไปตรงมาเช่นนี้มักจะทำให้เสิ่นหมิงหยวนตั้งตัวรับมือไม่ทันเสมอ“ดี!” เฉินฝานเสียงดังกังวาน “หากใต้เท้าเสิ่นรับปากจะเก็บความลับ เช่นนั้นข้าและอ๋องตวนก็จะปลอดภัยแน่นอน”“ฝ่าบาท รอฟังข่าวดีจากข้าน้อยได้เลย”พูดจบ เฉินฝานก็ก้าวเท้าเดินออกไปทันทีแสงอาทิตย์สาดส่องไปที่ร่างของเฉินฝาน สะท้อนให้เห็นเงาร่างสีจาง ๆ ฉินเย่ว์เหมยตะลึงงันเฉินฝานในตอนนี้เหมือนเทพที่มาจากสรวงสวรรค์ไม่มีผิดคนที่รู้สึกเช่นนี้ไม่ได้มีเพียงฉินเย่ว์เหมยเท่านั้น เสนาบดีส่วนใหญ่ก็รู้สึกเช่นนี้เหมือนกัน“นี่ ลูกเขยที่แสนดี รอข้าด้วยสิ”ร่างกายใหญ่มหึมาของอ๋องตวนวิ่งโยกเยกไล่ตามเฉินฝานไปด้านนอก พลางเอะอะโวยวายด้วยความตื่นเต้น“ว้าว ภารกิจใหญ่มาอีกแล้ว ข้าชอบภารกิจใหญ่ๆเสียจริง”อ๋องตวนมีความสุข ทว่าคนส่วนใหญ่กลับอารมณ์บูดบึ้งโดยเฉพาะโอวหยางน่าหลันที่ทุ่มเทเดินทางไกลมาจากแคว้นหลู่เพื่ออยากใช้เวลาต่อสู้เคียงบ่าเคียงไหล่กับเฉินฝาน ปรากฏว่าเฉินฝานกลับไม่พานางไปด้วยหลังจากนี้ หากเฉินฝานกลับจาก
“รอให้ข้ากลับไปก่อนเถอะ ข้าต้องต่อยเจ้าสารเลวเสิ่นหมิงหยวนนั้นให้หนำใจ!”อ๋องตวนที่เดินตามเฉินฝานพูดบ่นไม่หยุดปาก“เสิ่นหมิงหยวนน่าต่อยก็จริง ทว่าเส้นทางการเดินทางของพวกเราครั้งนี้ไม่ใช่เขาที่เป็นคนเปิดเผย แต่เป็นข้าเอง” เฉินฝานกล่าวอย่างเรียบนิ่ง“อะไรนะ? เพราะเหตุใดกัน?” อ๋องตวนมองเฉินฝานด้วยความงุนงงเฉินฝานยกยิ้มมุมปากทันที “เพื่อความเร้าใจไงเล่า! ท่านอ๋องท่านคิดดูว่ากองกำลังแคว้นจ้าวสองแสนคนกำลังตามหาพวกเรา พวกเรากลับแฝงตัวเข้าไปในเมืองหน้าตาเฉย ความรู้สึกเช่นนี้เร้าใจยิ่งนักไม่ใช่รึ?”“เร้าใจอย่างมากจริงๆ” อ๋องตวนฝืนยิ้ม นี่ไม่ใช่เร้าใจอย่างมาก ทว่าเร้าใจเกินไปแล้ว หากว่าหลบหนีไม่พ้น พวกเขาคงจะกองกำลังแคว้นแทงจนเป็นรูพรุนเป็นแน่“สมแล้วที่ลูกเขยของข้าอ๋องตวนเจ้าบ้าระห่ำยิ่งกว่าตอนที่ข้ายังหนุ่มเสียอีก!”อ๋องตวนในตอนยังหนุ่มนำทัพกองกำลังม้าเหล็กหนึ่งร้อยนายมุ่งหน้าสู่แคว้นจ้าวได้รับชื่อเสียงจนเป็นที่เล่าขานทว่าเฉินฝานผู้นี้ไม่มีกองทัพม้าเหล็กแม้แต่คนเดียวเรียกได้ว่าลุยเดี่ยวโดยสมบูรณ์แบบเฉินฝานยิ้มจาง ๆ ไม่ได้กล่าวอันใดต่อเขาทำเช่นนี้ไม่ใช่เพราะบ้าระห่ำ แต่เป็นการ
สองสามปีก่อนสามีของนางถูกเกณฑ์ไปเป็นทหาร เสียชีวิตอยู่ในสนามรบ ในตอนนี้นางเป็นเพียงสตรีนางหนึ่งที่มีลูกห้าคนและแม่เฒ่าที่อายุเจ็ดสิบปี ทั้งครอบครัวมีทั้งเจ็ดคน ทุกคนล้วนตั้งตาคอยซาลาเปาจากแผงขายของหากไม่มีแผงขายของนี้ พวกนางจะมีชีวิตอยู่ต่อได้อย่างไร“ขอร้องล่ะ หากไม่มีแผงขายของนี้ พวกเราทั้งครอบครัวคงจะต้องอดตายเป็นแน่”เห็นว่าขอร้องเช่นนี้ไม่ได้ผล สตรีวัยกลางคนจึงรุดหน้าไปกอดขาอ้อนวอนหัวหน้ากองกำลังแคว้นจ้าว“เจ้าอดตายมันก็ไม่เกี่ยวอันใดกับข้า หากเจ้าจะไม่มีชีวิตรอดก็ไปวิงวอนจักรพรรดิต้าชิ่งของพวกเจ้าสิ!”ระหว่างที่พูดพลทหารแคว้นจ้าวผู้นั้นก็สะบัดขาอย่างหมดความอดทนทำให้สตรีวัยกลางคนลอยกระเด็นออกไป“แม่ แม่จ๋า!”มีเด็กสาวอายุราวสิบสามสิบสี่ปีวิ่งออกมาพยุงตัวของสตรีวัยกลางคนจากตรอกเล็ก ๆด้านหลังแผงขายของ“ใครให้พวกเจ้าออกมา? กลับไป! กลับไปเดี๋ยวนี้!”หญิงวัยกลางคนไม่สนใจความเจ็บปวดบนร่างกาย ตวาดลูกสาวลั่นด้วยความโมโห พลางผลักเหล่าลูกสาวให้ไปที่อื่นแต่ทว่า...คำตวาดและการกระทำของนางเสียไปแล้ว“พวกเจ้าดูสิ!” มีพลทหารแคว้นจ้าวคนหนึ่งวิ่งมาบีบคางสองเด็กสาวให้แหงนหน้าขึ้น “สอง
ตอนแรกเฉินฝานปรากฏตัวขึ้นในสายตาของราษฎรชาวต้าชิ่งในฐานะนายบำเรอของฉินเย่ว์เหมย คนที่ไม่รู้จักเขาดีย่อมดูแคลนเขาอย่างยิ่ง มีผู้คนมากหมายเห็นเขาเป็นคนประเภทเดียวกับนางสนมจอมล่อลวงเมื่อพรรคพวกของเสิ่นหมิงหยวนปลุกปั่นเช่นนี้ ชาวบ้านรอบ ๆ ก็รู้สึกอีกแล้วว่าพวกเขาพูดถูกต้อง เสิ่นหมิงหยวนสมควรถูกจับ เฉินฝานเองก็ควรถูกจับเช่นกัน“ไป่เผยหราน เหตุใดยังไม่ให้คนของเจ้าลงมือจับกุมเสิ่นหมิงหยวนให้เราอีก” ฉินเย่ว์เหมยหัวเสียเล็กน้อยหากเป็นผู้อื่น เมื่อฮ่องเต้มีรับสั่ง ไฉนเลยยังจะสนใจอะไรอีก ย่อมต้องจับกุมทันที แต่ไป่เผยหรานไม่ใช่ผู้อื่น ในใจของเขา กฎหมายและความยุติธรรมอยู่เหนือทุกสิ่ง หลักฐานที่เฉินฝานแสดงออกมาในตอนนี้ทำได้เพียงพิสูจน์ว่าเสิ่นหมิงหยวนวางแผนทำร้ายเขาเท่านั้นจริง ๆ แต่ไม่อาจพิสูจน์ยืนยันได้ว่าเขาไม่ได้วางยาพิษในใจของไป่เผยหรานย่อมเชื่อว่าเฉินฝานไม่มีทางวางยาพิษ แต่ว่าภายใต้สายตาจ้องมองของประชาชน หากจับกุมเพียงเสิ่นหมิงหยวนแต่ไม่จับกุมเฉินฝาน เขาทำไม่ได้เมื่อมองฉินเย่ว์เหมยที่โกรธเกรี้ยว แล้วมองไป่เผยหรานที่ทำหน้าลำบากใจ เสิ่นหยวนเลี่ยงก็ลอบปีติยินดีในใจ นับถือบิดาของตนมากยิ่ง
“ขุนนางต่ำต้อยอย่างกระหม่อมไม่มีอะไรจะพูดพ่ะย่ะค่ะ เรื่องที่จางทงและจางสิงทำเป็นคำสั่งของกระหม่อมจริง กระหม่อมเป็นคนทำเพียงผู้เดียวพ่ะย่ะค่ะ”เสิ่นหมิงหยวนเงียบไปครู่เดียวเท่านั้นก็ยอมรับทันที ไม่เพียงแต่เฉินเย่ว์เหมยที่ประหลาดใจ แม้แต่เสิ่นหยวนเลี่ยงก็ประหลาดใจเช่นกันผู้คนทั้งต้าชิ่งต่างรู้ว่าอัครเสนาบดีเบื้องซ้ายและเบื้องขวาเป็นศัตรูคู่อาฆาตกันมาโดยตลอด ทั้งสองฝ่ายขับเคี่ยวกันไม่ยอมปล่อย และรู้ว่าเรื่องการวางยาพิษในครั้งนี้จะต้องเกี่ยวพันกับฝ่ายใดฝ่ายหนึ่งอย่างแน่นอน แต่ไม่มีใครคาดคิดว่าเสิ่นหมิงหยวนจะยอมรับอย่างตรงไปตรงมาถึงเพียงนี้“ท่านพ่อ...”เสิ่นหยวนเลี่ยงเบิกตาโตมองเสิ่นหมิงหยวน แต่เสิ่นหมิงหยวนกลับก้มหน้าลงครึ่งหนึ่ง ไม่มีใครมองเห็นสีหน้าของเขาได้อย่างชัดเจน“ดูท่าเสิ่นหมิงหยวนคิดจะสู้จนตกตายไปด้วยกัน”เฉินฝานพูดเสียงเบา เขาเอ่ยคำพูดนี้จบ เสียงเย็นชาเคร่งขรึมของฉินเย่ว์เหมยก็ดังมาจากด้านหน้าว่า “ขุนนางต่ำต้อย? ตอนนี้เจ้าเป็นขุนนางผู้กระทำผิดไม่มีสิทธิ์เรียกขานตนเองว่าขุนนางต่ำต้อยแล้ว ไป่เผยหราน จับกุมเสิ่นหมิงหยวนเสีย!” เสิ่นหมิงหยวนเบนศีรษะเล็กน้อย เสิ่นหยวนเลี่ยงม
ครึ่งชั่วโมงต่อมา สีหน้าของจางทงและองครักษ์ของเสิ่นหมิงหยวนไม่ได้ซีดเผือดเหมือนเมื่อครู่นี้แล้ว จางทงได้รับพิษสองครั้ง เขาดูอ่อนแอเล็กน้อยส่วนองครักษ์ของเสิ่นหมิงหยวนมีสีหน้าปกติ ราวกับไม่ได้รับพิษเลยการล้างท้องเป็นวิธีการช่วยชีวิตผู้ได้รับพิษในทางศัลยแพทย์ เป็นวิธีการรักษาที่ธรรมดาอย่างยิ่งในยุคปัจจุบัน แต่ในสายตาคนโบราณเหล่านี้เป็นเรื่องที่น่าตกตะลึงจริง ๆ “ช่วยชีวิตได้แล้ว ใต้เท้าเฉินช่วยชีวิตทั้งสองคนได้จริง ๆ!” “กินสารหนูแล้วยังช่วยชีวิตกลับมาได้ด้วย? ใต้เท้าเฉิน นั่นเป็นวิชาแพทย์จริง ๆ หรือ?” “ไฉนเลยวิชาแพทย์จะร้ายกาจถึงเพียงนี้ เป็นวิชาเซียนต่างหากเล่า” “ใต้เท้าเฉินเป็นเทพสวรรค์จุติลงมา!” นี่ก็คือชาวบ้านทั่วไป ในสายตาของพวกเขามีแค่ดำสุดโต่งและขาวสุดโต่งเมื่อพวกเขาโดนฝ่ายเสิ่นหมิงหยวนหลอกลวง ก็ด่าทอเฉินฝานด้วยคำพูดที่โหดร้ายสุดขีด ตอนนี้พบว่าเฉินฝานเป็นคนดีแล้ว พวกเขาก็สรรเสริญเฉินฝานอย่างดีที่สุดโดยไม่ตระหนี่เลย พวกเขาไม่เพียงสรรเสริญเฉินฝาน แถมยังเริ่มด่าทอสงสัยเสิ่นหมิงหยวนด้วย “พวกเจ้าดูองครักษ์ผู้นั้นสิ หากเมื่อครู่นี้ไม่ได้เห็นกับตาตนเอง ข้าไม่อยากจ
“ท่านพี่!” จางสิงร้องเสียงดัง โน้มตัวไปกอดจางทง “ใต้เท้า รีบช่วยพี่ชายของข้าด้วยขอรับ”แม้ว่าจะเตรียมใจไว้แล้ว แต่ตอนที่จางทงกินสารหนูลงไปจริง ๆ จางสิงก็รู้สึกตื่นตระหนกในใจไม่ไหวแล้วเฉินฝานสามารถช่วยพวกเขากลับมาจากประตูผีได้ครั้งหนึ่ง ไม่ได้หมายความว่าจะช่วยได้เป็นครั้งที่สองพิษสารหนูออกฤทธิ์ไวมาก เวลานี้ใบหน้าของจางทงไม่มีสีเลือดเลยสักนิดเดียว ร่างกายเริ่มชักกระตุก มีเลือดไหลออกมาจากมุมปาก“เฮ้อ!” เฉินฝานถอนหายใจ “นี่เจ้าจะลำบากลำบนทำไมกัน?”“ใต้เท้า ข้าน้อยไม่ได้ลำบาก เพราะนี่เป็นโอกาสเดียวที่ข้าน้อยจะได้เป็นคนขอรับ” จางทงฝืนข่มกลั้นความเจ็บปวดอย่างรุนแรง ฝืนยิ้มให้เฉินฝาน “รบ...กวนท่าน...ช่วยข้าน้อยอีกสักครั้ง...” เมื่อพูดจบ ร่างกายของจางทงก็เริ่มชักกระตุกอย่างรุนแรง ตาขาวเริ่มเหลือกขึ้นมาเช่นกัน เลือดที่ไหลออกมาจากมุมปากเยอะขึ้นเรื่อย ๆ“เร็วเข้า หามเขาไปที่โรงเตี๊ยม!”จางทงถูกหามเข้าไปในโรงเตี๊ยมได้ไม่นาน องครักษ์ของเสิ่นหมิงหยวนก็ถูกหามเข้ามาด้วยเช่นกันในขณะที่เฉินฝานสั่งให้คนหามจางถงเข้าไปในโรงเตี๊ยม เสิ่นหมิงหยวนก็ให้คนกรอกสารหนูใส่ปากองครักษ์ผู้นั้น เสิ่นหมิงห
“ให้เขากิน!”เสิ่นหมิงหยวนผลักองครักษ์คนนั้นไปตรงหน้าเฉินฝานทันที“ใช่แล้ว จะปล่อยให้เฉินฝานเลือกคนกินสารหนูไม่ได้” พรรคพวกของเสิ่นหมิงหยวนพากันสนับสนุน“ไม่เพียงไม่อาจให้เฉินฝานเลือก สารหนูก็ต้องให้ใต้เท้าเสิ่นหาคนไปนำมาด้วยเช่นกัน” เฉินฝานไม่มีความเห็นอะไรกับข้อเสนอนี้ของเสิ่นหมิงหยวนเลย คนของเสิ่นหมิงหยวนกินสารหนู นี่เป็นข้อเสนอที่ไม่อาจดีไปกว่านี้แล้วองครักษ์ที่โดนผลักออกมาหน้าซีดเผือด ร่างกายสั่นเทา หากไม่ใช่เพราะมีคนพยุงอยู่ข้าง ๆ เกรงว่าตอนนี้เขาคงจะตกใจกลัวจนล้มไปกองกับพื้นแล้ว “สั่นทำไม ใต้เท้าเลี้ยงดูเจ้ามานานถึงเพียงนี้ ก็ถึงเวลาที่เจ้าต้องตอบแทนแล้ว” รองแม่ทัพข้างกายเสิ่นหมิงหยวนตะคอกใส่องครักษ์ผู้นั้นเบา ๆ “ข้าน้อย...”“วางใจได้ หากเจ้าตาย ครึ่งชีวิตที่เหลือของมารดา ภรรยาและบุตรสาวของเจ้าจะมีเงินให้ใช้ไม่หมดไม่สิ้น ได้ใช้ชีวิตที่ดีเหนือผู้อื่นตลอดไป หากเจ้าสั่นอีก เช่นนั้นก็อย่าโทษว่าข้าไม่เกรงใจ ให้พวกเจ้าทั้งครอบครัวไปเจอกันที่ปรโลก” รองแม่ทัพของเสิ่นหมิงหยวนใช้ทั้งบุญคุณและความเข้มงวดกับองครักษ์ผู้นั้น องครักษ์ผู้นั้นค่อย ๆ เลิกดิ้นรน สองตาว่างเปล่า ยืนอยู
“เช้ง!”เสียงกระบี่คมกริบออกจากฝักดึงขึ้นในอากาศหน้าประตูโรงเตี๊ยม“พูดมา!” หลี่ชิ่งชักกระบี่ออกจากเอวแล้วจ่อไปที่คอของจางทง “พวกเจ้ารับผลประโยชน์จากเฉินฝานใช่หรือไม่ ถึงได้ใส่ร้ายใต้เท้าเสิ่น”“พวกเราจะรับผลประโยชน์จากใต้เท้าเฉินได้อย่างไร เขาช่วยชีวิตพวกเราไว้” จางทงกล่าว“ยังจะบอกว่าเฉินฝานไม่ได้ให้ผลประโยชน์กับพวกเจ้าอีก เขาช่วยชีวิตพวกเจ้าไว้ก็เป็นผลประโยชน์แล้ว”พรรคพวกของเสิ่นหมิงหยวนยิ่งพูดก็ยิ่งบิดเบือน จางทงร้อนใจไม่ไหวแล้ว แต่กลัวว่าหากไม่ระวังคำพูดของตนเอง พวกพ้องของเสิ่นหมิงหยวนจะนำมาเล่นงานได้แต่ว่าไม่แก้ตัวก็ไม่ได้อีก ทำให้เขาร้อนใจจนหน้าแดงก่ำไปหมดแล้ว “นี่จะนับเป็นผลประโยชน์ได้อย่างไร ใต้เท้าเฉินแค่มีเมตตา...”จางสิงที่อยู่ข้าง ๆ รีบเอ่ย แต่เขายังไม่ทันพูดจบ พรรคพวกของเสิ่นหมิงหยวนก็เอ่ยตัดบทเขา“มีเมตตา บนโลกนี้จะมีเมตตาโดยไม่มีเหตุผลหรือ หากไม่ใช่เพราะเดิมทีพวกเจ้าเป็นองครักษ์ของตระกูลเสิ่น เจ้าคิดว่าเขาจะช่วยพวกเจ้าหรือ?” “เรื่องนี้...”เมื่อเห็นจางทงกับจางสิงลังเลใจ พรรคพวกของเสิ่นหมิงหยวนก็ฉวยโอกาสโจมตีต่อทันที “เห็นหรือไม่ พวกเจ้าเองก็คงคิดว่าไม่มีท
“เหลวไหลสิ้นดี!”พวกพ้องของเสิ่นหมิงหยวนเอ่ยโต้แย้งจางทงและจางสิงทันที “พวกเขาสองคนเป็นคนเลวย่อมพูดแต่เรื่องเลว ๆ ผู้คุ้มกันและบ่าวอาศัยครอบครัวเจ้านายไปวางอำนาจบาตรใหญ่ข้างนอกก็เป็นเรื่องปกติไม่ใช่หรือ? หากบอกว่าพวกเจ้ากระทำผิดเพราะใต้เท้าเสิ่นสั่งการ เช่นนั้นใต้เท้าหรือว่าเชื้อพระวงศ์ทั่วทั้งเมืองหลวง แต่ละคนก็สั่งการแบบนี้เช่นกันหรือ? สบคบคิดทำเรื่องที่สร้างความเสียหายต่อต้าชิ่งเช่นนี้ด้วยหรือ?” “ใต้เท้าเฉิน บ้านของท่านก็มีบ่าวเลวเช่นนี้เหมือนกันกระมัง” พวกพ้องของเสิ่นหมิงหยวนถามเฉินฝานเฉินฝานไม่อาจปฏิเสธได้เลยขณะที่สนทนาเล่นกับฉินเย่ว์เจียวเมื่อคืน ฉินเย่ว์เจียวบอกเขาว่ามีองครักษ์ในบ้านถูกใจภรรยาที่งดงามของชาวบ้านคนหนึ่ง จึงบังคับแย่งชิงตัวมาตรง ๆ องครักษ์คนนั้นถูกฉินเย่ว์เจียวจับมัดส่งเข้าคุกกรมอาญาด้วยตนเองไม่กี่ปีที่ผ่านมานี้สถานการณ์ของต้าชิ่งไม่สู้ดีนัก กอปรกับบุรุษน้อยสตรีมาก บุรุษมีค่าดั่งทองคำ ขอเพียงบุรุษไม่ได้กระทำความผิดใหญ่หลวงอะไรก็จะไม่ได้รับการลงโทษอะไรเลย ก็เหมือนกับจางทงและจางสิงที่ข่มเหงสตรีดีงามกลางถนน แค่โดนลงโทษไล่ออกจากเมืองหลวงเท่านั้น อย่าว่าแ
“พวกเจ้าหมายถึงขุนนางเสิ่นหรือ? พวกเจ้าควรรู้เอาไว้ว่าหากไม่มีหลักฐาน การพูดให้ร้ายขุนนางขั้นหนึ่งของราชสำนักมีโทษถึงตายนะ!” ฉินเย่ว์เหมยเน้นคำว่าโทษถึงตายเป็นพิเศษ พูดให้จางทงกับจางสิงฟัง และพูดให้เสิ่นหมิงหยวนกับเสิ่นหยวนเลี่ยงฟัง รวมถึงพูดให้ผู้คนมากมายฟังด้วย“ฝ่าบาท!” เสิ่นหมิงหยวนพลันเดินมาข้างหน้า “อย่าทรงถูกหลอกนะพ่ะย่ะค่ะ พวกเขาจะต้องไม่ได้กินสารหนูอย่างแน่นอน บนโลกนี้ไม่มีผู้ใดกินสารหนูแล้วรอดชีวิตต่อไปได้พ่ะย่ะค่ะ”“โอ้?” ฉินเย่ว์เหมยเลิกคิ้วขึ้น “ขุนนางเสิ่นรู้ได้อย่างไรว่าพวกเขาไม่ได้กินสารหนู?” “เพราะว่าเดิมทีพวกเขาอยู่ในตระกูลเสิ่นของกระหม่อมพ่ะย่ะค่ะ” เสิ่นหมิงหยวนกล่าว“นี่ขุนนางเสิ่นยอมรับว่ารู้จักสองคนนี้หรือ?”“ใช่พ่ะย่ะค่ะ เดิมทีพวกเขาเป็นผู้คุ้มกันตระกูลเสิ่นของกระหม่อมพ่ะย่ะค่ะ"“ดังนั้น ข้อกล่าวหาของพวกเขาเป็นความจริงหรือ?” ฉินเย่ว์เหมยเอ่ยถามเสียงเย็นชาเสิ่นหมิงหยวนยอมรับว่าจางทงกับจางสิงเป็นคนของเขารวดเร็วถึงเพียงนี้ ทำให้ฉินเย่ว์เหมยประหลาดใจมาก การเปิดเผยตรงไปตรงมาของเสิ่นหมิงหยวนกลับทำให้ฉินเย่ว์เหมยไม่สบายใจเล็กน้อย เสิ่นหมิงหยวนมีแผนการรับมือที
เมื่อฉินเย่ว์เหมยถามจางทงกับจางสิงว่าผู้ใดบงการพวกเขา ทั่วทั้งบริเวณก็เงียบลงอีกครั้งทั้ง ๆ ที่มีคนยืนอยู่นับล้าน แต่กลับเงียบงันจนได้ยินแม้กระทั้งเข็มตกลงบนพื้น...เสิ่นหมิงหยวนกับเสิ่นหยวนเลี่ยงสบตากันอันที่จริงแล้วไม่เรียกว่าสบตากัน แต่เสิ่นหมิงหยวนกำลังปลอบใจเสิ่นหยวนเลี่ยง ไม่ให้เขาตื่นตระหนกมากกว่าจางทงกับจางสิงเองก็สบตากันแวบหนึ่ง“ท่านพี่ พูดไปเถิด” จางสิงกล่าว“ปึก!”จางทงโขกศีรษะลงกับพื้นอย่างแรงจางสิงก็ทำตามเช่นกัน“ฝ่าบาท ผู้ที่บงการพวกกระหม่อม ก็คือ...”“พวกเขา!”จางทงและจางสิงชี้ไปที่พ่อลูกตระกูลเสิ่นพร้อมกันคำตอบที่ได้นี้ทำให้ชาวเมืองลู่ตูตกตะลึงเกินไปแล้ว ถึงขนาดที่พวกเขาไม่ทันได้มีปฏิกิริยาตอบกลับใด ๆ ในตอนที่จางทงกับจางสิงชี้ไปยังพ่อลูกตระกูลเสิ่น ชาวบ้านทั่วไปตะลึงงัน เสิ่นหมิงหยวนกับเสิ่นหยวนเลี่ยงก็ตะลึงงันเช่นกันจางทงกับจางสิงเป็นนักรบกล้าตายที่ตระกูลเสิ่นของพวกเขาเลี้ยงดูสั่งสอนมาตั้งแต่เล็ก จงรักภักดีต่อพวกเขาอย่างถึงที่สุด จางทงกับจางสิงไม่มีทางหักหลักพวกเขาเพราะเฉินฝานช่วยชีวิตจางทงกับจางสิงไว้เป็นอันขาดเดิมทีจางทงกับจางสิงจงรักภักดีต่อต