“รอให้ข้ากลับไปก่อนเถอะ ข้าต้องต่อยเจ้าสารเลวเสิ่นหมิงหยวนนั้นให้หนำใจ!”อ๋องตวนที่เดินตามเฉินฝานพูดบ่นไม่หยุดปาก“เสิ่นหมิงหยวนน่าต่อยก็จริง ทว่าเส้นทางการเดินทางของพวกเราครั้งนี้ไม่ใช่เขาที่เป็นคนเปิดเผย แต่เป็นข้าเอง” เฉินฝานกล่าวอย่างเรียบนิ่ง“อะไรนะ? เพราะเหตุใดกัน?” อ๋องตวนมองเฉินฝานด้วยความงุนงงเฉินฝานยกยิ้มมุมปากทันที “เพื่อความเร้าใจไงเล่า! ท่านอ๋องท่านคิดดูว่ากองกำลังแคว้นจ้าวสองแสนคนกำลังตามหาพวกเรา พวกเรากลับแฝงตัวเข้าไปในเมืองหน้าตาเฉย ความรู้สึกเช่นนี้เร้าใจยิ่งนักไม่ใช่รึ?”“เร้าใจอย่างมากจริงๆ” อ๋องตวนฝืนยิ้ม นี่ไม่ใช่เร้าใจอย่างมาก ทว่าเร้าใจเกินไปแล้ว หากว่าหลบหนีไม่พ้น พวกเขาคงจะกองกำลังแคว้นแทงจนเป็นรูพรุนเป็นแน่“สมแล้วที่ลูกเขยของข้าอ๋องตวนเจ้าบ้าระห่ำยิ่งกว่าตอนที่ข้ายังหนุ่มเสียอีก!”อ๋องตวนในตอนยังหนุ่มนำทัพกองกำลังม้าเหล็กหนึ่งร้อยนายมุ่งหน้าสู่แคว้นจ้าวได้รับชื่อเสียงจนเป็นที่เล่าขานทว่าเฉินฝานผู้นี้ไม่มีกองทัพม้าเหล็กแม้แต่คนเดียวเรียกได้ว่าลุยเดี่ยวโดยสมบูรณ์แบบเฉินฝานยิ้มจาง ๆ ไม่ได้กล่าวอันใดต่อเขาทำเช่นนี้ไม่ใช่เพราะบ้าระห่ำ แต่เป็นการ
สองสามปีก่อนสามีของนางถูกเกณฑ์ไปเป็นทหาร เสียชีวิตอยู่ในสนามรบ ในตอนนี้นางเป็นเพียงสตรีนางหนึ่งที่มีลูกห้าคนและแม่เฒ่าที่อายุเจ็ดสิบปี ทั้งครอบครัวมีทั้งเจ็ดคน ทุกคนล้วนตั้งตาคอยซาลาเปาจากแผงขายของหากไม่มีแผงขายของนี้ พวกนางจะมีชีวิตอยู่ต่อได้อย่างไร“ขอร้องล่ะ หากไม่มีแผงขายของนี้ พวกเราทั้งครอบครัวคงจะต้องอดตายเป็นแน่”เห็นว่าขอร้องเช่นนี้ไม่ได้ผล สตรีวัยกลางคนจึงรุดหน้าไปกอดขาอ้อนวอนหัวหน้ากองกำลังแคว้นจ้าว“เจ้าอดตายมันก็ไม่เกี่ยวอันใดกับข้า หากเจ้าจะไม่มีชีวิตรอดก็ไปวิงวอนจักรพรรดิต้าชิ่งของพวกเจ้าสิ!”ระหว่างที่พูดพลทหารแคว้นจ้าวผู้นั้นก็สะบัดขาอย่างหมดความอดทนทำให้สตรีวัยกลางคนลอยกระเด็นออกไป“แม่ แม่จ๋า!”มีเด็กสาวอายุราวสิบสามสิบสี่ปีวิ่งออกมาพยุงตัวของสตรีวัยกลางคนจากตรอกเล็ก ๆด้านหลังแผงขายของ“ใครให้พวกเจ้าออกมา? กลับไป! กลับไปเดี๋ยวนี้!”หญิงวัยกลางคนไม่สนใจความเจ็บปวดบนร่างกาย ตวาดลูกสาวลั่นด้วยความโมโห พลางผลักเหล่าลูกสาวให้ไปที่อื่นแต่ทว่า...คำตวาดและการกระทำของนางเสียไปแล้ว“พวกเจ้าดูสิ!” มีพลทหารแคว้นจ้าวคนหนึ่งวิ่งมาบีบคางสองเด็กสาวให้แหงนหน้าขึ้น “สอง
“ท่านอ๋อง!”เฉินฝานดึงอ๋องตวนไว้“เสี่ยวฝาน เจ้าทนได้แต่ข้าทนไม่ไหวแล้ว ต่อให้ตัวตนจะถูกเปิดเผย ข้าก็ไม่สามารถปล่อยให้คนตายต่อหน้าต่อตาได้หรอก”อ๋องตวนคิดว่าเฉินฝานจะห้าม จึงสะบัดมือเฉินฝานออก โวยวายที่จะไปช่วยคน ทว่าก็ถูกเฉินฝานดึงกลับมาทันที“ข้าก็ทนไม่ได้เช่นกัน พวกเราต้องช่วยคนก็จริง ทว่าไม่สามารถช่วยเช่นนี้!”เฉินฝานชี้ร้านค้าที่อยู่ด้านหลังผ่านร้านค้านั้นไปก็จะสามารถไปถึงท้ายตรอกได้ร้านค้าเป็นร้านขายสิ่งทอแห่งหนึ่ง ตอนนี้เมืองเฟิ่งหวงกำลังตกทุกข์ได้ยาก ราษฎรใช้ชีวิตด้วยความลำบาก ดังนั้นในร้านจึงไม่มีลูกค้าหลังจากที่เข้าไปในร้านค้า เฉินฝานหยิบผ้ามาสองสามผืน“ไม่ต้องทอนเงิน!”เฉินฝานโยนทองคำใบไม้แล้วก็เดินออกไปด้านหลังร้านทันที“ใครใช้ให้พวกเจ้ามารังแกสตรีที่แคว้นต้าชิ่ง!”พลทหารแคว้นจ้าวสองสามคนนั้นสิ้นลมไปแล้ว ทว่าอ๋องตวนก็ยังไม่หายโมโห กล่าวซ้ำอีกครั้งว่าใครใช้ให้พวกเจ้ามารังแกสตรีที่แคว้นต้าชิ่ง พลางหยิบก้อนหินทุบใส่อย่างรุนแรงเขามีพลังเทพโดยกำเนิด พลทหารแคว้นจ้าวเหล่านั้นล้วนถูกเขาทุบจนหน้าตาเละเทะไปแล้วสามแม่ลูกยังคงไม่รู้ตัว“อ้าก อย่านะ ๆ ๆ!”ตอนที่เฉิ
ผู้ที่มาแจ้งไม่เพียงได้รับเงินรางวัลห้าพันตำลึงเท่านั้นหากเป็นสตรีที่ยังไม่ได้ออกเรือน เขาจะแต่งตั้งให้เป็นพระชายาทันทีหากเป็นชายหนุ่ม ไม่ว่าจะเคยร่ำเรียนหรือไม่ ล้วนสามารถแต่งตั้งขุนนางระดับห้าได้ทันทีรางวัลเช่นนี้ช่างน่าเย้ายวนใจ ภายในพริบตาเดียว ทุกคนล้วนต่างพากันค้นหาเฉินฝานและอ๋องตวน“กลุ่มคนสารเลวเหล่านั้น พวกเขาก็เป็นราษฎรของพวกเราต้าชิ่งไม่ใช่รึ? คาดไม่ถึงว่าจะทรยศพวกเราเพียงเพราะเงินน้อยนิด ตำแหน่งพระชายา ตำแหน่งขุนนางระดับห้าอะไรนั้น”อ๋องตวนเดือดดาลอย่างมาก ทว่าเฉินฝานกลับเข้าใจเงินห้าพันตำลึงทอง ตำแหน่งพระชายาของจักรพรรดิ ตำแหน่งขุนนางระดับห้าสำหรับชาวบ้านธรรมดาแล้วเป็นข้อเสนอที่เย้ายวนใจอย่างมาก อ๋องตวนที่เกิดมาในตระกูลจักรพรรดิอยู่แล้วไม่มีทางเข้าใจได้การหาเฉินฝานและอ๋องตวนให้เจอก็เหมือนกับการพลิกชะตาชีวิตฝืนลิขิตสวรรค์ประกาศจับได้ประกาศไปสามวันแล้ว จ้าวรุ่ยได้รับข่าวสารของเฉินฝานแล้ว ทว่าไม่ใช่ที่ซ่อนของเฉินฝาน ข่าวสารที่เขาได้รับเฉินฝานเป็นคนส่งมาทั้งหมดจ้าวรุ่ยนั่งอยู่บัลลังก์หนังเสือและมีสองสาวรับใช้นุ่งน้อยห่มน้อยคอยบีบนวดหัวไหล่ให้เขาเมื่อได้ฟั
“ไม่!” ทหารที่รูปร่างสูงที่สุดโบกมือ “ไม่อาจดื่มได้แล้ว ฝ่าบาทมีรับสั่ง วันนี้ให้ทหารทุกนาย ตามจับเฉินฝานชาวแคว้นต้าชิ่งคนนั้น”“เฮ้อ!” อ๋องตวนตอบอย่างไม่ยี่ร่ะ “พวกข้าคือทหารรักษาพระองค์ ทหารรักษาพระองค์ เข้าใจหรือไม่ พวกข้าทำหน้าที่ดูแลความปลอดภัยของฝ่าบาท ตามหาเฉินฝานไม่เกี่ยวอะไรกับพวกข้า”“เพราะไม่เจอตัวเฉินฝาน พวกเราจึงต้องระมัดระวัง เฉินฝานกล่าวว่า จะมาจับฝ่าบาทของพวกเราถึงตำหนัก”“เจ้าฟังเขาคุยโวไปเถอะ!” อ๋องตวนโบกมือพร้อมกับทำสีหน้าดูแคลน“พวกเราทหารรักษาพระองค์มากกว่าหนึ่งหมื่นนาย เขาบอกว่าจะเข้ามาก็เข้ามาได้เช่นนั้นหรือ? ทั้งหมดเป็นเพราะเจ้าพวกข้างนอกนั่นไร้ความสามารถ ตามหาคนคนหนึ่งตั้งนานก็ยังไม่เจอตัวอีก ดังนั้นจึงเจตนาพูดให้เฉินฝานอะไรนั่นเก่งกาจ?”อ๋องตวนพูด จากนั้นหันไปมองเฉินฝานที่กำลังย่างเนื้อกวาง “เจ้าว่าใช่หรือ?”“ใช่ พวกคนข้างนอกไร้ความสามารถจริงๆ!” เฉินฝานยกเนื้อกวางที่ย่างเสร็จออกมา “พี่ชายทุกคน มากินเนื้อกวางกันเถอะ!”เนื้อกวางที่เฉินฝานย่างรสชาติอร่อยเลิศ เมื่อเห็นเนื้อกวางในมือเฉินฝาน ทหารรักษาพระองค์อีกสองนายที่เงียบมาโดยตลอด รีบยื่นมือมาหยิบทันที“น
“ไม่ได้เรื่อง ไม่ได้เรื่อง ไม่ได้เรื่องเลยจริงๆ!”อ๋องตวนมองทหารรักษาพระองค์แคว้นจ้าวทั้งสามคนที่เมาไม่ได้สติ ด้วยสีหน้าดูแคลน“เป่ายิ้งฉุบไม่ได้เรื่อง ทั้งยังคออ่อนเช่นนี้อีก ดื่มไม่ถึงสิบไห ก็ฟุบหลับไปแล้ว เสี่ยวฝาน” อ๋องตวนมองเฉินฝานอย่างประจบ “ลูกเขยที่รัก พวกเราไปเอาสุรามาดื่มอีกสักสองสามไหกันเถอะ”“ไม่ได้ขอรับ!” เฉินฝานส่ายหน้า เขามองตำหนักตรงหน้าที่อยู่ห่างไม่ถึงสามร้อยเมตร “วันนี้ พวกเราต้องทำงานแล้ว!”“ทำงาน?”ดวงตาเมามายในตอนแรกของอ๋องตวน ทอประกายขึ้นมาทันที“จะฝ่าเข้าไปหรือ?”อ๋องตวนชื่นชอบในการดื่มสุรา แต่รักการต่อสู้มากกว่ามีเรื่องให้ใช้ความรุนแรง จึงหยุดดื่มชั่วขณะได้เฉินฝานยกมุมปากขึ้นเล็กน้อย“ใช่ขอรับ!”“เพล้ง!” อ๋องตวนโยนถ้วยในมือ ทิ้งลงบนพื้น “เยี่ยม เยี่ยมจริงๆ!”วันแรกที่แฝงตัวเข้ามาในค่ายทหารรักษาพระองค์ อ๋องตวนก็อยากลงมือแล้ว แต่ถูกเฉินฝานสั่งให้อดทนมานานกว่าสามเดือน“เสี่ยวฝาน พวกเราจะสู้อย่างเปิดเผย หรือว่าลอบทำร้าย?” อ๋องตวนถามสายตาของเฉินฝานจับจ้องไปยังตำหนักที่ตั้งอยู่ไม่ไกลนัก“สู้อย่างเปิดเผย!”“สุดยอด!” อ๋องตวนชูนิ้วโป้งให้เฉินฝาน “สู้อ
เมื่อเสียงปืนดังขึ้น เฉินฝานและอ๋องตวนไม่อาจปิดบังตัวตนได้อีกต่อไป“เฉินฝานมาแล้ว!”เฉินฝานมาแล้วทุกคนในตำหนักมองหน้ากันด้านนอกมีทหารจ้าวนับสองแสนนายกำลังตามหาเขา ที่นี่มีทหารรักษาพระองค์มากกว่าหมื่นนายคอยคุ้มกันเฉินฝานไม่หนี แต่กลับโผล่มาที่ตำหนักหากพวกเขาไม่ได้หูฝาด เช่นนั้นก็คือเฉินฝานบ้าไปแล้ว!“เป็นไปไม่ได้ เป็นไปไม่ได้เด็ดขาด!”จ้าวรุ่ยโบกมืออย่างไม่ยี่หร่ะบุกมาที่ตำหนัก เฉินฝานจะกล้าหรือ?หากเขากล้า ก็คงไม่เป็นเต่าหดหัวอยู่ในกระดองนานเช่นนี้แล้วจ้าวรุ่ยสะบัดแขนเสื้อ“บรรเลงดนตรีต่อ ร่ายรำกันต่อ!”จ้าวรุ่ยคนนี้ ชื่นชอบหญิงงาม ไม่ว่าจะไปที่ใด ข้างกายเขาล้วนมีนางรำแสนเย้ายวน คอยปรนนิบัติสร้างความสุขให้เขา“ปั้ง ปั้ง ปั้ง!”“อ๊ากกก!”จ้าวรุ่ยพูดจบเพียงครู่หนึ่ง นอกตำหนักก็มีเสียงปืนและเสียงร้องโอดครวญของทหารรักษาพระองค์ดังขึ้นคนในตำหนัก ตะลึงงันอีกครั้งเสียงร้องโอดครวญของคนด้านนอก ใกล้เข้ามาเรื่อยๆหรือว่า..."ช่างเป็นพวกไม่ได้เรื่องจริงๆ"“เจ้าคนสารเลวจ้าว ข้ามาแล้ว ออกมาแล้วยอมแพ้แต่โดยดี”เสียงดังราวกับนาฬิกาบอกเวลาของอ๋องตวนดังขึ้น จากด้านนอกภายใน
จ้าวรุ่ยโบกมือไปด้านหน้า“ลุย!”“พรึ่บ!”ในเวลาเดียวกัน เฉินฝานกระชากเสื้อตัวนอกออกภายใต้เสื้อตัวนอก ตัวของเขามีกระสุนแขวนอยู่ทั่วทั้งตัว ที่เอวมีระเบิดมือเรียงราย“ท่านอ๋อง ท่านเตรียมพร้อมแล้วหรือยัง?”“เสี่ยวฝาน ข้าพร้อมแล้ว”เฉินฝานคว้าระเบิดมือที่เอว ดึงสลัก แล้วโยนไปทางทหารรักษาพระองค์ที่กำลังกรูเข้ามาหาเขาระเบิดมือนี้ไม่ใช่ระเบิดทำลายล้าง แต่เป็นระเบิดควันควันจำนวนมากพวยพุ่งออกมาขณะเดียวกัน เฉินฝานชูปืนกลมือขึ้น เล็งไปด้านหน้า“ปั้ง ปั้ง ปั้ง!”ทหารรักษาพระองค์แคว้นจ้าวที่อยู่ด้านหน้าสุด ตัวของพวกเขากระตุกอย่างรุนแรงครู่หนึ่ง สุดท้ายก็ล้มลงเฉินฝานไม่หยุด เขาชูปืนกลมือขึ้น กราดยิงไปตลอดทาง วิ่งไปทางจ้าวรุ่ยอย่างรวดเร็วใช้กระสุนหมดไปหนึ่งแถว เขาก็รีบเปลี่ยนแถวใหม่ทันทีขณะเปลี่ยนกระสุน มีทหารรักษาพระองค์แคว้นจ้าวบุกมาก ถูกอ๋องตวนคว้าตัวขึ้นทุ่มโยนตอนโยนตัวทหารออกไป ทหารล้มลงเป็นแนวระนาบทางด้านทหารที่อยู่ใกล้ๆ อ๋องตวนปล่อยหมัดไม่ยั้ง ทหารรักษาพระองค์ที่ถูกเขาต่อย อาเจียนเป็นเลือด ร้องโอดครวญด้วยความเจ็บปวดควันค่อยๆ จางหายไประยะห่างระหว่างเฉินฝานและจ้าวรุ
“ให้เขากิน!”เสิ่นหมิงหยวนผลักองครักษ์คนนั้นไปตรงหน้าเฉินฝานทันที“ใช่แล้ว จะปล่อยให้เฉินฝานเลือกคนกินสารหนูไม่ได้” พรรคพวกของเสิ่นหมิงหยวนพากันสนับสนุน“ไม่เพียงไม่อาจให้เฉินฝานเลือก สารหนูก็ต้องให้ใต้เท้าเสิ่นหาคนไปนำมาด้วยเช่นกัน” เฉินฝานไม่มีความเห็นอะไรกับข้อเสนอนี้ของเสิ่นหมิงหยวนเลย คนของเสิ่นหมิงหยวนกินสารหนู นี่เป็นข้อเสนอที่ไม่อาจดีไปกว่านี้แล้วองครักษ์ที่โดนผลักออกมาหน้าซีดเผือด ร่างกายสั่นเทา หากไม่ใช่เพราะมีคนพยุงอยู่ข้าง ๆ เกรงว่าตอนนี้เขาคงจะตกใจกลัวจนล้มไปกองกับพื้นแล้ว “สั่นทำไม ใต้เท้าเลี้ยงดูเจ้ามานานถึงเพียงนี้ ก็ถึงเวลาที่เจ้าต้องตอบแทนแล้ว” รองแม่ทัพข้างกายเสิ่นหมิงหยวนตะคอกใส่องครักษ์ผู้นั้นเบา ๆ “ข้าน้อย...”“วางใจได้ หากเจ้าตาย ครึ่งชีวิตที่เหลือของมารดา ภรรยาและบุตรสาวของเจ้าจะมีเงินให้ใช้ไม่หมดไม่สิ้น ได้ใช้ชีวิตที่ดีเหนือผู้อื่นตลอดไป หากเจ้าสั่นอีก เช่นนั้นก็อย่าโทษว่าข้าไม่เกรงใจ ให้พวกเจ้าทั้งครอบครัวไปเจอกันที่ปรโลก” รองแม่ทัพของเสิ่นหมิงหยวนใช้ทั้งบุญคุณและความเข้มงวดกับองครักษ์ผู้นั้น องครักษ์ผู้นั้นค่อย ๆ เลิกดิ้นรน สองตาว่างเปล่า ยืนอยู
“เช้ง!”เสียงกระบี่คมกริบออกจากฝักดึงขึ้นในอากาศหน้าประตูโรงเตี๊ยม“พูดมา!” หลี่ชิ่งชักกระบี่ออกจากเอวแล้วจ่อไปที่คอของจางทง “พวกเจ้ารับผลประโยชน์จากเฉินฝานใช่หรือไม่ ถึงได้ใส่ร้ายใต้เท้าเสิ่น”“พวกเราจะรับผลประโยชน์จากใต้เท้าเฉินได้อย่างไร เขาช่วยชีวิตพวกเราไว้” จางทงกล่าว“ยังจะบอกว่าเฉินฝานไม่ได้ให้ผลประโยชน์กับพวกเจ้าอีก เขาช่วยชีวิตพวกเจ้าไว้ก็เป็นผลประโยชน์แล้ว”พรรคพวกของเสิ่นหมิงหยวนยิ่งพูดก็ยิ่งบิดเบือน จางทงร้อนใจไม่ไหวแล้ว แต่กลัวว่าหากไม่ระวังคำพูดของตนเอง พวกพ้องของเสิ่นหมิงหยวนจะนำมาเล่นงานได้แต่ว่าไม่แก้ตัวก็ไม่ได้อีก ทำให้เขาร้อนใจจนหน้าแดงก่ำไปหมดแล้ว “นี่จะนับเป็นผลประโยชน์ได้อย่างไร ใต้เท้าเฉินแค่มีเมตตา...”จางสิงที่อยู่ข้าง ๆ รีบเอ่ย แต่เขายังไม่ทันพูดจบ พรรคพวกของเสิ่นหมิงหยวนก็เอ่ยตัดบทเขา“มีเมตตา บนโลกนี้จะมีเมตตาโดยไม่มีเหตุผลหรือ หากไม่ใช่เพราะเดิมทีพวกเจ้าเป็นองครักษ์ของตระกูลเสิ่น เจ้าคิดว่าเขาจะช่วยพวกเจ้าหรือ?” “เรื่องนี้...”เมื่อเห็นจางทงกับจางสิงลังเลใจ พรรคพวกของเสิ่นหมิงหยวนก็ฉวยโอกาสโจมตีต่อทันที “เห็นหรือไม่ พวกเจ้าเองก็คงคิดว่าไม่มีท
“เหลวไหลสิ้นดี!”พวกพ้องของเสิ่นหมิงหยวนเอ่ยโต้แย้งจางทงและจางสิงทันที “พวกเขาสองคนเป็นคนเลวย่อมพูดแต่เรื่องเลว ๆ ผู้คุ้มกันและบ่าวอาศัยครอบครัวเจ้านายไปวางอำนาจบาตรใหญ่ข้างนอกก็เป็นเรื่องปกติไม่ใช่หรือ? หากบอกว่าพวกเจ้ากระทำผิดเพราะใต้เท้าเสิ่นสั่งการ เช่นนั้นใต้เท้าหรือว่าเชื้อพระวงศ์ทั่วทั้งเมืองหลวง แต่ละคนก็สั่งการแบบนี้เช่นกันหรือ? สบคบคิดทำเรื่องที่สร้างความเสียหายต่อต้าชิ่งเช่นนี้ด้วยหรือ?” “ใต้เท้าเฉิน บ้านของท่านก็มีบ่าวเลวเช่นนี้เหมือนกันกระมัง” พวกพ้องของเสิ่นหมิงหยวนถามเฉินฝานเฉินฝานไม่อาจปฏิเสธได้เลยขณะที่สนทนาเล่นกับฉินเย่ว์เจียวเมื่อคืน ฉินเย่ว์เจียวบอกเขาว่ามีองครักษ์ในบ้านถูกใจภรรยาที่งดงามของชาวบ้านคนหนึ่ง จึงบังคับแย่งชิงตัวมาตรง ๆ องครักษ์คนนั้นถูกฉินเย่ว์เจียวจับมัดส่งเข้าคุกกรมอาญาด้วยตนเองไม่กี่ปีที่ผ่านมานี้สถานการณ์ของต้าชิ่งไม่สู้ดีนัก กอปรกับบุรุษน้อยสตรีมาก บุรุษมีค่าดั่งทองคำ ขอเพียงบุรุษไม่ได้กระทำความผิดใหญ่หลวงอะไรก็จะไม่ได้รับการลงโทษอะไรเลย ก็เหมือนกับจางทงและจางสิงที่ข่มเหงสตรีดีงามกลางถนน แค่โดนลงโทษไล่ออกจากเมืองหลวงเท่านั้น อย่าว่าแ
“พวกเจ้าหมายถึงขุนนางเสิ่นหรือ? พวกเจ้าควรรู้เอาไว้ว่าหากไม่มีหลักฐาน การพูดให้ร้ายขุนนางขั้นหนึ่งของราชสำนักมีโทษถึงตายนะ!” ฉินเย่ว์เหมยเน้นคำว่าโทษถึงตายเป็นพิเศษ พูดให้จางทงกับจางสิงฟัง และพูดให้เสิ่นหมิงหยวนกับเสิ่นหยวนเลี่ยงฟัง รวมถึงพูดให้ผู้คนมากมายฟังด้วย“ฝ่าบาท!” เสิ่นหมิงหยวนพลันเดินมาข้างหน้า “อย่าทรงถูกหลอกนะพ่ะย่ะค่ะ พวกเขาจะต้องไม่ได้กินสารหนูอย่างแน่นอน บนโลกนี้ไม่มีผู้ใดกินสารหนูแล้วรอดชีวิตต่อไปได้พ่ะย่ะค่ะ”“โอ้?” ฉินเย่ว์เหมยเลิกคิ้วขึ้น “ขุนนางเสิ่นรู้ได้อย่างไรว่าพวกเขาไม่ได้กินสารหนู?” “เพราะว่าเดิมทีพวกเขาอยู่ในตระกูลเสิ่นของกระหม่อมพ่ะย่ะค่ะ” เสิ่นหมิงหยวนกล่าว“นี่ขุนนางเสิ่นยอมรับว่ารู้จักสองคนนี้หรือ?”“ใช่พ่ะย่ะค่ะ เดิมทีพวกเขาเป็นผู้คุ้มกันตระกูลเสิ่นของกระหม่อมพ่ะย่ะค่ะ"“ดังนั้น ข้อกล่าวหาของพวกเขาเป็นความจริงหรือ?” ฉินเย่ว์เหมยเอ่ยถามเสียงเย็นชาเสิ่นหมิงหยวนยอมรับว่าจางทงกับจางสิงเป็นคนของเขารวดเร็วถึงเพียงนี้ ทำให้ฉินเย่ว์เหมยประหลาดใจมาก การเปิดเผยตรงไปตรงมาของเสิ่นหมิงหยวนกลับทำให้ฉินเย่ว์เหมยไม่สบายใจเล็กน้อย เสิ่นหมิงหยวนมีแผนการรับมือที
เมื่อฉินเย่ว์เหมยถามจางทงกับจางสิงว่าผู้ใดบงการพวกเขา ทั่วทั้งบริเวณก็เงียบลงอีกครั้งทั้ง ๆ ที่มีคนยืนอยู่นับล้าน แต่กลับเงียบงันจนได้ยินแม้กระทั้งเข็มตกลงบนพื้น...เสิ่นหมิงหยวนกับเสิ่นหยวนเลี่ยงสบตากันอันที่จริงแล้วไม่เรียกว่าสบตากัน แต่เสิ่นหมิงหยวนกำลังปลอบใจเสิ่นหยวนเลี่ยง ไม่ให้เขาตื่นตระหนกมากกว่าจางทงกับจางสิงเองก็สบตากันแวบหนึ่ง“ท่านพี่ พูดไปเถิด” จางสิงกล่าว“ปึก!”จางทงโขกศีรษะลงกับพื้นอย่างแรงจางสิงก็ทำตามเช่นกัน“ฝ่าบาท ผู้ที่บงการพวกกระหม่อม ก็คือ...”“พวกเขา!”จางทงและจางสิงชี้ไปที่พ่อลูกตระกูลเสิ่นพร้อมกันคำตอบที่ได้นี้ทำให้ชาวเมืองลู่ตูตกตะลึงเกินไปแล้ว ถึงขนาดที่พวกเขาไม่ทันได้มีปฏิกิริยาตอบกลับใด ๆ ในตอนที่จางทงกับจางสิงชี้ไปยังพ่อลูกตระกูลเสิ่น ชาวบ้านทั่วไปตะลึงงัน เสิ่นหมิงหยวนกับเสิ่นหยวนเลี่ยงก็ตะลึงงันเช่นกันจางทงกับจางสิงเป็นนักรบกล้าตายที่ตระกูลเสิ่นของพวกเขาเลี้ยงดูสั่งสอนมาตั้งแต่เล็ก จงรักภักดีต่อพวกเขาอย่างถึงที่สุด จางทงกับจางสิงไม่มีทางหักหลักพวกเขาเพราะเฉินฝานช่วยชีวิตจางทงกับจางสิงไว้เป็นอันขาดเดิมทีจางทงกับจางสิงจงรักภักดีต่อต
เมื่อได้ยินฐานะของบุรุษที่อยู่ด้านหลังผู้นั้น ในใจของฉินเย่ว์เหมยก็รู้สึกอย่างตกตะลึงอย่างมาก ก่อนหน้านี้นางก็ได้ยินหงอิงบอกว่าพวกนักฆ่าที่ลอบเข้าศูนย์บรรเทาทุกข์เหล่านั้นกินยาพิษฆ่าตัวตายกันหมดแล้ว นอกจากนี้ยาที่กินยังเป็นสารหนูอีกด้วย คนที่กินสารหนูเข้าไปยังมีชีวิตรอดได้จริงหรือ?ฉินเย่ว์เหมยมองเฉินฝานด้วยความเหลือเชื่อ หลังจากที่เคยเห็นวิชาแปลงโฉมมาก่อน ฉินเย่ว์เหมยกังวลเล็กน้อยว่าเฉินฝานจะใช้กลอุบายนี้ ตอนนี้ไม่เหมาะที่จะใช้กลอุบายนี้ ทางฝั่งเสิ่นหมิงหยวนสามารถมองออกได้ทันที ราวกับว่ากระแสจิตเชื่อมถึงกัน ฉินเย่ว์เหมยมองไปทางเฉินฝาน เฉินฝานก็มองมาทางนางพอดีเมื่อรับรู้ถึงความกังวลในใจฉินเย่ว์เหมย เฉินฝานก็พยักหน้าให้นางเล็กน้อย บ่งบอกให้นางไต่สวนอย่างสบายใจในขณะเดียวกัน ฉินเย่ว์เจียวก็เดินมาอยู่ข้างกายหงอิงเงียบ ๆ ฉินเย่ว์เจียวยัดกระดาษแผ่นหนึ่งใส่มือของหงอิง จากนั้นหงอิงก็แสดงตัวอักษรบนกระดาษให้ฉินเย่ว์เหมยเห็นหลังจากที่เห็นตัวอักษรบนกระดาษ ฉินเย่ว์เหมยก็สะบัดแขนเสื้อ จ้องมองบุรุษสองคนที่คุกเข่าตรงหน้านาง “บังอาจ คนที่กินสารหนูจะรอดชีวิตจนถึงตอนนี้ได้อย่างไร? จงกล่าวตามคว
“พวกเขา...”เมื่อเห็นชายทั้งสองคน คนแรกที่พูดคือเสิ่นหยวนเลี่ยง หากไม่ใช่เสิ่นหมิงหยวนคว้ามือของเขาไว้ทัน เขาคงสูญเสียการควบคุมทันทีแน่นอนเฉินฝานจับจ้องเสิ่นหยวนเลี่ยง ถามด้วยน้ำเสียงเย็นชา “ใต้เท้าเสี่ยวเสิ่น เหตุใดสีหน้าของท่านจึงซีดขาวเช่นนี้ หรือว่าท่านรู้จักสองคนนี้?”“ข้า ข้าจะรู้จักพวกเขาได้ยอ่างไร!”เสิ่นหยวนเลี่ยงรีบตอบทันทีเฉินฝานยิ้ม น้ำเสียงของเขายังคงเย็นชา “ใต้เท้าเสี่ยวเสิ่นตกใจเกินไปแล้ว ต่อหน้าฝ่าบาทแทนตนเองว่าข้า แม้กระทั่งคำว่ากระหม่อมก็ไม่ใช้”“เพี๊ยะ!”เฉินฝานเพิ่งพูดจบ ตามมาด้วยเสียงตบดังสนั่นฉินเย่ว์เจียวตบเสิ่นหยวนเลี่ยงอย่างดังท่ามกลางผู้คนมากมาย ถูกตบหน้า อีกทั้งยังถูกสตรีตบ เสิ่นหยวนเลี่ยงทั้งโมโหและอับอาย หูของเขาแดงก่ำ เขาชี้ไปที่ฉินเย่ว์เจียวพร้อมกัดฟันพูด “สตรีชั่ว กล้าตบข้างั้นรึ!”“เพี๊ยะ!”เสิ่นหยวนเลี่ยงถูกตบอีกครั้ง ครั้งนี้คนที่ตบเขาไม่ใช่ฉินเย่ว์เจียวแต่เป็นเฉินฝานเดิมทีเสิ่นหยวนเลี่ยงมีรอยฝ่ามือบนใบหน้าเพียงด้านเดียวเท่านั้น ตอนนี้เขามีรอยฝ่ามือทั้งสองด้าน ใบหน้าขาวซีดราวกับถูกประทับด้วยรอยฝ่ามือขับให้เด่นชัดยิ่งนัก“เจ้า...”“เพี
“ไป่เผยหราน”ฉินเย่ว์เหมยร้องเรียกไป่เผยหราน แล้วเดินหน้าหนึ่งก้าวทันทีไป่เผยหรานตัวสั่น รีบร้องตะโกนไปด้านหน้า “ฝ่าบาทอยู่ที่นี่ ใครกล้าขยับ ถือว่าดูหมิ่นกษัตริย์ ประหารชีวิต!”เหอจื่อหลินรอเวลานี้“มือธนู เตรียมตัว !”เกาทัณฑ์ของมือธนูกองทัพลาดตระเวนชูขึ้น เตรียมยิงชาวบ้านที่จะพุ่งตัวมา“ปล่อยตัวเฉินฝานไป ทั้งยังให้กองทัพยิงธนู คนเช่นนี้ไม่สมควรเป็นกษัตริย์แคว้นต้าชิ่งของเรา!”เสื่นหมิงหยวนแฝงตัวในกลุ่มคน ชักจูงทุกคนทันที“ลุย แม้ท่ามกลางพวกเราต้องมีคนตาย แต่อย่างน้อยคนส่วนมากก็ยังมีชีวิตรอด”หลังจากถ้อยคำนี้จบลง ชาวบ้านราวกับได้รับแรงกระตุ้น เลือดสูบฉีดกว่าเมื่อครู่ แต่ละคนพุ่งตัวมาข้างหน้าอย่างไม่คิดชีวิตกองทัพลาดตระเวนไม่อาจทานต้านทานได้แล้วเหอจื่อหลินหลับตาลงด้วยความปวดใจ ยกมือขวาขึ้น“ยิง!”“หยุด!”เสียงของเฉินฝานกลบเสียงของเหอจื่อหลินหลังจากสงครามเมืองเตียนตู กองทัพลาดตระเวนฟังคำสั่งของเฉินฝาน ทั้งที่เฉินฝานไม่มีตำแหน่งใดๆ ในกองทัพลาดตระเวน แต่แท้จริงแล้วเขาคือหัวหน้าที่แท้จริงของกองทัพลาดตระเวนขณะที่กองทัพลาดตระเวนลดเกาทัณฑ์ลง เฉินฝานผลักหงอิงแล้วเดินไปทาง
เสิ่นหมิงหยวนในวันนี้เปี่ยมไปด้วยความมั่นใจ มั่นใจว่าตนต้องเป็นฝ่ายชนะเพราะถอยหลังก้าวหนึ่ง แม้เฉินฝานจะออกนอกโรงเตี๊ยมได้ แต่เขาจะไปหาหลักฐานที่ใด สิ่งที่เกี่ยวข้องกับคนวางยาพิษ นอกจากไป่ชงซาน คนอื่นๆ ล้วนอยู่ระหว่างทางเตรียมเกิดใหม่แล้วเสิ่นหมิงหยวนก้าวไปข้างหน้าก้าวใหญ่ พูดเสียงดัง “เฉินฝานและองค์หญิงแคว้นหลู่ร่วมมือกับวางยาพิษให้กับชาวต้าชิ่ง ฝ่าบาทโปรดรับสั่งจับเขาด้วยพ่ะย่ะค่ะ พร้อมทั้งประหารชีวิตเขา เอาหัวเสียบประจารบนกำแพงเมืองลู่ตู เพื่อสยบความขุ่นเคืองของราษฎรพ่ะย่ะค่ะ!”พูดถึงท้ายประโยค เสิ่นหมิงหยวนคุกเข่าลง “ฝ่าบาทโปรดรับสั่งด้วยพ่ะย่ะค่ะ!”ลง “ฝ่าบาทโปรดรับสั่งด้วยพ่ะย่ะค่ะ!”ขุนนางด้านหลังเสิ่นหมิงหยวนต่างคุกเข่า เพียงชั่วพริบตาภาพตรงหน้าฉินเย่ว์เหมยคือผู้คนมากมายชาวบ้านด้านหน้าเห็นฉินเย่ว์เหมยไม่ออกคำสั่ง ยิ่งโมโหมากกว่าเดิม กองทัพลาดตระเวนของเหอจื่อหลินถอยหลังแล้วถอยหลังอีก“ฝ่าบาท ทางด้านแม่ทัพเหอไม่อาจต้านทานแล้วพ่ะย่ะค่ะ!”หงอิงก็ร้อนใจยิ่งนัก หากฉินเย่ว์เหมยยังไม่มีคำสั่งให้เหอจื่อหลินใช้มาตรการขั้นเด็ดขาด เช่นนั้นชาวบ้านก็จะฝ่าวงล้อมเข้ามาแล้วทุกคนล้ว