ข้อแตกต่างที่ชัดเจนที่สุดระหว่างเฉินฝานและซูซิวฉีคือ แต่ไรมาเขาไม่เคยพูดจาอ้อมค้อม ล้วนพูดทุกสิ่งอย่างตรงไปตรงมาวิธีที่ตรงไปตรงมาเช่นนี้มักจะทำให้เสิ่นหมิงหยวนตั้งตัวรับมือไม่ทันเสมอ“ดี!” เฉินฝานเสียงดังกังวาน “หากใต้เท้าเสิ่นรับปากจะเก็บความลับ เช่นนั้นข้าและอ๋องตวนก็จะปลอดภัยแน่นอน”“ฝ่าบาท รอฟังข่าวดีจากข้าน้อยได้เลย”พูดจบ เฉินฝานก็ก้าวเท้าเดินออกไปทันทีแสงอาทิตย์สาดส่องไปที่ร่างของเฉินฝาน สะท้อนให้เห็นเงาร่างสีจาง ๆ ฉินเย่ว์เหมยตะลึงงันเฉินฝานในตอนนี้เหมือนเทพที่มาจากสรวงสวรรค์ไม่มีผิดคนที่รู้สึกเช่นนี้ไม่ได้มีเพียงฉินเย่ว์เหมยเท่านั้น เสนาบดีส่วนใหญ่ก็รู้สึกเช่นนี้เหมือนกัน“นี่ ลูกเขยที่แสนดี รอข้าด้วยสิ”ร่างกายใหญ่มหึมาของอ๋องตวนวิ่งโยกเยกไล่ตามเฉินฝานไปด้านนอก พลางเอะอะโวยวายด้วยความตื่นเต้น“ว้าว ภารกิจใหญ่มาอีกแล้ว ข้าชอบภารกิจใหญ่ๆเสียจริง”อ๋องตวนมีความสุข ทว่าคนส่วนใหญ่กลับอารมณ์บูดบึ้งโดยเฉพาะโอวหยางน่าหลันที่ทุ่มเทเดินทางไกลมาจากแคว้นหลู่เพื่ออยากใช้เวลาต่อสู้เคียงบ่าเคียงไหล่กับเฉินฝาน ปรากฏว่าเฉินฝานกลับไม่พานางไปด้วยหลังจากนี้ หากเฉินฝานกลับจาก
“รอให้ข้ากลับไปก่อนเถอะ ข้าต้องต่อยเจ้าสารเลวเสิ่นหมิงหยวนนั้นให้หนำใจ!”อ๋องตวนที่เดินตามเฉินฝานพูดบ่นไม่หยุดปาก“เสิ่นหมิงหยวนน่าต่อยก็จริง ทว่าเส้นทางการเดินทางของพวกเราครั้งนี้ไม่ใช่เขาที่เป็นคนเปิดเผย แต่เป็นข้าเอง” เฉินฝานกล่าวอย่างเรียบนิ่ง“อะไรนะ? เพราะเหตุใดกัน?” อ๋องตวนมองเฉินฝานด้วยความงุนงงเฉินฝานยกยิ้มมุมปากทันที “เพื่อความเร้าใจไงเล่า! ท่านอ๋องท่านคิดดูว่ากองกำลังแคว้นจ้าวสองแสนคนกำลังตามหาพวกเรา พวกเรากลับแฝงตัวเข้าไปในเมืองหน้าตาเฉย ความรู้สึกเช่นนี้เร้าใจยิ่งนักไม่ใช่รึ?”“เร้าใจอย่างมากจริงๆ” อ๋องตวนฝืนยิ้ม นี่ไม่ใช่เร้าใจอย่างมาก ทว่าเร้าใจเกินไปแล้ว หากว่าหลบหนีไม่พ้น พวกเขาคงจะกองกำลังแคว้นแทงจนเป็นรูพรุนเป็นแน่“สมแล้วที่ลูกเขยของข้าอ๋องตวนเจ้าบ้าระห่ำยิ่งกว่าตอนที่ข้ายังหนุ่มเสียอีก!”อ๋องตวนในตอนยังหนุ่มนำทัพกองกำลังม้าเหล็กหนึ่งร้อยนายมุ่งหน้าสู่แคว้นจ้าวได้รับชื่อเสียงจนเป็นที่เล่าขานทว่าเฉินฝานผู้นี้ไม่มีกองทัพม้าเหล็กแม้แต่คนเดียวเรียกได้ว่าลุยเดี่ยวโดยสมบูรณ์แบบเฉินฝานยิ้มจาง ๆ ไม่ได้กล่าวอันใดต่อเขาทำเช่นนี้ไม่ใช่เพราะบ้าระห่ำ แต่เป็นการ
สองสามปีก่อนสามีของนางถูกเกณฑ์ไปเป็นทหาร เสียชีวิตอยู่ในสนามรบ ในตอนนี้นางเป็นเพียงสตรีนางหนึ่งที่มีลูกห้าคนและแม่เฒ่าที่อายุเจ็ดสิบปี ทั้งครอบครัวมีทั้งเจ็ดคน ทุกคนล้วนตั้งตาคอยซาลาเปาจากแผงขายของหากไม่มีแผงขายของนี้ พวกนางจะมีชีวิตอยู่ต่อได้อย่างไร“ขอร้องล่ะ หากไม่มีแผงขายของนี้ พวกเราทั้งครอบครัวคงจะต้องอดตายเป็นแน่”เห็นว่าขอร้องเช่นนี้ไม่ได้ผล สตรีวัยกลางคนจึงรุดหน้าไปกอดขาอ้อนวอนหัวหน้ากองกำลังแคว้นจ้าว“เจ้าอดตายมันก็ไม่เกี่ยวอันใดกับข้า หากเจ้าจะไม่มีชีวิตรอดก็ไปวิงวอนจักรพรรดิต้าชิ่งของพวกเจ้าสิ!”ระหว่างที่พูดพลทหารแคว้นจ้าวผู้นั้นก็สะบัดขาอย่างหมดความอดทนทำให้สตรีวัยกลางคนลอยกระเด็นออกไป“แม่ แม่จ๋า!”มีเด็กสาวอายุราวสิบสามสิบสี่ปีวิ่งออกมาพยุงตัวของสตรีวัยกลางคนจากตรอกเล็ก ๆด้านหลังแผงขายของ“ใครให้พวกเจ้าออกมา? กลับไป! กลับไปเดี๋ยวนี้!”หญิงวัยกลางคนไม่สนใจความเจ็บปวดบนร่างกาย ตวาดลูกสาวลั่นด้วยความโมโห พลางผลักเหล่าลูกสาวให้ไปที่อื่นแต่ทว่า...คำตวาดและการกระทำของนางเสียไปแล้ว“พวกเจ้าดูสิ!” มีพลทหารแคว้นจ้าวคนหนึ่งวิ่งมาบีบคางสองเด็กสาวให้แหงนหน้าขึ้น “สอง
“ท่านอ๋อง!”เฉินฝานดึงอ๋องตวนไว้“เสี่ยวฝาน เจ้าทนได้แต่ข้าทนไม่ไหวแล้ว ต่อให้ตัวตนจะถูกเปิดเผย ข้าก็ไม่สามารถปล่อยให้คนตายต่อหน้าต่อตาได้หรอก”อ๋องตวนคิดว่าเฉินฝานจะห้าม จึงสะบัดมือเฉินฝานออก โวยวายที่จะไปช่วยคน ทว่าก็ถูกเฉินฝานดึงกลับมาทันที“ข้าก็ทนไม่ได้เช่นกัน พวกเราต้องช่วยคนก็จริง ทว่าไม่สามารถช่วยเช่นนี้!”เฉินฝานชี้ร้านค้าที่อยู่ด้านหลังผ่านร้านค้านั้นไปก็จะสามารถไปถึงท้ายตรอกได้ร้านค้าเป็นร้านขายสิ่งทอแห่งหนึ่ง ตอนนี้เมืองเฟิ่งหวงกำลังตกทุกข์ได้ยาก ราษฎรใช้ชีวิตด้วยความลำบาก ดังนั้นในร้านจึงไม่มีลูกค้าหลังจากที่เข้าไปในร้านค้า เฉินฝานหยิบผ้ามาสองสามผืน“ไม่ต้องทอนเงิน!”เฉินฝานโยนทองคำใบไม้แล้วก็เดินออกไปด้านหลังร้านทันที“ใครใช้ให้พวกเจ้ามารังแกสตรีที่แคว้นต้าชิ่ง!”พลทหารแคว้นจ้าวสองสามคนนั้นสิ้นลมไปแล้ว ทว่าอ๋องตวนก็ยังไม่หายโมโห กล่าวซ้ำอีกครั้งว่าใครใช้ให้พวกเจ้ามารังแกสตรีที่แคว้นต้าชิ่ง พลางหยิบก้อนหินทุบใส่อย่างรุนแรงเขามีพลังเทพโดยกำเนิด พลทหารแคว้นจ้าวเหล่านั้นล้วนถูกเขาทุบจนหน้าตาเละเทะไปแล้วสามแม่ลูกยังคงไม่รู้ตัว“อ้าก อย่านะ ๆ ๆ!”ตอนที่เฉิ
ผู้ที่มาแจ้งไม่เพียงได้รับเงินรางวัลห้าพันตำลึงเท่านั้นหากเป็นสตรีที่ยังไม่ได้ออกเรือน เขาจะแต่งตั้งให้เป็นพระชายาทันทีหากเป็นชายหนุ่ม ไม่ว่าจะเคยร่ำเรียนหรือไม่ ล้วนสามารถแต่งตั้งขุนนางระดับห้าได้ทันทีรางวัลเช่นนี้ช่างน่าเย้ายวนใจ ภายในพริบตาเดียว ทุกคนล้วนต่างพากันค้นหาเฉินฝานและอ๋องตวน“กลุ่มคนสารเลวเหล่านั้น พวกเขาก็เป็นราษฎรของพวกเราต้าชิ่งไม่ใช่รึ? คาดไม่ถึงว่าจะทรยศพวกเราเพียงเพราะเงินน้อยนิด ตำแหน่งพระชายา ตำแหน่งขุนนางระดับห้าอะไรนั้น”อ๋องตวนเดือดดาลอย่างมาก ทว่าเฉินฝานกลับเข้าใจเงินห้าพันตำลึงทอง ตำแหน่งพระชายาของจักรพรรดิ ตำแหน่งขุนนางระดับห้าสำหรับชาวบ้านธรรมดาแล้วเป็นข้อเสนอที่เย้ายวนใจอย่างมาก อ๋องตวนที่เกิดมาในตระกูลจักรพรรดิอยู่แล้วไม่มีทางเข้าใจได้การหาเฉินฝานและอ๋องตวนให้เจอก็เหมือนกับการพลิกชะตาชีวิตฝืนลิขิตสวรรค์ประกาศจับได้ประกาศไปสามวันแล้ว จ้าวรุ่ยได้รับข่าวสารของเฉินฝานแล้ว ทว่าไม่ใช่ที่ซ่อนของเฉินฝาน ข่าวสารที่เขาได้รับเฉินฝานเป็นคนส่งมาทั้งหมดจ้าวรุ่ยนั่งอยู่บัลลังก์หนังเสือและมีสองสาวรับใช้นุ่งน้อยห่มน้อยคอยบีบนวดหัวไหล่ให้เขาเมื่อได้ฟั
“ไม่!” ทหารที่รูปร่างสูงที่สุดโบกมือ “ไม่อาจดื่มได้แล้ว ฝ่าบาทมีรับสั่ง วันนี้ให้ทหารทุกนาย ตามจับเฉินฝานชาวแคว้นต้าชิ่งคนนั้น”“เฮ้อ!” อ๋องตวนตอบอย่างไม่ยี่ร่ะ “พวกข้าคือทหารรักษาพระองค์ ทหารรักษาพระองค์ เข้าใจหรือไม่ พวกข้าทำหน้าที่ดูแลความปลอดภัยของฝ่าบาท ตามหาเฉินฝานไม่เกี่ยวอะไรกับพวกข้า”“เพราะไม่เจอตัวเฉินฝาน พวกเราจึงต้องระมัดระวัง เฉินฝานกล่าวว่า จะมาจับฝ่าบาทของพวกเราถึงตำหนัก”“เจ้าฟังเขาคุยโวไปเถอะ!” อ๋องตวนโบกมือพร้อมกับทำสีหน้าดูแคลน“พวกเราทหารรักษาพระองค์มากกว่าหนึ่งหมื่นนาย เขาบอกว่าจะเข้ามาก็เข้ามาได้เช่นนั้นหรือ? ทั้งหมดเป็นเพราะเจ้าพวกข้างนอกนั่นไร้ความสามารถ ตามหาคนคนหนึ่งตั้งนานก็ยังไม่เจอตัวอีก ดังนั้นจึงเจตนาพูดให้เฉินฝานอะไรนั่นเก่งกาจ?”อ๋องตวนพูด จากนั้นหันไปมองเฉินฝานที่กำลังย่างเนื้อกวาง “เจ้าว่าใช่หรือ?”“ใช่ พวกคนข้างนอกไร้ความสามารถจริงๆ!” เฉินฝานยกเนื้อกวางที่ย่างเสร็จออกมา “พี่ชายทุกคน มากินเนื้อกวางกันเถอะ!”เนื้อกวางที่เฉินฝานย่างรสชาติอร่อยเลิศ เมื่อเห็นเนื้อกวางในมือเฉินฝาน ทหารรักษาพระองค์อีกสองนายที่เงียบมาโดยตลอด รีบยื่นมือมาหยิบทันที“น
“ไม่ได้เรื่อง ไม่ได้เรื่อง ไม่ได้เรื่องเลยจริงๆ!”อ๋องตวนมองทหารรักษาพระองค์แคว้นจ้าวทั้งสามคนที่เมาไม่ได้สติ ด้วยสีหน้าดูแคลน“เป่ายิ้งฉุบไม่ได้เรื่อง ทั้งยังคออ่อนเช่นนี้อีก ดื่มไม่ถึงสิบไห ก็ฟุบหลับไปแล้ว เสี่ยวฝาน” อ๋องตวนมองเฉินฝานอย่างประจบ “ลูกเขยที่รัก พวกเราไปเอาสุรามาดื่มอีกสักสองสามไหกันเถอะ”“ไม่ได้ขอรับ!” เฉินฝานส่ายหน้า เขามองตำหนักตรงหน้าที่อยู่ห่างไม่ถึงสามร้อยเมตร “วันนี้ พวกเราต้องทำงานแล้ว!”“ทำงาน?”ดวงตาเมามายในตอนแรกของอ๋องตวน ทอประกายขึ้นมาทันที“จะฝ่าเข้าไปหรือ?”อ๋องตวนชื่นชอบในการดื่มสุรา แต่รักการต่อสู้มากกว่ามีเรื่องให้ใช้ความรุนแรง จึงหยุดดื่มชั่วขณะได้เฉินฝานยกมุมปากขึ้นเล็กน้อย“ใช่ขอรับ!”“เพล้ง!” อ๋องตวนโยนถ้วยในมือ ทิ้งลงบนพื้น “เยี่ยม เยี่ยมจริงๆ!”วันแรกที่แฝงตัวเข้ามาในค่ายทหารรักษาพระองค์ อ๋องตวนก็อยากลงมือแล้ว แต่ถูกเฉินฝานสั่งให้อดทนมานานกว่าสามเดือน“เสี่ยวฝาน พวกเราจะสู้อย่างเปิดเผย หรือว่าลอบทำร้าย?” อ๋องตวนถามสายตาของเฉินฝานจับจ้องไปยังตำหนักที่ตั้งอยู่ไม่ไกลนัก“สู้อย่างเปิดเผย!”“สุดยอด!” อ๋องตวนชูนิ้วโป้งให้เฉินฝาน “สู้อ
เมื่อเสียงปืนดังขึ้น เฉินฝานและอ๋องตวนไม่อาจปิดบังตัวตนได้อีกต่อไป“เฉินฝานมาแล้ว!”เฉินฝานมาแล้วทุกคนในตำหนักมองหน้ากันด้านนอกมีทหารจ้าวนับสองแสนนายกำลังตามหาเขา ที่นี่มีทหารรักษาพระองค์มากกว่าหมื่นนายคอยคุ้มกันเฉินฝานไม่หนี แต่กลับโผล่มาที่ตำหนักหากพวกเขาไม่ได้หูฝาด เช่นนั้นก็คือเฉินฝานบ้าไปแล้ว!“เป็นไปไม่ได้ เป็นไปไม่ได้เด็ดขาด!”จ้าวรุ่ยโบกมืออย่างไม่ยี่หร่ะบุกมาที่ตำหนัก เฉินฝานจะกล้าหรือ?หากเขากล้า ก็คงไม่เป็นเต่าหดหัวอยู่ในกระดองนานเช่นนี้แล้วจ้าวรุ่ยสะบัดแขนเสื้อ“บรรเลงดนตรีต่อ ร่ายรำกันต่อ!”จ้าวรุ่ยคนนี้ ชื่นชอบหญิงงาม ไม่ว่าจะไปที่ใด ข้างกายเขาล้วนมีนางรำแสนเย้ายวน คอยปรนนิบัติสร้างความสุขให้เขา“ปั้ง ปั้ง ปั้ง!”“อ๊ากกก!”จ้าวรุ่ยพูดจบเพียงครู่หนึ่ง นอกตำหนักก็มีเสียงปืนและเสียงร้องโอดครวญของทหารรักษาพระองค์ดังขึ้นคนในตำหนัก ตะลึงงันอีกครั้งเสียงร้องโอดครวญของคนด้านนอก ใกล้เข้ามาเรื่อยๆหรือว่า..."ช่างเป็นพวกไม่ได้เรื่องจริงๆ"“เจ้าคนสารเลวจ้าว ข้ามาแล้ว ออกมาแล้วยอมแพ้แต่โดยดี”เสียงดังราวกับนาฬิกาบอกเวลาของอ๋องตวนดังขึ้น จากด้านนอกภายใน
“อะไรนะ!?”“ตอนนี้องค์หญิงเสี่ยวฉู่พาฝ่าบาทไปที่ประตูอู่แล้วขอรับ เจ้าสิ่งนั้น ปะ ปะ...”“ปืนไรเฟิล”“ใช่ ๆ ปืนไรเฟิล ปากกระบอกปืนไรเฟิลจ่อพระเศียรของฝ่าบาทอยู่เลยขอรับ!”“หา นี่เป็นเพราะอะไรกัน?”บรรดาพี่สาวน้องสาวตระกูลฉินได้ยินข่าวขึ้นมา“กราบทูลบรรดาองค์หญิง ข้อเรียกร้องขององค์หญิงเสี่ยวฉู่คืออยากให้ท่านอัครเสนาบดีกับฝ่าบาทอภิเษกสมรสกันเดี๋ยวนี้เลยพ่ะย่ะค่ะ”“เหลวไหล!”เฉินฝานพุ่งตัวออกไปราวกับพายุเวลานี้บรรดาพี่น้องตระกูลฉินที่เพิ่งแสดงท่าทีรีบร้อนทำหน้าร้อนใจกลับมีสีหน้าแจ่มใส ถึงขนาดที่นั่งลงปรึกษาหารือกันฉินเย่ว์โหรว “พี่หญิงรอง ท่านมีฝีมือดี ท่านรีบไปขวางอยู่ที่หอด้านบนประตูอู่ อย่าให้นายท่านลงมา” ฉินเย่ว์เจียว “ไม่มีปัญหา พอถึงเวลานั้นข้าจะเรียกน้องหวั่นเอ๋อร์ นายท่านหนีไม่รอดแน่”ฉินเย่ว์ฉิน “เช่นนั้นข้าจะให้พี่น้องในวังเซียวเหยาก่อนหน้านี้ไปเดินเล่นแถว ๆ ประตูอู่ให้หมดเลย จะต้องครึกครื้นเป็นแน่ รับรองว่าพี่น้องทหารองครักษ์พวกนั้นจะต้องมองสาวงามอย่างไม่หวาดไม่ไหว”สามพี่น้อง “ความปรารถนาของเสี่ยวฉู่ พวกเราในฐานะพี่สาวจะต้องช่วยอย่างเต็มที่!”เมื่อมองถนนละแวกป
“ข้าไม่ได้ขัดขืนจริง ๆ” เย่ลวี่เลี่ยก้มหน้าลง ชายสูงแปดฉื่อทำสีหน้าที่เต็มไปด้วยความท้อแท้ใจ เขาอยากขัดขืนอยู่แล้ว แต่ฉินเย่ว์ฉู่ไม่ได้ให้โอกาสนั้นกับเขาเลยตอนที่ฉินเย่ว์ฉู่บุกเข้ามาในกระโจมใหญ่ของเย่ลวี่เลี่ย ก็ยิงปืนกำจัดองครักษ์ของเย่ลวี่เลี่ยก่อนพูดแล้วก็น่าอับอาย เย่ลวี่เลี่ยที่เคยผ่านศึกมาอย่างโชกโชนตกใจกลัวรูเลือดตรงกลางหน้าผากขององครักษ์ เขาไม่เคยเห็นอาวุธที่รวดเร็วขนาดนี้มาก่อนเลยได้ยินแค่เสียงดังปัง หน้าผากขององครักษ์ก็มีรูเลือดใหญ่ขนาดนี้แล้ว ความเร็วที่แม้แต่เทพเซียนก็ทำไม่ได้ ความแม่นยำที่แม้แต่เทพเซียนก็ยังทำไม่ได้ในตอนที่ฉินเย่ว์ฉู่ยกปืนขึ้นแล้วลั่นไกอีกครั้ง เมื่อเย่ลวี่เลี่ยได้ยินเสียง เขาก็ตกใจจนสลบไปทันที หลับไปตื่นหนึ่งถึงค่อยพบว่าฉินเย่ว์ฉินยิงใส่หมวกเล็กของเขาเท่านั้นตกใจสาวน้อยจนสลบไป ไม่ว่าสือจิ่งซานผู้นี้จะถามอย่างไร เย่ลวี่เลี่ยก็ไม่บอกเขา .....ในคืนที่เย่ลวี่เลี่ยถูกจับ ข่าวก็ไปถึงเมืองหลวงแล้ว “เครื่องอัดเสียงพลังงานแสงอาทิตย์ เครื่องเสียง...” ขณะที่ฉินเย่ว์เหมยอ่านคำเหล่านี้ก็ถามเฉินฝานด้วยความมึนงงว่า “จดหมายของเสี่ยวฉู่บอกว่า นางแค่อาศ
“นางไม่รู้หรือว่าพวกเราไม่อยากลงมือจริงจัง?” “พอไปถึงค่ายทหารของชาวหู ไม่ใช่แค่โดนฆ่าธรรมดาแบบนั้นหรอกนะ” ชาวหูไม่มีทางปล่อยสตรีชาวต้าชิ่งใด ๆ ที่ตกอยู่ในมือพวกเขา ยิ่งไม่ต้องพูดถึงสตรีชาวต้าชิ่งที่หน้าตางดงามฐานะสูงศักดิ์อย่างฉินเย่ว์ฉู่ พฤติกรรมของพวกเขาใช้คำว่าเดรัจฉานมาอธิบายยังไม่พอเลย สือจิ่งซานสะบัดแขนเสื้อ “พอได้แล้ว สตรีนางเดียวไม่มีค่าพอให้เราต้องใส่ใจหรอก นางอยากตายก็ปล่อยนางไปเถิด โจวจวี่ เจ้าส่งคนไปบอกเยลวี่เลี่ยว่าให้พวกเขาเหลือศพไว้ครบถ้วน ข้าจะซื้อศพไว้ใช้ประโยชน์” ไม่ต้องให้สือจิ่งซานรอนานเกินไป วันรุ่งขึ้นทหารลาดตระเวนก็มารายงาน “ว่าไงนะ? เยลวี่เลี่ยมาด้วยตนเอง?”“ท่านแม่ทัพใหญ่ หากพูดให้ตรงคือเยลวี่เลี่ยโดนฮูหยินเล็กของท่านอัครเสนาบดีจับกุมมาขอรับ”“เจ้าพูดอีกทีสิ?”ทหารลาดตระเวนพูดซ้ำถึงสามรอบเต็ม ๆ สือจิ่งซานก็ยังไม่เชื่อไม่ใช่แค่สือจิ่งซานที่ไม่เชื่อ ต่อให้เป็นผู้ถูกจับกุมอย่างเยลวี่เลี่ยก็ไม่เชื่อเช่นกัน เขาจะโดนสตรีนางเดียวจับกุมได้อย่างไรยิ่งไปกว่านั้นสตรีผู้นี้ยังอายุน้อย พาทหารหญิงรุ่นราวคราวเดียวกันมาแค่ร้อยกว่าคนเมื่อฉินเย่ว์ฉู่พาเยลวี่เล
สือจิ่งซานยกมุมปากยิ้มคลุมเครือ “แปรพักตร์อันใดกัน ฝ่าบาทกับท่านอัครเสนาบดีเห็นอกเห็นใจกองทัพหมาป่าเรา จึงส่งสะใภ้คนเล็กมา เช่นนั้นกองทัพหมาป่าเราย่อมต้องต้อนรับสะใภ้ท่านนี้ให้ดี ๆ”“แม่ทัพใหญ่กล่าวถูกต้อง พวกเราต้อง ‘ต้อนรับ’ ให้ดี ๆ!” โจวจวี่พูดคล้อยตามทันที ไม่นานนักก็มีคำสั่งจากในกระโจมใหญ่ ให้ทหารแม่ทัพทั้งหมดของกองทัพหมาป่าเปลือยท่อนบนยุคโบราณที่จารีตเคร่งครัดอย่างยิ่ง การเปลือยท่อนบนเช่นนี้เป็นพฤติกรรมดูหมิ่นไม่ให้ความกียรติสตรีอย่างรุนแรงยิ่งกว่านั้นฉินเย่ว์ฉู่เป็นภรรยาเอกของอัครเสนาบดีขั้นหนึ่ง องค์หญิงแห่งต้าชิ่ง พระขนิษฐาแท้ๆ ของฮ่องเต้หญิงหากฉินเย่ว์ฉู่เป็นเพียงสตรีทั่วไปในยุคนี้ เกรงว่ามีแต่จะตกใจจนมือไม้อ่อนไปหมดทหารแม่ทัพทั้งหมดของกองทัพหมาป่าเปลือยท่อนบนออกจากกระโจม รอดูท่าทางตกใจกลัวจนร้องไห้โฮยกใหญ่ของฉินเย่ว์ฉู่“ผู้ชายมากมายถึงเพียงนี้ข่มขู่เด็กสาวคนเดียวจะไม่เกินไปหน่อยหรือ” มีบางคนรู้สึกว่าแบบนี้ไม่ค่อยดีนัก แต่คำพูดของเขาก็โดนคนอื่นสวนกลับทันที “เกินไปอันใดเล่า เฉินฝานเป็นคนส่งมา ให้เขาหยามพวกเราได้เท่านั้น แต่ไม่ยอมให้พวกเราตอบโต้คืนหรือ? เปลือย
เย่ว์หนูได้รับบาดเจ็บในระหว่างที่ปกป้องเฉินฝานครั้งหนึ่ง ร่างกายของนางตอนนี้จึงไม่แข็งแรงเหมือนเมื่อก่อน เดิมทีเฉินฝานอยากให้หวงหวั่นเอ๋อร์ตามฉินเย่ว์ฉู่ไป มีหวงหวั่นเอ๋อร์อยู่ อย่างน้อยที่สุดก็ไม่มีปัญหาเรื่องความปลอดภัยของฉินเย่ว์ฉู่ ผลปรากฏว่าฉินเย่ว์ฉู่ปฏิเสธแม้กระทั่งหวงหวั่นเอ๋อร์ด้วยฉินเย่ว์ฉู่พาทหารหญิงไปหนึ่งร้อยกว่าคน มุ่งตรงสู่ทางเหนือ บุกไปยังกองทัพหมาป่าอย่างกล้าหาญ “เจ้าปล่อยให้นางไปเช่นนี้หรือ?” คนที่ตำหนิเฉินฝาน ไม่ใช่แค่พี่น้องตระกูลฉินทั้งสามคนในจวนสกุลเฉิน แม้แต่ฉินเย่ว์เหมยที่อยู่ในวังหลวงก็รีบออกมาเช่นกันนางคิดว่าไม่ว่าอย่างไร อย่างน้อยที่สุดเฉินฝานต้องให้ฉินเย่ว์ฉู่นำกองพลมือปืนไป“เย่ว์ฉู่เป็นน้องเล็กของพวกเจ้า น้องเล็กของพวกเจ้ามีนิสับแบบไหน พวกเจ้าไม่รู้เลยหรือไร?” คำพูดประโยคเดียวของเฉินฝานทำให้พวกนางสำลักแล้วแม้ว่าฉินเย่ว์ฉู่จะเป็นน้องเล็กสุดในตระกูลฉิน ทว่าตั้งแต่เด็กจนโต นางมีความคิดของตัวเองมากที่สุด ขอเพียงเป็นเรื่องที่นางตัดสินใจแล้ว ไม่มีใครสามารถทำให้นางเปลี่ยนใจได้“แต่ว่า...” ฉินเย่ว์โหรวที่เป็นคนกังวลใจมากที่สุด ขมวดคิ้วมุ่น ดูกลัดกล
การปรากฏตัวของนาง ทำให้ทุกคนรู้สึกปีติยินดีกันมากแต่ฉินเย่ว์เจียวกลับถลึงมองสตรีผู้นั้น “พอได้แล้ว เสี่ยวฉู่เจ้าเด็กตัวแสบ แสร้งทำตัวเป็นผู้ใหญ่อันใด ยังไม่รีบเข้ามาอีก?” ฉินเย่ว์ฉู่ขี่ม้าเข้ามา ขณะที่นางผ่านฉินเย่ว์เจียวยังไม่ลืมเถียงกลับว่า “พี่หญิงรอง ข้าอายุยี่สิบแล้ว เป็นผู้ใหญ่ตั้งนานแล้วนะ”ฉินเย่ว์เจียวเชิดหน้าขึ้นสูง “ไม่ว่าเจ้าจะอายุเท่าไหร่ ถึงอย่างไรในสายตาข้า เจ้าก็เป็นเด็กตลอดกาล” ฉินเย่ว์ฉู่ควบม้าตรงมาหาเฉินฝาน แล้วฟ้องเขาว่า “นายท่านดูสิเจ้าคะ พี่หญิงรองรังแกข้าอีกแล้ว นางรังแกข้ามาตลอด ท่านไม่จัดการนางบ้างหรือ?”เฉินฝานมองฉินเย่ว์ฉู่ที่สดใสมั่นใจในตัวเองตรงหน้า ภาพที่เขาเห็นฉินเย่ว์ฉู่ครั้งแรกเมื่อสิบปีก่อนฉายขึ้นมาในสมอง เกิดความรู้สึกราวกับว่าเวลาผ่านไปชาติหนึ่งเด็กสาวที่ขี้กลัวในวันวาน บัดนี้กลายเป็นโฉมสะคราญที่มีสง่าราศี เฉินฝานรู้สึกภาคภูมิใจเล็กน้อย“เหตุใดที่กลับมาตอนนี้ ไม่ต้องเข้าเรียนแล้วหรือ?” เฉินฝานถามตั้งแต่ฉินเย่ว์ฉู่อายุสิบห้า เฉินฝานก็ส่งนางไปเรียนที่โรงเรียนสตรีในเมืองเซียนตู“นายท่าน ข้าน้อยเรียนจบแล้วเจ้าค่ะ”“เรียนจบแล้ว?”“ข้าน้อยเ
วันนี้เป็นวันหยุดพักผ่อน ซึ่งทั้งเดือนจะมีเพียงวันเดียวเท่านั้น นี่เป็นวันที่หาได้ยาก ในฐานะที่ฉินเย่ว์โหรวเป็นภรรยาเอกที่ดูแลบ้านย่อมไม่ปล่อยให้หลุดมือไปง่าย ๆ นางได้เตรียมการไว้ล่วงหน้าหลายวันแล้วว่าวันนี้พวกเขาจะไปเที่ยวเล่นกินอาหารที่ชานเมืองกันทั้งครอบครัวนี่เป็นสิ่งที่เฉินฝานเสนอขึ้นเมื่อหลายปีก่อน หลังจากครั้งนั้น ฉินเย่ว์โหรวก็หลงใหลอยู่สุดซึ้ง ขอเพียงเฉินฝานมีวันหยุด นางจะต้องออกไปให้ได้สถานที่เที่ยวเล่นกินอาหารกันในครั้งนี้มีทิวทัศน์งดงามราวกับภาพวาดเหมือนเช่นเคยเฉินฝานนั่งอยู่บนเก้าอี้พนักพิง กินผลไม้มองบุตรชายบุตรสาวเล่นกันอย่างสนุกสนานบนทุ่งหญ้า ส่วนบรรดาภรรยาก็ยุ่งอยู่กับการเตรียมอาหารกลางวันกลิ่นอาหารที่เฉินฝานชอบลอยอยู่ในอากาศอาหารของพวกเขาทั้งหมดเป็นรูปแบบยุคปัจจุบัน เนื้อแกะย่างทั้งตัว สเต๊กซี่โครงย่าง หมูสามชั้นย่าง ปีกไก่ย่าง กระดูกอ่อนย่าง... ยังมีหม้อไฟทะเล และผลไม้แช่เย็นต่าง ๆ นานา“อืม~” เฉินฝานสูดจมูก แล้วแค่นเสียงเบา ๆ ด้วยความพึงพอใจ เขาหลับตาพักผ่อน พักผ่อนสักพักก็เริ่มกินได้แล้ว“ฮี่!”เฉินฝานเพิ่งจะนอนหลับก็ตกใจตื่นกับเสียงร้องฮี่ของม้า “
หลังจากสือจิ่งซานควบคุมกองทัพหมาป่า เขาก็เปลี่ยนตัวแม่ทัพก่อนหน้านี้ทั้งหมด ตอนนี้ทหารเหล่านี้ล้วนเชื่อฟังสือจิ่งซานเท่านั้น“ใครบังอาจวิจารณ์ฝ่าบาทและท่านอัครเสนาบดีที่นี่?”สือจิ่งซานตวาดอย่างเย็นชา เขาเดินแหวกแม่ทัพเหล่านั้นพร้อมกับเอ่ยวาจา หลังจากนั้นก็หันกาย สายตากวาดมองไปบนร่างแม่ทัพเหล่านั้นห“ข้าน้อยไม่บังอาจวิจารณ์ เดิมทีสิ่งที่ข้าน้อยพูดก็เป็นความจริง หากไม่มีกองทัพหมาป่าของเรา ไม่มีท่านแม่ทัพใหญ่ ต้าชิ่งจะสงบสุขเหมือนทุกวันนี้ได้อย่างไร เวลานี้กลับให้เฉินฝานผู้นั้นยึดความดีความชอบทั้งหมดไว้เพียงผู้เดียว” “ถูกต้อง พวกเรารู้สึกว่าไม่ยุติธรรมกับท่านแม่ทัพใหญ่เลย”แม้ว่าเสียงของพวกแม่ทัพจะเบาลงแล้ว แต่ความโกรธเกรี้ยวและความไม่พอใจในคำพูดกลับยิ่งรุนแรงขึ้น “เหลวไหล เดิมทีความสงบสุขของต้าชิ่งก็เป็นหน้าที่ของกองทัพหมาป่าเรา ในฐานะที่ข้าเป็นแม่ทัพใหญ่ของกองทัพหมาป่ายิ่งต้องทำเช่นเดียว ต่อไปหากมีใครกล้าบังอาจวิจารณ์ฝ่าบาทกับอัครเสนาบดีอีก ลงโทษโบยด้วยไม้พลองทหาร!”“ท่านแม่ทัพใหญ่...”“ทหาร!” สือจิ่งซานตัดบทคนผู้นั้น “นำตัวสวี่ต๋าออกไปโบยด้วยไม้พลองทหารห้าสิบที!” ไม่นานนัก
ตอนนี้น่าจะถือว่ารักษาสัญญาแล้วกระมังฉินเย่ว์เหมยรับประทานอาหารค่ำที่จวนสกุลเฉิน พี่น้องทั้งห้าคุยเล่นกันในห้องจนดึกดื่น หลี่เต๋อฉวนเร่งอยู่หลายครั้ง ฉินเย่ว์เหมยถึงค่อยอำลาบรรดาน้องสาวของตนด้วยความอาลัยอาวรณ์“พี่หญิงใหญ่ ท่านถอนรับสั่งได้หรือไม่?”เมื่อเห็นฉินเย่ว์เหมยกำลังจะจากไป ฉินเย่ว์ฉินก็รีบเอ่ยขึ้นมา“รับสั่งใดเล่า?” ฉินเย่ว์เหมยหันหน้ากลับมาถาม“ก็เรื่อง ก็เรื่อง...” เสียงของฉินเย่ว์ฉินแผ่วเบา หน้าแดงเล็กน้อย “เข้าหอในวันนี้”แม้ยามนี้ฉินเย่ว์ฉินไม่รังเกียจเฉินฝานแล้ว แต่นางยังไม่ได้เตรียมใจแต่งงานกับเฉินฝาน “เหตุใดต้องถอนคืนด้วย เจ้าเองก็อายุไม่น้อยแล้ว ควรจะมีทายาทให้สามีของเจ้าได้แล้ว เช้านี้ข้าตรวจดูปฏิทินโหรแล้ว วันนี้เป็นวันดี ไม่อนุญาตให้ปฏิเสธอีก”นี่ก็คือการปราบปรามโดยสายเลือด ก่อนที่ฉินเย่ว์เหมยจะมา พวกฉินเย่ว์เจียวไม่อาจเอ่ยถึงเรื่องเข้าหอได้เลย เวลานี้เมื่อฉินเย่ว์เหมยเอ่ย ฉินเย่ว์ฉินไม่อาจโต้แย้งได้แม้แต่คำเดียว “ยังจะว่าข้าอีก ท่านก็เหมือนกันไม่ใช่หรือ ไม่ใช่ว่าท่านเองก็หาเหตุผลต่าง ๆ เพื่อหนีนายท่านหรือไร” ขณะที่ฉินเย่ว์เหมยหันกายเดินจากไป ฉินเย่ว์ฉ