“ตู้ม!”“ตู้ม ๆ!”“ฮี่!”“อ้าก!”เสียงระเบิด‘เหยือกสุรา’ เสียงร้องคำรามของม้า เสียงคนร้องโอดครวญ ผสมปนเปเข้าด้วยกันเหล่าพลทหารที่นั่งเรือข้ามฝั่งไปแล้วมองไม่เห็น เหล่าทหารที่รอจะขึ้นเรือข้ามฝั่งกลับเห็นอย่างชัดเจนทุกคนล้วนตกตะลึงอ้าปากค้างนี่คือผลการต่อสู้ของกองกำลังหญิงหนึ่งร้อยกว่าคนกลุ่มนั้นจริงหรือ?”“เจ้ารีบไปดูสิ ด้านข้างมีทหารชายช่วยพวกนางหรือไม่?”มีคนที่ไม่เชื่อ จึงกล่าวคนข้างกาย“เหล่าทหารชายถอยทัพไปข้างแม่น้ำนานแล้ว จะมีทหารชายมาช่วยได้อย่างไรกัน!” ฉินเย่ว์เจียวกล่าว“ถึงแม้ว่า ‘เหยือกสุรา’ สามารถระเบิดได้ที่ถืออยู่ในมือจะมีอานุภาพมาก ทว่าเหล่าหญิงสาว ทุกคนล้วนฝีมือแข็งแกร่ง กล้าหาญชาญชัย ทหารชายในกองกำลังลาดตระเวนจำนวนมากของข้าเทียบไม่ได้กับพวกนางแม้แต่น้อย”คำพูดของฉินเย่ว์เจียวและเหอจื่อหลิน ทำให้เหล่าทหารชายกองกำลังลาดตระเวนเหล่านั้นไม่พอใจเล็กน้อย ถ้าในมือพวกเขามีเหยือกสุราที่สามารถระเบิดได้ ก็ต้ององอาจห้าวหาญเช่นนั้นได้เช่นกัน“นั้นมันแน่นอนอยู่แล้ว ถึงแม้พวกนางจะเป็นหญิงสาว ทว่าทุกคนล้วนเป็นคนที่นายท่านข้าพามาด้วยตัวเอง ก็ต้องเก่งกาจอยู่แล้วสิ!” ฉิ
“พูดจาโอ้อวด?”ไม่เพียงแต่เย่ว์หนู เหล่าหญิงสาวทั้งกองกำลังหญิงล้วนกล่าวด้วยความเดือดดาล “คนที่บอกว่าพวกเราพูดโอ้อวด สามารถมานับจำนวนคนให้กระจ่าง!”“เจ้า!”เหอจื่อหลินชี้ไปที่พลทหารที่สูงและผอมแห้ง เมื่อครู่พลทหารผู้นี้เสียงดังที่สุด“ออกมานับจำนวนสิ”“หนึ่ง สอง...หนึ่งร้อยสิบแปดคน!”“จำนวนสุดท้ายคือเท่าใด? เสียงเบาเช่นนั้น สู้ไม่ได้แม้กระทั่งเหล่าหญิงสาว?” เหอจื่อหลินเตะพลทหารผู้นั้นทันที“หนึ่งร้อยสิบแปดคนพ่ะย่ะค่ะ!”พลทหารตะโกนสุดเสียงถึงสามครั้ง เหอจื่อหลินจึงยอมปล่อยเขาไป“เหล่าหญิงสาวไปหนึ่งร้อยสิบแปดคน กลับมาหนึ่งร้อยสิบแปดคน ไม่มีใครได้ตายและได้รับบาดเจ็บสาหัส พวกเจ้า...” เหอจื่อหลินกวาดสายตามองพลทหารอย่างเยือกเย็น“ยอมรับหรือไม่?”“รู้สึกละอายใจหรือไม่?”ถึงแม้ไม่ได้ตอบกลับ ทว่าเหล่าพลทหารล้วนก้มหน้าเหล่ากองกำลังหญิงเก่งกาจกว่าพวกเขาเป็นเรื่องจริงทว่าในใจของพวกเขาไม่ยอมรับจริงๆ พวกเขาจะด้อยกว่าสตรีได้อย่างไรกันเหอกังไม่ได้พูดอันใด เพียงอยู่ด้านข้างมองอย่างเงียบๆไม่นานนัก เขาพบว่าสายตาของกองกำลังลาดตระเวนเหล่านี้มีความมุ่งมั่นกว่าตอนที่ไปเมืองหลวงเป็นอย
“นายท่าน ผิดปกติที่ใดกัน? ถูกระเบิดจนลอยขึ้นมากมายเพียงนั้น พวกเขาต้องหวาดกลัวอยู่แล้วสิ!”“ไม่ใช่ จะต้องไม่การหวาดกลัวเพียงอย่างเดียว!” เฉินฝานกระโดดลงรถม้า วิ่งรุดหน้าไปพลางตะโกนเสียงดัง “ท่านแม่ทัพเหอ พี่จื่อหลิน โปรดกระจายคำสั่งออกไปทันที ให้ขบวนทัพหยุดการเคลื่อนพลเข้าไปทั้งหมด!”ได้ยินเสียง เหอจื่อหลินหันหัวม้ามุ่งมาทางเฉินฝาน “น้องฝาน ไยต้องหยุดการเคลื่อนพลเข้าไปทั้งหมด?”“ลู่ทางของกองกำลังเตียนตู ไม่ได้มีเพียงแค่ทางเดียว ลู่ทางด้านหน้าอาจจะใหญ่กว่าเมื่อครู่”-ภายในที่ทำการเจ้าเมืองฝู่ตูผู้ที่นั่งอยู่ที่บัลลังก์เจ้าเมือง มิใช่เจ้าเมืองฝู่ตู ทว่าเป็นบุรุษที่สวมชุดมังกรสีม่วงเข้มผู้หนึ่งบุรุษเอนกายพิงบัลลังก์ สายตาลึกล้ำแฝงไปด้วยรังสีอาฆาตอันโหดเหี้ยมเขาคืออ๋องเจิ้นหนานผู้ก่อกบฏในครั้งนี้เมืองฝู่ตูถูกกองกำลังเตียนตูยึดครองไว้แล้ว“ท่านอ๋อง!”นายทหารผู้หนึ่ง รุดเข้ามาจากด้านนอกด้วยความรีบร้อนอ๋องเจิ้นหนานผายมือทันที “รายงานมา!”“กองกำลังลาดตระเวนข้ามแม่น้ำลวี่สุ่ยไปแล้วพ่ะย่ะค่ะ” นายทหารกล่าว“อืม!” อ๋องเจิ้นหนานยกจอกสุราบนโต๊ะขึ้น ดื่มหมดในทีเดียว วางลงแล้วจึงกล
“คุยโวโอ้อวดอีกแล้ว ทหารลาดตระเวนเยอะเพียงนั้นเชียวนะ จะยอมให้เจ้าจับคนไปทันทีงั้นหรือ?” มีคนแย้งกลับ“ข้าคุยโอ้อวดงั้นหรือ? ก็แค่ทหารลาดตระเวนไร้ค่าโง่เง่ากลุ่มนั้น นายทหารผู้นั้นตบม้าสงครามข้างกายตนเองเบาๆ “พวกเจ้าเชื่อหรือไม่ข้าขี่เฉิงเฟิงของข้าเข้าไปทันที จับตัวปัญญาชนหน้าขาวนั้นมา กลุ่มคนไร้ค่าโง่เง่านั้นคงจะไม่ทันได้สติกลับมาหรอกกระมัง?”พลทหารม้ากองกำลังเจิ้นหนานดุร้ายหาสิ่งใดเปรียบเทียบมิได้ ไม่เพียงแต่ในต้าชิ่งเท่านั้น มีชื่อเสียงทั้งแผ่นดินใหญ่เมื่อข่าวที่สามารถจับเป็นเฉินฝานได้รับเงินห้าแสนตำลึงทองแพร่ออกไป กองกำลังเมืองเตียนตูที่ปิดล้อมอำเภอเหออันไว้ก็ฮึกเหิมยิ่งกว่าเดิม ทุกคนล้วนรอคอยเฉินฝานเพื่อที่จะแย่งชิงเงินห้าแสนตำลึงทองนั้นทว่าด้านเฉินฝานขบวนทัพเคลื่อนไปด้านหน้าไม่ถึงห้าลี้ เฉินฝานก็สั่งให้กองกำลังลาดตระเวนหยุดเคลื่อนพลอีกแล้ว“เดิมทีพวกเราก็ต้องสู้รบกับกองกำลังเมืองเตียนตูอยู่แล้ว ไม่ช้าก็เร็วต้องพบเจอ ที่จริงก็มิมีข้อแตกต่างอันใด หากพวกเขาอยู่ที่อำเภอเหออัน เช่นนั้นไยพวกเราต้องถอย ก็ประจันหน้าสู้กับพวกเขาไปเลย?”เหอจื่อหลินกล่าวหน้าดำหน้าแดง เขาที่นิสัยต
รองผู้บังคับบัญชาก็คือสมณะในคุกน้ำตอนนี้สมณะสวามิภักดิ์กับเฉินฝานอย่างสมบูรณ์แบบแล้ว วรยุทธ์ของเขาเก่งกาจ รับผิดชอบในฝึกฝนกำลังทหารของนายทหารในกองกำลังยอดฝีมืออันดับหนึ่งคือโจวอวี่แต่เดิมโจวอวี่นั้นเป็นคนสนิทของซูซิวฉี สมควรได้รับการเชื่อใจอย่างยิ่ง และเป็นเพราะถูกซูซิวฉีส่งตัวไปอำเภอผิงอันอยู่ก่อนแล้ว แตกต่างกับเว่ยสือที่อยู่ในขอบเขตการจับจ้องมองของพวกเสิ่นหมิงหยวนดังนั้นโจวอวี่มิใช่ตัวเลือกรองกองกำลังนี้ของโจวอวี่ไม่ได้อยู่กับเฉินฝาน เฉินฝานกังวลว่าเมื่อเขาออกจากเมืองหลวง เสิ่นหมิงหยวนจะสั่งให้องครักษ์เมืองหลวงของหลี่ชิ่งก่อกบฏบีบบังคับให้สละบัลลังก์ในฐานะที่เทพยิงธนูผู้หนึ่ง โจวอวี่ไม่เพียงแต่สุขุมเท่านั้น และมีสมองที่ฉลาดหลักแหลมอีกด้วยเฉินฝานนำวิธีการทำระเบิดมือสอนให้กับโจวอวี่ ตอนที่พวกเฉินฝานออกจากเมืองหลวง โจวอวี่ก็ขี่ม้าของเขา ออกเดินทางไปอีกเส้นทางหนึ่ง เร่งฝีเท้าม้ามุ่งหน้าสู่หรงตู ไปหาหลูเฉิงกวง ให้ลอบทำระเบิดมือที่หรงตูอย่างลับๆ“จริงหรือเจ้าคะ?”เหล่าหญิงสาวพากันหันหน้ากลับมา“แน่นอนสิ ทว่า ที่ยกไปก่อนหน้านี้พวกเจ้า...” เฉินฝานชี้กล่องที่เหล่าหญิงสาวกำลั
แตกต่างที่เฉินฝานคาดการณ์ไว้เล็กน้อย เวลายังไม่ทันเข้าสู่ยามราตรีอย่างสมบูรณ์ เหอจื่อหลินก็กลับมาแล้ว กองกำลังที่ออกไปกับเขา มีทั้งหมดสี่พันกว่าคน ตอนที่กลับมาเหลือแค่หนึ่งพันกว่าคนเหอกังเป็นคนที่รุดหน้าเข้าไปคนแรก จับเหอจื่อหลินที่เนื้อตัวมอมแมมไปด้วยฝุ่นพลางกล่าวถาม “หลินเอ๋อร์ นี่มันเกิดอันใดขึ้น?”ฉินเย่ว์เหมยก็รุดหน้าขึ้นมาเช่นกัน เมื่อรุดหน้ามาแล้วก็นับจำนวนทหารหญิงก่อนทันที“คุณหญิงเย่ว์เจียว ท่านไม่ต้องนับแล้ว!” ฉินเย่ว์เจียวเพิ่งจะเริ่มนับ เย่ว์หนูที่ก้มหน้าก็ปริปากพูด “พวกเราสูญเสียพี่น้องไปเจ็ดคน”ฉินเย่ว์เจียวตกใจอย่างมาก “เจ็ดคน เกิดอันใดขึ้น?”กองกำลังทหารหญิงของเย่ว์หนู ตอนที่เฉินฝานอยู่อำเภอผิงอันก็ได้เริ่มการฝึกฝนแล้ว ฝีมือของพวกนาง สามารถเทียบเคียงกับพลทหารอินทรีเหล็กชั้นยอดได้พลทหารอินทรีเหล็กชั้นยอด คือพลทหารที่ความสามารถค่อนข้างครบครัน เหมือนกับทหารหน่อยรบพิเศษในปัจจุบันทหารประเภทนี้ สูญเสียไปหนึ่งคนล้วนเป็นความเสียหายที่ใหญ่หลวง ตอนนี้ผ่านไปครู่เดียวก็สูญเสียไปเจ็ดคน ฉินเย่ว์เจียวช่างเจ็บปวดใจเหลือเกินตอนที่ฉินเย่ว์เจียวกำลังพูดคุย เฉินฝานก็เดินมาด้านห
ระเบิดดินที่ฝังไว้ จวนจะได้แผลงฤทธิ์แล้ว ม้าและพลทหารที่ถูกระเบิดจนลอยขึ้นจะบรรเทาการปิดล้อมของกองกำลังเมืองเตียนตูได้ชั่วคราวผ่านไปไม่นานนัก ท้องฟ้าก็มืดสนิทเมื่อท้องฟ้ามืดแล้ว เหล่าทหารลาดตระเวนล้วนถอนหายใจอย่างโล่งอกพวกเขาปลอดภัยชั่วคราวแล้วต่อให้กองกำลังเมืองเตียนตูจะเก่งกาจเพียงใด ก็ไม่สามารถจะหาญกล้าบุกโจมตีเข้ามาในป่าตอนกลางคืนเหยียนเชียงที่เป็นผู้นำกองกำลังหนึ่งแสนคนของเมืองเตียนอันก็ไม่ได้รีบร้อน ตอนที่ฟ้ายังไม่ทันมืด เขาก็ออกคำสั่งให้คนไปตั้งค่ายทหารแล้ว“ท่านเจ้านครฝ่ายขวา เส้นทางที่จะระเบิด จวนจะไม่มีแล้ว กองทัพของข้าสามารถโจมตีตามไปได้ จัดการพวกเขาให้หมด เพื่อขจัดอุปสรรคในการเข้าเมืองหลวงของท่านอ๋อง”แม่ทัพสองสามคนเป็นฝ่ายขอออกทัพกับเหยียนเชียงก่อนปัญญาชนหน้าใสเฉินฝานอยู่ในป่า จับเป็นเขาได้สามารถได้เงินห้าหมื่นตำลึงทองการบุกเข้าป่ายามราตรีเรื่องต้องห้ามเช่นนี้ กองทัพเมืองเตียนตูมิได้หวาดกลัวอย่างไรเสียก็เป็นเงินห้าหมื่นตำลึงทองเชียวนะใครจะไม่อยากได้กันเหยียนเชียงจ้องแม่ทัพที่มาขอออกรบก่อนเหล่านั้น “เรื่องที่ว่าจะขจัดอุปสรรคทางไปเมืองหลวงให้ท่านอ๋องอะไ
“ใต้เท้าเฉิน ไยเจ้ายังคิดที่จะล้อเล่นอีก!” เหอกังสีหน้าจริงจัง เขาออกคำสั่งกับเหอจื่อหลิน “จื่อหลิน เจ้าปกป้องใต้เท้าเฉินให้ออกจากป่าไปในคืนนี้ มุ่งหน้าสู่หรงตู”“ท่านแม่ทัพใหญ่ ข้า...”“ใต้เท้าเฉิน ข้ารู้ว่าเจ้าอยากอยู่ ทว่าพวกเราไม่สามารถเสี่ยงอันตรายเรื่องนี้ได้ หากสูญเสียเจ้าไป ต้าชิ่งของพวกเราก็ถึงจุดจบจริงๆแล้ว”เหอกังพูดขัดคำพูดเฉินฝานก่อนที่จะออกเดินทางครั้งนี้ ฉินเย่ว์เหมยลอบนัดพบพ่อลูกตระกูลเหอลับๆ ไม่ว่าจะเกิดอันใดขึ้นให้พ่อลูกตระกูลเหอต้องปกป้องชีวิตของเฉินฝานไว้กล่าวว่า หากไร้ซึ่งเฉินฝาน ต้าชิ่งก็สูญสลายเช่นกันคำพูดของฉินเย่ว์เหมย เหอกังเห็นด้วยทั้งหมดตอนนี้ต้าชิ่งมีทั้งศึกภายในและภายนอก ขุนนางทุจริตกุมอำนาจ หากไม่มีเฉินฝาน ก็มิมีใครสามารถต่อกรกับเสิ่นหมิงหยวนได้“ท่านแม่ทัพใหญ่!” เฉินฝานทำมือเคารพให้เหอกัง “ขอบคุณความไว้วางใจของท่านแม่ทัพใหญ่ที่มีต่อข้าน้อย ในเมื่อท่านแม่ทัพคิดว่าข้าน้อยสามารถช่วยต้าชิ่งให้รอดพ้นได้ เช่นนั้นไยไม่เชื่อมั่นให้ข้าน้อยทำให้กองกำลังเมืองเตียนตูพ่ายแพ้กันล่ะ?”“ใต้เท้าเฉิน ข้าเชื่อมั่นว่าท่านมีความสามารถเช่นนั้นอยู่แล้ว ทว่าการจะหล
เหอกังนิ่งเงียบไปเพียงหนึ่งวินาที“ทหารทั้งหมดจงฟังคำสั่ง!” เหอกังยกป้ายสั่งการทหารขึ้นสูง “ถอยทัพกลับลำไปทางเดิม!”ระหว่างที่ถอยกลับทางเดิม เฉินฝานยังให้เหอกังออกคำสั่งอีกสองเรื่องคำสั่งแรก นายทหารทุกคนถอดชุดเกราะเครื่องหัวออก ก็คือให้ทุกคนถอดหมวกเหล็กบนหัวออก นำเสื้อผ้าห่อไว้ มัดไว้ที่เอวกองกำลังยุคโบราณ เพื่อที่แยกมิตรและศัตรู ชุดเกราะเครื่องหัวจะมีสัญลักษณ์สัญลักษณ์บนชุดเกราะเครื่องหัวของกองกำลังลาดตระเวนคือพู่ระย้าสีแดงสีแดงสะดุดตาเกินไป ไม่สะดวกในการหลบหลีกคำสั่งที่สอง ทุกคนต้องเก็บกิ่งที่มีใบไม้มาสองสามชิ้น มัดรวมให้เป็นวงกลม สวมไว้บนศีรษะตอนที่ออกคำสั่งทั้งสองนี้ เหอกังก็ตัดหัวนายทหารไปอีกหนึ่งคนเพราะสองคำสั่งนี้ ก็ไม่ต่างอันใดกับการล่าถอยกลับทางเดิม เหลวไหลสิ้นดีไม่ว่าจะเป็นหัวหน้าหรือลูกน้องในกองกำลังลาดตระเวนทั้งหมด คิดอย่างไรก็ไม่เข้าใจที่คาดหัวใบไม้หนึ่งชิ้น จะสามารถรักษาชีวิตได้กว่าชุดเกราะเครื่องหัวที่ทำจากเหล็กงั้นหรือ?เฉินฝานไม่ได้ผิดปกติจริงๆใช่หรือไม่?กลับไปถึงสถานที่กวาดล้างพลทหารม้าสามพันคนของเหยียนอิง เฉินฝานออกคำสั่งให้หยุดเคลื่อนทัพในขณ
เฉินฝานอมยิ้มพลางพยักหน้า “ถูกต้อง หากไม่ยั่วโมโหอ๋องเจิ้งหนาน หลี่เทียนจะออกมาได้อย่างไร”“ทว่า ทำเช่นนี้เป็นการทำให้พวกเราเข้าสู่สภาวะจนตรอกมิใช่หรือ?”“ท่านแม่ทัพ ทำเช่นนี้ สามารถทำให้พวกเรามีชีวิตต่อไปได้!”“เช่นนี้พวกเราจึงสามารถมีชีวิตต่อไปได้งั้นหรือ? ใต้เท้าเฉิน...”เหอกังที่อยู่ด้านข้างหยุดพูดไปครู่หนึ่ง “เจ้าต้องการล่อกองกำลังเมืองเตียนที่เมืองฝูตูให้ออกมา หลังจากนั้นพวกเราก็กลับลำไปยึดโจมตีเมืองฝูตูงั้นหรือ?”“ปิดบังท่านแม่ทัพไม่ได้จริงๆ ข้าน้อยก็มีความประสงค์เช่นนี้ มีเพียงการทำเช่นนี้ เมืองหรงตูและพวกเราจึงยังมีโอกาสที่จะมีชีวิตอยู่”“น้องฝาน วิธีนี้น่าอัศจรรย์ก็จริง ทว่า...” สีหน้าของเหอจื่อหลินเปลี่ยนจากสดใสเป็นหม่นหมอง “กองกำลังสามหมื่นคนของหลี่เทียนนั้น ห่างจากพวกเราไม่ถึงห้าสิบลี้แล้ว อิงจากความเร็วของกองกำลังเตียนตู ต้านทานไว้ครึ่งชั่วยาม ก็จะไล่ตามพวกเราทัน พวกเราต้องการโจมตีโต้กลับเมืองฝูตู ก็ต้องหลบหลีกพวกเขาก่อน”“กองกำลังลาดตระเวนมีสองหมื่นเจ็ดพันกว่าคน และมีม้าสงครามที่ไปยึดครองมาเมื่อครู่สามพันตัว เป้าหมายยิ่งใหญ่เช่นนี้ ความยากในหลบหลีกหลี่เทียนยากยิ่งนั
“ข่าวที่ข้าได้รับมาเมื่อครู่ กองกำลังเมืองเตียนตูหนึ่งแสนคนที่เหยียนเชียงนำทัพไม่ได้ข้ามฝั่งมา”“ไม่ได้ข้ามฝั่งรึ?” เหอกังตกใจอย่างมาก กล่าวด้วยความโมโหทันที “เวลาครึ่งก้านธูปที่แล้วพลส่งข่าวมารายงานว่ากองกำลังหนึ่งแสนคนนั้นของเหยียนเชียงเริ่มข้ามฝั่งแล้วมิใช่หรือ? พลส่งข่าวของเจ้าเป็นอันใดไป จึงรายงานไม่แม่นยำเช่นนี้!”“ท่านพ่อ เมื่อครู่กองกำลังเมืองเตียนข้ามฝั่งจริงๆ ทว่าผ่านไปไม่นานพวกเขาทั้งหมดก็กลับลำ ตอนนี้เดินทางมุ่งสู่เมืองหรงตูแล้ว”“กล่าวเช่นนี้...” สีหน้าของเหอกังเปลี่ยนเป็นเข้มงวด “กองกำลังเตียนตูไม่คิดที่จะสนใจพวกเรา ทว่ามุ่งตรงไปบุกโจมตีเมืองหรงตู หากสูญเสียเมืองหรงตูไป เช่นนั้นพวกเรา...”เช่นนั้นกองกำลังลาดตระเวนก็เหมือนกับเด็กกำพร้าไร้บ้านหากไปเยือนหรงตูมิได้ พวกเขาก็เป็นทหารเร่ร่อนกลุ่มหนึ่งที่ไม่กำลังสนับสนุนใดๆจากแนวหลัง“เร็วเข้า พวกเราต้องเร่งฝีเท้าในการเคลื่อนทัพ” เหอกังกล่าวเสียงดัง “แผนการเดียวในตอนนี้ พวกเราทำได้เพียงแข่งความเร็วกับเหยียนเชียง”“ข้าว่าวิธีนี้ก็ไร้ผล” เย่ว์หนูที่อยู่ด้านข้างเฉินฝานส่ายหน้ากล่าวเสียงเบา “พละกำลังของกองกำลังเมืองเตียนตูมีม
เฉินฝานเดินอยู่ด้านหน้า ฉินเย่ว์เจียวลากศพของเหยียนอิง สองคนเรียงรายเดินออกจากกระโจมไปสถานการณ์รบด้านนอกจวนจะเข้าใกล้จุดสิ้นสุดแล้วห่าธนูในคราเดียว กองกำลังเมืองเตียนตูสามพันกว่าคนนี้ ทุกคนล้วนถูกลูกธนูของกองกำลังลาดตระเวนปักราวกับเม่นเหอจื่อหลินพาคนไปตรวจสอบว่ามีกองกำลังเมืองเตียนตูที่ยังตายไม่สนิทหรือไม่ ดังนั้นจึงเกิดเสียงการแทงซ้ำและเสียงโอดครวญเป็นครั้งคราว“ถวายบังคมใต้เท้าเฉิน!”“ถวายบังคมใต้เท้าเฉิน!”เมื่อเห็นเฉินฝานแล้ว เหล่านายทหารพากันคุกเข่าเฉินฝานลนลานรีบทำท่าขอให้ลุกขึ้น “ทุกท่านไม่ต้องมากพิธี รีบลุกขึ้นเถอะ”นายทหารเหล่านั้นโน้มศีรษะติดกับพื้นจึงยอมลุกขึ้นยืนนับตั้งแต่ที่เข้ากระโจมจนมาถึงตอนที่ออกจากกระโจมมา ห่างกันไม่ถึงครึ่งชั่วโมง เหล่ากองกำลังลาดตระเวนด้านหน้าเฉินฝาน ทุกคนล้วนมีชีวิตชีวาพวกเขาทหารผู้ดีทหารไร้ประโยชน์ที่ถูกฝูงชนหัวเราะเยาะ ในเวลาสั้นๆครึ่งชั่วโมง สามารถกำจัดพลทหารม้าของกองกำลังเมืองเตียนตูหนึ่งกลุ่มได้ทั้งหมดต่อจากนี้ จะคอยดูว่าผู้ใดจะกล้ากล่าวว่าพวกเขาไร้ประโยชน์ได้อีก!เหล่าทหารเพิ่งจะลุกขึ้นยืน เหอกังรีบรุดหน้าเข้ามาทันที สีหน
เหยียนอิงถูกฉินเย่ว์เจียวนำน้ำเย็นหนึ่งถังราดใส่จนตื่น“อ้าก!”“ใครกัน? ชาติชั่วผู้ใดรนหาที่ตาย บังอาจใช้น้ำราดใส่ข้า!”เหยียนอิงที่ถูกปลุกให้ตื่นด้วยความตกใจเด้งตัวกระโดดลงจากเตียง คว้าดาบใหญ่ข้างกายขึ้นมา ต้องการจะฟันออกไปตอนที่เขาเห็นชัดเจนว่าคนที่ยืนข้างเตียงเขาคือฉินแย่ว์เจียว วางดาบลงทันที พลันปรากฏรอยยิ้มสัปดน“เจ้าหนุ่มหน้าปลาเก๋านั้น สามารถจัดการเรื่องต่างๆ เพราะถวิลหาสาวน้อยที่งดงามเช่นนี้ ข้าก็แปลกใจหรอก”“แม่สาวน้อย เจ้าจะมาด้วยตนเองหรือต้องการให้ข้าช่วย!”“ข้าว่าข้าช่วยเจ้าดีกว่า เจ้าจะได้ไม่ต้องเหนื่อย”เหยียนอิงหัวเราะร่าลุกขึ้นยืน กำลังจะโถมตัวใส่ร่างของฉินเย่ว์เจียว“ปึก!”จอกสุราหนึ่ง ลอยมาจากด้านหลังฉินเย่ว์เจียว ชนเข้ากับใบหน้าของเหยียนอิงอย่างรุนแรง“อ้าก!”เหยียนอิงที่ได้รับบาดเจ็บตะโกนลั่น ยื่นมือออกไปคิดที่จะคว้าดาบใหญ่ของเขาอีกครั้ง“ปึก!”มีวัตถุหนึ่งชิ้นลอยมาจากด้านหลังฉินเย่ว์เจียวอีกครั้ง ครั้งนี้ไม่ใช่จอกสุรา ทว่าเป็นเกาทัณฑ์ดอกเหมยหนึ่งลูกนี่เป็นหนึ่งในอาวุธลับมากมายที่ฉินเย่ว์เหมยมอบให้เฉินฝาน เกาทัณฑ์ดอกเหมยใช้งานง่ายที่สุด วันที่สองข
ฉกฉวยโอกาสยามราตรี กองกำลังลาดตระเวนสองหมื่นนาย สามารถข้ามแม่น้ำลวี่สุ่ยครั้งที่สองได้แล้วคนมากมายเพียงนี้ กล่าวไม่มีลาดเลาอันใดแม้แต่น้อย นั้นเป็นเรื่องโกหกตอนที่กองกำลังลาดตระเวนข้ามฝั่ง ทำให้กองกำลังเมืองเตียนตูที่ลาดตระเวนผู้หนึ่งพบเห็น“คน มีคนจำนวนมากกำลังข้ามฝั่ง” กองกำลังเมืองเตียนตูผู้นั้นกล่าวกับสหายร่วมรบของตนคำพูดของกองกำลังเมืองเตียนตูผู้นั้น ไม่เพียงไม่ได้รับความใส่ใจจากสหายร่วมรบเท่านั้น ยังถูกสหายร่วมเขกกะโหลกหนึ่งที“เป็นเพราะไม่นอน ตาพร่ามัวไปแล้วหรือ ข้ามฝั่งอันใดกัน?” สหายร่วมรบชี้ไปที่แม่น้ำ “ดูสิ ด้านบนมีเรือหรือไม่? ไม่มีเรือจะข้ามฝั่งมาได้เยี่ยงไร”“ทว่า...”กองกำลังเมืองเตียนตูผู้นั้นหันกลับไปชำเลืองมองอีกครั้ง “ข้าเห็นจริงๆ เหมือนว่าพวกเขาไม่ได้นั่งเรือข้ามมา ทว่าเดินบนผิวน้ำมา”สะพานลอยไม่โผล่ขึ้นมาผิวน้ำทั้งหมด ดูแล้วก็เหมือนกับคนกำลังเดินผิวน้ำจริงๆกองกำลังเมืองเตียนตูผู้นั้นถูกสหายร่วมรบของตนเขกกะโหลกอีกครั้ง “เดินบนผิวน้ำ? นับถือที่เจ้าพูดเช่นนี้ออกมาได้ ที่เจ้าเห็นมิใช่คน แต่เจ้าเห็นผีแล้วต่างหาก!”“ที่ข้าเห็นเป็นผีงั้นรึ?”“จะไม่ใช่ได้อย่
“สร้างสะพานลอยเช่นนี้ กองกำลังเมืองเตียนตูฝั่งตรงข้ามคงไม่ให้พวกเราสร้างได้อย่างสบายๆหรอกกระมัง”“พวกเจ้าพูดถูก” เฉินฝานกล่าว “กองกำลังเมืองเตียนตูคงไม่ให้พวกเราสร้างได้อย่างสบายๆ ดังนั้นที่พวกเราสามารถสร้างได้เป็นสะพานลอยใต้น้ำ”เฉินฝานนำแผนที่ออกมา มือวางไว้ที่แม่น้ำลวี่สุ่ย “ตรงส่วนนี้ พื้นที่แม่น้ำค่อนข้างแคบ สายน้ำก็ค่อนข้างไหลเชี่ยวเช่นกัน กองกำลังเมืองเตียนตูจะต้องคาดไม่ถึงว่าพวกเราจะกลับมาบุกโจมตีอย่างไม่ทันตั้งตัวเป็นแน่ ดังนั้นช่วงนี้การลาดตระเวนของกองกำลังเตียนตูต้องไม่เข้มงวดเพียงนั้นเป็นแน่ ความสามารถทางน้ำของกองกำลังหญิงยอดเยี่ยม พวกนางสามารถฉกฉวยโอกาสยามราตรี ดำน้ำลงไปในแม่น้ำสร้างสะพาน”ในตอนแรกที่ฝึกกองกำลังหญิง ตามปกติแล้วก็ฝึกตามที่หน่วยรบพิเศษฝึกฝน ดังนั้นการดำน้ำสร้างสะพานประเภทนี้ชำนาญเป็นธรรมดาอยู่แล้ว“สหายกองกำลังลาดตระเวน เพียงแค่ตระเตรียมเถาวัลย์และกิ่งไม้ให้พร้อมก็ใช้ได้แล้ว”ขั้นตอนในการสร้างสะพาน เป็นดังที่เฉินฝานคาดการณ์ไว้ กองกำลังเมืองเตียนตูคาดไม่ถึงว่าพวกเฉินฝานจะกลับมาบุกโจมตีอย่างไม่ทันตั้งตัว และสิ่งที่คาดไม่ถึง คิดเหนือชั้นไปอีก คือพวกเฉินฝ
“ใต้เท้าเฉิน ไยเจ้ายังคิดที่จะล้อเล่นอีก!” เหอกังสีหน้าจริงจัง เขาออกคำสั่งกับเหอจื่อหลิน “จื่อหลิน เจ้าปกป้องใต้เท้าเฉินให้ออกจากป่าไปในคืนนี้ มุ่งหน้าสู่หรงตู”“ท่านแม่ทัพใหญ่ ข้า...”“ใต้เท้าเฉิน ข้ารู้ว่าเจ้าอยากอยู่ ทว่าพวกเราไม่สามารถเสี่ยงอันตรายเรื่องนี้ได้ หากสูญเสียเจ้าไป ต้าชิ่งของพวกเราก็ถึงจุดจบจริงๆแล้ว”เหอกังพูดขัดคำพูดเฉินฝานก่อนที่จะออกเดินทางครั้งนี้ ฉินเย่ว์เหมยลอบนัดพบพ่อลูกตระกูลเหอลับๆ ไม่ว่าจะเกิดอันใดขึ้นให้พ่อลูกตระกูลเหอต้องปกป้องชีวิตของเฉินฝานไว้กล่าวว่า หากไร้ซึ่งเฉินฝาน ต้าชิ่งก็สูญสลายเช่นกันคำพูดของฉินเย่ว์เหมย เหอกังเห็นด้วยทั้งหมดตอนนี้ต้าชิ่งมีทั้งศึกภายในและภายนอก ขุนนางทุจริตกุมอำนาจ หากไม่มีเฉินฝาน ก็มิมีใครสามารถต่อกรกับเสิ่นหมิงหยวนได้“ท่านแม่ทัพใหญ่!” เฉินฝานทำมือเคารพให้เหอกัง “ขอบคุณความไว้วางใจของท่านแม่ทัพใหญ่ที่มีต่อข้าน้อย ในเมื่อท่านแม่ทัพคิดว่าข้าน้อยสามารถช่วยต้าชิ่งให้รอดพ้นได้ เช่นนั้นไยไม่เชื่อมั่นให้ข้าน้อยทำให้กองกำลังเมืองเตียนตูพ่ายแพ้กันล่ะ?”“ใต้เท้าเฉิน ข้าเชื่อมั่นว่าท่านมีความสามารถเช่นนั้นอยู่แล้ว ทว่าการจะหล
ระเบิดดินที่ฝังไว้ จวนจะได้แผลงฤทธิ์แล้ว ม้าและพลทหารที่ถูกระเบิดจนลอยขึ้นจะบรรเทาการปิดล้อมของกองกำลังเมืองเตียนตูได้ชั่วคราวผ่านไปไม่นานนัก ท้องฟ้าก็มืดสนิทเมื่อท้องฟ้ามืดแล้ว เหล่าทหารลาดตระเวนล้วนถอนหายใจอย่างโล่งอกพวกเขาปลอดภัยชั่วคราวแล้วต่อให้กองกำลังเมืองเตียนตูจะเก่งกาจเพียงใด ก็ไม่สามารถจะหาญกล้าบุกโจมตีเข้ามาในป่าตอนกลางคืนเหยียนเชียงที่เป็นผู้นำกองกำลังหนึ่งแสนคนของเมืองเตียนอันก็ไม่ได้รีบร้อน ตอนที่ฟ้ายังไม่ทันมืด เขาก็ออกคำสั่งให้คนไปตั้งค่ายทหารแล้ว“ท่านเจ้านครฝ่ายขวา เส้นทางที่จะระเบิด จวนจะไม่มีแล้ว กองทัพของข้าสามารถโจมตีตามไปได้ จัดการพวกเขาให้หมด เพื่อขจัดอุปสรรคในการเข้าเมืองหลวงของท่านอ๋อง”แม่ทัพสองสามคนเป็นฝ่ายขอออกทัพกับเหยียนเชียงก่อนปัญญาชนหน้าใสเฉินฝานอยู่ในป่า จับเป็นเขาได้สามารถได้เงินห้าหมื่นตำลึงทองการบุกเข้าป่ายามราตรีเรื่องต้องห้ามเช่นนี้ กองทัพเมืองเตียนตูมิได้หวาดกลัวอย่างไรเสียก็เป็นเงินห้าหมื่นตำลึงทองเชียวนะใครจะไม่อยากได้กันเหยียนเชียงจ้องแม่ทัพที่มาขอออกรบก่อนเหล่านั้น “เรื่องที่ว่าจะขจัดอุปสรรคทางไปเมืองหลวงให้ท่านอ๋องอะไ