“นายท่าน ผิดปกติที่ใดกัน? ถูกระเบิดจนลอยขึ้นมากมายเพียงนั้น พวกเขาต้องหวาดกลัวอยู่แล้วสิ!”“ไม่ใช่ จะต้องไม่การหวาดกลัวเพียงอย่างเดียว!” เฉินฝานกระโดดลงรถม้า วิ่งรุดหน้าไปพลางตะโกนเสียงดัง “ท่านแม่ทัพเหอ พี่จื่อหลิน โปรดกระจายคำสั่งออกไปทันที ให้ขบวนทัพหยุดการเคลื่อนพลเข้าไปทั้งหมด!”ได้ยินเสียง เหอจื่อหลินหันหัวม้ามุ่งมาทางเฉินฝาน “น้องฝาน ไยต้องหยุดการเคลื่อนพลเข้าไปทั้งหมด?”“ลู่ทางของกองกำลังเตียนตู ไม่ได้มีเพียงแค่ทางเดียว ลู่ทางด้านหน้าอาจจะใหญ่กว่าเมื่อครู่”-ภายในที่ทำการเจ้าเมืองฝู่ตูผู้ที่นั่งอยู่ที่บัลลังก์เจ้าเมือง มิใช่เจ้าเมืองฝู่ตู ทว่าเป็นบุรุษที่สวมชุดมังกรสีม่วงเข้มผู้หนึ่งบุรุษเอนกายพิงบัลลังก์ สายตาลึกล้ำแฝงไปด้วยรังสีอาฆาตอันโหดเหี้ยมเขาคืออ๋องเจิ้นหนานผู้ก่อกบฏในครั้งนี้เมืองฝู่ตูถูกกองกำลังเตียนตูยึดครองไว้แล้ว“ท่านอ๋อง!”นายทหารผู้หนึ่ง รุดเข้ามาจากด้านนอกด้วยความรีบร้อนอ๋องเจิ้นหนานผายมือทันที “รายงานมา!”“กองกำลังลาดตระเวนข้ามแม่น้ำลวี่สุ่ยไปแล้วพ่ะย่ะค่ะ” นายทหารกล่าว“อืม!” อ๋องเจิ้นหนานยกจอกสุราบนโต๊ะขึ้น ดื่มหมดในทีเดียว วางลงแล้วจึงกล
“คุยโวโอ้อวดอีกแล้ว ทหารลาดตระเวนเยอะเพียงนั้นเชียวนะ จะยอมให้เจ้าจับคนไปทันทีงั้นหรือ?” มีคนแย้งกลับ“ข้าคุยโอ้อวดงั้นหรือ? ก็แค่ทหารลาดตระเวนไร้ค่าโง่เง่ากลุ่มนั้น นายทหารผู้นั้นตบม้าสงครามข้างกายตนเองเบาๆ “พวกเจ้าเชื่อหรือไม่ข้าขี่เฉิงเฟิงของข้าเข้าไปทันที จับตัวปัญญาชนหน้าขาวนั้นมา กลุ่มคนไร้ค่าโง่เง่านั้นคงจะไม่ทันได้สติกลับมาหรอกกระมัง?”พลทหารม้ากองกำลังเจิ้นหนานดุร้ายหาสิ่งใดเปรียบเทียบมิได้ ไม่เพียงแต่ในต้าชิ่งเท่านั้น มีชื่อเสียงทั้งแผ่นดินใหญ่เมื่อข่าวที่สามารถจับเป็นเฉินฝานได้รับเงินห้าแสนตำลึงทองแพร่ออกไป กองกำลังเมืองเตียนตูที่ปิดล้อมอำเภอเหออันไว้ก็ฮึกเหิมยิ่งกว่าเดิม ทุกคนล้วนรอคอยเฉินฝานเพื่อที่จะแย่งชิงเงินห้าแสนตำลึงทองนั้นทว่าด้านเฉินฝานขบวนทัพเคลื่อนไปด้านหน้าไม่ถึงห้าลี้ เฉินฝานก็สั่งให้กองกำลังลาดตระเวนหยุดเคลื่อนพลอีกแล้ว“เดิมทีพวกเราก็ต้องสู้รบกับกองกำลังเมืองเตียนตูอยู่แล้ว ไม่ช้าก็เร็วต้องพบเจอ ที่จริงก็มิมีข้อแตกต่างอันใด หากพวกเขาอยู่ที่อำเภอเหออัน เช่นนั้นไยพวกเราต้องถอย ก็ประจันหน้าสู้กับพวกเขาไปเลย?”เหอจื่อหลินกล่าวหน้าดำหน้าแดง เขาที่นิสัยต
รองผู้บังคับบัญชาก็คือสมณะในคุกน้ำตอนนี้สมณะสวามิภักดิ์กับเฉินฝานอย่างสมบูรณ์แบบแล้ว วรยุทธ์ของเขาเก่งกาจ รับผิดชอบในฝึกฝนกำลังทหารของนายทหารในกองกำลังยอดฝีมืออันดับหนึ่งคือโจวอวี่แต่เดิมโจวอวี่นั้นเป็นคนสนิทของซูซิวฉี สมควรได้รับการเชื่อใจอย่างยิ่ง และเป็นเพราะถูกซูซิวฉีส่งตัวไปอำเภอผิงอันอยู่ก่อนแล้ว แตกต่างกับเว่ยสือที่อยู่ในขอบเขตการจับจ้องมองของพวกเสิ่นหมิงหยวนดังนั้นโจวอวี่มิใช่ตัวเลือกรองกองกำลังนี้ของโจวอวี่ไม่ได้อยู่กับเฉินฝาน เฉินฝานกังวลว่าเมื่อเขาออกจากเมืองหลวง เสิ่นหมิงหยวนจะสั่งให้องครักษ์เมืองหลวงของหลี่ชิ่งก่อกบฏบีบบังคับให้สละบัลลังก์ในฐานะที่เทพยิงธนูผู้หนึ่ง โจวอวี่ไม่เพียงแต่สุขุมเท่านั้น และมีสมองที่ฉลาดหลักแหลมอีกด้วยเฉินฝานนำวิธีการทำระเบิดมือสอนให้กับโจวอวี่ ตอนที่พวกเฉินฝานออกจากเมืองหลวง โจวอวี่ก็ขี่ม้าของเขา ออกเดินทางไปอีกเส้นทางหนึ่ง เร่งฝีเท้าม้ามุ่งหน้าสู่หรงตู ไปหาหลูเฉิงกวง ให้ลอบทำระเบิดมือที่หรงตูอย่างลับๆ“จริงหรือเจ้าคะ?”เหล่าหญิงสาวพากันหันหน้ากลับมา“แน่นอนสิ ทว่า ที่ยกไปก่อนหน้านี้พวกเจ้า...” เฉินฝานชี้กล่องที่เหล่าหญิงสาวกำลั
แตกต่างที่เฉินฝานคาดการณ์ไว้เล็กน้อย เวลายังไม่ทันเข้าสู่ยามราตรีอย่างสมบูรณ์ เหอจื่อหลินก็กลับมาแล้ว กองกำลังที่ออกไปกับเขา มีทั้งหมดสี่พันกว่าคน ตอนที่กลับมาเหลือแค่หนึ่งพันกว่าคนเหอกังเป็นคนที่รุดหน้าเข้าไปคนแรก จับเหอจื่อหลินที่เนื้อตัวมอมแมมไปด้วยฝุ่นพลางกล่าวถาม “หลินเอ๋อร์ นี่มันเกิดอันใดขึ้น?”ฉินเย่ว์เหมยก็รุดหน้าขึ้นมาเช่นกัน เมื่อรุดหน้ามาแล้วก็นับจำนวนทหารหญิงก่อนทันที“คุณหญิงเย่ว์เจียว ท่านไม่ต้องนับแล้ว!” ฉินเย่ว์เจียวเพิ่งจะเริ่มนับ เย่ว์หนูที่ก้มหน้าก็ปริปากพูด “พวกเราสูญเสียพี่น้องไปเจ็ดคน”ฉินเย่ว์เจียวตกใจอย่างมาก “เจ็ดคน เกิดอันใดขึ้น?”กองกำลังทหารหญิงของเย่ว์หนู ตอนที่เฉินฝานอยู่อำเภอผิงอันก็ได้เริ่มการฝึกฝนแล้ว ฝีมือของพวกนาง สามารถเทียบเคียงกับพลทหารอินทรีเหล็กชั้นยอดได้พลทหารอินทรีเหล็กชั้นยอด คือพลทหารที่ความสามารถค่อนข้างครบครัน เหมือนกับทหารหน่อยรบพิเศษในปัจจุบันทหารประเภทนี้ สูญเสียไปหนึ่งคนล้วนเป็นความเสียหายที่ใหญ่หลวง ตอนนี้ผ่านไปครู่เดียวก็สูญเสียไปเจ็ดคน ฉินเย่ว์เจียวช่างเจ็บปวดใจเหลือเกินตอนที่ฉินเย่ว์เจียวกำลังพูดคุย เฉินฝานก็เดินมาด้านห
ระเบิดดินที่ฝังไว้ จวนจะได้แผลงฤทธิ์แล้ว ม้าและพลทหารที่ถูกระเบิดจนลอยขึ้นจะบรรเทาการปิดล้อมของกองกำลังเมืองเตียนตูได้ชั่วคราวผ่านไปไม่นานนัก ท้องฟ้าก็มืดสนิทเมื่อท้องฟ้ามืดแล้ว เหล่าทหารลาดตระเวนล้วนถอนหายใจอย่างโล่งอกพวกเขาปลอดภัยชั่วคราวแล้วต่อให้กองกำลังเมืองเตียนตูจะเก่งกาจเพียงใด ก็ไม่สามารถจะหาญกล้าบุกโจมตีเข้ามาในป่าตอนกลางคืนเหยียนเชียงที่เป็นผู้นำกองกำลังหนึ่งแสนคนของเมืองเตียนอันก็ไม่ได้รีบร้อน ตอนที่ฟ้ายังไม่ทันมืด เขาก็ออกคำสั่งให้คนไปตั้งค่ายทหารแล้ว“ท่านเจ้านครฝ่ายขวา เส้นทางที่จะระเบิด จวนจะไม่มีแล้ว กองทัพของข้าสามารถโจมตีตามไปได้ จัดการพวกเขาให้หมด เพื่อขจัดอุปสรรคในการเข้าเมืองหลวงของท่านอ๋อง”แม่ทัพสองสามคนเป็นฝ่ายขอออกทัพกับเหยียนเชียงก่อนปัญญาชนหน้าใสเฉินฝานอยู่ในป่า จับเป็นเขาได้สามารถได้เงินห้าหมื่นตำลึงทองการบุกเข้าป่ายามราตรีเรื่องต้องห้ามเช่นนี้ กองทัพเมืองเตียนตูมิได้หวาดกลัวอย่างไรเสียก็เป็นเงินห้าหมื่นตำลึงทองเชียวนะใครจะไม่อยากได้กันเหยียนเชียงจ้องแม่ทัพที่มาขอออกรบก่อนเหล่านั้น “เรื่องที่ว่าจะขจัดอุปสรรคทางไปเมืองหลวงให้ท่านอ๋องอะไ
“ใต้เท้าเฉิน ไยเจ้ายังคิดที่จะล้อเล่นอีก!” เหอกังสีหน้าจริงจัง เขาออกคำสั่งกับเหอจื่อหลิน “จื่อหลิน เจ้าปกป้องใต้เท้าเฉินให้ออกจากป่าไปในคืนนี้ มุ่งหน้าสู่หรงตู”“ท่านแม่ทัพใหญ่ ข้า...”“ใต้เท้าเฉิน ข้ารู้ว่าเจ้าอยากอยู่ ทว่าพวกเราไม่สามารถเสี่ยงอันตรายเรื่องนี้ได้ หากสูญเสียเจ้าไป ต้าชิ่งของพวกเราก็ถึงจุดจบจริงๆแล้ว”เหอกังพูดขัดคำพูดเฉินฝานก่อนที่จะออกเดินทางครั้งนี้ ฉินเย่ว์เหมยลอบนัดพบพ่อลูกตระกูลเหอลับๆ ไม่ว่าจะเกิดอันใดขึ้นให้พ่อลูกตระกูลเหอต้องปกป้องชีวิตของเฉินฝานไว้กล่าวว่า หากไร้ซึ่งเฉินฝาน ต้าชิ่งก็สูญสลายเช่นกันคำพูดของฉินเย่ว์เหมย เหอกังเห็นด้วยทั้งหมดตอนนี้ต้าชิ่งมีทั้งศึกภายในและภายนอก ขุนนางทุจริตกุมอำนาจ หากไม่มีเฉินฝาน ก็มิมีใครสามารถต่อกรกับเสิ่นหมิงหยวนได้“ท่านแม่ทัพใหญ่!” เฉินฝานทำมือเคารพให้เหอกัง “ขอบคุณความไว้วางใจของท่านแม่ทัพใหญ่ที่มีต่อข้าน้อย ในเมื่อท่านแม่ทัพคิดว่าข้าน้อยสามารถช่วยต้าชิ่งให้รอดพ้นได้ เช่นนั้นไยไม่เชื่อมั่นให้ข้าน้อยทำให้กองกำลังเมืองเตียนตูพ่ายแพ้กันล่ะ?”“ใต้เท้าเฉิน ข้าเชื่อมั่นว่าท่านมีความสามารถเช่นนั้นอยู่แล้ว ทว่าการจะหล
“สร้างสะพานลอยเช่นนี้ กองกำลังเมืองเตียนตูฝั่งตรงข้ามคงไม่ให้พวกเราสร้างได้อย่างสบายๆหรอกกระมัง”“พวกเจ้าพูดถูก” เฉินฝานกล่าว “กองกำลังเมืองเตียนตูคงไม่ให้พวกเราสร้างได้อย่างสบายๆ ดังนั้นที่พวกเราสามารถสร้างได้เป็นสะพานลอยใต้น้ำ”เฉินฝานนำแผนที่ออกมา มือวางไว้ที่แม่น้ำลวี่สุ่ย “ตรงส่วนนี้ พื้นที่แม่น้ำค่อนข้างแคบ สายน้ำก็ค่อนข้างไหลเชี่ยวเช่นกัน กองกำลังเมืองเตียนตูจะต้องคาดไม่ถึงว่าพวกเราจะกลับมาบุกโจมตีอย่างไม่ทันตั้งตัวเป็นแน่ ดังนั้นช่วงนี้การลาดตระเวนของกองกำลังเตียนตูต้องไม่เข้มงวดเพียงนั้นเป็นแน่ ความสามารถทางน้ำของกองกำลังหญิงยอดเยี่ยม พวกนางสามารถฉกฉวยโอกาสยามราตรี ดำน้ำลงไปในแม่น้ำสร้างสะพาน”ในตอนแรกที่ฝึกกองกำลังหญิง ตามปกติแล้วก็ฝึกตามที่หน่วยรบพิเศษฝึกฝน ดังนั้นการดำน้ำสร้างสะพานประเภทนี้ชำนาญเป็นธรรมดาอยู่แล้ว“สหายกองกำลังลาดตระเวน เพียงแค่ตระเตรียมเถาวัลย์และกิ่งไม้ให้พร้อมก็ใช้ได้แล้ว”ขั้นตอนในการสร้างสะพาน เป็นดังที่เฉินฝานคาดการณ์ไว้ กองกำลังเมืองเตียนตูคาดไม่ถึงว่าพวกเฉินฝานจะกลับมาบุกโจมตีอย่างไม่ทันตั้งตัว และสิ่งที่คาดไม่ถึง คิดเหนือชั้นไปอีก คือพวกเฉินฝ
ฉกฉวยโอกาสยามราตรี กองกำลังลาดตระเวนสองหมื่นนาย สามารถข้ามแม่น้ำลวี่สุ่ยครั้งที่สองได้แล้วคนมากมายเพียงนี้ กล่าวไม่มีลาดเลาอันใดแม้แต่น้อย นั้นเป็นเรื่องโกหกตอนที่กองกำลังลาดตระเวนข้ามฝั่ง ทำให้กองกำลังเมืองเตียนตูที่ลาดตระเวนผู้หนึ่งพบเห็น“คน มีคนจำนวนมากกำลังข้ามฝั่ง” กองกำลังเมืองเตียนตูผู้นั้นกล่าวกับสหายร่วมรบของตนคำพูดของกองกำลังเมืองเตียนตูผู้นั้น ไม่เพียงไม่ได้รับความใส่ใจจากสหายร่วมรบเท่านั้น ยังถูกสหายร่วมเขกกะโหลกหนึ่งที“เป็นเพราะไม่นอน ตาพร่ามัวไปแล้วหรือ ข้ามฝั่งอันใดกัน?” สหายร่วมรบชี้ไปที่แม่น้ำ “ดูสิ ด้านบนมีเรือหรือไม่? ไม่มีเรือจะข้ามฝั่งมาได้เยี่ยงไร”“ทว่า...”กองกำลังเมืองเตียนตูผู้นั้นหันกลับไปชำเลืองมองอีกครั้ง “ข้าเห็นจริงๆ เหมือนว่าพวกเขาไม่ได้นั่งเรือข้ามมา ทว่าเดินบนผิวน้ำมา”สะพานลอยไม่โผล่ขึ้นมาผิวน้ำทั้งหมด ดูแล้วก็เหมือนกับคนกำลังเดินผิวน้ำจริงๆกองกำลังเมืองเตียนตูผู้นั้นถูกสหายร่วมรบของตนเขกกะโหลกอีกครั้ง “เดินบนผิวน้ำ? นับถือที่เจ้าพูดเช่นนี้ออกมาได้ ที่เจ้าเห็นมิใช่คน แต่เจ้าเห็นผีแล้วต่างหาก!”“ที่ข้าเห็นเป็นผีงั้นรึ?”“จะไม่ใช่ได้อย่
พวกคนด้านหน้าที่หลบไม่ทัน บ้างก็ถูกม้าเหยียบบ้างก็ถูกเตะจนปลิว พวกเขาร้องโอดครวญด้วยความเจ็บปวดแต่คนที่นั่งอยู่บนหลังม้า กลับไม่ยี่หระแม้แต่น้อย ไม่เพียงไม่ลดความเร็ว แต่ยังฟาดแส้ม้าในมือแรงขึ้น“จ้า!”“ระวัง!”เฉินฝานที่เดิมทีเบี่ยงตัวไปด้านข้างแล้ว รีบหันกลับมา ดึงตัวเมี่ยวอวี่ที่ยังคงยืนอยู่กลางถนน ด้วยความตกตะลึง“ว้าย!”เมี่ยวอวี่ที่ล้มตัวลงในอ้อมกอดของเมี่ยวอวี่ อุทานตามสัญชาตญาณ“วี้ด!”เสียงเป่าปากดังก้องทหารตรงกลาง ทันใดนั้นเองเขาก็จับแส้ม้าแน่นม้ายกขาหน้าทั้งสองขึ้น ทหารจับแส้ม้าแน่น หันขวับกลับมาอย่างรวดเร็ว“...”เพียงครู่หนึ่งเฉินฝานก็กระจ่างชัด รู้ว่าใครคือคนบนหลังม้าเขาคือหลี่ชิ่งสุนัขรับใช้ผู้แสนซื่อสัตย์ของเสิ่นหมิงหยวน หัวหน้าทหารรักษาการณ์เมืองหลวงเพิ่งหันกลับไป ดวงตาคู่นั้นของหลี่ชิ่งราวกับอินทรีย์ กวาดตามองไปรอบๆ อย่างรวดเร็วเขาก็มองมาที่เฉินฝานเฉินฝานอ้าแขนทั้งสองข้าง คว้าตัวเย่ว์เจียว เย่ว์หนูและเมี่ยวอวี่เข้าหาตน“ท่าน...”เมี่ยวอวี่เบิกตากว้าง หูของนางแดงก่ำอย่างรวดเร็วเพราะ...มือขวาของเฉินฝาน คลำสะโพกของนางไม่หยุดเฉินฝานก้มหน้าลง พูด
“ตอนนี้พวกเราไม่อาจเข้าเมืองได้!”“เพราะเหตุใด?” สีหน้าของฉินเย่ว์เจียวฉายความฉงน “พวกเราไม่เข้าเมือง แล้วจะเข้าเฝ้าฝ่าบาทได้อย่างไร ตอนนี้ฝ่าบาทต้องเสียพระทัยมากแน่นอน”“เมือง!” ดวงตาสีดำดั่งน้ำหมึกของเฉินฝานมองไปที่ประตูเมือง ‘เมืองเซียนตู’ อักษรสามตัวขนาดใหญ่ “พวกเราต้องเข้าไปแน่นอน อีกทั้งต้องเข้าไปให้ได้”โรงเตี๊ยมและเรือนเซียนผาสุกปิดตัวลงกะทันหัน ต้องไม่ใช่เรื่องบังเอิญแน่นอน“แต่ว่า พวกเราไม่อาจเข้าไปเช่นนี้”เฉินฝานหันหลังเดินออกไป“เจ้าอย่าคิดหนี ตามพวกข้ามา!”ตอนออกไป ฉินเย่ว์เจียวคว้าตัวเมี่ยวอวี่ “เจ้าเคยรับปากข้า หลังจากออกมาได้สำเร็จ เจ้าจะบอกให้ข้ารับรู้ว่าผู้ใดเป็นคนให้จี้หยกแก่เจ้า”คิ้วของเมี่ยวอวี่เลิกต่ำเล็กน้อย “ข้าไม่คิดจะไปจากพวกเจ้า!”เมี่ยวอวี่มาเพื่อลอบสังหารเขา ตอนนี้ไม่อาจให้ใครคนนั้นในเมืองเซียนตูรู้ว่าเขายังมีชีวิตเฉินฝานใช้ใบไม้ทองซื้อชุดไว้อาลัยสี่ตัวที่นอกเมือง ปลอมตัวเป็นชาวบ้านธรรมดาเข้าเมือง“สวรรค์ริษยาความปรีชา ให้ชีวิตมอดม้วย ฮือๆๆ!”เพิ่งเข้าเมือง พวกเฉินฝานก็ได้ยินเสียงร้องไห้สะอึกสะอื้นถนนสองข้างทาง คนมากมายกำลังคุกเข่าร่ำไห้“
“นายท่าน!” เพิ่งจะเดินไปได้มิกี่ก้าว จู่ ๆ ฉินเย่ว์เจียวก็หยุดชะงัก หันหน้าไปมองเฉินฝานด้วยความมึนงง “อัครเสนาบดีเบื้องซ้ายใต้เท้าเฉินฝาน คงจะมิได้หมายถึงท่านหรอกกระมัง”“มีโอกาสเป็นได้สูง!” เฉินฝานกล่าวอย่างเรียบนิ่ง“ว้าว ท่านได้เป็นอัครเสนาบดีแล้ว!” ใบหน้าอันงดงามของฉินเย่ว์เจียวตื่นเต้นดีใจเป็นอย่างมาก“ทว่า...” เฉินฝานหัวเราะสมเพชตนเอง “ตอนนี้กำลังพิธีศพให้ข้าอย่างยิ่งใหญ่อยู่”“นั้นเป็นเพราะพวกเขาเข้าใจผิด นายท่าน พวกเรารีบไปกันเถอะ เมื่อเจอพวกเราแล้วความเข้าใจผิดก็จะคลี่คลาย” ฉินเย่ว์เจียวรีบสาวเท้าให้เร็วยิ่งขึ้นด้านหน้าเหล่าคนที่มีชีวิตรอดเดินออกมาจากหุบเขาพร้อมกับพวกเฉินฝาน มีคนจำนวนหนึ่งที่เดินไปถึงประตูเมืองแล้วเป็นดั่งที่หญิงชรากล่าว เพราะพวกเขาสวมเสื้อผ้าที่สกปรก ทหารที่รักษาเมืองจึงมิยอมให้พวกเขาเข้าไป“ใต้เท้า ได้โปรด! พวกเราเดินมาจากเศษซากทางเรือนเซียนผาสุก บ้านอยู่ในเมืองเซียนตู ให้พวกเราเข้าไปจึงจะสามารถเปลี่ยนเสื้อผ้าได้”คนที่กล่าววาจาคือจางเซิง“ถูกต้อง พวกเราถูกกักขังอยู่ด้านในมาหลายวันแล้ว กว่าจะออกมาได้มิง่ายเลย เจ้าให้พวกเราเข้าไปเถอะ”คนจำนวนมา
ทางด้านหน้า มีเงินกระดาษหยวนเป่าสีขาวมากมาย“มีคนทำพิธีกรรมอันใดงั้นรึ?”“ดูเหมือนว่าจะใช่”นับตั้งแต่ทางเข้าหุบเขามาจนถึงประตูทิศตะวันออกของเมืองเซียนตู ตลอดเส้นทางนี้ล้วนมีเงินกระดาษหยวนเป่าสีขาวตอนที่ฝูงชนเดินมาถึงประตูเมือง ก็พบว่าหอประตูเมืองถูกประดับไปด้วยผ้าสีขาวจำนวนมากหอประตูเมืองที่เดิมทีประดับด้วยโคมไฟสีแดงเป็นทิวแถว ตอนนี้โคมไฟเปลี่ยนเป็นสีขาวแล้ว แม้กระทั่งตรงช่วงเอวของพลทหารรักษาก็ยังแขวนผ้าสีขาว“นี่เป็นพิธีศพ และยังยิ่งใหญ่อีกด้วย แม้กระทั่งตรงช่วงเอวของพลทหารยังแขวนผ้าสีขาวอีกด้วย คงจะมีคนใหญ่คนโตของเมืองเซียนตูเสียชีวิตกระมัง จึงทำให้ทั้งเมืองร่วมไว้อาลัยได้เช่นนี้”ฝูงชนพากันถกเถียงอภิปราย“หรือว่าจะเป็นเจ้าเมืองซื่อต้าเผิง?” ฉินเย่ว์เจียวก็รู้สึกสงสัยเช่นกัน“สาวน้อย คำพูดนี้มิสามารถพูดมั่วซั่วได้ ท่านเจ้าเมืองยังอยู่ดี เจ้าสาปแช่งใต้เท้าเช่นนี้ ระวังใต้เท้าจับเจ้าเข้าคุก”มีหญิงชราคนหนึ่งเดินออกมาจากในเมืองมากล่าวเตือนฉินเย่ว์เจียว “ อีกอย่าง เจ้าเมืองจะมีงานใหญ่โตเช่นนั้นได้อย่างไรกัน?”“โอ้?” เฉินฝานรุดหน้าขึ้นมาหนึ่งก้าว ทำมือเคารพให้หญิงชรา “เช่นนั
“เจ้า...โอ๊ย ข้าโมโหจวนจะบ้าแล้ว!”ฉินเย่ว์เจียวค่อยๆลุกขึ้นยืน คิดที่โยนเมียวอวี่ออกไป ปรากฏว่าเมี่ยวอวี่ก็ค่อยๆลุกขึ้นเช่นกัน หลังจากนั้น...“......”เฉินฝานมองไปที่เมี่ยวอวี่ที่ติดหนึบเรือนร่างเขาราวกับปลาหมึกตัวหนึ่งด้วยความมึนงง“แม่นางเมี่ยวอวี่ รบกวนชีวิตสามีภรรยา เป็นเรื่องที่ไร้มารยาทอย่างมาก”เฉินฝานอุ้มเมี่ยวอวี่ออกไปด้านนอก“อย่าเอาข้าออกไป”แขนของเมี่ยวอวี่โอบรัดคอของเฉินฝานไว้แน่น นำศีรษะฝังแนบกับไหล่เขา กล่าวเสียงแผ่วเบารีบร้อน“ขอร้องล่ะ!”“ได้สิ” เฉินฝานเริ่มคิดเล่นสนุก “ให้เจ้าอยู่ก็ได้ ทว่าเจ้าต้องเปลื้องผ้าให้หมดและคลานเข้าไปในถุงนอนของข้า”ใบหูที่ขาวผ่องของเมี่ยวอวี่ เปลี่ยนเป็นสีแดงอย่างเห็นได้ชัด“มิมีทาง น้ำเสียงของเมี่ยวอวี่นุ่มนวล ทว่าสามารถฟังออกได้ว่ากัดฟันพูด“เหอะ!” เฉินฝานหัวเราะเยาะออกมาทันที “มิมีผลประโยชน์ให้ข้าแม้แต่น้อย ไฉนข้าต้องยอมให้เจ้าอยู่ที่นี้?”“สิ่งนี้!”เมี่ยวอวี่เปิดเสื้อตนเองออกทัศนียภาพที่งดงามพลันปรากฏต่อหน้าเฉินฝานเมี่ยวอวี่ที่ภายนอกที่ดูสูงสง่าราวเทพธิดา ภายในกลับ...“ต้องกล่าวว่าอาหารของกระท่อมหิมะนี้คุณภาพค่อนข้า
“เมื่อซดแกงปลาเรียบร้อยแล้ว ปลาย่างก็จวนจะได้ที่พอดีถึงแม้เครื่องเทศจะมิเยอะ ทว่าเฉินฝานก็โรยบนปลาทุกตัวอย่างละเล็กละน้อยเมื่อเครื่องเทศถูกโปรยลงไป กลิ่นหอมก็กระจายฟุ้งทั่วทุกสารทิศทันทีทุกคนล้วนทำจมูกฟุดฟิดสูดลมหายใจเข้าอย่างต่อเนื่องเพื่อจะดูดซับกลิ่นหอมเข้าไปให้ได้มากที่สุด“ข้าขอเอาไปก่อนแล้วกัน พวกเจ้าก็ค่อยๆแบ่งกันเองนะ!”เป็นเซียนเจี้ยนหวงอีกแล้ว เขาแบกปลาหลีฮื้อที่ตัวที่สุดออกไปทันทีเฉินฝานมอบหน้าที่ในการแบ่งปลาให้ฉินเย่ว์เจียว“มิต้องรีบ ได้ทุกคน”ฉินเย่ว์เจียวชำนาญในการกินปลาอยู่ก่อนแล้วนางมิได้นำท้องปลาที่มีก้างเยอะแบ่งให้เด็กเล็กและคนแก่ตอนที่กินปลายังเน้นย้ำให้ระวังก้างปลาซ้ำแล้วซ้ำเล่าฉินเย่ว์เจียวที่มิแยแสต่อสิ่งใดกลับละเอียดรอบคอบเช่นนี้ ทั้งหมดนี้เป็นเพราะเมื่อก่อนตอนที่อยู่หมู่บ้านซานเหอก้างปลาเคยติดคอของนางจึงทำให้หวาดกลัวหลังจากผ่านไปครึ่งชั่วโมง ทุกคนก็ล้วนอิ่มจนท้องป่อง สีหน้าอิ่มอกอิ่มใจพูดคุยสัพเพเหระในกระโจมอย่างสนุกสนานหากมิใช่ว่าด้านหลังมีกระท่อมหิมะและเรือนเซียนผาสุกที่ถล่มลงมา ยังคิดว่าคนเหล่านี้มาเที่ยวพักผ่อนเสียอีกเฉินฝานที่กินอิ่
เสียงของเซียนเจี้ยนหวง ไฉนฟังอย่างไรก็มิเหมือนที่ถูกแกงลวก เหมือน...เสียงซาบซึ้งใจที่ได้ลิ้มลองอาหารเลิศรสเสียมากกว่าเฉินฝานก็รู้สึกได้เช่นกัน“ผู้เฒ่า ยังมีคนอีกมากมายที่รอกินอยู่ ไฉนเจ้าซดคนเดียวมากมายเพียงนั้น?”ตอนที่เซียนเจี้ยนหวงซดน้ำแกงทัพพีที่สี่ เฉินฝานก็แย่งทัพพีไม้ไผ่จากมือเขากลับมา“นี่ ๆ ให้ข้าซดอีกทัพพีมิได้หรือ?”เซียนเจี้ยนหวงมองทัพพีไม้ไผ่ในมือเฉินฝานด้วยสายตาละห้อย“ยังจะซดอีกงั้นหรือ?” เฉินฝานจ้องเขม็งไปที่เซียนเจี้ยนหวง “ถ้าขืนซดต่อไปอีกเจ้าก็คงจะอิ่มจนท้องแตกกันพอดี!”ทัพพีไม้ไผ่นี้ ตักได้ทีละครึ่งชั่งเชียวนะ“ใส่เกลือไปเพียงเล็กน้อย เอร็ดอร่อยเพียงนั้นจริงหรือ?”เฉินฝานพูดพึมพำ“แน่นอนว่าต้องอร่อยอยู่แล้วสิ!”อาศัยช่วงที่เฉินฝานกำลังพึมพำ เซียนเจี้ยนหวงก็แย่งทัพพีไม้ไผ่ไปจากมือเฉินฝานอีกครั้ง“ผู้เฒ่า เจ้า...”ตอนที่เซียนเจี้ยนหวงกลืนแกงปลาลงท้องไปอีกหนึ่งทัพพีเรียบร้อยแล้ว ท้องก็กลมป่อง ดูแล้วอิ่มเอมใจและรู้สึกมิสบายตัวเล็กน้อยเฉินฝานส่ายหน้าอย่างเหนื่อยหน่าย “ดูเจ้าสิช่างตะกละเสียจริง ตอนนี้ซดจนหนำใจแล้วกระมัง”“ฮี่ๆ!” เซียนเจี้ยนหวงแยกเขี้ย
ผ่านไปครู่เดียว เซียนเจี้ยนหวงก็สามารถเจาะรูที่กว้างประมาณห้าสิบเซนติเมตรบนพื้นน้ำแข็งได้“เจ้าหนุ่ม ใหญ่ขนาดนี้ใช้ได้หรือไม่?” เซียนเจี้ยนหวงหันหน้าไปถาม“ใช้ได้แล้ว รอให้ปลาว่ายมาแล้วกัน!”ระหว่างที่กล่าว เฉินฝานก็นั่งยองลงไปคนรอบข้างพากันชะเง้อคอดู แค่เจาะรูปลาก็จะว่ายมาเองงั้นหรือ?การจับปลาจะง่ายดายเช่นนั้นจริงหรือ?“มาแล้ว!”ตอนที่ฝูงชนกำลังสงสัย เฉินฝานก็ตะโกนลั่นทันทีเฉินฝานยื่นมือลงในน้ำ จับปลาแล้วก็โยนขึ้นไปบนฝั่งทีละตัว“แปะ!” ปลาหลีฮื้อหนักหกชั่งหนึ่งถูกโยนขึ้นมาบนพื้นน้ำแข็งเสียง “แปะ!” ดังขึ้นอีกครั้ง ปลาที่หนักห้าหกชั่งถูกเฉินฝานโยนขึ้นฝั่งอีกครั้ง ครั้งนี้เป็นปลาที่ตัวใหญ่เนื้อแน่น “ว้าว!”ทุกคนล้วนตื่นตกใจ ที่แท้การจับปลาง่ายเพียงนี้เชียวหรือ?“พวกเจ้าอย่ามัวแต่ยืนงงอยู่สิ เร็ว รีบไปจับปลาสิ!”“ข้าเอง!”เซียนเจี้ยนหวงนั่งย่อตัวลงไปคนแรกผู้เฒ่าชื่นชอบในการเล่นสนุกอย่างมาก เขามิได้ใช้กำลังภายใน บรรจงใช้มือจับปลาทีละตัว ช่างสนุกยิ่งนัก“ข้าก็จับได้หนึ่งตัวแล้วเช่นกัน!” จางเซิงถือปลาหลีฮื้อด้วยมือสองข้าง ยิ้มราวกับเด็กน้อย“นี่ ๆ ข้าก็จับได้เหมือนกัน
เพื่อเป็นการประหยัดแผ่นหนัง นางจึงทำถุงนอนให้มีขนาดค่อนข้างใหญ่ ถุงนอนหนึ่งผืน อย่างน้อยก็ซุกตัวได้เจ็ดแปดคนอย่างไรเสียอากาศก็หนาวเหน็บอยู่แล้ว เบียดเสียดอยู่ด้วยกันก็จะทำให้อุ่นขึ้นได้อีกด้วยนางจางนำปุยนุ่นในเครื่องนอนออกมาทำถุงนอนที่ยัดปุยนุ่นสองสามผืน ถุงนอนเหล่านี้เอาไว้ให้คนแก่และเด็กเล็กใช้ในตอนท้าย นางจางก็ยังเอาใจใส่ทำถุงนอนยัดนุ่นสำหรับสองคนให้เฉินฝานและฉินเย่ว์เจียวกระโจมสร้างเสร็จแล้ว ถุงนอนก็ทำเรียบร้อยแล้ว เตาไฟก็ก่อแล้วลำดับถัดไปก็เป็นเรื่องอาหารแล้วนี่เป็นปัญหาที่ทำให้คนกังวลใจที่สุดเดิมทีเสบียงอาหารก็เหลือเพียงกินไปได้มิกี่วันแล้ว หลังจากที่แผ่นดินไหว ก็ลดทอนลงไปอีก“คนขายเนื้อ!”เฉินฝานตะโกนลั่นทันที“นายท่าน ข้าอยู่นี้ขอรับ!”คนขายเนื้อที่ร่างกายสูงใหญ่วิ่งมาด้านหน้าเฉินฝาน“พกของมีคมทั้งหมดติดตัวมา ไปรวบรวมคนที่ร่างกายค่อนข้างกำยำ แล้วตามข้ามา”“ขอรับ!”“ทำไมล่ะ ครั้งนี้มิพาข้าไปด้วยรึ? เจ้ารังเกียจที่ข้าอายุมากแล้วงั้นหรือ?” เซียนเจี้ยนหวงสีหน้ามิพอใจเดินโซเซไปด้านหน้าเฉินฝาน“พาไปด้วยสิ!” เฉินฝานฉีกยิ้มกว้างเมื่อครู่เขาจงใจมิเรียก เพราะรอให้