“สาวๆทั้งหลาย หยุดขุดก่อน!” เฉินฝานเรียกให้หยุดระยะห่างยังขาดอีกนิดหน่อย ทว่าดูจากกำลังแขนของเหล่าหญิงสาวก็ถือว่าใช้ได้นับตั้งแต่ที่เข้าไปในอุโมงค์แล้ว เฉินฝานจับตาดูความเคลื่อนไหวของค่ายชิงหลงอย่างใกล้ชิดมาโดยตลอดตอนที่ด้านบนไม่มีเสียงหัวเราะดังออกมา เขาก็รู้เลยว่ากุนซือหน้าขาวออกมาแล้วแน่นอนเมื่อเขาออกมานั้นหมายความว่าค่ายชิงหลงจะโจมตีพวกเขาแล้วตอนนี้ลมเปลี่ยนทิศแล้ว ส่งผลเสียต่อพวกเขาอย่างมาก อุโมงค์สามารถป้องกันหินกลิ้งและลูกธนูได้ ทว่ากลับป้องกันไฟไม่ได้“เหล่าพี่น้อง เร็วเข้า! นำอาวุธไปให้เหล่าหญิงสาว!”“รับทราบ!”เฉียนลิ่วจูจื้ออันรุดหน้าไป ชายหนุ่มนับสิบนำกล่องไม้ทั้งหมดย้ายมาวางไว้ใต้เท้าเหล่าหญิงสาว“สาวๆทั้งหลาย เตรียมตัวโจมตี!”“ปึง!”“ปึงปึง!”เหล่าหญิงสาวพากันทยอยเปิดกล่องไม้ข้างเท้าพลทหารด้านข้างคอยืดคอยาว พวกเขาสงสัยใคร่รู้อย่างมากว่าในจะใส่อาวุธมหัศจรรย์แบบใด“เหยือกสุรา?”“นี่มันเป็นอาวุธแบบใดกัน!”“ใช่นะสิ มันมีประโยชน์อะไร ถ้าเอามาพวกเราดื่ม ข้าว่ายังจะมีประโยชน์กว่าเสียอีก“ถูกต้อง อย่าหาว่าข้าขี้โม้นะ ถ้าข้าได้ดื่มสุราเสียหน่อย ก็ยิงธนูแม่นย
เพ่ยจี้เพิ่งเงยหน้าขึ้น ก็ได้ยินคำสั่งรอบที่สองของเฉินฝานบรรดาหญิงสาวเมื่อได้ยินคำสั่ง พวกนางก็รีบลุกขึ้นเพ่ยจี้กวาดตามองไปจำนวนคนในหลุมยังมากเท่าเดิม ระเบิดรุนแรงเช่นนั้น ระยะห่างก็ไม่ไกลมาก แต่คนของเฉินฝานกลับไม่บาดเจ็บเลยสักคนย้อนกลับมามองค่ายโจร เต็มไปด้วยซากศพ เลือดไหลนองเป็นสายน้ำบางคนถึงขั้นแหลกละเอียดเป็นผุยผงบรรดาทหารไม่เคยพบเห็นภาพเหตุการณ์เช่นนี้มาก่อน บางคนถึงขั้นอาเจียนเอ่อ...เพ่ยจี้สะเทือนจิตใจอีกครั้งเขาไม่เข้าใจมาโดยตลอด เหตุใดเฉินฝานจึงให้สตรีพวกนั้นขุดหลุม ที่แท้ก็เพื่อรักษาชีวิตนี่เองในเมื่อเป็นการขุดหลุมป้องกันตัว เช่นนั้นการระเบิดอย่างรุนแรงของไหสุราเมื่อครู่ หญิงสาวพวกนั้นน่าจะเป็นคนโยนเฉินฝานคนนี้ ร้ายกาจจริงๆภายในค่ายชิงหลง“อ๊าก!”“น่ากลัวเกินไปแล้ว น่ากลัวเกินไปแล้ว!”“ท่านแม่ ท่านแม่!”มีเสียงกรีดร้อง ทั้งยังมีเสียงร่ำไห้ ถึงขั้นมีเสียงร้องเรียกมารดาโจรภูเขาวิฬาร์ผู้ถูกขนานนามว่าเหี้ยมโหด เพิ่งเห็นเป็นครั้งแรกว่าความเหี้ยมโหดที่แท้จริงเป็นอย่างไรบางคนไม่โดนระเบิด แต่กลับล้มลงแน่นิ่งบนพื้น ฉี่ราดกางเกงพวกเขาเห็นสหายที่ปกตินั่ง
มองกำแพงค่ายโจรที่พังทลายลงมากขึ้นเรื่อยๆ และพวกโจรที่ล้มตายมากขึ้นเรื่อยๆ พวกหญิงสาวยิ่งได้ใจบางคนถึงขั้นลุกขึ้นโยน“ห้ามลุกยืนเด็ดขาด กลับเข้าไปในหลุมเร็วเข้า!”เสียงร้องเตือนของเฉินฝานดังขึ้น แต่คำพูดของเฉินฝานสายไปแล้วลูกศรแปดดอกพุ่งออกมาจากค่ายโจร อีกทั้งลูกศรทั้งแปดก็แม่นยำยิ่งนัก ลูกศรหนึ่งดอกล้มสตรีไปหนึ่งคนเพียงครู่เดียวหญิงสาวก็ตายไปสามคน ส่วนที่เหลือ แม้ไม่ถึงแก่ชีวิต แต่พวกนางก็ไม่อาจต่อสู้ได้อีกด้วยความร้อนใจ เฉินฝานที่ยกมือเตือนพวกหญิงสาว ก็บาดเจ็บด้วย“นายท่าน!”ฉินเย่ว์เจียวโผเข้าหาเฉินฝาน“คุณท่าน!”“เสี่ยวฝาน!”พวกหญิงสาวและเฉียนลิ่ววิ่งไปหาเฉินฝาน“พวกเจ้าอย่าเข้ามา ข้าไม่เป็นไร ระเบิดต่อ!” เพื่อให้พวกเขาวางใจ ตอนออกคำสั่ง เฉินฝานนั่งเหยียดตัวตรงตำแหน่งของพวกเขาถือว่าเป็นตำแหน่งเสียเปรียบ ต้องอาศัยจังหวะที่พวกค่ายชิงหลงไม่ทันตั้งตัว จัดการพวกเขา“นายท่าน!” ฉินเย่ว์เจียวมองแขนของเฉินฝานที่ถูกยิง ปวดใจจนน้ำตารินไหล “เป็นความผิดของข้าน้อยเองเจ้าค่ะ ที่ไม่อาจปกป้องนายท่านได้!”“เย่ว์เจียว เจ้าอย่าโทษตัวเอง เรื่องนี้ไม่เกี่ยวอะไรกับเจ้า”ขณะพูด เฉินฝา
ค่ายชิงหลงมีโจรประมาณสามร้อยกว่าคน ทั้งตาย ทั้งบาดเจ็บ เหลือคนที่ยังมีกำลังในการต่อสู้เพียงไม่กี่คนเท่านั้น“เสี่ยวฝาน!” เฉียนลิ่วร้องเรียก “ข้าพาพวกผู้หญิงบุกไป ใช้ระเบิดไหสุราระเบิดพวกมันให้สิ้นซาก”โดยปกติสามารถทำระเบิดง่ายๆ โดยการเททรายและดินปืนประมาณนิ้วหัวแม่โป้งลงไปในไหสุราตามอัตราส่วนที่ถูกต้องแล้วเชื่อมกับตะกั่วเมื่อครั้นก่อนจะทะลุมิติมา เฉินฝานเคยทำดินปืน ประทัด ของอันตรายเช่นนี้ แคว้นต้าชิ่งมีเจ้าหน้าที่คอยควบคุมร้านขายประทัด มีเพียงทางการเท่านั้นที่เปิดได้นี่จึงเป็นเหตุผลว่าเพราะเหตุใดเฉินฝานขอให้หลูเฉิงกวงช่วยไม่มีหลูเฉิงกวง เขาไม่อาจทำระเบิดมือเช่นนี้ได้“ไม่ต้อง พวกท่านกลับมา!”เฉินฝานรีบร้องเรียกเฉียนลิ่ว เผชิญหน้ากันโต้งๆ พวกเขาไม่ใช่คู่ต่อสู้ของโจรภูเขาเรื่องที่ต้องอาศัยความชำนาญ ปล่อยให้คนชำนาญเป็นคนดำเนินการขณะพูด เฉินฝานหันไปมองหลูเฉิงกวงที่ตกตะลึงนิ่งค้างอยู่นาน “ใต้เท้าหลูขอรับ!”ร้องเรียกสามครั้งติดต่อกัน กว่าหลูเฉิงกวงจะดึงสติกลับมา“เฮ้อ เสี่ยวฝาน เสี่ยวฝาน ข้าอยู่นี่! เจ้าเรียกข้ามีอะไรรึเปล่า? หลูเฉิงกวงตอบ พร้อมกับเดินมาหาเฉินฝาน“ใต้เท
“เผียะ!”โคลนก้อนใหญ่ถูกโยนไปยังใบหน้าของจางหย่งชุน โคลนก้อนนี้เป็นโคลนที่ถูกเผาจึงร้อนยิ่งนัก“อ๊าก!”จางหย่งชุนร้องเรียกด้วยความเจ็บปวด มือกุมหน้าด่าทอเสียงดัง “ใคร? ใครอยากตาย ถึงโยนโคลนใส่หน้าข้า เดินออกมาคุกเข่าขอโทษข้าเสียโดยดี ข้าจะพิจารณาไว้ชีวิตเจ้า!”“ข้า”เสียงนิ่งสงบ ทุ้มต่ำเปี่ยมไปด้วยพลัง“คือท่าน ท่านยังไม่...”ตอนจางหย่งชุนเห็นหน้าคนที่พูดชัดเจนแล้วนั้น ขาทั้งสองข้างราวกับโคลนเหลวอย่างไรอย่างนั้น ทรุดตัวคุกเข่าบนพื้น“ท่าน ท่านจอมพลเสถียรภาพ ข้า ข้า...”สีหน้าของจางหย่งชุนซีดขาว พูดติดอ่างมานานพักใหญ่ ก็ยังไม่อาจพูดประโยคที่สมบูรณ์ได้“ข้าสมควรตาย ข้าสมควรตาย!”เห็นสีหน้าของเพ่ยจี้แย่ลงอย่างต่อเนื่อง จางหย่งชุนตบหน้าตนเองไม่หยุด“พอได้แล้ว!” สีหน้าของเพ่ยจี้ฉายความหงุดหงิด “หยุดเสแสร้งได้แล้ว มานี่!”“ขอรับ ขอรับ” จางหย่งชุนทั้งคลานและกระโดดลงไปในหลุม “จอมพล ไม่ทราบว่าท่านมีอะไรจะสั่งการขอรับ?”“ย่อตัวลง แบกเฉินฝานลงเขา!”คำพูดของเพ่ยจี้ ทำให้ภูเขาที่เสียงดังกึกก้องเงียบสงบลงกะทันหัน“ขอรับ?” จางหย่งชุนมองเพ่ยจี้ด้วยความตกตะลึง ไม่ใช่ว่าเขาได้ยินไม่ชัด แ
“ไม่ต้องแบกข้า ข้าเดินเองได้!” เฉินฝานพูดต่อ เขาไม่สบอารมณ์เล็กน้อย ทั้งยังรู้สึกยุ่งยาก เดินเองเร็วกว่า“ต้องแบก จำต้องแบก ตอนนี้เจ้าบาดเจ็บสาหัส หากเดินลงเขาเอง ทำให้บาดแผลที่มือกระทบกระเทือน วันข้างหน้ามือของเจ้าจะเบี้ยวเอาได้”เพ่ยจี้พูด แล้วหันไปถามหมอที่รักษาเฉินฝาน “เจ้าว่าใช่ไหม?”“เอ่อ...ใช่ๆ พ่อหนุ่มตอนนี้เจ้าไม่ควรเดินด้วยตนเอง”หมอคนนั้นยกมือขึ้นปาดเหงื่อบนหน้าผากตั้งแต่เป็นหมอมาหลายปี นี่เป็นครั้งแรกที่เขาพูดโกหกแววตาของจอมพลแทบจะกินคนแล้ว เขาจะกล้าพูดความจริงได้อย่างไร“นายท่าน ท่านเชื่อฟังท่านหมอเถอะเจ้าค่ะ” ฉินเย่ว์เจียวพูดด้วยความเป็นห่วงนี่คงจะเป็นคนคลั่งรักที่ว่ากันกระมังฉินเย่ว์เจียวที่เป็นห่วงเฉินฝาน เมื่อเห็นเขาบาดเจ็บ นางไม่อาจพิจารณาสิ่งใดได้แล้ว“หึ!” เพ่ยจี้พูดเสียงดัง “ได้ยินแล้วใช่ไหม ไม่ใช่แค่หมอพูดเช่นนี้ ภรรยาของเจ้าก็คิดเช่นนี้เหมือนกัน”“...” เฉินฝานจนปัญญารอยยิ้มของเพ่ยจี้ มีความร้ายกาจแล่นผ่านเขาย่อมรู้ว่าเฉินฝานเดินเองได้ เขาทำเช่นนี้มีสองจุดประสงค์ประการแรกจางหย่งชุนแค่ปราบโจรก็ทำให้สูญเสียกำลังทหารมากมาย เขาต้องลงโทษจางหย่งชุน
“เจ้าเดิน ผู้ใดบอกว่าจะให้เจ้านั่งรถม้าเล่า?”แม้รถม้าจะใหญ่มากพอ เพ่ยจี้ก็ไม่มีทางให้หลี่หงโห่วขึ้นไปนั่ง“ข้าน้อย เดิน เดินหรือขอรับ?”เจ้าเมืองขุนนางขั้นห้า ยกรถม้าให้บัณฑิต แล้วตนเดินเองเนี่ยนะ!นี่เป็นเรื่องที่เกิดขึ้นครั้งแรก ตลอดหลายร้อยปีนับตั้งแต่ก่อตั้งราชวงศ์ต้าชิ่งแววตาของเพ่ยจี้ลุ่มลึง จ้องเขม็งไปที่หลี่หงโห่ว “ทำไม? ร่างกายของเจ้า แค่เดินก็เดินไม่ได้แล้วหรือ? หากเป็นเช่นนั้น ข้าจะรายงานฝ่าบาท ให้เจ้าเกษียณก่อนกำหนด”“จอมพล สุขภาพร่างกายของข้าน้อยยังแข็งแรงดีขอรับ เดินได้ เดินได้!”หลี่หงโห่วไม่กล้าพูดพล่ามอีกแม้แต่คำเดียว หันไปบอกองครักษ์ของตน “เร็วเข้า บอกลุงเหอให้นำรถม้าออกมาจากที่ซ่อน แล้วรอตรงนั้น”ไปถึงหน้ารถม้า เพ่ยจี้ชำเลืองมองเก้าอี้ที่วางอยู่ข้างรถม้า ใช้เท้าแตะ “เก้าอี้ตัวนี้ดูไม่แข็งแรงแม้แต่น้อย เจ้า!”เพ่ยจี้ชี้ไปที่จางหย่งชุน “หลังจากวางเฉินฝาน คลานเข่าลงซะ!”เขาจะให้จางหย่งชุนคลานเข่าเป็นเก้าอี้เหยียบขึ้นรถม้าให้กับเฉินฝานจางหย่งชุนไม่กล้าปฏิเสธ หลี่หงโห่วก็ไม่กล้าช่วยเขาพูด“ผู้เฒ่า ข้าขึ้นไปเอง”ลงจากหลังของจางหย่งชุน เฉินฝานกระโดดเล็กน้อย
“ไม่ได้ขอรับ!”เฉินฝานไม่แม้แต่จะคิด ก็ปฏิเสธไปทันทีระเบิดมือจากดิน สำหรับคนยุคปัจจุบันอย่างเขา ไม่ใช่เรื่องยาก แต่สำหรับคนโบราณที่ไม่เข้าใจหลักการระเบิด และไม่อาจแยกแยะอัตราส่วนได้นั้น ไม่ใช่เรื่องง่ายพวกเฉียนลิ่ว ตอนนี้หากไม่มีเฉินฝานคอยชั่งสารต่างๆ พวกเขาก็ไม่อาจทำได้การสอนคนโบราณคนหนึ่งไม่ใช่เรื่องง่าย ทั้งยังมีอีกหนึ่งเหตุผลอีกหนึ่งเหตุผลก็คือ เฉินฝานยังไม่รู้จักเพ่ยจี้ดีเท่าใดนัก หากเขาเป็นคนทะเยอทะยาน เช่นนั้นเฉินฝานก็จะกลายเป็นคนบาปของแคว้นต้าชิ่งถอยอีกก้าว แม้เพ่ยจี้จะเป็นขุนนางจงรักภักดี ซื่อสัตย์ต่อราชวงศ์ต้าชิ่งแต่คนข้างกายเขาเล่า?เขาอายุมากแล้ว ไม่ช้าก็เร็วย่อมยกกองทัพหมาป่าให้ผู้อื่น“เสี่ยวฝาน” เพ่ยจี้ยังอยากจะขอร้องอีก“ไม่ได้ขอรับ ข้าบอกว่าไม่ได้ก็ไม่ได้ หากท่านยังพูดไม่จบ รถม้าคันนี้ ท่านนั่ง ข้าลง!”ขณะพูด เฉินฝานยื่นมือไปเปิดผ้าม่าน“อย่าๆๆ!” เพ่ยจี้รีบปรามเฉินฝาน “ระเบิดมือนั้น ข้าไม่เอาแล้ว ไม่เอาแล้ว!”เฉินฝานได้ยินเช่นนี้ค่อยนั่งลง“เสี่ยวฝาน ข้าไม่เอาระเบิดมือแล้ว เช่นนั้นเจ้าบอกข้าได้หรือไม่ หลุมของเจ้า แล้วก็รหัสคำต่างๆ เหล่านั้นแม้การโ
เหอกังนิ่งเงียบไปเพียงหนึ่งวินาที“ทหารทั้งหมดจงฟังคำสั่ง!” เหอกังยกป้ายสั่งการทหารขึ้นสูง “ถอยทัพกลับลำไปทางเดิม!”ระหว่างที่ถอยกลับทางเดิม เฉินฝานยังให้เหอกังออกคำสั่งอีกสองเรื่องคำสั่งแรก นายทหารทุกคนถอดชุดเกราะเครื่องหัวออก ก็คือให้ทุกคนถอดหมวกเหล็กบนหัวออก นำเสื้อผ้าห่อไว้ มัดไว้ที่เอวกองกำลังยุคโบราณ เพื่อที่แยกมิตรและศัตรู ชุดเกราะเครื่องหัวจะมีสัญลักษณ์สัญลักษณ์บนชุดเกราะเครื่องหัวของกองกำลังลาดตระเวนคือพู่ระย้าสีแดงสีแดงสะดุดตาเกินไป ไม่สะดวกในการหลบหลีกคำสั่งที่สอง ทุกคนต้องเก็บกิ่งที่มีใบไม้มาสองสามชิ้น มัดรวมให้เป็นวงกลม สวมไว้บนศีรษะตอนที่ออกคำสั่งทั้งสองนี้ เหอกังก็ตัดหัวนายทหารไปอีกหนึ่งคนเพราะสองคำสั่งนี้ ก็ไม่ต่างอันใดกับการล่าถอยกลับทางเดิม เหลวไหลสิ้นดีไม่ว่าจะเป็นหัวหน้าหรือลูกน้องในกองกำลังลาดตระเวนทั้งหมด คิดอย่างไรก็ไม่เข้าใจที่คาดหัวใบไม้หนึ่งชิ้น จะสามารถรักษาชีวิตได้กว่าชุดเกราะเครื่องหัวที่ทำจากเหล็กงั้นหรือ?เฉินฝานไม่ได้ผิดปกติจริงๆใช่หรือไม่?กลับไปถึงสถานที่กวาดล้างพลทหารม้าสามพันคนของเหยียนอิง เฉินฝานออกคำสั่งให้หยุดเคลื่อนทัพในขณ
เฉินฝานอมยิ้มพลางพยักหน้า “ถูกต้อง หากไม่ยั่วโมโหอ๋องเจิ้งหนาน หลี่เทียนจะออกมาได้อย่างไร”“ทว่า ทำเช่นนี้เป็นการทำให้พวกเราเข้าสู่สภาวะจนตรอกมิใช่หรือ?”“ท่านแม่ทัพ ทำเช่นนี้ สามารถทำให้พวกเรามีชีวิตต่อไปได้!”“เช่นนี้พวกเราจึงสามารถมีชีวิตต่อไปได้งั้นหรือ? ใต้เท้าเฉิน...”เหอกังที่อยู่ด้านข้างหยุดพูดไปครู่หนึ่ง “เจ้าต้องการล่อกองกำลังเมืองเตียนที่เมืองฝูตูให้ออกมา หลังจากนั้นพวกเราก็กลับลำไปยึดโจมตีเมืองฝูตูงั้นหรือ?”“ปิดบังท่านแม่ทัพไม่ได้จริงๆ ข้าน้อยก็มีความประสงค์เช่นนี้ มีเพียงการทำเช่นนี้ เมืองหรงตูและพวกเราจึงยังมีโอกาสที่จะมีชีวิตอยู่”“น้องฝาน วิธีนี้น่าอัศจรรย์ก็จริง ทว่า...” สีหน้าของเหอจื่อหลินเปลี่ยนจากสดใสเป็นหม่นหมอง “กองกำลังสามหมื่นคนของหลี่เทียนนั้น ห่างจากพวกเราไม่ถึงห้าสิบลี้แล้ว อิงจากความเร็วของกองกำลังเตียนตู ต้านทานไว้ครึ่งชั่วยาม ก็จะไล่ตามพวกเราทัน พวกเราต้องการโจมตีโต้กลับเมืองฝูตู ก็ต้องหลบหลีกพวกเขาก่อน”“กองกำลังลาดตระเวนมีสองหมื่นเจ็ดพันกว่าคน และมีม้าสงครามที่ไปยึดครองมาเมื่อครู่สามพันตัว เป้าหมายยิ่งใหญ่เช่นนี้ ความยากในหลบหลีกหลี่เทียนยากยิ่งนั
“ข่าวที่ข้าได้รับมาเมื่อครู่ กองกำลังเมืองเตียนตูหนึ่งแสนคนที่เหยียนเชียงนำทัพไม่ได้ข้ามฝั่งมา”“ไม่ได้ข้ามฝั่งรึ?” เหอกังตกใจอย่างมาก กล่าวด้วยความโมโหทันที “เวลาครึ่งก้านธูปที่แล้วพลส่งข่าวมารายงานว่ากองกำลังหนึ่งแสนคนนั้นของเหยียนเชียงเริ่มข้ามฝั่งแล้วมิใช่หรือ? พลส่งข่าวของเจ้าเป็นอันใดไป จึงรายงานไม่แม่นยำเช่นนี้!”“ท่านพ่อ เมื่อครู่กองกำลังเมืองเตียนข้ามฝั่งจริงๆ ทว่าผ่านไปไม่นานพวกเขาทั้งหมดก็กลับลำ ตอนนี้เดินทางมุ่งสู่เมืองหรงตูแล้ว”“กล่าวเช่นนี้...” สีหน้าของเหอกังเปลี่ยนเป็นเข้มงวด “กองกำลังเตียนตูไม่คิดที่จะสนใจพวกเรา ทว่ามุ่งตรงไปบุกโจมตีเมืองหรงตู หากสูญเสียเมืองหรงตูไป เช่นนั้นพวกเรา...”เช่นนั้นกองกำลังลาดตระเวนก็เหมือนกับเด็กกำพร้าไร้บ้านหากไปเยือนหรงตูมิได้ พวกเขาก็เป็นทหารเร่ร่อนกลุ่มหนึ่งที่ไม่กำลังสนับสนุนใดๆจากแนวหลัง“เร็วเข้า พวกเราต้องเร่งฝีเท้าในการเคลื่อนทัพ” เหอกังกล่าวเสียงดัง “แผนการเดียวในตอนนี้ พวกเราทำได้เพียงแข่งความเร็วกับเหยียนเชียง”“ข้าว่าวิธีนี้ก็ไร้ผล” เย่ว์หนูที่อยู่ด้านข้างเฉินฝานส่ายหน้ากล่าวเสียงเบา “พละกำลังของกองกำลังเมืองเตียนตูมีม
เฉินฝานเดินอยู่ด้านหน้า ฉินเย่ว์เจียวลากศพของเหยียนอิง สองคนเรียงรายเดินออกจากกระโจมไปสถานการณ์รบด้านนอกจวนจะเข้าใกล้จุดสิ้นสุดแล้วห่าธนูในคราเดียว กองกำลังเมืองเตียนตูสามพันกว่าคนนี้ ทุกคนล้วนถูกลูกธนูของกองกำลังลาดตระเวนปักราวกับเม่นเหอจื่อหลินพาคนไปตรวจสอบว่ามีกองกำลังเมืองเตียนตูที่ยังตายไม่สนิทหรือไม่ ดังนั้นจึงเกิดเสียงการแทงซ้ำและเสียงโอดครวญเป็นครั้งคราว“ถวายบังคมใต้เท้าเฉิน!”“ถวายบังคมใต้เท้าเฉิน!”เมื่อเห็นเฉินฝานแล้ว เหล่านายทหารพากันคุกเข่าเฉินฝานลนลานรีบทำท่าขอให้ลุกขึ้น “ทุกท่านไม่ต้องมากพิธี รีบลุกขึ้นเถอะ”นายทหารเหล่านั้นโน้มศีรษะติดกับพื้นจึงยอมลุกขึ้นยืนนับตั้งแต่ที่เข้ากระโจมจนมาถึงตอนที่ออกจากกระโจมมา ห่างกันไม่ถึงครึ่งชั่วโมง เหล่ากองกำลังลาดตระเวนด้านหน้าเฉินฝาน ทุกคนล้วนมีชีวิตชีวาพวกเขาทหารผู้ดีทหารไร้ประโยชน์ที่ถูกฝูงชนหัวเราะเยาะ ในเวลาสั้นๆครึ่งชั่วโมง สามารถกำจัดพลทหารม้าของกองกำลังเมืองเตียนตูหนึ่งกลุ่มได้ทั้งหมดต่อจากนี้ จะคอยดูว่าผู้ใดจะกล้ากล่าวว่าพวกเขาไร้ประโยชน์ได้อีก!เหล่าทหารเพิ่งจะลุกขึ้นยืน เหอกังรีบรุดหน้าเข้ามาทันที สีหน
เหยียนอิงถูกฉินเย่ว์เจียวนำน้ำเย็นหนึ่งถังราดใส่จนตื่น“อ้าก!”“ใครกัน? ชาติชั่วผู้ใดรนหาที่ตาย บังอาจใช้น้ำราดใส่ข้า!”เหยียนอิงที่ถูกปลุกให้ตื่นด้วยความตกใจเด้งตัวกระโดดลงจากเตียง คว้าดาบใหญ่ข้างกายขึ้นมา ต้องการจะฟันออกไปตอนที่เขาเห็นชัดเจนว่าคนที่ยืนข้างเตียงเขาคือฉินแย่ว์เจียว วางดาบลงทันที พลันปรากฏรอยยิ้มสัปดน“เจ้าหนุ่มหน้าปลาเก๋านั้น สามารถจัดการเรื่องต่างๆ เพราะถวิลหาสาวน้อยที่งดงามเช่นนี้ ข้าก็แปลกใจหรอก”“แม่สาวน้อย เจ้าจะมาด้วยตนเองหรือต้องการให้ข้าช่วย!”“ข้าว่าข้าช่วยเจ้าดีกว่า เจ้าจะได้ไม่ต้องเหนื่อย”เหยียนอิงหัวเราะร่าลุกขึ้นยืน กำลังจะโถมตัวใส่ร่างของฉินเย่ว์เจียว“ปึก!”จอกสุราหนึ่ง ลอยมาจากด้านหลังฉินเย่ว์เจียว ชนเข้ากับใบหน้าของเหยียนอิงอย่างรุนแรง“อ้าก!”เหยียนอิงที่ได้รับบาดเจ็บตะโกนลั่น ยื่นมือออกไปคิดที่จะคว้าดาบใหญ่ของเขาอีกครั้ง“ปึก!”มีวัตถุหนึ่งชิ้นลอยมาจากด้านหลังฉินเย่ว์เจียวอีกครั้ง ครั้งนี้ไม่ใช่จอกสุรา ทว่าเป็นเกาทัณฑ์ดอกเหมยหนึ่งลูกนี่เป็นหนึ่งในอาวุธลับมากมายที่ฉินเย่ว์เหมยมอบให้เฉินฝาน เกาทัณฑ์ดอกเหมยใช้งานง่ายที่สุด วันที่สองข
ฉกฉวยโอกาสยามราตรี กองกำลังลาดตระเวนสองหมื่นนาย สามารถข้ามแม่น้ำลวี่สุ่ยครั้งที่สองได้แล้วคนมากมายเพียงนี้ กล่าวไม่มีลาดเลาอันใดแม้แต่น้อย นั้นเป็นเรื่องโกหกตอนที่กองกำลังลาดตระเวนข้ามฝั่ง ทำให้กองกำลังเมืองเตียนตูที่ลาดตระเวนผู้หนึ่งพบเห็น“คน มีคนจำนวนมากกำลังข้ามฝั่ง” กองกำลังเมืองเตียนตูผู้นั้นกล่าวกับสหายร่วมรบของตนคำพูดของกองกำลังเมืองเตียนตูผู้นั้น ไม่เพียงไม่ได้รับความใส่ใจจากสหายร่วมรบเท่านั้น ยังถูกสหายร่วมเขกกะโหลกหนึ่งที“เป็นเพราะไม่นอน ตาพร่ามัวไปแล้วหรือ ข้ามฝั่งอันใดกัน?” สหายร่วมรบชี้ไปที่แม่น้ำ “ดูสิ ด้านบนมีเรือหรือไม่? ไม่มีเรือจะข้ามฝั่งมาได้เยี่ยงไร”“ทว่า...”กองกำลังเมืองเตียนตูผู้นั้นหันกลับไปชำเลืองมองอีกครั้ง “ข้าเห็นจริงๆ เหมือนว่าพวกเขาไม่ได้นั่งเรือข้ามมา ทว่าเดินบนผิวน้ำมา”สะพานลอยไม่โผล่ขึ้นมาผิวน้ำทั้งหมด ดูแล้วก็เหมือนกับคนกำลังเดินผิวน้ำจริงๆกองกำลังเมืองเตียนตูผู้นั้นถูกสหายร่วมรบของตนเขกกะโหลกอีกครั้ง “เดินบนผิวน้ำ? นับถือที่เจ้าพูดเช่นนี้ออกมาได้ ที่เจ้าเห็นมิใช่คน แต่เจ้าเห็นผีแล้วต่างหาก!”“ที่ข้าเห็นเป็นผีงั้นรึ?”“จะไม่ใช่ได้อย่
“สร้างสะพานลอยเช่นนี้ กองกำลังเมืองเตียนตูฝั่งตรงข้ามคงไม่ให้พวกเราสร้างได้อย่างสบายๆหรอกกระมัง”“พวกเจ้าพูดถูก” เฉินฝานกล่าว “กองกำลังเมืองเตียนตูคงไม่ให้พวกเราสร้างได้อย่างสบายๆ ดังนั้นที่พวกเราสามารถสร้างได้เป็นสะพานลอยใต้น้ำ”เฉินฝานนำแผนที่ออกมา มือวางไว้ที่แม่น้ำลวี่สุ่ย “ตรงส่วนนี้ พื้นที่แม่น้ำค่อนข้างแคบ สายน้ำก็ค่อนข้างไหลเชี่ยวเช่นกัน กองกำลังเมืองเตียนตูจะต้องคาดไม่ถึงว่าพวกเราจะกลับมาบุกโจมตีอย่างไม่ทันตั้งตัวเป็นแน่ ดังนั้นช่วงนี้การลาดตระเวนของกองกำลังเตียนตูต้องไม่เข้มงวดเพียงนั้นเป็นแน่ ความสามารถทางน้ำของกองกำลังหญิงยอดเยี่ยม พวกนางสามารถฉกฉวยโอกาสยามราตรี ดำน้ำลงไปในแม่น้ำสร้างสะพาน”ในตอนแรกที่ฝึกกองกำลังหญิง ตามปกติแล้วก็ฝึกตามที่หน่วยรบพิเศษฝึกฝน ดังนั้นการดำน้ำสร้างสะพานประเภทนี้ชำนาญเป็นธรรมดาอยู่แล้ว“สหายกองกำลังลาดตระเวน เพียงแค่ตระเตรียมเถาวัลย์และกิ่งไม้ให้พร้อมก็ใช้ได้แล้ว”ขั้นตอนในการสร้างสะพาน เป็นดังที่เฉินฝานคาดการณ์ไว้ กองกำลังเมืองเตียนตูคาดไม่ถึงว่าพวกเฉินฝานจะกลับมาบุกโจมตีอย่างไม่ทันตั้งตัว และสิ่งที่คาดไม่ถึง คิดเหนือชั้นไปอีก คือพวกเฉินฝ
“ใต้เท้าเฉิน ไยเจ้ายังคิดที่จะล้อเล่นอีก!” เหอกังสีหน้าจริงจัง เขาออกคำสั่งกับเหอจื่อหลิน “จื่อหลิน เจ้าปกป้องใต้เท้าเฉินให้ออกจากป่าไปในคืนนี้ มุ่งหน้าสู่หรงตู”“ท่านแม่ทัพใหญ่ ข้า...”“ใต้เท้าเฉิน ข้ารู้ว่าเจ้าอยากอยู่ ทว่าพวกเราไม่สามารถเสี่ยงอันตรายเรื่องนี้ได้ หากสูญเสียเจ้าไป ต้าชิ่งของพวกเราก็ถึงจุดจบจริงๆแล้ว”เหอกังพูดขัดคำพูดเฉินฝานก่อนที่จะออกเดินทางครั้งนี้ ฉินเย่ว์เหมยลอบนัดพบพ่อลูกตระกูลเหอลับๆ ไม่ว่าจะเกิดอันใดขึ้นให้พ่อลูกตระกูลเหอต้องปกป้องชีวิตของเฉินฝานไว้กล่าวว่า หากไร้ซึ่งเฉินฝาน ต้าชิ่งก็สูญสลายเช่นกันคำพูดของฉินเย่ว์เหมย เหอกังเห็นด้วยทั้งหมดตอนนี้ต้าชิ่งมีทั้งศึกภายในและภายนอก ขุนนางทุจริตกุมอำนาจ หากไม่มีเฉินฝาน ก็มิมีใครสามารถต่อกรกับเสิ่นหมิงหยวนได้“ท่านแม่ทัพใหญ่!” เฉินฝานทำมือเคารพให้เหอกัง “ขอบคุณความไว้วางใจของท่านแม่ทัพใหญ่ที่มีต่อข้าน้อย ในเมื่อท่านแม่ทัพคิดว่าข้าน้อยสามารถช่วยต้าชิ่งให้รอดพ้นได้ เช่นนั้นไยไม่เชื่อมั่นให้ข้าน้อยทำให้กองกำลังเมืองเตียนตูพ่ายแพ้กันล่ะ?”“ใต้เท้าเฉิน ข้าเชื่อมั่นว่าท่านมีความสามารถเช่นนั้นอยู่แล้ว ทว่าการจะหล
ระเบิดดินที่ฝังไว้ จวนจะได้แผลงฤทธิ์แล้ว ม้าและพลทหารที่ถูกระเบิดจนลอยขึ้นจะบรรเทาการปิดล้อมของกองกำลังเมืองเตียนตูได้ชั่วคราวผ่านไปไม่นานนัก ท้องฟ้าก็มืดสนิทเมื่อท้องฟ้ามืดแล้ว เหล่าทหารลาดตระเวนล้วนถอนหายใจอย่างโล่งอกพวกเขาปลอดภัยชั่วคราวแล้วต่อให้กองกำลังเมืองเตียนตูจะเก่งกาจเพียงใด ก็ไม่สามารถจะหาญกล้าบุกโจมตีเข้ามาในป่าตอนกลางคืนเหยียนเชียงที่เป็นผู้นำกองกำลังหนึ่งแสนคนของเมืองเตียนอันก็ไม่ได้รีบร้อน ตอนที่ฟ้ายังไม่ทันมืด เขาก็ออกคำสั่งให้คนไปตั้งค่ายทหารแล้ว“ท่านเจ้านครฝ่ายขวา เส้นทางที่จะระเบิด จวนจะไม่มีแล้ว กองทัพของข้าสามารถโจมตีตามไปได้ จัดการพวกเขาให้หมด เพื่อขจัดอุปสรรคในการเข้าเมืองหลวงของท่านอ๋อง”แม่ทัพสองสามคนเป็นฝ่ายขอออกทัพกับเหยียนเชียงก่อนปัญญาชนหน้าใสเฉินฝานอยู่ในป่า จับเป็นเขาได้สามารถได้เงินห้าหมื่นตำลึงทองการบุกเข้าป่ายามราตรีเรื่องต้องห้ามเช่นนี้ กองทัพเมืองเตียนตูมิได้หวาดกลัวอย่างไรเสียก็เป็นเงินห้าหมื่นตำลึงทองเชียวนะใครจะไม่อยากได้กันเหยียนเชียงจ้องแม่ทัพที่มาขอออกรบก่อนเหล่านั้น “เรื่องที่ว่าจะขจัดอุปสรรคทางไปเมืองหลวงให้ท่านอ๋องอะไ