“ทุกท่านทุกคน ความเข้าใจผิดได้กระจ่างแล้ว!” หลูเฉิงกวงออกมากู้หน้าให้ “วันนี้ก็ถือเป็นวันที่น่ายินดีของพวกเราอำเภอผิงอัน ข้าตัดสินใจจะเปิดยุ้งฉางแจกข้าวหนึ่งวัน ทุกครอบครัวทุกบ้านสามารถมารับข้าวสารหนึ่งชั่งได้เลย”“นี่เป็นเรื่องที่ดีสุดๆไปเลย ขอบคุณท่านผู้พิพากษาเทศมณฑล”“ขอบคุณท่านผู้พิพากษาเทศมณฑล!”“ไม่ต้องขอบคุณข้า อยากจะขอบคุณก็ขอบคุณเฉินฝานเถอะ!”“ขอบคุณเฉินฝาน ขอบคุณเฉินฝาน!”สถานการณ์ที่น่ารื่นรมย์ยินดีเช่นนี้ ความวุ่นวายที่ว่าเฉินฝานไม่มีลูกถูกหยุดไปชั่วคราวทว่าในใจคนบางคนไม่ได้คิดแบบนั้นสมรสมาเกือบปีครึ่งแล้ว ภรรยาทั้งหมดยังไม่มีวี่แววว่าจะตั้งครรภ์จะเป็นอย่างที่ฉินเย่ว์เจียวพูดจริงๆหรือ?.........เฉินฝานเพิ่งจะกลับถึงที่พักในเมือง หลูเฉิงกวงก็เอาหนังสือสัญญาของธุรกิจตระกูลหลี่และร้านเนื้อสองร้านของติงลั่วส่งมาให้พวกนี้ล้วนเป็นสิ่งที่เฉินฝานชนะจึงเอากลับมาได้ ตอนนี้ก็เป็นของเขาทั้งหมดธุรกิจพวกนี้เป็นแหล่งที่มาภาษีรายได้ส่วนใหญ่ของอำเภอผิงอัน ส่งให้เฉินฝานดำเนินกิจการ หลูเฉิงกวงก็วางใจเฉินฝานรับเพียงหนังสือสัญญาร้านขายเนื้อสองร้านของติงลั่ว นอกจากนี้เขาให้
ข่าวลือที่ไม่มีมูลนี้ เฉินฝานไม่ได้แยแสแม้แต่น้อยในทางตรงกันข้าม เขาชอบข่าวลือนี้มากไม่เช่นนั้นตอนนี้รอบตัวเขาคงจะมีกลุ่มคนหน้าซื่อใจคดจำนวนมากก็จะพากันยัดเยียดลูกสาวให้เขาแม้ว่าคนเหล่านี้ล้วนเป็นคนที่มีอำนาจและตำแหน่งสูงทว่าเป็นพวกที่อยู่เป็นที่สุด ตอนที่แข็งแกร่ง พวกเขาก็จะติดหนึบอยู่ด้วยไม่ไปไหน เมื่อพลาดท่า พวกเขาก็จะทรยศหักหลังทันที“เสี่ยวฝาน มาสิ!” หลูเฉิงกวงเรียกเฉินฝานมานั่งที่โต๊ะหลักเพิ่งจะนั่งลงไม่นาน หลี่ซานก็พาครอบครัวตระกูลหลี่มาคุกเข่าต่อหน้าเฉินฝาน“เฮ้ย พวกเจ้าทำอะไรกันเนี่ย?” เฉินฝานอยากจะพยุงหลี่ซานลุกขึ้น หลี่ซานกลับยืนกรานที่จะไม่ลุกขึ้น“เสี่ยวฝาน ถ้าไม่มีเจ้า กิจการร้อยปีตระกูลหลี่ของพวกเราก็คงไม่มีแล้ว ตอนนี้ท่านเป็นผู้มีพระคุณของพวกเราตระกูลหลี่!”ระหว่างที่หลี่ซานพูด ก็เริ่มโค้งศีรษะคำนับกับพื้น คนในตระกูลหลี่ด้านหลังเขาก็พากันโค้งศีรษะคำนับกับพื้นตาม“ลูกซาน ความเมตตากรุณาของเสี่ยวฝานที่มีต่อพวกเรานั้นมากเหลือคณา แค่โค้งศีรษะคำนับกับพื้นไม่ได้หรอก” พ่อของหลี่ซานที่พิงพนักเก้าอี้พูดอย่างสะลึมสะลือหลังจากสิบปีก่อนที่พ่อของหลี่ซานเป็นอัมพาต
เสี้ยววินาทีที่หนังสือสัญญาถูกฉินเย่ว์โหรวรับมา เฉินฝานรู้สึกภาระของเขาหนักขึ้นทันทีทุกเรื่องราวบนโลกใบนี้ล้วนมีสองด้านเสมอเขาได้รับทรัพย์สิน แต่ก็ได้รับภาระมาเช่นกัน หลังจากนี้เขากับตระกูลหลี่ก็ถือว่าเป็นทองแผ่นเดียวกันแล้วแต่นิสัยใจคอคนตระกูลหลี่ก็พอใช้ได้ ภาระนี้เขารับได้ และยังยินดีที่จะเป็นทองแผ่นเดียวกันกับหลี่ซานอย่างไรเสีย ไม่ว่าจะด้านไหน อยากจะยิ่งใหญ่เกรียงไกร ไม่สามารถฉายเดี่ยวได้ หลี่ซานก็ถือว่าเป็นผู้ช่วยที่ยอดเยี่ยมข่าวลือที่ว่าไม่สามารถให้กำเนิดลูก ลดความวุ่นวายที่จะนำมาสู่เฉินฝานได้ไม่น้อยจริงๆคนส่วนใหญ่ประจบประแจงนิดๆหน่อยๆ ก็จากไปแล้วจักรพรรดิต้าชิ่งก็ออกราชโองการมาใหม่ ในการสอบขุนนางปัญญาชนที่มีลูกชายจะได้อภิสิทธิ์ก่อน พวกบัณฑิตชั้นสูงและจวี่เหรินที่มีลูกชายก็จะได้รับอภิสิทธิ์ในการแต่งตั้งเป็นขุนนางใหม่ก่อนเช่นกันอย่าว่าแต่ลูกชายเลย แม้แต่ลูกสาวเฉินฝานก็ให้กำเนิดไม่ได้ คนแบบนี้ต่อให้เก่งกาจแค่ไหนก็ไม่มีอนาคตคนที่ไม่มีอนาคต พวกเขาจะทุ่มเทเวลาแรงกายไปทำไมกันเฉินฝานหาข้ออ้าง พาพี่น้องนางฉินกลับมาที่พักอย่างรวดเร็วกลับถึงที่พักได้ไม่นาน หลี่ซานก็พา
พวกพี่สะใภ้ล้วนบอกว่าเมื่อเริ่มแรกจะเจ็บมากเย่ว์โหรวพูดว่า ดีที่นางดื่มเหล้าไป ดังนั้นเมื่อคืนนั้นก็เลยรู้สึกเจ็บไม่มาก ทว่าตอนที่ตื่นในวัดถัดมา รู้สึกว่าร่างกายไม่ค่อยคุ้นชินเท่าไหร่สองสามวันมานี้ ฉินเย่ว์เจียวกำลังพินิจพิเคราะห์อยู่ปัญหาหนึ่งมาโดยตลอด นั้นก็คือตอนที่นอนกับเฉินฝาน นางควรจะดื่มเหล้าเท่าไหร่ นางคอแข็งกว่าเย่ว์โหรว เย่ว์โหรวบอกว่าคืนนั้นนางดื่มเหล้าข้าวหมากอย่างน้อยครึ่งชั่ง เช่นนั้นอย่างต่ำนางก็ต้องดื่มสองชั่งดังนั้นจึงเป็นสาเหตุที่ว่าทำไมช่วงสองสามวันนี้ฉินเย่ว์เจียวถึงพกไหสุราสองอันไปไหนมาไหนด้วยตลอดหญิงชายในรัชสมัยต้าชิ่งต่างชอบดื่มกันทั้งนั้น เฉินฝานยังคิดว่าฉินเย่ว์เจียวติดเหล้าอย่างหนักเสียอีกความจริงแล้ว ต่อให้ตีเฉินฝานจนตาย เขาก็คงนึกไม่ถึงว่า ภรรยาตัวเองหิ้วไหสุราสองอันไปมา เป็นการเตรียมการร่วมนอนกับเขา“เสี่ยวฝาน เจ้าก็จะยี่สิบแล้วใช่ไหม? เจ้าต้องขยันหน่อยสิ ผู้ชายอายุเท่านี้ยังไม่มีลูกเป็นเรื่องที่พบเจอได้ยาก ตอนที่ข้าอายุเท่าเจ้า ก็มีลูกสาวสามคนแล้ว”“....” เฉินฝานรู้สึกจนปัญญาการให้กำเนิดถึงแม้จะล่าช้าทว่าก็ขาดไปไม่ได้“เสี่ยวฝาน” หลี่ซานพูด
“พี่หลี่ ข้าจะกลับหมู่บ้านแล้ว ไม่ดื่มแล้ว!” เฉินฝานเข้าใจว่าหลี่ซานจะชวนเขาไปดื่มสุรา“ไม่ดื่มๆ ข้าพาเจ้าไปดูเรือนหลังใหม่ของเจ้า”“เรือนหลังใหม่ของข้า? พี่หลี่เราตกลงกันแล้ว ข้าไม่รับของจากท่านแล้ว”เฉินฝานเป็นคนทำอะไรเองตั้งแต่เด็ก สิ่งที่หามาด้วยตนเอง อุ่นใจที่สุด“เรือนหลังนั้นเป็นของเจ้าอยู่แล้ว เจ้าไม่อยู่ ทิ้งร้างเสียเปล่าไม่ใช่หรือ?”“น้องเย่ว์เจียว เย่ว์โหรว เสี่ยวฉู่ ไปกันเถอะ พวกเราไปดูเรือนหลังใหม่กัน”บรรดาภรรยาของหลี่ซาน พาพี่น้องตระกูลฉินไปเช่นเดียวกัน...นี่เป็นเรือนสามประสานขนาดใหญ่ ติดกับเรือนของหลี่ซานภายในเรือน มีระเบียงยาว ศาลา สวนหินและศาลาริมน้ำ ทุกอย่างครบครัน คล้ายคลึงกับบ้านหรูสมัยโบราณที่เฉินฝานเห็นผ่านโทรทัศน์ในยุคปัจจุบันบ้านหลังใหญ่ เรือนหรูหรางดงาม ดีทุกอย่าง แต่ไร้ชีวิตชีวาเฉินฝานกวาดตามอง แล้วค่อยถอนสายตากลับมา “คล้ายไม่มีคนอยู่ที่นี่มานานแล้ว”“ไม่มีคนอยู่มานานแล้ว นี่เป็นเรือนที่ท่านลุงของข้าปลูก ตั้งใจเก็บไว้ให้ลูกหลานของตนเอง ทว่าคิดไม่ถึง กระทั่งท่านลุงเสียชีวิตเขาก็ไม่มีบุตรชาย หลังจากพี่สาวทั้งสองคนซึ่งเป็นลูกสาวของท่านลุงออกเรือ
“เลิกด่าได้แล้ว ข้าอยู่ก็ได้...”“ถ้าอย่างนั้นตกลงตามนี้! ปฏิทินโหราศาสตร์เขียนไว้ว่าวันนี้เป็นวันมงคลเหมาะแก่การย้ายบ้าน เลือกวันสู้วันที่เหมาะสมไม่ได้ ข้าให้คนไปช่วยเจ้าขนของตอนนี้เลย!”เฉินฝานยังพูดไม่จบ หลี่ซานก็พูดร่ายยาว กลัวเฉินฝานเปลี่ยนใจขณะพูด เขาเดินกลับไปตามบ่าวรับใช้ที่เรือนของตนเองเรือนของหลี่ซานอยู่ติดกับเรือนหลังนี้ เวลาไม่ถึงหนึ่งก้านธูป หลี่ซานพาบ่าวรับใช้ของเขา ขนของทั้งหมดของเฉินฝานจากเรือนหลังนี้มาที่นี่มองของวางเรียงรายบนพื้น รวมถึงภาพของหลี่ซานเดินวุ่นไปมา ไม่รู้ว่าเพราะเหตุใด เฉินฝานรู้สึกคล้ายตนถูกโกง“หลี่ซาน!” เฉินฝานร้องเรียกชื่อเต็มของหลี่ซาน“ว่า!”หลี่ซานสะดุ้ง ตั้งแต่รู้จักกับเฉินฝาน นี่เป็นครั้งแรกที่เฉินฝานเรียกเขาแบบนี้“ท่านทั้งยกเรือนหลังใหญ่ให้ข้า ทั้งช่วยขนของย้ายบ้าน กระตือรือร้นทำดีทั้งที่ไม่เรื่องอะไร ท่านไม่มีจุดประสงค์อะไรจริงๆ ใช่ไหม?”“ข้าพบว่าเจ้าไม่ใช่คนธรรมดา ไม่ช้าก็เร็วเจ้าต้องเป็นผู้มีอำนาจ อาศัยเวลานี้ที่เจ้ายังไม่ยิ่งใหญ่ รีบกอดขาเจ้าไว้” ถ้อยคำนี้ของหลี่ซานล้อเล่นครึ่งหนึ่ง พูดจริงครึ่งหนึ่งเฉินฝานเป็นคนมอบชีวิตใหม่ใ
“ใช่แล้ว!” หลี่ซานย่อตัวลง พูดด้วยรอยยิ้ม “เสี่ยวฉู่ ตอนนี้นายท่านของเจ้าเป็นผู้มีอำนาจมากๆ เป็นผู้มีอำนาจแล้ว ข้างกายย่อมต้องมีบ่าวรับใช้ มิเช่นนั้นจะถูกหัวเราะเยาะเอาได้”“เจ้าค่ะ พี่หลี่พูดถูก ไม่อาจให้ผู้อื่นหัวเราะเยาะนายท่านของข้าได้!”“ดูสิ!” หลี่ซานหันไปมองเฉินฝานแล้วพูด “เสี่ยวฉู่ยังรู้หลักการข้อนี้”“แต่ว่า...” ฉินเย่ว์ฉู่เอียงหน้าเล็กน้อย หันไปมองเฉินฝาน “ข้ามองแล้วไม่เหมือนผู้มีอำนาจเลยเจ้าค่ะ ยังเหมือนสมัยอยู่ในหมู่บ้าน”“ถูกต้อง!” เฉินฝานอุ้มฉินเย่ว์ฉู่ขึ้นมา “เจ้าอย่าฟังพี่หลี่พูดจาเหลวไหล ข้ายังเหมือนเมื่อก่อน เป็นนายท่านของพวกเจ้า นับจากนี้พวกเราสี่คนร่วมมือกัน ทำให้ชีวิตของพวกเราดีขึ้น”หลี่ซานยังอยากพูดอีก แต่เฉินฝานใช้สายตาบอกกับเขาให้หยุดพูดฉินเย่ว์ฉู่ยังเด็ก เขาอยากให้นางเติบโตอย่างเข้มแข็งเหมือนเมื่อก่อน“นายท่าน ข้าสิบขวบแล้ว ท่านอย่าเอาแต่อุ้มข้าแบบนี้สิเจ้าคะ”เฉินฝานอุ้มนางต่อหน้าผู้คนมากมาย ทำให้เด็กน้อยรู้สึกอายเล็กน้อย พวงแก้มแดงระเรื่อ“หื้ม?” เฉินฝานหยิกแก้มของฉินเย่ว์ฉู่ “อายเหรอ? เจ้าบอกว่าชอบเวลาข้าอุ้มที่สุดไม่ใช่หรือ? ยามไม่อุ้มเจ้ายังร้อง
หลี่ซานโบกมือให้พวกสาวใช้ “ไปหาฮูหยินของพวกเจ้า พาพวกนางคุ้นเคยกับเรือนหลังนี้”“เจ้าค่ะ!”พวกสาวใช้ลุกขึ้น ย่อตัวลงหันหน้าเข้าหาเฉินฝานแล้วถอยออกไปมารยาทของสมัยโบราณ ยามบ่าวรับใช้ออกไป ไม่อาจหันหลังให้นายผู้ฝ่าฝืน นายมีสิทธิ์สังหาร“เจ้าวางใจเถอะ ทั้งหมดนี้เป็นทาสในเรือน ล้วนเชื่อใจได้” กลัวเฉินฝานไม่วางใจ หลี่ซานจึงพูดเสริมเฉินฝานใช้เวลาครู่หนึ่ง เพิ่งนึกออกว่าทาสในเรือนหมายความว่าอะไร ทาสในเรือนคือ ลูกที่เกิดจากสาวใช้และบ่าวรับใช้ในเรือน ซึ่งได้รับอนุญาตจากนาย บ่าวรับใช้ประเภทนี้ แตกต่างจากบ่าวรับใช้ที่ซื้อ พวกเขาเป็นบ่าวตั้งแต่กำเนิด จึงมีความจงรักภักดีค่อนข้างสูงตอนหญิงสาวมากมายอายุไล่เลี่ยกับตน ร้องเรียกตนว่าฮูหยิน พี่น้องตระกูลฉินตะลึงงันปีแรกที่เพิ่งแต่งงานกับเฉินฝาน พวกนางรู้สึกว่าชีวิตนี้จบเห่แล้วหลังจากเฉินฝานตกหน้าผา ชีวิตของพวกนางเริ่มมีความหวัง เฉินฝานหาเงินเข้าบ้านทีละเล็กทีละน้อย กระทั่งในตอนหลังเขาซ่อมบำรุง ซื้อรถม้า ไม่ต้องกังวลปากท้องและเครื่องนุ่งห่มอีกพวกนางรู้สึกว่าตนมีความสุขมากแล้ว คิดไม่ถึงว่าเฉินฝานจะสอบคัดเลือกขุนนางได้อันดับหนึ่ง ยิ่งคิดไม
เหอกังนิ่งเงียบไปเพียงหนึ่งวินาที“ทหารทั้งหมดจงฟังคำสั่ง!” เหอกังยกป้ายสั่งการทหารขึ้นสูง “ถอยทัพกลับลำไปทางเดิม!”ระหว่างที่ถอยกลับทางเดิม เฉินฝานยังให้เหอกังออกคำสั่งอีกสองเรื่องคำสั่งแรก นายทหารทุกคนถอดชุดเกราะเครื่องหัวออก ก็คือให้ทุกคนถอดหมวกเหล็กบนหัวออก นำเสื้อผ้าห่อไว้ มัดไว้ที่เอวกองกำลังยุคโบราณ เพื่อที่แยกมิตรและศัตรู ชุดเกราะเครื่องหัวจะมีสัญลักษณ์สัญลักษณ์บนชุดเกราะเครื่องหัวของกองกำลังลาดตระเวนคือพู่ระย้าสีแดงสีแดงสะดุดตาเกินไป ไม่สะดวกในการหลบหลีกคำสั่งที่สอง ทุกคนต้องเก็บกิ่งที่มีใบไม้มาสองสามชิ้น มัดรวมให้เป็นวงกลม สวมไว้บนศีรษะตอนที่ออกคำสั่งทั้งสองนี้ เหอกังก็ตัดหัวนายทหารไปอีกหนึ่งคนเพราะสองคำสั่งนี้ ก็ไม่ต่างอันใดกับการล่าถอยกลับทางเดิม เหลวไหลสิ้นดีไม่ว่าจะเป็นหัวหน้าหรือลูกน้องในกองกำลังลาดตระเวนทั้งหมด คิดอย่างไรก็ไม่เข้าใจที่คาดหัวใบไม้หนึ่งชิ้น จะสามารถรักษาชีวิตได้กว่าชุดเกราะเครื่องหัวที่ทำจากเหล็กงั้นหรือ?เฉินฝานไม่ได้ผิดปกติจริงๆใช่หรือไม่?กลับไปถึงสถานที่กวาดล้างพลทหารม้าสามพันคนของเหยียนอิง เฉินฝานออกคำสั่งให้หยุดเคลื่อนทัพในขณ
เฉินฝานอมยิ้มพลางพยักหน้า “ถูกต้อง หากไม่ยั่วโมโหอ๋องเจิ้งหนาน หลี่เทียนจะออกมาได้อย่างไร”“ทว่า ทำเช่นนี้เป็นการทำให้พวกเราเข้าสู่สภาวะจนตรอกมิใช่หรือ?”“ท่านแม่ทัพ ทำเช่นนี้ สามารถทำให้พวกเรามีชีวิตต่อไปได้!”“เช่นนี้พวกเราจึงสามารถมีชีวิตต่อไปได้งั้นหรือ? ใต้เท้าเฉิน...”เหอกังที่อยู่ด้านข้างหยุดพูดไปครู่หนึ่ง “เจ้าต้องการล่อกองกำลังเมืองเตียนที่เมืองฝูตูให้ออกมา หลังจากนั้นพวกเราก็กลับลำไปยึดโจมตีเมืองฝูตูงั้นหรือ?”“ปิดบังท่านแม่ทัพไม่ได้จริงๆ ข้าน้อยก็มีความประสงค์เช่นนี้ มีเพียงการทำเช่นนี้ เมืองหรงตูและพวกเราจึงยังมีโอกาสที่จะมีชีวิตอยู่”“น้องฝาน วิธีนี้น่าอัศจรรย์ก็จริง ทว่า...” สีหน้าของเหอจื่อหลินเปลี่ยนจากสดใสเป็นหม่นหมอง “กองกำลังสามหมื่นคนของหลี่เทียนนั้น ห่างจากพวกเราไม่ถึงห้าสิบลี้แล้ว อิงจากความเร็วของกองกำลังเตียนตู ต้านทานไว้ครึ่งชั่วยาม ก็จะไล่ตามพวกเราทัน พวกเราต้องการโจมตีโต้กลับเมืองฝูตู ก็ต้องหลบหลีกพวกเขาก่อน”“กองกำลังลาดตระเวนมีสองหมื่นเจ็ดพันกว่าคน และมีม้าสงครามที่ไปยึดครองมาเมื่อครู่สามพันตัว เป้าหมายยิ่งใหญ่เช่นนี้ ความยากในหลบหลีกหลี่เทียนยากยิ่งนั
“ข่าวที่ข้าได้รับมาเมื่อครู่ กองกำลังเมืองเตียนตูหนึ่งแสนคนที่เหยียนเชียงนำทัพไม่ได้ข้ามฝั่งมา”“ไม่ได้ข้ามฝั่งรึ?” เหอกังตกใจอย่างมาก กล่าวด้วยความโมโหทันที “เวลาครึ่งก้านธูปที่แล้วพลส่งข่าวมารายงานว่ากองกำลังหนึ่งแสนคนนั้นของเหยียนเชียงเริ่มข้ามฝั่งแล้วมิใช่หรือ? พลส่งข่าวของเจ้าเป็นอันใดไป จึงรายงานไม่แม่นยำเช่นนี้!”“ท่านพ่อ เมื่อครู่กองกำลังเมืองเตียนข้ามฝั่งจริงๆ ทว่าผ่านไปไม่นานพวกเขาทั้งหมดก็กลับลำ ตอนนี้เดินทางมุ่งสู่เมืองหรงตูแล้ว”“กล่าวเช่นนี้...” สีหน้าของเหอกังเปลี่ยนเป็นเข้มงวด “กองกำลังเตียนตูไม่คิดที่จะสนใจพวกเรา ทว่ามุ่งตรงไปบุกโจมตีเมืองหรงตู หากสูญเสียเมืองหรงตูไป เช่นนั้นพวกเรา...”เช่นนั้นกองกำลังลาดตระเวนก็เหมือนกับเด็กกำพร้าไร้บ้านหากไปเยือนหรงตูมิได้ พวกเขาก็เป็นทหารเร่ร่อนกลุ่มหนึ่งที่ไม่กำลังสนับสนุนใดๆจากแนวหลัง“เร็วเข้า พวกเราต้องเร่งฝีเท้าในการเคลื่อนทัพ” เหอกังกล่าวเสียงดัง “แผนการเดียวในตอนนี้ พวกเราทำได้เพียงแข่งความเร็วกับเหยียนเชียง”“ข้าว่าวิธีนี้ก็ไร้ผล” เย่ว์หนูที่อยู่ด้านข้างเฉินฝานส่ายหน้ากล่าวเสียงเบา “พละกำลังของกองกำลังเมืองเตียนตูมีม
เฉินฝานเดินอยู่ด้านหน้า ฉินเย่ว์เจียวลากศพของเหยียนอิง สองคนเรียงรายเดินออกจากกระโจมไปสถานการณ์รบด้านนอกจวนจะเข้าใกล้จุดสิ้นสุดแล้วห่าธนูในคราเดียว กองกำลังเมืองเตียนตูสามพันกว่าคนนี้ ทุกคนล้วนถูกลูกธนูของกองกำลังลาดตระเวนปักราวกับเม่นเหอจื่อหลินพาคนไปตรวจสอบว่ามีกองกำลังเมืองเตียนตูที่ยังตายไม่สนิทหรือไม่ ดังนั้นจึงเกิดเสียงการแทงซ้ำและเสียงโอดครวญเป็นครั้งคราว“ถวายบังคมใต้เท้าเฉิน!”“ถวายบังคมใต้เท้าเฉิน!”เมื่อเห็นเฉินฝานแล้ว เหล่านายทหารพากันคุกเข่าเฉินฝานลนลานรีบทำท่าขอให้ลุกขึ้น “ทุกท่านไม่ต้องมากพิธี รีบลุกขึ้นเถอะ”นายทหารเหล่านั้นโน้มศีรษะติดกับพื้นจึงยอมลุกขึ้นยืนนับตั้งแต่ที่เข้ากระโจมจนมาถึงตอนที่ออกจากกระโจมมา ห่างกันไม่ถึงครึ่งชั่วโมง เหล่ากองกำลังลาดตระเวนด้านหน้าเฉินฝาน ทุกคนล้วนมีชีวิตชีวาพวกเขาทหารผู้ดีทหารไร้ประโยชน์ที่ถูกฝูงชนหัวเราะเยาะ ในเวลาสั้นๆครึ่งชั่วโมง สามารถกำจัดพลทหารม้าของกองกำลังเมืองเตียนตูหนึ่งกลุ่มได้ทั้งหมดต่อจากนี้ จะคอยดูว่าผู้ใดจะกล้ากล่าวว่าพวกเขาไร้ประโยชน์ได้อีก!เหล่าทหารเพิ่งจะลุกขึ้นยืน เหอกังรีบรุดหน้าเข้ามาทันที สีหน
เหยียนอิงถูกฉินเย่ว์เจียวนำน้ำเย็นหนึ่งถังราดใส่จนตื่น“อ้าก!”“ใครกัน? ชาติชั่วผู้ใดรนหาที่ตาย บังอาจใช้น้ำราดใส่ข้า!”เหยียนอิงที่ถูกปลุกให้ตื่นด้วยความตกใจเด้งตัวกระโดดลงจากเตียง คว้าดาบใหญ่ข้างกายขึ้นมา ต้องการจะฟันออกไปตอนที่เขาเห็นชัดเจนว่าคนที่ยืนข้างเตียงเขาคือฉินแย่ว์เจียว วางดาบลงทันที พลันปรากฏรอยยิ้มสัปดน“เจ้าหนุ่มหน้าปลาเก๋านั้น สามารถจัดการเรื่องต่างๆ เพราะถวิลหาสาวน้อยที่งดงามเช่นนี้ ข้าก็แปลกใจหรอก”“แม่สาวน้อย เจ้าจะมาด้วยตนเองหรือต้องการให้ข้าช่วย!”“ข้าว่าข้าช่วยเจ้าดีกว่า เจ้าจะได้ไม่ต้องเหนื่อย”เหยียนอิงหัวเราะร่าลุกขึ้นยืน กำลังจะโถมตัวใส่ร่างของฉินเย่ว์เจียว“ปึก!”จอกสุราหนึ่ง ลอยมาจากด้านหลังฉินเย่ว์เจียว ชนเข้ากับใบหน้าของเหยียนอิงอย่างรุนแรง“อ้าก!”เหยียนอิงที่ได้รับบาดเจ็บตะโกนลั่น ยื่นมือออกไปคิดที่จะคว้าดาบใหญ่ของเขาอีกครั้ง“ปึก!”มีวัตถุหนึ่งชิ้นลอยมาจากด้านหลังฉินเย่ว์เจียวอีกครั้ง ครั้งนี้ไม่ใช่จอกสุรา ทว่าเป็นเกาทัณฑ์ดอกเหมยหนึ่งลูกนี่เป็นหนึ่งในอาวุธลับมากมายที่ฉินเย่ว์เหมยมอบให้เฉินฝาน เกาทัณฑ์ดอกเหมยใช้งานง่ายที่สุด วันที่สองข
ฉกฉวยโอกาสยามราตรี กองกำลังลาดตระเวนสองหมื่นนาย สามารถข้ามแม่น้ำลวี่สุ่ยครั้งที่สองได้แล้วคนมากมายเพียงนี้ กล่าวไม่มีลาดเลาอันใดแม้แต่น้อย นั้นเป็นเรื่องโกหกตอนที่กองกำลังลาดตระเวนข้ามฝั่ง ทำให้กองกำลังเมืองเตียนตูที่ลาดตระเวนผู้หนึ่งพบเห็น“คน มีคนจำนวนมากกำลังข้ามฝั่ง” กองกำลังเมืองเตียนตูผู้นั้นกล่าวกับสหายร่วมรบของตนคำพูดของกองกำลังเมืองเตียนตูผู้นั้น ไม่เพียงไม่ได้รับความใส่ใจจากสหายร่วมรบเท่านั้น ยังถูกสหายร่วมเขกกะโหลกหนึ่งที“เป็นเพราะไม่นอน ตาพร่ามัวไปแล้วหรือ ข้ามฝั่งอันใดกัน?” สหายร่วมรบชี้ไปที่แม่น้ำ “ดูสิ ด้านบนมีเรือหรือไม่? ไม่มีเรือจะข้ามฝั่งมาได้เยี่ยงไร”“ทว่า...”กองกำลังเมืองเตียนตูผู้นั้นหันกลับไปชำเลืองมองอีกครั้ง “ข้าเห็นจริงๆ เหมือนว่าพวกเขาไม่ได้นั่งเรือข้ามมา ทว่าเดินบนผิวน้ำมา”สะพานลอยไม่โผล่ขึ้นมาผิวน้ำทั้งหมด ดูแล้วก็เหมือนกับคนกำลังเดินผิวน้ำจริงๆกองกำลังเมืองเตียนตูผู้นั้นถูกสหายร่วมรบของตนเขกกะโหลกอีกครั้ง “เดินบนผิวน้ำ? นับถือที่เจ้าพูดเช่นนี้ออกมาได้ ที่เจ้าเห็นมิใช่คน แต่เจ้าเห็นผีแล้วต่างหาก!”“ที่ข้าเห็นเป็นผีงั้นรึ?”“จะไม่ใช่ได้อย่
“สร้างสะพานลอยเช่นนี้ กองกำลังเมืองเตียนตูฝั่งตรงข้ามคงไม่ให้พวกเราสร้างได้อย่างสบายๆหรอกกระมัง”“พวกเจ้าพูดถูก” เฉินฝานกล่าว “กองกำลังเมืองเตียนตูคงไม่ให้พวกเราสร้างได้อย่างสบายๆ ดังนั้นที่พวกเราสามารถสร้างได้เป็นสะพานลอยใต้น้ำ”เฉินฝานนำแผนที่ออกมา มือวางไว้ที่แม่น้ำลวี่สุ่ย “ตรงส่วนนี้ พื้นที่แม่น้ำค่อนข้างแคบ สายน้ำก็ค่อนข้างไหลเชี่ยวเช่นกัน กองกำลังเมืองเตียนตูจะต้องคาดไม่ถึงว่าพวกเราจะกลับมาบุกโจมตีอย่างไม่ทันตั้งตัวเป็นแน่ ดังนั้นช่วงนี้การลาดตระเวนของกองกำลังเตียนตูต้องไม่เข้มงวดเพียงนั้นเป็นแน่ ความสามารถทางน้ำของกองกำลังหญิงยอดเยี่ยม พวกนางสามารถฉกฉวยโอกาสยามราตรี ดำน้ำลงไปในแม่น้ำสร้างสะพาน”ในตอนแรกที่ฝึกกองกำลังหญิง ตามปกติแล้วก็ฝึกตามที่หน่วยรบพิเศษฝึกฝน ดังนั้นการดำน้ำสร้างสะพานประเภทนี้ชำนาญเป็นธรรมดาอยู่แล้ว“สหายกองกำลังลาดตระเวน เพียงแค่ตระเตรียมเถาวัลย์และกิ่งไม้ให้พร้อมก็ใช้ได้แล้ว”ขั้นตอนในการสร้างสะพาน เป็นดังที่เฉินฝานคาดการณ์ไว้ กองกำลังเมืองเตียนตูคาดไม่ถึงว่าพวกเฉินฝานจะกลับมาบุกโจมตีอย่างไม่ทันตั้งตัว และสิ่งที่คาดไม่ถึง คิดเหนือชั้นไปอีก คือพวกเฉินฝ
“ใต้เท้าเฉิน ไยเจ้ายังคิดที่จะล้อเล่นอีก!” เหอกังสีหน้าจริงจัง เขาออกคำสั่งกับเหอจื่อหลิน “จื่อหลิน เจ้าปกป้องใต้เท้าเฉินให้ออกจากป่าไปในคืนนี้ มุ่งหน้าสู่หรงตู”“ท่านแม่ทัพใหญ่ ข้า...”“ใต้เท้าเฉิน ข้ารู้ว่าเจ้าอยากอยู่ ทว่าพวกเราไม่สามารถเสี่ยงอันตรายเรื่องนี้ได้ หากสูญเสียเจ้าไป ต้าชิ่งของพวกเราก็ถึงจุดจบจริงๆแล้ว”เหอกังพูดขัดคำพูดเฉินฝานก่อนที่จะออกเดินทางครั้งนี้ ฉินเย่ว์เหมยลอบนัดพบพ่อลูกตระกูลเหอลับๆ ไม่ว่าจะเกิดอันใดขึ้นให้พ่อลูกตระกูลเหอต้องปกป้องชีวิตของเฉินฝานไว้กล่าวว่า หากไร้ซึ่งเฉินฝาน ต้าชิ่งก็สูญสลายเช่นกันคำพูดของฉินเย่ว์เหมย เหอกังเห็นด้วยทั้งหมดตอนนี้ต้าชิ่งมีทั้งศึกภายในและภายนอก ขุนนางทุจริตกุมอำนาจ หากไม่มีเฉินฝาน ก็มิมีใครสามารถต่อกรกับเสิ่นหมิงหยวนได้“ท่านแม่ทัพใหญ่!” เฉินฝานทำมือเคารพให้เหอกัง “ขอบคุณความไว้วางใจของท่านแม่ทัพใหญ่ที่มีต่อข้าน้อย ในเมื่อท่านแม่ทัพคิดว่าข้าน้อยสามารถช่วยต้าชิ่งให้รอดพ้นได้ เช่นนั้นไยไม่เชื่อมั่นให้ข้าน้อยทำให้กองกำลังเมืองเตียนตูพ่ายแพ้กันล่ะ?”“ใต้เท้าเฉิน ข้าเชื่อมั่นว่าท่านมีความสามารถเช่นนั้นอยู่แล้ว ทว่าการจะหล
ระเบิดดินที่ฝังไว้ จวนจะได้แผลงฤทธิ์แล้ว ม้าและพลทหารที่ถูกระเบิดจนลอยขึ้นจะบรรเทาการปิดล้อมของกองกำลังเมืองเตียนตูได้ชั่วคราวผ่านไปไม่นานนัก ท้องฟ้าก็มืดสนิทเมื่อท้องฟ้ามืดแล้ว เหล่าทหารลาดตระเวนล้วนถอนหายใจอย่างโล่งอกพวกเขาปลอดภัยชั่วคราวแล้วต่อให้กองกำลังเมืองเตียนตูจะเก่งกาจเพียงใด ก็ไม่สามารถจะหาญกล้าบุกโจมตีเข้ามาในป่าตอนกลางคืนเหยียนเชียงที่เป็นผู้นำกองกำลังหนึ่งแสนคนของเมืองเตียนอันก็ไม่ได้รีบร้อน ตอนที่ฟ้ายังไม่ทันมืด เขาก็ออกคำสั่งให้คนไปตั้งค่ายทหารแล้ว“ท่านเจ้านครฝ่ายขวา เส้นทางที่จะระเบิด จวนจะไม่มีแล้ว กองทัพของข้าสามารถโจมตีตามไปได้ จัดการพวกเขาให้หมด เพื่อขจัดอุปสรรคในการเข้าเมืองหลวงของท่านอ๋อง”แม่ทัพสองสามคนเป็นฝ่ายขอออกทัพกับเหยียนเชียงก่อนปัญญาชนหน้าใสเฉินฝานอยู่ในป่า จับเป็นเขาได้สามารถได้เงินห้าหมื่นตำลึงทองการบุกเข้าป่ายามราตรีเรื่องต้องห้ามเช่นนี้ กองทัพเมืองเตียนตูมิได้หวาดกลัวอย่างไรเสียก็เป็นเงินห้าหมื่นตำลึงทองเชียวนะใครจะไม่อยากได้กันเหยียนเชียงจ้องแม่ทัพที่มาขอออกรบก่อนเหล่านั้น “เรื่องที่ว่าจะขจัดอุปสรรคทางไปเมืองหลวงให้ท่านอ๋องอะไ