“กระถางธูปนี้จุดเครื่องหอมใดเจ้าคะ? หอมเหลือเกิน”“มองลงไปจากตรงนี้ เห็นน้ำตกจำลองด้วยเจ้าค่ะ งดงามยิ่งนัก”“หากอนาคตพวกเราได้อยู่บ้านแบบนี้ทุกวันก็คงจะดี”เฉินฝานมองฉินเย่ว์เจียวที่กระโดดโลดเต้นไปทั่วห้องด้วยความดีใจ อดไม่ได้ที่จะยิ้ม “สักวันหนึ่งเราจะได้อยู่บ้านแบบนี้”นี่ไม่ใช่ความฝัน แต่เป็นเรื่องจริงความจริง หากไม่ใช่เพราะถูกบังคับให้เข้าร่วมการสอบขุนนางในครั้งนี้ เขาขยายธุรกิจของตนแล้วฉินเย่ว์เจียวที่เกาะหน้าต่างอยู่นั้น หันกลับมายิ้มให้เฉินฝาน“เจ้าค่ะ ข้าเชื่อนายท่าน”แสงแดดยามอัสดง ตกกระทบร่างบาง สะท้อนแสงสีทองอ่อนโยนงดงาม ทั้งยังมีเสน่ห์เย้ายวนความงดงามของฉินเย่ว์เจียว แตกต่างกับฉินเย่ว์โหรวอย่างสิ้นเชิงฉินเย่ว์โหรวให้ความรู้สึกอ่อนโยนฉินเย่ว์เจียวทำให้หัวใจเต้นแรง“นายท่านเจ้าคะ?”ใบหน้างดงามของฉินเย่ว์เจียว ขยายใหญ่ตรงหน้าเฉินฝานกะทันหันเฉินฝานตกใจ “เย่ว์เจียว เจ้ามาอยู่ที่นี่ได้อย่างไร?”เมื่อครู่นางยิ้มให้เขาจากริมหน้าต่าง เหตุใดเพียงชั่วพริบตาก็มาอยู่ตรงหน้าเขา“ข้าเห็นท่านยืนเหม่อ ข้าคุยกับท่าน ท่านก็ไม่ได้ยิน จึงเดินมาหาเจ้าค่ะ”“…”“นายท่าน เ
เฉินฝานกอดตัวเอง ร่างกายสั่นเทา “หนาวยิ่งนัก จู่ๆ ข้าก็รู้สึกหนาวยิ่งนัก”“เจ้าคะ? ยังหนาวอีกหรือ?” ฉินเย่ว์เจียวโน้มตัวลงมองเฉินฝานด้วยความกังวล“อื้” เฉินฝานพยักหน้าด้วยความน่าสงสารแม่เจ้าโว้ย ช่างน่าอายยิ่งนัก เขาแกล้งทำตัวน่าสงสารเนี่ยนะแต่ว่า หากไม่แกล้งทำตัวน่าสงสารก็ไม่อาจกลืนกินเด็กโง่ตรงหน้าได้ “ข้าห่มให้ท่านอีกหนึ่งชั้น” ฉินเย่ว์เจียวรีบห่มผ้าให้เฉินฝานอีกหนึ่งผืน“ผ้าห่มไม่มีประโยชน์” เฉินฝานที่อยู่บนเตียงยังคงน่าสงสารผ้าห่มไม่มีประโยชน์จริงๆหนักมากทั้งยังร้อนมาก!“เช่นนั้นทำอย่างไรดีเจ้าคะ?” ฉินเย่ว์เจียวกระวนกระวาย “หรือว่า ข้าตามหมอดีไหมเจ้าคะ”“ไม่ต้อง!” เฉินฝานเอามือออกมาจากผ้าห่มอย่างรวดเร็ว แล้วคว้าตัวฉินเย่ว์เจียวที่กำลังจะเดินออกไปตามคน“เจ้าขึ้นมานี่ มาอุ่นให้ข้าก็พอแล้ว”“เช่นนี้ก็ได้แล้วจริงๆ หรือเจ้าคะ?”“ได้แล้วจริงๆ!”แกะน้อยกำลังจะเข้าปากสุนัขจิ้งจอก เฉินฝานไม่อาจจะแสดงละครอีกต่อไปแล้ว “ผ้าห่มที่เจ้าอุ่นให้ตอนอยู่ที่เรือน อุ่นและสบายที่สุดแล้ว”“…เจ้าค่ะ!”ฉินเย่ว์เจียวเลิกผ้าห่มเตรียมขึ้นเตียง“ก๊อกๆ!” จู่ๆ ด้านนอกก็มีเสียงเคาะประตูดั
หลังพูดคำว่าดีเจ้าค่ะจบ ฉินเย่ว์เจียวอุ้มผ้าห่มสองผืนลงจากเตียง ความเร็วของนางเร็วจนเฉินฝานตั้งตัวไม่ทันฉินเย่ว์เจียวปูผ้าห่มไว้บนพื้นติดกับเตียงเฉินฝาน “เจ้า...”ฉินเย่ว์เจียว “นายท่าน ท่านนอนบนเตียง ข้านอนบนพื้นเจ้าค่ะ”“หื้ม? เหตุใดต้องนอนบนพื้น ไม่ใช่ว่าไม่มีเตียงเสียหน่อย?”เฉินฝานเลิกคิ้วขึ้น หรือว่าก่อนหน้านี้นางแกล้งไร้เดียงสา นางรู้แต่แรกแล้วว่าเขาคิดอยากจะทำสิ่งใด?“อ่อ!” ฉินเย่ว์เจียวไม่แม้แต่จะเงยหน้าขึ้น ปูเตียงบนพื้นต่อ “ก่อนออกเดินทาง ท่านย่าให้คนส่งข่าวมาบอก ระยะนี้ห้ามไม่ให้ข้านอนเตียงเดียวกับนายท่านยามค่ำคืนเจ้าค่ะ”“เพราะเหตุใด? ตอนอยู่ที่เรือนพวกเราก็นอนตั่งเดียวกันไม่ใช่หรือ?”“ท่านย่าบอกว่า ไม่เหมือนกันเจ้าค่ะ ตั่งมีขนาดใหญ่กว่า เตียงค่อนข้างเล็ก ใกล้ชิดกับนายท่านเกินไป ท่านย่ายังบอกอีกว่า ก่อนสอบขุนนางห้ามไม่ให้นายท่านสูญเสียพลังงาน ดังนั้นจึงกำชับข้า ไม่ให้ข้านอนเตียงเดียวกับท่านเจ้าค่ะ”ว่าแต่!” จู่ๆ ฉินเย่ว์เจียวก็เอาคางเกยขอบเตียง ดวงตากลมโต มองเฉินฝานอย่างเป็นประกาย“นายท่านเจ้าคะ เหตุใดท่านย่าจึงพูดแบบนี้ ข้าไม่ใช่ปีศาจ แล้วจะทำให้ท่านสูญเสียพลังง
เป็นเช่นนี้ได้อย่างไรตระกูลหลี่มีกิจการใหญ่โตในอำเภอผิงอัน หลายสิ่งหลายอย่างจึงไม่จำเป็นต้องให้หลี่ซานไปทำด้วยตัวเองช่วงคาบเกี่ยวที่ว่านั้น เป็นแค่เรื่องตลกของเฉินฝานการร่วมมือในช่วงสองสามเดือนที่ผ่านมา เขาพบว่าแม้หลี่ซานเป็นนายน้อยของหอนางโลมอี๋ชุนย่วนที่รายล้อมไปด้วยสาวงามทุกวัน แต่เขาก็มีความคิดชัดเจน ทำสิ่งใดก็ล้วนอยู่ในความประพฤติ ไม่ใช่คนรวยไร้สมองที่เอาแต่ดื่มด่ำอยู่ในความอบอุ่นมีบางอย่างเกิดขึ้นกับหลี่ซานเป็นแน่และเป็นได้สูงมากว่าเป็นปัญหาเป็นเรื่องแบบไหน ที่ทำให้หัวหน้าตระกูลหลี่ถึงกับตกอยู่ในความลำบาก?เฮ้อ!เฉินฝานส่ายหัวและยิ้มกับตัวเองหลี่ซานเป็นถึงงูเจ้าถิ่นในอำเภอผิงอัน ส่วนเขาเป็นเพียงชาวบ้านในหมู่บ้านซานเหอ ทำไมเขาต้องกังวลแทนหลี่ซานด้วย?ตั้งแต่เมื่อวาน ห้องพักแขกก็อยู่ในสถานะแขกพักเต็ม ส่วนใหญ่ก็เป็นปัญญาชนที่เร่งจะไปสอบเฉินเจียงลุงขี้อวดของเฉินฝานก็พักอยู่ที่นี่เช่นกันแน่นอนว่าเขามีกำลังเข้าพักห้องธรรมดาชั้นสองเท่านั้นหลังจากที่ปัญญาชนเหล่านี้เข้าพัก ห้องโถงต้อนรับแขกก็คึกคักขึ้น ปัญญาชนที่กินอาหารเช้าเสร็จมารวมตัวกันแข่งประพันธ์บทกวีเมื่อเฉ
“พี่น้องทุกท่าน เพื่อนร่วมชั้นทุกท่าน!” ร่างร่างหนึ่งลงมาจากชั้นสอง ก้าวเท้าอย่างเร็วมาถึงตรงหน้าปัญญาชนเหล่านั้นผู้ที่เดินมาคือเฉินเจียงวันนี้เขาสวมเสื้อคลุมสีน้ำเงินกรมท่า ยืนที่นั่นด้วยท่าทางสง่างาม เขาโค้งคำนับต่อปัญญาชนเหล่านั้น“ข้าน้อยมาจากหมู่บ้านซานเหอมีนามว่าเฉินเจียง เฉินฝานและภรรยาผู้นี้คือหลานชายและหลานสะใภ้ของข้าน้อยเอง”“ณ ที่นี้!” เฉินเจียงประสานมือโค้งคำนับต่อเหล่าปัญญาชนอีกครั้ง “ข้าน้อยขออภัยทุกท่านด้วย”“ปกติหลานชายและหลานสะใภ้ของข้าขายปลาเป็นส่วนใหญ่ พี่น้องและเพื่อนร่วมชั้นทุกท่านต่างซึมซับจากอาจารย์หลีทั้งนั้น ย่อมมีความแตกต่างจากหลานชายและหลานสะใภ้ของข้า ข้าน้อยหวังว่าพี่น้องและเพื่อนร่วมชั้นทุกท่านจะไม่ถือสาพวกเขาขอรับ”สิ่งที่เฉินเจียงกล่าว หมายถึงเฉินฝานและฉินเย่ว์เจียวเป็นเพียงพ่อค้าขายปลาที่โง่เขลา และปัญญาชนเหล่านี้คือผู้ที่รู้วิชาการหนังสือ เฉินฝานจะเทียบกับพวกเขาได้อย่างไรนี่คือความร้ายกาจของเฉินเจียงเขาไม่เพียงแต่มอบแท่นบันได[footnoteRef:1]ให้กับปัญญาชนเหล่านี้เท่านั้น แต่ยังเหยียบย่ำเฉินฝานอย่างหนักด้วย แต่เฉินฝานไม่สามารถดุด่าเขา แต่ยังต้อ
ขนลุกแรงกระตุ้นที่ประหลาดคิดอยาก คิดอยาก…...ฉินเย่ว์เจียวตกใจกับความคิดหนึ่งของตนเองนางอยากกอดเฉินฝานอย่างไม่คาดคิดมาก่อนในที่สาธารณะเช่นนี้ นางไม่คิดเลยว่าอยากกอดเฉินฝานนางมันบ้าไปแล้ว บ้าไปแล้วจริง ๆ!“นายท่าน ข้า…...”“มีอะไรหรือ?” เฉินฝานถามอย่างเป็นห่วง น้ำเสียงของเขาต่ำและทุ้มลึก เป็นเสียงที่มีเสน่ห์ถึงกระทั่งตายได้“เปล่า ไม่มีอะไร ขะ ข้ากลับห้องก่อนนะเจ้าคะ!”ฉินเย่ว์เจียววิ่งเร็วเหมือนกระต่ายและหายตัวไปในพริบตาเมื่อมองทางเดินที่ฉินเย่ว์เจียวหายตัวไป เฉินฝานพลางแสดงรอยยิ้มเขาตั้งใจทำเช่นนั้น เพื่ออยากเห็นปฏิกิริยาของหญิงสาวคนนี้เขาพอใจกับปฏิกิริยาของฉินเย่ว์เจียวมากบางที อาจมีความโชคดีเกิดขึ้นกับเขาในช่วงนี้ก็เป็นได้เฉินฝานลูบหน้าท้องที่แบนราบของเขา หิวแล้วจริง ๆ!“เป็นการดูหมิ่นความสุภาพ”“อนาจารและผิดศีลธรรม”“ไม่ต้องสนใจเขาหรอก เขาเป็นเพียงคนที่มาเพิ่มให้ถึงจำนวนน่ะ”“เขาเข้าร่วมการสอบฤดูใบไม้ผลิ คือการมาขายความตลก”เฉินฝานเดินผ่านท่ามกลางข้อกล่าวหาและการเยาะเย้ยมากมาย จากห้องโถงและเดินเข้าไปในห้องครัว“นายท่านฝาน ท่านมาแล้วหรือ!”บรรยากาศใ
เท้าที่ก้าวออกไปแล้วของชายชรา ดึงกลับมาทันทีเขาหันกลับมาและยิ้ม “เจ้าพูดถูก ไม่ต้องไปสนใจเศษสวะพวกนั้น”ชายชรากระโดดขึ้นรถม้าและมองขึ้นไปที่ชั้นสามของเรือนแขกสำราญสุข “เจ้าคิดว่า เขาจะเดาออกหรือไม่ว่าเป็นความคิดของข้า ที่จะให้ปัญญาชนทุกคนในอำเภอผิงอันเข้าร่วมการสอบฤดูใบไม้ผลิ?”“ถ้าหาก......”คนใช้มองไปที่ชั้นสามของเรือนแขกสำราญสุขเหมือนกัน “เขาฉลาดอย่างที่นายท่านพูดจริง เขาคงคิดได้ขอรับ”“เช่นนั้น!”ชายชราลูบเคราตนเอง “เขาจะส่งกระดาษเปล่าหรือไม่?”คนใช้เลิกคิ้ว “ส่งกระดาษเปล่า? นี่ไม่ใช่สิ่งที่นายท่านตั้งตารอหรือขอรับ?”“ใครบอกว่าข้าตั้งตารอ”ความคิดในใจถูกมองออกอย่างง่ายดาย ชายชรารู้สึกเสียหน้าเล็กน้อยหากเฉินฝานส่งกระดาษเปล่า เขาจะรู้ทันทีว่าใบไหนเป็นของเฉินฝานไม่ว่าเขาจะพูดหรือทำอะไร นายอำเภอก็ไม่กล้าพูดอะไรแต่เขาเป็นผู้กำหนดกฎการป้องกันฉ้อราษฎร์บังหลวงในตอนเริ่มต้น เขาคงไม่สามารถทำผิดกฎของตนเองต่อหน้านายอำเภอได้หรอกกระมัง“จริง ๆ แล้ว ข้าคิดว่าสิ่งสำคัญที่สุดสำหรับนายท่านตอนนี้ คือการดูลายมือของเพื่อนตัวน้อยคนนั้น เพื่อให้ง่ายต่อการระบุในภายหลังขอรับ”“เพราะว่าเรา
เฉินฝานยังไม่ทันพูด เฉินเจียงก็บากหน้าเดินเข้าไปก่อนนอกจากถือโอกาสกินข้าวแล้ว เฉินเจียงยังมีอีกหนึ่งจุดประสงค์ นั่นคือมาดูห้องส่วนตัวของเรือนแขกสำราญสุขห้องส่วนตัวของเรือนแขกสำราญสุขมีชื่อเสียงในอำเภอผิงอันมาก มีเพียงห้าห้องเท่านั้นคนที่พักข้างใน ไม่ใช่คนรวยก็เป็นคนมียศถาบรรดาศักดิ์ปัญญาชนอย่างพวกเขา มีเงินก็เข้าพักไม่ได้ เว้นแต่สอบผ่านซิ่วไฉแล้วกล่าวอีกนัยหนึ่ง ต่อให้เฉินเจียงสอบผ่านซิ่วไฉ ถ้าไม่มีเงินก็เข้าพักไม่ได้เหมือนกันเมื่อเขารู้ว่าหลี่ซานให้เฉินฝานพักในห้องส่วนตัว เขารู้สึกอิจฉาตาแทบลุกเป็นไฟวินาทีที่เดินเข้ามาถึงในห้องส่วนตัว ดวงตาของเฉินเจียงก็เบิกกว้างความหรูหราของห้องส่วนตัวนี้ ดีกว่าที่เขาจินตนาการไว้เป็นร้อยเท่าเจ้าหนุ่มนี่ เป็นแค่คนขายปลา ทำไมถึงมีบุญบารมีเพียงนี้หลี่ซานให้เฉินฝานเข้าพัก แต่ไม่ให้เขาเข้าพัก ช่างมีตาหามีแววไม่ คอยดูเถิด“เย่ว์เจียว ไปที่ห้องครัวแล้วหยิบถ้วยกับตะเกียบมาอีกคู่” เฉินฝานสั่งฉินเย่ว์เจียว“นายท่าน” ฉินเย่ว์เจียวไม่พอใจเล็กน้อย“ไปเถอะ!”ท้ายที่สุดแล้ว เขาก็เป็นท่านลุงคนหนึ่ง เมื่อครู่นี้ก็ถือว่าช่วยเขาเอาไว้ จะให้อาหาร
ตวนซินอ๋องมิอยากเชื่อสายตาของตนเอง เขายกกำปั้นไปด้านหน้าเฉินฝานทันที หลังนั้นก็ชูสามนิ้วออกไปชูสามนิ้วแล้วตะโกนพูดขึ้นหนึ่งประโยค“หนึ่งกฎเกณฑ์ สองสตรี สามเงินเหวิน!”เมื่อตะโกนจบก็จ้องไปที่เฉินฝาน สื่อความหมายว่าถึงตาเจ้าแล้วเฉินฝานรู้สึกหมดคำพูดอีกครั้ง ถูกพลทหารหนึ่งพันปิดล้อมมิสำคัญ จวนจะถูกตัดหัวประหารก็มิสำคัญเช่นกันสิ่งที่สำคัญที่สุดคือ...เฉินฝานก็ยกกำปั้นขึ้นมาชูนิ้วยื่นไปด้านหน้าตวนซินอ๋องเช่นกัน“สี่ฤดูกาล ห้าปรมาจารย์ หกที่นั่ง!”ทหารหลวงที่ปิดล้อมเฉินฝานและตวนซินอ๋องไว้มึนงงในบัดดลแม้กระทั่งหลี่ชิ่งที่เป็นหัวหน้าของพวกเขายังกวาดสายตามองไปรอบข้าง เขากำลังสงสัยว่านี้เป็นสัญญาณลับระหว่างเฉินฝานและตวนซินอ๋องหรือไม่“ถูกต้องทั้งหมด ๆ!”ตวนซินอ๋องดีใจออกนอกหน้าเดินไปกอดเฉินฝาน “เจ้าพูดรหัสลับของการเล่นทายตัวเลขถูกทั้งหมด เจ้าเป็นลูกเขยที่แสนดีของข้าจริงๆด้วย เจ้ายังมีชีวิตดังคาดสินะ”กำปั้นแห่งความปีติของตวนซินอ๋อง ทุบไปหลังเฉินฝานครั้งแล้วครั้งเล่าเฉินฝานรู้สึกวิงเวียนศีรษะ เขาจวนจะถูกพ่อตาของตนเองตบหลังจนแทบจะกระอักเลือดออกมาแล้ว“ชาวบ้านใจกล้า ก่อความวุ่
“ตุ้บ!”หลี่ชิ่งที่แต่เดิมกำลังพยุงหลิวเกาจัวปล่อยมือออกทันทีหลิวเกาจัวที่หกล้มหน้าคะมำตะโกนร้องโอดโอย เห็นว่ามีเท้าสองข้างอยู่ด้านหน้าจึงคิดที่จะใช้เพื่อยันตัวลุกขึ้นปรากฏว่าเมื่อเขาสัมผัสเท้านั้น เจ้าของฝ่าเท้านั้นก็จงใจยกขึ้น จึงทำให้เขาลื่นล้มลงกับพื้นอีกครั้ง“บัณฑิตหลิว กลางวันแสกๆเช่นนี้ นักพรตชิงเฟิงก็กำลังทำพิธีอยู่ที่แห่งนี้ จะมีภูตผีตนใดกล้าออกมากัน?”ผู้ที่ถีบหลิวเกาจัวคือเลขาธิการกรมโยธาธิการหยางอวิ๋นหู่ เดิมทีหยางอวิ๋นหู่เป็นผู้เก่งกาจในการประจบประแจงคนหนึ่ง ก่อนที่หลิวเกาจัวจะทรยศซูซิวฉี เสิ่นหมิงหยวนให้ความสนใจกับหยางอวิ๋นหู่เป็นอย่างมาก ปรากฏว่าเมื่อหลิวเกาจัวปรากฏตัวขึ้นมา หยางอวิ๋นหู่ก็เทียบเคียงหลิวเกาจัวมิได้แม้แต่น้อยครั้งนี้สามารถทำให้เฉินฝานติดอยู่ในเมืองเซียนตูได้ เดิมทีก็เป็นความดีความชอบที่ยิ่งใหญ่ที่สุดของหยางอวิ๋นหู่ แต่เพราะสาเหตุที่ว่าเรือนเซียนผาสุกมิสามารถปิดตายเฉินฝานได้อย่างสมบูรณ์ หลิวเกาจัวก็คอยใส่สีตีไข่อยู่เสมอ หยางอวิ๋นหู่มิเพียงแต่มิได้รับรางวัลจากเสิ่นหมิงหยวนเท่านั้น กลับถูกตำหนิอย่างรุนแรงอีกด้วย“ใต้เท้าหยางพูดถูก ต่อให้เป็นกลางวั
เฉินฝานเดินออกมาจากห้องตั้งดวงวิญญาณ ก่อนจะเดินไปยังแท่นบูชาบนแท่นบูชายังมีคนกำลังทำพิธีอยู่นอกจากนี้คนบนแท่นบูชาผู้นี้แต่งกายงดงามกว่าหมอผีที่อยู่ในห้องตั้งดวงวิญญาณ เครื่องมืออุปกรณ์ก็ดูอลังการมากกว่าว้าวเฉินฝานอดลอบอุทานไม่ได้เสิ่นหมิงหยวนลงทุนสำหรับงานศพนี้ของเขาไปไม่น้อยเลยตรงพื้นที่เปิดโล่งใต้แท่นบูชา มีขุนนางฝ่ายบุ๋นและฝ่ายบู๊คุกเข่ากันเต็มไปหมดหิมะเริ่มโปรยปรายลงมาอีกครั้งเฉินฝานมองแวบเดียวก็เห็นอ๋องตวนที่ยืนอยู่หน้าขุนนางทั้งหมด อ๋องตวนไม่มีท่าทางเมามายเหมือนก่อนหน้านี้แล้วผมที่เดิมทีขาวแค่ครึ่งเดียว ตอนนี้ขาวโพลนไปหมดแล้ว ใบหน้าเต็มไปด้วยความโศกเศร้าลูกเขยจากไปแล้วท่ามกลางเพลิงไหม้อย่างรุนแรงเมื่อไม่กี่วันก่อน อีกทั้งยังสูญเสียบุตรีไปอีกสองคนนี่ก็คือคนผมขาวส่งศพคนผมดำสินะเฉินฝานเห็นแล้วรู้สึกประทับใจเล็กน้อยแม้ว่าพ่อตาที่โผล่มาตอนครึ่งทางผู้นี้ของเขา ปกติจะชอบดื่มเหล้า และเป็นคนที่ดูไม่น่าเชื่อถืออย่างมาก แต่ก็ปฏิบัติกับเขาดีมากจริง ๆ จนไม่มีอะไรจะพูด อีกไม่นาน อีกไม่นาน เขาก็ไม่ต้องเสียใจแล้วส่วนบนพระที่นั่งมังกรที่อยู่ไกล ๆ... ว่างเปล่าไม่
“วันที่แปดแล้วเจ้าค่ะ พรุ่งนี้เป็นวันสุดท้าย นายท่าน คนข้างนอกพวกนั้นด่าท่านมาแปดวันแล้ว ท่านยังอารมณ์ดีทนได้ แต่ข้าทนไม่ไหวแล้วนะเจ้าคะ”ฉินเย่ว์เจียวรู้สึกน้อยอกน้อยใจ นางกำหมัดแน่นมาหลายวันแล้ว แต่เฉินฝานสั่งให้เย่ว์หนูคอยดูแลนาง นางจึงทำได้เพียงงอนอยู่ที่บ้าน“เจ้าลดเสียงหน่อย จินเป่าเพิ่งจะหลับไปนะ!”เฉินฝานวางจินเป่าที่ไม่ง่ายเลยกว่าจะกล่อมให้นอนหลับลงบนเตียง จากนั้นก็เดินไปที่ริมหน้าต่าง ฟังเสียงด่าทอจากข้างนอกเสิ่นหมิงหยวนตั้งใจปล่อยให้ชาวบ้านในเซียนตูก่นด่าเฉินฝาน อยากจะทำให้เฉินฝานชื่อเสียงฉาวโฉ่เฉินฝานฟังชาวบ้านในเซียนตูด่าทอตนเอง เพื่อให้พวกเสิ่นหมิงหยวนสูญเสียความระแวดระวัง ชาวบ้านยิ่งด่ารุนแรงและยิ่งด่านานเท่าไร ความระแวดระวังของเสิ่นหมิงหยวนก็จะยิ่งหย่อนยานลง เชื่อว่าเขาตายไปแล้วจริง ๆแววตาของเฉินฝานเย็นชาขึ้นมาทีละนิด“พรุ่งนี้ข้าก็จะ ‘ถูกฝัง’ ได้แล้ว” พรุ่งนี้...ทุกอย่างจะกลับคืนสู่ที่ของมัน ไม่สิควรพูดว่าพรุ่งนี้เขาจะกลายเป็นอัครมหาเสนาบดีฝ่ายซ้ายของต้าชิ่งอย่างเป็นทางการหลังจากอยู่ในเมืองหลวงมาหนึ่งปีกว่า ในที่สุดเขาก็ได้ยืนอยู่บนตำแหน่งเดิมของซูซิว
“วันนั้นไฟไหม้ลานบ้านรุนแรงมากถึงเพียงนั้น รอบด้านถูกเราพวกเราห้อมล้อมไว้เป็นชั้น ๆ อย่าว่าแต่คนตายเลย ต่อให้เป็นมดสักตัวก็ไม่สามารถหนีออกมาจากลานบ้านนั้นได้ หรือว่าจู่ ๆ เฉินฝานจะกลายเป็นถู่สิงซุนขุดดินหนีออกไปแล้ว”“พรืด!” เลขาธิการกรมพิธีการหลิวเกาจัวที่ยืนอย่างเชื่อฟังอยู่ทางด้านข้างเหมือนกับสุนัขพลันอดหัวเราะออกมาไม่ได้ เมื่อเสิ่นหมิงหยวนกับเสิ่นหยวนเลี่ยงมองมาทางเขา เขาก็รีบอธิบาย “ข้าน้อยคิดว่าต่อให้เฉินฝานกลายเป็นถู่สิงซุนขุดลงไปใต้ดิน เช่นนั้นก็คงโดนเผาจนสุกอยู่ดี ตอนนี้น่าจะเปลี่ยนจากถู่สิงซุนไปเป็นหนูสุกแล้วขอรับ” หลิวเกาจัวพูดประจบมากมายขนาดนั้น ในที่สุดครั้งนี้เขาก็ประจบถูกจุดแล้วเมื่อได้ยินคำพูดของหลิวเกาจัว เสิ่นหมิงหยวนก็อารมณ์ดีขึ้นในพริบตาใช่แล้ว ไฟไม้แรงขนาดนั้น ต่อให้เฉินฝานสามารถขุดลงไปใต้ดินได้ก็คงโดนเผาจนสุกไปแล้ว“เจ้าไปเถิด!” เสิ่นหมิงหยวนที่อารมณ์ดีมากยกมือขึ้นมาโบกทีหนึ่งแล้วพูดกับหลิวเกาจัวว่า “รัฐพิธีศพของท่านอัครมหาเสนาบดีเบื้องซ้ายจะหยุดไม่ได้ เจ้าไปเชิญนักพรตที่ดีที่สุดในเซียนตูมา จะต้องทำพิธีอุทิศส่วนกุศลดี ๆ ให้ท่านอัครมหาเสนาบดีเบื้องซ้
...เฉินฝานไม่ทันได้รับคำตอบจากเมี่ยวอวี่ เขาก็รู้สึกว่ามีวัตถุร่วงลงมาบนฝ่ามือ จี้หยกในมือเมี่ยวอวี่หล่นลงมาบนฝ่ามือของเฉินฝาน“เมี่ยวอวี่ เมี่ยวอวี่!” ไม่ว่าเฉินฝานจะเรียกอย่างไร โฉมงามในอ้อมแขนก็ไม่มีการตอบสนองเลยตั้งแต่ต้นจนจบนางหลับตา มุมปากยังคงยกยิ้มเล็กน้อยราวกับเจ้าหญิงที่หลับใหลไปพร้อมกับความฝันอันงดงามในหนังสือนิทาน...“คุณหนู!” แม่นมชางร้องไห้พลางโผเข้ามา คุกเข่าอยู่ข้างกายเฉินฝาน ปากก็พึมพำซ้ำ ๆ ว่า “ท่านสาบานตั้งแต่เด็กว่าอยากจะสังหารบุรุษใน ใต้หล้าให้หมด สุดท้ายกลับยังคงตายเพื่อบุรุษ”จากคำพูดของแม่นมชาง เฉินฝานค่อย ๆ เข้าใจแล้วว่าตำหนักเซียวเหยาเป็นองค์กรที่สังหารบุรุษโดยเฉพาะ เดิมทีเฉินฝานอยากจับแม่นมชางเพื่อมาสอบสวน ผลปรากฏว่าแม่นมชางกินยาพิษฆ่าตัวตายไปก่อนแล้วตอนที่ขุดหลุมฝังศพเมี่ยวอวี่ เฉินฝานพลันนึกเรื่องหนึ่งขึ้นมาได้“เจี้ยนหวง?” เฉินฝานหันหน้าไปถามเซียนเจี้ยนหวงที่อนู่ทางด้านข้าง “ท่านรู้เรื่องตำหนักเซียวเหยา และรู้ว่าตำหนักเซียวเหยาอยู่ที่ใดใช่หรือไม่?” “ขะ ข้า...” เซียนเจี้ยนหวงดึงรากหญ้าออกจากมุมปาก “ตำหนักเซียวเหยานั้นออกจะลึกลับ ข้าจะไ
“นายท่าน...ถอดผ้าคลุมหน้า...ของข้าเถิด” เมี่ยวอวี่นอนอยู่ในอ้อมกอดของเฉินฝาน อ่อนแรงจนกระทั่งไม่มีแรงที่จะลืมตาแล้วแต่ดูออกได้จากแววตาที่ส่องประกายวิบวับ นางแทบจะรอไม่ไหวแล้ว ร้อนใจอยากจะเป็นภรรยาของเฉินฝานนางเคยคิดว่าบนโลกใบนี้นางคงจะหาบุรุษที่ถอดผ้าคลุมหน้าของนางไม่ได้แล้ว พระเจ้าช่วย สุดท้ายเขาก็ยังไม่ใจร้ายกับนางมากเกินไปนางรอคอยจนได้เจอกับบุรุษที่มีคุณสมบัติเหมาะสมเฉินฝานถอนหายใจ “ถ้าเกิดโลกนี้มีการเวียนว่ายตายเกิดจริง ๆ หากชาติหน้ามีจริง เจ้าเจอข้าแล้วอย่าได้โง่งมแบบนี้อีก เข้าใจหรือไม่?” ในฐานะที่เป็นคนยุคปัจจุบัน เติบโตมาพร้อมกับการเรียนรู้วิทยาศาสตร์และเทคโนโลยียุคปัจจุบัน เฉินฝานคิดว่าคำพูดนี้ของตัวเองน่าขันมากแต่ส่วนลึกภายในใจยังคงหวังว่าวิทยาศาสตร์จะไม่สามารถพิสูจน์ได้ทุกสิ่ง หวังว่าจะมีการกลับชาติมาเกิดใหม่ “ได้!” เมี่ยวอวี่พยักหน้าอย่างว่าง่าย เฉินฝานเอามือวางไว้ที่ด้านหลังหูของเมี่ยวอวี่ จากนั้นก็กระตุกเชือกสีแดงบนหูเบา ๆ ผ้าสีแดงที่ปกปิดใบหน้าครึ่งหนึ่งของเมี่ยวอวี่ก็เลื่อนหลุดลงมาสิ่งแรกที่ปรากฏเข้ามาในสายตาของเฉินฝานคือ ปลายจมูกอันงดงาม ดั
“เหตุใดเจ้าถึงได้โง่เง่าเช่นนี้? อะไรคือข้ารอดแล้วเจ้าต้องตาย!” เฉินฝานด่าอย่างรุนแรงมากเฉินฝานรำคาญกฎเกณฑ์ที่ว่ามีเจ้าไม่มีข้าเช่นนี้มากเลย คนเรามีชีวิตอยู่บนโลกใบนี้ก็เพื่อที่จะฝืนเปลี่ยนชะตาชีวิตต่อให้สุดท้ายไม่สามารถเปลี่ยนแปลงชีวิตได้จริง ๆ อย่างน้อยก็พยายามสู้ให้ถึงที่สุด ไม่ให้ตัวเองหลงเหลือความเสียใจเมี่ยวอวี่ผู้นี้ไม่มีแม้กระทั่งดิ้นรนต่อสู้เลยเขาโกรธมากจริง ๆหากเมี่ยวอวี่เชื่อใจเขาได้ บอกเรื่องราวทุกอย่างกับเขาตามความเป็นจริง นางจะเดินมาถึงเส้นทางนี้ได้อย่างไร ตั้งแต่ที่ติดอยู่ในกระท่อมหิมะ เขาก็ให้โอกาสนางสารภาพความจริงมาโดยตลอด แต่ไม่เคยคิดเลยว่านางจะเลือกเช่นนี้ตรงหน้าอกของเมี่ยวอวี่เป็นสีแดงเพลิง นั่นเป็นการย้อมจนเป็นสีแดงสด ผ้าแพรสีขาวที่ผูกไว้บนใบหน้าก็ถูกย้อมจนเป็นสีแดงเช่นเดียวกัน เลือดไหลออกมาจากในร่างกายเยอะมาก ซึมออกมาจากในปากของนางแล้ว ต้องเจ็บมากแน่ ๆ หางตาของเมี่ยวอวี่กลับยกขึ้นเล็กน้อย “อยู่ต่อหน้าเจ้า มีใครที่ไม่โง่ได้หรือ?”“แต่เจ้าก็ยังโง่ไม่พอ ภารกิจของเจ้าคือการลอบสังหารฆ่าไม่ใช่หรือ อยากจะฆ่าข้าให้ตายไม่ใช่หรือ? ฮึดสู้ขึ้นมาสิ!”เฉินฝา
“คุณหนู พวกเขา...”“นี่เป็นคำสั่ง!” เมี่ยวอวี่ตัดบทหญิงชราด้วยเสียงเฉียบขาด “เปิดเครือข่ายใต้ดินในเมืองเซียนตูเดี๋ยวนี้เลยนะ!”“ว้าว!”เซียนเจี้ยนหวงพุ่งปราดเข้าไป ถามเมี่ยวอวี่ด้วยความตื่นเต้นว่า “แม่หนูน้อย ในเมืองเซียนตูมีเครือข่ายใต้ดินตำหนักเซียวเหยาของพวกเจ้าจริง ๆ หรือ”ดวงตาของชายชราเปล่งประระยิบระยับ เขาเคยได้ยินมานานแล้วว่าตำหนักเซียวเหยามีเครือข่ายใต้ดินอยู่ในเมืองใหญ่มากมาย เขาสงสัยใคร่รู้มากจริง ๆ รีบร้อนอยากจะเห็นเมี่ยวอวี่ผงกศีรษะเล็กน้อย เสียงฟังดูล่องลอย “รบกวนท่านพาพวกเขาเข้ามาด้วย”“ได้เลย ๆ!”เซียนเจี้ยนหวงวิ่งไปหาเฉินฝานอย่างเบิกบานใจ “เจ้าหนู ยังจะอึ้งอยู่ทำไม? เมี่ยวอวี่จะเปิดเครือข่ายใต้ดินแล้ว พวกเรารอดแล้ว!” แม้ว่าในใจยังคงมีความสงสัย แต่ตอนนี้ไม่มีทางอื่นแล้ว เฉินฝานพาภรรยาและลูกตามหลังเซียนเจี้ยนหวงเข้าไปในห้องอีกครั้งหญิงชรากวาดตามองพวกเฉินฝาน ก่อนจะหันไปถามเมี่ยวอวี่อย่างจริงจังว่า “คุณหนู ท่านรู้ไหมว่าตอนนี้ท่านกำลังทำอะไรอยู่?”“ข้าจะทำอะไร?” เสียงของเมี่ยวอวี่ฟังดูคลุมเครือ แต่ว่ามีความเด็ดเดี่ยวอย่างยิ่ง “ไม่ต้องให้แม่นมชางมาเตือนหรอ