แชร์

บทที่ 145

ผู้เขียน: เฉินเจียเสี่ยวเกอ
“ไม่ต้องรู้สึกลำบากใจ ถ้าไม่มีท่านปู่กับท่านย่าของเจ้า ข้าจะได้แต่งงานกับภรรยาสวยงามดั่งดอกไม้เช่นพวกเจ้าได้อย่างไร”

“ต่อให้เป็นทองคำหนึ่งหมื่นตำลึงข้าก็ยอม ไม่ต้องพูดถึงข้าวสารและบะหมี่เล็กน้อยเหล่านี้หรอก ที่สำคัญภรรยาตัวน้อยผู้น่ารักที่อยู่ใกล้ข้าที่สุดคนนี้!”

เฉินฝานใช้นิ้วชี้แตะจมูกของฉินเย่ว์โหรว “ยังแอบจูบข้าเป็นครั้งคราว มีภรรยาน่ารักเช่นนี้ ข้า......”

“นายท่าน ท่าน ท่านพูดจาไร้สาระอีกแล้วนะเจ้าคะ”

ฉินเย่ว์โหรวปิดหน้าอย่างเขินอาย

นายท่านทำเช่นนี้ได้อย่างไร เสียวฉู่ยังอยู่ตรงนี้

“เสียวฉู่ เจ้าว่าข้าพูดถูกหรือไม่?”

“ขะ ข้าจะไปรู้พวกท่านได้อย่างไร”

ฉินเย่ว์ฉู่ดึงม่านแล้ววิ่งออกไปนั่งข้างฉินเย่ว์เจียวข้างนอก

เฉินฝานหัวเราะและเอนตัวลงบนรถม้า

“นายท่านแกล้งพี่สี่ของเจ้าอีกแล้วใช่หรือไม่?”

เมื่อเห็นฉินเย่ว์ฉู่ ฉินเย่ว์เจียวก็เอ่ยถามลอย ๆ ขณะขับรถม้า

“พี่สาม พี่หมายความว่า……” ฉินเย่ว์ฉู่ลังเลครู่หนึ่ง “นายท่านทำเช่นนี้ประจำหรือเจ้าคะ?”

ฉินเย่ว์เจียวพยักหน้า “ใช่ บ่อยมาก! นายท่านดูเหมือนจะชอบเห็นพี่สี่ของเจ้าเขินอาย เขาเลยหยอกล้อนางอยู่บ่อยครั้ง”

“เมื่อก่อน เขาไม่เป็นเช่นนี
บทที่ถูกล็อก
อ่านต่อที่ GoodNovel
สแกนรหัสเพื่อดาวน์โหลดแอป

บทที่เกี่ยวข้อง

  • เขยอันดับหนึ่งของจักรพรรดิ   บทที่ 146

    ตอนเปิดม่านเมื่อครู่นี้ นางตั้งใจลงมาด้วยตัวเอง แต่กลับถูกเฉินฝานที่ลงไปก่อนอุ้มลงมาเฉินฝานไม่ได้คิดมาก ในสายตาของเขา ฉินเย่ว์ฉู่ก็ไม่ต่างกับเอ้อร์ยา รถม้าสูงเล็กน้อยเขาเลยอุ้มลงมาโดยตรง“ขะ ข้าไม่ได้อนุญาต เขาทำไปเรื่อย”ใบหน้าของฉินเย่ว์ฉู่แดงเล็กน้อย นางก้มศีรษะและดึงมุมเสื้ออยู่อย่างนั้น“พี่ฝานเป็นคนดีขนาดนั้น ได้แต่งงานกับเขา นับว่าเป็นเรื่องที่ดีนะ”“พี่สะใภ้!”ทันใดนั้น เอ้อร์ยาก็คว้ามือของฉินเย่ว์ฉู่ฉินเย่ว์ฉู่ดึงกลับโดยสัญชาตญาณ และถ้าเอ้อร์ยาไม่พูดเร็วกว่านี้ นางคงโยนเอ้อร์ยาลงไปที่พื้นแล้วลวี่ซิงฟาเคยหาคนมาฝึกให้นาง นางจึงรู้วิธีที่หลบหนีและสู้กลับอยู่บ้างเอ้อร์ยากล่าว “เราไปเล่นกันเถอะ!”ดวงตาเล็ก ๆ เป็นประกาย ไม่มีสิ่งเจือปนใด ๆ อยู่ในนั้น“อื้ม!” ฉินเย่ว์ฉู่ยังพูดไม่จบ เอ้อร์ยาก็คว้านางวิ่งเข้าไปในสวนและเริ่มเล่นโยนถุงหอมช่วงเทศกาลแข่งเรือมังกร[footnoteRef:1] ของทุกปี ไม่ว่าจะเป็นครอบครัวยากจนหรือร่ำรวย ผู้ใหญ่จะเตรียมถุงหอมสำหรับลูก ๆ ของตนเสมอ [1: เทศกาลแข่งเรือมังกร หรือที่เรียกว่า เทศกาลไหว้บ๊ะจ่าง เป็นการระลึกถึงวันที่คุดก้วนกวีผู้รักชาติแห่งรัฐฉู่

  • เขยอันดับหนึ่งของจักรพรรดิ   บทที่ 147

    “นายท่าน เป็นอะไรหรือไม่เจ้าคะ?”ฉินเย่ว์โหรวที่นั่งอยู่ข้าง ๆ เฉินฝาน รีบลูบหลังให้เขา“ข้าไม่เป็นไร ๆ!”เฉินฝานปัดมือแล้วมองฉินเย่ว์ฉู่ที่มีใบหน้าแดงระเรื่อ “ต่อจากนี้ไป เรียกว่าเสียวฉู่เถอะ”คำพูดประโยคนี้ เขาไม่เพียงพูดกับนางเจิ้งเท่านั้น แต่ยังเป็นการพูดกับทุกคนเขาตัดสินใจให้อิสระแก่ฉินเย่ว์ฉู่อีกไม่กี่ปีข้างหน้า นางอยากแต่งงานกับใคร ให้นางเป็นคนเลือกเองนางเจิ้งย่อมเข้าใจความนัยของคำพูดของเฉินฝาน นางจึงยิ้มและกล่าว “เช่นนั้นก็เรียกว่าเสียวฉู่ เสียวฉู่ฟังดูดีเหมือนกัน”ฉินเย่ว์เจียวกับฉินเย่ว์โหรวฟังออกเหมือนกัน ฉินเย่ว์เจียวเป็นคนใจร้อน“นายท่าน ท่านไม่ต้องการเสียวฉู่แล้วหรือเจ้าคะ? หรือเพราะว่านาง……”หรือเพราะว่านางเคยเป็นขโมยมาก่อนนี่คือสิ่งที่ฉินเย่ว์เจียวไม่ได้พูดออกมาฉินเย่ว์ฉู่ก้มหัวลงและไม่พูดอะไรท้ายที่สุดแล้ว นางก็ถูกรังเกียจ“เสี่ยวฝาน เสียวฉู่นาง……”แม้แต่เฉินผิงยังกล่าว “รูปร่างผอมไปเล็กน้อย แต่ลุงมองแล้วคิดว่านางเป็นเด็กฉลาด หากดูแลอย่างดีสักสองสามปี นางจะกลายเป็นหญิงงามที่โดดเด่นอย่างแน่นอน”ความจริง เฉินผิงอยากพูดว่า เขาหวังว่าเฉินฝานจะไม่รังเก

  • เขยอันดับหนึ่งของจักรพรรดิ   บทที่ 148

    ครอบครัวฝ่ายหญิงของสามพี่น้อง ไม่เพียงแต่ไม่มีการส่งข้าว แป้งและเงิน แต่ยังให้เฉินฝานช่วย สามพี่น้องนี้ก็กล้ารับจริง ๆ ช่างหน้าด้านเหลือเกินแท้จริงแล้ว สิ่งที่ชาวบ้านพูดนั้นถูกต้อง พวกนางไม่มีสินเดิมติดตัว ปกติครอบครัวฝ่ายหญิงของพวกนางก็ไม่เคยมีใครส่งอะไรมาให้เลย ถ้าไม่ใช่เพราะเฉินฝานสมัยก่อนเลวทรามมากก่อนที่เฉินฝานจะตกลงไปในหุบเขา น้ำลายของคนในหมู่บ้านคงสูงท่วมตัวพวกนาง ไม่ใช่เฉินฝานเฉินฝานมองด้วยความโกรธ “พวกเจ้าเก็บคำพูดเมื่อครู่นี้ของคนในหมู่บ้านมาใส่ใจใช่หรือไม่ ถือไว้!”เฉินฝานยัดถุงเงินใส่มือของฉินเย่ว์โหรว “เงินเหล่านี้ไม่ได้ให้เจ้าเสียหน่อย ให้ท่านปู่กับท่านย่าของเจ้าต่างหาก เจ้าพูดตั้งหลายครั้งไม่ใช่หรือว่า”“ขาของท่านปู่ไม่ดี ตาของท่านย่าไม่ดี ตอนนี้พวกเขาอายุมากขนาดนี้ สุขภาพก็ยังย่ำแย่ขนาดนี้ แล้วเจ้ามีใจที่จะปล่อยให้คนแก่สองคน ใช้ร่างกายที่อ่อนแอและอายุมากไปทำงานลำบากในฤดูหนาวเพื่อความอยู่รอดเช่นนั้นรึ?”เย่ว์โหรวเจ็บจี๊ดที่จมูกนางอยากบอกว่าท่านปู่กับท่านย่ามีเงินเก็บอยู่บ้างแต่เมื่อคิดดูแล้ว เงินออมของท่านปู่กับท่านย่าทั้งหมดถูกนำมาใช้เป็นสินสอดตอนพวกนางแต่ง

  • เขยอันดับหนึ่งของจักรพรรดิ   บทที่ 149

    หลังคาเป็นกระเบื้อง แต่ปูไว้บางมากและมีกระเบื้องหลายแผ่นที่ผุพัง วันที่ฝนตก ข้างนอกฝนตกหนัก ข้างในฝนตกโปรยปรายแน่นอนเมื่อถึงฤดูร้อน ทนสักหน่อยเดี๋ยวก็ผ่านไป แต่เมื่อถึงฤดูหนาวคงลำบากไม่น้อย เรือนที่มีช่องลมเต็มไปหมดนี้ต้องหนาวแน่ ๆไม้เน่าบางส่วนถูกนำมาทำเป็นรั้วรอบบ้าน เมื่อมองผ่านรั้วจะเห็นลานสวนที่เป็นหลุมเป็นบ่อมุมหนึ่งของสวน เสื้อผ้าสองสามชิ้นที่ตากไว้ก็เป็นเสื้อผ้าที่มีการปะอีกสองหลังที่อยู่ติดกับเรือนอิฐดินหลังนี้ดูดีกว่ามากแม้ว่าจะเป็นเรือนทำจากอิฐดินทั้งหมด แต่ก็เป็นของใหม่ กระเบื้องบนหลังคาก็ปูไว้อย่างหนากระเบื้องเหล่านั้นไม่ดีเท่ากับที่เฉินฝานสั่งกับโรงเผา คงเผาด้วยตนเองท่าทางของสามพี่น้องตระกูลฉิน ไม่มีการเปลี่ยนแปลงมันคงเป็นแบบนี้ตั้งแต่ก่อนออกเรือนฉินเย่ว์โหรวผลักประตูที่ทำจากไม้กระดานเก่าหลายแผ่นฉินเย่ว์เจียวเดินเข้าไปคนแรก“ท่านปู่ ท่านย่า!”ฉินเย่ว์โหรวกับฉินเย่ว์ฉู่เดินตามเข้าไป และเอ่ยเรียกท่านปู่กับท่านย่าเหมือนกันไม่มีใครตอบพวกนาง ภายในเรือนเงียบสงบฉินเย่ว์ฉู่ที่มือเท้าว่องไววิ่งดูห้องสามห้องในพริบตาเดียว “ท่านปู่กับท่านย่าไม่อยู่ที่เรือน!”

  • เขยอันดับหนึ่งของจักรพรรดิ   บทที่ 150

    ฉินเต๋อโห่วและนางไป๋ไม่เคยเห็นเฉินฝานมาก่อน ตอนนั้นทางการส่งสามพี่น้องไปที่หมู่บ้านซานเหอโดยตรงหลังจากสามพี่น้องไปถึงหมู่บ้านซานเหอ หากไม่ได้รับอนุญาตจากหลานเขย ประกอบกับครอบครัวยังขาดแคลนเงินมากและไม่มีของอะไรให้ คนชราสองคนจึงไม่เคยไปหมู่บ้านซานเหออยากเห็นหลานสาว ทำได้เพียงอดทนเมื่อไปหาไม่ได้ ก็ถามไถ่จากคนหลายคนเมื่อได้ยินว่าฉินเย่ว์ฉู่ไม่อยู่ในหมู่บ้านซานเหออีกต่อไป นางไป๋ร้องไห้จนเป็นลมพวกเขาเข้าใจดี ถ้าไม่อยู่ในหมู่บ้านซานเหอก็แสดงว่าถูกเฉินฝานขายแล้วทุกวันนี้ ผู้ชายขายภรรยานั้นเป็นเรื่องปกติที่พบได้ทั่วไปดังนั้น เมื่อฉินเต๋อโห่วเห็นฉินเย่ว์ฉู่ เขาจึงตื่นเต้นมากฉินเต๋อโห่วกลัวนางไป๋เสียใจ จึงไม่กล้าถามข่าวคราวอีกภายหลัง เขาทนคำวิงวอนของนางไป๋ไม่ไหว หลังผ่านไปครึ่งปีฉินเต๋อโห่วเริ่มถามไถ่อีกครั้ง แต่ผลลัพธ์ที่ได้รับในครั้งนี้คือเฉินฝานไม่ให้ฉินเย่ว์เจียวและฉินเย่ว์โหรวกินข้าว และยังทุบตีฉินเย่ว์โหรวจนขาหักหลังจากได้ยินข่าว นางไป๋ถึงกระทั่งล้มป่วยอาการหนัก หากฉินเต๋อโห่วไม่บอกนางว่าถ้านางจากไปตอนนี้ เมื่อหลาน ๆ ของนางกลับมาแล้วไม่เห็นนาง พวกนางคงจะเสียใจมากที่จา

  • เขยอันดับหนึ่งของจักรพรรดิ   บทที่ 151

    “ท่านย่า พี่สามไม่ได้หลอกลวงท่าน” ฉินเย่ว์โหรวรีบอธิบายทันที “ตอนนี้นายท่านไม่เฆี่ยนพวกข้าแล้ว แถมยังหาเงินได้มากขึ้นอีกด้วย ท่านย่า ท่านดูสิ!”ฉินเหย่ว์โหรวกระชับเสื้อนวมนุ่มยัดฝ้ายละเอียดบนร่างกายให้เข้าหาตัวน้ำเสียงของนางฟังดูผ่อนคลายและมีความสุขมาก“เนื้อผ้าของเสื้อตัวนี้เป็นฝ้ายใยละเอียดอย่างดี เป็นเสื้อที่นายท่านเพิ่งซื้อให้พวกข้า ไม่เพียงแค่บนตัวของข้าเท่านั้น เสื้อผ้าบนตัวของพี่สามและน้องโหรวต่างก็ทำจากเนื้อผ้าใหม่เอี่ยมประเภทนี้ทั้งสิ้น”“ฝ้ายใยละเอียดเช่นนั้นหรือ?”“ใช่ ท่านย่า ท่านดูสิ!”สายตาของนางไป๋ค่อนข้างพร่ามัว ฉินเย่ว์โหรวจึงยกแขนขึ้นมาตรงหน้าของนาง ในขณะที่นางไป๋กำลังเพ่งพินิจอยู่นั้น จู่ ๆ ก็ถูกฉินเต๋อโห่วที่เดินเข้ามาตัดบทเสียอย่างนั้นในมือของฉินเต๋อโห่วถือถุงผ้าที่เต็มไปด้วยรอยเย็บปะใบหนึ่ง เดินเข้ามาหยุดยืนตรงหน้าเฉินฝาน จากนั้นก็ยื่นถุงผ้าที่เต็มไปด้วยรอยเย็บปะนั้นให้เขาเฉินฝานมองถุงผ้าด้วยสีหน้าสงสัยและไม่ยอมยื่นมือออกไปรับฉินเย่ว์โหรวยืนขึ้นด้วยสายตาคมกริบ “ท่านปู่ ตอนนี้ในบ้านของพวกข้ามีข้าวสารมากพอแล้ว ท่านไม่ต้องเอามาให้พวกข้าแล้วล่ะ”ฉินเต๋อโ

  • เขยอันดับหนึ่งของจักรพรรดิ   บทที่ 152

    “พวกเจ้าเร่งมือหน่อย ข้าได้ยินมาว่าพวกเขาเข้ามาในบ้านแล้ว!”เสียงของฉินเต๋อโห่วยังไม่ทันสิ้นสุด ก็มีเสียงสาปแช่งด่าทอดังมาจากข้างนอก ตามมาด้วยการปรากฎตัวของบุรุษสองคนและสตรีสองคนในมือของพวกเขามีทั้งไม้คานหาบ พลั่วขุดดิน ไม้กวาด ไปจนถึงมีดทันทีที่เข้ามาก็จ้องเขม็งไปยังเฉินฝานด้วยสายตาดุดันโหดร้ายฉินเย่ว์เจียวปกป้องน้องสาวทั้งสองคนไว้ด้านหลังด้วยสัญชาตญาณ“ท่านลุง ท่านป้า.......”“ใครคือลุงและป้าของเจ้า!”สิ้นสุดเสียงของฉินเย่ว์เจียว บุรุษที่ยืนอยู่ด้านหน้าสุดในบรรดาทั้งสี่คนก็ตะโกนด่าเสียงดังเขาคือลุงรองของพี่น้องตระกูลฉิน ฉินไฉจิน“หญิงที่เกิดมาก็เลี้ยงเสียข้าวสุกอย่างพวกเจ้า ใครใช้ให้กลับมาไม่ทราบ รีบไสหัวออกไปจากบ้านของข้าเดี๋ยวนี้ ไม่อย่างนั้น.....”“ไม่อย่างนั้นจะทำไม?”เฉินฝานพูดต่อจากคำพูดของฉินไฉจินด้วยน้ำเสียงเรียบเฉย“อย่างไรเล่า?” ฉินไฉจินแกว่งมีดทำครัวในมือไปมา“ไฉจิน”ฉินเต๋อโห่ววิ่งมาตรงหน้าของเฉินฝาน รีบอธิบายให้กับฉินไฉจินเข้าใจ “พวกเขาแค่คิดถึงพวกข้า กลับมาเยี่ยมพวกข้าเท่านั้น”“เยี่ยมพวกท่านเช่นนั้นหรือ?” นางเย่ภรรยาของฉินไฉจินเค้นเสียงออกมา ก่อนจะกล

  • เขยอันดับหนึ่งของจักรพรรดิ   บทที่ 153

    เฉินฝานกำเหรียญทองแดงห้าเหรียญไว้ในมือแน่น นี่คือเหรียญทองแดงที่ฉินเต๋อโห่วยัดใส่มือของเขา เขายังไม่ทันจะคืนให้อีกฝ่าย คนพวกนี้ก็ถลันเข้ามาเสียก่อนนางเย่ชำเลืองมองมือของเฉินฝาน นัยน์ตาพลันฉายแววโลภออกมา “เงิน ต้องเป็นเหรียญเงินแน่ ๆ!”นางเดินเข้าไปหมายจะแย่งมันมาจากมือของเฉินฝาน“เจ้าจะทำอะไร?”น้ำเสียงของเฉินฝานเรียบเฉย แต่นัยน์ตากลับคมกริบดุจมีดนางเย่ที่ดูโอหังและเย่อหยิ่งพลันหยุดชะงัก จากนั้นก็มองเฉินฝานอยู่ที่เดิมไม่กล้าก้าวเท้าต่อสายตาของชายผู้นี้น่ากลัวยิ่งนักแม้ว่าร่างกายจะไม่ขยับ แต่ปากกลับไม่ยอมแพ้ ยังคงพล่ามวาจาเหน็บแนมออกมา“บางคนอายุยังไม่ถึงยี่สิบปี ทั้งยังหนุ่มยังแน่น แต่ดันมีภรรยาอายุเท่ากันหลายคน จนเลี้ยงดูไม่ไหว ถึงได้บากหน้ากลับมาขอเงินจากสองเฒ่า ถ้าเป็นข้าคงเอาหัวโขกกำแพงตายไปแล้ว ไหนเลยจะกล้ามีหน้าใช้ชีวิตอยู่บนโลกนี้ต่อ”“ถุย!” นางเย่ถ่มน้ำลายลงบนพื้น “ขยะ!”“ว่าใครขยะ พูดดี ๆ นะ!”ฉินเย่ว์เจียวเดินขึ้นหน้า จ้องมองนางเย่ด้วยสายตาเย็นเยือกด่าทอว่าพวกนางเป็นผู้หญิงขาดทุน นางทนได้ แต่ว่าเฉินฝานว่าเป็นขยะ นางทนไม่ได้เพียงแต่เขาไม่ใช่เฉินฝานคนเดิมอีกแ

บทล่าสุด

  • เขยอันดับหนึ่งของจักรพรรดิ   บทที่ 990

    หลิวเกาจัวที่ระมัดระวังตัวสังเกตสีหน้าของแคว้นอื่นมานาน ชินกับโดนกดขี่โดนรังแกมาตั้งนานแล้ว ดังนั้นเมื่อครู่นี้แคว้นจ้าวบอกว่าจะคืนเมืองเฟิ่งหวงให้แลกกับเงินสิบล้านตำลึง หลิวเกาจัวจึงดีใจมากจริง ๆ“ใช่! ค่ายึดครองสิบล้านตำลึง ต้องไม่ขาดแม้แต่แดงเดียว!” เสียงของเฉินฝานเด็ดเดี่ยวมั่นคง“ขอรับ ใต้เท้า ข้าน้อยจะไปเดี๋ยวนี้”หลิวเกาจัวเดินไปที่โถงด้านข้างด้วยความรู้สึกกระวนกระวายใจสุดขีดเพื่อเจรจากับทูตของแคว้นจ้าวต่อ ไม่นานนัก หลิวเกาจัวกลับมาพร้อมกับสีหน้าที่ดูย่ำแย่มาก“ใต้เท้า ฝ่าบาท แคว้นจ้าวไม่ยอมตกลง ยืนกรานว่าจะเอาสิบล้านตำลึงให้ได้ มิเช่นนั้นทหารของแคว้นจ้าวจะไม่ยอมถอนตัว นอกจากนี้...”หลิวเกาจัวมองเฉินฝานแวบหนึ่ง “แคว้นจ้าวพูดอีกว่าเงินสิบล้านตำลึงนี้จะขาดแม้แต่แดงเดียวไม่ได้” เมื่อฟังคำพูดของหลิวเกาจัวจบ เสิ่นหมิงหยวนที่เงียบมาตลอดก็ยกมุมปากขึ้นเล็กน้อยเป็นอัครเสนาบดีเบื้องซ้ายได้ไม่กี่วัน โชคดีเอาชนะศึกกับแคว้นหลู่มาได้ก็คิดว่าตนเองยิ่งใหญ่เสียแล้ว“นี่แคว้นจ้าวรังแกกันเกินไปแล้วจริง ๆ หลิวเกาจัว ท่าทีรับปากลูกเดียวของเจ้าเช่นนี้จะไปเจรจาได้อย่างไร?”เสิ่นหมิงหยวนตำ

  • เขยอันดับหนึ่งของจักรพรรดิ   บทที่ 989

    “เงื่อนไขอะไรกัน? ท่านจงรีบกล่าวมา ฝ่าบาทย่อมทรงตัดสินพระทัยได้” เสิ่นหมิงหยวนกล่าว“ทูตจากแคว้นจ้าวกล่าวว่า ช่วงเวลาที่ผ่านมาเมืองเฟิ่งหวงตกอยู่ในความวุ่นวาย โจรผู้ร้ายชุกชุม ประชาชนอยู่กันอย่างทุกข์ยากลำบาก มีชาวเมืองเฟิ่งหวงไปขอร้องฮ่องเต้จ้าวที่แคว้นจ้าว ฮ่องเต้จ้าวทรงมีเมตตา เมื่อเห็นว่าต้าชิ่งกับแคว้นหลู่กำลังทำสงครามกัน ไม่มีเวลาว่างมาดูแล จึงดูแลแทนให้ชั่วคราว”“หลังจากแคว้นจ้าวเข้ามาดูแลเมืองเฟิ่งหวงก็ได้ทุ่มกำลังทหารและทรัพย์สิน แก้ไขสถานการณ์ความวุ่นวายและความเป็นอยู่ที่ยากลำเค็ญของประชาชนเมืองเฟิ่งหวง”“ตอนนี้ขอเพียงต้าชิ่งของเรายินดีมอบเงินสิบล้านตำลึงเงินให้แก่แคว้นจ้าว จ้าวป๋อก็จะคืนเมืองเฟิ่งหวงให้แก่ต้าชิ่งของเรา ทูตกล่าวว่าฮ่องเต้จ้าวทรงเน้นย้ำว่าเงินสิบล้านตำลึงนี้ มิใช่เป็นการเรียกร้องจากต้าชิ่งของเรา แต่เป็นเพียงการขอเงินคืนจากการที่แคว้นจ้าวได้ลงทุนให้กับเมืองเฟิ่งหวงในช่วงหลายเดือนมานี้”“ฮ่องเต้จ้าวยังตรัสอีกว่า ปีที่แล้วแคว้นจ้าวประสบภัยน้ำท่วม ปัจจุบันก็ยังลำบากมาก หวังว่าฝ่าบาทจะทรงเข้าใจ”หลิวเกาจัวเพิ่งจะกล่าวจบ ก็มีขุนนางพยักหน้าติดต่อกันเมืองเฟิ่งห

  • เขยอันดับหนึ่งของจักรพรรดิ   บทที่ 988

    คิดว่าเฉินฝานมิใช่คนเช่นนี้ เมื่อโต้เถียงกับผู้อื่น ปรากฏว่าพูดสู้ผู้อื่นมิได้ เขาจึงสะกดกลั้นความโกรธไว้ ก่อนจะเดินมาถึงด้านนอกบ้านเฉินฝานโดยไม่รู้ตัว“นายท่านของเราปฏิบัติกับพี่น้องกองทัพลาดตระเวนเช่นใด พวกเจ้ายังไม่รู้อีกหรือไร? พวกเจ้าพูดเช่นนี้ลับหลัง ทำให้คนผิดหวังมากเหลือเกิน โดยเฉพาะเจ้าเสี่ยวซื่อ นายท่านของข้าปฏิบัติกับเจ้าอย่างไร? ในใจเจ้าไม่รู้อีกหรือ?” ฉินเย่ว์เจียวที่ไม่หายโกรธยังคงตำหนิต่อ เสี่ยวซื่อเก็บงำความรู้สึกไว้จนหน้าแดงก่ำขึ้นเรื่อย ๆ สุดท้ายก็คุกเข่าลงต่อหน้าเฉินฝานดังตุบ“ใต้เท้า เป็นความผิดของข้าน้อยเองขอรับ ข้าน้อยไม่ควรเชื่อคำพูดส่งเดชของผู้อื่นจนเข้าใจใต้เท้าผิดไป ข้าน้อยสมควรตายหมื่นครั้ง!”เสี่ยวซื่อกล่าวพลางตบหน้าตนเองดังเพียะ ๆๆ“เสี่ยวซื่อ อย่าทำเช่นนี้เลย!” เฉินฝานโน้มตัวลง จับมือเสี่ยวซื่อไว้ ประคองเขาให้ลุกขึ้นมาการจัดพิธีศพอย่างยิ่งใหญ่ให้แก่พี่น้องกองทัพลาดตระเวนที่เสียสละชีวิต รวมถึงการส่งเงินชดเชยไปยังที่บ้านของพี่น้องเหล่านั้น เขาไม่ได้ไปเนื่องจากงานยุ่งมากเกินไป แต่ได้สั่งการเหอจื่อหลินแล้ว เหอจื่อหลินก็ไปจัดการด้วยตนเองหมดแล้วตอนนี้

  • เขยอันดับหนึ่งของจักรพรรดิ   บทที่ 987

    ตอนแรกเสิ่นหมิงหยวนยังคิดจะใช้ข้ออ้างเรื่องขาดแรงงานมาสร้างความลำบากให้เฉินฝาน ผลปรากฏว่าทางฝั่งของโอวหยางน่าหลันกลับจัดการหาแรงงานคนมาให้ทันทีตอนนี้ต้าชิ่งได้แบ่งปันเสบียงอาหารมากมายให้แก่แคว้นหลู่ ชาวแคว้นหลู่หวาดกลัวความอดอยาก ถึงได้อาสามาที่ต้าชิ่ง ช่วยต้าชิ่งขุดคลองส่งน้ำ แม้ว่าไม่มีเงินให้ก็ไม่เป็นไร ดูแลอาหารสามมื้อเป็นหลักก็พอนอกจากนี้ทุกคนต่างรู้ว่าสตรีชาวต้าชิ่งทำอาหารเก่งมากมาทำงาน หากโชคดีอาจได้แต่งภรรยากลับไปที่บ้าน ต่อให้ไม่ได้แต่งงานก็ยังได้กินอาหารเลิศรสไปอีกหลายเดือนวันนี้ เฉินฝานเพิ่งกลับมาจากกรมโยธาช่วงนี้เขาไปที่กรมโยธาทุกวันเพื่อหารือเรื่องการขุดคลองส่งน้ำตอนที่กลับถึงบ้าน ฟ้าก็มืดแล้ว“ปัง!” มีหินก้อนหนึ่งกระแทกใส่รถม้าของเฉินฝานอย่างแรง ห่างจากเฉินฝานไม่ถึงสองเซนติเมตรแม้ว่าหินก้อนนั้นจะไม่ใหญ่ แต่ถ้ากระแทกโดนหัวของเฉินฝานเข้าละก็ เฉินฝานคงหัวแตกเลือดไหลแล้ว“ใครน่ะ!”เย่ว์หนูพุ่งตัวออกไปไม่นานก็ลากตัวคนผู้หนึ่งออกมาจากความมืด“ท่านแม่ทัพเย่ว์หนู ท่านเบามือหน่อยเถิด ข้าเอง ข้าคือเสี่ยวซื่อ!”“เย่ว์หนู! รีบปล่อยคนเสีย!” เวลานี้เฉินฝานก็ฟังออกเ

  • เขยอันดับหนึ่งของจักรพรรดิ   บทที่ 986

    เฉินฝานตบบั้นท้ายกลมกลึงของโอวหยางน่าหลันทีหนึ่ง “พอได้แล้ว ไม่ต้องเสแสร้งแล้ว!”“ข้าไม่ได้เสแสร้งนะ จริง ๆ แล้วข้า...”เสียงของโอวหยางน่าหลันขาดหายไป เพราะว่า...“ข้าจากเมืองหลวงของต้าชิ่งมาเกือบครึ่งเดือนแล้ว เป็นห่วงลูกเมียที่บ้าน ไม่อาจไปแคว้นหลู่จัดพิธีแต่งงานกับท่านได้ จัดขึ้นที่เมืองลู่ตูแห่งนี้ละกัน”“จริงหรือ? ช่างดีเหลือเกิน!”โอวหยางน่าหลันโผเข้าหาตัวเฉินฝานทันที“สามี ช่วงเวลาที่งดงามเช่นนี้ เหตุใดเราไม่สู้...”มือของโอวหยางน่าหลันเริ่มอยู่ไม่สุขอีกครั้งเฉินฝานบีบเอวบางของโอวหยางน่าหลัน“ร่านนัก!”เสียงยั่วยวนดังขึ้นอีกครั้ง.....ตอนที่ฉินเย่ว์เหมยส่งโอวหยางน่าหลันกลับไป ก็ถามนางว่าเหตุใดถึงยืนกรานจะแต่งงานกับเฉินฝานให้ได้คำตอบของโอวหยางน่าหลันธรรมดามากเหตุผลแรกคือนางชอบเฉินฝานเหตุผลข้อที่สองคือแคว้นหลู่มีเฉินฝานก็จะดำรงอยู่ได้ตลอดไป“เหตุผลข้อที่สองของท่านมันเกินจริงไปหรือไม่” ฉินเย่ว์เหมยกล่าว“ข้ากล่าวเกินจริงหรือไม่? ท่านรู้ดีกว่าข้ามิใช่หรือ?” โอวหยางน่าหลันฉุนเฉียวเล็กน้อย“ท่านอย่าได้ไม่รู้ผิดชอบชั่วดีเพียงเพราะว่าเขาใส่ใจท่าน หากท่านไม่ทะนุถนอ

  • เขยอันดับหนึ่งของจักรพรรดิ   บทที่ 985

    “หากเงื่อนไขแบบนี้ยังดึงดูดใจไม่ได้ เช่นนั้นความจริงแล้วท่านก็เป็นคนไร้น้ำยา บุตรชายฝาแฝดสี่คนคงอาศัยน้ำเชื้อของผู้อื่น เรื่องเล่านี้คงจะเป็นความจริงสินะ?”โอวหยางน่าหลันพูดข่ม“โอวหยางน่าหลัน ท่านรู้ตัวหรือไม่ว่าพูดอะไรออกมา?”คนที่โมโหก่อนคือฉินเย่ว์เหมย ใบหน้าเย็นชางดงามของนางดูโกรธเป็นฟืนเป็นไฟ“หรือว่าเราพูดผิดไป? ต้าชิ่งของพวกท่านบุรุษน้อยสตรีมาก เขาเป็นถึงอัครเสนาบดีผู้ทรงเกียรติ แต่ที่บ้านกลับมีภรรยาไม่ถึงสิบคน หากเขาไม่ใช่คนไร้น้ำยา แล้วภรรยาที่บ้านจะน้อยถึงเพียงนั้นได้อย่างไร?”“ภรรยาของเขาไม่ได้น้อย เขา...”“เขาอะไร?” โอวหยางน่าหลันกำเริบเสิบสานมากขึ้น ใบหน้าเต็มไปด้วยความเย้ยหยัน “เขา...” ฉินเย่ว์เหมยหน้าแดงระเรื่อจากความโกรธเกรี้ยวเท่านั้นวังหลังของต้าชิ่งเป็นของเฉินฝานทั้งหมดแต่ฉินเย่ว์เหมยไม่อาจเอ่ยเรื่องนี้ออกมาได้“ฝ่าบาท อย่าทรงกริ้ว ให้กระหม่อมสั่งสอนสักยก นางก็จะเชื่อฟังแล้ว”เสียงพูดยังไม่ทันจบ เฉินฝานก็แบกโอวหยางน่าหลันขึ้นมาแล้วเดินเข้าไปในห้องไม่นานนัก... เสียงร้องตะโกนของสตรีและเสียงคำรามต่ำของบุรุษก็ดังสลับกันขึ้นมา“รู้ความผิดแล้วหรือยัง?”

  • เขยอันดับหนึ่งของจักรพรรดิ   บทที่ 984

    “หลังจากแต่งงานกับองค์หญิงโอวหยางแล้ว เจ้าจะได้เป็นอัครเสนาบดีของทั้งสองแคว้น ระหว่างแคว้นต้าชิ่งกับแคว้นหลู่ เจ้าชอบอาศัยอยู่ฝั่งไหนก็สุดแล้วแต่เจ้าจะปรารถนา” คำพูดของฉินเย่ว์เหมยทำให้ทุกคนตะลึงงันอีกครั้ง“อัครเสนาบดีของทั้งสองแคว้น? นี่ก็ได้ด้วยหรือ?”“เหตุใดจะไม่ได้เล่า หลังจากที่ใต้เท้าเฉินได้เป็นอัครเสนาบดีของแคว้นหลู่แล้ว แคว้นหลู่ย่อมไม่คิดโจมตีแคว้นต้าชิ่งของเราอีกแน่นอน เรื่องดี เรื่องดีมากเลย!”“ใต้เท้า อย่าได้ลังเล รีบตอบตกลงเถิด คืนนี้ก็เข้าห้องหอได้แล้ว!”“ห้องหอ ๆ ในหัวเจ้านอกเรื่องนี้แล้ว ยังคิดเรื่องอื่นได้อีกไหม?” เหอจื่อหลินตบหัวมั่วเซิน“สองเรื่องที่งดงามที่สุดในชีวิตมนุษย์คือตอนที่สอบได้เป็นขุนนางกับคืนส่งตัวเข้าหอ การสอบได้เป็นขุนนางไม่ใช่เรื่องสำคัญสำหรับใต้เท้าแล้ว จะเหลือก็แต่คืนส่งตัวเข้าหอไม่ใช่หรือ? ท่านแม่ทัพ หรือว่าท่านไม่คิด?” มั่วเซินหัวเราะคิกคักพลางหลบหลีก“ไอ้หนู เจ้ายังกล้าหลบอีก พวกเจ้าก็ด้วย ยังจะกล้าหัวเราะอีกหรือ ข้าจะทำให้พวกเจ้าหัวเราะ ทำให้พวกเจ้าหัวเราะไปเลย”ขณะที่เหอจื่อหลินฟาดมั่วเซิน เวลาเดียวกันก็ฟาดพวกขุนพลคนอื่น ๆ อีกด้วยต

  • เขยอันดับหนึ่งของจักรพรรดิ   บทที่ 983

    “นางต้องการให้เจ้าแต่งงานกับนาง!”“???!!!”ทุกคนตกตะลึงกันหมด เคยคาดเดาข้อเรียกร้องทุกรูปแบบ แต่ไม่มีใครเคยคาดคิดถึงข้อเรียกร้องนี้เลยโอวหยางน่าหลันยืนหยัดมานานหลายวันขนาดนี้ก็เพราะเรื่องนี้หรือ?“หึ ๆ” เสียงหัวเราะของเหอจื่อหลินทำลายความเงียบสงัด “แต่ไหนแต่ไรมีแต่วีรบุรุษโกรธเพื่อหญิงงาม ตอนนี้กลับเป็นหญิงงามที่โกรธเพื่อวีรบุรุษ ใต้เท้า เสน่ห์ของท่านทำให้ข้าน้อยนับถือแล้ว”“ข้าน้อยก็นับถือ ใต้เท้า ท่านยังมัวลังเลอะไรอยู่เล่า? รีบตอบตกลงเถิด”“ตอบตกลงตอนนี้ คืนนี้ก็เข้าห้องหอเลย”“กลางคืนพยายามสักหน่อย ปีหน้าใต้เท้าก็ได้อุ้มบุตรชายแล้ว”“ดูเจ้าพูดสิ ใต้เท้ามีบุตรชายตั้งนานแล้วนะ”“นี่เจ้าไม่เข้าใจใช่หรือไม่ ไฉนเลยจะรังเกียจที่มีบุตรชายมากเกินไป?”ปกติแล้วเฉินฝานไม่ได้ถือตัว ทั้งยังร่วมกินร่วมอยู่ด้วยกัน ดังนั้นขุนพลกองทัพลาดตระเวนเหล่านั้นจึงพากันหยอกล้อ“พวกเจ้าแต่ละคน ไม่มีความสำรวมเลย ฝ่าบาทยังทรงประทับอยู่ตรงนี้นะ!”ขุนพลเหล่านั้นยิ่งพูดยิ่งติดลมขึ้นเรื่อย ๆ ไม่ควบคุมตัวเองเลย เหอจื่อหลินจึงรีบห้ามปรามแม้เฉินฝานจะไม่ถือสาขุนพลเหล่านี้ที่พูดหยอกล้อต่อหน้า แต่ฝ่าบาทอาจ

  • เขยอันดับหนึ่งของจักรพรรดิ   บทที่ 982

    “ได้เลย หมูน้ำแดง ซี่โครงหมูเปรี้ยวหวาน จัดให้เลยพรุ่งนี้” เฉินฝานตอบเสียงดัง“หมูน้ำแดง ซี่โครงหมูเปรี้ยวหวาน!”ทหารทุกคนล้วนเข้าใจจุดประสงค์ที่เฉินฝานให้พวกเขากินดื่มกันยกใหญ่บนภูเขา ดังนั้นจึงพร้อมใจกันทวนชื่ออาหารเสียงดัง“ใต้เท้า!”ขณะที่เฉินฝานกำลังเตรียมตัวจะกลับไปพักผ่อน ทันใดนั้นเหอจื่อหลินก็พาสตรีนางหนึ่งมาหาเขาสตรีผู้นั้นเป็นคนที่มาจากด้านล่างหุบเขา นางคือสาวใช้คนสนิทของโอวหยางหน่าหลัน“ข้าขอพบใต้เท้าเฉิน อัครเสนาบดีฝ่ายซ้ายของพวกท่าน!” สาวใช้ผู้นั้นเอาแต่กล่าวเช่นนี้ซ้ำ ๆ “ข้านี่แหละ” เฉินฝานกล่าวสาวใช้ผู้นั้นมองเฉินฝานอย่างพิจารณาพลางเอ่ยพึมพำในปากว่า “ใบหน้าขาวสะอาด รูปร่างกำยำ เสียงทุ้มนุ่มลึก”“เช่นนั้นข้าตรงกับเงื่อนไขหรือไม่?” เฉินฝานเอ่ยด้วยรอยยิ้ม“ยิ้มแล้วดูซื่อ ๆ” สาวใช้มองเฉินฝานแล้วเอ่ยพึมพำกับตนเองอีกครั้ง“อ้อ!” เฉินฝานยิ้มพลางพยักหน้า “ที่แท้ในสายตาองค์หญิงของพวกเจ้าข้ามีภาพลักษณ์เช่นนี้เอง!”“องค์หญิงของเราตรัสว่าพวกเรายอมจำนนก็ได้!” สาวใช้ผู้นั้นกล่าว“นี่เป็นการตัดสินใจที่ถูกต้องยิ่งนัก องค์หญิงของพวกเจ้าควรทำเช่นนี้ตั้งนานแล้ว”“แต่ว่าพระ

สแกนรหัสเพื่ออ่านบนแอป
DMCA.com Protection Status