ผู้ที่เสนอตัวขอออกรบก่อนคือ หัวหน้าสามกั้วเจียงหลงชื่อที่โหดเหี้ยมปานนี้ มิใช่เพราะเขาเก่งกาจแต่อย่างใด แต่เป็นเพราะตอนยังเด็กเขาซุกซนจนถูกแม่ไล่ตี ตอนที่หน้าสิ่วหน้าขวาน จึงกระโดดลงแม่น้ำว่ายไปฝั่งตรงข้ามเพื่อหนีแม่ของตนเองจึงเป็นที่มาของชื่อกั้วเจียงหลง“ออกไปรบงั้นรึ? กำจัดพวกเขาให้สิ้นซากรึ?” หัวหน้าใหญ่เหอหรันถีบกั้วเจียงหลงด้วยความโมโหทันที “เจ้าเก่งกว่ากองกำลังรักษาพระองค์แคว้นจ้าวรึ?”“หัวหน้าใหญ่ ข้าคิดว่าเจ้าระแวงเกินไป หัวหน้าสามพูดถูก ควรจะออกไปสู้!”เสียงเคร่งขรึมดูมีอายุดังขึ้น ชายชราผมหงอกทั้งหัวเดินเข้ามาจากด้านนอก“ท่านอาจารย์!”เมื่อเห็นชายชราผู้นั้น เหอหรันรีบทำมือเคารพอย่างลนลาน คนอื่นก็พากันทำตามเมื่อชายชราเห็นด้วย กั้วเจียงหลงจึงเงยหน้าทันที “หัวหน้าใหญ่ ท่านอาจารย์ยังคิดว่าท่านระแวงเกินไป พวกเรามิได้เป็นแบบกองกำลังรักษาพระองค์แคว้นจ้าวเสียหน่อย”กั้วเจียงหลงพูดจบ ชายชรารีบพูดต่อทันที “หัวหน้าใหญ่ หัวหน้าสามพูดถูกแล้ว พวกเรามิใช่กองกำลังรักษาพระองค์แคว้นจ้าว สาเหตุที่พวกเขาพ่ายแพ้เพราะประเมินศัตรูต่ำและอวดดีเกินไป ตอนนี้ผู้ที่อวดดีและประเมินศัตรูต่ำ
ลักพาตัวอ๋องแคว้นจ้าวต่อหน้าต่อตาองครักษ์หนึ่งหมื่นกว่าคน และยังสามารถทำให้เขายอมถอยทัพแต่โดยดี จะต้องมิใช่การประเมินศัตรูต่ำไปเพียงอย่างเดียวแน่นอนใต้เท้าด้านนอกผู้นั้นจะต้องมีวรยุทธ์และสติปัญญาเหนือมนุษย์เป็นแน่ได้ยินว่า เขามีสิ่งของที่เป็นเหล็กปลายแหลมสามารถโจมตีได้ น่าหวาดกลัวอย่างมาก สามารถต่อกรกับศัตรูจำนวนมหาศาลได้ด้วยตัวคนเดียวดังนั้น เฉินฝานต้องมีความมั่นใจเต็มเปี่ยมจึงมาเยือนต่อให้มิมีความมั่นใจว่าจะชนะได้ ทว่าพวกเขาก็ต้องมั่นใจว่าตนเองจะสามารถถอยกลับได้อย่างปลอดภัยแน่นอนหากล่าถอยไปแล้วกลับมาอีกครั้ง คงจะมิได้มีเพียงสองคน แต่เป็นกองกำลังจำนวนมหาศาลพื้นที่ธารน้ำอันคับแคบจะสามารถต่อต้านกองกำลังมหาศาลได้อย่างไร?“เสี่ยวฝาน เจ้าดูสิ!”อ๋องตวนตะโกนด้วยความตื่นตกใจทันที เขาชี้ไปร่างเงาตรงโพรงหญ้า “โจรป่าเหล่านั้นออกมาแล้ว และยังมาจำนวนมหาศาลอีกด้วย ตอนนี้น่าจะประมาณหนึ่งพันคน”“ฮี่ ๆ ๆ!”อ๋องตวนฉีกยิ้ม มองเฉินฝานด้วยความนับถือ“เสี่ยวฝาน เจ้าคาดการณ์ได้ดั่งเทพ เจ้าบอกว่าขอแค่พวกเราสองคนมา โจรป่าจะต้องออกมาแน่นอน”“มิใช่ว่าข้าคาดการณ์ได้ดั่งเทพ นี่คือจิตวิทยา” เฉิน
กลุ่มโจรป่าที่ห่างจากพวกเขามิไกลคือเครื่องสังเวยที่เหอหรันส่งให้พวกเขา“เสี่ยวฝาน เช่นนั้นตอนนี้ควรทำเช่นไร?” อ๋องตวนกล่าวถาม“เขามิออกมา พวกเราเข้าไปเองก็ได้ ท่านอ๋อง!” เฉินฝานแววตาเคร่งขรึม “ท่านหลอกล่อโจรป่าเหล่านั้นไว้ ข้าจะแฝงตัวเข้าไปในค่าย”“มิมีปัญหา โจรป่ากลุ่มนั้นอ่อนหัดเกินไปที่จะจับข้าได้!” อ๋องตวนสีหน้าเปี่ยมไปด้วยความมั่นใจ “หากสังหารได้เพียงน้อยนิด ก็คงเสียชื่อข้า”“ท่านอ๋อง หากมิจำเป็น ทางที่ดีก็มิต้องสังหาร!”“โอ้ ๆ!” อ๋องตวนพยักหน้าหงึก ๆ “เหล่าโจรป่าเหล่านี้ส่วนใหญ่เป็นลูกของหญิงสาวเหล่านั้นจะสังหารมิได้!”“มิใช่เพียงเพราะพวกเขาเป็นลูกของหญิงสาวเหล่านั้น แต่เป็นเพราะว่าพวกเขาเป็นเครื่องสังเวยที่เหอหรันส่งให้พวกเราต่างหาก!”บางทีนี่อาจจะเป็นเครื่องสังเวยที่หัวหน้าเหล่าโจรป่าที่แท้จริงมอบให้พวกเขา“เสี่ยวฝานเจ้าวางใจเถอะ ข้าจะหลบเท่านั้นมิสังหาร!” อ๋องตวนมิเข้าใจว่าเครื่องสังเวยที่เฉินฝานกล่าวหมายถึงสิ่งใด อย่างไรเสียเชื่อฟังเฉินฝานก็คงจะมิเป็นอันใดกั้วเจียงหลงมิใช่คนที่มีพละกำลังแต่มิมีสมองเพราะว่าเชื่อใจ เขามิรู้รู้ว่าการที่ชายชรายอมให้พวกเขาออกมา เพราะว่
“เสี่ยวฝาน ทำได้ดีมาก ๆ!”ตอนนี้อ๋องตวนได้วิ่งมาถึงจุดสูงสุดของเนินเขาแล้ว พยายามมองสถานการณ์โดยรอบเฉินฝานอย่างทุลักทุเลเห็นว่าเฉินฝานยิงโจรป่าจำนวนมากมายล้มตายอย่างต่อเนื่อง ตะโกนให้กำลังใจเฉินฝานด้วยความตื่นเต้นมิหยุด“ท่านอ๋อง ท่านอย่ามัวแต่ตะโกนสิ รีบบอกตำแหน่งพวกเขาให้ข้าเร็ว!” เฉินฝานตะโกนลั่น“ได้!”“เสี่ยวฝาน ทางซ้ายและทางขวาด้านหน้าเจ้า มีฝั่งละห้าคน มิใช่ หกคน มิใช่ ๆ มีเจ็ดคน!”“ตกลงแล้วมีกี่คนกันแน่?”“เอ่อ ข้าก็ ก็ไม่รู้ว่ามีกี่คน!” อ๋องตวนปาดเหงื่ออย่างลนลานโจรป่าในโพรงหญ้าก็เหมือนงูเจ้าเล่ห์ วิ่งเพ่นพ่านซ้ายทีขวาที อ๋องตวนจึงมิสามารถนับจำนวนที่ถูกต้องเฉินฝานยิงปืนไปทางซ้ายและทางขวาด้านหน้าสองสามนัด ทว่าเมื่อสิ้นเสียงปืนก็มิมีเสียงกรีดร้อง“ท่านอ๋อง ไม่ต้องบอกจำนวนคนบอกแค่ตำแหน่งก็ใช้ได้แล้ว”“พวกเขาอยู่ตรงทางขวาด้านหน้าเจ้า มิใช่ๆ ทางขวาตรงข้าม มิใช่ๆ อยู่...”อ๋องตวนลนลานจนคุมสติมิอยู่โจรป่าเหล่านั้นเพิ่มเล่ห์เหลี่ยมมากกว่าเดิม ไม่เพียงวิ่งเพ่นพ่านเท่านั้นแต่ยังวิ่งสลับตัวกันไปมาอีกด้วยฟึบ ๆ ๆ ๆตอนที่ยินเสียงลมพัดใบหญ้าและกอหญ้า เฉินฝานเห็นร่างคนเลื
“ต้องเป็นแบบนั้นแน่นอน ตอนนี้แม้กระทั่งศพก็ยังหามิเจอ ทั้งร่างคงจมบ่อโคลนไปแล้วเป็นแน่”เหล่าโจรป่าพากันกระซิบกระซาบ“ปึก!”อ๋องตวนเคาะสายรัดเอวพยัคฆ์ทันที“เสี่ยวฝานต้องรอด เขามิตายง่ายๆหรอก!”อ๋องตวนตะโกนดังมากเพียงใด ในใจก็หวาดกลัวมากเพียงนั้นที่จริงทุกคนก็ปักใจเชื่อไปแล้วว่าเฉินฝานตายแล้วโพรงหญ้าที่เฉินฝานกลิ้งตัวเข้าไปโคลนหนาแน่นมากที่สุด ผ่านไปเนิ่นนานแล้ว หากเฉินฝานยังมีชีวิตรอด ก็คงจะขานรับไปนานแล้วเริ่มเข้าสู่ยามค่ำคืน ลมพัดแรงกว่าเดิมจนใบหญ้าโอนเอนไปมา เสียงใบหญ้าเสียดสีดังมาก ต้องตะโกนพูดเสียงดัง ผู้อื่นจึงจะได้ยินในตอนนี้ มีร่างเงาหนึ่งกลิ้งจากพื้นที่ธารน้ำที่ลึกที่สุดกลิ้งไปทางโจรป่าด้วยความรวดเร็วบุคคลผู้นี้คือเฉินฝานที่ฝูงชนใช้เวลาตามหามานานเฉินฝานยังมิตาย เขาจงใจจะซ่อนตัวจนฟ้ามืดร่างกายของเฉินฝานกลิ้งผ่านบ่อโคลนแต่ละที่ด้วยความรวดเร็ว ในสถานการณ์ที่ไร้เครื่องมือนี่คือวิธีที่ข้ามพื้นที่ธารน้ำที่ยอดเยี่ยมที่สุด ซึ่งเขาคิดออกตอนที่จวนตัวพลัดตกลงไปในบ่อโคลนตอนที่เขาเพิ่งได้เป็นทหารในกองทัพยุคปัจจุบันใหม่ ๆ หัวหน้าของเขาได้เล่าเรื่องตอนเดินทัพทางไกลใ
“ไอ้หยา เสี่ยวฝาน ข้าบอกแล้วเจ้ามิตายหรอก เจ้าจะตายได้อย่างไรกัน?”อ๋องตวนตะโกนร้องด้วยความดีใจชายกำยำสูงสองเมตร จู่ ๆก็น้ำตาไหลอาบน้ำราวกับสาวน้อยเฉินฝานอัครเสนาบดีเบื้องซ้ายผู้นั้นรึ?เหอหรันหันไปมองเฉินฝานตามสัญชาตญาณ“ข้าเตือนเจ้าไว้ก่อนทางที่ดีอย่าขยับ หากโดนปืนยิงจะมีจุดจบเช่นไรข้าว่าสหายเหล่านั้นของเจ้าทราบดี!” เฉินฝานกล่าวเสียงเรียบนิ่ง“หัวหน้าใหญ่ ท่านอย่าขยับเด็ดขาดนะขอรับ!”เหล่าโจรป่ากล่าวเตือนเหอหรันด้วยความลนลาน“เหอะ!”เฉินฝานแสยะยิ้มทันที “ดูสิ เหล่าสหายของเจ้าตื่นตระหนกแทนเจ้าปานนั้น แต่เจ้ากลับสังเวยชีวิตพวกเขาให้กับข้า เจ้ายังมีสามัญสำนึกอยู่หรือไม่? นอนหลับอย่างไร้กังวลได้รึ?”“สังเวยชีวิต?”กั้วเจียงหลงมองเฉินฝานด้วยความงุนงง “เจ้าหมายความว่าอย่างไร?”“หมายความว่าจงใจให้พวกเจ้าออกไปตาย เมื่อพวกเจ้าตายแล้ว พวกเราก็ถือว่าปราบโจรได้สำเร็จ หลังจากนั้นพวกเราก็จะกลับเมืองหลวง และพวกเขา...”อ๋องตวนโบกมือด้านหน้าเหอหรันและชายชราผู้นั้นไปมา “ก็สามารถสบายใจหายห่วง จากนั้นค่อยฝึกโจรป่ากลุ่มใหม่”“หัวหน้าใหญ่ ท่านอาจารย์ เป็นความจริงรึ?”กั้วเจียงหลงจ้องเหอ
“แน่นอนว่าต้องจับมัดห้อยลงมาแล้วโบยตี เจ้าคนมิรู้จักผิดชอบชั่วดี” อ๋องตวนก่นด่ามิหยุดปาก“ท่านอ๋องพูดถูก!”ระหว่างที่พูด เฉินฝานยกดาบปลายปืนจ่อทางเหอหรันเหนี่ยวไกออกไป...วันถัดมาณ ประตูทางเข้าจวนพำนักของเจ้าเมืองเฟิ่งหวง“เขาคือหัวหน้าของโจรป่ารึ?”“หน้าตาคล้ายคลึงกับใต้เท้าเหอจริงด้วย!”เหล่าราษฎรเมืองเฟิ่งหวงพากันมารวมตัวที่ประตูทางเข้าจวนพำนักเจ้าเมือง ชี้ไปชายหนุ่มที่ถูกมัดห้อยอยู่บนคานประตู“เพี้ยะ ๆ ๆ ๆ!”อ๋องตวนใช้แส้ในมือฟาดก้นเหอหรันซ้ำแล้วซ้ำเล่า ในขณะเดียวก็บ่นพึมพำมิหยุดปาก“เจ้าคนที่ริเอาโจรมาเป็นพ่อ ที่แห่งนี้เป็นบ้านของเจ้า เจ้าเมืองเหอต่างหากที่เป็นพ่อของเจ้า”เหอจื้อเฟยที่อยู่ในจวนพำนักมองลูกชายที่ถูกอ๋องตวนใช้แส้โบยตีมัดห้อยตรงคานประตู สีหน้าเหมือนกับพ่อส่วนใหญ่ที่มองลูกชายทรพีทั้งโกรธและสงสารหลายปีที่ผ่านมานี้ เหอหรันปล้นเงินและเสบียงของชาวบ้านทำลายครอบครัวไปตั้งมากมายก็สมควรถูกโบยตีนายหญิงเหอสีหน้าเปี่ยมไปด้วยความสงสาร ทนมิได้จึงคิดที่จะวิ่งนำเหอหรันลงมา ทว่าเมื่อชนเข้ากับอ๋องตวน จึงมิกล้ารุดหน้าเข้าไปอีกเหอหรันจ้องเขม็งไปที่เหอจื้อเฟยทันที “พ่อ
“เรื่องนี้ข้าคิดว่าเหอจื้อเฟยทำถูกแล้ว อย่างไรเสียเหอหรันก็ทำผิดกฎหมาย นายหญิงเหอก็มิได้ผิดอันใด เฝ้ารอมานานหลายปีในที่สุดหลานที่กลายเป็นโจรก็กลับบ้านมาเสียที ทว่ามินานก็ถูกลูกชายส่งเข้าคุก จะมิเศร้าโศกได้อย่างไร?”อ๋องตวนส่ายหน้าไปมา “เสี่ยวฝาน ทางที่ดีพวกเราอย่าเข้าไปยุ่งเรื่องนี้ดีกว่า”เฉินฝานมองไปทางเสียงร้องไห้ของนายหญิงเหอ กล่าวเสียงเรียบนิ่ง “ข้าก็มิได้คิดจะเข้าไปยุ่งอยู่แล้ว”สองสามปีที่ผ่านเหอจื้อเฟยตรากตำเพียรพยายามที่ให้ราษฎรเมืองเฟิ่งหวงมีชีวิตที่ดีขึ้น เพราะประจบประแจงมิเป็นจึงทำให้อยู่ตำแหน่งเดิมมาหลายปี ให้กำเนิดลูกชายสองคนด้วยความยากลำบากก็ถูกโจรป่าจับตัวไปอีกเมื่อคำนึงถึงความยากลำบากของเหอจื้อเฟย เฉินฝานจึงมิได้พูดถึงเรื่องกฎหมาย เนื้อแท้ของเหอหรันก็มิใช่คนเลว เขาจึงทำเป็นมิรู้มิเห็นปล่อยผ่านเรื่องที่เหอหรันเคยเป็นโจรป่าไปการที่เขาปล่อยผ่านเรื่องนี้ตอนที่รับประทานอาหารค่ำ เฉินฝานก็บอกเป็นนัยให้เหอจื้อเฟยแล้ว เขาเข้าใจและซาบซึ้งอย่างมาก กล่าวขอบคุณเฉินฝานมิหยุดมิคิดว่าผ่านไปครู่เดียวเหอจื้อเฟยจะส่งลูกชายตนเองเข้าคุกเฉินฝานลอบพยักหน้า เขามองคนมิผิด มิว่าจะเป
“ให้เขากิน!”เสิ่นหมิงหยวนผลักองครักษ์คนนั้นไปตรงหน้าเฉินฝานทันที“ใช่แล้ว จะปล่อยให้เฉินฝานเลือกคนกินสารหนูไม่ได้” พรรคพวกของเสิ่นหมิงหยวนพากันสนับสนุน“ไม่เพียงไม่อาจให้เฉินฝานเลือก สารหนูก็ต้องให้ใต้เท้าเสิ่นหาคนไปนำมาด้วยเช่นกัน” เฉินฝานไม่มีความเห็นอะไรกับข้อเสนอนี้ของเสิ่นหมิงหยวนเลย คนของเสิ่นหมิงหยวนกินสารหนู นี่เป็นข้อเสนอที่ไม่อาจดีไปกว่านี้แล้วองครักษ์ที่โดนผลักออกมาหน้าซีดเผือด ร่างกายสั่นเทา หากไม่ใช่เพราะมีคนพยุงอยู่ข้าง ๆ เกรงว่าตอนนี้เขาคงจะตกใจกลัวจนล้มไปกองกับพื้นแล้ว “สั่นทำไม ใต้เท้าเลี้ยงดูเจ้ามานานถึงเพียงนี้ ก็ถึงเวลาที่เจ้าต้องตอบแทนแล้ว” รองแม่ทัพข้างกายเสิ่นหมิงหยวนตะคอกใส่องครักษ์ผู้นั้นเบา ๆ “ข้าน้อย...”“วางใจได้ หากเจ้าตาย ครึ่งชีวิตที่เหลือของมารดา ภรรยาและบุตรสาวของเจ้าจะมีเงินให้ใช้ไม่หมดไม่สิ้น ได้ใช้ชีวิตที่ดีเหนือผู้อื่นตลอดไป หากเจ้าสั่นอีก เช่นนั้นก็อย่าโทษว่าข้าไม่เกรงใจ ให้พวกเจ้าทั้งครอบครัวไปเจอกันที่ปรโลก” รองแม่ทัพของเสิ่นหมิงหยวนใช้ทั้งบุญคุณและความเข้มงวดกับองครักษ์ผู้นั้น องครักษ์ผู้นั้นค่อย ๆ เลิกดิ้นรน สองตาว่างเปล่า ยืนอยู
“เช้ง!”เสียงกระบี่คมกริบออกจากฝักดึงขึ้นในอากาศหน้าประตูโรงเตี๊ยม“พูดมา!” หลี่ชิ่งชักกระบี่ออกจากเอวแล้วจ่อไปที่คอของจางทง “พวกเจ้ารับผลประโยชน์จากเฉินฝานใช่หรือไม่ ถึงได้ใส่ร้ายใต้เท้าเสิ่น”“พวกเราจะรับผลประโยชน์จากใต้เท้าเฉินได้อย่างไร เขาช่วยชีวิตพวกเราไว้” จางทงกล่าว“ยังจะบอกว่าเฉินฝานไม่ได้ให้ผลประโยชน์กับพวกเจ้าอีก เขาช่วยชีวิตพวกเจ้าไว้ก็เป็นผลประโยชน์แล้ว”พรรคพวกของเสิ่นหมิงหยวนยิ่งพูดก็ยิ่งบิดเบือน จางทงร้อนใจไม่ไหวแล้ว แต่กลัวว่าหากไม่ระวังคำพูดของตนเอง พวกพ้องของเสิ่นหมิงหยวนจะนำมาเล่นงานได้แต่ว่าไม่แก้ตัวก็ไม่ได้อีก ทำให้เขาร้อนใจจนหน้าแดงก่ำไปหมดแล้ว “นี่จะนับเป็นผลประโยชน์ได้อย่างไร ใต้เท้าเฉินแค่มีเมตตา...”จางสิงที่อยู่ข้าง ๆ รีบเอ่ย แต่เขายังไม่ทันพูดจบ พรรคพวกของเสิ่นหมิงหยวนก็เอ่ยตัดบทเขา“มีเมตตา บนโลกนี้จะมีเมตตาโดยไม่มีเหตุผลหรือ หากไม่ใช่เพราะเดิมทีพวกเจ้าเป็นองครักษ์ของตระกูลเสิ่น เจ้าคิดว่าเขาจะช่วยพวกเจ้าหรือ?” “เรื่องนี้...”เมื่อเห็นจางทงกับจางสิงลังเลใจ พรรคพวกของเสิ่นหมิงหยวนก็ฉวยโอกาสโจมตีต่อทันที “เห็นหรือไม่ พวกเจ้าเองก็คงคิดว่าไม่มีท
“เหลวไหลสิ้นดี!”พวกพ้องของเสิ่นหมิงหยวนเอ่ยโต้แย้งจางทงและจางสิงทันที “พวกเขาสองคนเป็นคนเลวย่อมพูดแต่เรื่องเลว ๆ ผู้คุ้มกันและบ่าวอาศัยครอบครัวเจ้านายไปวางอำนาจบาตรใหญ่ข้างนอกก็เป็นเรื่องปกติไม่ใช่หรือ? หากบอกว่าพวกเจ้ากระทำผิดเพราะใต้เท้าเสิ่นสั่งการ เช่นนั้นใต้เท้าหรือว่าเชื้อพระวงศ์ทั่วทั้งเมืองหลวง แต่ละคนก็สั่งการแบบนี้เช่นกันหรือ? สบคบคิดทำเรื่องที่สร้างความเสียหายต่อต้าชิ่งเช่นนี้ด้วยหรือ?” “ใต้เท้าเฉิน บ้านของท่านก็มีบ่าวเลวเช่นนี้เหมือนกันกระมัง” พวกพ้องของเสิ่นหมิงหยวนถามเฉินฝานเฉินฝานไม่อาจปฏิเสธได้เลยขณะที่สนทนาเล่นกับฉินเย่ว์เจียวเมื่อคืน ฉินเย่ว์เจียวบอกเขาว่ามีองครักษ์ในบ้านถูกใจภรรยาที่งดงามของชาวบ้านคนหนึ่ง จึงบังคับแย่งชิงตัวมาตรง ๆ องครักษ์คนนั้นถูกฉินเย่ว์เจียวจับมัดส่งเข้าคุกกรมอาญาด้วยตนเองไม่กี่ปีที่ผ่านมานี้สถานการณ์ของต้าชิ่งไม่สู้ดีนัก กอปรกับบุรุษน้อยสตรีมาก บุรุษมีค่าดั่งทองคำ ขอเพียงบุรุษไม่ได้กระทำความผิดใหญ่หลวงอะไรก็จะไม่ได้รับการลงโทษอะไรเลย ก็เหมือนกับจางทงและจางสิงที่ข่มเหงสตรีดีงามกลางถนน แค่โดนลงโทษไล่ออกจากเมืองหลวงเท่านั้น อย่าว่าแ
“พวกเจ้าหมายถึงขุนนางเสิ่นหรือ? พวกเจ้าควรรู้เอาไว้ว่าหากไม่มีหลักฐาน การพูดให้ร้ายขุนนางขั้นหนึ่งของราชสำนักมีโทษถึงตายนะ!” ฉินเย่ว์เหมยเน้นคำว่าโทษถึงตายเป็นพิเศษ พูดให้จางทงกับจางสิงฟัง และพูดให้เสิ่นหมิงหยวนกับเสิ่นหยวนเลี่ยงฟัง รวมถึงพูดให้ผู้คนมากมายฟังด้วย“ฝ่าบาท!” เสิ่นหมิงหยวนพลันเดินมาข้างหน้า “อย่าทรงถูกหลอกนะพ่ะย่ะค่ะ พวกเขาจะต้องไม่ได้กินสารหนูอย่างแน่นอน บนโลกนี้ไม่มีผู้ใดกินสารหนูแล้วรอดชีวิตต่อไปได้พ่ะย่ะค่ะ”“โอ้?” ฉินเย่ว์เหมยเลิกคิ้วขึ้น “ขุนนางเสิ่นรู้ได้อย่างไรว่าพวกเขาไม่ได้กินสารหนู?” “เพราะว่าเดิมทีพวกเขาอยู่ในตระกูลเสิ่นของกระหม่อมพ่ะย่ะค่ะ” เสิ่นหมิงหยวนกล่าว“นี่ขุนนางเสิ่นยอมรับว่ารู้จักสองคนนี้หรือ?”“ใช่พ่ะย่ะค่ะ เดิมทีพวกเขาเป็นผู้คุ้มกันตระกูลเสิ่นของกระหม่อมพ่ะย่ะค่ะ"“ดังนั้น ข้อกล่าวหาของพวกเขาเป็นความจริงหรือ?” ฉินเย่ว์เหมยเอ่ยถามเสียงเย็นชาเสิ่นหมิงหยวนยอมรับว่าจางทงกับจางสิงเป็นคนของเขารวดเร็วถึงเพียงนี้ ทำให้ฉินเย่ว์เหมยประหลาดใจมาก การเปิดเผยตรงไปตรงมาของเสิ่นหมิงหยวนกลับทำให้ฉินเย่ว์เหมยไม่สบายใจเล็กน้อย เสิ่นหมิงหยวนมีแผนการรับมือที
เมื่อฉินเย่ว์เหมยถามจางทงกับจางสิงว่าผู้ใดบงการพวกเขา ทั่วทั้งบริเวณก็เงียบลงอีกครั้งทั้ง ๆ ที่มีคนยืนอยู่นับล้าน แต่กลับเงียบงันจนได้ยินแม้กระทั้งเข็มตกลงบนพื้น...เสิ่นหมิงหยวนกับเสิ่นหยวนเลี่ยงสบตากันอันที่จริงแล้วไม่เรียกว่าสบตากัน แต่เสิ่นหมิงหยวนกำลังปลอบใจเสิ่นหยวนเลี่ยง ไม่ให้เขาตื่นตระหนกมากกว่าจางทงกับจางสิงเองก็สบตากันแวบหนึ่ง“ท่านพี่ พูดไปเถิด” จางสิงกล่าว“ปึก!”จางทงโขกศีรษะลงกับพื้นอย่างแรงจางสิงก็ทำตามเช่นกัน“ฝ่าบาท ผู้ที่บงการพวกกระหม่อม ก็คือ...”“พวกเขา!”จางทงและจางสิงชี้ไปที่พ่อลูกตระกูลเสิ่นพร้อมกันคำตอบที่ได้นี้ทำให้ชาวเมืองลู่ตูตกตะลึงเกินไปแล้ว ถึงขนาดที่พวกเขาไม่ทันได้มีปฏิกิริยาตอบกลับใด ๆ ในตอนที่จางทงกับจางสิงชี้ไปยังพ่อลูกตระกูลเสิ่น ชาวบ้านทั่วไปตะลึงงัน เสิ่นหมิงหยวนกับเสิ่นหยวนเลี่ยงก็ตะลึงงันเช่นกันจางทงกับจางสิงเป็นนักรบกล้าตายที่ตระกูลเสิ่นของพวกเขาเลี้ยงดูสั่งสอนมาตั้งแต่เล็ก จงรักภักดีต่อพวกเขาอย่างถึงที่สุด จางทงกับจางสิงไม่มีทางหักหลักพวกเขาเพราะเฉินฝานช่วยชีวิตจางทงกับจางสิงไว้เป็นอันขาดเดิมทีจางทงกับจางสิงจงรักภักดีต่อต
เมื่อได้ยินฐานะของบุรุษที่อยู่ด้านหลังผู้นั้น ในใจของฉินเย่ว์เหมยก็รู้สึกอย่างตกตะลึงอย่างมาก ก่อนหน้านี้นางก็ได้ยินหงอิงบอกว่าพวกนักฆ่าที่ลอบเข้าศูนย์บรรเทาทุกข์เหล่านั้นกินยาพิษฆ่าตัวตายกันหมดแล้ว นอกจากนี้ยาที่กินยังเป็นสารหนูอีกด้วย คนที่กินสารหนูเข้าไปยังมีชีวิตรอดได้จริงหรือ?ฉินเย่ว์เหมยมองเฉินฝานด้วยความเหลือเชื่อ หลังจากที่เคยเห็นวิชาแปลงโฉมมาก่อน ฉินเย่ว์เหมยกังวลเล็กน้อยว่าเฉินฝานจะใช้กลอุบายนี้ ตอนนี้ไม่เหมาะที่จะใช้กลอุบายนี้ ทางฝั่งเสิ่นหมิงหยวนสามารถมองออกได้ทันที ราวกับว่ากระแสจิตเชื่อมถึงกัน ฉินเย่ว์เหมยมองไปทางเฉินฝาน เฉินฝานก็มองมาทางนางพอดีเมื่อรับรู้ถึงความกังวลในใจฉินเย่ว์เหมย เฉินฝานก็พยักหน้าให้นางเล็กน้อย บ่งบอกให้นางไต่สวนอย่างสบายใจในขณะเดียวกัน ฉินเย่ว์เจียวก็เดินมาอยู่ข้างกายหงอิงเงียบ ๆ ฉินเย่ว์เจียวยัดกระดาษแผ่นหนึ่งใส่มือของหงอิง จากนั้นหงอิงก็แสดงตัวอักษรบนกระดาษให้ฉินเย่ว์เหมยเห็นหลังจากที่เห็นตัวอักษรบนกระดาษ ฉินเย่ว์เหมยก็สะบัดแขนเสื้อ จ้องมองบุรุษสองคนที่คุกเข่าตรงหน้านาง “บังอาจ คนที่กินสารหนูจะรอดชีวิตจนถึงตอนนี้ได้อย่างไร? จงกล่าวตามคว
“พวกเขา...”เมื่อเห็นชายทั้งสองคน คนแรกที่พูดคือเสิ่นหยวนเลี่ยง หากไม่ใช่เสิ่นหมิงหยวนคว้ามือของเขาไว้ทัน เขาคงสูญเสียการควบคุมทันทีแน่นอนเฉินฝานจับจ้องเสิ่นหยวนเลี่ยง ถามด้วยน้ำเสียงเย็นชา “ใต้เท้าเสี่ยวเสิ่น เหตุใดสีหน้าของท่านจึงซีดขาวเช่นนี้ หรือว่าท่านรู้จักสองคนนี้?”“ข้า ข้าจะรู้จักพวกเขาได้ยอ่างไร!”เสิ่นหยวนเลี่ยงรีบตอบทันทีเฉินฝานยิ้ม น้ำเสียงของเขายังคงเย็นชา “ใต้เท้าเสี่ยวเสิ่นตกใจเกินไปแล้ว ต่อหน้าฝ่าบาทแทนตนเองว่าข้า แม้กระทั่งคำว่ากระหม่อมก็ไม่ใช้”“เพี๊ยะ!”เฉินฝานเพิ่งพูดจบ ตามมาด้วยเสียงตบดังสนั่นฉินเย่ว์เจียวตบเสิ่นหยวนเลี่ยงอย่างดังท่ามกลางผู้คนมากมาย ถูกตบหน้า อีกทั้งยังถูกสตรีตบ เสิ่นหยวนเลี่ยงทั้งโมโหและอับอาย หูของเขาแดงก่ำ เขาชี้ไปที่ฉินเย่ว์เจียวพร้อมกัดฟันพูด “สตรีชั่ว กล้าตบข้างั้นรึ!”“เพี๊ยะ!”เสิ่นหยวนเลี่ยงถูกตบอีกครั้ง ครั้งนี้คนที่ตบเขาไม่ใช่ฉินเย่ว์เจียวแต่เป็นเฉินฝานเดิมทีเสิ่นหยวนเลี่ยงมีรอยฝ่ามือบนใบหน้าเพียงด้านเดียวเท่านั้น ตอนนี้เขามีรอยฝ่ามือทั้งสองด้าน ใบหน้าขาวซีดราวกับถูกประทับด้วยรอยฝ่ามือขับให้เด่นชัดยิ่งนัก“เจ้า...”“เพี
“ไป่เผยหราน”ฉินเย่ว์เหมยร้องเรียกไป่เผยหราน แล้วเดินหน้าหนึ่งก้าวทันทีไป่เผยหรานตัวสั่น รีบร้องตะโกนไปด้านหน้า “ฝ่าบาทอยู่ที่นี่ ใครกล้าขยับ ถือว่าดูหมิ่นกษัตริย์ ประหารชีวิต!”เหอจื่อหลินรอเวลานี้“มือธนู เตรียมตัว !”เกาทัณฑ์ของมือธนูกองทัพลาดตระเวนชูขึ้น เตรียมยิงชาวบ้านที่จะพุ่งตัวมา“ปล่อยตัวเฉินฝานไป ทั้งยังให้กองทัพยิงธนู คนเช่นนี้ไม่สมควรเป็นกษัตริย์แคว้นต้าชิ่งของเรา!”เสื่นหมิงหยวนแฝงตัวในกลุ่มคน ชักจูงทุกคนทันที“ลุย แม้ท่ามกลางพวกเราต้องมีคนตาย แต่อย่างน้อยคนส่วนมากก็ยังมีชีวิตรอด”หลังจากถ้อยคำนี้จบลง ชาวบ้านราวกับได้รับแรงกระตุ้น เลือดสูบฉีดกว่าเมื่อครู่ แต่ละคนพุ่งตัวมาข้างหน้าอย่างไม่คิดชีวิตกองทัพลาดตระเวนไม่อาจทานต้านทานได้แล้วเหอจื่อหลินหลับตาลงด้วยความปวดใจ ยกมือขวาขึ้น“ยิง!”“หยุด!”เสียงของเฉินฝานกลบเสียงของเหอจื่อหลินหลังจากสงครามเมืองเตียนตู กองทัพลาดตระเวนฟังคำสั่งของเฉินฝาน ทั้งที่เฉินฝานไม่มีตำแหน่งใดๆ ในกองทัพลาดตระเวน แต่แท้จริงแล้วเขาคือหัวหน้าที่แท้จริงของกองทัพลาดตระเวนขณะที่กองทัพลาดตระเวนลดเกาทัณฑ์ลง เฉินฝานผลักหงอิงแล้วเดินไปทาง
เสิ่นหมิงหยวนในวันนี้เปี่ยมไปด้วยความมั่นใจ มั่นใจว่าตนต้องเป็นฝ่ายชนะเพราะถอยหลังก้าวหนึ่ง แม้เฉินฝานจะออกนอกโรงเตี๊ยมได้ แต่เขาจะไปหาหลักฐานที่ใด สิ่งที่เกี่ยวข้องกับคนวางยาพิษ นอกจากไป่ชงซาน คนอื่นๆ ล้วนอยู่ระหว่างทางเตรียมเกิดใหม่แล้วเสิ่นหมิงหยวนก้าวไปข้างหน้าก้าวใหญ่ พูดเสียงดัง “เฉินฝานและองค์หญิงแคว้นหลู่ร่วมมือกับวางยาพิษให้กับชาวต้าชิ่ง ฝ่าบาทโปรดรับสั่งจับเขาด้วยพ่ะย่ะค่ะ พร้อมทั้งประหารชีวิตเขา เอาหัวเสียบประจารบนกำแพงเมืองลู่ตู เพื่อสยบความขุ่นเคืองของราษฎรพ่ะย่ะค่ะ!”พูดถึงท้ายประโยค เสิ่นหมิงหยวนคุกเข่าลง “ฝ่าบาทโปรดรับสั่งด้วยพ่ะย่ะค่ะ!”ลง “ฝ่าบาทโปรดรับสั่งด้วยพ่ะย่ะค่ะ!”ขุนนางด้านหลังเสิ่นหมิงหยวนต่างคุกเข่า เพียงชั่วพริบตาภาพตรงหน้าฉินเย่ว์เหมยคือผู้คนมากมายชาวบ้านด้านหน้าเห็นฉินเย่ว์เหมยไม่ออกคำสั่ง ยิ่งโมโหมากกว่าเดิม กองทัพลาดตระเวนของเหอจื่อหลินถอยหลังแล้วถอยหลังอีก“ฝ่าบาท ทางด้านแม่ทัพเหอไม่อาจต้านทานแล้วพ่ะย่ะค่ะ!”หงอิงก็ร้อนใจยิ่งนัก หากฉินเย่ว์เหมยยังไม่มีคำสั่งให้เหอจื่อหลินใช้มาตรการขั้นเด็ดขาด เช่นนั้นชาวบ้านก็จะฝ่าวงล้อมเข้ามาแล้วทุกคนล้ว