Beranda / วาย / เกิดใหม่ไปใช้ชีวิตในยุคจีนโบราณ / บทที่4เด็กๆช่างรู้ความนัก

Share

บทที่4เด็กๆช่างรู้ความนัก

Penulis: saengram
last update Terakhir Diperbarui: 2025-04-11 21:31:45

เช้านี้ซีเจียงตื่นมารับรู้ได้ว่าภายนอกมิติวิเศษฝนกำลังตกหนัก 

แม้พวกเขาจะยังอยู่ในมิติแห่งนี้แต่ทุกความเคลื่อนไหวด้านนอกเขาได้ยินและรับรู้ได้ว่าเกิดอะไรขึ้นบ้าง

ในมิติวิเศษมีกลางวันกลางคืนไม่ต่างกัน แต่บรรยากาศในนี้ไม่เหมือนบรรยากาศภายนอกแต่อย่างใด ด้านนอกตอนนี้ฝนกำลังตกหนักมากส่วนในมิติแห่งนี้กลับบรรยากาศดีมีลมพัดแผ่วเบาไม่ร้อนอบอ้าวและไม่หนาวจนเกินไป

เมื่อคืนพวกเขาสามคนพี่น้องได้แยกกันนอนคนละห้องเป็นครั้งแรก หลังอาบน้ำเปลี่ยนชุดเสร็จซีเจียงจึงออกมาเข้าครัวเพื่อทำอาหารเช้าให้น้องๆทาน

มื้อเย็นเมื่อวานเด็กๆตื่นเต้นกันมากเมื่อเห็นอาหารที่เขาทำ ยิ่งได้ทานข้าวหอมมะลิเต็มเม็ดเป็นครั้งแรกในรอบสามเดือนเด็กฝาแฝดทั้งสองคนพากันน้ำตาคลอกันเลยทีเดียว เพราะที่ผ่านมาป้าสะใภ้ให้ข้าวสารพวกเขาเพียงวันละกำมือ เด็กๆจึงนำข้าวมาต้มเพื่อจะได้ทานกันพอทั้งสามคนพี่น้อง จากที่น้องสาวเล่าให้ฟังซีเจียงยอมรับว่าโกรธป้าสะใภ้มาก 

ข้าวสารหนึ่งกำมือกับผักหนึ่งกอเด็กสามคนจะทานกันอิ่มได้อย่างไร แค่คิดก็ปวดใจ เป็นป้าสะใภ้ที่ใจร้ายใจดำเป็นที่สุด

เด็กๆเคยคิดจะนำความไปบอกท่านย่าหลายครั้งแต่ไม่กล้า เพราะป้าสะใภ้ขู่ว่าหากเรื่องนี้รู้ถึงหูคนอื่นพวกเขาก็จะไม่มีข้าวสารให้กิน เพราะตอนนี้หน้าที่ดูแลบ้านคือป้าสะใภ้ หากนางไม่ให้พวกเขาสามคนก็จะอดตาย เด็กๆจึงยอมทำงานบ้านเพื่อแลกกับข้าวสารหนึ่งกำมือตลอดสามเดือนที่ผ่านมา

แต่โชคยังดีที่มีคนใจบุญแอบนำอาหารมาให้เด็กๆอาทิตย์ละครั้งสองครั้ง เห็นอาหลงเล่าว่าชายคนนั้นเป็นพรานป่าอยู่ท้ายหมู่บ้าน หากไม่ได้คนผู้นี้คอยส่งอาหารให้ทานอยู่บ้างพวกเขาสามพี่น้องคงอดตายกันไปแล้วจริงๆ

ซีเจียงอดทอดถอนใจในความน่าเวทนาของสามคนพี่น้องไม่ได้ เสียพ่อแม่ไปพร้อมกันยังถูกป้าสะใภ้รังแกอีก หากตอนนี้ตัวเขาไม่มีของวิเศษป่านนี้เขาก็คงทำได้เพียงหาปลาในลำธารย่างให้น้องๆทานอยู่เป็นแน่ ยิ่งด้านนอกฝนตกหนักเช่นนี้บอกเลยว่ากระต๊อบไม้ไผ่ก็คงกันฝนไว้ไม่อยู่หรอก ไม่อดตายก็อาจจะป่วยตาย แค่คิดถึงสภาพซีเจียงก็อดกล่าวของคุณชายชราช้ำๆไม่ได้ที่ท่านมอบของวิเศษให้ติดกายมาด้วย

ก่อนจะนอนเมื่อคืนซีเจียงเดินสำรวจทั้งในบ้านและนอกบ้านพอสมควรแล้ว สวนผลไม้ทุกต้นมีผลสุกออกเต็มต้นไปหมด มีทั้งผลไม้ที่เขารู้จักและไม่รู้จัก ลองเด็ดผลออกจากต้นดูก็ปรากฏว่าจะมีผลสุกออกมาแทนที่ทันที

จากที่สำรวจดูแล้วมิติแห่งนี้ไม่ว่าเราจะใช้อะไรไปก็จะมีของใหม่มาทดแทนเสมอ ตั้งแต่ของใช้ สิ่งของในบ้าน แม้กระทั่ง ผัก ผลไม้ หรือสมุนไพร เอาอะไรออกมาใช้มันก็จะงอกขึ้นมาใหม่ทุกครั้ง

ของในตู้เย็นเมื่อวานเขานำกุ้งและปลาหมึงออกมาทำอาหารวันนี้ทุกอย่างกลับมาอยู่ครบจำนวนดังเดิม

ซีเจียงยิ้มดีใจกับสิ่งมหัศจรรย์ที่ได้พบเจอ หากจะอยู่ในมิติแห่งนี้ไปตลอดก็สามารถทำได้ แต่เขากลัวว่าคนอื่นๆจะสงสัยที่อยู่ๆพวกเขาสามคนก็หายไปอย่างไร้ร่องรอย

อย่างไรพวกเขาก็ต้องออกไปใช้ชีวิตด้านนอก พยายามหาเงินให้เยอะๆจะได้มีเงินไปซื้อที่ดินเป็นของตัวเอง มีบ้านเป็นของตัวเองไม่ต้องรวยมากแค่เด็กๆไม่ต้องลำบากอีกเป็นพอ

มื้อเช้าวันนี้ซีเจียงทำต้มจืดส่าหร่ายหมูสับ ไข่เจียวหอมๆทานพร้อมข้าวสวยร้อนๆให้น้องๆทาน ทั้งตัวเขาและเด็กๆต้องบำรุงร่างกายกันอีกเยอะ เพราะแต่ละคนมีสภาพไม่ต่างจากคนขาดสารอาหารเลยสักนิด

" หอมจังเลยเจ้าค่ะพี่ซีเจียง "

ได้ยินเสียงน้องสาวซีเจียงก็หันไปส่งยิ้มให้นางทันที เด็กมอมแมมที่เจอเมื่อวานตอนนี้ฝาแฝดชายหญิงทั้งสองคนดูสะอาดสะอ้านมีเคล้าความหล่อเหลาและความงดงามอย่างชัดเจนทีเดียว

" นี่เขาเรียกว่าอะไรหรือขอรับ "

ซีหลงใช้ตะเกียบคีบสาหร่ายขึ้นมาแล้วเอ่ยถามพี่ชายอย่างใคร่รู้

" เขาเรียกว่าสาหร่ายน่ะ ลองทานดูสิว่าพวกเจ้าชอบหรือไม่ "

ซีหลินเป็นคนตักแกงจืดสาหร่ายหมูสับแบ่งใส่ถ้วยทั้งหมดสามถ้วยสำหรับสามคน ในขณะที่น้องๆตักแกงจืดสาหร่ายทานซีเจียงก็เป็นคนตักข้าวใส่ถ้วยให้น้องไปด้วย ถึงอย่างไรการทานอาหารพวกเขาก็ต้องใช้ตะเกียบเป็นหลัก แม้ลึกๆแล้วซีเจียงจะอยากใช้ช้อนตักข้าวทานก็ตามที แต่ชีวิตนี้เขาเป็นคนจีนแท้แตกต่างจากชีวิตก่อน การใช้ตะเกียบให้ชินถือเป็นเรื่องดีสำหรับตัวเขามากกว่า

" อร่อยมากเลยเจ้าค่ะ "

" สาหร่ายนี้แม้สีจะดำแต่อร่อยนักขอรับ "

" อร่อยก็ทานเยอะๆนะ "

เห็นน้องๆพยักหน้ารับพร้อมตักอาหารเข้าปากอย่างเป็นสุขแค่นี้คนทำก็มีความสุขไปด้วยแล้ว 

ใช้เวลาทานอาหารอยู่ครู่ใหญ่ซีหลินก็อาสารับหน้าที่นำถ้วยไปล้าง ก่อนที่พวกเขาสามคนจะพากันเดินออกมานั่งรับลมเย็นๆด้านหลังบ้านที่เป็นริมสระน้ำสีเขียวมรกตด้วยกัน

" ไม่มีปลาเลยเจ้าค่ะ "

ซีหลินกล่าวขึ้นแม้น้ำจะเป็นสีเขียวมรกตแต่กลับกระจ่างใสเห็นไปถึงพื้นชั้นล่างแต่ในน้ำกลับไม่มีปลาสักตัวเดียว

" พี่ซีเจียงคิดว่าน้ำในสระนี้จะเป็นน้ำวิเศษด้วยหรือไม่ขอรับ "

ซีหลงเองก็สงสัยจึงถามพี่ชายอีกคน 

ตอนนี้พวกเขารู้เหมือนกันว่าทุกอย่างในมิติแห่งนี้วิเศษจะใช้อะไรไปก็ไม่มีวันหมด แต่สระน้ำมรกตแห่งนี้พวกเขายังไม่รู้ว่ามันมีความวิเศษหรือไม่อย่างไรเพราะยังไม่มีใครลองพิสูจน์ดูเลย

" ไม่รู้สิ "

ซีเจียงก็ให้คำตอบน้องทั้งสองคนไม่ได้เหมือนกัน

นั่งเล่นกันอยู่ไม่นานเสียงฝนด้านนอกก็เริ่มซาลง

" เราคงต้องออกกันไปแล้วล่ะ "

ซีเจียงกล่าว

" แล้วชุดที่เราใส่อยู่ต้องเปลี่ยนหรือเปล่าเจ้าคะ "

เพราะตอนนี้ชุดที่พวกเขาใส่อยู่คือชุดใหม่เนื้อผ้าดีมาก

" คงต้องเปลี่ยนก่อนนะ ข้าไม่อยากให้คนอื่นสงสัยว่าพวกเราเอาชุดใหม่มาจากไหนโดยเฉพาะป้าสะใภ้ใจร้าย "

เด็กๆพยักหน้าเห็นด้วยทันที พวกเขาจึงแยกย้ายกลับเข้าไปเปลี่ยนชุดเดิมในห้องนอนของตัวเองแล้วออกมาเจอกันตรงหน้าบ้าน

" พวกเจ้าอยากนำอะไรออกไปบ้างไหม "

ซีเจียงถาม

" ไม่ดีกว่าขอรับ ตอนนี้พวกเราไม่ควรนำของในมิติออกไปใช้ด้านนอก "

" จริงเจ้าค่ะ "

" พวกเจ้าช่างรู้ความนัก "

ซีเจียงลูบศีรษะน้องคนละทีอย่างนึกเอ็นดู เมื่อเด็กๆจับแขนเขาไว้คนละข้างเพียงซีเจียงพูดในใจว่าออกไปจากที่นี่ร่างของพวกเขาสามคนก็หายวับมาปรากฏกายอยู่หน้ากระต๊อบไม้ไผ่ดังเดิม

" ช่างแตกต่างกันมากจริงๆ "

ซีหลินอดเปรียบเทียบโลกแห่งความเป็นจริงกับโลกในมิติไม่ได้เมื่อกลับออกมา

" ข้าวสารเปียกน้ำฝนหมดเลยขอรับ "

เมื่อออกมาจากมิติก็เจอข้าวสารไข่ไก่และผักที่วางไว้หน้าชาญบ้านถูกน้ำฝนเปียกหมดทุกอย่าง เมื่อวานพวกเขาลืมไปสนิทว่านำของเหล่านี้มาจากบ้านใหญ่ด้วยยังมีมันเทศอีกสามหัวที่ยังวางไว้รวมกัน

" ไม่เป็นไรข้าวสารสามารถนำไปตากแดดได้ไม่เสียหายอะไร ไข่ไก่สามฟองก็ยังอยู่ดี ผักกอนี้ก็ไม่ได้เฉามากเท่าไหร่ยังทำอาหารทานได้อยู่ส่วนมันเทศก็ไม่เป็นปัญหาวางไว้เดี๋ยวมันก็แห้ง "

ซีเจียงจัดการนำข้าวสารเทไว้ในถาดแล้วพาไปผึ่งลมไว้บนหลังคา ส่วนผักกับไข่ไก่และมันเทศก็นำใส่ตะกร้าไว้ก่อนจะเปิดประตูเข้าไปสำรวจดูในบ้าน

" ฝนสาดหมอนเปียกหมดเลย "

ตั้งแต่มาอยู่ที่นี่สามเดือนฝนไม่เคยตกมาก่อน เช้านี้จึงเป็นฝนแรกในรอบสามเดือนเลยก็ว่าได้

" ดีนะเจ้าคะที่พวกเราไม่นอนในบ้านไม้ไผ่อย่างเช่นที่ผ่านมา ไม่เช่นนั้นพวกเราต้องเปียกฝนแน่ๆ โชคดีที่พี่ซีเจียงหายจากอาการป่วยด้วย ไม่อย่างนั้นข้าไม่อยากจะคิดเลยว่าจะเกิดอะไรขึ้น "

ซีเจียงทำเพียงยิ้มน้อยๆเขาก็ไม่รู้จะกล่าวอะไร เพราะซีเจียงตัวจริงได้จากโลกนี้ไปแล้วตั้งแต่เมื่อวานตอนรุ่งสาง

หลังจากช่วยกันนำหมอน ผ้าห่ม และเสื้อผ้ามาตากที่ราวตากผ้าเสร็จ พวกเขาสามคนพี่น้องก็ต้องมานั่งหารือกันต่อเรื่องจะทำทีเข้าป่าหาของป่าหรือสมุนไพรไปขายในเมือง

" จากหมู่บ้านไปในเมืองไกลมากหรือไม่อาหลง "

เพราะมีแต่ซีหลงคนเดียวที่เคยไปในเมืองกับท่านลุงซีถ่ง

" นั่งเกวียนไปใช้เวลาเพียงครึ่งชั่วยามขอรับ "

ซีเจียงพยักหน้า หากเดินเท้าก็คงใช้เวลาเป็นหนึ่งชั่วยามแน่ๆ ไปกลับก็น่าจะสองชั่วยามโดยประมาณ

( 1 ชั่วยาม=2 ชั่วโมง )

ก็ถือว่าไกลใช้ได้อยู่ ซีเจียงคิด

" แต่พี่ซีเจียงขอรับเราสามารถจ้างเกวียนได้ "

" เจ้ารู้จักหรือ "

" รู้จักสิขอรับ ก็พี่จื่อหย่งอย่างไรเล่าขอรับ "

จื่อหย่ง คือคนที่นำอาหารมาให้น้องชายเขาอาทิตย์ละครั้งกระมังหากจำไม่ผิด

" ไหนเจ้าบอกว่าเขาเป็นพรานป่า "

" ใช่ขอรับ พี่จื่อหย่งเป็นนายพรานแต่เขาจะนำสัตว์ที่ล่ามาได้ไปขายในเมืองเกือบทุกวัน หากใครจะติดเกวียนไปด้วยก็ได้แต่ต้องจ่ายค่าเกวียน ราคาไม่แพงนะขอรับ ไปกลับเพียงสิบอีแปะเท่านั้น "

ซีเจียงพยักหน้าเข้าใจ

" เช่นนั้นเราเข้าป่ากันเถิด นี่ก็เข้ายามซื่อ(09.00-10.59)แล้ว จะได้นำสมุนไพรไปขายในเมืองกัน เจ้าว่าคนที่ชื่อจื่อหย่งจะนำสัตว์ไปขายในเวลาใดนะอาหลง "

" ยามโหย่ว(17.00-18.59)ขอรับ "

" เช่นนั้นเรามีเวลาสามชั่วยาม รีบไปกันเถิดทำทีเป็นเดินหาของป่าสักพักแล้วพี่จะรีบเข้าไปในมิตินำโสมออกมาเราจะได้พาไปขายในเมืองกัน "

จบคำพี่ชายน้องฝาแฝดรีบพยักหน้ารับและซีหลงก็ออกเดินนำทางอย่างรู้งานทันที

พวกเขาต้องเดินออกไปทางบ้านใหญ่อย่างเลี่ยงไม่ได้ ก่อนจะพากันเดินไปถึงรั้วบ้านก็เจอเข้ากับป้าสะใภ้อย่างที่คิดไว้ไม่มีผิด

" จะไปไหนกันน่ะ "

" พวกข้าจะไปหาของป่าทำอาหารขอรับ "

ซีเจียงเลือกที่จะตอบคำถามพร้อมจับมือน้องสาวไว้แน่น

" ก็ดี จะได้ไม่เปลืองข้าวสารบ้านข้า "

พวกเขาสามคนพี่น้องไม่ยืนต่อปากต่อคำแต่พากันเปิดประตูรั้วเดินออกไปแทน

" พวกเด็กเหลือขอ "

ลั่วหลันด่าทอตามหลังแต่ไม่ดังมากนักเพราะกลัวแม่สามีที่พักผ่อนอยู่ในบ้านจะได้ยิน

Lanjutkan membaca buku ini secara gratis
Pindai kode untuk mengunduh Aplikasi

Bab terkait

  • เกิดใหม่ไปใช้ชีวิตในยุคจีนโบราณ    บทที่5 โสมอายุร้อยยี่สิบปี

    เป็นครั้งแรกที่ซีเจียงได้ออกมาเห็นความเป็นอยู่ของคนในหมู่บ้านหมู่บ้านนี้มีชื่อว่า หมู่บ้านซูไฉ เมืองซานหวน หนึ่งในเขตปกครองของแคว้นจ้าว ชาวบ้านดำรงอาชีพทำนาปลูกผักเป็นส่วนใหญ่ เป็นหมู่บ้านขนาดใหญ่ มีชาวบ้านอาศัยอยู่สองร้อยหลังคาเรือนเห็นจะได้กระมังระหว่างทางที่เดินไปชายป่าหลังหมู่บ้าน มีชาวบ้านหลายคนเอ่ยทักทายกับน้องชายเขาอย่างเป็นกันเอง ดูท่าอาหลงคงออกมาเดินเล่นในหมู่บ้านบ่อยทีเดียวแต่เพราะเป็นครั้งแรกของเขาที่ออกมาจากรั้วบ้านสกุลซี ชาวบ้านที่เดินผ่านจึงหันมองมาอย่างสนใจ แถมยังมีเสียงกระซิบกระซาบตามหลังให้ได้ยินอีกต่างหากมีการถกเถียงกันว่าตัวเขาเป็นเกอหรือไม่ ซีเจียงยอมรับว่าไม่ใคร่พอใจเท่าไหร่ที่ถูกนินทาในระยะเผาขนเช่นนี้" พี่ซีเจียงนำผ้าไปปิดหน้าหน่อยเถิดเจ้าค่ะ "ซีหลินยื่นผ้าที่นางคาดไหล่ให้พี่ชาย นางก็ลืมไปเกอในหมู่บ้านนี้ส่วนใหญ่ไม่เปิดเผยใบหน้าให้ผู้ใดเห็นมากนัก " ทำไมหรือ "แม้จะถามแต่มือก็รับผ้าผืนบางมาคลุมศีรษะแล้วตวัดปลายผ้าไปด้านหลังปิดบังใบหน้าไปครึ่งหนึ่ง" ไม่ทราบเจ้าค่ะ แต่บุรุษเกอที่นี่เขามักจะใช้ผ้าปิดหน้ากันเวลาออกนอกบ้าน "" เฉพาะเกอที่ยังไม่ออกเรือนขอรับที

    Terakhir Diperbarui : 2025-04-11
  • เกิดใหม่ไปใช้ชีวิตในยุคจีนโบราณ    บทที่6 แก้เผ็ดป้าสะใภ้

    สรุปน้องน้อยฝาแฝดของเขาไม่ได้ต้องการสิ่งใด เพียงแต่พวกเขาสามคนพี่น้องพากันเดินชมตลาดในเมืองซานหวนกันอย่างตื่นตาตื่นใจและแวะทานอาหารดังๆกันเท่านั้น" หากเราได้ย้ายออกมาอยู่ในเมืองคงดีนะขอรับ "ซีหลงกล่าวออกมาตามที่คิด ในเมืองซานหวนช่างดูคึกคักนัก หากได้มีบ้านในเมืองพวกเขาคงมีความสุขน่าดู" นั้นสิเจ้าคะ ฝีมือการทำอาหารของพี่ซีเจียงเปิดร้านขายอาหารได้สบายเลย "เมื่อครู่พวกเขาแวะทานอาหารในร้านอาหารแห่งหนึ่ง รสชาติแม้จะทานได้แต่ไม่อร่อยเท่าฝีมือพี่ชายสักนิดซีเจียงพยักหน้ารับฟัง เขาเองก็มองที่ทางและสังเกตอาหารที่พ่อค้าแม่ค้านำมาขายในตลาดเช่นเดียวกัน อาหารส่วนใหญ่ที่เหล่าพ่อค้าแม่ค้านำมาขายก็คล้ายๆกันหมด หากเขาทำอาหารแปลกตามาขายดูบ้างคงน่าจะขายดีทีเดียวเงินสองตำลึงทองที่มีอยู่ก็สามารถนำมาเป็นทุนซื้อโต๊ะและอุปกรณ์การทำอาหารได้ แต่เขาอยากได้รถเข็นที่สามารถเข็นขายอาหารได้มากกว่านี่สิ ไม่รู้ในโลกใบนี้จะมีรถเข็นอย่างโลกเก่าก่อนหรือเปล่า หากมีรถเข็นเคลื่อนที่ได้มันจะสะดวกในการขายมากทีเดียว แต่หากไม่มีจริงๆเขาก็คงต้องหาบ้านเช่าให้เป็นหลักเป็นแหล่งเพื่อจะเปิดร้านอาหารไปเลย ให้มาตั้งโต๊ะหาบเร่แผงลอ

    Terakhir Diperbarui : 2025-04-11
  • เกิดใหม่ไปใช้ชีวิตในยุคจีนโบราณ    บทที่7 เช่าบ้าน

    เหตุการณ์หลังจากนั้น ป้าสะใภ้ถูกตำหนิจากทั้งชาวบ้าน จากท่านลุงซีถ่งผู้เป็นสามี และท่านปู่ท่านย่าพ่อแม่สามีอีกด้วย และยังถูกท่านลุงทำโทษด้วยการยึดอำนาจการดูแลค่าใช้จ่ายภายในบ้านคืน ในที่นี้คือนางยังต้องทำงานบ้านตามปกติแต่นางจะไม่มีสิทธิ์ถือเงินแม้แต่อีแปะเดียวนั้นเองส่วนพวกเขาหลังจากที่ท่านปู่ท่านย่าทราบข่าวว่าจะออกไปเช่าบ้านอยู่กันเองท่านจึงยื่นเงินให้มาหนึ่งถุงไว้เป็นทุนในการใช้ชีวิตในเมืองเมื่อกลับมาถึงบ้านไม้ไผ่ซีเจียงจึงแกะถุงนำเงินออกมานับ สรุปว่าเงินที่ท่านปู่ท่านย่าให้มาคือสามร้อยตำลึงเงิน หากนำมารวมกับเงินของพวกเขาตอนนี้ก็จะเป็นเงิน สองพันหนึ่งร้อยตำลึงทองสองร้อยตำลึงเงินกับอีกห้าร้อยอีแปะ เพราะเมื่อวานพวกเขาจ่ายเงินซื้อขนมและอาหารในตลาดไปแล้วห้าร้อยอีแปะ ส่วนเงินค่าเช่าบ้านก็ไม่ต้องกังวนเพราะท่านลุงอาสาจะจ่ายให้เอง ตอนนี้จึงถือว่าพวกเขาสามคนพี่น้องมีเงินติดตัวไม่น้อยทีเดียวตอนแรกซีเจียงตั้งใจจะกลับบ้านมาทำแปลงปลูกผัก แต่ตอนนี้คงต้องเปลี่ยนแผนแล้วล่ะ เพราะบ่ายวันนี้พวกเขาจะต้องเข้าเมืองกันอีกครั้งเพื่อจะไปหาบ้านเช่าพร้อมท่านลุงซีถ่งพวกเขาสามคนพี่น้องช่วยกับเก็บของที่แสนน้อ

    Terakhir Diperbarui : 2025-04-11
  • เกิดใหม่ไปใช้ชีวิตในยุคจีนโบราณ    บทที่8 ปลูกผัก

    ยามเหม่า(05.00-06.59)ตอนนี้ทั้งซีเจียงและน้องสาวน้องชายต่างออกมาช่วยกับปรับหน้าดินตั้งแต่ท้องฟ้ายังไม่ทันสว่างดีจนตอนนี้พวกเขาทำแปลงผักได้ทั้งหมดยี่สิบแปลงแล้วอุปกรณ์ทุกอย่างซีเจียงก็นำออกมาจากมิติทั้งสิ้นแต่เพราะไม่ได้แตกต่างจากที่ชาวบ้านมีเขาจึงนำออกมาใช้ได้อย่างสบายใจ คงจะมีเพียงบัวรดน้ำกระมังที่คนในยุคนี้ไม่มี ส่วนจอบและที่พรวนดินชาวบ้านที่มีอาชีพทำสวนก็ต้องมีทุกบ้านอยู่แล้ว เพียงแต่ของเขาอาจจะดูทันสมัยกว่าก็เท่านั้นเอง" เอาน้ำในขวดแก้วเทใส่ในบัวรดน้ำแล้วนำมารดแปลกผักให้ทั่ว ก่อนนำต้นกล้าลงปลูก "ซีเจียงที่นั่งหมดแรงจากการใช้จอบทำแปลงผักขึ้นมายี่สิบแปลงอธิบายให้น้องๆฟังแล้วทำตาม ตอนนี้พวกเขาเนื้อตัวเต็มไปด้วยเหงื่อและเศษดินเต็มไปหมดดูมอมแมมมากทีเดียวเมื่อน้องๆรดน้ำทีละแปลงไปเรื่อยๆซีเจียงจึงนำต้นกล้าลงปลูกตามหลังทันที เขาจะปลูกชิงช่าย(กวางตุ้ง)ห้าแปลง ไป๋ช่าย(ผักกาดขาว)ห้าแปลง เปาซินช่าย(กะหล่ำปลี)ห้าแปลง และคงซินช่าย(ผักบุ้ง)อีกห้าแปลงก่อน อยากรู้ว่าจะปลูกผักได้สำเร็จหรือไม่เมื่อนำต้นกล้าผักทุกชนิดลงแปลงเสร็จแล้ว ซีเจียงก็นำน้ำจากสระมรกตมารดน้ำผักอีกรอบหนึ่ง เมื่อเสร็จทุกอย่

    Terakhir Diperbarui : 2025-04-11
  • เกิดใหม่ไปใช้ชีวิตในยุคจีนโบราณ    บทที่9 ขายผัก

    ด้วยความที่ผักของพวกเขามันสมบูรณ์ต้นใหญ่จึงสามารถวางขายบนโต๊ะได้ไม่หมดส่วนที่เหลือต้องแยกใส่ไว้ในตะกร้าใบโตตรงพื้นด้านล่างแทนแต่ก็แยกชนิดผักไว้อย่างชัดเจนไม่ได้รวมกันแต่อย่างใดผักทั้งหมดซีเจียงจะขายในราคาเดียวกันคือจินละห้าสิบอีแปะ เมื่อครู่เขาลองนำผักแต่ละชนิดขึ้นตาชั่งแล้ว ผักที่มีน้ำหนักมากสุดถึงสิบจิน(5 กิโล)คือกะหล่ำปลี ส่วนกวางตุ้งกับผักกาดขาวมีน้ำหนักเท่ากันอยู่ที่หนึ่งต้นต่อแปดจิน(4 กิโล) และผักบุ้งสิบต้นต่อหนึ่งจินก็ถือว่าต้นสมบูรณ์มากๆแล้วบอกแล้วอย่างไรเล่าว่าผักของเขามีขนาดต้นที่ใหญ่มากกว่าในตลาดหลายเท่านักและคนที่มาอุดหนุนประเดิมการขายผักเป็นคนแรกก็คือท่านลุงเข่อจงเจ้าของบ้านเช่านั้นเอง ตอนแรกซีเจียงจะไม่คิดเงินเพราะตั้งใจไว้แต่แรกแล้วว่าจะนำผักไปฝากท่านลุงท่านป้าเจ้าของบ้านเช่าตอบแทนขนมที่ท่านนำมาให้ทานบ่อยๆแต่ท่านลุงกลับไม่ยินยอมนี่สิ" ของซื้อของขายจะให้ลุงฟรีๆได้เช่นไร ไม่ได้นะอาเจียงลุงไม่รับ "เข่อจงกล่าวจนเด็กๆต้องยอมคิดเงินจนได้" เช่นนั้นก็ได้ขอรับ ขอบคุณท่านลุงมากนะขอรับที่มาเป็นลูกค้าคนแรกของพวกเรา "ซีเจียงแม้จะเกรงใจแต่ในเมื่อท่านลุงต้องการซื้อเขาก็ทำอะไร

    Terakhir Diperbarui : 2025-04-11
  • เกิดใหม่ไปใช้ชีวิตในยุคจีนโบราณ    บทที่10 ดั่งพระเอกขี่ม้าขาว

    สามวันต่อมาผักที่พวกเขาสามคนนำมาปลูกแล้วรดน้ำจากสระมรกตก็โตขึ้นพร้อมเก็บขายได้อีกครั้งตอนนี้รอบบ้านของพวกเขาเต็มไปด้วยผัก โดยเฉพาะจำพวก พริก พริกไทย พริกหยวก และพริกหวาน ผลของมันเต็มต้นและมีสีสันน่ามองมาก" พวกเราคงเก็บไม่หมดในวันนี้แน่เจ้าค่ะ "ซีหลินชี้ไปทางพวกพริกทั้งหลายแต่ละต้นผลิดอกออกผลมากกว่าใบเสียอีก" นั่นสิ "ซีเจียงก็คิดเช่นนั้น วันนี้ทั้งวันพวกเขาสามคนคงเก็บพวกพริกเหล่านี้ไม่หมดแน่ๆ และหากมัวแต่เก็บพริกพวกนี้ผักชนิดอื่นก็คงไม่ได้เก็บขายไปด้วยพวกเขามีเวลาเพียงหนึ่งชั่วยาม(2ชั่วโมง)ในการถอนผักมาวางขายก่อนที่ชาวบ้านชาวเมืองจะออกกันมาเดินตลาดจับจ่ายใช้สอยซื้อวัตถุดิบกลับไปทำอาหารมื้อเช้าทานกันที่บ้าน" เช่นนั้นพวกเราเก็บผักชนิดอื่นกันก่อนดีกว่าขอรับ ต้องนำมาล้างดินอีกเดี๋ยวจะไม่ทัน "" งั้นลงมือเก็บผักกันเลย "ซีเจียงก็เห็นด้วยกับอาหลงทั้งสามคนจึงช่วยกันถอนผักต้นโตๆออกมาใส่ไว้ในตระกร้าและแยกชนิดของผักไว้ไม่รวมกันจะได้ไม่เสียเวลาล้างแล้วนำไปวางขายตะกร้าไม้ไผ่สานอันใหญ่เหลานี้เขาก็ออกไปซื้อมาเพิ่มเมื่อวาน เพราะผักที่นำออกมาปลูกมีหลายชนิดกว่าครั้งแรก เขายังปลูกผักบุ้ง ผักกาดข

    Terakhir Diperbarui : 2025-04-11
  • เกิดใหม่ไปใช้ชีวิตในยุคจีนโบราณ    บทที่11คบหาดูใจ

    " เจ้าพูดจริงหรือล้อข้าเล่น เจียงเอ๋อร์ "เพียงคำว่าเจียงเอ๋อร์ออกมาจากริมฝีปากหยักได้รูปของจื่อหย่งเล่นเอาซีเจียงมือไม้แทบจะอ่อนยวบยาบเสียให้ได้" ก็หากท่านยังไม่มีใครในใจ..."" ข้ายังไม่มี "เมื่อวางอาหารและตักข้าวให้ครบทุกคนแล้วซีเจียงจึงยอมเงยหน้ามองสบตาชายหนุ่ม" ข้ายอมรับตามตรงว่าข้าประทับใจในตัวท่านมาก หากท่านไม่รักเกียจที่ข้าไร้บิดามารดา..."" ข้าไม่รังเกียจเจ้า "" เช่นนั้นเราสองคนมาลองคบหาดูใจกันดีหรือไม่ขอรับ "สำหรับซีเจียงคิดอย่างไรเขาก็พูดอย่างนั้น ยิ่งเรื่องความรักเขาเคยมีประสบการณ์ มัวแต่ไม่กล้าสารภาพสุดท้ายคนที่แอบรักกลับไปแต่งงานกับคนอื่น ส่วนชีวิตนี้ในเมื่อเจอคนที่พึงใจแล้ว คนที่เราแน่ใจว่าสามารถเป็นหลักให้เรายึดได้เขาก็พร้อมที่จะเปิดใจให้อีกฝ่ายและจะไม่รอให้อีกคนเป็นฝ่ายต้องเอ่ยปากเองด้วย ของแบบนี้พูดกันตรงๆเปิดอกคุยกันอย่างแมนๆไปเลย หากจื่อหย่งตกลงหรือไม่ตกลงเขาจะได้รู้ว่าต่อไปควรปฏิบัติตัวอย่างไรให้เหมาะสมด้านจื่อหย่งยอมรับว่าอึ้งที่เกอน้อยแสนน่ารักเป็นคนเอ่ยปากขอคบหาดูใจกับเขาก่อน แต่อึ้งก็ส่วนอึ้งเพราะความเป็นจริงตอนนี้เขารู้สึกดีใจมากจึงพยักหน้าตอบรับทันทีที

    Terakhir Diperbarui : 2025-04-15
  • เกิดใหม่ไปใช้ชีวิตในยุคจีนโบราณ    บทที่12 ขายดีเป็นเทน้ำเทท่า

    สามวันต่อมาชาวบ้านที่ทราบข่าวก็พากันมาต่อแถวซื้อผักกันตั้งแต่ยามเฉิน(07.00-08.59)โชคดีที่มีพี่จื่อหย่งมาช่วยเก็บผักตั้งแต่ยามอิ๋น(03.00-04.59)จึงทำให้พวกเขามีผักไว้วางขายทันแม้จะยังเก็บผักกันไม่หมดก็ตามทีตอนมาถึงอีกฝ่ายมีท่าทางอึ้งไม่น้อยที่ผักโตเร็วมากแต่กลับไม่เอ่ยถามสักคำมีแต่จะช่วยเก็บผักและนำผักไปล้างอย่างตั้งอกตั้งใจ ส่วนผักจำพวกพริกเมื่อรดน้ำจากสระมรกตก็กลับมาให้ดอกออกผลทุกวันและเขาก็ต้องเก็บไว้ทุกวันเช่นกัน จนวันนี้ร้านเรามีพริกทั้งสี่ชนิดมากพอสำหรักการขายอย่างแน่นอนซีเจียงจึงมีหน้าที่ขายผักเพียงอย่างเดียวในวันนี้ ส่วนอีกสามคนก็ทำหน้าที่เก็บผักล้างผักกันไปเรื่อยๆ เสร็จจากผักที่ต้องถอนก็ไปเด็ดพริกทั้งสี่ชนิดกันต่อ การขายผักวันนี้จึงใช้เวลาไปตลอดช่วงเช้าทีเดียวกว่าจะขายหมด ไม่ใช่ไม่มีลูกค้านะ แต่เพราะลูกค้าต้องรอพริกที่เก็บจากต้นมันจึงใช้เวลานานพอสมควรกว่าจะนำมาขายหน้าร้านได้นับวันยิ่งมีลูกค้าเพิ่มจำนวนมากขึ้นเรื่อยๆ แต่น่าเสียดายที่เขาสามารถปลูกผักได้เพียงเท่านี้เพราะไม่มีที่ดินสำหรับทำแปลงผักแล้วจริงๆ ตอนนี้รอบบ้านเช่าเต็มไปด้วยแปลงผักขยับขยายไม่ได้แล้วเมื่อเก็บร้านเสร็จ

    Terakhir Diperbarui : 2025-04-15

Bab terbaru

  • เกิดใหม่ไปใช้ชีวิตในยุคจีนโบราณ    บทที่20 บทส่งท้าย(จบ)

    และใช่ สามีเขาดูแลดีชนิดที่ว่าตัวเขาแทบไม่ต้องหยิบจับอะไรเลยแม้แต่อาหารที่ต้องทำขายนอกจากนั่งชิมรสชาติอาหารทั้งสามเมนูที่สามีเป็นคนลงมีทำเองตั้งแต่ต้นจนจบเท่านั้นจื่อหย่งเป็นคนช่างสังเกตและเรียนรู้เร็ว ที่สำคัญทำอาหารได้เร็วกว่าเขาอีกต่างหากด้วยนี่สิ ส่วนเรื่องรสชาติแค่มีเครื่องปรุงครบทุกอย่างก็อร่อยได้ไม่ยากเลยตั้งแต่เมื่อวานที่รู้ว่าเขาท้อง ทั้งสามีทั้งน้องๆไม่ยอมให้เขาช่วยหยิบช่วยจับอะไรสักอย่าง ประคบประหงมเสียจนเขาแอบอ่อนใจ เขาแค่ท้องไงไม่ได้ป่วยหนักเสียหน่อยส่วนเรื่องจ้างคนเก็บผักเขาก็ตกลงรับเด็กๆบ้านสกุลหานทำงานเรียบร้อยแล้ว จะจ่ายค่าจ้างเป็นรายวันและจ่ายให้เท่าๆกันทุกคนด้วยแรงงานรายวันในเมืองซานหวนค่าแรงอยู่ที่วันละสามร้อยอีแปะเท่านั้น แต่เขาจ้างเด็กๆวันละห้าร้อยอีแปะและมีอาหารให้ทานครบสามมื้อ เริ่มงานวันแรกคือวันนี้ หลังจากเตรียมของทุกอย่างเสร็จพวกเขาก็พากันออกมาจากมิติ เข้าออกมิติถึงสามรอบกว่าจะนำของออกมาครบทุกอย่าง และพอเปิดประตูบ้านเด็กๆสกุลหานก็นั่งรออยู่หน้าร้านเรียบร้อยแล้วเด็กๆสกุลหานช่างรู้งานนักเมื่อเห็นจื่อหย่งยกของออกมาวางหน้าร้านพวกเขาก็รีบเข้ามาช่วยยกของกันใ

  • เกิดใหม่ไปใช้ชีวิตในยุคจีนโบราณ    บทที่19 ข่าวดี

    ผลปรากฏว่าหิมะตกปีนี้ลากยาวไปถึงสองเดือนเต็มทีเดียวตลอดสองเดือนมานี้พวกเขาสี่คนช่วยกันขายอาหารทุกวัน ตอนนี้เมนูที่ขายนั้นนอกจากขนมจีนเส้นสด โจ๊กสาหร่ายแล้ว ยังมีเมนูขนมหวานอีกหนึ่งเมนูด้วยคือบัวลอยน้ำขิง เป็นสามเมนูที่ขายดิบขายดีทำเพิ่มเท่าไหร่ก็ขายหมดไม่มีเหลือตอนนี้พวกเขาเก็บเงินได้หลายแสนตำลึงทองแล้ว หากไม่นับเงินค่าสินสอดของสามีอะนะตั้งใจเอาไว้ว่าหิมะหยุดตกเมื่อไหร่ก็จะเริ่มขยับขยายที่อยู่อาศัยทันทีคืนนี้ซีเจียงจึงทำการวาดแปลนบ้านเพื่อจะให้สามีนำไปให้ช่างรับจ้างทำบ้านในวันพรุ่งนี้ ส่วนบ้านเช่าตรงนี้เขาจะปรับเปลี่ยนเป็นร้านขายอาหารเล็กๆเพราะในอนาคตเขาจะขายทั้งอาหารและผักไปพร้อมกันเลย" เจ้าจะเก่งเกินไปแล้วภรรยาข้า "จื่อหย่งที่เห็นซีเจียงวาดแปลนบ้านอดจะเอ่ยปากชมไม่ได้ คนอะไรจะเก่งไปเสียทุกเรื่องเช่นนี้ ซีเจียงยิ้มกว้างเอียงแก้มให้สามีหอมอย่างรู้งานเมื่ออีกคนโน้มหน้าลงมาใกล้ ก่อนจะเอ่ยเล่าให้ฟังว่าตรงไหนเป็นอะไรบ้าง" เรือนใหญ่จะเป็นที่พักของเราสองคนนะขอรับ ส่วนเรืองเล็กด้านซ้ายและด้านขวาจะเป็นที่พักส่วนตัวของอาหลงและหลินเอ๋อร์ พี่จื่อหย่งอยากได้เรือนอะไรเพิ่มอีกไหมขอรับข้าจะได

  • เกิดใหม่ไปใช้ชีวิตในยุคจีนโบราณ    บทที่18 หิมะแรกของปี

    ผ่านพ้นวันแต่งงานพวกเขาสองคนไปเพียงหนึ่งอาทิตย์หิมะแรกของปีก็ตกลงมาจริงๆตามที่ชาวบ้านชาวเมืองคาดไว้ไม่มีผิดเพราะอากาศปีนี้หนาวเร็วกว่าทุกปีโชคดีที่พวกเขาสี่คนเข้ามาอยู่ในมิติตอนกลางคืนที่ภายนอกหิมะตกหนักพอดิบพอดี ถึงตอนกลางวันจะต้องออกไปใช้ชีวิตด้านนอกอย่างเลี่ยงไม่ได้ แต่ความหนาวก็ยังน้อยกว่าตอนกลางคืนมากนักแม้มันจะหนาวมากๆก็ตามในความรู้สึกของซีเจียงในมิติแห่งนี้อากาศไม่ได้เหมือนกันกับโลกภายนอกพวกเขาจึงอยู่กันได้สบายโดยที่ไม่ต้องใส่เสื้อกันหนาวขนสัตว์ให้รู้สึกอึดอัด" หิมะลงเช่นนี้เราคงต้องพักการปลูกผักไปก่อน "ซีเจียงกล่าวขึ้นในระหว่างนั่งทานอาหารมื้อค่ำด้วยกัน" พี่เห็นด้วยกับเจ้า "เกอน้อยยิ้มกว้างเมื่อสามีเห็นดีเห็นงามกับเขาทุกเรื่องไม่เคยเอ่ยปากขัดใจเลยสักครั้งตั้งแต่รู้จักกันจนกระทั่งแต่งงานแล้วก็ยังเหมือนเดิมไม่เปลี่ยน" แล้วเราจะทำอะไรกันดีเจ้าคะหรือจะหยุดพักการขายของไปก่อนเลย "" หิมะตกเป็นเดือนๆหากเราไม่ขายของรายได้เราก็จะหายหมดพี่ว่าจะขายอาหารเพิ่ม อากาศหนาวๆเช่นนี้ เช้าๆต้องทานโจ๊กร้อนๆถึงจะคลายหนาวได้ดี "" ทำโจ๊กอะไรดีขอรับ "ซีหลงเอ่ยถามอีกคน" โจ๊กสาหร่ายทะเล พี่จะใ

  • เกิดใหม่ไปใช้ชีวิตในยุคจีนโบราณ    บทที่17 เข้าหอ

    กว่าจะถึงบ้านเช่าก็เข้ายามเว่ย(13.00-14.59)พอดีตอนนี้ซีเจียงยังทำอะไรไม่ได้นักเพราะยังอยู่ในชุดแต่งงานที่สำคัญมีผ้าปิดหน้าที่ยังถอดออกไม่ได้จื่อหย่งและน้องๆจึงช่วยกันขนสินสอดและสินเดิมเข้าไปเก็บไว้ในบ้านเช่า เมื่อขนทุกอย่างลงจากเกวียนจนหมดจื่อหย่งจึงถอดเกวียนไปเก็บก่อนจะพาม้าหนุ่มไปผูกไว้กับรั้วข้างบ้านแล้วเดินเข้ามานั่งในบ้านข้างๆภรรยา" พี่จื่อหย่งขอรับ "ซีเจียงได้ปรึกษากับน้องๆแล้วว่าหาเขากับจื่อหย่งแต่งงานกันเขาจะบอกเรื่องมิติวิเศษให้อีกฝ่ายรับทราบเพราะการที่ต้องใช้ชีวิตอยู่ด้วยกันทั้งสิบสองชั่วยามเขาไม่สามารถปิดบังคนรักได้เพราะถึงอย่างไรตอนกลางคืนพวกเขาก็จะเข้าไปนอนในมิติอยู่ดี สู้บอกกล่าวเสียตั้งแต่วันแรกที่ใช้ชีวิตเป็นสามีภรรยากันเลยจะดีกว่า" ว่าอย่างไรหรือ "" คือข้า มีความลับจะบอกท่าน "จื่อหย่งมองสีหน้าจริงจังของสามพี่น้องก็ทำเอาเขาต้องตั้งใจฟังอย่างจริงจังไปด้วยไม่ได้" ว่าอย่างไรเล่า "" คือข้ามี มิติวิเศษขอรับ "" เจ้าก็มีแหวนมิติเช่นกันหรือ "จื่อหย่งเลิกคิ้วถามอย่างตื่นเต้นระคนยินดีนัก" ไม่ใช่แหวนขอรับ แต่เป็นกำไลมิติ "ซีเจียงยกมือข้างที่สวมกำไลให้สามีดู แล้วก็ต้อ

  • เกิดใหม่ไปใช้ชีวิตในยุคจีนโบราณ    บทที่16 พิธีกราบไหว้ฟ้าดิน

    การแต่งงานครานี้ซีเจียงอยากให้จัดแบบเล็กๆไม่ต้องมีขบวนเจ้าบ่าวเจ้าสาวให้เปลืองเงินเปลืองทอง สินสอดก็ไม่ต้องมากมายอะไร จัดเพียงพิธีกราบไหว้ฟ้าดินและลงลายมือชื่อเป็นสามีภรรยาที่ถูกต้องตามกฎหมายบ้านเมืองก็พอแล้วแต่ถึงอย่างไรมันก็ไม่ใช่ว่าจะได้ดั่งใจขนาดนั้น แม้ซีเจียงจะไม่มีบิดามารดาแต่ยังมีท่านปู่ท่านย่า อย่างไรการจัดงานแต่งงานเขาก็ต้องไปจัดที่บ้านใหญ่สกุลซีอยู่ดี เรื่องนี้ท่านลุงซีถ่งมารับพวกเขาสามคนพี่น้องกลับไปคุยกันที่บ้านใหญ่สกุลซีทีเดียวนี่จึงถือเป็นการปิดร้านครั้งแรกที่ทำการค้าขายมาเลยก็ว่าได้" พี่จื่อหย่งและข้าต่างก็ไม่มีบิดามารดา ข้าไม่อยากจัดงานแต่งให้มันยุ่งยากขอรับท่านปู่ท่านย่า "ซีเจียงกล่าวความคิดของตัวเองออกมาตามตรง " เช่นนั้นเอาตามที่เจ้าว่าปู่กับย่าตามใจเจ้า "" ขอบคุณมากขอรับ "ซีเจียงขอบคุณท่านปู่ท่านย่าจริงๆที่ไม่บังคับอะไรเขาเลย" เรื่องสินสอดเจ้าก็ไม่ต้องแบ่งให้บ้านใหญ่ เก็บไว้เป็นทุนในอนาคต "จบคำแม่สามีลั่วหลันอยากกรีดร้องออกมาใจแทบขาด เท่ากับบ้านใหญ่สกุลซีจัดงานแต่งให้มันฟรีๆเช่นนั้นหรือ ซีเจียงเห็นกิริยาป้าสะใภ้ทุกอย่างแต่เลือกที่จะไม่พูดอะไร นางคงไม่พอใจ

  • เกิดใหม่ไปใช้ชีวิตในยุคจีนโบราณ    บทที่15 พูดคุยเรื่องแต่งงาน

    นางลั่วหลันออกมาดักรอพรานหนุ่มอยู่หลายวันก็ไม่เจอ นางจึงเดินไปท้ายหมู่บ้านถามไถ่คนบ้านใกล้เรือนเคียงจึงได้ทราบว่าเจ้าพรานกำพร้านั่นจะออกไปเมืองซานหวนตั้งแต่รุ่งสางและกลับเข้าบ้านในตอนตะวันตกดินไปแล้วทุกวัน ที่สำคัญเจ้าจื่อหย่งก็ไม่ได้เข้าป่าล่าสัตว์มานานสามเดือนกว่าแล้วด้วยเป็นแบบนี้ชัดเลย ไอ้เด็กเกอนั้นต้องเลี้ยงดูบุรุษเป็นแน่ ช่างน่าอับอายยิ่งนักลั่วหลันคิดในใจอย่างนึกรังเกียจเดียดฉันผ่านไปอีกสองสามวันในที่สุดนางลั่วหลันก็ดักเจอจื่อหย่งจนได้ในตอนที่ชายหนุ่มขับเกวียนเข้าหมู่บ้านผ่านหน้าบ้านสกุลซีพอดี" หยุดก่อน "จื่อหย่งหยุดเกวียนมองนางลั่วหลันนิ่งก่อนเอ่ยถาม" มีอะไรกับข้าหรือขอรับ "" ข้าน่ะไม่มี แต่พ่อแม่สามีข้าต้องการคุยกับเจ้า "พูดจบทำหน้าสะใจมองเด็กรุ่นลูกด้วยแววตาสมน้ำหน้าอยู่ในที ตอนนี้สามีนางก็รู้เรื่องแล้วแม้จะไม่พูดอะไรแต่ดูจากแววตาซีถ่งก็คงไม่สบายใจในเรื่องนี้นัก เพราะการอยู่กินก่อนแต่งงานเป็นการทำให้ชื่อเสียงของสกุลเสียหายส่วนเรื่องที่นางได้เงินค่าเช่าบ้านจากเด็กๆกลับคืนมานางเลือกที่จะไม่บอกสามี นางจะเก็บเงินไว้ใช้จ่ายในสิ่งที่นางอยากได้แทน ก็ซีถ่งยึดค่าใช้จ่ายในบ้

  • เกิดใหม่ไปใช้ชีวิตในยุคจีนโบราณ    บทที่14 ทวงบุญคุณ

    ตอนนี้เรื่องที่หลานๆบ้านสกุลซีเปิดร้านขายผักขายอาหารเป็นที่พูดถึงไปทั่วแม่แต่ชาวบ้านในหมู่บ้านซูไฉเองก็ด้วยเพราะมีชาวบ้านในหมู่บ้านเข้าเมืองซานหวนแล้วได้ซื้อผักที่มีขนาดใหญ่สมบูรณ์มาทำอาหารทานหลายคนพากันติดใจในรสชาติของผักที่กรอบอร่อยไม่เหมือนผักตามท้องตลาดเลยแม้แต่น้อย บางคนที่ได้ซื้ออาหารมาทานก็พากันชมไม่หยุดปาก จนเรื่องทุกอย่างเข้าหูนางลั่วหลันในวันหนึ่งเพราะสามีนางได้จ่ายค่าเช่าบ้านให้เด็กเหล่านั้นล่วงหน้าไปแล้วถึงสามเดือน ตลอดสามเดือนมานี้ซีถ่งเอาแต่ทำนาทุกวันและไม่เคยไปเยี่ยมหลานเลยสักครั้งจึงยังไม่ทราบข่าวว่าหลานเปิดร้านขายของและจากที่ได้ยินมาของที่ขายช่างขายดีเสียด้วยนี่สินางลั่วหลันเกิดความคิดหนึ่งขึ้นมาในหัว ในเมื่อเป็นลูกหลานสกุลซีมีรายได้ดีเช่นนี้ก็ต้องตอบแทนบุญคุณกันบ้าง รายได้พวกนั้นควรจะแบ่งให้บ้านใหญ่ครึ่งต่อครึ่งถึงจะเรียกว่ากตัญญูเช้าวันต่อมานางลั่วหลันออกอุบายกับสามีว่านางจะไปซื้อของใช้ในเมือง และเพราะทราบอยู่แล้วว่าช่วงนี้สามีไม่ว่างเพราะต้องเก็บเกี่ยวข้าวให้เร็วที่สุดก่อนหิมะจะลงในอีกไม่กี่เดือนข้างหน้านี้ ไม่ใช่แค่สามีนางที่รีบเกี่ยวข้าวแต่ชาวบ้านที่ทำนาต่างพา

  • เกิดใหม่ไปใช้ชีวิตในยุคจีนโบราณ    บทที่13 บุตรสาวเจ้าของร้านอาหาร

    สามเดือนหลังจากนั้นบ้านเช่าของสามพี่น้องก็ยังมีอดีตนายพรานหนุ่มสุดหล่อมาช่วยงานตั้งแต่รุ่งสางทุกวันไม่เคยขาดที่เรียกว่าอดีตนายพรานเพราะจื่อหย่งไม่ได้เข้าป่าล่าสัตว์มานานถึงสามเดือนแล้ว ชายหนุ่มเลือกที่จะมาช่วยงานคนรักแทน แต่เจ้าตัวก็ยังนำเนื้อสัตว์มาฝากทุกๆสองวันบอกว่าซื้อมาจากสหายอีกทีหนึ่งแม้พี่จื่อหย่งไม่ได้เข้าป่าแล้ว แต่พวกเขาก็ยังมีเนื้อสัตว์ไว้ทำอาหารทานทุกมื้ออยู่ดี สามเดือนมานี้ซีเจียงไม่เคยนำเนื้อสดจากมิติมาทำอาหารเลยจริงๆ เพราะเนื้อสัตว์ที่พี่จื่อหย่งนำมาฝากแต่ละครั้งมากมายนักแถมยังเป็นเนื้อสัตว์หลายชนิด ที่สำคัญชายหนุ่มคนรักชำแหละมาให้เสร็จเรียบร้อยสะอาดสะอ้านทุกครั้งด้วยและเรื่องการคบหาดูใจของพ่อค้าเกอคนงามกับนายพรานหนุ่มพวกลูกค้าที่มาซื้อผักและซื้ออาหารต่างก็ทราบกันดี และเรื่องนี้ก็ทำให้คนที่หมายตาพรานหนุ่มไว้ไม่พอใจมากทีเดียวโดยเฉพาะบุตรสาวเจ้าของร้านอาหารที่จื่อหย่งนำสัตว์ไปขายประจำหลายปีอย่าง แม่นางไป๋ ไป๋ฮวาหลีวันนี้นางจึงเดินมายังร้านท้ายตลาดพร้อมกับสาวใช้คนสนิทอีกหนึ่งคน" คนต่อแถวยาวเลยเจ้าค่ะคุณหนู "จูจู กล่าวขึ้นมาแผ่วเบาฮวาหลี ขมวดคิ้วไม่พอใจที่เห็นหน้าร้

  • เกิดใหม่ไปใช้ชีวิตในยุคจีนโบราณ    บทที่12 ขายดีเป็นเทน้ำเทท่า

    สามวันต่อมาชาวบ้านที่ทราบข่าวก็พากันมาต่อแถวซื้อผักกันตั้งแต่ยามเฉิน(07.00-08.59)โชคดีที่มีพี่จื่อหย่งมาช่วยเก็บผักตั้งแต่ยามอิ๋น(03.00-04.59)จึงทำให้พวกเขามีผักไว้วางขายทันแม้จะยังเก็บผักกันไม่หมดก็ตามทีตอนมาถึงอีกฝ่ายมีท่าทางอึ้งไม่น้อยที่ผักโตเร็วมากแต่กลับไม่เอ่ยถามสักคำมีแต่จะช่วยเก็บผักและนำผักไปล้างอย่างตั้งอกตั้งใจ ส่วนผักจำพวกพริกเมื่อรดน้ำจากสระมรกตก็กลับมาให้ดอกออกผลทุกวันและเขาก็ต้องเก็บไว้ทุกวันเช่นกัน จนวันนี้ร้านเรามีพริกทั้งสี่ชนิดมากพอสำหรักการขายอย่างแน่นอนซีเจียงจึงมีหน้าที่ขายผักเพียงอย่างเดียวในวันนี้ ส่วนอีกสามคนก็ทำหน้าที่เก็บผักล้างผักกันไปเรื่อยๆ เสร็จจากผักที่ต้องถอนก็ไปเด็ดพริกทั้งสี่ชนิดกันต่อ การขายผักวันนี้จึงใช้เวลาไปตลอดช่วงเช้าทีเดียวกว่าจะขายหมด ไม่ใช่ไม่มีลูกค้านะ แต่เพราะลูกค้าต้องรอพริกที่เก็บจากต้นมันจึงใช้เวลานานพอสมควรกว่าจะนำมาขายหน้าร้านได้นับวันยิ่งมีลูกค้าเพิ่มจำนวนมากขึ้นเรื่อยๆ แต่น่าเสียดายที่เขาสามารถปลูกผักได้เพียงเท่านี้เพราะไม่มีที่ดินสำหรับทำแปลงผักแล้วจริงๆ ตอนนี้รอบบ้านเช่าเต็มไปด้วยแปลงผักขยับขยายไม่ได้แล้วเมื่อเก็บร้านเสร็จ

Jelajahi dan baca novel bagus secara gratis
Akses gratis ke berbagai novel bagus di aplikasi GoodNovel. Unduh buku yang kamu suka dan baca di mana saja & kapan saja.
Baca buku gratis di Aplikasi
Pindai kode untuk membaca di Aplikasi
DMCA.com Protection Status