" พี่ซีเจียงวางมีดพร้าลงก่อนเจ้าค่ะข้ามีเข็ม "
ซีหลินรีบวิ่งเข้าไปเอากระปุกใส่เข็มและด้ายออกมายื่นให้พี่ชายอย่างเร่งรีบ นางกลัวจริงๆ กลัวว่าพี่ซีเจียงจะใช้มีดพร้าบาดนิ้วตัวเอง กลัวว่าแทนที่จะได้เลือดเพียงหยดเดียวกลายเป็นเลือดที่ไหลไม่หยุดพร้อมนิ้วขาดไปหนึ่งนิ้วด้วยนี่สิ มีดพร้าเล่มนี้คมน้อยเสียที่ไหน
" อา ขอบใจเจ้ามาก "
ซีเจียงวางมีดพร้าลงก่อนจะรับเข็มอันเล็กมาถือไว้ มองสบตาน้องๆ ที่รอลุ้นไปด้วยกันก่อนจะทำการจิ้มเข็มลงบนนิ้วแล้วหยดเลือดลงไปบนกำไลหนึ่งหยดเท่านั้น
" เห้ย! "
เพียงเลือดหยดลงไป อยู่ๆ ร่างของซีเจียงก็หายวับไปต่อหน้าต่อตาน้องๆ ทั้งสองคนทันที
" พี่ซีเจียง!/พี่ซีเจียงเจ้าค่ะ! "
ซีเจียงเองก็ตกใจไม่แพ้กัน เขาได้ยินเสียงน้องทั้งสองคนชัดเจนเพียงแต่ตอนนี้ร่างของเขามาโผล่งอยู่อีกสถานที่หนึ่งเสียแล้ว
" โห้ "
ตรงหน้าเขาฝั่งซ้ายคือแปลงผักหลากหลายชนิดสุดลูกหูลูกตารวมถึงเหล่าสมุนไพรมากมายทั้งที่รู้จักและไม่รู้จัก ส่วนฝั่งขวาคือสวนผลไม้ มีตั้งแต่ผลไม้ชนิดไม้เลื้อยไปจนถึงไม้ยืนต้นสุดลูกหูลูกตาไม่ต่างกันแถมแต่ละต้นยังมีผลที่สุกเต็มต้นไปหมดเลย ส่วนตรงกลางมีบ้านปูนชั้นเดียวทรงโมเดิร์นปลูกอยู่หลังไม่ใหญ่มากนัก และหลังบ้านมองเห็นสระน้ำสีเขียวมรกตอีกต่างหาก ทุกอย่างคล้ายภาพวาดแต่พอเขาตัดสินใจก้าวเท้าเดินเข้าไปในบ้านทุกอย่างที่เห็นมันคือเรื่องจริงไม่ใช่ความฝันแน่นอน
ในบ้านมีห้องนอนทั้งหมดสามห้องมีห้องน้ำในตัว มีเครื่องนอนครบชุด มีห้องนั่งเล่น มีห้องครัว มีอุปกรณ์ทุกอย่างที่ในโลกจีนโบราณแห่งนี้ไม่ควรมี แม้กระทั่งเครื่องใช้ไฟฟ้าในบ้านนี้ก็มีครบทุกอย่างอย่างไม่น่าเชื่อ!
ซีเจียงยอมรับว่าตอนนี้ตื่นเต้นมาก มากๆ ถึงมากที่สุด ไม่คิดว่าชีวิตใหม่นี้ที่ได้มาครอบครองหมาดๆ จะได้พบเจอของที่ดูทันสมัยแบบนี้อีกครั้ง ไม่คิดไม่ฝันว่าเขาจะเจอกับสิ่งของที่เคยใช้ในชีวิตเก่าก่อนตาย แต่พอหยิบจับของทุกอย่างขึ้นมาดูใกล้ๆ มันคือเรื่องจริง มันเป็นสิ่งของที่จับต้องได้แทบทั้งสิ้น
มหัศจรรย์มาก!
นี่หรือคือของวิเศษที่เขาได้มาครอบครองพร้อมชีวิตใหม่ มันเป็นอะไรที่ล้ำค่ากว่าเงินทองหลายเท่านัก
ขอบคุณครับท่าน ซีเจียงกล่าวขอบคุณชายชราในใจ
การสู้ชีวิตในโลกใบใหม่ของเขาก็ดูไม่ลำบากเท่าไหร่แล้วละ อย่างน้อยๆ พวกเขาสามคนพี่น้องก็จะไม่อดตาย และมีที่หลับที่นอนแสนสบายกว่ากระต๊อบไม้ไผ่หลังนั้น อย่าลืมสิในโลกจีนโบราณแห่งนี้มีหลายฤดู โดยเฉพาะฤดูหนาวที่มีหิมะตกด้วยแล้วคิดดูสิว่าบ้านไม้ไผ่หลังเท่านั้นจะช่วยคลายความหนาวได้สักแค่ไหนกัน ไม่แคล้วพวกเขาอาจจะหนาวตายก็เป็นได้
" พี่ซีเจียงเจ้าคะ "
" พี่อยู่ไหนขอรับ "
ซีเจียงดีใจจนมือไม้สั่น รีบออกจากบ้านและเพียงแค่คิดว่าต้องกลับไปหาน้องๆ เขาก็กลับมาปรากฏตัวตรงที่เดิมทันที
" พี่กลับมาแล้ว/พี่หายไปไหนมา "
ซีเจียงยังตื่นเต้นไม่หายเขาจึงยังไม่ตอบน้องๆ ในทันทีทันใดมีเพียงรอยยิ้มกว้างอย่างดีใจส่งให้เด็กๆ แทน
" พี่ซีเจียง..."
" พวกเจ้าจับตัวข้าเร็ว ข้าจะพาพวกเจ้าไปดูด้วยตาตัวเอง "
ไหนๆ ตอนนี้เด็กๆ ทั้งสองคนคือน้องชายและน้องสาวแท้ๆ ของเขาแล้ว จะทุกข์จะสุขเขาก็จะร่วมแบ่งปันกันทุกอย่าง
ซีหลงและซีหลินรีบคว้าแขนพี่ชายคนละข้างเมื่อซีเจียงลูบมือลงบนกำไลเพียงครั้งเดียวเท่านั้นทั้งสามคนก็หายวับเข้าไปยืนอยู่หน้าบ้านทรงโมเดิร์นพร้อมกันทันที
" โห้/ว้าว "
เสียงอุทานของเด็กสองคนทำให้ใบหน้าของคนที่เพิ่งจะเป็นพี่ชายคนโตหมาดๆ มีรอยยิ้มออกมาได้ไม่ยาก
" สวยจังเลยเจ้าค่ะ อย่างกับเป็นโลกอีกใบเลย "
" หรือว่า ที่นี่เป็นมิติวิเศษขอรับพี่ซีเจียง "
ซีหลงกล่าวออกมาด้วยแววตาเป็นประกาย
" มิติวิเศษหรือ "
" ขอรับ พี่ซีจางกล่าวถึงของวิเศษหลายอย่างหนึ่งในนั้นข้าได้ยินว่ามันมีมิติวิเศษด้วยข้าจำได้ "
" เช่นนั้นเรื่องนี้ต้องเป็นความลับนะ รู้เพียงเราสามคนพี่น้องตกลงหรือไม่ "
" ตกลงเจ้าค่ะ/ข้าตกลงขอรับ "
เด็กทั้งสองรับปากอย่างหนักแน่น หากมันเป็นของวิเศษเราก็ไม่ควรเปิดเผยให้ใครรู้เพราะอาจจะมีคนคิดร้ายช่วงชิงมันไป และสิ่งที่จะได้ของวิเศษไปครอบครองมันมีวิธีเดียวเท่านั้นคือเจ้าของเดิมต้องตาย และซีเจียงจะไม่ยอมตายไปเป็นดวงวิญญาณเร่ร่อนอีกแล้ว
ซีเจียงพาน้องทั้งสองคนเข้าไปในบ้าน ปล่อยให้เด็กๆ สำรวจทุกอย่างได้ตามสบายส่วนตัวเขาเดินแยกไปในครัว สิ่งแรกที่ทำคือเปิดดูของในตู้เย็น
" โห้ "
อดอุทานออกมาไม่ได้จริงๆ เพราะในตู้เย็นขนาดใหญ่มีของสดมากมายแถมแพ็คไว้เป็นอย่างดีทีเดียว
มือเรียวผอมหยิบกุ้งออกมาหนึ่งแพ็คหยิบปลาหมึกออกมาหนึ่งแพ็คเห็นสัตว์ทะเลแล้วนึกอย่างทานต้มยำทะเลขึ้นมาทันที
นัยน์ตากลมโตกวาดตามองอุปกรณ์ในครัวแห่งนี้ มันมีครบทุกอย่างแม้กระทั่งเตาแก๊ส
ซีเจียงยิ้มกว้างเลือดความเป็นพ่อครัวมันพลุกพล่านขึ้นมาอย่างอดใจไม่ไหว มื้อเย็นวันนี้เขาจะทำต้มยำทะเลให้น้องฝาแฝดทาน
" พี่ซีเจียงเจ้าคะข้าใส่ได้หรือไม่ "
ในขณะที่ซีเจียงกำลังหุงข้าวด้วยหม้อไฟฟ้าเสียงสดใสของน้องสาวก็ดังขึ้นมาตรงประตูครัวเขาหันไปมองจึงเห็นว่าในมือน้องสาวคือชุดสำเร็จของสตรียุคจีนโบราณแถมเป็นขนาดไซส์ของซีหลินอีกด้วย
" ใส่ได้สิ แต่เจ้าต้องอาบน้ำเสียก่อนนะหลินเอ๋อร์ "
" ขอบคุณเจ้าค่ะ ข้าจะไปอาบน้ำเดี๋ยวนี้เลย "
ซีหลินยิ้มกว้างอย่างดีใจ ตั้งแต่เสียท่านพ่อท่านแม่ไปพวกเขาไม่เคยมีชุดใหม่ใส่อีกเลย
" พี่ซีเจียงในสวนสมุนไพรข้าเจอโสมด้วยขอรับ "
ถัดจากซีหลินได้ไม่นาน อยู่ๆ เสียงตื่นเต้นของซีหลงก็ดังขึ้นมาอีกคน
" โสมหรือ "
ซีเจียงเลิกคิ้วถาม เขายังไม่ได้เดินสำรวจรอบบ้าน ยังไม่รู้ว่าสวนผักสวนสมุนไพรหรือสวนผลไม้มีอะไรบ้าง
" ใช่ขอรับ ดูจากขนาดคงมีอายุหลายปีทีเดียว มีครั้งหนึ่งที่ท่านลุงเข้าป่าไปแล้วได้โสมกลับมาตอนนั้นข้ามีโอกาสเข้าเมืองไปช่วยยกของ ท่านลุงขายโสมให้ร้านโอสถได้เงินหลายตำลึงเงินทีเดียวขอรับ "
" ได้เงินเยอะหรือ "
" ใช่ขอรับ ได้เงินหลายตำลึง "
ซีเจียงคิดตามคำน้องชาย ตอนนี้พวกเขาไม่มีเงินติดกายสักอีแปะ แม้ตอนนี้จะมีของกินไม่อดแล้ว แต่ไม่ว่ายุคไหนสมัยไหนเงินก็คือปัจจัยสำคัญเสมอในการดำรงชีพ
ซีเจียงครุ่นคิด หรือบางทีเขาต้องนำสมุนไพรจากในมิติแห่งนี้ไปขายเพื่อแลกเป็นตัวเงิน แต่จะทำอย่างไรดีเพื่อไม่ให้คนอื่นสงสัยว่าเขาเอาสมุนไพรมาจากไหน หรือบางทีเขาอาจจะต้องจัดฉากแกล้งเข้าป่าบ้างแล้วกระมัง
" การจะนำสมุนไพรล้ำค่าไปขายเราต้องทำให้แนบเนียนนะอาหลงให้คนอื่นรู้เรื่องมิติไม่ได้เด็ดขาด "
ซีหลงพยักหน้าเข้าใจ หากพวกเขาถูกจับได้ว่ามีมิติวิเศษไว้ครอบครองต้องอันตรายแน่ๆ
" ข้ารู้ทางเข้าป่าที่ชาวบ้านเข้าไปหาสมุนไพรนะขอรับ "
" เจ้าเก่งมากอาหลง พรุ่งนี้เราจะเข้าป่ากัน "
ซีหลงยิ้มกว้างพร้อมพยักหน้ารัวๆ แค่ทำทีเป็นเข้าป่าแล้วนำสมุนไพรที่มีอยู่ไปขายเพียงเท่านี้หากชาวบ้านรู้ทีหลังก็จะไม่มีใครสงสัยแล้วล่ะ
ซีเจียงส่งยิ้มให้น้องชาย เขาแทบไม่มีความทรงจำเกี่ยวกับหมู่บ้านแห่งนี้เลย เพราะซีเจียงคนก่อนเมื่อพาน้องๆ มาถึงบ้านท่านปู่ท่านย่าก็ตรอมใจไม่มีจิตใจทำสิ่งใดเลย สามเดือนที่ผ่านมาซีเจียงเอาแต่นอนซมอยู่แต่ในบ้านไม้ไผ่ มีแต่น้องๆ ทั้งสองคนที่พยายามกันทุกทางเพื่อความอยู่รอด เด็กแฝดสองคนมีความอดทนมากกว่าพี่ชายคนโตเสียอีก เป็นเด็กดีมากทีเดียว
" เจ้าไปอาบน้ำเถิด คืนนี้เรานอนกันที่นี่แล้วพรุ่งนี้เราค่อยออกไป "
" ขอรับ "
เมื่อน้องชายเดินออกไปจากครัวซีเจียงจึงจัดการทำต้มยำทะเลต่อ ระหว่างรอต้มยำเดือดร่างผอมบางก็ออกไปเก็บผักฝั่งซ้ายของบ้านเพื่อนำมาทำผัดผักน้ำมันหอยอีกหนึ่งเมนู กวาดสายตามองดูสวนผักแห่งนี้มีมากมายเกินกว่าพวกเขาสามคนจะทานหมดได้ในปีนี้ บางทีนอกจากสมุนไพรแล้วเขาอาจจะนำผักไปขายได้อีกด้วย ผักแต่ละชนิดสมบูรณ์ต้นใหญ่ หากนำไปขายต้องได้ราคาดีเป็นแน่
ซีเจียงวางแผนวิธีการหาเงินไว้ในหัว เขาอยากเก็บเงินให้ได้เยอะๆ เขาอยากมีที่ดินมีบ้านเป็นของตัวเอง การมาขออาศัยครอบครัวท่านปู่ท่านย่าอยู่แบบนี้ ไม่ต่างอะไรกับกาฝากดั่งที่ป้าสะใภ้กล่าวไว้กับน้องฝาแฝดของเขา เพราะตอนนี้บ้านสกุลซีมีท่านลุงเป็นหัวหน้าครอบครัวไปแล้ว พวกเขาที่เป็นเพียงหลานคงจะขออาศัยอยู่ไปตลอดชีวิตไม่ได้หรอก
ในอนาคตน้องชายน้องสาวก็ต้องมีครอบครัว เขาที่เป็นพี่คนโตพ่วงตำแหน่งผู้ปกครองก็ต้องหาเงินไว้เป็นค่าสินสอดและค่าสินเดิมให้น้องทั้งสองคนด้วย ในเมื่อเขามีของดีไว้กับตัวจะกลัวลำบากไปไย เพียงแค่ทุกอย่างต้องค่อยเป็นค่อยไปจะทำอะไรเขาต้องคิดหน้าคิดหลังให้รอบคอบ
พรุ่งนี้เขาจะให้น้องๆ พาเดินสำรวจหมู่บ้านแห่งนี้ อยากรู้ว่าคนในหมู่บ้านประกอบอาชีพอะไรกัน ชีวิตก่อนนั้นเขามีฝีมือทางด้านการทำอาหารจนได้เป็นพ่อครัว หากชีวิตนี้สามารถเปิดร้านขายอาหารได้คงเยี่ยมไปเลย
ซีเจียงคิดถึงอนาคตไว้ในหัวอย่างหมายมั่น เขาเชื่อว่าไม่มีอะไรจะทำไม่ได้หากเราพยายามมากพอ
เก็บผักเสร็จแล้วก็นำไปล้างทำความสะอาดด้วยความรู้สึกเบิกบานใจเป็นที่สุด
การได้กลับมาเป็นมนุษย์อีกครั้งมันรู้สึกดีจริงๆ
เช้านี้ซีเจียงตื่นมารับรู้ได้ว่าภายนอกมิติวิเศษฝนกำลังตกหนัก แม้พวกเขาจะยังอยู่ในมิติแห่งนี้แต่ทุกความเคลื่อนไหวด้านนอกเขาได้ยินและรับรู้ได้ว่าเกิดอะไรขึ้นบ้างในมิติวิเศษมีกลางวันกลางคืนไม่ต่างกัน แต่บรรยากาศในนี้ไม่เหมือนบรรยากาศภายนอกแต่อย่างใด ด้านนอกตอนนี้ฝนกำลังตกหนักมากส่วนในมิติแห่งนี้กลับบรรยากาศดีมีลมพัดแผ่วเบาไม่ร้อนอบอ้าวและไม่หนาวจนเกินไปเมื่อคืนพวกเขาสามคนพี่น้องได้แยกกันนอนคนละห้องเป็นครั้งแรก หลังอาบน้ำเปลี่ยนชุดเสร็จซีเจียงจึงออกมาเข้าครัวเพื่อทำอาหารเช้าให้น้องๆทานมื้อเย็นเมื่อวานเด็กๆตื่นเต้นกันมากเมื่อเห็นอาหารที่เขาทำ ยิ่งได้ทานข้าวหอมมะลิเต็มเม็ดเป็นครั้งแรกในรอบสามเดือนเด็กฝาแฝดทั้งสองคนพากันน้ำตาคลอกันเลยทีเดียว เพราะที่ผ่านมาป้าสะใภ้ให้ข้าวสารพวกเขาเพียงวันละกำมือ เด็กๆจึงนำข้าวมาต้มเพื่อจะได้ทานกันพอทั้งสามคนพี่น้อง จากที่น้องสาวเล่าให้ฟังซีเจียงยอมรับว่าโกรธป้าสะใภ้มาก ข้าวสารหนึ่งกำมือกับผักหนึ่งกอเด็กสามคนจะทานกันอิ่มได้อย่างไร แค่คิดก็ปวดใจ เป็นป้าสะใภ้ที่ใจร้ายใจดำเป็นที่สุดเด็กๆเคยคิดจะนำความไปบอกท่านย่าหลายครั้งแต่ไม่กล้า เพราะป้าสะใภ้ขู่ว่าหากเรื
เป็นครั้งแรกที่ซีเจียงได้ออกมาเห็นความเป็นอยู่ของคนในหมู่บ้านหมู่บ้านนี้มีชื่อว่า หมู่บ้านซูไฉ เมืองซานหวน หนึ่งในเขตปกครองของแคว้นจ้าว ชาวบ้านดำรงอาชีพทำนาปลูกผักเป็นส่วนใหญ่ เป็นหมู่บ้านขนาดใหญ่ มีชาวบ้านอาศัยอยู่สองร้อยหลังคาเรือนเห็นจะได้กระมังระหว่างทางที่เดินไปชายป่าหลังหมู่บ้าน มีชาวบ้านหลายคนเอ่ยทักทายกับน้องชายเขาอย่างเป็นกันเอง ดูท่าอาหลงคงออกมาเดินเล่นในหมู่บ้านบ่อยทีเดียวแต่เพราะเป็นครั้งแรกของเขาที่ออกมาจากรั้วบ้านสกุลซี ชาวบ้านที่เดินผ่านจึงหันมองมาอย่างสนใจ แถมยังมีเสียงกระซิบกระซาบตามหลังให้ได้ยินอีกต่างหากมีการถกเถียงกันว่าตัวเขาเป็นเกอหรือไม่ ซีเจียงยอมรับว่าไม่ใคร่พอใจเท่าไหร่ที่ถูกนินทาในระยะเผาขนเช่นนี้" พี่ซีเจียงนำผ้าไปปิดหน้าหน่อยเถิดเจ้าค่ะ "ซีหลินยื่นผ้าที่นางคาดไหล่ให้พี่ชาย นางก็ลืมไปเกอในหมู่บ้านนี้ส่วนใหญ่ไม่เปิดเผยใบหน้าให้ผู้ใดเห็นมากนัก " ทำไมหรือ "แม้จะถามแต่มือก็รับผ้าผืนบางมาคลุมศีรษะแล้วตวัดปลายผ้าไปด้านหลังปิดบังใบหน้าไปครึ่งหนึ่ง" ไม่ทราบเจ้าค่ะ แต่บุรุษเกอที่นี่เขามักจะใช้ผ้าปิดหน้ากันเวลาออกนอกบ้าน "" เฉพาะเกอที่ยังไม่ออกเรือนขอรับที
สรุปน้องน้อยฝาแฝดของเขาไม่ได้ต้องการสิ่งใด เพียงแต่พวกเขาสามคนพี่น้องพากันเดินชมตลาดในเมืองซานหวนกันอย่างตื่นตาตื่นใจและแวะทานอาหารดังๆกันเท่านั้น" หากเราได้ย้ายออกมาอยู่ในเมืองคงดีนะขอรับ "ซีหลงกล่าวออกมาตามที่คิด ในเมืองซานหวนช่างดูคึกคักนัก หากได้มีบ้านในเมืองพวกเขาคงมีความสุขน่าดู" นั้นสิเจ้าคะ ฝีมือการทำอาหารของพี่ซีเจียงเปิดร้านขายอาหารได้สบายเลย "เมื่อครู่พวกเขาแวะทานอาหารในร้านอาหารแห่งหนึ่ง รสชาติแม้จะทานได้แต่ไม่อร่อยเท่าฝีมือพี่ชายสักนิดซีเจียงพยักหน้ารับฟัง เขาเองก็มองที่ทางและสังเกตอาหารที่พ่อค้าแม่ค้านำมาขายในตลาดเช่นเดียวกัน อาหารส่วนใหญ่ที่เหล่าพ่อค้าแม่ค้านำมาขายก็คล้ายๆกันหมด หากเขาทำอาหารแปลกตามาขายดูบ้างคงน่าจะขายดีทีเดียวเงินสองตำลึงทองที่มีอยู่ก็สามารถนำมาเป็นทุนซื้อโต๊ะและอุปกรณ์การทำอาหารได้ แต่เขาอยากได้รถเข็นที่สามารถเข็นขายอาหารได้มากกว่านี่สิ ไม่รู้ในโลกใบนี้จะมีรถเข็นอย่างโลกเก่าก่อนหรือเปล่า หากมีรถเข็นเคลื่อนที่ได้มันจะสะดวกในการขายมากทีเดียว แต่หากไม่มีจริงๆเขาก็คงต้องหาบ้านเช่าให้เป็นหลักเป็นแหล่งเพื่อจะเปิดร้านอาหารไปเลย ให้มาตั้งโต๊ะหาบเร่แผงลอ
เหตุการณ์หลังจากนั้น ป้าสะใภ้ถูกตำหนิจากทั้งชาวบ้าน จากท่านลุงซีถ่งผู้เป็นสามี และท่านปู่ท่านย่าพ่อแม่สามีอีกด้วย และยังถูกท่านลุงทำโทษด้วยการยึดอำนาจการดูแลค่าใช้จ่ายภายในบ้านคืน ในที่นี้คือนางยังต้องทำงานบ้านตามปกติแต่นางจะไม่มีสิทธิ์ถือเงินแม้แต่อีแปะเดียวนั้นเองส่วนพวกเขาหลังจากที่ท่านปู่ท่านย่าทราบข่าวว่าจะออกไปเช่าบ้านอยู่กันเองท่านจึงยื่นเงินให้มาหนึ่งถุงไว้เป็นทุนในการใช้ชีวิตในเมืองเมื่อกลับมาถึงบ้านไม้ไผ่ซีเจียงจึงแกะถุงนำเงินออกมานับ สรุปว่าเงินที่ท่านปู่ท่านย่าให้มาคือสามร้อยตำลึงเงิน หากนำมารวมกับเงินของพวกเขาตอนนี้ก็จะเป็นเงิน สองพันหนึ่งร้อยตำลึงทองสองร้อยตำลึงเงินกับอีกห้าร้อยอีแปะ เพราะเมื่อวานพวกเขาจ่ายเงินซื้อขนมและอาหารในตลาดไปแล้วห้าร้อยอีแปะ ส่วนเงินค่าเช่าบ้านก็ไม่ต้องกังวนเพราะท่านลุงอาสาจะจ่ายให้เอง ตอนนี้จึงถือว่าพวกเขาสามคนพี่น้องมีเงินติดตัวไม่น้อยทีเดียวตอนแรกซีเจียงตั้งใจจะกลับบ้านมาทำแปลงปลูกผัก แต่ตอนนี้คงต้องเปลี่ยนแผนแล้วล่ะ เพราะบ่ายวันนี้พวกเขาจะต้องเข้าเมืองกันอีกครั้งเพื่อจะไปหาบ้านเช่าพร้อมท่านลุงซีถ่งพวกเขาสามคนพี่น้องช่วยกับเก็บของที่แสนน้อ
ยามเหม่า(05.00-06.59)ตอนนี้ทั้งซีเจียงและน้องสาวน้องชายต่างออกมาช่วยกับปรับหน้าดินตั้งแต่ท้องฟ้ายังไม่ทันสว่างดีจนตอนนี้พวกเขาทำแปลงผักได้ทั้งหมดยี่สิบแปลงแล้วอุปกรณ์ทุกอย่างซีเจียงก็นำออกมาจากมิติทั้งสิ้นแต่เพราะไม่ได้แตกต่างจากที่ชาวบ้านมีเขาจึงนำออกมาใช้ได้อย่างสบายใจ คงจะมีเพียงบัวรดน้ำกระมังที่คนในยุคนี้ไม่มี ส่วนจอบและที่พรวนดินชาวบ้านที่มีอาชีพทำสวนก็ต้องมีทุกบ้านอยู่แล้ว เพียงแต่ของเขาอาจจะดูทันสมัยกว่าก็เท่านั้นเอง" เอาน้ำในขวดแก้วเทใส่ในบัวรดน้ำแล้วนำมารดแปลกผักให้ทั่ว ก่อนนำต้นกล้าลงปลูก "ซีเจียงที่นั่งหมดแรงจากการใช้จอบทำแปลงผักขึ้นมายี่สิบแปลงอธิบายให้น้องๆฟังแล้วทำตาม ตอนนี้พวกเขาเนื้อตัวเต็มไปด้วยเหงื่อและเศษดินเต็มไปหมดดูมอมแมมมากทีเดียวเมื่อน้องๆรดน้ำทีละแปลงไปเรื่อยๆซีเจียงจึงนำต้นกล้าลงปลูกตามหลังทันที เขาจะปลูกชิงช่าย(กวางตุ้ง)ห้าแปลง ไป๋ช่าย(ผักกาดขาว)ห้าแปลง เปาซินช่าย(กะหล่ำปลี)ห้าแปลง และคงซินช่าย(ผักบุ้ง)อีกห้าแปลงก่อน อยากรู้ว่าจะปลูกผักได้สำเร็จหรือไม่เมื่อนำต้นกล้าผักทุกชนิดลงแปลงเสร็จแล้ว ซีเจียงก็นำน้ำจากสระมรกตมารดน้ำผักอีกรอบหนึ่ง เมื่อเสร็จทุกอย่
ด้วยความที่ผักของพวกเขามันสมบูรณ์ต้นใหญ่จึงสามารถวางขายบนโต๊ะได้ไม่หมดส่วนที่เหลือต้องแยกใส่ไว้ในตะกร้าใบโตตรงพื้นด้านล่างแทนแต่ก็แยกชนิดผักไว้อย่างชัดเจนไม่ได้รวมกันแต่อย่างใดผักทั้งหมดซีเจียงจะขายในราคาเดียวกันคือจินละห้าสิบอีแปะ เมื่อครู่เขาลองนำผักแต่ละชนิดขึ้นตาชั่งแล้ว ผักที่มีน้ำหนักมากสุดถึงสิบจิน(5 กิโล)คือกะหล่ำปลี ส่วนกวางตุ้งกับผักกาดขาวมีน้ำหนักเท่ากันอยู่ที่หนึ่งต้นต่อแปดจิน(4 กิโล) และผักบุ้งสิบต้นต่อหนึ่งจินก็ถือว่าต้นสมบูรณ์มากๆแล้วบอกแล้วอย่างไรเล่าว่าผักของเขามีขนาดต้นที่ใหญ่มากกว่าในตลาดหลายเท่านักและคนที่มาอุดหนุนประเดิมการขายผักเป็นคนแรกก็คือท่านลุงเข่อจงเจ้าของบ้านเช่านั้นเอง ตอนแรกซีเจียงจะไม่คิดเงินเพราะตั้งใจไว้แต่แรกแล้วว่าจะนำผักไปฝากท่านลุงท่านป้าเจ้าของบ้านเช่าตอบแทนขนมที่ท่านนำมาให้ทานบ่อยๆแต่ท่านลุงกลับไม่ยินยอมนี่สิ" ของซื้อของขายจะให้ลุงฟรีๆได้เช่นไร ไม่ได้นะอาเจียงลุงไม่รับ "เข่อจงกล่าวจนเด็กๆต้องยอมคิดเงินจนได้" เช่นนั้นก็ได้ขอรับ ขอบคุณท่านลุงมากนะขอรับที่มาเป็นลูกค้าคนแรกของพวกเรา "ซีเจียงแม้จะเกรงใจแต่ในเมื่อท่านลุงต้องการซื้อเขาก็ทำอะไร
สามวันต่อมาผักที่พวกเขาสามคนนำมาปลูกแล้วรดน้ำจากสระมรกตก็โตขึ้นพร้อมเก็บขายได้อีกครั้งตอนนี้รอบบ้านของพวกเขาเต็มไปด้วยผัก โดยเฉพาะจำพวก พริก พริกไทย พริกหยวก และพริกหวาน ผลของมันเต็มต้นและมีสีสันน่ามองมาก" พวกเราคงเก็บไม่หมดในวันนี้แน่เจ้าค่ะ "ซีหลินชี้ไปทางพวกพริกทั้งหลายแต่ละต้นผลิดอกออกผลมากกว่าใบเสียอีก" นั่นสิ "ซีเจียงก็คิดเช่นนั้น วันนี้ทั้งวันพวกเขาสามคนคงเก็บพวกพริกเหล่านี้ไม่หมดแน่ๆ และหากมัวแต่เก็บพริกพวกนี้ผักชนิดอื่นก็คงไม่ได้เก็บขายไปด้วยพวกเขามีเวลาเพียงหนึ่งชั่วยาม(2ชั่วโมง)ในการถอนผักมาวางขายก่อนที่ชาวบ้านชาวเมืองจะออกกันมาเดินตลาดจับจ่ายใช้สอยซื้อวัตถุดิบกลับไปทำอาหารมื้อเช้าทานกันที่บ้าน" เช่นนั้นพวกเราเก็บผักชนิดอื่นกันก่อนดีกว่าขอรับ ต้องนำมาล้างดินอีกเดี๋ยวจะไม่ทัน "" งั้นลงมือเก็บผักกันเลย "ซีเจียงก็เห็นด้วยกับอาหลงทั้งสามคนจึงช่วยกันถอนผักต้นโตๆออกมาใส่ไว้ในตระกร้าและแยกชนิดของผักไว้ไม่รวมกันจะได้ไม่เสียเวลาล้างแล้วนำไปวางขายตะกร้าไม้ไผ่สานอันใหญ่เหลานี้เขาก็ออกไปซื้อมาเพิ่มเมื่อวาน เพราะผักที่นำออกมาปลูกมีหลายชนิดกว่าครั้งแรก เขายังปลูกผักบุ้ง ผักกาดข
" เจ้าพูดจริงหรือล้อข้าเล่น เจียงเอ๋อร์ "เพียงคำว่าเจียงเอ๋อร์ออกมาจากริมฝีปากหยักได้รูปของจื่อหย่งเล่นเอาซีเจียงมือไม้แทบจะอ่อนยวบยาบเสียให้ได้" ก็หากท่านยังไม่มีใครในใจ..."" ข้ายังไม่มี "เมื่อวางอาหารและตักข้าวให้ครบทุกคนแล้วซีเจียงจึงยอมเงยหน้ามองสบตาชายหนุ่ม" ข้ายอมรับตามตรงว่าข้าประทับใจในตัวท่านมาก หากท่านไม่รักเกียจที่ข้าไร้บิดามารดา..."" ข้าไม่รังเกียจเจ้า "" เช่นนั้นเราสองคนมาลองคบหาดูใจกันดีหรือไม่ขอรับ "สำหรับซีเจียงคิดอย่างไรเขาก็พูดอย่างนั้น ยิ่งเรื่องความรักเขาเคยมีประสบการณ์ มัวแต่ไม่กล้าสารภาพสุดท้ายคนที่แอบรักกลับไปแต่งงานกับคนอื่น ส่วนชีวิตนี้ในเมื่อเจอคนที่พึงใจแล้ว คนที่เราแน่ใจว่าสามารถเป็นหลักให้เรายึดได้เขาก็พร้อมที่จะเปิดใจให้อีกฝ่ายและจะไม่รอให้อีกคนเป็นฝ่ายต้องเอ่ยปากเองด้วย ของแบบนี้พูดกันตรงๆเปิดอกคุยกันอย่างแมนๆไปเลย หากจื่อหย่งตกลงหรือไม่ตกลงเขาจะได้รู้ว่าต่อไปควรปฏิบัติตัวอย่างไรให้เหมาะสมด้านจื่อหย่งยอมรับว่าอึ้งที่เกอน้อยแสนน่ารักเป็นคนเอ่ยปากขอคบหาดูใจกับเขาก่อน แต่อึ้งก็ส่วนอึ้งเพราะความเป็นจริงตอนนี้เขารู้สึกดีใจมากจึงพยักหน้าตอบรับทันทีที
และใช่ สามีเขาดูแลดีชนิดที่ว่าตัวเขาแทบไม่ต้องหยิบจับอะไรเลยแม้แต่อาหารที่ต้องทำขายนอกจากนั่งชิมรสชาติอาหารทั้งสามเมนูที่สามีเป็นคนลงมีทำเองตั้งแต่ต้นจนจบเท่านั้นจื่อหย่งเป็นคนช่างสังเกตและเรียนรู้เร็ว ที่สำคัญทำอาหารได้เร็วกว่าเขาอีกต่างหากด้วยนี่สิ ส่วนเรื่องรสชาติแค่มีเครื่องปรุงครบทุกอย่างก็อร่อยได้ไม่ยากเลยตั้งแต่เมื่อวานที่รู้ว่าเขาท้อง ทั้งสามีทั้งน้องๆไม่ยอมให้เขาช่วยหยิบช่วยจับอะไรสักอย่าง ประคบประหงมเสียจนเขาแอบอ่อนใจ เขาแค่ท้องไงไม่ได้ป่วยหนักเสียหน่อยส่วนเรื่องจ้างคนเก็บผักเขาก็ตกลงรับเด็กๆบ้านสกุลหานทำงานเรียบร้อยแล้ว จะจ่ายค่าจ้างเป็นรายวันและจ่ายให้เท่าๆกันทุกคนด้วยแรงงานรายวันในเมืองซานหวนค่าแรงอยู่ที่วันละสามร้อยอีแปะเท่านั้น แต่เขาจ้างเด็กๆวันละห้าร้อยอีแปะและมีอาหารให้ทานครบสามมื้อ เริ่มงานวันแรกคือวันนี้ หลังจากเตรียมของทุกอย่างเสร็จพวกเขาก็พากันออกมาจากมิติ เข้าออกมิติถึงสามรอบกว่าจะนำของออกมาครบทุกอย่าง และพอเปิดประตูบ้านเด็กๆสกุลหานก็นั่งรออยู่หน้าร้านเรียบร้อยแล้วเด็กๆสกุลหานช่างรู้งานนักเมื่อเห็นจื่อหย่งยกของออกมาวางหน้าร้านพวกเขาก็รีบเข้ามาช่วยยกของกันใ
ผลปรากฏว่าหิมะตกปีนี้ลากยาวไปถึงสองเดือนเต็มทีเดียวตลอดสองเดือนมานี้พวกเขาสี่คนช่วยกันขายอาหารทุกวัน ตอนนี้เมนูที่ขายนั้นนอกจากขนมจีนเส้นสด โจ๊กสาหร่ายแล้ว ยังมีเมนูขนมหวานอีกหนึ่งเมนูด้วยคือบัวลอยน้ำขิง เป็นสามเมนูที่ขายดิบขายดีทำเพิ่มเท่าไหร่ก็ขายหมดไม่มีเหลือตอนนี้พวกเขาเก็บเงินได้หลายแสนตำลึงทองแล้ว หากไม่นับเงินค่าสินสอดของสามีอะนะตั้งใจเอาไว้ว่าหิมะหยุดตกเมื่อไหร่ก็จะเริ่มขยับขยายที่อยู่อาศัยทันทีคืนนี้ซีเจียงจึงทำการวาดแปลนบ้านเพื่อจะให้สามีนำไปให้ช่างรับจ้างทำบ้านในวันพรุ่งนี้ ส่วนบ้านเช่าตรงนี้เขาจะปรับเปลี่ยนเป็นร้านขายอาหารเล็กๆเพราะในอนาคตเขาจะขายทั้งอาหารและผักไปพร้อมกันเลย" เจ้าจะเก่งเกินไปแล้วภรรยาข้า "จื่อหย่งที่เห็นซีเจียงวาดแปลนบ้านอดจะเอ่ยปากชมไม่ได้ คนอะไรจะเก่งไปเสียทุกเรื่องเช่นนี้ ซีเจียงยิ้มกว้างเอียงแก้มให้สามีหอมอย่างรู้งานเมื่ออีกคนโน้มหน้าลงมาใกล้ ก่อนจะเอ่ยเล่าให้ฟังว่าตรงไหนเป็นอะไรบ้าง" เรือนใหญ่จะเป็นที่พักของเราสองคนนะขอรับ ส่วนเรืองเล็กด้านซ้ายและด้านขวาจะเป็นที่พักส่วนตัวของอาหลงและหลินเอ๋อร์ พี่จื่อหย่งอยากได้เรือนอะไรเพิ่มอีกไหมขอรับข้าจะได
ผ่านพ้นวันแต่งงานพวกเขาสองคนไปเพียงหนึ่งอาทิตย์หิมะแรกของปีก็ตกลงมาจริงๆตามที่ชาวบ้านชาวเมืองคาดไว้ไม่มีผิดเพราะอากาศปีนี้หนาวเร็วกว่าทุกปีโชคดีที่พวกเขาสี่คนเข้ามาอยู่ในมิติตอนกลางคืนที่ภายนอกหิมะตกหนักพอดิบพอดี ถึงตอนกลางวันจะต้องออกไปใช้ชีวิตด้านนอกอย่างเลี่ยงไม่ได้ แต่ความหนาวก็ยังน้อยกว่าตอนกลางคืนมากนักแม้มันจะหนาวมากๆก็ตามในความรู้สึกของซีเจียงในมิติแห่งนี้อากาศไม่ได้เหมือนกันกับโลกภายนอกพวกเขาจึงอยู่กันได้สบายโดยที่ไม่ต้องใส่เสื้อกันหนาวขนสัตว์ให้รู้สึกอึดอัด" หิมะลงเช่นนี้เราคงต้องพักการปลูกผักไปก่อน "ซีเจียงกล่าวขึ้นในระหว่างนั่งทานอาหารมื้อค่ำด้วยกัน" พี่เห็นด้วยกับเจ้า "เกอน้อยยิ้มกว้างเมื่อสามีเห็นดีเห็นงามกับเขาทุกเรื่องไม่เคยเอ่ยปากขัดใจเลยสักครั้งตั้งแต่รู้จักกันจนกระทั่งแต่งงานแล้วก็ยังเหมือนเดิมไม่เปลี่ยน" แล้วเราจะทำอะไรกันดีเจ้าคะหรือจะหยุดพักการขายของไปก่อนเลย "" หิมะตกเป็นเดือนๆหากเราไม่ขายของรายได้เราก็จะหายหมดพี่ว่าจะขายอาหารเพิ่ม อากาศหนาวๆเช่นนี้ เช้าๆต้องทานโจ๊กร้อนๆถึงจะคลายหนาวได้ดี "" ทำโจ๊กอะไรดีขอรับ "ซีหลงเอ่ยถามอีกคน" โจ๊กสาหร่ายทะเล พี่จะใ
กว่าจะถึงบ้านเช่าก็เข้ายามเว่ย(13.00-14.59)พอดีตอนนี้ซีเจียงยังทำอะไรไม่ได้นักเพราะยังอยู่ในชุดแต่งงานที่สำคัญมีผ้าปิดหน้าที่ยังถอดออกไม่ได้จื่อหย่งและน้องๆจึงช่วยกันขนสินสอดและสินเดิมเข้าไปเก็บไว้ในบ้านเช่า เมื่อขนทุกอย่างลงจากเกวียนจนหมดจื่อหย่งจึงถอดเกวียนไปเก็บก่อนจะพาม้าหนุ่มไปผูกไว้กับรั้วข้างบ้านแล้วเดินเข้ามานั่งในบ้านข้างๆภรรยา" พี่จื่อหย่งขอรับ "ซีเจียงได้ปรึกษากับน้องๆแล้วว่าหาเขากับจื่อหย่งแต่งงานกันเขาจะบอกเรื่องมิติวิเศษให้อีกฝ่ายรับทราบเพราะการที่ต้องใช้ชีวิตอยู่ด้วยกันทั้งสิบสองชั่วยามเขาไม่สามารถปิดบังคนรักได้เพราะถึงอย่างไรตอนกลางคืนพวกเขาก็จะเข้าไปนอนในมิติอยู่ดี สู้บอกกล่าวเสียตั้งแต่วันแรกที่ใช้ชีวิตเป็นสามีภรรยากันเลยจะดีกว่า" ว่าอย่างไรหรือ "" คือข้า มีความลับจะบอกท่าน "จื่อหย่งมองสีหน้าจริงจังของสามพี่น้องก็ทำเอาเขาต้องตั้งใจฟังอย่างจริงจังไปด้วยไม่ได้" ว่าอย่างไรเล่า "" คือข้ามี มิติวิเศษขอรับ "" เจ้าก็มีแหวนมิติเช่นกันหรือ "จื่อหย่งเลิกคิ้วถามอย่างตื่นเต้นระคนยินดีนัก" ไม่ใช่แหวนขอรับ แต่เป็นกำไลมิติ "ซีเจียงยกมือข้างที่สวมกำไลให้สามีดู แล้วก็ต้อ
การแต่งงานครานี้ซีเจียงอยากให้จัดแบบเล็กๆไม่ต้องมีขบวนเจ้าบ่าวเจ้าสาวให้เปลืองเงินเปลืองทอง สินสอดก็ไม่ต้องมากมายอะไร จัดเพียงพิธีกราบไหว้ฟ้าดินและลงลายมือชื่อเป็นสามีภรรยาที่ถูกต้องตามกฎหมายบ้านเมืองก็พอแล้วแต่ถึงอย่างไรมันก็ไม่ใช่ว่าจะได้ดั่งใจขนาดนั้น แม้ซีเจียงจะไม่มีบิดามารดาแต่ยังมีท่านปู่ท่านย่า อย่างไรการจัดงานแต่งงานเขาก็ต้องไปจัดที่บ้านใหญ่สกุลซีอยู่ดี เรื่องนี้ท่านลุงซีถ่งมารับพวกเขาสามคนพี่น้องกลับไปคุยกันที่บ้านใหญ่สกุลซีทีเดียวนี่จึงถือเป็นการปิดร้านครั้งแรกที่ทำการค้าขายมาเลยก็ว่าได้" พี่จื่อหย่งและข้าต่างก็ไม่มีบิดามารดา ข้าไม่อยากจัดงานแต่งให้มันยุ่งยากขอรับท่านปู่ท่านย่า "ซีเจียงกล่าวความคิดของตัวเองออกมาตามตรง " เช่นนั้นเอาตามที่เจ้าว่าปู่กับย่าตามใจเจ้า "" ขอบคุณมากขอรับ "ซีเจียงขอบคุณท่านปู่ท่านย่าจริงๆที่ไม่บังคับอะไรเขาเลย" เรื่องสินสอดเจ้าก็ไม่ต้องแบ่งให้บ้านใหญ่ เก็บไว้เป็นทุนในอนาคต "จบคำแม่สามีลั่วหลันอยากกรีดร้องออกมาใจแทบขาด เท่ากับบ้านใหญ่สกุลซีจัดงานแต่งให้มันฟรีๆเช่นนั้นหรือ ซีเจียงเห็นกิริยาป้าสะใภ้ทุกอย่างแต่เลือกที่จะไม่พูดอะไร นางคงไม่พอใจ
นางลั่วหลันออกมาดักรอพรานหนุ่มอยู่หลายวันก็ไม่เจอ นางจึงเดินไปท้ายหมู่บ้านถามไถ่คนบ้านใกล้เรือนเคียงจึงได้ทราบว่าเจ้าพรานกำพร้านั่นจะออกไปเมืองซานหวนตั้งแต่รุ่งสางและกลับเข้าบ้านในตอนตะวันตกดินไปแล้วทุกวัน ที่สำคัญเจ้าจื่อหย่งก็ไม่ได้เข้าป่าล่าสัตว์มานานสามเดือนกว่าแล้วด้วยเป็นแบบนี้ชัดเลย ไอ้เด็กเกอนั้นต้องเลี้ยงดูบุรุษเป็นแน่ ช่างน่าอับอายยิ่งนักลั่วหลันคิดในใจอย่างนึกรังเกียจเดียดฉันผ่านไปอีกสองสามวันในที่สุดนางลั่วหลันก็ดักเจอจื่อหย่งจนได้ในตอนที่ชายหนุ่มขับเกวียนเข้าหมู่บ้านผ่านหน้าบ้านสกุลซีพอดี" หยุดก่อน "จื่อหย่งหยุดเกวียนมองนางลั่วหลันนิ่งก่อนเอ่ยถาม" มีอะไรกับข้าหรือขอรับ "" ข้าน่ะไม่มี แต่พ่อแม่สามีข้าต้องการคุยกับเจ้า "พูดจบทำหน้าสะใจมองเด็กรุ่นลูกด้วยแววตาสมน้ำหน้าอยู่ในที ตอนนี้สามีนางก็รู้เรื่องแล้วแม้จะไม่พูดอะไรแต่ดูจากแววตาซีถ่งก็คงไม่สบายใจในเรื่องนี้นัก เพราะการอยู่กินก่อนแต่งงานเป็นการทำให้ชื่อเสียงของสกุลเสียหายส่วนเรื่องที่นางได้เงินค่าเช่าบ้านจากเด็กๆกลับคืนมานางเลือกที่จะไม่บอกสามี นางจะเก็บเงินไว้ใช้จ่ายในสิ่งที่นางอยากได้แทน ก็ซีถ่งยึดค่าใช้จ่ายในบ้
ตอนนี้เรื่องที่หลานๆบ้านสกุลซีเปิดร้านขายผักขายอาหารเป็นที่พูดถึงไปทั่วแม่แต่ชาวบ้านในหมู่บ้านซูไฉเองก็ด้วยเพราะมีชาวบ้านในหมู่บ้านเข้าเมืองซานหวนแล้วได้ซื้อผักที่มีขนาดใหญ่สมบูรณ์มาทำอาหารทานหลายคนพากันติดใจในรสชาติของผักที่กรอบอร่อยไม่เหมือนผักตามท้องตลาดเลยแม้แต่น้อย บางคนที่ได้ซื้ออาหารมาทานก็พากันชมไม่หยุดปาก จนเรื่องทุกอย่างเข้าหูนางลั่วหลันในวันหนึ่งเพราะสามีนางได้จ่ายค่าเช่าบ้านให้เด็กเหล่านั้นล่วงหน้าไปแล้วถึงสามเดือน ตลอดสามเดือนมานี้ซีถ่งเอาแต่ทำนาทุกวันและไม่เคยไปเยี่ยมหลานเลยสักครั้งจึงยังไม่ทราบข่าวว่าหลานเปิดร้านขายของและจากที่ได้ยินมาของที่ขายช่างขายดีเสียด้วยนี่สินางลั่วหลันเกิดความคิดหนึ่งขึ้นมาในหัว ในเมื่อเป็นลูกหลานสกุลซีมีรายได้ดีเช่นนี้ก็ต้องตอบแทนบุญคุณกันบ้าง รายได้พวกนั้นควรจะแบ่งให้บ้านใหญ่ครึ่งต่อครึ่งถึงจะเรียกว่ากตัญญูเช้าวันต่อมานางลั่วหลันออกอุบายกับสามีว่านางจะไปซื้อของใช้ในเมือง และเพราะทราบอยู่แล้วว่าช่วงนี้สามีไม่ว่างเพราะต้องเก็บเกี่ยวข้าวให้เร็วที่สุดก่อนหิมะจะลงในอีกไม่กี่เดือนข้างหน้านี้ ไม่ใช่แค่สามีนางที่รีบเกี่ยวข้าวแต่ชาวบ้านที่ทำนาต่างพา
สามเดือนหลังจากนั้นบ้านเช่าของสามพี่น้องก็ยังมีอดีตนายพรานหนุ่มสุดหล่อมาช่วยงานตั้งแต่รุ่งสางทุกวันไม่เคยขาดที่เรียกว่าอดีตนายพรานเพราะจื่อหย่งไม่ได้เข้าป่าล่าสัตว์มานานถึงสามเดือนแล้ว ชายหนุ่มเลือกที่จะมาช่วยงานคนรักแทน แต่เจ้าตัวก็ยังนำเนื้อสัตว์มาฝากทุกๆสองวันบอกว่าซื้อมาจากสหายอีกทีหนึ่งแม้พี่จื่อหย่งไม่ได้เข้าป่าแล้ว แต่พวกเขาก็ยังมีเนื้อสัตว์ไว้ทำอาหารทานทุกมื้ออยู่ดี สามเดือนมานี้ซีเจียงไม่เคยนำเนื้อสดจากมิติมาทำอาหารเลยจริงๆ เพราะเนื้อสัตว์ที่พี่จื่อหย่งนำมาฝากแต่ละครั้งมากมายนักแถมยังเป็นเนื้อสัตว์หลายชนิด ที่สำคัญชายหนุ่มคนรักชำแหละมาให้เสร็จเรียบร้อยสะอาดสะอ้านทุกครั้งด้วยและเรื่องการคบหาดูใจของพ่อค้าเกอคนงามกับนายพรานหนุ่มพวกลูกค้าที่มาซื้อผักและซื้ออาหารต่างก็ทราบกันดี และเรื่องนี้ก็ทำให้คนที่หมายตาพรานหนุ่มไว้ไม่พอใจมากทีเดียวโดยเฉพาะบุตรสาวเจ้าของร้านอาหารที่จื่อหย่งนำสัตว์ไปขายประจำหลายปีอย่าง แม่นางไป๋ ไป๋ฮวาหลีวันนี้นางจึงเดินมายังร้านท้ายตลาดพร้อมกับสาวใช้คนสนิทอีกหนึ่งคน" คนต่อแถวยาวเลยเจ้าค่ะคุณหนู "จูจู กล่าวขึ้นมาแผ่วเบาฮวาหลี ขมวดคิ้วไม่พอใจที่เห็นหน้าร้
สามวันต่อมาชาวบ้านที่ทราบข่าวก็พากันมาต่อแถวซื้อผักกันตั้งแต่ยามเฉิน(07.00-08.59)โชคดีที่มีพี่จื่อหย่งมาช่วยเก็บผักตั้งแต่ยามอิ๋น(03.00-04.59)จึงทำให้พวกเขามีผักไว้วางขายทันแม้จะยังเก็บผักกันไม่หมดก็ตามทีตอนมาถึงอีกฝ่ายมีท่าทางอึ้งไม่น้อยที่ผักโตเร็วมากแต่กลับไม่เอ่ยถามสักคำมีแต่จะช่วยเก็บผักและนำผักไปล้างอย่างตั้งอกตั้งใจ ส่วนผักจำพวกพริกเมื่อรดน้ำจากสระมรกตก็กลับมาให้ดอกออกผลทุกวันและเขาก็ต้องเก็บไว้ทุกวันเช่นกัน จนวันนี้ร้านเรามีพริกทั้งสี่ชนิดมากพอสำหรักการขายอย่างแน่นอนซีเจียงจึงมีหน้าที่ขายผักเพียงอย่างเดียวในวันนี้ ส่วนอีกสามคนก็ทำหน้าที่เก็บผักล้างผักกันไปเรื่อยๆ เสร็จจากผักที่ต้องถอนก็ไปเด็ดพริกทั้งสี่ชนิดกันต่อ การขายผักวันนี้จึงใช้เวลาไปตลอดช่วงเช้าทีเดียวกว่าจะขายหมด ไม่ใช่ไม่มีลูกค้านะ แต่เพราะลูกค้าต้องรอพริกที่เก็บจากต้นมันจึงใช้เวลานานพอสมควรกว่าจะนำมาขายหน้าร้านได้นับวันยิ่งมีลูกค้าเพิ่มจำนวนมากขึ้นเรื่อยๆ แต่น่าเสียดายที่เขาสามารถปลูกผักได้เพียงเท่านี้เพราะไม่มีที่ดินสำหรับทำแปลงผักแล้วจริงๆ ตอนนี้รอบบ้านเช่าเต็มไปด้วยแปลงผักขยับขยายไม่ได้แล้วเมื่อเก็บร้านเสร็จ