ไม่รู้หรอกนะว่าใครเป็นคนส่งนักฆ่ากลุ่มนี้มา แต่คนคนนั้นช่างไม่รู้จักการทำงานของอาชีพมือสังหารเอาเสียเลย ส่งมาเป็นกลุ่มแบบนี้อีกไม่นานต้องขัดขากันเองแน่ การเพิ่มจำนวนรังแต่จะสร้างภาระให้คนในกลุ่มด้วยกันเองเท่านั้น
มือสังหารแต่ละคนมีวิธีจัดการต่างกัน หากอะไรผิดแผนไปสักเล็กน้อยก็นำมาซึ่งความผิดพลาด และเมื่อไหร่ก็ตามที่ผิดพลาด พวกเขาก็จะเปลี่ยนแผนทันทีและนั่นจะทำให้ผลลัพธ์ที่ควรต้องแน่นอนจากหนึ่งเหลือแค่ศูนย์ได้เลยทันทีที่คิดแบบนั้นก็เกิดสถานการณ์ที่ช่วยยืนยันว่าความคิดนั้นของนางถูกต้องหนึ่งในกลุ่มคนพวกนั้นซัดมีดบินออกมา แล้วอีกด้านหนึ่งก็ซักเข็มพิษออกมาพร้อมกัน สุดท้ายอาวุธทั้งสองก็ปะทะกันก่อนจะถึงตัวนางทำให้การโจมตีครั้งนี้ล้มเหลว เจ้าของอาวุธทั้งสองหันมองอีกฝ่ายด้วยแววตาขุ่นเคือง แม้จะปิดซ่อนใบหน้าไว้ใต้ผ้าคลุมแต่ก็ยังมองเห็นดวงตา"หลี่เจิ้นหัว ทางนั้นเป็นอย่างไรบ้าง!" นางตะโกนถามโดยไม่หันไปมอง ได้ยินแต่เสียงกระบี่ฟาดฟันกันไปมา จะหันไปมองด้วยตัวเองก็ละสายตาไปจากศัตรูตรงหน้าไม่ได้"ข้าไม่เป็นไร!"เพียงได้ยินเสียงก็รู้ตำแหน่งกันและกัน ตอนนี"คุณหนูฉิน!"ผู้ติดตามของบุตรชายแม่ทัพมาถึงก็ไล่ต้อนศัตรูให้ล่าถอยออกไปทันที อารักขาคุณหนูกับนายน้อยเอาไว้ตรงกลาง เมื่อเห็นท่าไม่ดีพวกมันก็ถอนกำลังและหนีหายเข้าไปในป่า คนของหอกระจายข่าวไล่ตามไปโดยพวกเขาแบ่งกันเป็นสองกลุ่ม กลุ่มหนึ่งคอยอยู่เฝ้าดูแลนายน้อยกับสหายที่นี่ อีกส่วนหนึ่งตามไปจัดการคนพวกนั้นหลี่เจิ้นหัวไม่คาดหวังกับเบาะแสเพราะพวกมือสังหารเวลาทำงานพลาดมักจะชิงดื่มยาพิษไปก่อนก็ได้เค้นถามอะไรข้าคงต้องสืบดูเรื่องนี้อย่างจริงจังเสียแล้วเมื่อสถานการณ์สงบลงแล้ว หลี่เจิ้นหัวก็เดินเข้าไปหาสตรีที่ยืนพิงต้นไม้อยู่"เป็นอย่างไรบ้าง บาดเจ็บที่ใดหรือไม่""แค่เสื้อผ้าขาดกับรอยถลอกนิดหน่อย" พวกนั้นฟันนางไม่ได้สักแผล แต่คมอาวุธก็ทำเอาเสื้อผ้าของนางเสียหายจนไม่น่าดู ชายชุดกับแขนเสื้อรุ่งริ่งไปหมด ฉินหลิวซีถอนหายใจออกมาเบา ๆ ด้วยความเสียดายเพราะชุดนี้เป็นหนึ่งในชุดโปรดของนางเลย"กลับไปที่เมืองกันก่อนเถอะ"ฉินหลิวซีพยักหน้าเห็นด้วย คลุกดินมาขนาดนี้นางอยากอาบน้ำจะแย่แล้ว หลี่เจิ้นหัวไปสั่งงานคนของตนไม่นานก็จะกลับมา หนึ่งในนั้นไปเรียกรถม้ามาให้เจ
คำพูดนี้หากเป็นคนอื่นหลี่เจิ้นหัวคงคิดว่าพวกนางสนุกกับการเดินทางดังที่กล่าว แต่พอเป็นสตรีที่เขามอบใจให้แล้ว คำพูดประโยคนั้นแสดงความรำคาญใจออกมา และสีหน้าของนางก็ชวนให้หนาวสันหลังชอบกล"เจ้าหิวหรือยัง กินของว่างรองท้องดีหรือไม่""พึ่งออกแรงมา ข้าไม่อยากกินอะไรเลย""ถ้าเจ้าเกิดหิวขึ้นมาเรายังมีพุทราเชื่อมเก็บเอาไว้นะ""ขอบคุณ เจ้าช่างใส่ใจจริง ๆ นิสัยแบบนี้อย่างไรเล่าพวกแม่นางน้อยในเมืองหลวงถึงได้หลงเจ้านัก""ข้าไม่ได้สนใจคนอื่น" หลี่เจิ้นหัวกลัวว่านางจะกังวลใจเรื่องของเขา รีบเอ่ยแก้ไขความเข้าใจผิด พอได้ยินแบบนี้ฉินหลิวซีก็หลุดเสียงหัวเราะออกมา"ข้าไม่ได้ไม่เชื่อใจเจ้า แค่พอรู้ว่าทำไมเจ้าถึงได้เนื้อหอมนัก อย่ากังวลไปเลย ข้าไม่ได้โกรธเจ้าเสียหน่อย" ยามปฏิเสธพวกนางก็คงพูดแบบถนอมน้ำใจ แล้วใครเล่าจะชิงชังเขาได้ลง ขนาดตัวนางเองยังตกหลุมพรางนั้นอันเป็นนิสัยที่แสดงออกมาตามธรรมชาติโดยไม่ทันได้รู้ตัวด้วยเหมือนกัน"จริงหรือ?""อะไร อยู่ข้างกันมาก็หลายปี ดูไม่ออกเลยหรือว่าข้ากำลังโกรธหรือนึกสนุกอยู่" หญิงสาวกล่าวติดตลกพร้อมกับเสียงหัวเราะเล็ก
"ให้เจ้าอยู่ห่างสายตาตอนนี้ข้าเป็นห่วงยิ่งกว่า" บุรุษที่นั่งอยู่ฝั่งตรงข้ามตัดสินใจพูดออกมาตามตรง ถึงตอนนี้จะไม่เป็นไรแต่ก็ใช่ว่าหลังนางแยกไปจะไม่เกิดเรื่อง"ข้าจะคุยกับท่านแม่ให้เองเจ้าไม่ต้องกังวล"นับว่าหลี่เจิ้นหัวเอ่ยได้ตรงจุดเพราะนางก็เป็นห่วงเรื่องนี้อยู่เรื่องเดียว ให้นางสู้รบกับมือสังหารทั้งคืนยังดีกว่าไปให้ฮูหยินท่านชังน้ำหน้าเพิ่มเห็นท่าทีลังเลของนางเขาก็ไม่ย่อท้อที่จะเอ่ยชวน"พี่ใหญ่อยากหารือเรื่องสินค้ากับเจ้า พักที่จวนข้าสะดวกกว่า ถกเรื่องของที่เจ้าทำกันได้ทั้งคืนเลย ในแวดวงสหายของพี่หญิงมีคนสนใจไม่น้อยแถมยังมีลูกค้าที่มาซื้อประจำอีกด้วย"ในเมื่อใช้ตนเองเป็นข้ออ้างหว่านล้อมลำพังไม่ได้ก็ดึงเอาคนอื่นเข้ามาเพิ่ม ฉินหลิวซีที่ทำธุรกิจอย่างจริงจังจนมาได้ถึงขนาดนี้ไม่มีทางปล่อยให้เรื่องนี้ผ่านไปเฉย ๆ ได้อย่างแน่นอน หลังจากได้ฟังท่าทีลังเลก็อ่อนลง สุดท้ายฉินหลิวซีก็พยักหน้ายอมรับคำเชิญจากอีกฝ่าย"รบกวนด้วย""อื้ม!""เจ้ายิ้มหน้าบานแบบนี้ข้าชักคิดหนักแล้วนะว่าตอบตกลงไปแบบนี้ดีแน่หรือไม่""อ่า ข้าจะยิ้มกว้างให้น้อยลงหน่อยก็แล้วกัน" ช
"ดีเลย เช่นนั้นข้าจะไปเตรียมตัวรอเจ้าที่ด้านหน้าจวนก็แล้วกัน"หลังจากนัดหมายเวลากันเรียบร้อย ฉินหลิวซีก็กลับมาจัดการตัวเองให้พร้อมออกไปข้างนอก นางแต่งชุดเรียบง่ายที่ลวดลายไม่โดดเด่นแต่เนื้อผ้าเป็นของอย่างดี เครื่องประดับก็สวมแค่พองาม วันนี้ฉินหลิวซีเลือกที่จะสวมผ้าคลุมหน้าออกไปด้วยไม่ต้องให้คุณหนูใหญ่รอนานนางก็พร้อมออกไปข้างนอก "คนที่จะไปพบมีใครบ้างหรือเจ้าคะ""จางซวี่จากจวนเสนาบดีฝ่ายซ้าย เซียวกวางจากจวนรองแม่ทัพ ท่านหญิงเฉิงลี่จากจวนฉินอ๋อง"คนใหญ่คนโตทั้งนั้น ต้องระวังเรื่องมารยาทหน่อยแล้วร้านน้ำชาขึ้นชื่อในเมืองร้านหนึ่งวันนี้ได้ต้อนรับแขกชั้นสูงหลายท่านจนสามารถเอาไปคุยโวได้เป็นเดือน ฉินหลิวซีเป็นสตรีสามัญชนเพียงผู้เดียวในที่แห่งนี้ แต่ไม่มีท่านหญิงคนไหนเลยที่จะแสดงท่าทีไม่เป็นมิตรกับนางแม้ว่าจะแนะนำตัวไปว่าเป็นสามัญชนแล้วก็ตาม ถึงอย่างนั้นพวกนางก็ยังรักษาระยะห่างระหว่างชนชั้นให้ได้รู้สึกนั่งจิบชาสักพักท่านหญิงเฉิงลี่จากจวนอ๋องก็ชวนย้ายสถานที่"ดูเหมือนว่าวันนี้จะมีเครื่องประทินโฉมชุดใหม่เข้ามา เราไปดูกันสักหน่อยดีหรือไม่"
คนที่รู้ว่าฉินหลิวซีมีวิชาติดตัวมีอยู่ไม่กี่คน และหลี่เมิ่งเหยาไม่ใช่หนึ่งในนั้น สายตาของนางถ่ายทอดความจริงใจทำให้หญิงสาวผู้เลี้ยงหงส์แดงเพลิงเอาไว้อดจะรู้สึกประทับใจไม่ได้ หากไม่นับรวมเรื่องที่เป็นบุตรสาวของสตรีที่ชังน้ำหน้าตนก็ถือว่าน่าคบหาเอาไว้เชียวล่ะหลี่เมิ่งเหยาคงวางตัวลำบากน่าหากเป็นเช่นนั้นจริง ฮูหยินโจวเห็นลูกชายมาคุยกับนางก็หัวฟัดหัวเหวี่ยงโกรธเป็นฟืนเป็นไฟแล้ว ถ้าบุตรสาวมาข้องแวะกับนางมากเกินไปก็คงถูกตำหนิ อย่างไรก็เป็นลูกที่กตัญญู ถ้าผู้เป็นแม่ออกปากห้ามจริงคงลำบากใจแย่หลังจากแยกกันฉินหลิวซีก็ไปที่หอกระจายข่าวสาขาประจำเมือง หลี่เจิ้นหัวรออยู่ที่นั่นก่อนแล้ว"ไปดูร้านมาเป็นอย่างไรบ้าง" นายของหอกระจายข่าวเห็นหน้านางก็ยิ้มแป้น"อยากฟังข้อดีหรือข้อเสียก่อนล่ะ""พูดแบบนั้นน่ากลัวชะมัด ฟังพร้อมกันเลยไม่ได้เหรอ" ฉินหลิวซีเดินมานั่งฝั่งตรงข้าม ยกชาที่รินไว้ให้แล้วเครื่องดื่ม"ตกแต่งร้านดูดีทีเดียว ต่อให้ใครมาเดินก็คงไม่ถูกตำหนิ แต่ว่าจุดอับสายตามีเยอะเกินไป สามารถขโมยของได้ง่าย ๆ เลยล่ะ ไม่รู้ว่ามีคนใดรู้เห็นเป็นใจด้วยหรือเปล่า ตรวจสอบเอาไว้หน่อย
"หากแต่งงานตอนนี้การเดินทางไปที่อื่นคงลำบาก ไม่สะดวกต่อการทำงานของข้า""เช่นนั้นหมั้นหมายไว้ก่อนก็ได้""ก็ยังถือเป็นข้อผูกมัดที่มากเกินไปสำหรับข้า""เจ้านี่อย่างไรนะ ถือว่าตนมีคนสนใจด้วยรูปโฉมงดงาม จะเล่นตัวพิรี้พิไรให้มากงั้นหรือ"ฉินหลิวซีมุมปากกระตุก ถ้าความยุ่งยากในอนาคตที่แสนน่ารำคาญจะไม่ตามมานางคงลงไม้ลงมือไปแล้ว"คุณชายเป็นหลานของกุ้ยเฟย ตัวข้าก็เป็นลูกศิษย์ของเซียนโอสถ ผู้ที่ไปไหนต่อไหนไม่เคยมีอะไรกักขังเขาไว้ได้ แม้แต่สายลมก็อาจไม่รู้ที่อยู่ของเขา"นางกล่าวเกินจริงไปเองเพื่อข่มอีกฝ่ายคืน ที่ไหนมีอากาศที่นั่นต้องมีลม คงเป็นเพียงสิ่งเดียวที่รู้ว่าอาจารย์ของนางอยู่ไหน ฉินหลิวซีรักษาความใจเย็นและสีหน้าสงบนิ่งเอาไว้ได้แม้ในใจจะโมโหมากก็ตาม คำตอบของนางเมื่อครู่นี้ทำให้หลายคนตกตะลึง แม้แต่โจวเมิ่งอิ๋งก็เบิกตาโพลงมีใครบ้างไม่รู้จักชื่อเสียงของหมอเทวดา เห็นว่าพวกเขาน่าจะรู้กิตติศัพท์อาจารย์นางดี ฉินหลิวซีรีบโหมไฟเพิ่ม"เมื่อใดก็ตามที่อาจารย์ของข้าเรียกหาข้าต้องไปในทันที คงไม่อาจตอบรับไมตรีของคุณชายไว้ได้""โกหก เป็นอน
"อา เรื่องนั้นข้าก็ทำบ่อยเหมือนกัน" สตรีทั้งสองคุยเรื่องเบาสมองกันไปตลอดทางจนมาส่งนางถึงเรือนนอนคุณหนูใหญ่ก็ขอตัวกลับฉินหลิวซีใช้เวลาในช่วงสายไปจนถึงเที่ยงวันกับการฝึกร่างกายให้ได้เหงื่อ เรื่องหลานชายของกุ้ยเฟยที่มาหาสร้างความรำคาญใจจนหงุดหงิด หากนางไม่เคลื่อนไหวร่างกายจนอารมณ์เย็นลงคงได้มีข้าวของเสียหายแทนร่างกายของคุณผู้นั้นไม่รู้หรอกนะว่าท่านอาของเขานั่นบารมีมากน้อยแค่ไหน แต่ต่อให้เป็นใครก็รั้งนางไว้กับที่ไม่ได้ ที่ใดที่จะปักหลักอยู่ฉินหลิวซีย่อมเลือกด้วยตัวเอง ไม่ใช่คนที่ใครบอกว่าดีแล้วนางจะรีบเห็นด้วยว่าดีเรียกเหงื่อไปพอสมควรช่วงบ่ายของวันจึงไปที่หอกระจายข่าว ครั้งนี้แค่แจ้งคุณหนูใหญ่ก็ออกมาได้แล้วเพราะได้ย้ำชัดไปแล้วว่าไม่ต้องส่งนางก็ได้ สายตาของหลี่เมิ่งเหยาเจือความเป็นห่วงอยู่บ้างแต่ก็ยอมปล่อยมาฉินหลิวซีมาแจ้งที่ด้านหน้าว่าจะขอเข้าพบเจ้าของหอ คนที่เมืองหลวงยังไม่คุ้นเคยกับนางจะเดินดุ่ม ๆ เข้าไปเหมือนตอนอยู่ที่บ้านเกิดตัวเองไม่ได้หลังจากแจ้งไปนางก็ได้รับอนุญาตโดยเร็ว พอเห็นสีหน้าของหญิงสาวที่มาหาหลี่เจิ้นหัวก็ทักทันที"ใครทำอะไ
เขาเวียนหาร้านขนมชื่อดังประจำเมือง ซื้อขนมมาให้นางกินวันละอย่าง ล้วนแต่เป็นของขึ้นชื่อของร้านนั้น และฉินหลิวซีก็ชอบมันมาก ๆ เลยด้วยนายของหอกระจายข่าวจัดเรียงม้วนกระดาษรายงานอยู่บนโต๊ะ แบ่งฝั่งที่จัดการเสร็จไปแล้วกับฝั่งที่ยังไม่ได้ทำแยกเอาไวฉินหลิวซีไม่อยากไปแตะต้องมันเพราะถ้าเป็นอะไรที่เป็นความลับขึ้นมาทั้งนางและเขาก็จะถูกมองไม่ดีจากผู้ใต้บังคับบัญชา ยังส่งผลถึงความน่าเชื่อถือของตัวของหลี่เจิ้นหัวเองอีกด้วย"เจ้าจะไปกับข้าแน่หรือ ดูงานยุ่งมากเลยนะ""ข้าจะไป" หลี่เจิ้นหัวรั้นไม่ยอม"งานที่ต้องสะสางมีไม่น้อย จะไปพร้อมข้าก็ต้องทิ้งงาน คิดว่าข้าจะยอมให้เจ้าทำหรือไง""ข้าตามไปทีหลังก็ได้ แต่อย่างไรก็จะไป""ทำไมถึงได้ดื้อขนาดนี้นะ""ก็ไม่เท่าเจ้าหรอก พอเจ้าจะรั้นใครก็ห้ามไม่อยู่"ฉินหลิวซีคิดตามแล้วก็ว่าจริง ที่ผ่านมาไม่มีใครห้ามความตั้งใจของนางได้ อย่างมากก็แค่เปลี่ยนวิธีการนิดหน่อยก็นั่นสินะ ถ้าข้าห้ามง่ายถึงขนาดนั้นจะมีศัตรูรอบตัวขนาดนี้หรือคิดแล้วก็ได้แต่ยิ้มแห้งให้ตัวเองถึงความดื้อรั้นในวัยเยาว์ตลอดหลายวันนี้นางมาที่หอ
"ไปไหน""สถานที่ล่าสัตว์วันนั้น"ถ้าเป็นเรื่องนี้ละก็นางไม่ปฏิเสธแน่อยู่แล้ว"เอาสิ"การล่าสัตว์ขององค์ชายรองกับองค์ชายรัชทายาทนั้นเกิดขึ้นระหว่างเสด็จเยี่ยมราษฎร ระหว่างรับเรื่องร้องทุกข์ของชาวบ้าน วันหนึ่งพวกเขาก็ชวนกันไปล่าสัตว์ฆ่าเวลาป่านนี้อยู่ระหว่างเมืองหลวงกับเมืองเหวินทางตะวันออก ป่าหนาทึบเป็นอันดับสองจากป่ารอบเมืองทั้งหมดหลี่เจิ้นหัวออกมากับนางสองคน ครั้งนี้พวกเขาไม่ได้ใช้รถม้าหรือพาหนะใดเพราะไม่อยากสะดุดตา แม้จะมีคนเชื่อว่าเป็นฝีมือองค์ชายรองแต่พระองค์ยืนกรานว่าไม่รู้เรื่อง หากอยากให้คนร้ายดิ้นไม่หลุดก็ต้องหาหลักฐานมาให้ได้"เจ้าคิดไว้ในใจแล้วหรือยัง!""เรื่องอะไร!" เขาตะโกนถามกลับ การวิ่งฝ่าสายลมทำให้พวกเขาไม่ค่อยได้ยินเสียงกันและกัน"จะสืบอย่างไร…" พูดได้ไม่ถึงครึ่งประโยคฉินหลิวซีก็ส่ายหน้า ทำมือเป็นสัญญาได้ไปคุยกันหลังถึงที่หมาย คุยกันตอนนี้ให้ตายอย่างไรก็ไม่รู้เรื่องเดินทางกันอยู่นานในที่สุดก็ถึงป่าระหว่างสองเมืองเสียที พวกเขาตามร่องรอยมาถึงจุดเกิดเหตุ ทั้งรอยเท้าและของตกหายไม่เหลืออะไรแล้ว แต่ก
โจวเมิ่งอิ๋งคร่ำครวญถึงความน่าสงสารราวโชคชะตากลั่นแกล้งของบุตรสาว ไม่มีแก่ใจมารับรองแขกด้วยตัวเองด้วยซ้ำ ดีที่มีอนุคนสนิทอยู่ข้างกายคอยปลอบใจฟังจากน้ำเสียงคงทุกข์ใจเหลือประมาณ หลี่เจิ้นหัวรู้เรื่องที่ตัวเองสามารถทำได้แล้ว"ทีนี้ข้าจะลงมืออย่างไรดีนะ…"บรรยากาศในห้องค่อนข้างอับชื้น พี่หญิงต้อนรับนางเป็นอย่างดีแม้จะหน้าซีดเซียวกว่าปกติก็ตาม"เป็นอย่างไรบ้างเจ้าคะ พี่หญิงดูผอมลงไปหรือไม่ กินข้าวไม่อร่อยอย่างนั้นหรือ""อยากที่เจ้าเห็น ก็ไม่ค่อยดีเท่าไร แต่ข้าเป็นผู้บริสุทธิ์ดังนั้นเลยเชื่อว่าอีกไม่นานคงดีขึ้น"แต่ดูเหมือนความเชื่อของนางจะทรยศนางทีละนิด แต่ละวันที่ผ่านไปขื่นขมนักสีหน้าของหลี่เมิ่งเหยาอิดโรยเหมือนคนไม่ได้นอน ถึงจะบอกว่าตนเป็นผู้บริสุทธิ์อย่างไร แต่สถานการณ์แบบนี้คงยิ้มไม่ออก"เรื่องนี้จัดการไม่ได้ง่าย ๆ แต่หากต้องการให้ข้าช่วยเหลืออะไรพี่หญิงอย่าได้เกรงใจนะเจ้าคะ""ฉินหลิวซี ถ้าซาบซึ้งน้ำใจเจ้าจริง ๆ" หลี่เมิ่งเหยาน้ำตารื้น พอรู้ว่านางอาจต้องโทษเหล่ามิตรสหายก็พากันหนีหน้า ส่วนหนึ่งก็คงเพราะคำสั่งของบิดามารดามิให้มาข้อง
เหตุการณ์นี้ทั้งสองนัดแนะกันเองโดยไม่ได้บอกผู้ติดตามพวกเขาจึงไม่ได้ถูกลงโทษที่ละเลยหน้าที่ และโชคดีที่แม่ทัพหลี่ซึ่งเดินทางไปด้วยมาช่วยไว้ทันด้วยเหตุนี้จึงบังเกิดความสงสัยขึ้นในหมู่ชาวเมือง ว่าเป็นฉากที่ถูกจัดไว้หรือเปล่า"เพราะอย่างนี้จึงไม่มีใครสนใจเจ้าของร้านเครื่องประทินโฉมแล้วสินะ…"เรื่องนี้มันเป็นเรื่องใหญ่กว่าเห็น ๆ ก็ดี เพราะข้าก็ไม่ได้อยากเป็นจุดสนใจมากนักในตอนนี้ แต่เรื่องนี้เกี่ยวข้องกับสกุลหลี่ ยังวางใจไม่ได้"ต้องไปหาเจิ้นหัวหน่อยแล้ว"ฉินหลิวซีไปที่หอกระจายข่าวแล้วก็ต้องประหลาดใจเมื่อการรักษาความปลอดภัยเข้มงวดขึ้นกว่าปกติ นางรู้แล้วว่ามีเรื่องไม่ชอบมาพากลเกิดขึ้น แต่ไม่นึกว่าจะส่งผลกระทบถึงสกุลหลี่มากกว่าที่คิด"เพราะพี่หญิงเป็นพระคู่หมั้นขององค์ชายรัชทายาทอย่างนั้นหรือ…?"หรือจะไม่ใช่กันนะคุยกับตัวเองยังไม่จบก็พบว่ายืนอยู่หน้าห้องทำงานของหลี่เจิ้นหัวเสียแล้ว นางเคาะประตูสองครั้งอีกฝั่งก็เอ่ยอนุญาต"หลิวซี~" พอเห็นหน้านางอีกคนก็โอดครวญเสียงอ่อนอย่างน่าสงสาร ท่ามกลางม้วนกระดาษสู่ท่วมหัว"ดูเหมือนเจ้าจะมี
ร้านที่ไม่มีใครรู้ที่มาแน่ชัด รู้แต่ว่าสกุลหลี่เป็นผู้จัดจำหน่ายให้เสมือนคนกลางหลี่ซีเหยาเหยียดยิ้มนึกอยากขัน สินค้านี้มีอยู่ในร้านของบ้านอยู่แล้ว นางเป็นผู้เอามาให้เช่นนี้ช่างน่าขายหน้าจริง ๆ ช่างไม่รู้เรื่องรู้ราวอะไรเลยหากสังเกตและไตร่ตรองดูสักนิดจะรู้ว่าบรรจุภัณฑ์นี้ไม่ได้วางขายในปัจจุบัน มันเป็นตลับแบบใหม่ที่ยังไม่ได้วางหน้าร้านที่ไหน"นี่เป็น…สินค้าจากร้านของข้าเอง เป็นกระปุกชาดและตลับแป้งลายใหม่ที่ยังไม่ได้วางจำหน่ายที่ไหน ข้ามอบมันให้พี่หญิงเป็นคนแรก"ทันทีที่ฉินหลิวซีพูดจบเสียงฮือฮาก็ดังขึ้นอย่างไม่ขาดสาย"เป็นไปไม่ได้ สามัญชนชั้นต่ำอย่างเจ้าจะเป็นเจ้าของสิ่งนี้ได้อย่างไร อย่ามาแอบอ้างนะ เจ้าต้องไปแอบซื้อที่ไหนมาแน่ ๆ แล้วไปแอบเปลี่ยนตลับทีหลังใช่ไหมล่ะ" หลี่ซีเหยาอย่างไม่ยอม นางเริ่มเสียงดังขึ้นเรื่อย ๆ จนมารดาที่เป็นอนุสั่งให้สาวใช้มาพาตัวออกไปเพราะเริ่มจะทำขายหน้า อีกทั้งแม่ทัพยังมองนางด้วยแววตากรุ่นโกรธอีกด้วย หากไม่รีบจัดการนางก็จะโดนลงโทษหลังจบงานนี้แน่สถานการณ์สงบลงแต่เรื่องของฉินหลิวซียังเป็นที่พูดถึงตัวตนของเจ้าขอ
"บุตรสาวคนเล็กของข้าอยู่ในวัยไล่เลี่ยกับคุณชายหลี่ เรียนรู้งานฝีมือตั้งแต่ยังเล็กจนชำนาญ พิณ หมาก อักษร ล้วนเป็นเลิศ…"เซียนโอสถน้อยรู้สึกกระดากใจเกินจะฟังจึงเดินหนีออกมา รู้หรอกว่าหลี่เจิ้นหัวคงไม่เอาด้วยแต่นางก็ไม่ชอบใจอยู่ดีถึงจะไม่พอใจแต่ถ้านางโวยวายหรืออาละวาดขึ้นมาเพราะเรื่องนี้ รังแต่จะสร้างความไม่พอใจให้ฮูหยินท่านที่มีต่อนางเพิ่มมากขึ้นฉินหลิวซีกลับมานั่งที่โต๊ะ น้าหญิงกับน้าเขยทำตัวไม่ถูกกับงานเช่นนี้จึงเลือกโต๊ะที่ไม่ค่อยโดดเด่น นางเข้าใจว่าทั้งสองคงอึดอัดจึงไม่ห้าม แต่ว่านางร่วมโต๊ะด้วยไม่ได้ ในบัตรเชิญบอกไว้ว่าให้นางนั่งร่วมโต๊ะกับเจ้าของงานโคมไฟแดงประดับต้นไม้สว่างวาบขึ้นจากเดิมพร้อม ๆ กัน ทุกคนพร้อมใจกันหันไปมองหน้าเรือนรับรองที่มีทางเดินหินอ่อนทอดยาวออกมาถึงสวน ฉินหลิวซีเห็นหลี่เมิ่งเหยาออกมาแล้วจึงขอตัวท่านหญิงหลี่ออกมาพร้อมกับสหายท่านหญิงคนอื่น ๆ ฉินหลิวซีรู้สึกคุ้นหน้าพวกนางเกือบทุกคนเพราะเคยเจอกันมาก่อนแล้ว นางรู้สึกสบายใจขึ้นเล็กน้อย ถ้าได้ร่วมโต๊ะกับคนที่คุ้นเคยกันมันดีต่อความรู้สึกนางมากกว่าที่ต้องร่วมโต๊ะกับคนแ
"จริงสิ พี่หญิงเชิญเจ้าไปงานเลี้ยงวันคล้ายวันเกิดของนาง เจ้าพอจะมีเวลาหรือไม่""งานวันคล้ายวันเกิดของพี่หญิงหรือ ต่อให้ข้าไม่ว่างก็จะไปแน่"ฉินหลิวซีได้รับความช่วยเหลือจากพี่หญิงของหลี่เจิ้นหัวมาไม่น้อย แค่ไปร่วมงานแค่นี้ทำไมนางจะทำไม่ได้แล้ว"ถ้าพี่หญิงได้ยินคงดีใจ""งานเริ่มวันไหน""วันมะรืนปลายยามโหย่ว นี่บัตรเชิญของเจ้า น้าหญิงกับน้าเขยเจ้าสามารถมาเข้าร่วมในฐานะผู้ติดตามได้""นางคงตื่นเต้น"ฉินหลิวซีคิดภาพออกเลยว่าชิวหลานจะพูดอะไรหรือแสดงท่าทีประมาณไหนหลังจากได้ยินเรื่องนี้ น้าหญิงของนางร่าเริงมากตั้งแต่มาเมืองหลวง คุ้มค่าแล้วที่พาทั้งคู่มาเปิดหูเปิดตาฉินหลิวซีตั้งใจสร้างชื่อเสียงและตัวตนของตนเอาไว้ที่นี่ ในอนาคตไม่รู้ว่าลูกหลานสกุลชิวกับท่านพ่อท่านแม่จะย้ายมาที่เมืองหลวงหรือไม่ แต่หากพวกเขามาสิ่งที่นางสร้างไว้จะต้องเป็นประโยชน์แน่"ข้าเองก็ตั้งตารอวันนั้น"หลี่เจิ้นหัวมองนาง สายตาแสดงความรู้สึกอย่างไม่ปิดบัง หญิงสาวไม่รู้ว่าคนตรงหน้าเฝ้ารออะไร แต่แววตาของเขานั้นทำให้นางอยากสร้างความประทับใจที่จะได้พบกันยามค่ำคืนให้พิเศษขึ
"ที่นี่ยอดเยี่ยมไปเลย""ดีใจที่เจ้าชอบ นี่ใบเสนอราคาที่เถ้าแก่คนก่อนเขียนมา"นางกวาดสายตาอ่านดูแล้วก็พยักหน้า "รับได้ แต่ทำไมถึงปล่อยขายล่ะ ทำเลดีมากไม่ใช่หรือ""เขาจะย้ายไปอยู่เมืองอื่นกับหลานชาย กิจการนี้ไม่มีคนสานต่อแล้วเจ้าตัวก็ไม่อยากเดินทางมาเก็บค่าเช่าทุกเดือนด้วย""เข้าใจล่ะ แต่เจ้าเอามันมาได้อย่างไร ร้านทำเลดีแบบนี้ต้องมีคนแย่งกันประมูลมากมายแน่ คงไม่ใช่ว่าเจ้าแอบสนับสนุนเงินเพิ่มให้ข้าหรอกนะ"พอเห็นนางมองตาขวางเขาก็รีบปฏิเสธ"เปล่า ๆ เถ้าแก่เป็นคนรู้จักของข้า เคยมีบุญคุณต่อกันนิดหน่อยเท่านั้น ข้ามาขอร้องให้เขาช่วยหาเพราะเส้นสายก็ไม่น้อย แล้วเขาก็เสนอร้านที่นี่มา ซึ่งก็เป็นร้านของตัวเองนั่นแหละ"ฉินหลิวซีเคยสำรวจราคาตลาดมาบ้างแล้ว ที่นี่ก็ให้ราคาที่ถูกมากกว่าที่อื่นจริง ๆเมื่อได้คำตอบที่พอใจนางก็ไม่ถามอะไรเขาอีกก่อนจะหมดวันพวกเขาไปยังที่ตั้งโกดัง มันเป็นโรงเก็บไม้เก่าที่เลิกกิจการไปแล้ว อายุการใช้งานก็ยังไม่มาก ไม่ถึงกับต้องซ่อมแซมแค่ปัดฝุ่นนิดหน่อยก็ใช้ได้ฉินหลิวซีจะเริ่มทยอยขนของย้ายไปที่คฤหาสน์วันพรุ่งนี้
"ช่างเถอะเจ้าค่ะท่านน้า เราคงจะเจอแบบนี้อีกบ่อยเลยล่ะ ถึงจะน่าหงุดหงิดไปบ้าง แต่คนที่หน้าคบหาและเป็นมิตรยังมีอีกมาก"หลังจากกินอาหารเสร็จแล้ว ฉินหลิวซีก็ให้พวกสาวใช้ไปเดินสำรวจในเมืองโดยให้ไปกันเป็นกลุ่ม ห้ามแยกไปคนเดียวเพราะต่อให้เป็นเมืองหลวงก็ใช่ว่าจะปลอดภัย ที่สำคัญคือห้ามก่อเรื่องเป็นอันขาดหลังจากพวกเขาแยกย้ายกันไปแล้ว นางที่กำลังจะขึ้นไปพักบนห้องก็ถูกเรียกเอาไว้"หลิวซี!""เจิ้นหัว?" นางหันหลังมาเห็นก็รู้แล้วว่าเป็นใคร อีกฝ่ายวิ่งมาหาจากแยกด้านหน้าของถนน ทำหญิงสาวเอ่ยชื่อของเขาด้วยความประหลาดใจวิ่งมาแบบนั้นจะหายใจทันไหมนี่"ดูจากสีหน้าคงไม่ใช่เรื่องฉุกเฉินอะไรหรอก ก็แค่ตื่นเต้น…" หญิงสาวเอ่ยพึมพำกับตัวเองนางอมยิ้มแล้วหัวเราะออกมาเบา ๆเพราะข้าล่ะมั้งหลี่เจิ้นหัววิ่งเข้ามาหาฉินหลิวซีโดยไม่สนสายตาใคร โรงเตี๊ยมนี้อยู่ตรงข้ามเหลาอาหารพวกเขาจึงตกเป็นเป้าสายตา ทำเอานางรู้สึกขัดเขิน"จะ เจ้าไม่ได้บอกว่าจะมาถึงพรุ่งนี้หรอกหรือ ขอโทษนะ ข้าไม่ได้ออกไปรับเลย""ไม่เป็นไร เจ้าหายใจช้า ๆ หน่อย วิ่งมาตั้งแต่ที่จวนหรือไงเนี่ย
แม้ตอนจะจากก็ยังมีอารมณ์ขัน เชื่อแทบไม่ลงเลยว่าเป็นองค์ชายต่างแคว้นเหตุผลหนึ่งที่ไม่มีกล้ามีใครมาโจมตีนอกจากพวกไม่มีหัวคิดก็เพราะสถานะของเจียงหรูอี้ ถึงเจ้าตัวจะบอกว่าตอนนี้เป็นแค่จอมยุทธ์พเนจรไม่มีสถานะอื่น แต่หากติดตามข่าวสารต่างแดนบ้างต้องเคยได้เห็นหรือได้ยินเรื่องของเขาบ้างองค์ชายยังประหลาดใจที่ฉินหลิวซีรู้ว่าตนเป็นใคร ชาวบ้านทั่วไปไม่มีใครสนใจสถานะของเขา ซึ่งนั่นทำให้หรูอี้สบายใจและใช้ชีวิตได้อย่างอิสระ พอรู้ว่านางผิดสังเกตก็ประหม่า ฉินหลิวซีต้องอธิบายนานกว่าเขาจะเข้าใจว่านางไม่ได้เจตนาจับผิดหรือเป็นสายลับที่ไหน ก็แค่มีหน่วยข่าวกรองดี ๆ ให้ถามโดยไม่คิดค่าจ้างแค่นั้นเมื่อสิ้นสุดการเดินทางก็ได้เวลาแปลงโฉม ฉินหลิวซีสั่งตั้งกระโจมด้านนอกหนึ่งวันเพื่อเตรียมตัว"น้าหญิง น้าเขย เชิญทางนี้หน่อยเจ้าค่ะ""นะ น้าเขยหรือ!?" เฉาฟางทั้งเขินอายทั้งประหม่าในคราวเดียว"อย่างไรผู้ใหญ่ทั้งสองฝ่ายก็รับรู้แล้ว ไม่เป็นอะไรหรอกเจ้าค่ะ น้าหญิงงามออกปานนี้ ถ้าไม่ทำให้ชัดเจนละก็อาจจะมีคนมาตามตื้อได้""หยา แบบนั้นไม่ได้สิ ไม่ได้เด็ดขาดเลยนะ" โวยวายเสร็จ