"ดีเลย เช่นนั้นข้าจะไปเตรียมตัวรอเจ้าที่ด้านหน้าจวนก็แล้วกัน"
หลังจากนัดหมายเวลากันเรียบร้อย ฉินหลิวซีก็กลับมาจัดการตัวเองให้พร้อมออกไปข้างนอก นางแต่งชุดเรียบง่ายที่ลวดลายไม่โดดเด่นแต่เนื้อผ้าเป็นของอย่างดี เครื่องประดับก็สวมแค่พองาม วันนี้ฉินหลิวซีเลือกที่จะสวมผ้าคลุมหน้าออกไปด้วยไม่ต้องให้คุณหนูใหญ่รอนานนางก็พร้อมออกไปข้างนอก "คนที่จะไปพบมีใครบ้างหรือเจ้าคะ""จางซวี่จากจวนเสนาบดีฝ่ายซ้าย เซียวกวางจากจวนรองแม่ทัพ ท่านหญิงเฉิงลี่จากจวนฉินอ๋อง"คนใหญ่คนโตทั้งนั้น ต้องระวังเรื่องมารยาทหน่อยแล้วร้านน้ำชาขึ้นชื่อในเมืองร้านหนึ่งวันนี้ได้ต้อนรับแขกชั้นสูงหลายท่านจนสามารถเอาไปคุยโวได้เป็นเดือน ฉินหลิวซีเป็นสตรีสามัญชนเพียงผู้เดียวในที่แห่งนี้ แต่ไม่มีท่านหญิงคนไหนเลยที่จะแสดงท่าทีไม่เป็นมิตรกับนางแม้ว่าจะแนะนำตัวไปว่าเป็นสามัญชนแล้วก็ตาม ถึงอย่างนั้นพวกนางก็ยังรักษาระยะห่างระหว่างชนชั้นให้ได้รู้สึกนั่งจิบชาสักพักท่านหญิงเฉิงลี่จากจวนอ๋องก็ชวนย้ายสถานที่"ดูเหมือนว่าวันนี้จะมีเครื่องประทินโฉมชุดใหม่เข้ามา เราไปดูกันสักหน่อยดีหรือไม่"คนที่รู้ว่าฉินหลิวซีมีวิชาติดตัวมีอยู่ไม่กี่คน และหลี่เมิ่งเหยาไม่ใช่หนึ่งในนั้น สายตาของนางถ่ายทอดความจริงใจทำให้หญิงสาวผู้เลี้ยงหงส์แดงเพลิงเอาไว้อดจะรู้สึกประทับใจไม่ได้ หากไม่นับรวมเรื่องที่เป็นบุตรสาวของสตรีที่ชังน้ำหน้าตนก็ถือว่าน่าคบหาเอาไว้เชียวล่ะหลี่เมิ่งเหยาคงวางตัวลำบากน่าหากเป็นเช่นนั้นจริง ฮูหยินโจวเห็นลูกชายมาคุยกับนางก็หัวฟัดหัวเหวี่ยงโกรธเป็นฟืนเป็นไฟแล้ว ถ้าบุตรสาวมาข้องแวะกับนางมากเกินไปก็คงถูกตำหนิ อย่างไรก็เป็นลูกที่กตัญญู ถ้าผู้เป็นแม่ออกปากห้ามจริงคงลำบากใจแย่หลังจากแยกกันฉินหลิวซีก็ไปที่หอกระจายข่าวสาขาประจำเมือง หลี่เจิ้นหัวรออยู่ที่นั่นก่อนแล้ว"ไปดูร้านมาเป็นอย่างไรบ้าง" นายของหอกระจายข่าวเห็นหน้านางก็ยิ้มแป้น"อยากฟังข้อดีหรือข้อเสียก่อนล่ะ""พูดแบบนั้นน่ากลัวชะมัด ฟังพร้อมกันเลยไม่ได้เหรอ" ฉินหลิวซีเดินมานั่งฝั่งตรงข้าม ยกชาที่รินไว้ให้แล้วเครื่องดื่ม"ตกแต่งร้านดูดีทีเดียว ต่อให้ใครมาเดินก็คงไม่ถูกตำหนิ แต่ว่าจุดอับสายตามีเยอะเกินไป สามารถขโมยของได้ง่าย ๆ เลยล่ะ ไม่รู้ว่ามีคนใดรู้เห็นเป็นใจด้วยหรือเปล่า ตรวจสอบเอาไว้หน่อย
"หากแต่งงานตอนนี้การเดินทางไปที่อื่นคงลำบาก ไม่สะดวกต่อการทำงานของข้า""เช่นนั้นหมั้นหมายไว้ก่อนก็ได้""ก็ยังถือเป็นข้อผูกมัดที่มากเกินไปสำหรับข้า""เจ้านี่อย่างไรนะ ถือว่าตนมีคนสนใจด้วยรูปโฉมงดงาม จะเล่นตัวพิรี้พิไรให้มากงั้นหรือ"ฉินหลิวซีมุมปากกระตุก ถ้าความยุ่งยากในอนาคตที่แสนน่ารำคาญจะไม่ตามมานางคงลงไม้ลงมือไปแล้ว"คุณชายเป็นหลานของกุ้ยเฟย ตัวข้าก็เป็นลูกศิษย์ของเซียนโอสถ ผู้ที่ไปไหนต่อไหนไม่เคยมีอะไรกักขังเขาไว้ได้ แม้แต่สายลมก็อาจไม่รู้ที่อยู่ของเขา"นางกล่าวเกินจริงไปเองเพื่อข่มอีกฝ่ายคืน ที่ไหนมีอากาศที่นั่นต้องมีลม คงเป็นเพียงสิ่งเดียวที่รู้ว่าอาจารย์ของนางอยู่ไหน ฉินหลิวซีรักษาความใจเย็นและสีหน้าสงบนิ่งเอาไว้ได้แม้ในใจจะโมโหมากก็ตาม คำตอบของนางเมื่อครู่นี้ทำให้หลายคนตกตะลึง แม้แต่โจวเมิ่งอิ๋งก็เบิกตาโพลงมีใครบ้างไม่รู้จักชื่อเสียงของหมอเทวดา เห็นว่าพวกเขาน่าจะรู้กิตติศัพท์อาจารย์นางดี ฉินหลิวซีรีบโหมไฟเพิ่ม"เมื่อใดก็ตามที่อาจารย์ของข้าเรียกหาข้าต้องไปในทันที คงไม่อาจตอบรับไมตรีของคุณชายไว้ได้""โกหก เป็นอน
"อา เรื่องนั้นข้าก็ทำบ่อยเหมือนกัน" สตรีทั้งสองคุยเรื่องเบาสมองกันไปตลอดทางจนมาส่งนางถึงเรือนนอนคุณหนูใหญ่ก็ขอตัวกลับฉินหลิวซีใช้เวลาในช่วงสายไปจนถึงเที่ยงวันกับการฝึกร่างกายให้ได้เหงื่อ เรื่องหลานชายของกุ้ยเฟยที่มาหาสร้างความรำคาญใจจนหงุดหงิด หากนางไม่เคลื่อนไหวร่างกายจนอารมณ์เย็นลงคงได้มีข้าวของเสียหายแทนร่างกายของคุณผู้นั้นไม่รู้หรอกนะว่าท่านอาของเขานั่นบารมีมากน้อยแค่ไหน แต่ต่อให้เป็นใครก็รั้งนางไว้กับที่ไม่ได้ ที่ใดที่จะปักหลักอยู่ฉินหลิวซีย่อมเลือกด้วยตัวเอง ไม่ใช่คนที่ใครบอกว่าดีแล้วนางจะรีบเห็นด้วยว่าดีเรียกเหงื่อไปพอสมควรช่วงบ่ายของวันจึงไปที่หอกระจายข่าว ครั้งนี้แค่แจ้งคุณหนูใหญ่ก็ออกมาได้แล้วเพราะได้ย้ำชัดไปแล้วว่าไม่ต้องส่งนางก็ได้ สายตาของหลี่เมิ่งเหยาเจือความเป็นห่วงอยู่บ้างแต่ก็ยอมปล่อยมาฉินหลิวซีมาแจ้งที่ด้านหน้าว่าจะขอเข้าพบเจ้าของหอ คนที่เมืองหลวงยังไม่คุ้นเคยกับนางจะเดินดุ่ม ๆ เข้าไปเหมือนตอนอยู่ที่บ้านเกิดตัวเองไม่ได้หลังจากแจ้งไปนางก็ได้รับอนุญาตโดยเร็ว พอเห็นสีหน้าของหญิงสาวที่มาหาหลี่เจิ้นหัวก็ทักทันที"ใครทำอะไ
เขาเวียนหาร้านขนมชื่อดังประจำเมือง ซื้อขนมมาให้นางกินวันละอย่าง ล้วนแต่เป็นของขึ้นชื่อของร้านนั้น และฉินหลิวซีก็ชอบมันมาก ๆ เลยด้วยนายของหอกระจายข่าวจัดเรียงม้วนกระดาษรายงานอยู่บนโต๊ะ แบ่งฝั่งที่จัดการเสร็จไปแล้วกับฝั่งที่ยังไม่ได้ทำแยกเอาไวฉินหลิวซีไม่อยากไปแตะต้องมันเพราะถ้าเป็นอะไรที่เป็นความลับขึ้นมาทั้งนางและเขาก็จะถูกมองไม่ดีจากผู้ใต้บังคับบัญชา ยังส่งผลถึงความน่าเชื่อถือของตัวของหลี่เจิ้นหัวเองอีกด้วย"เจ้าจะไปกับข้าแน่หรือ ดูงานยุ่งมากเลยนะ""ข้าจะไป" หลี่เจิ้นหัวรั้นไม่ยอม"งานที่ต้องสะสางมีไม่น้อย จะไปพร้อมข้าก็ต้องทิ้งงาน คิดว่าข้าจะยอมให้เจ้าทำหรือไง""ข้าตามไปทีหลังก็ได้ แต่อย่างไรก็จะไป""ทำไมถึงได้ดื้อขนาดนี้นะ""ก็ไม่เท่าเจ้าหรอก พอเจ้าจะรั้นใครก็ห้ามไม่อยู่"ฉินหลิวซีคิดตามแล้วก็ว่าจริง ที่ผ่านมาไม่มีใครห้ามความตั้งใจของนางได้ อย่างมากก็แค่เปลี่ยนวิธีการนิดหน่อยก็นั่นสินะ ถ้าข้าห้ามง่ายถึงขนาดนั้นจะมีศัตรูรอบตัวขนาดนี้หรือคิดแล้วก็ได้แต่ยิ้มแห้งให้ตัวเองถึงความดื้อรั้นในวัยเยาว์ตลอดหลายวันนี้นางมาที่หอ
ในแง่ของการวางตัวเป็นแม่บ้านไม่เรือนและจัดการงานบ้านภายในแล้ว ฉินหลิวซีรู้สึกให้ความนับถือผู้นี้เป็นอย่างมาก หากเป็นนางเองไม่รู้ว่าจะเก็บอารมณ์ได้ตลอดเวลาถึงขนาดนี้ไหม ถ้าเป็นนางคงทำไม่ได้แน่ ความแข็งแกร่งที่แตกต่างในแง่มุมอื่น ๆ นี้ก็มีเสน่ห์ของมันฉินหลิวซีกลับห้องไปเตรียมของและฝึกร่างกายยามเย็นตามปกติ พรุ่งนี้นางตั้งใจจะออกเดินทางแต่เช้าเมื่อรุ่งขึ้นมาถึงพี่หญิงของหลี่เจิ้นหัวก็เป็นผู้มาส่งนาง สาวใช้สองสามคนที่สนิทกันระหว่างที่อยู่ที่นี่ก็มาบอกลา"นี่เป็นเสบียงที่ท่านแม่เตรียมให้ เอาไว้กินระหว่างทางนะ" หลี่เมิ่งเหยาให้เสบียงนางมาหอบใหญ่ กินได้หลายวันเลยทีเดียว ถ้าเก็บไว้ในมิติก็คงจะถนอมเอาไว้ได้เหมือนได้กินอาหารสดใหม่ทุกวัน"ขอบคุณมากเจ้าค่ะ มารบกวนเสียหลายวันหวังว่าจะไม่เผลอทำอะไรให้พี่หญิงรำคาญใจเข้า""พูดอะไรกัน ข้าก็เห็นเจ้าเหมือนเป็นน้องสาวคนหนึ่ง แล้วก็อย่าคิดมากเรื่องท่านแม่เลยนะ""ข้าเข้าใจเจ้าค่ะ ท่านพี่หญิงไม่ต้องห่วง""เช่นนั้นก็เดินทางปลอดภัย""ข้าไปก่อนนะเจ้าคะ"ฉินหลิวซีเดินออกมาหน้าจอมันก็เห็นรถม้ารออยู่ ห
ฉินหลิวซีไม่ได้บอกเอาไว้ว่าจะไปเยี่ยมเขา ตั้งใจจะทำให้ประหลาดใจจึงไม่ได้รีบร้อนเดินทาง ใช้เวลาอีกราวสามสี่วันก็คงถึงสำนักเซียนแล้ว ถึงนางจะบอกน้องว่าถ้าว่างให้กลับไปเยี่ยมบ้านบ้างแต่เขาก็ไม่เคยปลีกตัวไปได้ ครั้งนี้จึงตั้งใจมาด้วยตัวเอง"เมืองนี้ก็เจริญขึ้นไม่น้อย" ฉินหลิวซีมองซ้ายมองขวาหาโรงเตี๊ยมที่น่าจะเข้าท่า ต่อให้ต้องจ่ายเงินมากขึ้นหน่อยนางก็เลือกที่จะพักแถวใจกลางเมืองมากกว่า"ห้องเดี่ยวหนึ่งคืน" หญิงสาวเอ่ยบอกหน้าโต๊ะยาวรับแขกด้านล่าง คนทำหน้าที่คิดเงินเงยมองเพียงครู่เดียวก็ยื่นกุญแจให้"ชั้นสองห้องฝั่งซ้ายสุดทางเดิน" นางรับกุญแจมาก็เดินขึ้นไปเดี๋ยวนี้โรงเตี๊ยมมีหลายแบบจากการรับวัฒนธรรมต่างแดนเข้ามาผ่านการแลกเปลี่ยนและการทูตที่กำลังรุ่งเรืองขึ้น จากห้องที่เคยมีแค่ไม้ขัดเป็นกลอนก็เริ่มมีการใช้กุญแจเพิ่ม แต่โดยมากมักจะมีแค่ในโรงเตี๊ยมที่อยู่กลางเมืองเท่านั้นนางจึงพอใจจะอยู่ด้านในมากกว่าหลังจากเข้าพักเรียบร้อยฉินหลิวซีก็ออกมาหาข่าวนางตรงไปที่ร้านอาหารอย่างไม่ลังเล เลือกร้านที่ดูธรรมดาแต่มีคนหมุนเวียนเข้าออกร้านมาก คนพวกนี้มักเป
วิธีการทำงานก็ดูพึ่งพาได้แล้ว น้องชายข้าเติบโตขึ้นมากขนาดนี้น่าปลื้มใจจริง ๆ โธ่ ให้ตายเถอะ น้ำตาปริ่ม ๆ จะไหลอีกแล้วเนี่ย ข้าไม่ได้เจอเขามากี่ปีแล้วนะ โตขนาดนี้คงไม่ยอมอ้อนพี่สาวแล้วคิดแล้วก็ทั้งเศร้าทั้งสุขฉินหลิวซีถอยกลับไปรอในเขตเมืองใกล้ประตูทางเข้า หากฉินซือหยวนเสร็จงานกลับเข้ามาอย่างไรก็ต้องเห็นนาง หลังจากนั้นเขาก็คงพอหาเวลาปลีกตัวออกมาได้บ้าง หญิงสาวรอคอยอย่างใจเย็นจนกระทั่งได้ยินเสียงโครมครามต่อเนื่องดังมาจากในป่า ไม่นานนักก็เงียบลง ด้วยสัญชาตญาณก็เดาได้แล้วว่างานสำเร็จด้วยดีไม่อย่างนั้นคงได้ยินเสียงโวยวายกรีดร้องมาแล้วกลุ่มลูกศิษย์ของสำนักเซียนกระบี่ค่อนข้างจะมอมแมมกับภารกิจครั้งนี้ เนื้อตัวแต่ละคนเปรอะเปื้อนดินและฝุ่น เหมือนเจ้าสัตว์อสูรตัวนั้นจะมีกำลังมากโดยไม่สามารถจัดการอย่างสง่างามได้ฉินซือหยวนเดินเข้ามาพร้อมสหายร่วมสำนักก็มองซ้ายมองขวาหาใครบางคน กระทั่งสบตาเข้ากับคนที่รอคอยอีกครั้งจึงได้ขอแยกจากกลุ่มตรงนั้นแล้ววิ่งมาหานาง"ท่านพี่!" ฉินซือหยวนแขนอ่อนกว้างเตรียมจะกอดด้วยความเคยชินและคิดถึงฉินหลิวซีโดนกอดเต็มรักไม่ทันตั้งตัวก็เกือบเซไ
"ท่านพี่กับพี่ชายหลี่จะทำอย่างไรกับอนาคตต่อจากนี้ล่ะ จะหมั้นหมายกันไว้หรือตบแต่งกันไปเลย""ยังไม่แน่ใจ คงต้องรอคุยกับเขาก่อน ยังมีเรื่องมารดาของเขาอีก""ลำบากแย่เลยนะ สู้ ๆ แล้วกัน""ให้กำลังใจดูขอไปทีแปลก ๆ นะ""พอดีห่างหายจากท่านพี่มานานข้าก็เลยกลายเป็นเด็กเกเรแบบนี้แหละ" ฉินซือหยวนเอ่ยเสียงกลั้วหัวเราะ นางถอนหายใจเบา ๆ ไม่ถือสาหาความอะไรหลังจากเดินทางมาหลายวันในที่สุดก็กลับถึงบ้านเสียที ที่คฤหาสน์ของนางมีใครคนหนึ่งมารอเป็นแขกอยู่ก่อนแล้ว ฉินซือหยวนเห็นเขาก็ยิ้มกว้างเอ่ยทักทายเสียงใสพลางจะวิ่งเข้าไปกอด"ฉินซือหยวน นี่เจ้าหรือ!" หลี่เจิ้นหัวโดนโถมร่างกายเข้าใส่ก็แอบเซไปนิดหน่อย ฉินหลิวซีเอ่ยทักเพียงสั้น ๆ แล้วปล่อยให้ทั้งคู่พูดคุยกัน ดูท่าว่าสาวใช้มีบางอย่างต้องการพูดคุยกับนาง ทันทีที่เหยียบเข้ามาในรั้วบ้านก็รับรู้ได้ถึงสายตาที่จ้องมองมาจากเด็กคนนั้นแล้ว"พวกเจ้าไปที่ห้องรับรองรอก่อนสิ ข้าเสร็จธุระแล้วจะตามไปนะ"ดูเหมือนว่าหลี่จนหัวก็มีเรื่องต้องการคุยกับนางเช่นกัน แต่เรื่องของเขานั้นรอได้ฉินหลิวซีพาสาวใช้ที่นางให้เป็นล
"ไปไหน""สถานที่ล่าสัตว์วันนั้น"ถ้าเป็นเรื่องนี้ละก็นางไม่ปฏิเสธแน่อยู่แล้ว"เอาสิ"การล่าสัตว์ขององค์ชายรองกับองค์ชายรัชทายาทนั้นเกิดขึ้นระหว่างเสด็จเยี่ยมราษฎร ระหว่างรับเรื่องร้องทุกข์ของชาวบ้าน วันหนึ่งพวกเขาก็ชวนกันไปล่าสัตว์ฆ่าเวลาป่านนี้อยู่ระหว่างเมืองหลวงกับเมืองเหวินทางตะวันออก ป่าหนาทึบเป็นอันดับสองจากป่ารอบเมืองทั้งหมดหลี่เจิ้นหัวออกมากับนางสองคน ครั้งนี้พวกเขาไม่ได้ใช้รถม้าหรือพาหนะใดเพราะไม่อยากสะดุดตา แม้จะมีคนเชื่อว่าเป็นฝีมือองค์ชายรองแต่พระองค์ยืนกรานว่าไม่รู้เรื่อง หากอยากให้คนร้ายดิ้นไม่หลุดก็ต้องหาหลักฐานมาให้ได้"เจ้าคิดไว้ในใจแล้วหรือยัง!""เรื่องอะไร!" เขาตะโกนถามกลับ การวิ่งฝ่าสายลมทำให้พวกเขาไม่ค่อยได้ยินเสียงกันและกัน"จะสืบอย่างไร…" พูดได้ไม่ถึงครึ่งประโยคฉินหลิวซีก็ส่ายหน้า ทำมือเป็นสัญญาได้ไปคุยกันหลังถึงที่หมาย คุยกันตอนนี้ให้ตายอย่างไรก็ไม่รู้เรื่องเดินทางกันอยู่นานในที่สุดก็ถึงป่าระหว่างสองเมืองเสียที พวกเขาตามร่องรอยมาถึงจุดเกิดเหตุ ทั้งรอยเท้าและของตกหายไม่เหลืออะไรแล้ว แต่ก
โจวเมิ่งอิ๋งคร่ำครวญถึงความน่าสงสารราวโชคชะตากลั่นแกล้งของบุตรสาว ไม่มีแก่ใจมารับรองแขกด้วยตัวเองด้วยซ้ำ ดีที่มีอนุคนสนิทอยู่ข้างกายคอยปลอบใจฟังจากน้ำเสียงคงทุกข์ใจเหลือประมาณ หลี่เจิ้นหัวรู้เรื่องที่ตัวเองสามารถทำได้แล้ว"ทีนี้ข้าจะลงมืออย่างไรดีนะ…"บรรยากาศในห้องค่อนข้างอับชื้น พี่หญิงต้อนรับนางเป็นอย่างดีแม้จะหน้าซีดเซียวกว่าปกติก็ตาม"เป็นอย่างไรบ้างเจ้าคะ พี่หญิงดูผอมลงไปหรือไม่ กินข้าวไม่อร่อยอย่างนั้นหรือ""อยากที่เจ้าเห็น ก็ไม่ค่อยดีเท่าไร แต่ข้าเป็นผู้บริสุทธิ์ดังนั้นเลยเชื่อว่าอีกไม่นานคงดีขึ้น"แต่ดูเหมือนความเชื่อของนางจะทรยศนางทีละนิด แต่ละวันที่ผ่านไปขื่นขมนักสีหน้าของหลี่เมิ่งเหยาอิดโรยเหมือนคนไม่ได้นอน ถึงจะบอกว่าตนเป็นผู้บริสุทธิ์อย่างไร แต่สถานการณ์แบบนี้คงยิ้มไม่ออก"เรื่องนี้จัดการไม่ได้ง่าย ๆ แต่หากต้องการให้ข้าช่วยเหลืออะไรพี่หญิงอย่าได้เกรงใจนะเจ้าคะ""ฉินหลิวซี ถ้าซาบซึ้งน้ำใจเจ้าจริง ๆ" หลี่เมิ่งเหยาน้ำตารื้น พอรู้ว่านางอาจต้องโทษเหล่ามิตรสหายก็พากันหนีหน้า ส่วนหนึ่งก็คงเพราะคำสั่งของบิดามารดามิให้มาข้อง
เหตุการณ์นี้ทั้งสองนัดแนะกันเองโดยไม่ได้บอกผู้ติดตามพวกเขาจึงไม่ได้ถูกลงโทษที่ละเลยหน้าที่ และโชคดีที่แม่ทัพหลี่ซึ่งเดินทางไปด้วยมาช่วยไว้ทันด้วยเหตุนี้จึงบังเกิดความสงสัยขึ้นในหมู่ชาวเมือง ว่าเป็นฉากที่ถูกจัดไว้หรือเปล่า"เพราะอย่างนี้จึงไม่มีใครสนใจเจ้าของร้านเครื่องประทินโฉมแล้วสินะ…"เรื่องนี้มันเป็นเรื่องใหญ่กว่าเห็น ๆ ก็ดี เพราะข้าก็ไม่ได้อยากเป็นจุดสนใจมากนักในตอนนี้ แต่เรื่องนี้เกี่ยวข้องกับสกุลหลี่ ยังวางใจไม่ได้"ต้องไปหาเจิ้นหัวหน่อยแล้ว"ฉินหลิวซีไปที่หอกระจายข่าวแล้วก็ต้องประหลาดใจเมื่อการรักษาความปลอดภัยเข้มงวดขึ้นกว่าปกติ นางรู้แล้วว่ามีเรื่องไม่ชอบมาพากลเกิดขึ้น แต่ไม่นึกว่าจะส่งผลกระทบถึงสกุลหลี่มากกว่าที่คิด"เพราะพี่หญิงเป็นพระคู่หมั้นขององค์ชายรัชทายาทอย่างนั้นหรือ…?"หรือจะไม่ใช่กันนะคุยกับตัวเองยังไม่จบก็พบว่ายืนอยู่หน้าห้องทำงานของหลี่เจิ้นหัวเสียแล้ว นางเคาะประตูสองครั้งอีกฝั่งก็เอ่ยอนุญาต"หลิวซี~" พอเห็นหน้านางอีกคนก็โอดครวญเสียงอ่อนอย่างน่าสงสาร ท่ามกลางม้วนกระดาษสู่ท่วมหัว"ดูเหมือนเจ้าจะมี
ร้านที่ไม่มีใครรู้ที่มาแน่ชัด รู้แต่ว่าสกุลหลี่เป็นผู้จัดจำหน่ายให้เสมือนคนกลางหลี่ซีเหยาเหยียดยิ้มนึกอยากขัน สินค้านี้มีอยู่ในร้านของบ้านอยู่แล้ว นางเป็นผู้เอามาให้เช่นนี้ช่างน่าขายหน้าจริง ๆ ช่างไม่รู้เรื่องรู้ราวอะไรเลยหากสังเกตและไตร่ตรองดูสักนิดจะรู้ว่าบรรจุภัณฑ์นี้ไม่ได้วางขายในปัจจุบัน มันเป็นตลับแบบใหม่ที่ยังไม่ได้วางหน้าร้านที่ไหน"นี่เป็น…สินค้าจากร้านของข้าเอง เป็นกระปุกชาดและตลับแป้งลายใหม่ที่ยังไม่ได้วางจำหน่ายที่ไหน ข้ามอบมันให้พี่หญิงเป็นคนแรก"ทันทีที่ฉินหลิวซีพูดจบเสียงฮือฮาก็ดังขึ้นอย่างไม่ขาดสาย"เป็นไปไม่ได้ สามัญชนชั้นต่ำอย่างเจ้าจะเป็นเจ้าของสิ่งนี้ได้อย่างไร อย่ามาแอบอ้างนะ เจ้าต้องไปแอบซื้อที่ไหนมาแน่ ๆ แล้วไปแอบเปลี่ยนตลับทีหลังใช่ไหมล่ะ" หลี่ซีเหยาอย่างไม่ยอม นางเริ่มเสียงดังขึ้นเรื่อย ๆ จนมารดาที่เป็นอนุสั่งให้สาวใช้มาพาตัวออกไปเพราะเริ่มจะทำขายหน้า อีกทั้งแม่ทัพยังมองนางด้วยแววตากรุ่นโกรธอีกด้วย หากไม่รีบจัดการนางก็จะโดนลงโทษหลังจบงานนี้แน่สถานการณ์สงบลงแต่เรื่องของฉินหลิวซียังเป็นที่พูดถึงตัวตนของเจ้าขอ
"บุตรสาวคนเล็กของข้าอยู่ในวัยไล่เลี่ยกับคุณชายหลี่ เรียนรู้งานฝีมือตั้งแต่ยังเล็กจนชำนาญ พิณ หมาก อักษร ล้วนเป็นเลิศ…"เซียนโอสถน้อยรู้สึกกระดากใจเกินจะฟังจึงเดินหนีออกมา รู้หรอกว่าหลี่เจิ้นหัวคงไม่เอาด้วยแต่นางก็ไม่ชอบใจอยู่ดีถึงจะไม่พอใจแต่ถ้านางโวยวายหรืออาละวาดขึ้นมาเพราะเรื่องนี้ รังแต่จะสร้างความไม่พอใจให้ฮูหยินท่านที่มีต่อนางเพิ่มมากขึ้นฉินหลิวซีกลับมานั่งที่โต๊ะ น้าหญิงกับน้าเขยทำตัวไม่ถูกกับงานเช่นนี้จึงเลือกโต๊ะที่ไม่ค่อยโดดเด่น นางเข้าใจว่าทั้งสองคงอึดอัดจึงไม่ห้าม แต่ว่านางร่วมโต๊ะด้วยไม่ได้ ในบัตรเชิญบอกไว้ว่าให้นางนั่งร่วมโต๊ะกับเจ้าของงานโคมไฟแดงประดับต้นไม้สว่างวาบขึ้นจากเดิมพร้อม ๆ กัน ทุกคนพร้อมใจกันหันไปมองหน้าเรือนรับรองที่มีทางเดินหินอ่อนทอดยาวออกมาถึงสวน ฉินหลิวซีเห็นหลี่เมิ่งเหยาออกมาแล้วจึงขอตัวท่านหญิงหลี่ออกมาพร้อมกับสหายท่านหญิงคนอื่น ๆ ฉินหลิวซีรู้สึกคุ้นหน้าพวกนางเกือบทุกคนเพราะเคยเจอกันมาก่อนแล้ว นางรู้สึกสบายใจขึ้นเล็กน้อย ถ้าได้ร่วมโต๊ะกับคนที่คุ้นเคยกันมันดีต่อความรู้สึกนางมากกว่าที่ต้องร่วมโต๊ะกับคนแ
"จริงสิ พี่หญิงเชิญเจ้าไปงานเลี้ยงวันคล้ายวันเกิดของนาง เจ้าพอจะมีเวลาหรือไม่""งานวันคล้ายวันเกิดของพี่หญิงหรือ ต่อให้ข้าไม่ว่างก็จะไปแน่"ฉินหลิวซีได้รับความช่วยเหลือจากพี่หญิงของหลี่เจิ้นหัวมาไม่น้อย แค่ไปร่วมงานแค่นี้ทำไมนางจะทำไม่ได้แล้ว"ถ้าพี่หญิงได้ยินคงดีใจ""งานเริ่มวันไหน""วันมะรืนปลายยามโหย่ว นี่บัตรเชิญของเจ้า น้าหญิงกับน้าเขยเจ้าสามารถมาเข้าร่วมในฐานะผู้ติดตามได้""นางคงตื่นเต้น"ฉินหลิวซีคิดภาพออกเลยว่าชิวหลานจะพูดอะไรหรือแสดงท่าทีประมาณไหนหลังจากได้ยินเรื่องนี้ น้าหญิงของนางร่าเริงมากตั้งแต่มาเมืองหลวง คุ้มค่าแล้วที่พาทั้งคู่มาเปิดหูเปิดตาฉินหลิวซีตั้งใจสร้างชื่อเสียงและตัวตนของตนเอาไว้ที่นี่ ในอนาคตไม่รู้ว่าลูกหลานสกุลชิวกับท่านพ่อท่านแม่จะย้ายมาที่เมืองหลวงหรือไม่ แต่หากพวกเขามาสิ่งที่นางสร้างไว้จะต้องเป็นประโยชน์แน่"ข้าเองก็ตั้งตารอวันนั้น"หลี่เจิ้นหัวมองนาง สายตาแสดงความรู้สึกอย่างไม่ปิดบัง หญิงสาวไม่รู้ว่าคนตรงหน้าเฝ้ารออะไร แต่แววตาของเขานั้นทำให้นางอยากสร้างความประทับใจที่จะได้พบกันยามค่ำคืนให้พิเศษขึ
"ที่นี่ยอดเยี่ยมไปเลย""ดีใจที่เจ้าชอบ นี่ใบเสนอราคาที่เถ้าแก่คนก่อนเขียนมา"นางกวาดสายตาอ่านดูแล้วก็พยักหน้า "รับได้ แต่ทำไมถึงปล่อยขายล่ะ ทำเลดีมากไม่ใช่หรือ""เขาจะย้ายไปอยู่เมืองอื่นกับหลานชาย กิจการนี้ไม่มีคนสานต่อแล้วเจ้าตัวก็ไม่อยากเดินทางมาเก็บค่าเช่าทุกเดือนด้วย""เข้าใจล่ะ แต่เจ้าเอามันมาได้อย่างไร ร้านทำเลดีแบบนี้ต้องมีคนแย่งกันประมูลมากมายแน่ คงไม่ใช่ว่าเจ้าแอบสนับสนุนเงินเพิ่มให้ข้าหรอกนะ"พอเห็นนางมองตาขวางเขาก็รีบปฏิเสธ"เปล่า ๆ เถ้าแก่เป็นคนรู้จักของข้า เคยมีบุญคุณต่อกันนิดหน่อยเท่านั้น ข้ามาขอร้องให้เขาช่วยหาเพราะเส้นสายก็ไม่น้อย แล้วเขาก็เสนอร้านที่นี่มา ซึ่งก็เป็นร้านของตัวเองนั่นแหละ"ฉินหลิวซีเคยสำรวจราคาตลาดมาบ้างแล้ว ที่นี่ก็ให้ราคาที่ถูกมากกว่าที่อื่นจริง ๆเมื่อได้คำตอบที่พอใจนางก็ไม่ถามอะไรเขาอีกก่อนจะหมดวันพวกเขาไปยังที่ตั้งโกดัง มันเป็นโรงเก็บไม้เก่าที่เลิกกิจการไปแล้ว อายุการใช้งานก็ยังไม่มาก ไม่ถึงกับต้องซ่อมแซมแค่ปัดฝุ่นนิดหน่อยก็ใช้ได้ฉินหลิวซีจะเริ่มทยอยขนของย้ายไปที่คฤหาสน์วันพรุ่งนี้
"ช่างเถอะเจ้าค่ะท่านน้า เราคงจะเจอแบบนี้อีกบ่อยเลยล่ะ ถึงจะน่าหงุดหงิดไปบ้าง แต่คนที่หน้าคบหาและเป็นมิตรยังมีอีกมาก"หลังจากกินอาหารเสร็จแล้ว ฉินหลิวซีก็ให้พวกสาวใช้ไปเดินสำรวจในเมืองโดยให้ไปกันเป็นกลุ่ม ห้ามแยกไปคนเดียวเพราะต่อให้เป็นเมืองหลวงก็ใช่ว่าจะปลอดภัย ที่สำคัญคือห้ามก่อเรื่องเป็นอันขาดหลังจากพวกเขาแยกย้ายกันไปแล้ว นางที่กำลังจะขึ้นไปพักบนห้องก็ถูกเรียกเอาไว้"หลิวซี!""เจิ้นหัว?" นางหันหลังมาเห็นก็รู้แล้วว่าเป็นใคร อีกฝ่ายวิ่งมาหาจากแยกด้านหน้าของถนน ทำหญิงสาวเอ่ยชื่อของเขาด้วยความประหลาดใจวิ่งมาแบบนั้นจะหายใจทันไหมนี่"ดูจากสีหน้าคงไม่ใช่เรื่องฉุกเฉินอะไรหรอก ก็แค่ตื่นเต้น…" หญิงสาวเอ่ยพึมพำกับตัวเองนางอมยิ้มแล้วหัวเราะออกมาเบา ๆเพราะข้าล่ะมั้งหลี่เจิ้นหัววิ่งเข้ามาหาฉินหลิวซีโดยไม่สนสายตาใคร โรงเตี๊ยมนี้อยู่ตรงข้ามเหลาอาหารพวกเขาจึงตกเป็นเป้าสายตา ทำเอานางรู้สึกขัดเขิน"จะ เจ้าไม่ได้บอกว่าจะมาถึงพรุ่งนี้หรอกหรือ ขอโทษนะ ข้าไม่ได้ออกไปรับเลย""ไม่เป็นไร เจ้าหายใจช้า ๆ หน่อย วิ่งมาตั้งแต่ที่จวนหรือไงเนี่ย
แม้ตอนจะจากก็ยังมีอารมณ์ขัน เชื่อแทบไม่ลงเลยว่าเป็นองค์ชายต่างแคว้นเหตุผลหนึ่งที่ไม่มีกล้ามีใครมาโจมตีนอกจากพวกไม่มีหัวคิดก็เพราะสถานะของเจียงหรูอี้ ถึงเจ้าตัวจะบอกว่าตอนนี้เป็นแค่จอมยุทธ์พเนจรไม่มีสถานะอื่น แต่หากติดตามข่าวสารต่างแดนบ้างต้องเคยได้เห็นหรือได้ยินเรื่องของเขาบ้างองค์ชายยังประหลาดใจที่ฉินหลิวซีรู้ว่าตนเป็นใคร ชาวบ้านทั่วไปไม่มีใครสนใจสถานะของเขา ซึ่งนั่นทำให้หรูอี้สบายใจและใช้ชีวิตได้อย่างอิสระ พอรู้ว่านางผิดสังเกตก็ประหม่า ฉินหลิวซีต้องอธิบายนานกว่าเขาจะเข้าใจว่านางไม่ได้เจตนาจับผิดหรือเป็นสายลับที่ไหน ก็แค่มีหน่วยข่าวกรองดี ๆ ให้ถามโดยไม่คิดค่าจ้างแค่นั้นเมื่อสิ้นสุดการเดินทางก็ได้เวลาแปลงโฉม ฉินหลิวซีสั่งตั้งกระโจมด้านนอกหนึ่งวันเพื่อเตรียมตัว"น้าหญิง น้าเขย เชิญทางนี้หน่อยเจ้าค่ะ""นะ น้าเขยหรือ!?" เฉาฟางทั้งเขินอายทั้งประหม่าในคราวเดียว"อย่างไรผู้ใหญ่ทั้งสองฝ่ายก็รับรู้แล้ว ไม่เป็นอะไรหรอกเจ้าค่ะ น้าหญิงงามออกปานนี้ ถ้าไม่ทำให้ชัดเจนละก็อาจจะมีคนมาตามตื้อได้""หยา แบบนั้นไม่ได้สิ ไม่ได้เด็ดขาดเลยนะ" โวยวายเสร็จ