ในช่วงพลบค่ำ ถึงจะทำเป็นไม่สนใจกัน แต่พระยาสิงขรก็กลับมานอนที่หอนอนของนางบัวงามตามประสาผัวเมียโดยที่หล่อนเองก็ไม่ได้ต้องการตอนมื้อกลางวันก็พยายามกลั่นแกล้งกัน แล้วคราวนี้อะไรอีกเนี่ย?เขายืนไพล่หลังอยู่หน้าบานหน้าต่าง มองก้อนเมฆที่แทบบดบังดวงจันทร์จนหมด พร้อมกับเหลือบมองไปยังแผ่นหลังงามที่กำลังใช้หวีสางผมตนเอง การทำเหมือนกิจวัตรประจำวันทั่วไป แต่ไม่รู้เพราะเหตุใดกลับมีเสน่ห์เย้ายวนตาจนน่าเหลือเชื่อ ตั้งแต่ที่ได้รู้ใจตนเองว่าสุดท้ายก็เป็นทาสความรักให้เธอไม่คลาย เขาไม่ได้ล้มเลิกความตั้งใจที่จะตามหาชู้ทุกคนของนางบัวงาม หรือแม้กระทั่งตามหาพ่อที่แท้จริงของก้อนเนื้อในท้องเธอเลยแม้แต่นิดเขายังคงคาดโทษเธอเอาไว้เทียบเท่ากับสิ่งที่ทำเอาไว้ หากแต่ความย้อนแย้งในใจก็ทำให้เผลอต้องเหลียวมองอยู่เรื่อยไปแต่เมื่อได้เข้าสู่ร่างมนุษย์ที่จิตใจเปราะบาง บิดเบี้ยวและคาดเดาได้ยากนัก ทำให้เขาก่อเกิดความรู้สึกมากมายที่ไม่เคยคิดเอาไว้ในตอนที่เป็นผีที่ใครๆ ในอยุธยาต่างก็เกรงกลัวในด้านของนางสาวบีเองก็รู้สึกว่าถูกแอบมองจากคนร่างใหญ่ตรงนั้นอยู่สักพักเหมือนกัน แต่พอหันกลับไปสบตากลับเขาก็หันหนีไปมองท้องฟ้าภายนอกเห
“สุดท้ายอีนังนั่นก็เป็นแค่นางนกต่อของพวกโยดะยา”ร่างกายกำยำใหญ่ปักหลั่นราวกับยักษ์มารนั้นหลบอยู่บนต้นไม้ที่กิ่งใหญ่โน้มลงจนเห็นภาพบานหน้าต่างที่ส่องสว่างจากแสงตะเกียงในยามค่ำคืน บ่าวไพร่กำยำต่างยืนล้อมรอบเรือนใหญ่หลังนั้น ชายหนุ่มในผ้าถกเขมรขมวดขึ้นจนเห็นรอยสักที่ต้นขาแกร่ง ผมยาวหยกศกปรกดวงหน้าคมคาย ฝ่ามือที่กำแน่นกับกิ่งไม้นั้นกำแน่นจนสั่นอย่างน้อยการเอาเถ้ากระดูกไปให้พระองค์... อาจจักใช้เวทย์เขมรเสกให้ชายผู้นั้นกลับมามีชีวิตและเป็นพรรคพวกของเราได้ พระองค์หวังอยากได้มันมาเป็นเชลยตัวเป็นๆ แต่ในสนามรบนั้นมันเก่งกาจจนสุดท้ายเขาจึงจำเป็นต้องฆ่าเพื่อดับลมหายใจ ไม่เช่นนั้นทหารไพล่พลที่รวบรวมมา ได้ตายห่ากันไปไม่เหลือซากแน่ๆสุดท้ายแล้วเมื่อแผนการไม่เป็นดั่งใจพระองค์ จึงมีรับสั่งให้เขามาแฝงตัวเป็นเชลยเพื่อตามหาเถ้ากระดูกผีตายโหงเช่นไอ้แสนคำ เพื่อนำกลับมาฝั่งพม่ารามัญเพื่อประกอบพิธีกรรมต่อไปแต่ที่ฝังเถ้ากระดูกนั้นเป็นปริศนา ไม่ว่าจะพยายามสืบสาวราวเรื่องมากเท่าใด กลับคว้าแต่น้ำเหลว ข่าวลือความเฮี้ยนของขุนแสนคำดังเข้าหูเป็นระยะๆ หากแต่ไม่ได้พบเจอด้วยตนเองสักคราจนได้ข่าวมาจากใครสักคนที่ใกล้ชิ
หากแต่... ชั่วขณะหนึ่งที่นายเหล็กคิดดูหมิ่น ดวงตาคมกริบเหลือบมองตรงมาที่เขาในทันที และจ้องมองอยู่เนิ่นนานเป็นนาทีก่อนที่มุมปากจะยกสูงเพียงเล็กน้อยอยู่ในถิ่นกู จงหัดเจียมตนเสียบ้างเถิดสุรเสียงท้าทายดังกึกก้องในภวังค์จิต ราวกับต้องการให้ล่วงรู้ความคิดของอีกฝ่าย นายเหล็กมองไปยังชายวัยกลางคนที่ยืนกอดอกอยู่ริมบานหน้าต่าง ดวงตาสีทมิฬกำลังตีหน้านิ่วคิ้วขมวด หากแต่เสียงที่กังวานชัดอยู่นั้น คือเสียงของชายข้างบานหน้าต่างที่ใช้อาคมคุยผ่านจิตส่งมาให้เขามันมิวิชาด้วยหรือ?ดวงตาคมปลาบของนายเหล็กแอบซ่อนความหงุดหงิดฉุนเฉียวเอาไว้ พร้อมๆ กับร่างใหญ่ที่ยืนริมหน้าต่างชักม่านปิดลงและบดบังภาพภายในหอนอน จากต้นโพธิ์ที่แผ่กิ่งก้านสาขาตรงนี้นั้นไม่สามารถมองเห็นเงาเลือนรางภายในได้ชัดถนัดนัก นายเหล็กรู้สึกระคายใจ เขารอจังหวะที่บ่าวนายหนึ่งเดินมาใกล้ต้นโพธิ์ ก่อนที่จะกระโดดตะครุบคอของมันและหักคอของบ่าวคนนั้นจนบิดผิดรูปไปอีกข้าง ทุกกระบวนการที่ทำนั้นเงียบสงัดไร้สุ้มเสียงร่างกำยำคล้ำแดดของนายบ่าวล้มลงไป นายเหล็กลากเขาไปซ่อนหลังต้นโพธิ์ และสวดคาถาจนสามารถแปลงกายเป็นบ่าวคนนั้นได้ทุกกระเบียดนิ้ว พร้อมกับชักคบเพล
“ให้ตายเถิด คิดว่าจักมิพิษสงมากกว่านี้ แต่เนื้อแท้ก็แค่ตาแก่ตัณหากลับเท่านั้น หลงอีนี่จนโงหัวไม่ขึ้น รู้หรือไม่ว่านางกระทำชั่วสิ่งใดลับหลังผัวเก่...!!”ปัง!!“กรี๊ด!”เสียงปืนคาบศิลาดังกึกก้องไปทั่วหอนอนทันทีที่ยังไม่สิ้นคำครหา ส่งผลให้มีเสียงนกกาแตกตื่นรอบบริเวณต้นไม้รอบเรือน บ่าวชายร่างใหญ่ล้มลงหงายท้องตึงสู่พื้นไม้โดยพลัน พร้อมกับเลือดมากมายที่เจิ่งนองออกมาจากศีรษะดวงตาของนางบัวงามเบิกกว้างสุดขีด รีบผลุนผลันถลาลงจาดเตียงนอนเพื่อมองสภาพศพ หากแต่กลับโดนเรียวแขนแกร่งขวางทางเอาไว้“พี่ทำอะไรลงไปเนี่ย!” ร่างเล็กรีบหันไปปรามาสสามีของตนเอง หากแต่สีหน้าของพระยาสิงขรยังคงความเรียบเฉยค่อนไปทางเย็นยะเยือกจนน่าขนลุก ราวกับว่าเขาเพิ่งกำจัดสิ่งที่แสนโสโครกออกไปก็ไม่ปาน“ถ้ายังดูมิออก ก็ตายตามมันไปเสีย” วาจาช่างไร้ความเห็นใจ นางสาวบีกลอกตามองบน อาจจะเพราะชินชากับนิสัยและปากหมาๆ ของขุนแสนคำเป็นทุนเดิมอยู่แล้ว แต่กว่าจะรู้ตัวร่างกายใหญ่โตที่ล้มหงายท้องลงไปนอนจมกองเลือดอยู่ที่พื้นนั้นก็หยัดกายขึ้นมายืนเต็มความสูงอีกครั้ง พร้อมๆ กับหน้าผากที่ควรจะเป็นรูโหว่และเลือดทะลั่กกลับมีแค่รอยเขม่าดินปืนเเละแผ
ถ้าในฐานะกายหยาบของพระยาสิงขร นางบัวงามไม่ต่างอะไรกับคนแปลกหน้าก็จริง แต่สำหรับวิญญาณขุนแสนคำ หล่อนคือไส้ศึกของเขารวมทั้งเป็นเมียของเขาด้วย“กูขอปฏิเสธที่จะยกบัวงามให้ ขอโทษที พอดีผู้หญิงที่ชั่วช้าคนนี้เป็นเมียที่กูหลงจนคลั่งมากเสียจนกู่ไม่กลับแล้ว”นางสาวบีไม่ได้ใจสั่นระรัวให้กับประโยคนั้น เธอไม่ใช่คนโง่งมที่บูชาและจมปลักกับความรัก จริงๆ ก็พอจะเดาได้ว่าขุนแสนคำอาจจะพูดแบบนี้เพื่อแสดงละครตบตาอีกฝ่าย เลยเตรียมสติสตังมาอย่างดี“งั้นรึ งั้นกูจักขอใช้กำลังแย่งมาจากมึงก็แล้วกัน!!”ดวงตาคมคร้ามของนายเหล็กวาวโรจน์พร้อมกับพุ่งตรงเข้าหาพระยาสิงขรในเนื้อที่อันจำกัด แต่มือของชายวัยกลางคนนั้นว่องไวราวกับคาดเดาเอาไว้อยู่ก่อนแล้ว เขาลั่นไกปืนทันที เฉียดไหล่เปลือยของร่างนายจ้อยไปจนเกิดบาดแผลถลอกเพียงเท่านั้น แต่นั่นส่งผลให้นายเหล็กมาถึงตัวของชายหนุ่มได้จนประชิดตัว เขาก้มหลบด้ามปืนเหล็กที่อีกฝ่ายตวัดจะฟาดแสกหน้า พยายามเข้าประชิดนางบัวงามที่ก้มหมอบอยู่แทบเท้าของพระยาสิงขร แต่ก็โดนขวางทางด้วยร่างกำยำ ชายวัยกลางคนเหวี่ยงหมัดกระแทกครึ่งปากครึ่งจมูกของนายเหล็ก ในขณะที่อีกฝ่ายบิดมือชักด้ามพร้าเข้าฟันแขนแก
แต่มันก็สายเกินกว่าจะร้องขอชีวิตจากขุนแสนคำได้แล้วเช่นกันนายพลตูระเซยะรู้สึกได้ถึงความเย็นวาบที่ซึมซาบมาตามผิวหนัง พอก้มลงมองตรงช่วงอกก็เห็นโลหิตสีแดงฉานค่อยๆ ขยายไปตามบาดแผล สัมผัสได้ถึงกระสุนที่ฝังเฉียดก้อนเนื้อที่เต้นตุบๆ อยู่ภายในร่างกายไปเพียงนิ้วเดียวทาบ วินาทีแรกเขาตกใจสุดขีด เพราะตนเองนั้นเป็นนักรบผู้ไร้พ่าย ไม่เคยมีกระสุนไฟหรือดาบพร้าใดที่สามารถเฉียดเนื้อหนังของตนได้มาก่อน แต่นี่เป็นครั้งแรกที่กระสุนเฉียดขั้วหัวใจของเขาไปได้เพียงเสี้ยวเดียวกว่าจะรู้สึกตัวทั้งร่างกายก็ชาหนึบไปทั้งตัว กายาใหญ่ค่อยๆ หงายหลังลงไป ร่วงหล่นกระแทกกับพื้นไม้ เลือดมากมายทะลักออกปาก โลหิตเจิ่งนองทั่วบริเวณ ดวงตาที่เหลือกขึ้นบนสบตาเข้ากับร่างใหญ่กำยำของพระยาสิงขรที่ยืนค้ำอยู่เหนือหัว ดวงตาสีหม่นที่หลุบมองลงมานั้นเย็นยะเยือกราวกับกำลังมองสัตว์ร้ายที่ตนเองเพิ่งกำจัดไป“อั่ก... ไอ้” ไม่มีรูปประโยคใดๆ ออกมาจากริมฝีปากที่ซีดเซียวนอกจากเลือดที่ทะลักทะล้นออกมาเต็มอุ้งปากที่เริ่มออกสีคล้ำนางสาวบีเพิ่งเห็นท่าทางของคนที่กำลังอยู่ในอาการโคม่าจากการโดนยิงเป็นครั้งแรก หล่อนค่อยๆ คลานออกมาจากใต้เตียงหลังเกิดเสียงร
“เดี๋ยวก่อนสิคะ... คุณพี่ แหม”เสียงที่ดังเล็ดลอดออกมาจากภายในหอนอนที่ราวกับเป็นเรือนหอของพระยาสิงขรและเมียคนที่สามอย่างออกหน้าออกตานั้นทำให้แม่เอื้องน้อยที่ยืนเงี่ยหูฟังร่วมกับพี่เลี้ยงประจำตัวด้านนอกบานประตูด้วยอารามถือวิสาสะถึงกับเจ็บแปลบปลาบที่อกอิ่มอย่างไม่มีสาเหตุ ดวงหน้าสาวลูกครึ่งซีดเผือดลงถนัดตา เนื่องจากก่อนที่คุณพี่เลือกที่จะหมั้นหมายกับผู้หญิงคนนี้ เขาให้เหตุผลว่าแค่เพียงต้องการดูแลหนึ่งในสิ่งที่อดีตลูกศิษย์นั้นให้ความสำคัญมาก พระยาสิงขรอ้างว่าขุนหลวงที่ตายไปในสงครามคนนั้นมาเข้าฝันว่ายังมีห่วงต่อผู้หญิงคนนี้แต่มันก็ไม่ชอบมาพากลตั้งแต่แรกแล้ว เธอรู้ว่าคุณพี่มีรสนิยมเรื่องกามเพศนั้นรุนแรงจนแม้กระทั่งคุณผู้หญิงยังรับไม่ไหว และเธอเองก็ไม่ใช่คนที่เขาต้องการ เขาจึงมักไปหาเศษหาเลยจากโสเภณีเหล่านั้นนอกบ้านนอกเรือนเสมอ แต่ไม่คิดว่าเขาจะอยากครอบครองแม้กระทั้งเมียของลูกศิษย์ตนเองผู้หญิงคนนี้เอง... ก็อาจพ่ายแพ้ต่อยศถาบรรดาศักดิ์ จนเลือกเข้ามาเป็นอนุภริยาพระยาคราวพ่อก็ได้น่ารังเกียจสิ้นดี สุดท้ายแล้วเขาก็เลือกกินแม้กระทั่งผู้หญิงของคนที่ปากบอกว่าเอ็นดูมาแต่เด็กหนักหนาจะแก้ตัวว่าลูก
หญิงนางหนึ่งงดงามเหลือจักกล่าว มีข่าวคราวถึงนางให้โศกศัลย์ด้วยท่านพ่อต้องการเมียมากอนันต์ รับหญิงหม้ายขันหมากมาสู่ขอท่านพี่เป็นเช่นไรในเเดนสรวง คงเย็นยวงมิได้กันเเล้วหนาถ้าได้กลอนนี้เมื่อไรจงตอบมา เเลข้าจักส่งคนไปในเร็ววันลงชื่อลายมือยิ่งยง ผู้เป็นน้องรักของเจ้าคุณพี่เสมอมาไอ้ยิ่งยงมันช่างเจ้าบทเจ้ากลอนมิเคยเปลี่ยนเลยสิหนา คงอยากให้ข้ารู้จนตัวสั่นว่าตนเองนั้นเล่าเรียนได้ระดับสูงถึงเพียงไหนริมฝีปากหยักลึกฉีกยิ้มพลางสอดกระดาษนั้นเผาลงกับไฟตะเกียง กลิ่นกำยานหอมผสมปนเปกับกลิ่นยาสูบจนเกิดกลุ่มควันลอยฟุ้ง ร่างกายเปลือยเปล่าของหญิงสาวนางหนึ่งซุกไซร้อยู่เบื้องบนร่างกายกำยำใหญ่โตของ ‘ยอดหล้า’ พี่ชายคนโต ที่ตอนนี้เพิ่งได้รับตำแหน่งขุนหลวงมาเมื่อไม่นานนัก“จดหมายนั้น... ท่านเผามันทำไมกันหรือเจ้าคะ” หญิงสาวโฉมสะคราญถามถึงแผ่นกระดาษที่เห็นลายมืองดงามที่ค่อยๆ เผาไหม้ไปเป็นเถ้าถ่าน ยอดหล้าหันกลับมาสบหน้าหล่อน พลางส่ายหน้า“กระผมได้รับข่าวเรื่องการหมั้นหมายของคุณแม่คนใหม่ เลยวุ่นวายใจเล็กน้อยขอรับ”“แต่ข่าวลือเรื่องการหมั้นหมายกับเมียหม้ายของขุนหลวงที่ตายในสนามรบคนนั้นกับพ่อของท่านก็เลื่องลืออ
ปึง!หากแต่มีคนที่เก็บอารมณ์ไม่ได้ยิ่งกว่าใครที่เริ่มออกอาการหนัก พระยาสิงขรทุบโต๊ะเสียงดังจนจานชามกระจัดกระจายไปตามแรงเหวี่ยงของเขา พาลให้ทั้งโต๊ะอาหารตกอยู่ในความเงียบสงัด ทุกสายตาตรึงอยู่ที่ชายวัยกลางคนที่กำมือที่วางอยู่บนโต๊ะอาหารแน่นเสียจนสั่น แม้แต่นางสาวบีก็ยังตกใจที่เขาเป็นไปได้ขนาดนั้น จนร่างกายใหญ่โตนั้นหยัดกายลุกขึ้น ทิ้งประโยคเย็นเยียบทิ้งท้ายเอาไว้“ข้าอิ่ม จักขึ้นเรือน”สุรเสียงที่ทุ้มต่ำไม่ได้กระแทกกระทั้น หากแต่กดต่ำเสียจนพาให้ขนหัวตั้ง ก่อนที่เขาจะเดินออกไปจากตรงนั้น ทิ้งโต๊ะอาหารไว้ด้านหลังด้วยบรรยากาศที่อื้ออึงยอดหล้ายังคงฉีกยิ้มอยู่ ในขณะที่คุณหญิงนิ่งสงบพอๆ กับบ่าวรับใช้ที่ค่อนข้างตกใจกับท่าทีในวันนี้ของพระยาสิงขร ปรกติท่านไม่เคยมีปัญหากับยอดหล้าไม่ว่าเขาจะทำตัวต่อหน้าเช่นไร ขอเพียงไม่ล่วงเกินแม่ของตนเป็นอันดี เหตุผลที่แท้จริงเพราะว่าเขาเป็นลูกคนโตของผู้หญิงที่เขารัก รวมถึงเป็นลูกที่เก่งกาจมีพรสวรรค์ แต่ทว่าคราวนี้ท่านเปลี่ยนไปแค่เพียงเพราะเห็นลูกชายคนโตพูดจาสนิทสนมกับเมียใหม่เท่านั้นเมื่อคล้อยแผ่นหลังของชายวัยกลางคนไปแล้ว รอยยิ้มของยอดหล้าที่คงอยู่นั้นเปลี่ยนเ
การกลับมาที่บ้านในรอบปีของยอดหล้านั้นสร้างความยินดีให้แก่คุณผู้หญิงและบรรดาบ่าวรับใช้เพศหญิงเป็นอย่างมาก แน่นอน... เพราะเขานั้นมีวาจาคารมเป็นอาวุธ รวมถึงรูปโฉมที่แทบจะถอดแบบจากพ่อสมัยยังหนุ่มมาเต็มๆ การใช้คารมหลอกล่อผู้หญิงทั้งน้อยใหญ่ไม่ใช่เรื่องที่ยากเกินความสามารถของยอดหล้าคนนี้ตั้งแต่เล็กแต่น้อยก็ไปหยอกเอินแม่ครัว ไม่เคยแบ่งพรรคแบ่งฝ่ายว่าคนไหนเป็นบ่าวในเรือนเบี้ยหรือคนไหนเป็นเมียขุนนางชั้นสูง ขอแค่เป็นผู้หญิงสะสวยพร้อมใช้คำเยินยอเสมอ บ่าวไพร่ในเรือนล้วนรักใคร่เอ็นดู ยิ่งได้รับแต่งตั้งยศขุนหลวงแล้วมีข่าวดีว่าจักกลับมาเยี่ยมบ้าน หญิงสาวน้อยใหญ่ในบ้านก็ดีใจจนเป็นลมใครจะรู้ว่าด้านมืดของบุตรชายคนโตผู้นี้น่ากลัวถึงเพียงไหน และคงไม่มีใครรับรู้ได้ดีเท่าพี่น้องร่วมสายเลือด โดยเฉพาะมิ่งขวัญที่ไม่ต่างจากสิ่งที่รอรับแรงระบายอารมณ์จากพี่ชายทั้งของคาวหวานถูกตระเตรียมมาเป็นการดีเสียจนเต็มโต๊ะ อาหารที่ดูหรูหราและพิเศษกว่าทุกมื้ออาหารที่ผ่านมา (และน่าจะไม่มีสารพิษจากเงื้อมมือคุณหญิงปะปนอีก) ถูกตั้งตระหง่านรอบโต๊ะ เมนูที่ผ่านปลายจวักจนประณีตบรรจงนั้นไม่ต่างจากอาหารในโรงแรมไทยหรูๆ เสียจนน่าสวาปา
แล้วเจ้าที่พี่ไม่เคยจักสามารถแสดงความอ่อนแอได้เลยสักคราเพราะกลัวเจ้าจักหลุดมือพี่ไป จักกลับมาหาพี่ได้เมื่อไหร่กันพี่กลัวว่าตนเอง... จักแสดงความอ่อนแอกับวิญญาณเร่ร่อนที่สิงสู่ในกายเจ้าไปมากกว่านี้ แลพี่จักมิเป็นตัวพี่อีกต่อไปใครๆ ก็รู้ว่าไอ้แสนคำไม่ใช่บุตรชายที่แท้จริงของเจ้าหมื่นบรมเดชะ เป็นเพียงเด็กชายเก็บมาเลี้ยงในบานะ ‘ทายาท’ เพื่อสืบทอดเชื้อสายต่อไป เนื่องจากลูกของเจ้าหมื่นนั้นมีแต่ผู้หญิง การที่เขาได้ยศขุนนำหน้าจากการทำความดีความชอบในการศึกตอนที่อายุยี่สิบปี ผู้เป็นพ่อนั้นพึงพอใจในตัวลูกยิ่งนัก เพราะแสนคำเติบโตมาอย่างดีในมุมมองของชายชาติทหาร เขาแข็งแกร่ง และสามารถสืบทอดเรื่องการรบได้อย่างดีเยี่ยมไม่ต่างกับบิดาเลี้ยงตั้งแต่สมัยยังหนุ่ม แม้ว่าตอนนี้ขาข้างขวาจะใช้การไม่ได้จนต้องพึ่งไม่เท้าอยู่เป็นประจำหากแต่ใครจะรู้ถึงความกล้ำกลืนฝืนทนของบุตายที่เลื่องลือว่าไม่ใช่ลูกแท้ๆ ของท่าน พ่อแม่ของเขาเป็นใครไม่เคยพบเห็นหน้าค่าตาเลยสักครั้ง เพียงว่าเขาเป็นอดีตลูกทาส ที่เจ้าหมื่นขอซื้อมาเพราะในเรือนมีแต่บุตรหญิงเขามันเป็นเพียงลูกทาสที่ถูกพ่อแม่ขายให้ขุนมูลนายหวังมีพดเบื้ยไว้กินเศษข้าวเท่านั
ขุนแสนคำในร่างพระยาสิงขรล่วงรู้เรื่องราวความผิดปรกติภายในพระราชวังจากข้อความที่ส่งมาจากคนสนิทในวังของท่านดูเหมือนในหมู่พระสนมทั้งห้าสิบคน จะมีพระสนมคนหนึ่งมีการเคลื่อนไหวที่ค่อนข้างแปลก และเริ่มเอิกเกริก เอาใหญ่ในด้านความสัมพันธ์กับพระราชา จนพระมเหสีผู้เปรียบไม่ต่างมารดาของเมืองรู้สึกไม่พอพระทัย และต้องการกำจัดพระสนมคนนี้อย่างลับๆ จึงมอบหมายงานนี้ให้คนในวังเป็นหูเป็นตาคอยกลั่นแกล้งให้เสียฐานันดรไปแน่นอนว่าฝั่งพระยาสิงขรเป็นปฏิปักษ์กับพระมเหสี เนื่องจากทำงานอยู่ใต้ร่มพระบาทของพระเจ้าอยู่หัว จึงต้องหาวิธีสกัดกั้นความคิดนั้นของพระองค์เสีย อย่างไรในยุคนี้หญิงไม่มีทางเป็นใหญ่ไปมากกว่าชายหรอก การมีสนมถึงห้าสิบคน เป็นหลักฐานที่ชัดเจนที่สุดที่พระมเหสีไม่มีวันหนีไปจากความจริงข้อนี้ได้ ในยุคที่กฎมณเฑียรบาลยังไม่เอื้อเฟื้อต่อผู้หญิงแม้แต่แม่เมือง ทำให้ผู้ชายรวมตัวกันคิดว่าถ้ามีอำนาจจะทำอะไรก็ได้แน่นอนว่าขุนแสนคำนั้นอยู่ในยุคโบราณที่ชายเป็นใหญ่ เขาจึงมีความคิดไปตามสมัย นึกเข้าข้างกษัตริย์ เพราะเป็นหญิงถึงต้องยอมผู้ชายเนื่องจากแข็งแรงกว่า หากพระมเหสีไม่เล่นกลการเมืองดีๆ ก็ไม่มีวันที่จะกำจัดพระส
“วันนี้มื้อกลางวันมิเห็นหล่อนกับคุณพี่มาทานข้าว แต่ฉันเตรียมสำรับไว้เผื่อเธอหิวอยู่แล้ว ถ้าหิวก็บอกฉันนะ จักเรียกบ่าวมาจัดสำรับให้ตรงนี้” เมื่อเห็นว่าหญิงสาวเอาแต่ยืนยิ้มไม่พูดไม่จาอะไร คุณผู้หญิงทองพินจึงถือโอกาสตัดสินใจว่านั่นคือคำอนุญาต รีบกวักมือเรียวเรียกบ่าวนางหนึ่งที่นั่งพับเพียบเฝ้าที่พื้นเรือนข้างๆ พลางกระซิบกระซาบให้ยกถาดสำรับมาวางให้นางบัวงามที่ยืนอยู่ตรงหน้า บ่าวไพร่มีท่าทีสงบในขณะที่รุดเดินจ้ำก้มหัวนอบน้อมให้เธอและคุณผู้หญิงไปด้านหลัง ซึ่งน่าจะเป็นที่ตั้งของห้องครัวประจำเรือน “ขอโทษที่ทำให้คุณผู้หญิงต้องลำบากนะเจ้าคะ” นางสาวบีพูดอย่าง ถ่อมตน นั่นเพราะอีกอย่างข้าวเมื่อวานที่ตกถึงท้องก็มีแค่ข้าวที่จับมือมาไม่กี่ ก้อนกับน้ำพริกเพียงเล็กน้อยเท่านั้น ยิ่งผ่านศึกรักมาอย่างหนักหน่วงเพราะ ขุนแสนคำโคตรดุก็ยิ่งหิวโหยเป็นพิเศษถึงจะแอบหวั่นเกรงถึงบางสิ่งที่คนเป็นเมียหลวงน่าจะใส่ในอาหารตั้งแต่มื้อก่อนก็เถอะ แต่ดวงตาที่จับจ้องราวกับพร้อมรับชมอากัปกิริยาทุกอย่างของหล่อนทำเอาตัวแข็งไม่กล้าขัดขืนหรือปฏิเสธ ไม่เข้าใจว่าทำไมถึงใจดีกับเธอขนาดนั้น แต่ครั้นจะให้ไปหากับข้าวกับปลากินเองก็ใช่ที่
แต่เมื่อมุ่งมั่นจะเดินตรงออกไป กลับถูกคว้าด้วยฝ่ามือหนาของมิ่งขวัญ พลิกตัวหล่อนให้หันกลับมาประจันหน้ากันอีกครั้ง ดูเหมือนว่าอีกฝ่ายจะไม่อยากปล่อยเธอไปง่ายๆ สันดานความไม่ยอมแพ้ในเรื่องง่อยๆ ของชายแท้กำลังทำงานตื้อชะมัดเลยไอ้เด็กเวรนี่“คิดว่าตัวเองเป็นใคร ถึงมีโอกาสต่อว่าฉันได้หลายหน พอกันที! ชักเหลือทนกับพฤติกรรมของหล่อนแล้ว!” ต่อล้อต่อเถียงไปก็มากความนัก อีกฝ่ายจึงกระชากแขนหล่อนให้เดินตามไปด้วยกัน “ฉันจักมิพูดพร่ำให้เสียเวลา ฉันจักจับมือหล่อนไปประจันหน้ากับเจ้าคุณแม่ให้รู้แล้วรู้รอดไป หล่อนจักได้รับรู้ถึงความถือดีของตนเองเสียที!”“ปล่อยฉันนะไอ้เด็กบ้า” เอาเข้าไปเถอะ มันจะไม่ยอมลงให้กันจริงๆ ใช่ไหมแต่เมื่อฉุดกระชากลากถูขึ้นเรือนมาได้ ก็พบกับศาลากลางน้ำตรงจุดศนย์กลางะหว่างเรือนไทยใหญ่ที่มีหญิงงามวัยกลางคนผู้หนึ่งกำลังนั่งกรองมาลัยอยู่ด้วยความประณีต มิ่งขวัญสบโอกาสเพราะนั่นคือคุณผู้หญิงทองพินที่เป็นเป้าหมายของตร จึงกึ่งลากกึ่งถูฝ่ายนางบัวงามที่เดินเซซัดตามแรงผู้ชายของเด็กหนุ่มร่างสูงมาต้อยๆ“นี่! ปล่อยฉัน” เมื่อมาถึงตรงหน้าของคุณแม่ เขาก็สะบัดข้อมือหล่อนออกทันที แสดงท่าทางก้าวร้าวอย่าง
“นี่! ทำตัวเป็นโรคจิตไปได้ ไอ้เด็กบ้า” จนในที่สุดนางบัวงามก็ทนไม่ไหว ใช้กำลังที่มีผลักอกเด็กหนุ่มออกอย่างแรง ไม่รู้ว่าตัวจะสูงไปถึงไหน ถึงจะดูผอมไม่ได้ออกทรงกำยำแบบพี่ผี แต่แรงผู้ชายยังไงก็ยังคงเป็นแรงผู้ชาย แรงของเธอส่งเขาถอยหลังไปได้เพียงแค่ก้าวเดียวสั้นๆ เท่านั้น “มาแอบตามดูคนอื่น จิตไม่ปกติหรือไง”เหอะ! ช่างเป็นหญิงที่ปากคอเราะร้ายนักไม่รู้ว่าทำไมยัยผู้หญิงท่าทางกระโดกกระเดกคนนี้ถึงได้ไปต้องตาต้องใจพ่อนัก จนถึงขนาดกกนอนกันตั้งแต่เช้ามืดจนบ่ายไม่ยอมมากินข้าวกินปลา แต่ก็เพราะเหตุผลนั้นเขาจึงจำเป็นต้องตามมาลอบดูว่าหล่อนไปใช้มารยาอีท่าไหน เพราะมื้อกลางวันที่พวกเขากำลังเริงลีลาสวาท มิ่งขวัญแทบทนดูสีหน้าอมทุกข์ของคุณเอื้องน้อยแทบมิไหว มันช่างขัดหูขัดตาสิ้นดีสุดท้ายก็เป็นอากาศอยู่ในเรือนหลังนี้เพราะท่าทางที่ไม่เอาจริงเอาจังสักทีนั่นล่ะ ยัยผู้หญิงคนนั้นกระทำตัวเหมือนเหยื่อทุกลมหายใจเข้าออกจริงๆทั้งๆ ที่ในภวังค์จิตนึกขบฟัน แต่สีหน้าที่แสดงออกต่อผู้หญิงตรงหน้ากลับมีเพียงรอยยิ้มมุมปากราวกับไม่ยี่หระกับวาจาหยาบคายไม่สมหญิงเท่านั้น“ก็แค่เป็นห่วงน่ะ เห็นว่าขลุกอยู่แต่กับตาแก่จอมหมกมุ่นเสียค
คิดถึงเตียงนุ่มๆ คิดถึงห้องแอร์เย็นฉ่ำๆ จังโว้ย!สาวเจ้ายืดตัวบิดขี้เกียจ รู้สึกว่าตั้งแต่ขุนแสนคำพาหล่อนมาที่นี่ก็เอาแต่คลุกตัวอยู่ด้วยกันไม่พัก บางครั้งก็มีท่าทีไม่อยากให้เธอออกจากห้อง ทำเป็นปากแข็งไปอย่างนั้นเอง สุดท้ายก็พ่ายแพ้ให้กับร่างกายสตรีแต่ตอนนี้เธอก็เหมือนจะแพ้เหมือนกัน ทำไมถึงได้แรงเยอะขนาดนี้นะ ขาสั่นไปหมดแล้วแต่จะให้อยู่เฉยๆ คงจะไม่ไหว เธอในฐานะอนุภรรยาต้องคิดทำการใหญ่อย่างเช่นการเอาใจเมียหลวงทั้งสองเพื่อสืบเรื่องราวภายในบ้านหลังนี้แกรกนางบัวงามเปิดประตูไม้ออก มองซ้ายมองขวาก็ไม่แลเห็นใครอยู่รอบเรือนใหญ่ ดูเหมือนว่าพระยาสิงขรจะสั่งการไม่ให้มีใครเข้ามาวุ่นวายหรือรบกวนเราสองคน อาจจะเพราะว่าเขาเวลาใช้เวลาอยู่ร่วมกับหล่อนค่อนข้างรุนแรงและเสียงดังพอสมควรพูดให้ถูกก็คือ... ไม่อยากให้เมียถูกมองไม่ดีสินะพ่อผีเฮี้ยนของแม่บัวงามนี่มีมุมโรแมนติกบ่อยเสียจริง แต่อย่าคิดว่ามันจะทำให้นาวสาวบีหวั่นไหว แน่นอนว่าเธอเคยเวอร์จิ้นและไม่เคยมีประสบการณ์เรื่องรักๆ ใคร่ๆ ใครๆ ที่เป็นแบบนี้คงจะคิดว่าหัวใจเธอจะอ่อนแอเพราะอ่อนประสบการณ์แต่ไม่เลยเพราะดีลแรกนั้นสำคัญ และเธอเองก็รู้มาตั้งแต่แร
หญิงนางหนึ่งงดงามเหลือจักกล่าว มีข่าวคราวถึงนางให้โศกศัลย์ด้วยท่านพ่อต้องการเมียมากอนันต์ รับหญิงหม้ายขันหมากมาสู่ขอท่านพี่เป็นเช่นไรในเเดนสรวง คงเย็นยวงมิได้กันเเล้วหนาถ้าได้กลอนนี้เมื่อไรจงตอบมา เเลข้าจักส่งคนไปในเร็ววันลงชื่อลายมือยิ่งยง ผู้เป็นน้องรักของเจ้าคุณพี่เสมอมาไอ้ยิ่งยงมันช่างเจ้าบทเจ้ากลอนมิเคยเปลี่ยนเลยสิหนา คงอยากให้ข้ารู้จนตัวสั่นว่าตนเองนั้นเล่าเรียนได้ระดับสูงถึงเพียงไหนริมฝีปากหยักลึกฉีกยิ้มพลางสอดกระดาษนั้นเผาลงกับไฟตะเกียง กลิ่นกำยานหอมผสมปนเปกับกลิ่นยาสูบจนเกิดกลุ่มควันลอยฟุ้ง ร่างกายเปลือยเปล่าของหญิงสาวนางหนึ่งซุกไซร้อยู่เบื้องบนร่างกายกำยำใหญ่โตของ ‘ยอดหล้า’ พี่ชายคนโต ที่ตอนนี้เพิ่งได้รับตำแหน่งขุนหลวงมาเมื่อไม่นานนัก“จดหมายนั้น... ท่านเผามันทำไมกันหรือเจ้าคะ” หญิงสาวโฉมสะคราญถามถึงแผ่นกระดาษที่เห็นลายมืองดงามที่ค่อยๆ เผาไหม้ไปเป็นเถ้าถ่าน ยอดหล้าหันกลับมาสบหน้าหล่อน พลางส่ายหน้า“กระผมได้รับข่าวเรื่องการหมั้นหมายของคุณแม่คนใหม่ เลยวุ่นวายใจเล็กน้อยขอรับ”“แต่ข่าวลือเรื่องการหมั้นหมายกับเมียหม้ายของขุนหลวงที่ตายในสนามรบคนนั้นกับพ่อของท่านก็เลื่องลืออ