ดูเหมือนว่าเฉียวเล่อเยียนจะถูกคำถามกระแทกใจเข้าอย่างจัง เลยไม่ส่งเสียงอะไรอยู่พักหนึ่ง“เอาน่า หัวใจเธอเองเธอย่อมรู้ดีอยู่แล้วว่าพี่จิ่งเฉิงอยากจะพูดอะไรกับเธอ เอาแต่หลบอยู่แบบนี้ก็ใช่ว่าจะดีนะ...”“ติ๊งต่อง!”ตอนนั้นเอง เสียงกริ่งประตูก็เข้ามาหยุดคำพูดของเฉียวสือเนี่ยนไว้เดิมทีตอนที่เฉียวเล่อเยียน
ตรงหน้าเป็นผู้ชายวัยกลางคนคนหนึ่ง ร่างกายสูงสง่า แม้ว่าจะสวมใส่เพียงแค่เสื้อเชิ้ตบาง ๆ เพียงตัวเดียว แต่ก็ไม่ได้ทำให้รัศมีที่ไม่ธรรมดาของเขาจืดจางไปหางตาของผู้ชายคนนี้เปี่ยมเสน่ห์อย่างคนที่ผ่านกาลเวลาหล่อหลอมมานานหลายปี กลิ่นอายมั่นคงและทรงภูมิเอ่อล้นไปทั่วทั้งตัวเขาอาจเป็นเพราะเมื่อกี้นี้เธอเอาแต
หลีพัวถิงได้รับบาดเจ็บเพราะเอาตัวเข้าช่วยคุณตาไว้ จะว่าไปแล้วระหว่างเธอกับหลีพัวถิงก็ใช่ว่าจะมีความแค้นอะไรต่อกัน เฉียวสือเนี่ยนเลยทำเป็นไม่สนใจเขาไม่ลงทันทีที่ได้ยินแบบนั้น ดวงตาของหลีพัวถิงก็ทอประกายความดีใจออกมา เขารู้ว่าเฉียวสือเนี่ยนพูดไปตามมารยาทเท่านั้น ดีที่สุดคือเขาปฏิเสธกลับไป หรือจะบอกให
หลีพัวถิงได้รับบาดเจ็บเพราะช่วยคุณตา ไม่ว่าหลีพัวถิงจะต้องการให้พวกเขารับผิดชอบหรือไม่ เฉียวสือเนี่ยนก็จะไปถามไถ่สถานการณ์อยู่ดีตอนนี้เฉียวเล่อเยียนและอวี๋จิ่งเฉิงต่างมาแล้ว เธอจึงไม่จำเป็นต้องห่วงทางฝั่งคุณตา เฉียวสือเนี่ยนพยักหน้า “ค่ะ”เมื่อบอกลาคุณตาเสร็จ เฉียวสือเนี่ยนก็ตรงไปยังห้องทำงานแพทย์ท
เมื่อได้ยินแบบนั้น สีหน้าของหลีพัวถิงก็ยิ่งทอแววตื่นเต้น แม้แต่น้ำเสียงก็ยังสั่นเครืออย่างจับสังเกตได้ยาก “คุณ คุณปรุงน้ำหอมกลิ่นนี้ได้ยังไง?”เฉียวสือเนี่ยนตอบตามความจริง “ฉันเรียนมาจากแม่ค่ะ น้ำหอมกลิ่นนี้เป็นกลิ่นที่แม่ของฉันชอบที่สุดตอนยังมีชีวิตอยู่ค่ะ”ทันทีที่คำพูดของเฉียวสือเนี่ยนถูกเปล่งออก
ในตอนบ่าย คุณตาถามเธอไปแล้วเรื่องความสัมพันธ์ระหว่างเธอกับฮั่วเยี่ยนฉือ เฉียวสือเนี่ยนไม่คิดว่ามีอะไรต้องปิดบัง เฉียวสือเนี่ยนพยักหน้า “ใช่ค่ะ ฮั่วเยี่ยนฉือได้ยินว่าพวกเราประสบอุบัติเหตุ เขาจึงมาหาหนูที่โรงพยาบาล และไปสถานีตำรวจพร้อมหนูอีกด้วย”เฉียวตงไห่ไม่ได้หยอกล้อหรือแสดงความคิดเห็นอะไรเพิ่มเติ
เมื่อได้ยินคำถามของเฉียวสือเนี่ยน ฮั่วเยี่ยนฉือก็ถึงกับกระแอมออกมาเบาๆ “ขอโทษที ฉันปากไวไปหน่อยน่ะ”“เดี๋ยวคุณหลีก็คงจะลงมาแล้ว เราไปรอเขาในรถกันเถอะ”ระหว่างที่พูด ฮั่วเยี่ยนฉือก็เปิดประตูรถให้เฉียวสือเนี่ยนเฉียวสือเนี่ยน “…”หลีพัวถิงไม่ได้ใช้เวลานานมากนัก เมื่อเขาขึ้นมาบนรถ อารมณ์ของเขาก็ดูสงบลง
เมื่อเฉียวสือเนี่ยนได้ยินเช่นนั้น ความรู้สึกเกลียดต่อคุณนายเวินก็ยิ่งเพิ่มมากขึ้น“ความทุกข์ในชีวิตแต่งงานของเธอ ครึ่งหนึ่งมาจากคุณนายเวิน ต่อให้จะเปลี่ยนมาเป็นหนีม่านเหยาที่ตัวเองเป็นคนเลือกก็ยังมีปัญหาวุ่นวายมากมาย หมอเวินเจอแม่แบบนี้ก็ซวยไป” เฉียวสือเนี่ยนบ่นฟู่เถียนเถียนเห็นจนชินตา “คุณนายเวินช
เท่าที่เฉียวสือเนี่ยนจำความได้ แม่เป็นคนที่มั่นใจในตัวเองและใช้ความรู้สึกร่วมกับเหตุผล ต่อให้ในตอนนั้นแม่จะโกรธมากแค่ไหน หลังจากนั้นก็ต้องไปถามหลีพัวถิงให้ชัดเจนดังนั้น เรื่องนี้สาเหตุหลักไม่ได้มาจากการที่แม่ขอเลิกแน่ ๆอีกอย่างการที่แม่หา “คนรักเก่า” มาเป็นข้ออ้างเพื่อขอเลิก ต้องเป็นเพราะมีเหตุผลส
ผลตรวจดีเอ็นเอไม่พลิกผัน หลีซูเหยียนกับหลีพัวไม่มีความเกี่ยวข้องกันทางสายเลือดตั้งแต่นั้นมา หลีพัวถิงก็เก็บซ่อนเรื่องนี้ไว้ในเบื้องลึกของหัวใจ ป่าวประกาศกับคนภายนอกว่าหลีซูเหยียนคือลูกสาวของเขา และเลี้ยงดูเสมือนเป็นลูกแท้ ๆ “ในเมื่อคุณเชื่อว่าแม่ฉันโกหก เด็กก็ไม่ใช่ลูกของคุณ แล้วทำไมคุณยังต้องเลี้
หลีพัวถิงพยักหน้าเล็กน้อยและจมอยู่ในความทรงจำต่อไปหนุ่มสาวมากความสามารถที่อายุน้อย แถมอยู่ต่างบ้านต่างเมืองอีก หัวใจทั้งสองดวงจึงใกล้ชิดกันอย่างรวดเร็วหลังรู้จักกันได้ไม่นาน ในวันที่แสงแดดเจิดจ้าเช่นเดียวกัน หลีพัวถิงสารภาพรักกับเมิ่งจินเหยียนท่ามกลางทุ่งดอกไม้ที่สวยงาม และทั้งสองก็กลายเป็นคู่รักอ
แม้หลีซูเหยียนจะพูดอย่างจริงใจ แต่หลีพัวถิงก็ยังคงปฏิเสธ “ซูเหยียน ไม่ต้องพูดอะไรอีกแล้ว และทำตามที่พ่อบอก ลูกไปใช้ชีวิตที่ต่างประเทศซะ”เดิมทีหลีซูเหยียนคิดว่าตัวเองมั่นใจต่อข้อเสนอนี้มาก ถึงอย่างไรทางด้านคุณลุงก็พร้อมจะลงมือ แถมครั้งนี้ยังเกิดเหตุการณ์เลวร้ายถึงขั้นลักพาตัวอีก เธอยินยอมกลายเป็นเป้
พอเฉียวสือเนี่ยนได้ยินแบบนั้นก็ยิ่งสับสนมึนงงเข้าไปใหญ่ สิ่งที่ฮั่วเยี่ยนฉือพูดมามันเป็นเรื่องจริงอย่างนั้นเหรอ?ไม่เคยมีคุณแม่แท้ ๆ ของหลีซูเหยียนอยู่ทั้งนั้น หลีซูเหยียนเข้าใจผิดไปเองว่ามารดาที่ให้กำเนิดตัวเองมีความรักลึกซึ้งกับหลีพัวถิง?คนที่หลีพัวถิงรักมาตลอดชั่วชีวิตมีเพียงคุณแม่ของเฉียวสือเนี
หลีซูเหยียนกับตระกูลรองของตระกูลหลีนั้นถือว่าอยู่ฝั่งตรงข้ามกันในเรื่องของผลประโยชน์ พวกเขาจะไปร่วมมือกันได้อย่างไร?บางทีฮั่วเยี่ยนฉือก็อาจจะคิดถึงจุดนี้เหมือนกันเลยไม่ได้พูดอะไรแต่พอพูดถึงเรื่องนี้ เฉียวสือเนี่ยนก็ฉุกคิดเรื่องบางอย่างขึ้นมาได้ เธอหยิบโทรศัพท์ออกมาเปิดรูปถ่ายของคุณแม่กับคุณผู้หญิง
พูดจบ หนิงเสี่ยวเยว่ก็ตัดสายวิดีโอคอลเฉียวสือเนี่ยนรู้สึกว่าหนิงเสี่ยวเยว่ดูแปลก ๆ อยู่บ้าง แต่พอคิด ๆ ดูแล้ว น่าจะเป็นเพราะหล่อนใช้ชีวิตอยู่ในต่างประเทศมานาน เลยค่อนข้างเปิดเผยความรู้สึกไปบ้างสินะเวลาล่วงเลยไปอีกสองวันวิดีโอและรูปภาพเกี่ยวกับเฉียวสือเนี่ยนและซ่งชิงชวนทั้งหลายบนอินเทอร์เน็ตนั้นค้
เฉียวสือเนี่ยนยิ้มพลางบอกว่าไม่ได้รบกวน ทั้งยังถามหนิงเสี่ยวเยว่ว่าโทรมาหาเธอมีธุระอะไรหรือเปล่าหนิงเสี่ยวเยว่ชี้แจงแถลงไขให้ฟังอย่างเก้อเขินเล็กน้อยว่า วันนี้เธอไปช็อปปิ้งที่ร้านน้ำหอมของ M•Q แล้วชอบน้ำหอมรุ่นลิมิเต็ดนั่นมาก แต่ก็ได้รับแจ้งว่าสินค้าหมดเสียแล้ว“ฉันได้ยินว่าคุณเป็นคำปรุงน้ำหอมรุ่นน
ซ่งชิงชวนแกะมือมารดาออกด้วยใบหน้าเรียบเฉยแล้วหมุนตัวจากไป คล้อยหลังเขา หลีซูเหยียนก็กอบกุมลำคอที่เจ็บระบมของตนเอง ร้องไห้สะอึกสะอื้นพลางกล่าว “ป้าเซิ่ง เมื่อกี้นี้ป้าเซิ่งไม่เห็นสายตาของประธานซ่งเหรอคะ? เขาคิดจะบีบคอหนูให้ตายจริง ๆ นะคะ เขาน่ะเกลียดที่หนูลงมือกับเฉียวสือเนี่ยนชัด ๆ !”เซิ่งจวงฮุ่ยหั