ฮั่วหย่วนเจ๋อเป็นผู้ที่มักจะได้รับการสรรเสริญจากผู้อื่นเสมอ แต่ในตอนนี้ ลูกชายกลับไม่เชื่อฟังและขัดใจเขา แม้แต่เฉียวสือเนี่ยนก็ยังไม่ให้ความเคารพเขาอีก เรื่องนี้ทำให้เขารู้สึกว่าศักดิ์ศรีของตัวเองถูกสบประมาท แต่เขาก็ไม่สนใจที่จะลดตัวไปโต้เถียงกับเด็กเมื่อวานซืนในขณะที่เขาหันหลังกลับไปด้วยสีหน้าบึ้
คำถามของหลีซูเหยียนเป็นอะไรที่ไร้สาระมาก แน่นอนว่าเฉียวสือเนี่ยนไม่ได้อยากปรับแก้อะไรแต่เธอก็ยังคงอดทนถามต่อไปว่า “คุณหลี มีอะไรที่คุณไม่พอใจหรือเปล่า?”“ไม่มีค่ะ” หลีซูเหยียนหัวเราะ “ก็แค่แกล้งเธอเล่นเท่านั้น ฉันพอใจมาก!”“...” เฉียวสือเนี่ยนกำลังคิดว่า หลีซูเหยียนไม่เหนื่อยบ้างเหรอที่ต้องแสแสร้งแ
หลังจากที่หลีซูเหยียนสะบัดมันออก ขนบนหลังของเสี่ยวซื่อยังคงตั้งชัน ราวกับว่ามันถูกทำร้ายจากอะไรบางอย่าง มันอยู่ในอาการหวาดกลัวและหวาดระแวงบรรดาสาวใช้กลัวว่าหลีซูเหยียนจะได้รับบาดเจ็บมากกว่านี้ พวกเธอจึงพยายามจะจับเสี่ยวซื่อ แต่เสี่ยวซื่อดุร้ายมาก มันแยกเขี้ยวและส่งเสียงคำรามต่ำ ๆ ออกจากลำคอเพื่อเตื
ยิ่งหลีซูเหยียนพูดเท่าไร ก็ยิ่งทำให้ทุกคนรู้สึกว่าเธอถูกกลั่นแกล้งและพยายามหาทางทำให้เรื่องทุกอย่างคลี่คลายเฉียวสือเนี่ยนเองก็รู้ว่าถ้าวันนี้ไม่ได้ทำให้เรื่องนี้กระจ่าง เธออาจต้องตกอยู่ในฐานคนผิด“คุณหลี ฉันขอรบกวนให้คุณช่วยหน่อยได้ไหมคะ?” เฉียวสือเนี่ยนถามหลีพัวถิงด้วยน้ำเสียงเรียบนิ่ง“ผมว่าเรื่อ
หลังจากที่หลีพัวถิงได้ทำการเค้นความจริงแล้ว หลีซูเหยียนก็เล่าเรื่องที่ไปกินข้าวกับเฉียวสือเนี่ยนและบังเอิญเจอฮั่วเยี่ยนฉือกับอิ๋นเสี่ยวซือ“ตอนนั้นมือหนูลื่น ก็เลยทำขนมหวานหกลวกคุณอิ๋นและสือเนี่ยนค่ะ” หลีซูเหยียนตำหนิตัวเอง “เพราะเรื่องนี้ ประธานฮั่วจึงสงสัยว่าหนูทำไปโดยเจตนา สือเนี่ยนเองก็เข้าใจหน
หลีซูเหยียนโกรธจนดวงตาแดงก่ำ “ถึงว่าทำไมพี่ถึงผลักเรื่องนี้ไปให้สือเนี่ยนอยู่เรื่อยเลย ที่แท้ก็เป็นเพราะต้องการปกปิดความผิดพลาดของตัวเองนี่เอง! เรื่องนี้ฉันไม่สามารถให้อภัยพี่ได้! พี่ถูกไล่ออกแล้ว!”เมื่อพี่หลิวได้ฟังก็ร้องไห้หนักกว่าเดิม เธอยังเป็นฝ่ายไปขอร้องต่อหลีพัวถิงด้วย โดยบอกว่าตัวเองไม่กล้า
ฮั่วเยี่ยนฉือสีหน้าราบเรียบ เขาไม่ได้พูดตอบแต่กลับเอ่ยว่า “คุณลุงหลี ป๋อโจวเป็นแค่หนึ่งในบริษัทเพื่อการลงทุนที่อยู่ภายใต้ฮั่ว กรุ๊ปเท่านั้น มีหน้าที่และความรับผิดชอบที่ค่อนข้างเรียบง่าย คุณหลีอยู่ที่นั่นก็เรียนรู้อะไรได้ไม่มากหรอกครับ หากลุงหลีอยากจะฝึกฝนคุณหลี ผมว่าให้เธอไปบริษัทที่เติบโตกว่าน่าจะเ
หลีพัวถิงเช็ดน้ำตาให้หลีซูเหยียนด้วยท่าทางปวดใจ ก่อนจะพยักหน้าพร้อมพูดอย่างรับประกันว่า “แน่นอน”เมื่อหลีซูเหยียนได้ยิน ก็โผเข้าสู่อ้อมกอดของหลีพัวถิงทันที ก่อนที่จะเริ่มร้องไห้ด้วยความน้อยใจปนซาบซึ้ง “คุณพ่อ หนูรู้ว่าคุณพ่อกำลังโกหกหนูอยู่ หนูไม่ได้มีความสามารถอะไรเลย หนูไม่เก่งเลยสักนิดเดียว”“หนู
เท่าที่เฉียวสือเนี่ยนจำความได้ แม่เป็นคนที่มั่นใจในตัวเองและใช้ความรู้สึกร่วมกับเหตุผล ต่อให้ในตอนนั้นแม่จะโกรธมากแค่ไหน หลังจากนั้นก็ต้องไปถามหลีพัวถิงให้ชัดเจนดังนั้น เรื่องนี้สาเหตุหลักไม่ได้มาจากการที่แม่ขอเลิกแน่ ๆอีกอย่างการที่แม่หา “คนรักเก่า” มาเป็นข้ออ้างเพื่อขอเลิก ต้องเป็นเพราะมีเหตุผลส
ผลตรวจดีเอ็นเอไม่พลิกผัน หลีซูเหยียนกับหลีพัวไม่มีความเกี่ยวข้องกันทางสายเลือดตั้งแต่นั้นมา หลีพัวถิงก็เก็บซ่อนเรื่องนี้ไว้ในเบื้องลึกของหัวใจ ป่าวประกาศกับคนภายนอกว่าหลีซูเหยียนคือลูกสาวของเขา และเลี้ยงดูเสมือนเป็นลูกแท้ ๆ “ในเมื่อคุณเชื่อว่าแม่ฉันโกหก เด็กก็ไม่ใช่ลูกของคุณ แล้วทำไมคุณยังต้องเลี้
หลีพัวถิงพยักหน้าเล็กน้อยและจมอยู่ในความทรงจำต่อไปหนุ่มสาวมากความสามารถที่อายุน้อย แถมอยู่ต่างบ้านต่างเมืองอีก หัวใจทั้งสองดวงจึงใกล้ชิดกันอย่างรวดเร็วหลังรู้จักกันได้ไม่นาน ในวันที่แสงแดดเจิดจ้าเช่นเดียวกัน หลีพัวถิงสารภาพรักกับเมิ่งจินเหยียนท่ามกลางทุ่งดอกไม้ที่สวยงาม และทั้งสองก็กลายเป็นคู่รักอ
แม้หลีซูเหยียนจะพูดอย่างจริงใจ แต่หลีพัวถิงก็ยังคงปฏิเสธ “ซูเหยียน ไม่ต้องพูดอะไรอีกแล้ว และทำตามที่พ่อบอก ลูกไปใช้ชีวิตที่ต่างประเทศซะ”เดิมทีหลีซูเหยียนคิดว่าตัวเองมั่นใจต่อข้อเสนอนี้มาก ถึงอย่างไรทางด้านคุณลุงก็พร้อมจะลงมือ แถมครั้งนี้ยังเกิดเหตุการณ์เลวร้ายถึงขั้นลักพาตัวอีก เธอยินยอมกลายเป็นเป้
พอเฉียวสือเนี่ยนได้ยินแบบนั้นก็ยิ่งสับสนมึนงงเข้าไปใหญ่ สิ่งที่ฮั่วเยี่ยนฉือพูดมามันเป็นเรื่องจริงอย่างนั้นเหรอ?ไม่เคยมีคุณแม่แท้ ๆ ของหลีซูเหยียนอยู่ทั้งนั้น หลีซูเหยียนเข้าใจผิดไปเองว่ามารดาที่ให้กำเนิดตัวเองมีความรักลึกซึ้งกับหลีพัวถิง?คนที่หลีพัวถิงรักมาตลอดชั่วชีวิตมีเพียงคุณแม่ของเฉียวสือเนี
หลีซูเหยียนกับตระกูลรองของตระกูลหลีนั้นถือว่าอยู่ฝั่งตรงข้ามกันในเรื่องของผลประโยชน์ พวกเขาจะไปร่วมมือกันได้อย่างไร?บางทีฮั่วเยี่ยนฉือก็อาจจะคิดถึงจุดนี้เหมือนกันเลยไม่ได้พูดอะไรแต่พอพูดถึงเรื่องนี้ เฉียวสือเนี่ยนก็ฉุกคิดเรื่องบางอย่างขึ้นมาได้ เธอหยิบโทรศัพท์ออกมาเปิดรูปถ่ายของคุณแม่กับคุณผู้หญิง
พูดจบ หนิงเสี่ยวเยว่ก็ตัดสายวิดีโอคอลเฉียวสือเนี่ยนรู้สึกว่าหนิงเสี่ยวเยว่ดูแปลก ๆ อยู่บ้าง แต่พอคิด ๆ ดูแล้ว น่าจะเป็นเพราะหล่อนใช้ชีวิตอยู่ในต่างประเทศมานาน เลยค่อนข้างเปิดเผยความรู้สึกไปบ้างสินะเวลาล่วงเลยไปอีกสองวันวิดีโอและรูปภาพเกี่ยวกับเฉียวสือเนี่ยนและซ่งชิงชวนทั้งหลายบนอินเทอร์เน็ตนั้นค้
เฉียวสือเนี่ยนยิ้มพลางบอกว่าไม่ได้รบกวน ทั้งยังถามหนิงเสี่ยวเยว่ว่าโทรมาหาเธอมีธุระอะไรหรือเปล่าหนิงเสี่ยวเยว่ชี้แจงแถลงไขให้ฟังอย่างเก้อเขินเล็กน้อยว่า วันนี้เธอไปช็อปปิ้งที่ร้านน้ำหอมของ M•Q แล้วชอบน้ำหอมรุ่นลิมิเต็ดนั่นมาก แต่ก็ได้รับแจ้งว่าสินค้าหมดเสียแล้ว“ฉันได้ยินว่าคุณเป็นคำปรุงน้ำหอมรุ่นน
ซ่งชิงชวนแกะมือมารดาออกด้วยใบหน้าเรียบเฉยแล้วหมุนตัวจากไป คล้อยหลังเขา หลีซูเหยียนก็กอบกุมลำคอที่เจ็บระบมของตนเอง ร้องไห้สะอึกสะอื้นพลางกล่าว “ป้าเซิ่ง เมื่อกี้นี้ป้าเซิ่งไม่เห็นสายตาของประธานซ่งเหรอคะ? เขาคิดจะบีบคอหนูให้ตายจริง ๆ นะคะ เขาน่ะเกลียดที่หนูลงมือกับเฉียวสือเนี่ยนชัด ๆ !”เซิ่งจวงฮุ่ยหั