ฮั่วเยี่ยนฉือปรายตามองหลีซูเหยียนแล้วพูดออกไปอย่างไม่ทุกข์ไม่ร้อน “ความหมายตามคำเลย”หลีซูเหยียนยังคงสนุกสนานกับการพูดคุย เธอแย้มยิ้มอ่อนหวานพลางเอ่ยถามขึ้นอีกครั้ง “หรือว่าข่าวลือตามอินเทอร์เน็ตพวกนี้จะเป็นเรื่องจริง ประธานฮั่วเจอคนรู้ใจที่ถูกใจแล้วเหรอคะ?”ฮั่วเยี่ยนฉือเคยนัดเจอกับหลีซูเหยียนมาก่อ
ทว่า“เธอคิดจะเข้าไปพบคุณพ่อคุณแม่ของลู่เฉินหนานเมื่อไรล่ะ?”เฉียวสือเนี่ยนคิดว่าฟู่เถียนเถียนใช้เวลาคิดเรื่องนี้ค่อนข้างนานเกินไป “เธอเคยเจอคุณนายลู่มาครั้งหนึ่งแล้วนี่ ทั้งยังบอกว่าคุณนายลู่เป็นกันเองสุด ๆ ไม่ใช่เหรอ?”“ใช่ ทั้งอบอุ่นทั้งเป็นกันเอง” ฟู่เถียนเถียนนั่งลงบนโซฟา แล้วพรั่งพรูความในใจออ
เมื่อมองตามสายตาของซ่งม่านไป เฉียวสือเนี่ยนก็ได้เห็นซ่งชิงชวนเขาที่ใส่แว่นตากรอบทองนั้นมาในชุดสูทสีเทาควันบุหรี่ ผูกเนกไทสีเดียวกันกับชุด รูปร่างสูงยาวเข่าดี บุคลิกเก็บเนื้อเก็บตัวไม่ข้องเกี่ยวกับใคร ราวกับว่าเป็นสุภาพบุรุษจากตระกูลผู้ดี ในท่าทางที่ดูเป็นผู้ใหญ่ก็ขับความสง่างามออกมาหลายส่วน“พี่ก็ไ
เห็นเฉียวสือเนี่ยนมองมาทางพวกตนแล้ว ดวงตาของฮั่วเยี่ยนฉือก็แสนเย็นชาไร้กระแสความรู้สึกใด ๆ ใบหน้าหล่อเหลาก็คงไว้ซึ่งสีหน้าเรียบนิ่งไร้คลื่นอารมณ์ ส่วนหลีซูเหยียนก็โบกมือทักทายให้เธอเล็กน้อยเฉียวสือเนี่ยนแย้มยิ้มออกมาเล็กน้อยทางฝ่ายเจ้าภาพการจัดงานได้ส่งคนมาต้อนรับพวกเขา ผู้คนในแวดวงธุรกิจหลายคนเอง
ได้ยินแบบนั้น ซ่งม่านก็เกิดไม่แน่ใจขึ้นมา “สเปกของพี่เขาเหรอ... เฉียวสือเนี่ยน นี่เธอคงจะไม่ได้เกิดชอบพี่ชายฉันขึ้นมาหรอกนะ!”สีหน้าของซ่งม่านเปลี่ยนจากตกใจเป็นตื่นเต้นดีใจในชั่วพริบตา “ถ้าเป็นงั้นจริง งั้นก็ดีเลยน่ะสิ! เธอไม่รู้หรอกว่าพ่อแม่ฉันน่ะเป็นห่วงเรื่องแต่งงานของพี่ชายฉันมากแค่ไหน! พวกเขาอย
ตอนนั้น เฉียวสือเนี่ยนทั้งริษยาทั้งปวดแปลบ เธอหวังไว้มากมายเหลือเกินว่าตัวเธอของจะได้มายืนเคียงบ่าเคียงไหล่กับฮั่วเยี่ยนฉือแบบนั้นบ้างเธอเลยเข้าไปขอร้องคุณย่าฮั่ว ว่าอยากเข้าไปทำงานที่ฮั่ว กรุ๊ป เธอเองก็อยากสร้างธุรกิจออกมาให้ได้เหมือนกัน ทว่าคำขอนี้กลับถูกฮั่วเยี่ยนฉือนำมาใช้เป็นเครื่องมือชวนทะเลา
เฉียวสือเนี่ยนปฏิเสธหลี่ซูเหยียนอย่างสุภาพ บอกว่าตนเองต้องทำงานล่วงเวลาช่วงสุดสัปดาห์หลีซูเหยียนเองก็ไม่ได้ดึงดัน พูดออกมาด้วยน้ำเสียงอ่อนหวานว่าไว้ค่อยนัดกันวันอื่นพอดีกับที่คนขับรถมาถึง เฉียวสือเนี่ยนจึงกล่าวลากับหลีซูเหยียน“คุณซ่งคะ รบกวนคุณไปส่งซ่งม่านกลับบ้านด้วยนะคะ”เฉียวสือเนี่ยนคืนเสื้อค
ลู่เฉินหนานนั่งลงข้าง ๆ โต๊ะทำงาน แล้วยื่นมือออกไปบังหน้าจอไว้ “พี่ฉือ นี่ผมกำลังพูดกับพี่อยู่นะ ไม่ได้ยินเหรอ?”ดวงตาดำขลับของฮั่วเยี่ยนฉือปรายตามองเขาอย่างไม่แยแส “ถ้านายว่านักก็ไปหาคุณฟู่ซะ วิ่งโร่มาเรียกร้องความสนใจจากฉันเพื่ออะไร?”“มาเพราะเป็นห่วงเป็นใยพี่น้องไม่ได้หรือไงเล่า”ลู่เฉินหนานกล่าว
เท่าที่เฉียวสือเนี่ยนจำความได้ แม่เป็นคนที่มั่นใจในตัวเองและใช้ความรู้สึกร่วมกับเหตุผล ต่อให้ในตอนนั้นแม่จะโกรธมากแค่ไหน หลังจากนั้นก็ต้องไปถามหลีพัวถิงให้ชัดเจนดังนั้น เรื่องนี้สาเหตุหลักไม่ได้มาจากการที่แม่ขอเลิกแน่ ๆอีกอย่างการที่แม่หา “คนรักเก่า” มาเป็นข้ออ้างเพื่อขอเลิก ต้องเป็นเพราะมีเหตุผลส
ผลตรวจดีเอ็นเอไม่พลิกผัน หลีซูเหยียนกับหลีพัวไม่มีความเกี่ยวข้องกันทางสายเลือดตั้งแต่นั้นมา หลีพัวถิงก็เก็บซ่อนเรื่องนี้ไว้ในเบื้องลึกของหัวใจ ป่าวประกาศกับคนภายนอกว่าหลีซูเหยียนคือลูกสาวของเขา และเลี้ยงดูเสมือนเป็นลูกแท้ ๆ “ในเมื่อคุณเชื่อว่าแม่ฉันโกหก เด็กก็ไม่ใช่ลูกของคุณ แล้วทำไมคุณยังต้องเลี้
หลีพัวถิงพยักหน้าเล็กน้อยและจมอยู่ในความทรงจำต่อไปหนุ่มสาวมากความสามารถที่อายุน้อย แถมอยู่ต่างบ้านต่างเมืองอีก หัวใจทั้งสองดวงจึงใกล้ชิดกันอย่างรวดเร็วหลังรู้จักกันได้ไม่นาน ในวันที่แสงแดดเจิดจ้าเช่นเดียวกัน หลีพัวถิงสารภาพรักกับเมิ่งจินเหยียนท่ามกลางทุ่งดอกไม้ที่สวยงาม และทั้งสองก็กลายเป็นคู่รักอ
แม้หลีซูเหยียนจะพูดอย่างจริงใจ แต่หลีพัวถิงก็ยังคงปฏิเสธ “ซูเหยียน ไม่ต้องพูดอะไรอีกแล้ว และทำตามที่พ่อบอก ลูกไปใช้ชีวิตที่ต่างประเทศซะ”เดิมทีหลีซูเหยียนคิดว่าตัวเองมั่นใจต่อข้อเสนอนี้มาก ถึงอย่างไรทางด้านคุณลุงก็พร้อมจะลงมือ แถมครั้งนี้ยังเกิดเหตุการณ์เลวร้ายถึงขั้นลักพาตัวอีก เธอยินยอมกลายเป็นเป้
พอเฉียวสือเนี่ยนได้ยินแบบนั้นก็ยิ่งสับสนมึนงงเข้าไปใหญ่ สิ่งที่ฮั่วเยี่ยนฉือพูดมามันเป็นเรื่องจริงอย่างนั้นเหรอ?ไม่เคยมีคุณแม่แท้ ๆ ของหลีซูเหยียนอยู่ทั้งนั้น หลีซูเหยียนเข้าใจผิดไปเองว่ามารดาที่ให้กำเนิดตัวเองมีความรักลึกซึ้งกับหลีพัวถิง?คนที่หลีพัวถิงรักมาตลอดชั่วชีวิตมีเพียงคุณแม่ของเฉียวสือเนี
หลีซูเหยียนกับตระกูลรองของตระกูลหลีนั้นถือว่าอยู่ฝั่งตรงข้ามกันในเรื่องของผลประโยชน์ พวกเขาจะไปร่วมมือกันได้อย่างไร?บางทีฮั่วเยี่ยนฉือก็อาจจะคิดถึงจุดนี้เหมือนกันเลยไม่ได้พูดอะไรแต่พอพูดถึงเรื่องนี้ เฉียวสือเนี่ยนก็ฉุกคิดเรื่องบางอย่างขึ้นมาได้ เธอหยิบโทรศัพท์ออกมาเปิดรูปถ่ายของคุณแม่กับคุณผู้หญิง
พูดจบ หนิงเสี่ยวเยว่ก็ตัดสายวิดีโอคอลเฉียวสือเนี่ยนรู้สึกว่าหนิงเสี่ยวเยว่ดูแปลก ๆ อยู่บ้าง แต่พอคิด ๆ ดูแล้ว น่าจะเป็นเพราะหล่อนใช้ชีวิตอยู่ในต่างประเทศมานาน เลยค่อนข้างเปิดเผยความรู้สึกไปบ้างสินะเวลาล่วงเลยไปอีกสองวันวิดีโอและรูปภาพเกี่ยวกับเฉียวสือเนี่ยนและซ่งชิงชวนทั้งหลายบนอินเทอร์เน็ตนั้นค้
เฉียวสือเนี่ยนยิ้มพลางบอกว่าไม่ได้รบกวน ทั้งยังถามหนิงเสี่ยวเยว่ว่าโทรมาหาเธอมีธุระอะไรหรือเปล่าหนิงเสี่ยวเยว่ชี้แจงแถลงไขให้ฟังอย่างเก้อเขินเล็กน้อยว่า วันนี้เธอไปช็อปปิ้งที่ร้านน้ำหอมของ M•Q แล้วชอบน้ำหอมรุ่นลิมิเต็ดนั่นมาก แต่ก็ได้รับแจ้งว่าสินค้าหมดเสียแล้ว“ฉันได้ยินว่าคุณเป็นคำปรุงน้ำหอมรุ่นน
ซ่งชิงชวนแกะมือมารดาออกด้วยใบหน้าเรียบเฉยแล้วหมุนตัวจากไป คล้อยหลังเขา หลีซูเหยียนก็กอบกุมลำคอที่เจ็บระบมของตนเอง ร้องไห้สะอึกสะอื้นพลางกล่าว “ป้าเซิ่ง เมื่อกี้นี้ป้าเซิ่งไม่เห็นสายตาของประธานซ่งเหรอคะ? เขาคิดจะบีบคอหนูให้ตายจริง ๆ นะคะ เขาน่ะเกลียดที่หนูลงมือกับเฉียวสือเนี่ยนชัด ๆ !”เซิ่งจวงฮุ่ยหั