เขาไม่ยอมให้เวลาเฉียวสือเนี่ยนได้ปฏิเสธ ฮั่วเยี่ยนฉือสาวเท้าเข้ามาช้อนร่างเธอขึ้น แล้วเดินเข้าไปที่ตึกแผนกฉุกเฉินของโรงพยาบาลระหว่างทางมีคนตกตะลึงในรูปลักษณ์และส่วนสูงอันโดดเด่นของฮั่วเยี่ยนฉือไม่น้อย และเห็นว่าเขาอุ้มผู้หญิงหน้าตาสวยสดงดงามคนหนึ่งมาในท่าอุ้มเจ้าหญิงด้วย ผู้คนจึงพากันหันเหสายตามายั
ที่ใต้อาคาร คนขับรถได้ลงมาเปิดประตูรถรอพวกเขาแล้วพวกเขาขึ้นนั่งบนรถ จากนั้นฮั่วเยี่ยนฉือก็ยกขาของเฉียวสือเนี่ยนขึ้นมาวางไว้บนตักตัวเองด้วยท่วงท่าที่ดูเป็นธรรมชาติ “คุณหมอบอกว่าวางไว้สูง ๆ แบบนี้ จะได้ฟื้นฟูเร็วขึ้น”“…” เมื่อเป็นเช่นนี้ เฉียวสือเนี่ยนก็ต้องนั่งอยู่ในท่าที่หันหน้าเข้าหาฮั่วเยี่ยนฉือ
ฮั่วเยี่ยนฉือในปีนั้นอายุยี่สิบสอง เขาได้เข้ามาช่วยเหลือเฉียวสือเนี่ยนจากภาวะหวาดกลัวอย่างสุดขีดอย่างทันท่วงทีเฉียวสือเนี่ยนในวัยสิบแปดปีมองเขาเป็นวีรบุรุษและอัศวิน และตกหลุมรักเขาอย่างถอนตัวไม่ขึ้น…“เนี่ยนเนี่ยน?”เสียงอันทุ้มต่ำของผู้ชายคนหนึ่งดึงเฉียวสือเนี่ยนออกจากโลกแห่งความทรงจำของเธอ“ไม่ต้
[แม้ที่งานเลี้ยงวันนั้น เธอต้องลำบากไม่น้อยที่ต้องวางแผนเรียกคะแนนความสงสารแบบนั้น แต่เธอก็ทำให้คนแซ่ฮั่วเข้ามาช่วยเธอด้วยการทำตัวเป็นวีรบุรุษช่วยสาวงามได้ แค่นี้มันก็คุ้มแล้ว!][คนแซ่ฮั่วนั่นหน้าตาหล่อเหลามากจริง ๆ ท่าทางก็ดูดีระดับท็อปทีเดียว เมื่อกี้ตอนเขาปรากฏตัวที่โรงเรียน มีผู้หญิงแอบมองเขาเยอ
ถนนฝั่งตรงข้ามมีรถแล่นผ่าน ไฟหน้ารถสาดส่องบนใบหน้าของฮั่วเยี่ยนฉือ ในก้นบึ้งดวงตาของเขาเห็นได้ถึงความคลุมเครือ เมื่อแสงจากรถผ่านไป เฉียวสือเนี่ยนก็เบนสายตาไปทางอื่นเช่นกัน“ฮั่วเยี่ยนฉือ เรื่องในอดีตฉันสามารถปล่อยวางไม่โกรธแค้นได้ แต่บาดแผลที่เกิดขึ้นไม่อาจลบเลือนได้ ฉันจะไม่เริ่มต้นใหม่กับคุณอีกครั
เฉียวสือเนี่ยนแสดงท่าทีสงสัยอย่างให้ความร่วมมือ “ข่าวใหญ่อะไรเหรอ?”ฟู่เถียนเถียนพูด “เธอลองเดาดูสิ!”“ลู่เฉินหนานขอเธอแต่งงานเหรอ?” เฉียวสือเนี่ยนถาม“แค่ก ๆ!” ฟู่เถียนเถียนสำลักน้ำลายตัวเอง “ขอร้องอย่าคิดไปไกลขนาดนั้น พวกเราเพิ่งจะคบกันมานานเท่าไรเอง จะมาขอแต่งงานอะไรกัน!”เฉียวสือเนี่ยน “ถ้าอย่าง
เมื่อมองออกว่าโม่ซิวหย่วนลังเล เฉียวสือเนี่ยนจึงพูด “ถ้าเรื่องที่คุณต้องไปจัดการไม่ใช่เรื่องเร่งด่วนมากนัก ก็อยู่กินข้าวก่อนค่อยไปเถอะ”โม่ซิวหย่วนมีเรื่องที่ต้องไปจัดการ แต่เขาไม่ได้เจอเฉียวสือเนี่ยนมาหลายวัน จึงทำใจแยกกันไม่ลงกำลังคิดจะพยักหน้า เฉียวสือเนี่ยนก็เปิดปากเอ่ย “ครั้งก่อนที่โรงพยาบาลคุ
ฮั่วเยี่ยนฉือไม่สนใจชื่อลูกแมวแต่หลีซูเหยียนดูสนใจมาก ดังนั้นฮั่วเยี่ยนฉือจึงถามตามมารยาท “ทำไม?”“เพราะตอนนั้นมันเหมือนเม่นน้อยตัวนึงเลย ขนของมันชี้ฟูฟ่อง ฉันรักษาบาดแผลให้มันก็ยังมากัดฉันอีก!” หลีซูเหยียนพูดพลางขำตัวเองขึ้นมาเห็นฮั่วเยี่ยนฉือไม่ได้พูดอะไร หลีซูเหยียนก็พูดอย่างขัดเขิน “ขอโทษค่ะปร
เท่าที่เฉียวสือเนี่ยนจำความได้ แม่เป็นคนที่มั่นใจในตัวเองและใช้ความรู้สึกร่วมกับเหตุผล ต่อให้ในตอนนั้นแม่จะโกรธมากแค่ไหน หลังจากนั้นก็ต้องไปถามหลีพัวถิงให้ชัดเจนดังนั้น เรื่องนี้สาเหตุหลักไม่ได้มาจากการที่แม่ขอเลิกแน่ ๆอีกอย่างการที่แม่หา “คนรักเก่า” มาเป็นข้ออ้างเพื่อขอเลิก ต้องเป็นเพราะมีเหตุผลส
ผลตรวจดีเอ็นเอไม่พลิกผัน หลีซูเหยียนกับหลีพัวไม่มีความเกี่ยวข้องกันทางสายเลือดตั้งแต่นั้นมา หลีพัวถิงก็เก็บซ่อนเรื่องนี้ไว้ในเบื้องลึกของหัวใจ ป่าวประกาศกับคนภายนอกว่าหลีซูเหยียนคือลูกสาวของเขา และเลี้ยงดูเสมือนเป็นลูกแท้ ๆ “ในเมื่อคุณเชื่อว่าแม่ฉันโกหก เด็กก็ไม่ใช่ลูกของคุณ แล้วทำไมคุณยังต้องเลี้
หลีพัวถิงพยักหน้าเล็กน้อยและจมอยู่ในความทรงจำต่อไปหนุ่มสาวมากความสามารถที่อายุน้อย แถมอยู่ต่างบ้านต่างเมืองอีก หัวใจทั้งสองดวงจึงใกล้ชิดกันอย่างรวดเร็วหลังรู้จักกันได้ไม่นาน ในวันที่แสงแดดเจิดจ้าเช่นเดียวกัน หลีพัวถิงสารภาพรักกับเมิ่งจินเหยียนท่ามกลางทุ่งดอกไม้ที่สวยงาม และทั้งสองก็กลายเป็นคู่รักอ
แม้หลีซูเหยียนจะพูดอย่างจริงใจ แต่หลีพัวถิงก็ยังคงปฏิเสธ “ซูเหยียน ไม่ต้องพูดอะไรอีกแล้ว และทำตามที่พ่อบอก ลูกไปใช้ชีวิตที่ต่างประเทศซะ”เดิมทีหลีซูเหยียนคิดว่าตัวเองมั่นใจต่อข้อเสนอนี้มาก ถึงอย่างไรทางด้านคุณลุงก็พร้อมจะลงมือ แถมครั้งนี้ยังเกิดเหตุการณ์เลวร้ายถึงขั้นลักพาตัวอีก เธอยินยอมกลายเป็นเป้
พอเฉียวสือเนี่ยนได้ยินแบบนั้นก็ยิ่งสับสนมึนงงเข้าไปใหญ่ สิ่งที่ฮั่วเยี่ยนฉือพูดมามันเป็นเรื่องจริงอย่างนั้นเหรอ?ไม่เคยมีคุณแม่แท้ ๆ ของหลีซูเหยียนอยู่ทั้งนั้น หลีซูเหยียนเข้าใจผิดไปเองว่ามารดาที่ให้กำเนิดตัวเองมีความรักลึกซึ้งกับหลีพัวถิง?คนที่หลีพัวถิงรักมาตลอดชั่วชีวิตมีเพียงคุณแม่ของเฉียวสือเนี
หลีซูเหยียนกับตระกูลรองของตระกูลหลีนั้นถือว่าอยู่ฝั่งตรงข้ามกันในเรื่องของผลประโยชน์ พวกเขาจะไปร่วมมือกันได้อย่างไร?บางทีฮั่วเยี่ยนฉือก็อาจจะคิดถึงจุดนี้เหมือนกันเลยไม่ได้พูดอะไรแต่พอพูดถึงเรื่องนี้ เฉียวสือเนี่ยนก็ฉุกคิดเรื่องบางอย่างขึ้นมาได้ เธอหยิบโทรศัพท์ออกมาเปิดรูปถ่ายของคุณแม่กับคุณผู้หญิง
พูดจบ หนิงเสี่ยวเยว่ก็ตัดสายวิดีโอคอลเฉียวสือเนี่ยนรู้สึกว่าหนิงเสี่ยวเยว่ดูแปลก ๆ อยู่บ้าง แต่พอคิด ๆ ดูแล้ว น่าจะเป็นเพราะหล่อนใช้ชีวิตอยู่ในต่างประเทศมานาน เลยค่อนข้างเปิดเผยความรู้สึกไปบ้างสินะเวลาล่วงเลยไปอีกสองวันวิดีโอและรูปภาพเกี่ยวกับเฉียวสือเนี่ยนและซ่งชิงชวนทั้งหลายบนอินเทอร์เน็ตนั้นค้
เฉียวสือเนี่ยนยิ้มพลางบอกว่าไม่ได้รบกวน ทั้งยังถามหนิงเสี่ยวเยว่ว่าโทรมาหาเธอมีธุระอะไรหรือเปล่าหนิงเสี่ยวเยว่ชี้แจงแถลงไขให้ฟังอย่างเก้อเขินเล็กน้อยว่า วันนี้เธอไปช็อปปิ้งที่ร้านน้ำหอมของ M•Q แล้วชอบน้ำหอมรุ่นลิมิเต็ดนั่นมาก แต่ก็ได้รับแจ้งว่าสินค้าหมดเสียแล้ว“ฉันได้ยินว่าคุณเป็นคำปรุงน้ำหอมรุ่นน
ซ่งชิงชวนแกะมือมารดาออกด้วยใบหน้าเรียบเฉยแล้วหมุนตัวจากไป คล้อยหลังเขา หลีซูเหยียนก็กอบกุมลำคอที่เจ็บระบมของตนเอง ร้องไห้สะอึกสะอื้นพลางกล่าว “ป้าเซิ่ง เมื่อกี้นี้ป้าเซิ่งไม่เห็นสายตาของประธานซ่งเหรอคะ? เขาคิดจะบีบคอหนูให้ตายจริง ๆ นะคะ เขาน่ะเกลียดที่หนูลงมือกับเฉียวสือเนี่ยนชัด ๆ !”เซิ่งจวงฮุ่ยหั