“เลิกมาพูดจาไร้สาระอยู่ตรงนี้ได้แล้ว เฉียวสือเนี่ยนไม่มีทางยอมรับนาย!”แววตาของฮั่วเยี่ยนฉือเปลี่ยนไปเป็นเย็นชา “โม่ซิวหย่วน นายก็แค่อาศัยการที่ได้รับบาดเจ็บเพราะเฉียวสือเนี่ยน มาเรียกร้องความเห็นใจต่อหน้าเธอ เป็นการกระทำที่ต่ำช้ามาก!”“ใครกันแน่ที่ต่ำช้า?”โม่ซิวหย่วนพูดอย่างเย็นชา “ตอนอยู่ที่ประเท
หลังจากลู่เฉินหนานถามเสร็จก็เตรียมตัวจะถูกฮั่วเยี่ยนฉือกวาดสายตาที่เย็นชาใส่สุดท้ายฮั่วเยี่ยนฉือกลับไม่มีปฏิกิริยาอะไรเลย ยังคงทำหน้าดำทะมึนและไม่พูดจาเหมือนเดิมดูออกว่า เขาได้รับการโจมตีอย่างรุนแรงลู่เฉินหนานอดไม่ได้ที่จะถอนหายใจ “พี่ฉือ ครั้งนี้พี่ไม่ส่งป๋ายอีอีเข้าคุก พี่สะใภ้จะต้องเจ็บปวดด้วย
แม้จะเป็นการแทรกแซงของคุณท่านฮั่วกับคุณท่านป๋าย ด้วยความสามารถของพี่ฉือ ก็ไม่ถึงกับเป็นฝ่ายถูกกระทำจนกลายเป็นแบบนี้จึงจะถูกเมื่อได้ยิน ฮั่วเยี่ยนฉือก็ไม่ตั้งใจที่จะบอก“ครั้งก่อนพี่บอกว่าสงสัยจะมีคนอื่นอยู่เบื้องหลังป๋ายอีอี พี่มีเบาะแสแล้วใช่ไหม?”ลู่เฉินหนานเดาขึ้นมาเอง “พี่ค้นพบอะไรเหรอ หรือจะต้
เฉียวสือเนี่ยนพยักหน้า “คุณป้ามีอะไรคะ”คุณนายฮั่วเอ่ย “สถานการณ์ของอวี่ซานเธอก็น่าจะได้ยินแล้ว ตอนนี้ฉันจำเป็นต้องตามหากลิ่นที่เธอชอบ เพื่อผ่อนคลายอารมณ์ของเธอให้สงบลง”“ฉันเคยได้ยินคุณย่าฮั่วบอกว่า เธอปรุงน้ำหอมได้เก่งมาก ดังนั้นเลยอยากจะถามเธอ ว่าจะสามารถช่วยปรุงน้ำหอมแบบนี้ออกมาให้อวี่ซานได้ไหม?
ไม่มีใครคาดคิดเลยว่าหมอเวินจะตอบตกลงถึงอย่างไรคนทั่วไปถ้าเจอกับโอกาสทางสังคมที่ไม่ใช่ของตัวเองอย่างนี้ ต่างก็จะปฏิเสธกันทั้งนั้นแต่จะเรียกก็เรียกแล้ว และอีกฝ่ายยังเห็นด้วยอีก จึงไม่มีเหตุผลต้องเปลี่ยนคำพูดอีกดังนั้นทั้งกลุ่มถึงได้มาที่ร้านอาหารริมทางแห่งนี้ทุกคนล้วนดื่มเหล้าและเล่มเกมส์กันเป็นกล
หลังจากที่ทุกคนตกใจ ต่างก็มาช่วยดึงเวินจิ๋งหลี่ออกไป“เถียนเถียน เมียจ๋า กลับบ้านกับฉัน...”เวินจิ๋งหลี่จับแขนของหมอผู้ชายที่อยู่ด้านข้างไว้ และเอ่ยอย่างตาปรือ “เธออย่าเมินฉันเลยนะ...”พอเขาเคลื่อนไหวแบบนี้ออกไป ทุกคนต่างก็รู้ว่าหมอเวินดื่มจนแยกใครไม่ออกแล้ว“ผู้อำนายการสนิทกับเขา ติดต่อผู้อำนายการข
ไม่นาน ฟู่เถียนเถียนก็เดินมาตรงหน้าของเวินจิ๋งหลี่เขาถูกหมอผู้ชายคนหนึ่งพยุงไว้ ดวงตาที่อยู่หลังแว่นกรอบเงินเผยให้เห็นว่าตาปรือเล็กน้อยโครงหน้าที่เหนือกว่า และมุมโค้งอย่างชัดเจนของหมอเวิน แม้จะเมาแล้ว รอบกายก็ยังคงปรากฏรังสีความเย็นชาและระยะห่างที่ยากจะเข้าใกล้ออกมาทันใดนั้นฟู่เถียนเถียนก็นึกถึงค
เมื่อฟู่เถียนเถียนเงยหน้าขึ้น ก็เหลือบไปเห็นฮั่วเยี่ยนฉือเฉียวสือเนี่ยนก็ย่อมเห็นด้วยเช่นกันฮั่วเยี่ยนฉือสวมชุดสูทสีดำที่ทำสั่งตัด ด้านในสวมเสื้อเชิ้ตสีน้ำเงินเข้มที่สวมใส่สบาย ๆ แม้จะเป็นการแต่งกายตามปกติ แต่ก็เหมือนคนที่เดินออกมาจากโปสเตอร์ภาพยนตร์ ดูหล่อและมีสไตล์เขาน่าจะได้ยินคำพูดของฟู่เถีย
เท่าที่เฉียวสือเนี่ยนจำความได้ แม่เป็นคนที่มั่นใจในตัวเองและใช้ความรู้สึกร่วมกับเหตุผล ต่อให้ในตอนนั้นแม่จะโกรธมากแค่ไหน หลังจากนั้นก็ต้องไปถามหลีพัวถิงให้ชัดเจนดังนั้น เรื่องนี้สาเหตุหลักไม่ได้มาจากการที่แม่ขอเลิกแน่ ๆอีกอย่างการที่แม่หา “คนรักเก่า” มาเป็นข้ออ้างเพื่อขอเลิก ต้องเป็นเพราะมีเหตุผลส
ผลตรวจดีเอ็นเอไม่พลิกผัน หลีซูเหยียนกับหลีพัวไม่มีความเกี่ยวข้องกันทางสายเลือดตั้งแต่นั้นมา หลีพัวถิงก็เก็บซ่อนเรื่องนี้ไว้ในเบื้องลึกของหัวใจ ป่าวประกาศกับคนภายนอกว่าหลีซูเหยียนคือลูกสาวของเขา และเลี้ยงดูเสมือนเป็นลูกแท้ ๆ “ในเมื่อคุณเชื่อว่าแม่ฉันโกหก เด็กก็ไม่ใช่ลูกของคุณ แล้วทำไมคุณยังต้องเลี้
หลีพัวถิงพยักหน้าเล็กน้อยและจมอยู่ในความทรงจำต่อไปหนุ่มสาวมากความสามารถที่อายุน้อย แถมอยู่ต่างบ้านต่างเมืองอีก หัวใจทั้งสองดวงจึงใกล้ชิดกันอย่างรวดเร็วหลังรู้จักกันได้ไม่นาน ในวันที่แสงแดดเจิดจ้าเช่นเดียวกัน หลีพัวถิงสารภาพรักกับเมิ่งจินเหยียนท่ามกลางทุ่งดอกไม้ที่สวยงาม และทั้งสองก็กลายเป็นคู่รักอ
แม้หลีซูเหยียนจะพูดอย่างจริงใจ แต่หลีพัวถิงก็ยังคงปฏิเสธ “ซูเหยียน ไม่ต้องพูดอะไรอีกแล้ว และทำตามที่พ่อบอก ลูกไปใช้ชีวิตที่ต่างประเทศซะ”เดิมทีหลีซูเหยียนคิดว่าตัวเองมั่นใจต่อข้อเสนอนี้มาก ถึงอย่างไรทางด้านคุณลุงก็พร้อมจะลงมือ แถมครั้งนี้ยังเกิดเหตุการณ์เลวร้ายถึงขั้นลักพาตัวอีก เธอยินยอมกลายเป็นเป้
พอเฉียวสือเนี่ยนได้ยินแบบนั้นก็ยิ่งสับสนมึนงงเข้าไปใหญ่ สิ่งที่ฮั่วเยี่ยนฉือพูดมามันเป็นเรื่องจริงอย่างนั้นเหรอ?ไม่เคยมีคุณแม่แท้ ๆ ของหลีซูเหยียนอยู่ทั้งนั้น หลีซูเหยียนเข้าใจผิดไปเองว่ามารดาที่ให้กำเนิดตัวเองมีความรักลึกซึ้งกับหลีพัวถิง?คนที่หลีพัวถิงรักมาตลอดชั่วชีวิตมีเพียงคุณแม่ของเฉียวสือเนี
หลีซูเหยียนกับตระกูลรองของตระกูลหลีนั้นถือว่าอยู่ฝั่งตรงข้ามกันในเรื่องของผลประโยชน์ พวกเขาจะไปร่วมมือกันได้อย่างไร?บางทีฮั่วเยี่ยนฉือก็อาจจะคิดถึงจุดนี้เหมือนกันเลยไม่ได้พูดอะไรแต่พอพูดถึงเรื่องนี้ เฉียวสือเนี่ยนก็ฉุกคิดเรื่องบางอย่างขึ้นมาได้ เธอหยิบโทรศัพท์ออกมาเปิดรูปถ่ายของคุณแม่กับคุณผู้หญิง
พูดจบ หนิงเสี่ยวเยว่ก็ตัดสายวิดีโอคอลเฉียวสือเนี่ยนรู้สึกว่าหนิงเสี่ยวเยว่ดูแปลก ๆ อยู่บ้าง แต่พอคิด ๆ ดูแล้ว น่าจะเป็นเพราะหล่อนใช้ชีวิตอยู่ในต่างประเทศมานาน เลยค่อนข้างเปิดเผยความรู้สึกไปบ้างสินะเวลาล่วงเลยไปอีกสองวันวิดีโอและรูปภาพเกี่ยวกับเฉียวสือเนี่ยนและซ่งชิงชวนทั้งหลายบนอินเทอร์เน็ตนั้นค้
เฉียวสือเนี่ยนยิ้มพลางบอกว่าไม่ได้รบกวน ทั้งยังถามหนิงเสี่ยวเยว่ว่าโทรมาหาเธอมีธุระอะไรหรือเปล่าหนิงเสี่ยวเยว่ชี้แจงแถลงไขให้ฟังอย่างเก้อเขินเล็กน้อยว่า วันนี้เธอไปช็อปปิ้งที่ร้านน้ำหอมของ M•Q แล้วชอบน้ำหอมรุ่นลิมิเต็ดนั่นมาก แต่ก็ได้รับแจ้งว่าสินค้าหมดเสียแล้ว“ฉันได้ยินว่าคุณเป็นคำปรุงน้ำหอมรุ่นน
ซ่งชิงชวนแกะมือมารดาออกด้วยใบหน้าเรียบเฉยแล้วหมุนตัวจากไป คล้อยหลังเขา หลีซูเหยียนก็กอบกุมลำคอที่เจ็บระบมของตนเอง ร้องไห้สะอึกสะอื้นพลางกล่าว “ป้าเซิ่ง เมื่อกี้นี้ป้าเซิ่งไม่เห็นสายตาของประธานซ่งเหรอคะ? เขาคิดจะบีบคอหนูให้ตายจริง ๆ นะคะ เขาน่ะเกลียดที่หนูลงมือกับเฉียวสือเนี่ยนชัด ๆ !”เซิ่งจวงฮุ่ยหั