เพียงแต่เฉียวสือเนี่ยนคิดไม่ถึงว่า ป๋ายอีอีจะลงมือรุนแรงกับแม่ของหยวนหงจื้อขนาดนั้น และหยวนหงจื้อก็ไม่มีแม้แต่เรี่ยวแรงไปตอบโต้กลับ แล้วก็ไม่ได้หลุดพูดอะไรออกมาต่อหน้าเธอด้วย!“ก่อนหน้านี้ที่นายส่งข้อความขอเจอหน้าไปให้เฉียวเล่อเยียน ก็เป็นความตั้งใจของป๋ายอีอีสินะ?” เฉียวสือเนี่ยนถามหยวนหงจื้อหัวเ
หยวนหงจื้อได้ฟังแบบนั้นแล้ว ใบหน้าก็เปลี่ยนสีขึ้นมาทันทีเฉียวสือเนี่ยนรู้แล้วว่าตัวเธอพูดแทงใจเขา เธอเลยค่อย ๆ เกลี้ยกล่อมต่อไป “พวกเราออกนอกประเทศมาด้วยกัน แล้วก็มีปัญหาเกิดขึ้นกับพวกเราทั้งคู่ ถ้าเป็นแบบนี้ก็น่าจะดูเป็นปกติมากกว่าไม่ใช่เหรอ?”“กำจัดตัวขวางหูขวางตาอย่าพวกเราไปแล้ว ป๋ายอีอีก็ไม่มีอ
ถึงหยวนหงจื้อจะไม่มีความสามารถในเรื่องอื่น ๆ เท่าไร แต่เรื่องหลอกลวงผู้อื่นนี่เขามีวิธีอยู่ไม่น้อยใช้เงินซื้อคนที่ในใจมีแต่เรื่องเงินทอง เขาน่ะทำได้ในแค่ไม่กี่นาทีด้วยซ้ำ“ทำให้พวกเขาเชื่อฟังนาย แล้วเดี๋ยวถ้าป๋ายอีอีโทรเข้ามาสั่งว่าให้จัดการฉันยังไง ก็ให้พวกเขาทำแบบนั้นกับป๋ายอีอี!” เฉียวสือเนี่ยนพ
ป๋ายอีอีกล่าว “เฉียวสือเนี่ยน เธอไม่รู้เหรอว่าที่นี่ซื้อขายคนกันปกติเหมือนขายสัตว์?”น้ำเสียงของเธอฟังดูสบาย ๆ เหมือนกำลังพูดเรื่องซื้อขายสัตว์เล็ก ๆ อยู่อย่างไรอย่างนั้น “โชคดีหน่อยก็จะถูกขายไปสถานที่เริงรมย์ จากรูปร่างหน้าตาของเธอแล้ว ถ้าเธอยอมลดความเป็นคุณหนูลงก็สามารถรับแขกได้สบาย ๆ”“แต่ถ้าโชคไ
ชายฉกรรจ์ที่อยู่ข้าง ๆ เห็นภาพนี้ก็พลอยมีอารมณ์ไปด้วย จึงเข้าร่วมขบวนการย่ำยีไม่นาน ผ้าขนหนูในปากของป๋ายอีอีก็ถูกดึงออกมา ไม่ทันปล่อยให้เธอได้ส่งเสียง สิ่งของสกปรกบางอย่างก็อัดแน่นเต็มลำคอของเธอเสียงสบถและเสียงหัวเราะสะใจของผู้ชาย กับเสียงร้องโหยหวนขัดขืนของผู้หญิง ดังก้องไปทั่วโกดังเรื่องทั้งหมด
เมื่อเห็นสองคนนั้นพุ่งเข้ามาอย่างอุกอาจ เฉียวสือเนี่ยนก็ก้าวถอยหลังอย่างผวาแต่หลังของเธอชนกำแพงแล้ว จึงไร้ทางหนีไหน ๆ ก็ต้องสู้สถานเดียว เฉียวสือเนี่ยนก็จะไม่ยอมให้พวกเขาสบายดังนั้นในตอนที่อีกฝ่ายยกกระบองขึ้น เฉียวสือเนี่ยนจึงหลับตาลงแล้วฮึดตะโกนออกมา จากนั้นก็ฉีดสเปรย์พริกไทยใส่พวกเขาอย่างเอาเป็
แววตาของฟู่เถียนเถียนฉายความประหลาดใจเฉียวสือเนี่ยนถามถึงแค่โม่ซิวหย่วน?เมื่อเห็นความหวาดหวั่นบนหน้าของเฉียวสือเนี่ยน ฟู่เถียนเถียนก็ไม่ได้พูดขัดอะไรออกไป แต่บอกเธอว่า“โม่ซิวหย่วนน่าจะตรวจอาการอยู่ ฉันเองก็ไม่รู้ว่าเขาบาดเจ็บยังไงบ้าง แต่มั่นใจได้ว่าไม่อันตรายถึงชีวิต”ได้ยินแบบนั้น เฉียวสือเนี่ย
คนที่มาคือฮั่วเยี่ยนฉือเขานั่งอยู่บนวีลแชร์ ใส่ชุดผู้ป่วย ใบหน้าหล่อเหลาซีดเซียวไม่ต่างจากโม่ซิวหย่วนดวงตาดำขลับเต็มไปด้วยอารมณ์หลากหลาย เหมือนจะเสียใจ เหมือนจะหวาดกลัว เหมือนจะตื่นตระหนก ทุกอย่างผสมปนเปอยู่ด้วยกันหมด ทำให้เฉียวสือเนี่ยนนิ่งชะงักไปอย่างห้ามไม่ได้ฟู่เถียนเถียนบอกว่า “พวกเขาได้รับบ