“อย่าเสียแรงเปล่าเลยน่า”หยวนหงจื้อที่นั่งอยู่ตรงที่นั่งข้างคนขับพูดอย่างจองหอง “เมื่อกี้เอาน้ำให้เธอ แต่เธอไม่ดื่มเอง จะโทษใครได้?”เฉียวสือเนี่ยนเรี่ยวแรงหดหายไปหมดทั้งตัว สมองของเธอก็เริ่มพร่าเลือนแล้วเช่นกัน“นาย... จะทำอะไร...”“ถึงแล้วเดี๋ยวเธอก็รู้เอง”ได้ฟังคำพูดของหยวนหงจื้อแล้ว เฉียวสือเนี
เพียงแต่เฉียวสือเนี่ยนคิดไม่ถึงว่า ป๋ายอีอีจะลงมือรุนแรงกับแม่ของหยวนหงจื้อขนาดนั้น และหยวนหงจื้อก็ไม่มีแม้แต่เรี่ยวแรงไปตอบโต้กลับ แล้วก็ไม่ได้หลุดพูดอะไรออกมาต่อหน้าเธอด้วย!“ก่อนหน้านี้ที่นายส่งข้อความขอเจอหน้าไปให้เฉียวเล่อเยียน ก็เป็นความตั้งใจของป๋ายอีอีสินะ?” เฉียวสือเนี่ยนถามหยวนหงจื้อหัวเ
หยวนหงจื้อได้ฟังแบบนั้นแล้ว ใบหน้าก็เปลี่ยนสีขึ้นมาทันทีเฉียวสือเนี่ยนรู้แล้วว่าตัวเธอพูดแทงใจเขา เธอเลยค่อย ๆ เกลี้ยกล่อมต่อไป “พวกเราออกนอกประเทศมาด้วยกัน แล้วก็มีปัญหาเกิดขึ้นกับพวกเราทั้งคู่ ถ้าเป็นแบบนี้ก็น่าจะดูเป็นปกติมากกว่าไม่ใช่เหรอ?”“กำจัดตัวขวางหูขวางตาอย่าพวกเราไปแล้ว ป๋ายอีอีก็ไม่มีอ
ถึงหยวนหงจื้อจะไม่มีความสามารถในเรื่องอื่น ๆ เท่าไร แต่เรื่องหลอกลวงผู้อื่นนี่เขามีวิธีอยู่ไม่น้อยใช้เงินซื้อคนที่ในใจมีแต่เรื่องเงินทอง เขาน่ะทำได้ในแค่ไม่กี่นาทีด้วยซ้ำ“ทำให้พวกเขาเชื่อฟังนาย แล้วเดี๋ยวถ้าป๋ายอีอีโทรเข้ามาสั่งว่าให้จัดการฉันยังไง ก็ให้พวกเขาทำแบบนั้นกับป๋ายอีอี!” เฉียวสือเนี่ยนพ
ป๋ายอีอีกล่าว “เฉียวสือเนี่ยน เธอไม่รู้เหรอว่าที่นี่ซื้อขายคนกันปกติเหมือนขายสัตว์?”น้ำเสียงของเธอฟังดูสบาย ๆ เหมือนกำลังพูดเรื่องซื้อขายสัตว์เล็ก ๆ อยู่อย่างไรอย่างนั้น “โชคดีหน่อยก็จะถูกขายไปสถานที่เริงรมย์ จากรูปร่างหน้าตาของเธอแล้ว ถ้าเธอยอมลดความเป็นคุณหนูลงก็สามารถรับแขกได้สบาย ๆ”“แต่ถ้าโชคไ
ชายฉกรรจ์ที่อยู่ข้าง ๆ เห็นภาพนี้ก็พลอยมีอารมณ์ไปด้วย จึงเข้าร่วมขบวนการย่ำยีไม่นาน ผ้าขนหนูในปากของป๋ายอีอีก็ถูกดึงออกมา ไม่ทันปล่อยให้เธอได้ส่งเสียง สิ่งของสกปรกบางอย่างก็อัดแน่นเต็มลำคอของเธอเสียงสบถและเสียงหัวเราะสะใจของผู้ชาย กับเสียงร้องโหยหวนขัดขืนของผู้หญิง ดังก้องไปทั่วโกดังเรื่องทั้งหมด
เมื่อเห็นสองคนนั้นพุ่งเข้ามาอย่างอุกอาจ เฉียวสือเนี่ยนก็ก้าวถอยหลังอย่างผวาแต่หลังของเธอชนกำแพงแล้ว จึงไร้ทางหนีไหน ๆ ก็ต้องสู้สถานเดียว เฉียวสือเนี่ยนก็จะไม่ยอมให้พวกเขาสบายดังนั้นในตอนที่อีกฝ่ายยกกระบองขึ้น เฉียวสือเนี่ยนจึงหลับตาลงแล้วฮึดตะโกนออกมา จากนั้นก็ฉีดสเปรย์พริกไทยใส่พวกเขาอย่างเอาเป็
แววตาของฟู่เถียนเถียนฉายความประหลาดใจเฉียวสือเนี่ยนถามถึงแค่โม่ซิวหย่วน?เมื่อเห็นความหวาดหวั่นบนหน้าของเฉียวสือเนี่ยน ฟู่เถียนเถียนก็ไม่ได้พูดขัดอะไรออกไป แต่บอกเธอว่า“โม่ซิวหย่วนน่าจะตรวจอาการอยู่ ฉันเองก็ไม่รู้ว่าเขาบาดเจ็บยังไงบ้าง แต่มั่นใจได้ว่าไม่อันตรายถึงชีวิต”ได้ยินแบบนั้น เฉียวสือเนี่ย
เท่าที่เฉียวสือเนี่ยนจำความได้ แม่เป็นคนที่มั่นใจในตัวเองและใช้ความรู้สึกร่วมกับเหตุผล ต่อให้ในตอนนั้นแม่จะโกรธมากแค่ไหน หลังจากนั้นก็ต้องไปถามหลีพัวถิงให้ชัดเจนดังนั้น เรื่องนี้สาเหตุหลักไม่ได้มาจากการที่แม่ขอเลิกแน่ ๆอีกอย่างการที่แม่หา “คนรักเก่า” มาเป็นข้ออ้างเพื่อขอเลิก ต้องเป็นเพราะมีเหตุผลส
ผลตรวจดีเอ็นเอไม่พลิกผัน หลีซูเหยียนกับหลีพัวไม่มีความเกี่ยวข้องกันทางสายเลือดตั้งแต่นั้นมา หลีพัวถิงก็เก็บซ่อนเรื่องนี้ไว้ในเบื้องลึกของหัวใจ ป่าวประกาศกับคนภายนอกว่าหลีซูเหยียนคือลูกสาวของเขา และเลี้ยงดูเสมือนเป็นลูกแท้ ๆ “ในเมื่อคุณเชื่อว่าแม่ฉันโกหก เด็กก็ไม่ใช่ลูกของคุณ แล้วทำไมคุณยังต้องเลี้
หลีพัวถิงพยักหน้าเล็กน้อยและจมอยู่ในความทรงจำต่อไปหนุ่มสาวมากความสามารถที่อายุน้อย แถมอยู่ต่างบ้านต่างเมืองอีก หัวใจทั้งสองดวงจึงใกล้ชิดกันอย่างรวดเร็วหลังรู้จักกันได้ไม่นาน ในวันที่แสงแดดเจิดจ้าเช่นเดียวกัน หลีพัวถิงสารภาพรักกับเมิ่งจินเหยียนท่ามกลางทุ่งดอกไม้ที่สวยงาม และทั้งสองก็กลายเป็นคู่รักอ
แม้หลีซูเหยียนจะพูดอย่างจริงใจ แต่หลีพัวถิงก็ยังคงปฏิเสธ “ซูเหยียน ไม่ต้องพูดอะไรอีกแล้ว และทำตามที่พ่อบอก ลูกไปใช้ชีวิตที่ต่างประเทศซะ”เดิมทีหลีซูเหยียนคิดว่าตัวเองมั่นใจต่อข้อเสนอนี้มาก ถึงอย่างไรทางด้านคุณลุงก็พร้อมจะลงมือ แถมครั้งนี้ยังเกิดเหตุการณ์เลวร้ายถึงขั้นลักพาตัวอีก เธอยินยอมกลายเป็นเป้
พอเฉียวสือเนี่ยนได้ยินแบบนั้นก็ยิ่งสับสนมึนงงเข้าไปใหญ่ สิ่งที่ฮั่วเยี่ยนฉือพูดมามันเป็นเรื่องจริงอย่างนั้นเหรอ?ไม่เคยมีคุณแม่แท้ ๆ ของหลีซูเหยียนอยู่ทั้งนั้น หลีซูเหยียนเข้าใจผิดไปเองว่ามารดาที่ให้กำเนิดตัวเองมีความรักลึกซึ้งกับหลีพัวถิง?คนที่หลีพัวถิงรักมาตลอดชั่วชีวิตมีเพียงคุณแม่ของเฉียวสือเนี
หลีซูเหยียนกับตระกูลรองของตระกูลหลีนั้นถือว่าอยู่ฝั่งตรงข้ามกันในเรื่องของผลประโยชน์ พวกเขาจะไปร่วมมือกันได้อย่างไร?บางทีฮั่วเยี่ยนฉือก็อาจจะคิดถึงจุดนี้เหมือนกันเลยไม่ได้พูดอะไรแต่พอพูดถึงเรื่องนี้ เฉียวสือเนี่ยนก็ฉุกคิดเรื่องบางอย่างขึ้นมาได้ เธอหยิบโทรศัพท์ออกมาเปิดรูปถ่ายของคุณแม่กับคุณผู้หญิง
พูดจบ หนิงเสี่ยวเยว่ก็ตัดสายวิดีโอคอลเฉียวสือเนี่ยนรู้สึกว่าหนิงเสี่ยวเยว่ดูแปลก ๆ อยู่บ้าง แต่พอคิด ๆ ดูแล้ว น่าจะเป็นเพราะหล่อนใช้ชีวิตอยู่ในต่างประเทศมานาน เลยค่อนข้างเปิดเผยความรู้สึกไปบ้างสินะเวลาล่วงเลยไปอีกสองวันวิดีโอและรูปภาพเกี่ยวกับเฉียวสือเนี่ยนและซ่งชิงชวนทั้งหลายบนอินเทอร์เน็ตนั้นค้
เฉียวสือเนี่ยนยิ้มพลางบอกว่าไม่ได้รบกวน ทั้งยังถามหนิงเสี่ยวเยว่ว่าโทรมาหาเธอมีธุระอะไรหรือเปล่าหนิงเสี่ยวเยว่ชี้แจงแถลงไขให้ฟังอย่างเก้อเขินเล็กน้อยว่า วันนี้เธอไปช็อปปิ้งที่ร้านน้ำหอมของ M•Q แล้วชอบน้ำหอมรุ่นลิมิเต็ดนั่นมาก แต่ก็ได้รับแจ้งว่าสินค้าหมดเสียแล้ว“ฉันได้ยินว่าคุณเป็นคำปรุงน้ำหอมรุ่นน
ซ่งชิงชวนแกะมือมารดาออกด้วยใบหน้าเรียบเฉยแล้วหมุนตัวจากไป คล้อยหลังเขา หลีซูเหยียนก็กอบกุมลำคอที่เจ็บระบมของตนเอง ร้องไห้สะอึกสะอื้นพลางกล่าว “ป้าเซิ่ง เมื่อกี้นี้ป้าเซิ่งไม่เห็นสายตาของประธานซ่งเหรอคะ? เขาคิดจะบีบคอหนูให้ตายจริง ๆ นะคะ เขาน่ะเกลียดที่หนูลงมือกับเฉียวสือเนี่ยนชัด ๆ !”เซิ่งจวงฮุ่ยหั