เฉียวสือเนี่ยนไม่ได้เลือกกินอาหารที่พวกเขาคีบให้ และคีบอาหารจานผักด้วยตัวเอง “ไม่รบกวนพวกคุณดีกว่า ฉันอยากกินอะไรก็จะคีบเอง”โม่ซิวหย่วนไม่พอใจอยู่บ้าง “เฉียวสือเนี่ยน นี่เป็นครั้งแรกที่คุณชายอย่างฉันเอาใจใส่ผู้หญิงขนาดนี้ เธอจะไม่ให้แม้แต่โอกาสกันเลยเหรอ?”เฉียวสือเนี่ยนโกรธจนถลึงตาใส่เขาโม่ซิวหย่
เห็นฮั่วเยี่ยนฉือที่อยู่ด้านนอก เฉียวสือเนี่ยนกลับไม่รู้สึกแปลกใจมากนักเขาตั้งใจวิ่งมาหาเธอ อาจจะอยากถามเรื่องเธอกับโม่ซิวหย่วนก็ได้และไม่ว่าความสัมพันธ์ของเธอกับโม่ซิวหย่วนจะเป็นอย่างไร เฉียวสือเนี่ยนก็คิดว่าไม่จำเป็นจะต้องอธิบายกับฮั่วเยี่ยนฉือดังนั้นเฉียวสือเนี่ยนจึงไม่ตั้งใจที่จะสนใจฮั่วเยี่ย
เฉียวสือเนี่ยนยังไม่ทันได้คิดอะไรมาก มือก็ถูกคุณย่าฮั่วดึงไว้ “ดูย่าสิ พอได้พูดก็พูดซะเยอะขนาดนี้เชียว!”“เนี่ยนเนี่ยน ในเมื่อฮั่วเยี่ยนฉือเจ้าเด็กนั้นเอาของให้เธอ เธอก็รับไว้เถอะ ถึงอย่างไรเขาก็ไม่เคยส่งอะไรให้เธอเลย ถือเสียว่าเขาชดเชยให้เธอ!”เฉียวสือเนี่ยนถูกเบนความสนใจ “ไม่ต้องหรอกค่ะคุณย่า ความ
เธอเคยตักเตือนเขาไปแล้วไม่ใช่เหรอ ว่าอย่าเรียกร้องความสนใจจากเฉียวเล่อเยียน หยวนหงจื้อก็รู้ว่าไม่มีความหวังแล้วแต่ทำไมถึงอยากจะเจอเฉียวเล่อเยียน และขอโอกาสจากเธอ?เฉียวสือเนี่ยนปลอบใจเฉียวเล่อเยียนไม่กี่ประโยค และให้เธอต่อไปไม่ต้องทำตัวเป็นคู่รักกับหยวนหงจื้อแล้ว แค่พยายามไม่สนใจก็พอหลังจากวางสาย
“เฉียวสือเนี่ยน นี่เธอลำบากใจมากเลยเหรอ?”เมื่อเห็นว่าเฉียวสือเนี่ยนยังคงเงียบเป็นเวลานาน โม่ซิวหย่วนจึงถามอย่างไม่พอใจเฉียวสือเนี่ยนคิดอยู่ครู่หนึ่ง แม้เงื่อนไขนี้จะไร้เหตุผล แต่ก็ไม่ถือว่ามากจนเกินไป“ไม่มีการกำหนดราคากับของขวัญใช่ไหม?” เฉียวสือเนี่ยนยืนยันถ้าแพงเกินไปเธอก็ไม่อยากจะมอบให้หรอก“ไ
คำพูดนี้ของฟู่เถียนเถียนพูดได้ว่าจริงใจมากแล้ว แต่เฉียวสือเนี่ยนก็ไม่ได้เอามาใส่ใจโม่ซิวหย่วนคนคนนั้นปกติไม่จริงจังอะไร การทำงานล้วนขึ้นอยู่กับอารมณ์ แม้จะเป็นความชอบ แต่ก็แค่ความคิดชั่ววูบเท่านั้น และรู้สึกว่าเธอน่าสนใจ คิดอยากล้อเล่นขำ ๆ ด้วยสักครั้งเฉียวสือเนี่ยนไม่อยากถูกเขาหัวเราะเยาะอย่างโง่
มารดาของเวินจิ๋งหลี่คิดว่าตัวเองเข้าใจลูกชายดีเขามีนิสัยถือตัว ไม่เคยโอนอ่อนเพื่อคนอื่นและทำเรื่องที่รู้สึกผิดต่อตัวเองเลยหรือจะบอกว่า ไม่มีใครสามารถทำให้ลูกชายขาดสติแบบนี้ได้ดังนั้น ที่ลูกชายย้ายงานในครั้งนี้ไม่มีทางเป็นเพราะฟู่เถียนเถียนเขาแค่เบื่อหน่ายเรื่องที่เธอกำลังวางแผนให้เขาแต่งงานอีกคร
แต่ตอนนี้ ฟู่เถียนเถียนเลื่อนขั้นเป็นหัวหน้าพยาบาลสำเร็จ และสามารถย้ายมาทำงานที่โรงพยาบาลของเขาได้แล้ว แต่พวกเขากลับหย่ากันและในตอนที่เขาตัดสินใจไปโรงพยาบาลของฟู่เถียนเถียน ผู้อำนวยการโรงพยาบาลของเขาต่างผลัดกันมาทำงานให้เขา เพื่อแสดงให้เห็นว่าพวกเขาสามารถตอบตกลงตามเงื่อนไขที่สมเหตุสมผลของเขาได้ทุกอ
เท่าที่เฉียวสือเนี่ยนจำความได้ แม่เป็นคนที่มั่นใจในตัวเองและใช้ความรู้สึกร่วมกับเหตุผล ต่อให้ในตอนนั้นแม่จะโกรธมากแค่ไหน หลังจากนั้นก็ต้องไปถามหลีพัวถิงให้ชัดเจนดังนั้น เรื่องนี้สาเหตุหลักไม่ได้มาจากการที่แม่ขอเลิกแน่ ๆอีกอย่างการที่แม่หา “คนรักเก่า” มาเป็นข้ออ้างเพื่อขอเลิก ต้องเป็นเพราะมีเหตุผลส
ผลตรวจดีเอ็นเอไม่พลิกผัน หลีซูเหยียนกับหลีพัวไม่มีความเกี่ยวข้องกันทางสายเลือดตั้งแต่นั้นมา หลีพัวถิงก็เก็บซ่อนเรื่องนี้ไว้ในเบื้องลึกของหัวใจ ป่าวประกาศกับคนภายนอกว่าหลีซูเหยียนคือลูกสาวของเขา และเลี้ยงดูเสมือนเป็นลูกแท้ ๆ “ในเมื่อคุณเชื่อว่าแม่ฉันโกหก เด็กก็ไม่ใช่ลูกของคุณ แล้วทำไมคุณยังต้องเลี้
หลีพัวถิงพยักหน้าเล็กน้อยและจมอยู่ในความทรงจำต่อไปหนุ่มสาวมากความสามารถที่อายุน้อย แถมอยู่ต่างบ้านต่างเมืองอีก หัวใจทั้งสองดวงจึงใกล้ชิดกันอย่างรวดเร็วหลังรู้จักกันได้ไม่นาน ในวันที่แสงแดดเจิดจ้าเช่นเดียวกัน หลีพัวถิงสารภาพรักกับเมิ่งจินเหยียนท่ามกลางทุ่งดอกไม้ที่สวยงาม และทั้งสองก็กลายเป็นคู่รักอ
แม้หลีซูเหยียนจะพูดอย่างจริงใจ แต่หลีพัวถิงก็ยังคงปฏิเสธ “ซูเหยียน ไม่ต้องพูดอะไรอีกแล้ว และทำตามที่พ่อบอก ลูกไปใช้ชีวิตที่ต่างประเทศซะ”เดิมทีหลีซูเหยียนคิดว่าตัวเองมั่นใจต่อข้อเสนอนี้มาก ถึงอย่างไรทางด้านคุณลุงก็พร้อมจะลงมือ แถมครั้งนี้ยังเกิดเหตุการณ์เลวร้ายถึงขั้นลักพาตัวอีก เธอยินยอมกลายเป็นเป้
พอเฉียวสือเนี่ยนได้ยินแบบนั้นก็ยิ่งสับสนมึนงงเข้าไปใหญ่ สิ่งที่ฮั่วเยี่ยนฉือพูดมามันเป็นเรื่องจริงอย่างนั้นเหรอ?ไม่เคยมีคุณแม่แท้ ๆ ของหลีซูเหยียนอยู่ทั้งนั้น หลีซูเหยียนเข้าใจผิดไปเองว่ามารดาที่ให้กำเนิดตัวเองมีความรักลึกซึ้งกับหลีพัวถิง?คนที่หลีพัวถิงรักมาตลอดชั่วชีวิตมีเพียงคุณแม่ของเฉียวสือเนี
หลีซูเหยียนกับตระกูลรองของตระกูลหลีนั้นถือว่าอยู่ฝั่งตรงข้ามกันในเรื่องของผลประโยชน์ พวกเขาจะไปร่วมมือกันได้อย่างไร?บางทีฮั่วเยี่ยนฉือก็อาจจะคิดถึงจุดนี้เหมือนกันเลยไม่ได้พูดอะไรแต่พอพูดถึงเรื่องนี้ เฉียวสือเนี่ยนก็ฉุกคิดเรื่องบางอย่างขึ้นมาได้ เธอหยิบโทรศัพท์ออกมาเปิดรูปถ่ายของคุณแม่กับคุณผู้หญิง
พูดจบ หนิงเสี่ยวเยว่ก็ตัดสายวิดีโอคอลเฉียวสือเนี่ยนรู้สึกว่าหนิงเสี่ยวเยว่ดูแปลก ๆ อยู่บ้าง แต่พอคิด ๆ ดูแล้ว น่าจะเป็นเพราะหล่อนใช้ชีวิตอยู่ในต่างประเทศมานาน เลยค่อนข้างเปิดเผยความรู้สึกไปบ้างสินะเวลาล่วงเลยไปอีกสองวันวิดีโอและรูปภาพเกี่ยวกับเฉียวสือเนี่ยนและซ่งชิงชวนทั้งหลายบนอินเทอร์เน็ตนั้นค้
เฉียวสือเนี่ยนยิ้มพลางบอกว่าไม่ได้รบกวน ทั้งยังถามหนิงเสี่ยวเยว่ว่าโทรมาหาเธอมีธุระอะไรหรือเปล่าหนิงเสี่ยวเยว่ชี้แจงแถลงไขให้ฟังอย่างเก้อเขินเล็กน้อยว่า วันนี้เธอไปช็อปปิ้งที่ร้านน้ำหอมของ M•Q แล้วชอบน้ำหอมรุ่นลิมิเต็ดนั่นมาก แต่ก็ได้รับแจ้งว่าสินค้าหมดเสียแล้ว“ฉันได้ยินว่าคุณเป็นคำปรุงน้ำหอมรุ่นน
ซ่งชิงชวนแกะมือมารดาออกด้วยใบหน้าเรียบเฉยแล้วหมุนตัวจากไป คล้อยหลังเขา หลีซูเหยียนก็กอบกุมลำคอที่เจ็บระบมของตนเอง ร้องไห้สะอึกสะอื้นพลางกล่าว “ป้าเซิ่ง เมื่อกี้นี้ป้าเซิ่งไม่เห็นสายตาของประธานซ่งเหรอคะ? เขาคิดจะบีบคอหนูให้ตายจริง ๆ นะคะ เขาน่ะเกลียดที่หนูลงมือกับเฉียวสือเนี่ยนชัด ๆ !”เซิ่งจวงฮุ่ยหั