คำพูดนี้ของฟู่เถียนเถียนพูดได้ว่าจริงใจมากแล้ว แต่เฉียวสือเนี่ยนก็ไม่ได้เอามาใส่ใจโม่ซิวหย่วนคนคนนั้นปกติไม่จริงจังอะไร การทำงานล้วนขึ้นอยู่กับอารมณ์ แม้จะเป็นความชอบ แต่ก็แค่ความคิดชั่ววูบเท่านั้น และรู้สึกว่าเธอน่าสนใจ คิดอยากล้อเล่นขำ ๆ ด้วยสักครั้งเฉียวสือเนี่ยนไม่อยากถูกเขาหัวเราะเยาะอย่างโง่
มารดาของเวินจิ๋งหลี่คิดว่าตัวเองเข้าใจลูกชายดีเขามีนิสัยถือตัว ไม่เคยโอนอ่อนเพื่อคนอื่นและทำเรื่องที่รู้สึกผิดต่อตัวเองเลยหรือจะบอกว่า ไม่มีใครสามารถทำให้ลูกชายขาดสติแบบนี้ได้ดังนั้น ที่ลูกชายย้ายงานในครั้งนี้ไม่มีทางเป็นเพราะฟู่เถียนเถียนเขาแค่เบื่อหน่ายเรื่องที่เธอกำลังวางแผนให้เขาแต่งงานอีกคร
แต่ตอนนี้ ฟู่เถียนเถียนเลื่อนขั้นเป็นหัวหน้าพยาบาลสำเร็จ และสามารถย้ายมาทำงานที่โรงพยาบาลของเขาได้แล้ว แต่พวกเขากลับหย่ากันและในตอนที่เขาตัดสินใจไปโรงพยาบาลของฟู่เถียนเถียน ผู้อำนวยการโรงพยาบาลของเขาต่างผลัดกันมาทำงานให้เขา เพื่อแสดงให้เห็นว่าพวกเขาสามารถตอบตกลงตามเงื่อนไขที่สมเหตุสมผลของเขาได้ทุกอ
ฟู่เถียนเถียนไม่ตอบคำตอบใด ๆ ของเวินจิ๋งหลี่ส่วนเวินจิ๋งหลี่ก็รู้ตัวแล้วว่า ตนเองเป็นคนที่ล้ำเส้นตอนที่เขาและเธอยังเป็นคู่สามีภรรยากันอยู่ เขาไม่เคยถามฟู่เถียนเถียนเลยว่าจะไปไหนมาไหน ตอนนี้พวกเขาหย่ากันแล้ว เขามีสิทธิ์อะไรไปถามล่ะ?“ขอโทษนะ ฉันก็แค่คิดว่าพวกเราไม่ได้ทานข้าวด้วยกันนานแล้ว เลยอยากชว
ฟู่เถียนเถียนกล่าววาจาถากถาง “ขอโทษนะคะ ตอนนี้ฉันลาออกแล้ว จะพูดยังไงหรือจะพูดอะไรมันก็เรื่องของฉัน คุณอยากฟังก็ฟัง ไม่อยากฟังก็ไปซะ!”พูดจบ ฟู่เถียนเถียนก็เปิดประตูรถเข้าไปนั่ง แล้วพูดกับลู่เฉินหนาน “เราไปกันเถอะ”ในสถานการณ์แบบนี้ ลู่เฉินหนานไม่มีทางพูดอะไรมากอยู่แล้ว เขานั่งประจำที่คนขับเวินจิ๋ง
จากกลิ่นคุ้นจมูกที่ใกล้เข้ามา เฉียวสือเนี่ยนไม่ต้องหันไปมองก็รู้ได้ทันทีว่าใครเดินเข้ามาในครึ่งเดือนนี้ นอกจากเมื่อวานที่บ้านใหญ่แล้ว ฮั่วเยี่ยนฉือก็ไม่เคยมาปรากฏตัวต่อหน้าเธอเลยสักครั้งเธอยังคิดอยู่เลยว่า เขาคงจะคิดได้แล้วไม่อยากมาวุ่นวายอีก ไหนเลยจะไปมีใครรู้ได้ว่าเขาจะเข้ามาในร้านนี้“ประธานฮั่
“ถึงตอนนั้น ค่อยดูอีกทีแล้วกันค่ะ”เฉียวสือเนี่ยนไม่ได้หยุดอีก เธอเดินผ่านตัวฮั่วเยี่ยนฉือไปเมื่อได้กลิ่นน้ำหอมจาง ๆ ในอากาศ ฮั่วเยี่ยนฉือก็อยากอุ้มเฉียวสือเนี่ยนเข้ารถไปเหลือเกินจากนั้นค่อยถามเธอดี ๆ ว่าตกลงว่าเธอซื้อของขวัญนั่นไปให้ใคร!ขนาดจำเป็นต้องลำบากขับรถมาเลือกซื้อถึงที่ห้างสรรพสินค้าแบบน
เฉียวตงไห่กล่าว “มาเล่นหมากรุกเป็นเพื่อนตา เขาบอกว่าหนูทำเข็มกลัดตกไว้ที่บ้าน ตอนที่หนูไปเยี่ยมคุณนายใหญ่ตระกูลฮั่ว เขาเลยถือโอกาสเอามาส่งคืนให้หนูด้วย”เฉียวสือเนี่ยน “...”ฮั่วเยี่ยนฉือนี่จริง ๆ เลย ตอนเช้าเธอเอาเข็มกลัดไปให้คุณย่าที่บ้าน ตกบ่ายมาเขาก็เอากลับมาที่บ้านคุณตาแล้วแถมเมื่อครู่ตอนเจอหน
เท่าที่เฉียวสือเนี่ยนจำความได้ แม่เป็นคนที่มั่นใจในตัวเองและใช้ความรู้สึกร่วมกับเหตุผล ต่อให้ในตอนนั้นแม่จะโกรธมากแค่ไหน หลังจากนั้นก็ต้องไปถามหลีพัวถิงให้ชัดเจนดังนั้น เรื่องนี้สาเหตุหลักไม่ได้มาจากการที่แม่ขอเลิกแน่ ๆอีกอย่างการที่แม่หา “คนรักเก่า” มาเป็นข้ออ้างเพื่อขอเลิก ต้องเป็นเพราะมีเหตุผลส
ผลตรวจดีเอ็นเอไม่พลิกผัน หลีซูเหยียนกับหลีพัวไม่มีความเกี่ยวข้องกันทางสายเลือดตั้งแต่นั้นมา หลีพัวถิงก็เก็บซ่อนเรื่องนี้ไว้ในเบื้องลึกของหัวใจ ป่าวประกาศกับคนภายนอกว่าหลีซูเหยียนคือลูกสาวของเขา และเลี้ยงดูเสมือนเป็นลูกแท้ ๆ “ในเมื่อคุณเชื่อว่าแม่ฉันโกหก เด็กก็ไม่ใช่ลูกของคุณ แล้วทำไมคุณยังต้องเลี้
หลีพัวถิงพยักหน้าเล็กน้อยและจมอยู่ในความทรงจำต่อไปหนุ่มสาวมากความสามารถที่อายุน้อย แถมอยู่ต่างบ้านต่างเมืองอีก หัวใจทั้งสองดวงจึงใกล้ชิดกันอย่างรวดเร็วหลังรู้จักกันได้ไม่นาน ในวันที่แสงแดดเจิดจ้าเช่นเดียวกัน หลีพัวถิงสารภาพรักกับเมิ่งจินเหยียนท่ามกลางทุ่งดอกไม้ที่สวยงาม และทั้งสองก็กลายเป็นคู่รักอ
แม้หลีซูเหยียนจะพูดอย่างจริงใจ แต่หลีพัวถิงก็ยังคงปฏิเสธ “ซูเหยียน ไม่ต้องพูดอะไรอีกแล้ว และทำตามที่พ่อบอก ลูกไปใช้ชีวิตที่ต่างประเทศซะ”เดิมทีหลีซูเหยียนคิดว่าตัวเองมั่นใจต่อข้อเสนอนี้มาก ถึงอย่างไรทางด้านคุณลุงก็พร้อมจะลงมือ แถมครั้งนี้ยังเกิดเหตุการณ์เลวร้ายถึงขั้นลักพาตัวอีก เธอยินยอมกลายเป็นเป้
พอเฉียวสือเนี่ยนได้ยินแบบนั้นก็ยิ่งสับสนมึนงงเข้าไปใหญ่ สิ่งที่ฮั่วเยี่ยนฉือพูดมามันเป็นเรื่องจริงอย่างนั้นเหรอ?ไม่เคยมีคุณแม่แท้ ๆ ของหลีซูเหยียนอยู่ทั้งนั้น หลีซูเหยียนเข้าใจผิดไปเองว่ามารดาที่ให้กำเนิดตัวเองมีความรักลึกซึ้งกับหลีพัวถิง?คนที่หลีพัวถิงรักมาตลอดชั่วชีวิตมีเพียงคุณแม่ของเฉียวสือเนี
หลีซูเหยียนกับตระกูลรองของตระกูลหลีนั้นถือว่าอยู่ฝั่งตรงข้ามกันในเรื่องของผลประโยชน์ พวกเขาจะไปร่วมมือกันได้อย่างไร?บางทีฮั่วเยี่ยนฉือก็อาจจะคิดถึงจุดนี้เหมือนกันเลยไม่ได้พูดอะไรแต่พอพูดถึงเรื่องนี้ เฉียวสือเนี่ยนก็ฉุกคิดเรื่องบางอย่างขึ้นมาได้ เธอหยิบโทรศัพท์ออกมาเปิดรูปถ่ายของคุณแม่กับคุณผู้หญิง
พูดจบ หนิงเสี่ยวเยว่ก็ตัดสายวิดีโอคอลเฉียวสือเนี่ยนรู้สึกว่าหนิงเสี่ยวเยว่ดูแปลก ๆ อยู่บ้าง แต่พอคิด ๆ ดูแล้ว น่าจะเป็นเพราะหล่อนใช้ชีวิตอยู่ในต่างประเทศมานาน เลยค่อนข้างเปิดเผยความรู้สึกไปบ้างสินะเวลาล่วงเลยไปอีกสองวันวิดีโอและรูปภาพเกี่ยวกับเฉียวสือเนี่ยนและซ่งชิงชวนทั้งหลายบนอินเทอร์เน็ตนั้นค้
เฉียวสือเนี่ยนยิ้มพลางบอกว่าไม่ได้รบกวน ทั้งยังถามหนิงเสี่ยวเยว่ว่าโทรมาหาเธอมีธุระอะไรหรือเปล่าหนิงเสี่ยวเยว่ชี้แจงแถลงไขให้ฟังอย่างเก้อเขินเล็กน้อยว่า วันนี้เธอไปช็อปปิ้งที่ร้านน้ำหอมของ M•Q แล้วชอบน้ำหอมรุ่นลิมิเต็ดนั่นมาก แต่ก็ได้รับแจ้งว่าสินค้าหมดเสียแล้ว“ฉันได้ยินว่าคุณเป็นคำปรุงน้ำหอมรุ่นน
ซ่งชิงชวนแกะมือมารดาออกด้วยใบหน้าเรียบเฉยแล้วหมุนตัวจากไป คล้อยหลังเขา หลีซูเหยียนก็กอบกุมลำคอที่เจ็บระบมของตนเอง ร้องไห้สะอึกสะอื้นพลางกล่าว “ป้าเซิ่ง เมื่อกี้นี้ป้าเซิ่งไม่เห็นสายตาของประธานซ่งเหรอคะ? เขาคิดจะบีบคอหนูให้ตายจริง ๆ นะคะ เขาน่ะเกลียดที่หนูลงมือกับเฉียวสือเนี่ยนชัด ๆ !”เซิ่งจวงฮุ่ยหั