ฟู่เถียนเถียนกล่าววาจาถากถาง “ขอโทษนะคะ ตอนนี้ฉันลาออกแล้ว จะพูดยังไงหรือจะพูดอะไรมันก็เรื่องของฉัน คุณอยากฟังก็ฟัง ไม่อยากฟังก็ไปซะ!”พูดจบ ฟู่เถียนเถียนก็เปิดประตูรถเข้าไปนั่ง แล้วพูดกับลู่เฉินหนาน “เราไปกันเถอะ”ในสถานการณ์แบบนี้ ลู่เฉินหนานไม่มีทางพูดอะไรมากอยู่แล้ว เขานั่งประจำที่คนขับเวินจิ๋ง
จากกลิ่นคุ้นจมูกที่ใกล้เข้ามา เฉียวสือเนี่ยนไม่ต้องหันไปมองก็รู้ได้ทันทีว่าใครเดินเข้ามาในครึ่งเดือนนี้ นอกจากเมื่อวานที่บ้านใหญ่แล้ว ฮั่วเยี่ยนฉือก็ไม่เคยมาปรากฏตัวต่อหน้าเธอเลยสักครั้งเธอยังคิดอยู่เลยว่า เขาคงจะคิดได้แล้วไม่อยากมาวุ่นวายอีก ไหนเลยจะไปมีใครรู้ได้ว่าเขาจะเข้ามาในร้านนี้“ประธานฮั่
“ถึงตอนนั้น ค่อยดูอีกทีแล้วกันค่ะ”เฉียวสือเนี่ยนไม่ได้หยุดอีก เธอเดินผ่านตัวฮั่วเยี่ยนฉือไปเมื่อได้กลิ่นน้ำหอมจาง ๆ ในอากาศ ฮั่วเยี่ยนฉือก็อยากอุ้มเฉียวสือเนี่ยนเข้ารถไปเหลือเกินจากนั้นค่อยถามเธอดี ๆ ว่าตกลงว่าเธอซื้อของขวัญนั่นไปให้ใคร!ขนาดจำเป็นต้องลำบากขับรถมาเลือกซื้อถึงที่ห้างสรรพสินค้าแบบน
เฉียวตงไห่กล่าว “มาเล่นหมากรุกเป็นเพื่อนตา เขาบอกว่าหนูทำเข็มกลัดตกไว้ที่บ้าน ตอนที่หนูไปเยี่ยมคุณนายใหญ่ตระกูลฮั่ว เขาเลยถือโอกาสเอามาส่งคืนให้หนูด้วย”เฉียวสือเนี่ยน “...”ฮั่วเยี่ยนฉือนี่จริง ๆ เลย ตอนเช้าเธอเอาเข็มกลัดไปให้คุณย่าที่บ้าน ตกบ่ายมาเขาก็เอากลับมาที่บ้านคุณตาแล้วแถมเมื่อครู่ตอนเจอหน
ตอนที่ได้เจอหน้าหยวนหงจื้อ เฉียวสือเนี่ยนเห็นว่า บาดแผลบนหน้าผากของเขายังไม่หายดี“โดนไอ้คนตาไม่มีแววทุบเข้าให้น่ะ ไว้ถึงเวลาป๋าย กรุ๊ป ตกมาเป็นของผมเมื่อไร ผมจะกำจัดมันออกเป็นคนแรกเลย” หยวนหงจื้อกล่าวอย่างโมโหระคนหงุดหงิดใจเฉียวสือเนี่ยนไม่มีกะจิตกะใจจะไปสนใจเรื่องพวกนี้ของเขา “ไปรับบอร์ดดิ้งพาร์ท
“อย่าเสียแรงเปล่าเลยน่า”หยวนหงจื้อที่นั่งอยู่ตรงที่นั่งข้างคนขับพูดอย่างจองหอง “เมื่อกี้เอาน้ำให้เธอ แต่เธอไม่ดื่มเอง จะโทษใครได้?”เฉียวสือเนี่ยนเรี่ยวแรงหดหายไปหมดทั้งตัว สมองของเธอก็เริ่มพร่าเลือนแล้วเช่นกัน“นาย... จะทำอะไร...”“ถึงแล้วเดี๋ยวเธอก็รู้เอง”ได้ฟังคำพูดของหยวนหงจื้อแล้ว เฉียวสือเนี
เพียงแต่เฉียวสือเนี่ยนคิดไม่ถึงว่า ป๋ายอีอีจะลงมือรุนแรงกับแม่ของหยวนหงจื้อขนาดนั้น และหยวนหงจื้อก็ไม่มีแม้แต่เรี่ยวแรงไปตอบโต้กลับ แล้วก็ไม่ได้หลุดพูดอะไรออกมาต่อหน้าเธอด้วย!“ก่อนหน้านี้ที่นายส่งข้อความขอเจอหน้าไปให้เฉียวเล่อเยียน ก็เป็นความตั้งใจของป๋ายอีอีสินะ?” เฉียวสือเนี่ยนถามหยวนหงจื้อหัวเ
หยวนหงจื้อได้ฟังแบบนั้นแล้ว ใบหน้าก็เปลี่ยนสีขึ้นมาทันทีเฉียวสือเนี่ยนรู้แล้วว่าตัวเธอพูดแทงใจเขา เธอเลยค่อย ๆ เกลี้ยกล่อมต่อไป “พวกเราออกนอกประเทศมาด้วยกัน แล้วก็มีปัญหาเกิดขึ้นกับพวกเราทั้งคู่ ถ้าเป็นแบบนี้ก็น่าจะดูเป็นปกติมากกว่าไม่ใช่เหรอ?”“กำจัดตัวขวางหูขวางตาอย่าพวกเราไปแล้ว ป๋ายอีอีก็ไม่มีอ
เท่าที่เฉียวสือเนี่ยนจำความได้ แม่เป็นคนที่มั่นใจในตัวเองและใช้ความรู้สึกร่วมกับเหตุผล ต่อให้ในตอนนั้นแม่จะโกรธมากแค่ไหน หลังจากนั้นก็ต้องไปถามหลีพัวถิงให้ชัดเจนดังนั้น เรื่องนี้สาเหตุหลักไม่ได้มาจากการที่แม่ขอเลิกแน่ ๆอีกอย่างการที่แม่หา “คนรักเก่า” มาเป็นข้ออ้างเพื่อขอเลิก ต้องเป็นเพราะมีเหตุผลส
ผลตรวจดีเอ็นเอไม่พลิกผัน หลีซูเหยียนกับหลีพัวไม่มีความเกี่ยวข้องกันทางสายเลือดตั้งแต่นั้นมา หลีพัวถิงก็เก็บซ่อนเรื่องนี้ไว้ในเบื้องลึกของหัวใจ ป่าวประกาศกับคนภายนอกว่าหลีซูเหยียนคือลูกสาวของเขา และเลี้ยงดูเสมือนเป็นลูกแท้ ๆ “ในเมื่อคุณเชื่อว่าแม่ฉันโกหก เด็กก็ไม่ใช่ลูกของคุณ แล้วทำไมคุณยังต้องเลี้
หลีพัวถิงพยักหน้าเล็กน้อยและจมอยู่ในความทรงจำต่อไปหนุ่มสาวมากความสามารถที่อายุน้อย แถมอยู่ต่างบ้านต่างเมืองอีก หัวใจทั้งสองดวงจึงใกล้ชิดกันอย่างรวดเร็วหลังรู้จักกันได้ไม่นาน ในวันที่แสงแดดเจิดจ้าเช่นเดียวกัน หลีพัวถิงสารภาพรักกับเมิ่งจินเหยียนท่ามกลางทุ่งดอกไม้ที่สวยงาม และทั้งสองก็กลายเป็นคู่รักอ
แม้หลีซูเหยียนจะพูดอย่างจริงใจ แต่หลีพัวถิงก็ยังคงปฏิเสธ “ซูเหยียน ไม่ต้องพูดอะไรอีกแล้ว และทำตามที่พ่อบอก ลูกไปใช้ชีวิตที่ต่างประเทศซะ”เดิมทีหลีซูเหยียนคิดว่าตัวเองมั่นใจต่อข้อเสนอนี้มาก ถึงอย่างไรทางด้านคุณลุงก็พร้อมจะลงมือ แถมครั้งนี้ยังเกิดเหตุการณ์เลวร้ายถึงขั้นลักพาตัวอีก เธอยินยอมกลายเป็นเป้
พอเฉียวสือเนี่ยนได้ยินแบบนั้นก็ยิ่งสับสนมึนงงเข้าไปใหญ่ สิ่งที่ฮั่วเยี่ยนฉือพูดมามันเป็นเรื่องจริงอย่างนั้นเหรอ?ไม่เคยมีคุณแม่แท้ ๆ ของหลีซูเหยียนอยู่ทั้งนั้น หลีซูเหยียนเข้าใจผิดไปเองว่ามารดาที่ให้กำเนิดตัวเองมีความรักลึกซึ้งกับหลีพัวถิง?คนที่หลีพัวถิงรักมาตลอดชั่วชีวิตมีเพียงคุณแม่ของเฉียวสือเนี
หลีซูเหยียนกับตระกูลรองของตระกูลหลีนั้นถือว่าอยู่ฝั่งตรงข้ามกันในเรื่องของผลประโยชน์ พวกเขาจะไปร่วมมือกันได้อย่างไร?บางทีฮั่วเยี่ยนฉือก็อาจจะคิดถึงจุดนี้เหมือนกันเลยไม่ได้พูดอะไรแต่พอพูดถึงเรื่องนี้ เฉียวสือเนี่ยนก็ฉุกคิดเรื่องบางอย่างขึ้นมาได้ เธอหยิบโทรศัพท์ออกมาเปิดรูปถ่ายของคุณแม่กับคุณผู้หญิง
พูดจบ หนิงเสี่ยวเยว่ก็ตัดสายวิดีโอคอลเฉียวสือเนี่ยนรู้สึกว่าหนิงเสี่ยวเยว่ดูแปลก ๆ อยู่บ้าง แต่พอคิด ๆ ดูแล้ว น่าจะเป็นเพราะหล่อนใช้ชีวิตอยู่ในต่างประเทศมานาน เลยค่อนข้างเปิดเผยความรู้สึกไปบ้างสินะเวลาล่วงเลยไปอีกสองวันวิดีโอและรูปภาพเกี่ยวกับเฉียวสือเนี่ยนและซ่งชิงชวนทั้งหลายบนอินเทอร์เน็ตนั้นค้
เฉียวสือเนี่ยนยิ้มพลางบอกว่าไม่ได้รบกวน ทั้งยังถามหนิงเสี่ยวเยว่ว่าโทรมาหาเธอมีธุระอะไรหรือเปล่าหนิงเสี่ยวเยว่ชี้แจงแถลงไขให้ฟังอย่างเก้อเขินเล็กน้อยว่า วันนี้เธอไปช็อปปิ้งที่ร้านน้ำหอมของ M•Q แล้วชอบน้ำหอมรุ่นลิมิเต็ดนั่นมาก แต่ก็ได้รับแจ้งว่าสินค้าหมดเสียแล้ว“ฉันได้ยินว่าคุณเป็นคำปรุงน้ำหอมรุ่นน
ซ่งชิงชวนแกะมือมารดาออกด้วยใบหน้าเรียบเฉยแล้วหมุนตัวจากไป คล้อยหลังเขา หลีซูเหยียนก็กอบกุมลำคอที่เจ็บระบมของตนเอง ร้องไห้สะอึกสะอื้นพลางกล่าว “ป้าเซิ่ง เมื่อกี้นี้ป้าเซิ่งไม่เห็นสายตาของประธานซ่งเหรอคะ? เขาคิดจะบีบคอหนูให้ตายจริง ๆ นะคะ เขาน่ะเกลียดที่หนูลงมือกับเฉียวสือเนี่ยนชัด ๆ !”เซิ่งจวงฮุ่ยหั