เฉียวสือเนี่ยนขมวดคิ้วแน่น และกำลังคิดจะเอ่ยปากฮั่วเยี่ยนฉือกลับพูดด้วยเสียงทุ้มต่ำ “ตอนที่ฉันอายุสิบขวบ เคยถูกคนรับใช้ที่มีความแค้นวางยาก่อนจะผลักตกน้ำ แต่ได้ป๋ายอีอีเข้ามาช่วยไว้”“ฉันรู้ ถึงยังไงก็ตามตอแยคุณมาหลายปี เป็นไปไม่ได้ที่จะไม่เคยได้ยินเรื่องพวกนี้ผ่านหู”เฉียวสือเนี่ยนพูด “ก็อย่างที่ฉั
เธอปฏิเสธ “ช่างเถอะ ฉันก็ไม่ได้อยากฟังขนาดนั้นหรอก”“เฉียวสือเนี่ยน ครั้งนี้เกรงว่ามีแต่ต้องไปเท่านั้นแล้ว”โม่ซิวหย่วนพูด “ซ่งม่านน่าจะบอกเธอแล้ว ตอนนี้พ่อฉันไม่เชื่อว่าฉันมีคนที่ชอบ แถมยังส่งพี่ฉันให้มาเจอเธอด้วย”“ถ้าฉันไม่ไปล่ะ?”“ผู้ชายตระกูลโม่ล้วนมีจุดอ่อนเป็นความหัวรั้น” โม่ซิวหย่วนพูดทีเล่น
โม่ซิวหย่วนกลับไปนั่งพาดขาอีกครั้ง “มีความเป็นไปได้สูงที่จะรู้”“แต่จะรู้หรือไม่รู้ ถ้าจะโทษก็ต้องโทษที่เธอตาบอดเอง เธอขาดทุนในฐานะนักลงทุน ก็ถือว่าผิดพลาดครั้งใหญ่เอง!”“...” เฉียวสือเนี่ยน“เธอให้คนแซ่หยวนคนนั้นเข้าไปในบริษัทตระกูลป๋าย สองวันมานี้เขายังได้คำสั่งซื้อครั้งใหญ่ด้วย เป็นความคิดของเธอเ
เมื่อเฉียวสือเนี่ยนและซ่งม่านกลับมาที่ห้องทำงานหลังไปพบลูกค้า โม่ซิวหย่วนก็มารอเธออยู่ก่อนแล้ว“ต้องกินข้าวมื้อนี้จริงเหรอ?” เฉียวสือเนี่ยนถามโม่ซิวหย่วน “ต้องกิน”“...”ทั้งสองคนนั่งรถไปที่ร้านอาหารจีนร้านหนึ่งที่มีประวัติมาอย่างยาวนานของเมืองไห่เฉิง ซึ่งต้องจองล่วงหน้า และหากไม่ใช่สมาชิกก็เข้าไม่
เฉียวสือเนี่ยนไม่ได้เลือกกินอาหารที่พวกเขาคีบให้ และคีบอาหารจานผักด้วยตัวเอง “ไม่รบกวนพวกคุณดีกว่า ฉันอยากกินอะไรก็จะคีบเอง”โม่ซิวหย่วนไม่พอใจอยู่บ้าง “เฉียวสือเนี่ยน นี่เป็นครั้งแรกที่คุณชายอย่างฉันเอาใจใส่ผู้หญิงขนาดนี้ เธอจะไม่ให้แม้แต่โอกาสกันเลยเหรอ?”เฉียวสือเนี่ยนโกรธจนถลึงตาใส่เขาโม่ซิวหย่
เห็นฮั่วเยี่ยนฉือที่อยู่ด้านนอก เฉียวสือเนี่ยนกลับไม่รู้สึกแปลกใจมากนักเขาตั้งใจวิ่งมาหาเธอ อาจจะอยากถามเรื่องเธอกับโม่ซิวหย่วนก็ได้และไม่ว่าความสัมพันธ์ของเธอกับโม่ซิวหย่วนจะเป็นอย่างไร เฉียวสือเนี่ยนก็คิดว่าไม่จำเป็นจะต้องอธิบายกับฮั่วเยี่ยนฉือดังนั้นเฉียวสือเนี่ยนจึงไม่ตั้งใจที่จะสนใจฮั่วเยี่ย
เฉียวสือเนี่ยนยังไม่ทันได้คิดอะไรมาก มือก็ถูกคุณย่าฮั่วดึงไว้ “ดูย่าสิ พอได้พูดก็พูดซะเยอะขนาดนี้เชียว!”“เนี่ยนเนี่ยน ในเมื่อฮั่วเยี่ยนฉือเจ้าเด็กนั้นเอาของให้เธอ เธอก็รับไว้เถอะ ถึงอย่างไรเขาก็ไม่เคยส่งอะไรให้เธอเลย ถือเสียว่าเขาชดเชยให้เธอ!”เฉียวสือเนี่ยนถูกเบนความสนใจ “ไม่ต้องหรอกค่ะคุณย่า ความ
เธอเคยตักเตือนเขาไปแล้วไม่ใช่เหรอ ว่าอย่าเรียกร้องความสนใจจากเฉียวเล่อเยียน หยวนหงจื้อก็รู้ว่าไม่มีความหวังแล้วแต่ทำไมถึงอยากจะเจอเฉียวเล่อเยียน และขอโอกาสจากเธอ?เฉียวสือเนี่ยนปลอบใจเฉียวเล่อเยียนไม่กี่ประโยค และให้เธอต่อไปไม่ต้องทำตัวเป็นคู่รักกับหยวนหงจื้อแล้ว แค่พยายามไม่สนใจก็พอหลังจากวางสาย
เท่าที่เฉียวสือเนี่ยนจำความได้ แม่เป็นคนที่มั่นใจในตัวเองและใช้ความรู้สึกร่วมกับเหตุผล ต่อให้ในตอนนั้นแม่จะโกรธมากแค่ไหน หลังจากนั้นก็ต้องไปถามหลีพัวถิงให้ชัดเจนดังนั้น เรื่องนี้สาเหตุหลักไม่ได้มาจากการที่แม่ขอเลิกแน่ ๆอีกอย่างการที่แม่หา “คนรักเก่า” มาเป็นข้ออ้างเพื่อขอเลิก ต้องเป็นเพราะมีเหตุผลส
ผลตรวจดีเอ็นเอไม่พลิกผัน หลีซูเหยียนกับหลีพัวไม่มีความเกี่ยวข้องกันทางสายเลือดตั้งแต่นั้นมา หลีพัวถิงก็เก็บซ่อนเรื่องนี้ไว้ในเบื้องลึกของหัวใจ ป่าวประกาศกับคนภายนอกว่าหลีซูเหยียนคือลูกสาวของเขา และเลี้ยงดูเสมือนเป็นลูกแท้ ๆ “ในเมื่อคุณเชื่อว่าแม่ฉันโกหก เด็กก็ไม่ใช่ลูกของคุณ แล้วทำไมคุณยังต้องเลี้
หลีพัวถิงพยักหน้าเล็กน้อยและจมอยู่ในความทรงจำต่อไปหนุ่มสาวมากความสามารถที่อายุน้อย แถมอยู่ต่างบ้านต่างเมืองอีก หัวใจทั้งสองดวงจึงใกล้ชิดกันอย่างรวดเร็วหลังรู้จักกันได้ไม่นาน ในวันที่แสงแดดเจิดจ้าเช่นเดียวกัน หลีพัวถิงสารภาพรักกับเมิ่งจินเหยียนท่ามกลางทุ่งดอกไม้ที่สวยงาม และทั้งสองก็กลายเป็นคู่รักอ
แม้หลีซูเหยียนจะพูดอย่างจริงใจ แต่หลีพัวถิงก็ยังคงปฏิเสธ “ซูเหยียน ไม่ต้องพูดอะไรอีกแล้ว และทำตามที่พ่อบอก ลูกไปใช้ชีวิตที่ต่างประเทศซะ”เดิมทีหลีซูเหยียนคิดว่าตัวเองมั่นใจต่อข้อเสนอนี้มาก ถึงอย่างไรทางด้านคุณลุงก็พร้อมจะลงมือ แถมครั้งนี้ยังเกิดเหตุการณ์เลวร้ายถึงขั้นลักพาตัวอีก เธอยินยอมกลายเป็นเป้
พอเฉียวสือเนี่ยนได้ยินแบบนั้นก็ยิ่งสับสนมึนงงเข้าไปใหญ่ สิ่งที่ฮั่วเยี่ยนฉือพูดมามันเป็นเรื่องจริงอย่างนั้นเหรอ?ไม่เคยมีคุณแม่แท้ ๆ ของหลีซูเหยียนอยู่ทั้งนั้น หลีซูเหยียนเข้าใจผิดไปเองว่ามารดาที่ให้กำเนิดตัวเองมีความรักลึกซึ้งกับหลีพัวถิง?คนที่หลีพัวถิงรักมาตลอดชั่วชีวิตมีเพียงคุณแม่ของเฉียวสือเนี
หลีซูเหยียนกับตระกูลรองของตระกูลหลีนั้นถือว่าอยู่ฝั่งตรงข้ามกันในเรื่องของผลประโยชน์ พวกเขาจะไปร่วมมือกันได้อย่างไร?บางทีฮั่วเยี่ยนฉือก็อาจจะคิดถึงจุดนี้เหมือนกันเลยไม่ได้พูดอะไรแต่พอพูดถึงเรื่องนี้ เฉียวสือเนี่ยนก็ฉุกคิดเรื่องบางอย่างขึ้นมาได้ เธอหยิบโทรศัพท์ออกมาเปิดรูปถ่ายของคุณแม่กับคุณผู้หญิง
พูดจบ หนิงเสี่ยวเยว่ก็ตัดสายวิดีโอคอลเฉียวสือเนี่ยนรู้สึกว่าหนิงเสี่ยวเยว่ดูแปลก ๆ อยู่บ้าง แต่พอคิด ๆ ดูแล้ว น่าจะเป็นเพราะหล่อนใช้ชีวิตอยู่ในต่างประเทศมานาน เลยค่อนข้างเปิดเผยความรู้สึกไปบ้างสินะเวลาล่วงเลยไปอีกสองวันวิดีโอและรูปภาพเกี่ยวกับเฉียวสือเนี่ยนและซ่งชิงชวนทั้งหลายบนอินเทอร์เน็ตนั้นค้
เฉียวสือเนี่ยนยิ้มพลางบอกว่าไม่ได้รบกวน ทั้งยังถามหนิงเสี่ยวเยว่ว่าโทรมาหาเธอมีธุระอะไรหรือเปล่าหนิงเสี่ยวเยว่ชี้แจงแถลงไขให้ฟังอย่างเก้อเขินเล็กน้อยว่า วันนี้เธอไปช็อปปิ้งที่ร้านน้ำหอมของ M•Q แล้วชอบน้ำหอมรุ่นลิมิเต็ดนั่นมาก แต่ก็ได้รับแจ้งว่าสินค้าหมดเสียแล้ว“ฉันได้ยินว่าคุณเป็นคำปรุงน้ำหอมรุ่นน
ซ่งชิงชวนแกะมือมารดาออกด้วยใบหน้าเรียบเฉยแล้วหมุนตัวจากไป คล้อยหลังเขา หลีซูเหยียนก็กอบกุมลำคอที่เจ็บระบมของตนเอง ร้องไห้สะอึกสะอื้นพลางกล่าว “ป้าเซิ่ง เมื่อกี้นี้ป้าเซิ่งไม่เห็นสายตาของประธานซ่งเหรอคะ? เขาคิดจะบีบคอหนูให้ตายจริง ๆ นะคะ เขาน่ะเกลียดที่หนูลงมือกับเฉียวสือเนี่ยนชัด ๆ !”เซิ่งจวงฮุ่ยหั